The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aom.wkh, 2022-02-03 08:34:49

E-book

organized (3)

บทบรรณาธิการ

วารสารวิจัยและพัฒนาอนุภูมภิ าคลมุ่ น้าโขง (ออนไลน)์ มวี ตั ถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเผยแพรบ่ ทความวิจัย
บทความทางวิชาการ จากงานวิจัยเชิงสร้างสรรค์ ทังทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านมนุษย์ศาสตร์
และสังคมศาสตร์ ของนักศึกษา อาจารย์ นักวิจัย และนักวิชาการ ในมิติความรู้ สหวิทยาการสมัยใหม่
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการค้นคว้าและวิจัย การน้าผลงานวิจัยไปใช้
ประโยชน์ทางวชิ าการ ซง่ึ ฉบับปฐมฤกษ์ ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – เมษายน 2565 นี มีจา้ นวนบทความ 8 เรือ่ ง
โดยบทความทุกเร่ืองที่ได้ตีพิมพ์ถือเป็นบทความที่ได้รับการรับรองคุณภาพตามเกณฑ์ มีการประเมินโดย
ผู้ทรงคุณวุฒิภายในหรือภายนอกมหาวิทยาลัย จ้านวน 3 ท่าน ทังนีกองบรรณาธิการมีความมุ่งม่ันในการพัฒนา
คุณภาพบทความเพ่ือให้เกิดประโยชน์กับผู้สนใจท่ัวไปในการพัฒนาต่อยอด รวมถึงเป็นอีกหน่ึงเวทีของการเผยพร่
ความรแู้ ละแลกเปลย่ี นแนวความคดิ ร่วมกันอยา่ งเสรี

บทความในฉบบั นีมสี ดั ส่วนทังจากผ้สู นใจภายนอกมหาวทิ ยาลยั และจากภายในมหาวิทยาลัยนครพนมเอง
ได้แก่ 1) เร่ือง ระบบการวัดและบันทึกค่า pH ของดินโดยใช้ Internet of Things (IoT) 2) เร่ือง พระธาตุศรีสอง
รักแห่งเมืองด่านซ้าย: ความหมายและการนิยามความหมายในบริบทการท่องเท่ียว 3) เรื่อง อาณาบริเวณทาง
สังคม วัฒนธรรม และจินตกรรมของชมุ กะเทยไทยกรณีศึกษา กรุงเบอร์ลิน และนครรัฐฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี
4) เรื่อง กรอบแนวคิดในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมทางการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาในศตวรรษ
ท่ี 21 โดยบูรณาการภูมิปัญญาท้องถ่ิน ในเขตพืนที่การศึกษาแถบลุ่มแม่น้าโขง 5) เร่ือง การส่งเสริมคุณภาพการ
นอนหลับของผู้ป่วยที่มีการอุดกันทางเดินหายใจขณะนอนหลับ: บทบาทพยาบาล 6).เรื่อง การพัฒนาบทเรียน
ออนไลน์รูปแบบอินโฟกราฟิกส์ปฏิสัมพันธ์ เรื่อง การจัดเรียงและค้นหาข้อมูลวิชาวิทยาการค้านวณ ส้าหรับ
นักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล 7) เร่ือง ความเชื่อคู่ความรู้ ป่าคู่สุขภาพ : การใช้
ประโยชน์สมุนไพรจากป่าชุมชนดงค้าเฮือ อ้าเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ประเทศไทย.และ 8) เร่ือง การเป็น
ผ้ปู ระกอบการเกษตร: อาชพี ท่ีท้าทายของคนรุ่นใหม่ X, Y และ Z Generations

โอกาสนีกองบรรณาธิการวารสารวิจัยและพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้าโขง (ออนไลน์) ยังเปิดรับบทความจาก
นักวิจัยและบุคคลท่ัวไป ท่ีมีความสนใจในการเผยแพร่ผลงานวิจัยในลักษณะบทความวิชาการ บทความวิจัยและ
บทความปริทัศน์ ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวกรรมศาสตร์ และมนุษย์
ศาสตร์และสังคมศาสตร์ และขออนุญาตเชิญชวนผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพ่ิมเติมและสมัครตีพิมพ์
เผยแพร่บทความวิจัยผ่านระบบออนไลน์ของวารสาร จาก rdijournal.npu.ac.th ซ่ึงฉบับที่ 2 คือช่วงเดือน
พฤษภาคม – สงิ หาคม 2565 โดยมกี า้ หนดออกวารสาร ราย 4 เดือน หรอื 3 ฉบบั ตอ่ ปี

