The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วิจัยห้องน้ำ

วิจัยห้องน้ำ

ความพึงพอใจการให้บริการห้องน้ำวิทยาลัยการอาชีพแกลง ภาคเรียนที่ 2/2566 โดย นางสาวพรนิภา เกิดรอด นางสาวพิมวรรณ วงศ์นาค นางสาวนันทิตา ผุลิจันทร์ นายพุทธิพร วงศ์มาก นายรพีพัฒน์ บุญยั่งยืน นายเสกสรรค์ ส้มแก้ว ปวช.3 แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ การวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ วิทยาลัยการอาชีพแกลง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา


ก บทคัดย่อ การศึกษาค้นคว้างานวิจัยเรื่องห้องน้ำครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อความพึงพอใจในการ ใช้ห้องน้ำของนักวิทยาลัยการอาชีพแกลง ดำเนินการทดลองโดยการดมกลิ่นของห้องน้ำ และ เช็คความสะอาดของห้องน้ำ และนำแนวทางปัญหาข้อเสนอแนะของผู้ใช้บริการห้องน้ำของ วิทยาลัย เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุง เพราะว่าห้องน้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้เป็นประจำโดย อย่างยิ่ง เช่น ห้องน้ำครู/อาจารย์ห้องน้ำวิทยาลัย ห้องน้ำที่กล่าวมานี้เป็น สถานที่ที่มีบุคคล ใช้บริการเยอะ จึงทำให้เกิดปัญหามากมาย โดยเฉพาะความสกปรก ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก ขยะ น้ำเน่าและผู้ใช้ห้องน้ำ ดังนั้นกลุ่มของดิฉันจึงได้หาวิธีการแก้ไขเพื่อที่จะทำให้ห้องน้ำ สะอาด และทำให้ผู้คนอยากใช้มากยิ่งขึ้น คณะผู้จัดทำ นางสาวพรนิภา เกิดรอด


กิตติกรรมประกาศ ( Acknowledgement ) งานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจากอาจารย์สมศักดิ์ สีใส อาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัยที่ได้ให้ดำ เสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ มาโดยตลอด จนงานวิจัยเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ ผู้ศึกษาจึง ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงขอกราบขอบพระคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ที่ให้ดำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งเป็นกำลังใจที่ดีเสมอมาขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยให้คำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกคำ และเกี่ยวกับ งานวิจัยชิ้นนี้สุดท้ายขอ ขอบคุณพี่ๆน้องๆ ที่ได้ให้ความร่วมมือในการทำแบบสอบถามห้องน้ำของวิทยาลัยการ อาชีพแกลง จนทำให้งานวิจัยสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี


สารบัญ เรื่อง บทคัดย่อ ก กิตติกรรมมประกาศ ข บทที่ 1 บทนำ 1 1 ความเป็นมาของโครงการ 1 2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1 3 ขอบเขตของโครงการ 1 4. ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ 2 5. วิธีการดำเนินการ 2 6. นิยามศัพท์เฉพาะ 2 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4 1.ประวัติความเป็นมาของห้องสุขา 4 2 ความหมายของห้องน้ำ 5 3 ความสำคัญของห้องน้ำ 5 4.การใช้ห้องน้ำ-ห้องส้วมอย่างถูกวิธี 6 5 ประเภทของห้องน้ำ 6 6.การออกแบบห้องน้ำ 7 7.หน้าที่หลักของห้องน้ำ 7 8.คุณลักษณะที่ดี 8


บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษา 12 1. กลุ่มเป้าหมาย 12 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 12 3. วิธีการดำเนินการ 13 4.สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 13 5.การวิเคราะห์ข้อมูล 14 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน 15 4.1 ขั้นตอนนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 15 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 15 4.3 สรุปผลการประเมินแบบสอถามความพึงพอใจ 18 บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล 19 5.2 อภิปรายผล 19 5.3 ข้อเสนอแนะ 20 บรรณานุกรม ภาคผนวก ภาคผนวก ก เครื่องที่ใช้ในการทำวิจัย ก ภาคผนวก ข เอกสารที่เกี่ยวข้อง ข