บรรณาธกิ าร

วารสารวิจยั และพฒั นาอนภุ ูมภิ าคลมุ่ นา้ โขง (ออนไลน)์
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

ระบบการวัดและบนั ทึกค่า pH ของดนิ โดยใช้ Internet of Things (IoT)
Soil pH Measurement System Using Internet of Things (IoT)

ชนิดา ยุบลไสย1์ , วิศวะ กุลนะ2 และ คมกฤษณ์ ชูเรือง3*
Chanida Yubolsai1, Wissava Kulna2 and Komkrit Chooruang3*

บทคดั ย่อ

การวจิ ัยนม้ี วี ตั ถุประสงค์เพอื่ พัฒนาระบบการวัดและบนั ทึกคา่ pH ของดินโดยอัตโนมัตเิ พอื่ เพ่ิมความสะดวกในการดูแล
ดินในด้านการเกษตร เป็นการใช้ Internet of Things (IoT) เป็นส่ือกลางในการบันทกึ คา่ ของ pH ที่วดั ได้ลงฐานข้อมลู เพ่อื นาไปใช้
วเิ คราะห์ต่อไป โดยระบบพฒั นาขึน้ จะแปลงสญั ญาณทางไฟฟ้าของ pH เซน็ เซอร์โดยใช้ ADC ขนาด 16 บิต ร่วมกับตวั ประมวลผล
ไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32 แล้วส่งค่า pH ที่วัดได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้ MQTT (Message Queuing Telemetry
Transport) และใช้ร่วมกับตัวแอปพลิเคช่ันท่ีพัฒนาข้ึน โดยจะสามารถระบุพิกัดตาแหน่ง GPS ที่ทาการวัด และค่า pH ท่ีวัดได้
บันทึกลงฐานข้อมูล โดยพบว่าแรงดันไฟฟ้าจาก pH เซ็นเวอร์ท่ีวัดได้จะอยู่ในช่วง -7mV ถึง 45mV สาหรับค่าช่วงค่า pH 3 ถึง 8
และมคี ่า R-Squared เทา่ กับ 0.9941

คาสาคัญ : pH ของดิน, อินเทอร์เนต็ ของสรรพส่ิง, ระบบการวดั และบนั ทกึ คา่ อตั โนมตั ิ

ABSTRACT

The objective of this work is to develop an automatic soil pH measurement system using Internet of
things (IoT). The developed system allows ease of monitoring for soil pH in agriculture. IoT was used as medium
for data communication. The analog soil pH data reading from sensor was converted to digital by ADC-16 bits
and processing by ESP32. The measured data will then be sent via the Internet using MQTT (Message Queuing
Telemetry Transport). The developed companion mobile application also be used to store GPS location and
pH data into the cloud database. It is found that the ADC voltage from pH sensor was from -7 mV to 45mV for
pH values 3 to 8 and the obtained R-Squared was 0.9941

Keywords : Soil pH, Internet of Things (IoT), Automatic data logging system

1 สถาบันวจิ ยั และพฒั นา มหาวิทยาลยั นครพนม, Research and Development Institute Nakhon Phanom University
2 ศนู ยว์ จิ ยั ข้าวสกลนคร กรมการขา้ ว, Sakhon Nakhon Rice Research Center, Rice Department
3 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม, Faculty of Engineering Nakhon Phanom University

*Corresponding author: [email protected]

ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-เมษายน 2565 Vol.1 No.1 January-April 2022 1

วารสารวิจัยและพฒั นาอนภุ ูมิภาคลุ่มนา้ โขง (ออนไลน)์
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

พระธาตุศรสี องรกั แหง่ เมอื งด่านซ้าย: ความหมายและการนยิ ามความหมายในบรบิ ทการทอ่ งเทีย่ ว
Phra That Sri Song Rak Stupa of Dan Sai: Meaning and Definition in
Tourism Context

นพพล แกง่ จาปา1* และ สกอ็ ต แลรด์ .โรลสตัน1
Nopphon Kaengjampa1* and Scott Laird Rolston 1

บทคดั ยอ่

บทความนม้ี วี ตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ศกึ ษาความหมายและการนิยามความหมายต่อพระธาตุศรสี องรัก อาเภอดา่ นซ้าย จังหวดั
เลยในบริบทการท่องเที่ยว วิธีการศึกษาใช้วิธีการศึกษาตามแนวพินิจทางประวัติศาสตร์ ข้อมูลท่ีใช้ศึกษาได้จากการสัมภาษณ์
ประชาชนในเมอื งดา่ นซา้ ย จังหวัดเลย ประกอบกบั ขอ้ มลู จากเอกสาร และนาเสนอในรปู แบบพรรณนาวเิ คราะห์

การศกึ ษาพบว่า พระธาตุศรสี องรักสร้างขนึ้ ในช่วงพทุ ธศตวรรษท่ี 22 ภายใตค้ วามร่วมมอื ระหว่างอาณาจกั รอยุธยาและ
ลา้ นช้าง ทาหน้าทเี่ ป็นเหมอื นเคร่อื งหมายแสดงขอบเขตพระราชอานาจของอาณาจกั รทั้งสอง อย่างไรกต็ ามชาวบา้ นได้แปลเปลี่ยน
ความหมายพระธาตศุ รีสองรกั ใหก้ ลายเป็นสถานทศ่ี ักดส์ิ ทิ ธติ์ ามความเชือ่ และระบบคณุ คา่ ของตน ขณะเดียวกนั ในปัจจุบนั ท่ีทุกภาค
ส่วนเลง็ เห็นถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของการท่องเท่ียว พร้อมกับมีความพยายามสง่ เสรมิ กันอยา่ งเข้มข้น การท่องเที่ยวได้เปดิ
โอกาสให้คนด่านซ้ายได้แสดงออกซ่ึงตัวตน และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ผ่านการผลักดันพระธาตุศรีสองรักให้กลายเป็น
“พ้ืนทท่ี ่องเทีย่ ว” ขนึ้ มา

คาสาคญั : พระธาตศุ รสี องรัก, เมืองดา่ นซ้าย, การท่องเทย่ี ว

1 คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, Faculty of Humanities and Social Sciences Mahasarakham University
*Corresponding author: [email protected]

ปที ่ี 1 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-เมษายน 2565 Vol.1 No.1 January-April 2022 8

วารสารวจิ ยั และพัฒนาอนุภูมิภาคลมุ่ นา้ โขง (ออนไลน์)
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

อาณาบรเิ วณทางสงั คม วัฒนธรรม และจินตกรรมของชุมกะเทยไทย
กรณศี ึกษา กรุงเบอร์ลิน และนครรฐั ฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี

The Social, Cultural, and Imaginary Territories of Kathoey Assemblage:
A case of Berlin and Hamburg, Germany

วชั รวฒุ ิ ซ่ือสัตย์1* , พชั รนิ ทร์ สิรสุนทร2 และ ฐานดิ า บุญวรรโณ3
Wacharawuth Suesat1*, Patcharin Sirasoonthorn2 and Thanida Boonwanno3

บทคดั ยอ่

การวจิ ัยน้ี มวี ตั ถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์ลกั ษณะของอาณาบรเิ วณทางสงั คม วัฒนธรรม และจนิ ตกรรมของชมุ กะเทยไทย
ในกรุงเบอร์ลิน และนครรัฐฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี โดยใช้กลุ่มเป้าหมายเป็นปัจเจกกะเทยท่ีเคยประกอบอาชีพคาบาเรต์โชว์
จากคณะทิฟฟาน่ี โชว์ คณะไซม่อน คาบาเรต์ และคณะอัลคาซาส์ คาบาเรต์ จานวน 12 ราย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบการสรา้ ง
ทฤษฎีจากฐานราก และเกบ็ รวบรวมข้อมลู ด้วยแบบสมั ภาษณ์แบบไม่มโี ครงสรา้ ง แบบสงั เกตการณ์แบบมสี ่วนรว่ ม และแบบบันทกึ
ประจาวัน ใช้การวเิ คราะห์เนื้อหา เพอ่ื สรา้ งเป็นมโนทศั นใ์ หม่ในการอธบิ ายปรากฏการณท์ างสงั คม

ผลการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ประการ ได้แก่ ประการแรก การเข้ามาชุมกันของกะเทยไทยในประเทศเยอรมนี เกิดขึ้น
ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2532 โดยการอพยพอยภู่ ายใตแ้ นวคิด “อยากมีชวี ิตท่ดี ขี น้ึ ” กะเทยอพยพสถาปนาอาณาบริเวณขึ้นทบั ซ้อนกัน
4 ระดบั คือ กายภาพ สงั คม วัฒนธรรม และจนิ ตกรรม ประการที่สอง ร้านกาแฟ และสวนสาธารณะมฐี านะเป็นอาณาบริเวณทาง
สังคม ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ พน้ื ท่ีแลกเปลี่ยนขา่ วสาร นันทนการ และพบปะสังสรรค์ในหมูส่ มาชกิ กะเทย ประการทส่ี าม หอ้ งครัวประจาวัด
ไทย ถูกใช้เป็นอาณาบริเวณทางวัฒนธรรม เพ่ือเป็นเวทีแสดงตัวตนและศักยภาพของกะเทยด้านการประกอบอาหาร และเป็น
ช่องทางในการสะสมบุญ และประการสุดท้าย กะเทยสถาปนาอาณาบริเวณทางจินตกรรมของตนเองผ่านเร่ืองเล่าในรูปแบบมุข
ปาฐะ เก่ียวกับความศักด์ิสิทธ์ิของวัตถุวัฒนธรรมประจาถ่ิน ถ่ายทอดและส่งต่อเร่ืองเล่าระหว่างสมาชิกเพ่ือเช่ือมโยงตัวตนของ
ปัจเจกกะเทยเข้ากบั บคุ คลสาคญั ประจาถิ่น

คาสาคญั : อาณาบรเิ วณทางสงั คม, อาณาบรเิ วณทางวฒั นธรรม, อาณาบรเิ วณทางจนิ ตกรรม, ชมุ กะเทย

1 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร, Faculty of Social Sciences, Naresuan University
2 คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร, Faculty of Social Sciences, Naresuan University
3 คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, Faculty of Social Sciences, Naresuan University

*Corresponding author: [email protected]

ปที ี่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-เมษายน 2565 Vol.1 No.1 January-April 2022 21

วารสารวิจยั และพัฒนาอนุภมู ิภาคลุ่มน้าโขง (ออนไลน์)
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

กรอบแนวคิดในการออกแบบและพัฒนานวตั กรรมทางการเรยี นรู้ท่ีส่งเสริมการคิดแกป้ ญั หา
ในศตวรรษท่ี 21 โดยบูรณาการภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ในเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาแถบลมุ่ แม่น้าโขง
The Designing Framework of Learning Innovation for Enhancing Problem Solving
in the 21st Century by Integrating Thai Local Wisdom of the Greater Mekong

Educational Service Area

ปรมะ แขวงเมือง*
Parama Kwangmuang*

บทคดั ย่อ

การศึกษาคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์กรอบแนวคิดของนวัตกรรมทางการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมการคิดแก้ปัญหา
ในศตวรรษที่ 21 โดยบูรณาการภูมปิ ัญญาท้องถิ่น ในเขตพ้ืนท่ีการศึกษาแถบลุ่มแม่น้าโขง และ เพ่ือประเมินกรอบแนวคิดใน
การออกแบบและพัฒนานวัตกรรมทางการเรียนรู้ฯ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ใน
โรงเรยี นกลุม่ ตัวอย่าง จ้านวน 128 คน จาก 5 โรงเรียนทีอ่ ยู่ในเขตพน้ื ที่การศกึ ษาแถบลุม่ แม่นา้ โขง ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา
2560 เพื่อศกึ ษาบรบิ ทการเรียนรู้ และผเู้ ชี่ยวชาญในการประเมนิ กรอบแนวคิดในการออกแบบ จ้านวน 5 คน การวจิ ัยคร้งั นี้ใช้
วิธีการศึกษาหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การวิจัยเอกสาร และการวิจัยเชิงส้ารวจ ที่ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพการ
วิเคราะห์ข้อมลู โดยการสรปุ ตคี วามและวิเคราะห์

ผลการวิจัยพบวา่ การสังเคราะหก์ รอบแนวคิดของนวัตกรรมทางการเรียนรทู้ ี่ส่งเสริมการคดิ แก้ปัญหา ในศตวรรษท่ี
21 โดยบรู ณาการภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ในเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาแถบล่มุ แม่น้าโขง ได้แก่ กรอบแนวคิดเชงิ ทฤษฎี ประกอบ 5 พื้นฐาน
ได้แก่ 1) พื้นฐานด้านบรบิ ท 2) พ้นื ฐานทางจติ วทิ ยาการเรยี นรู้ 3) พน้ื ฐานดา้ นศาสตรก์ ารสอน 4) พน้ื ฐานด้านเทคโนโลยี และ
5) พ้ืนฐานด้านการคิดแก้ปัญหา และกรอบแนวคิดในการออกแบบ ประกอบดว้ ย 4 พ้ืนฐาน คือ 1) การกระตุ้นโครงสร้างทาง
ปัญญา 2) การสนับสนุนการปรับสมดุลโครงสร้างทางปัญญา 3) การส่งเสริมการขยายโครงสร้างทางปัญญา และ 4) การ
ช่วยเหลอื การปรบั สมดลุ ทางปญั ญา และผลการประเมนิ กรอบแนวคิดในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมทางการเรยี นรู้ ของ
ผูเ้ ชีย่ วชาญพบว่าอยใู่ นระดบั มาก (( ̅= 4.34 ; SD = 0.74)

คา้ ส้าคัญ : นวตั กรรมทางการเรยี นรู้, การคดิ แก้ปญั หา, การศึกษาแถบลมุ่ แม่นา้ โขง, ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ

คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ Faculty of Education, Khon Kaen University
*Corresponding author: [email protected]

ปที ี่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2565 37Vol.1 No.1 January-April 2022

วารสารวิจัยและพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มนา้ โขง (ออนไลน)์
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

การสง่ เสรมิ คณุ ภาพการนอนหลับของผู้ป่วยท่ีมกี ารอดุ ก้ัน
ทางเดนิ หายใจขณะนอนหลับ: บทบาทพยาบาล

Promoting Sleep Quality among Obstructive Sleep Apnea Patients : Roles of Nurses

จรินทร โคตพรม1* อภญิ ญา กุลทะเล2 และวรุณศิริ ปราณีธรรม3
Jarintorn Koteprom1* Apinya Koontalay 2 and Warunsiri Praneetham3

บทคดั ย่อ

การอุดกน้ั ทางเดินหายใจขณะนอนหลบั เปน็ ปญั หาทพี่ บได้ในคนทกุ วยั นบั เป็นภาวะคุกคามทางสุขภาพท่ีส่งผลกระทบต่อ
ผปู้ ่วยทัง้ ด้านรา่ งกาย จติ ใจ สงั คม การส่งเสรมิ ให้พยาบาลมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเร่อื งการอุดกัน้ ทางเดนิ หายใจขณะหลับ ปจั จยั
เส่ียงของการเกิดการอดุ ก้นั ทางเดนิ หายใจขณะหลับ และผลกระทบของการอดุ กัน้ ทางเดินหายใจขณะหลบั เพอื่ ให้การดูแลผปู้ ่วยท่ี
มีการอดุ ก้ันทางเดนิ หายใจขณะหลบั ได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกบั ผู้ปว่ ยทม่ี ีความแตกต่างกนั ในปัจจัยพ้ืนฐาน ได้แก่ อายุ ดชั นีความหนา
ของรา่ งกาย ระดบั ความรนุ แรงของการอดุ กั้นทางเดนิ หายใจขณะหลบั คุณภาพการนอนหลบั สภาวะความเจ็บปว่ ยรว่ มและสภาวะ
สขุ ภาพจิต เพือ่ นาพาใหผ้ ูป้ ่วยทีม่ กี ารอดุ กัน้ ทางเดินหายใจขณะหลบั สู่การมคี ณุ ภาพชวี ิตทด่ี ีข้ึน

คาสาคญั : คณุ ภาพการนอน, ภาวะการอดุ กนั้ ทางเดินหายใจขณะนอนหลบั , บทบาทพยาบาล

ABSTRACT

Obstructive sleep apnea is a common condition in the population. Promoting nurses knowledge and
understanding of obstructive sleep apnea, risk factor, and the effects of obstructive sleep apnea to provide
proper care for patients with obstructive sleep apnea, suitable for each group of patients with different basic
factors such as age, body mass index, severity of obstructive sleep apnea, sleep quality, and mental health
status. Lead the patients among obstructive sleep apnea to improve a better quality of life.

Keywords : sleep quality, Obstructive sleep apnea, Roles of Nurses

1

1อาจารย์ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนนี ครพนม มหาวทิ ยาลยั นครพนม, Boromarajonani College of Nursing Nakhon Phanom,

Nakhonphanom University

2คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยดีกิ้น, Ph.D student of Faculty of Health, Deankin University
3 พยาบาลวชิ าชีพ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์, Registered Nurse, Chulabhorn Hospital
*Corresponding author: [email protected]

ปีท่ี 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม-เมษายน 2565 49Vol.1 No.1 January-April 2022

วารสารวิจัยและพฒั นาอนุภูมิภาคลมุ่ น้าโขง (ออนไลน)์
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

การพฒั นาบทเรยี นออนไลนร์ ูปแบบอินโฟกราฟิกสป์ ฏิสัมพนั ธ์ เรือ่ ง การจัดเรยี งและค้นหาข้อมูล
วชิ าวิทยาการคานวณ สาหรับนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนเรณนู ครวทิ ยานุกูล

The Development of Interactive Infographic Online Course on the computational
science Subject in sorting and searching for grade 10 students,
Renunakhonwittayanukul School.

กฤษกร ไชยคราม1 ,สวุ ิสาข์ จรัสกมลพงศ์2*
Kritsakorn Chaiyakram1, Suwisa Jarutkamolpong2

บทคดั ยอ่

การวิจัยน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพ่ือพัฒนาบทเรยี นออนไลน์รูปแบบ Interactive Infographic เรื่องการจดั เรยี ง
และค้นหาข้อมูล วิชาวิทยาการคานวณ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อ
เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิ์ของนักเรียนตอ่ บทเรยี นออนไลน์ รปู แบบ interactive Infographic เร่ือง การจัดเรียงและค้นหาข้อมูล
วิชาวิทยาการคานวณ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นท่ีมตี ่อบทเรียนออนไลน์
รูปแบบ interactive Infographic เรือ่ ง การจัดเรยี งและค้นหาข้อมูล วิชาวทิ ยาการคานวณสาหรบั นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี
4 กลมุ่ ตัวอยา่ ง ไดแ้ ก่ นักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรยี นเรณนู คร จานวน 30 คน โดยใชว้ ธิ กี ารสุม่ อยา่ งง่าย เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้
ได้แก่ บทเรียนออนไลน์รูปแบบ Interactive Infographic แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ
วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใช้คา่ สถิติ ไดแ้ ก่ รอ้ ยละ คา่ เฉล่ีย ( X ) และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่า T-test

ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของบทเรียนออนไลน์ รูปแบบ Interactive Infographic ที่พัฒนาข้ึนมีค่า
เท่ากับ 82.00/82.11 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ คือ 80/80 2) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้
บทเรียนออนไลน์ รูปแบบ Interactive Infographic หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05
4) ความพงึ พอใจของนักเรยี นท่มี ตี อ่ บทเรียน ออนไลน์รปู แบบ Interactive Infographic โดยรวมอยู่ในระดบั มาก

คาสาคญั : บทเรยี นออนไลน,์ อินโฟกราฟิกส์ปฏิสัมพนั ธ์, วิทยาการคานวณ

1 นกั ศึกษาหลักสตู รครศุ าสตรบณั ฑติ คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยนครพนม, Graduate student, Faculty of Education, Nakhon Phanom
University
2 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยนครพนม, Faculty of Education, Nakhon Phanom University
*Corresponding author: [email protected]

ปที ี่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2565 61Vol.1 No.1 January-April 2022

วารสารวจิ ยั และพฒั นาอนภุ มู ิภาคลุ่มนา้ โขง (ออนไลน)์
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

ความเชอ่ื คูค่ วามรู้ ปา่ คู่สุขภาพ : การใช้ประโยชน์สมนุ ไพรจากป่าชุมชนดงคาเฮือ
อาเภอทา่ อเุ ทน จังหวดั นครพนม ประเทศไทย

Belief, Knowledge, Forest, Health Relationships: The Application of Medicinal plant by
Dong-Kamhua Community Forest in Tha Uthen District,
Nakhon Phamom Province Thailand

พรพิมล ควรรณสุ1 กัญลยา มขิ ะมา2* ชนิดา ยบุ ลไสย์1 ชนาพร รัตนมาลี3 และ เมธี วงศ์หนัก4
Pornpimon Kavansu1 Kanlaya Mikhama2* Chanida Yubolsai1 Chanaporn Rattanamalee3

and Mathee Wongnak4

บทคัดยอ่

ภูมิปัญญาด้านการใช้สมนุ ไพรรักษาเป็นอีกทางเลอื กหนึ่งท่ีได้รบั การพิสูจนท์ างการแพทย์ท่ีสามารถนามาใช้รักษา
ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันได้ องค์ความรู้ของหมอยาพื้นบ้านเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ สืบทอดกันมานานบน
พ้นื ฐานความเชื่อ และระบบวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาด้านการรกั ษาจากอดีตทีผ่ า่ นมาจนปัจจบุ นั การพง่ึ พาตนเองดา้ นสขุ ภาพของ
หลายๆ ชมุ ชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ยังคงพึ่งพิงใช้ประโยชน์จากปา่ และสมุนไพร บทความน้มี งุ่ นาเสนอการใช้ประโยชน์
จากป่าชุมชุนท้ังในด้านการเป็นพืชสมุนไพรบนฐานความเชื่อ ความรู้ของหมอยาและคนในชุมชน โดยการศึกษาน้ีมี
วัตถปุ ระสงค์เพ่อื รวบรวมพืชสมนุ ไพร ท่มี ีพ้ืนท่ี ดว้ ยกระบวนการมีสว่ นรว่ มกับชุมชน โดยการสารวจพนั ธุ์พืชในป่าชุมชนท่ีเป็น
ตัวแทนระบบนิเวศ ดาเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลในช่วงเดือนกันยายน 2561-สิงหาคม 2562 โดยลงพ้ืนท่ีสารวจ 3 ครั้ง ใน
เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และกันยายน พ.ศ.2562 การร่วมสารวจพื้นที่ป่าชุมชนมีประชาชนบ้านคาไฮ (ผู้ใหญ่บ้าน) และ
ปราชญช์ าวบา้ น (หมอยา) จานวน 16 คน จากน้นั ได้จัดเวทคี ืนข้อมูลชุมชนและสัมภาษณเ์ ชิงลกึ (indebt interview) ดา้ นการ
พงึ่ พงิ หรอื ใช้ประโยชน์ปา่ ชมุ ชน โดยหมอยาและประชาชนทัว่ ไป จานวน 24 คน ในชว่ งเดอื นสงิ หาคม 2562 และ กุมภาพันธ์
พ.ศ.2563 พบว่า ความหลากหลายทางชีวภาพพ้ืนที่ป่าชุมชนดงคาเฮือ ตาบลรามราช อาเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม มี
ความหลากหลายของพืชสมุนไพรที่เป็นยา อาหาร และเคร่ืองหอม จานวน 59 ชนิด สมุนไพร 33 ชนิดท่ีหมอยามีองค์ความรู้
ในการใชป้ ระโยชนท์ างยา และสมุนไพร 6 ชนดิ ทไี่ ม่ทราบประโยชนท์ างยา ดา้ นความเชอ่ื ในวธิ กี ารเก็บหาพชื สมนุ ไพรคอื กศุ โล
บายของการคงไว้ การรกั ษา การขยายพันธ์พุ ชื สมุนไพร โดยกอ่ นขุดสมนุ ไพรหมอยาจะมีบทพดู กับเจ้าทีป่ า่ ทกุ คร้งั และมคี วาม
เชื่อว่าการไปขุดสมุนไพรเป็นการไปขอยา ดังน้ันจึงไม่มีการต้ังราคารักษา องค์ความรู้หลักด้านการใช้พืชสมุนไพรเพื่อปรุงยา
การรกั ษาโรค ไดแ้ ก่ ยาบารุงเลือด ยาบารุงกาลัง ยาแก้ปวดหัวเขา่ ยาแก้ทอ้ งอืดท้องเฟ้อ 1

คาสาคญั : หมอยาสมนุ ไพร, พืชสมุนไพร, ปา่ ชมุ ชน, นครพนม

1 สถาบันวจิ ยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั นครพนม, Research and Development Institute, Nakhon Phanom University.
2 คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั นครพนม, Faculty of Agriculture and Technology, Nakhon Phanom University.
3 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั นครพนม, Faculty of Science. Nakhon Phanom University.
4 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม,The Botanical Garden Organization, Ministry of Natural

Resources and Environment.

*Corresponding author: [email protected], [email protected]

ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2565 68Vol.1 No.1 January-April 2022

วารสารวิจยั และพฒั นาอนุภูมภิ าคลุม่ น้าโขง (ออนไลน์)
Journal of the Greater Mekhong Subregion Research and Development (Online)

การเปน็ ผปู้ ระกอบการเกษตร: อาชพี ท่ีท้าทายของคนรุน่ ใหม่ X, Y และ Z Generations
Agricultural Entrepreneurship: The Challenge Occupation of New Generations;

X, Y, and Z Generations

เพชรดา จันอ้วน1 และ ยศ บรสิ ุทธิ์1*
Pechrada Chant-aon and Yos Borisutdhi 1*

บทคัดย่อ

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศท่ีมีการลดลงของจานวนเกษตรกร และเกษตรกรส่วนใหญ่อยู่ในวัยผู้สูงอายุท่ี
กาลังจะหยุดทาการเกษตร ในขณะที่คนร่นุ ใหมท่ ี่ให้ความสนใจในการประกอบการเกษตรน้อยลง บทความน้ีมุ่งศึกษาแนวคดิ
ด้านการสร้างผู้ประกอบการเกษตร ความท้าทายในการประกอบการเกษตรโดยเฉพาะอย่างย่ิงกับคนรุ่นใหม่ ทาการศึกษา
สถานการณ์เบ้ืองต้นท่ีเก่ียวกับการประกอบการเกษตรของคนรุ่นใหม่ในบริบทของนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทย และ
สถานการณ์การส่งเสริมและการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการเกษตร นาเสนอผลการสังเคราะห์ในลักษณะเป็น
ประเด็นการวิจยั

การสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่มีปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นผู้ประการเกษตรของประเทศไทย สรุปได้ 5
ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ด้านปัจจยั ภายในบุคคล ประกอบไปด้วย อายุซึ่งเก่ยี วข้องกบั กาลังแรงกายในการขับเคลื่อนกิจกรรมการเกษตร
2) ด้านครอบครัว ประกอบไปดว้ ย ความกตัญญูต่อบุพการีและการสมรสกบั ค่คู รองสง่ ผลต่อคนรนุ่ ใหม่ในแงข่ องความจาเปน็ ใน
การดูแลและรกั ษาความรักความอบอนุ่ ในครอบครวั การมีทดี่ ินทากนิ และความมั่นคงของรายไดใ้ นการประกอบอาชีพใดอาชีพ
หน่ึง 3) ด้านสังคม ประกอบไปด้วย การไดร้ บั การยอมรับจากคนรอบข้าง ส่งผลตอ่ ความรู้สกึ ของคนรุ่นใหม่และการมแี รงงาน
4) ดา้ นทรพั ยากรการเกษตร ประกอบไปดว้ ย ลักษณะทางกายภาพของพื้นทสี่ ง่ ผลต่อลักษณะการประกอบอาชพี และ 5) ดา้ น
เศรษฐกิจ คนรุ่นใหม่ผู้ท่ีความสามารถในการการเข้าถึงเงินทุน ที่ดินและแหล่งน้า มีแนวโน้มท่ีจะตัดสินใจเข้ามาทาการ
เกษตรกรรมได้มากกวา่ คนที่ไมส่ ามารถเข้าถึงเงินทุน ท่ีดินและแหล่งน้า

ความท้าทายในการเปน็ ผ้ปู ระกอบการเกษตรคนรุ่นใหม่ (X Y Z Generations) ได้แก่ 1) การมีทัศนคติในเชงิ ลบ
ในการประกอบการเกษตรเน่ืองจากการติดกับภาพลักเดิมของการทาการเกษตรที่มีความยากลาบากและได้รับรายได้น้อย
รวมถึงครอบครัวมักจะไม่ให้การยอมรับหรือสนับสนุน 2) การไม่สามารถเข้าถึงต้นทุนการผลิต การเริ่มต้นท่ีจะประกอบการ
เกษตรต้องอาศัยการมีที่ดินทากินและใช้เงินลงทุนสูงสาหรับ ซ่ึงคนรุ่นใหม่ (Generations X ,Y และ Z) บางคนไม่มีแหล่ง
เงินทนุ และไมม่ ีหลกั ทรพั ย์ในการค้าประกันเปน็ ของตนเอง

คาสาคัญ: เกษตรกรรุ่นใหม่ การเป็นผ้ปู ระกอบการ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

1

1 คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , Faculty of Agriculture, Khon Kaen University, Khon Kaen 40002, Thailand
*Corresponding author: [email protected], [email protected]

ปีท่ี 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม-เมษายน 2565 Vol.1 No.1 January-April 2022 82


Click to View FlipBook Version