บทที่ 1 บทนำ 1. ความเป็นมาของโครงการ กฎกระทรวง ฉบับที่ 63 (พ.ศ. 2551) ออกตามความใพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 (เรื่อง การ จัดให้มีห้องน้ำและห้องส้วมในโรงเรียนของประเภทอาคารต่างๆ) เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้เนื่องจากปัจจุบันได้มีการกำหนดรายละเอียดใน เรื่องการจัดให้มีห้องน้ำและห้องส้วมไว้ในกฎหมายหลายฉบับและมีรายละเอียดที่แตกต่างกันทำให้เกิด ปัญหาและความยุ่งยากแก่ผู้ประกอบกิจการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายหลายฉบับคณะรัฐมนตรีจึงได้ มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2545ให้กำหนดรายละเอียดในเรื่องการจัดให้มีห้องน้ำและห้องส้วมใน อาคารประเภทต่างๆไว้ในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารเพื่อกำหนดให้เป็นกฎหมายกลางและให้ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องใช้อ้างอิงได้ซึ่งจะช่วยให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ห้องน้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้เป็นประจำ โดยอย่างยิ่งห้องน้ำสาธารณะ ห้องน้ำโรงเรียน ห้องน้ำที่ กล่าวมานี้เป็นสถานที่ที่มีบุคคลใช้เยอะ จึงทำให้เกิดปัญหามากมาย โดยเฉพาะความสกปรก ส่วนใหญ่ มีสาเหตุมาจากขยะหรือตัว ผู้ใช้เอง ดังนั้นผู้จัดท้าจึงได้หาวิธีการแก้ไขโดยการเก็บขยะคามจุดต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ห้องน้ำสะอาดและสามารถทำให้ผู้ใช้อยากใช้ห้องน้ำมากยิ่งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาห้องน้ำส่ง กลิ่นเหม็น เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของสถานที่ต่างๆ เพื่อความสะอาดและถูก คุณลักษณะของห้องน้ำตามพระราชบัญญัติ 2. วัตถุประสงค์ของโครงการ 2.1 เพื่อแก้ไขปัญหาห้องน้ำเหม็น 2.2 เพื่อความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายของวิทยาลัยการ อาชีพแกลง 2.3 เพื่อความสะอาดของห้องน้ำหญิงและนักเรียนชาย 2.4 เพื่อถูกสุขลักษณะของห้องน้ำตามพระราชบัญญัติ 3.ขอบเขตของโครงการ 3.1 ห้องน้ำนักเรียนหญิงและนักเรียนชายวิทยาลัยการอาชีพแกลง 3.2 ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ 3.3 ด้านสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้ง 3.4 ด้านความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง


2 3.5 ด้านความสะอาดของห้องน้ำ 3.6 ด้านความเพียงพอของน้ำในแต่ละวัน 3.7 ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ 3.8 ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียน 3.9 ด้านกลิ่นรบกวนจากห้องน้ำ 4. ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ 4.1 เพื่อแก้ไขปัญหาห้องน้ำเหม็น 4.2 .เพื่อความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายวิทยาลัยการอาชีพ แกลง 4.3 เพื่อความสะอาดของห้องน้ำหญิง 4.4 เพื่อถูกสุขลักษณะของห้องน้ำตามพระราชบัญญัติ 4.5 คาดว่าจะเกิดความสามัคคีจากการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม 4.6 คาดว่าได้ประสบการณ์ในการทำโครงงานหรืองานวิจัยต่างๆ 4.7 จะได้ข้อมูลเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาต่อไป 5. วิธีการดำเนินการ 5.1 สำรวจห้องน้ำ 5.2 วางแผนวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล 5.3 สรุปผลการดำเนินงานตามวิจัย 6. นิยามศัพท์เฉพาะ 6.1 ความพึงพอใจ (satisfaction) หมายถึง ความรู้สึกที่ดีหรือทัศนคติที่ดีของบุคคล ซึ่งมัก เกิดจากการได้รับการตอบสนองตามที่ตนต้องการ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสิ่งนั้น ตรงกันข้ามหาก ต้องการของตนไม่ได้รับการตอบสนองความไม่พึงพอใจก็จะเกิดขึ้น 6.2 ห้องน้ำ (bathroom) คือ เป็นห้องซึ่งใช้สำหรับสุขลักษณะส่วนบุคคลโดยมักมีอ่างอาบน้ำ หรือ ฝักบัว และบางครั้งอาจมีบิเดรีด้วย ในอเมริกาเหนือและสถานที่อื่นๆห้องน้ำมักประกอบด้วยส้วม และอ่างล้างมือในบางประเทศเช่น สหราชอาณาจักรออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และ ญี่ปุ่น ภายในบ้าน บางครั้งอาจแยกห้องน้ำกับห้อง ส่วนในอิหร่าน บ้านโดยมากมักแยกแยะระหว่างห้องน้ำกับห้องส้วม เสมอ


3 6.3 สิ่งแวดล้อม (Envionment) คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งที่เป็น รูปธรรม (สามารถจับต้องและมองเห็นได้ ) และนามธรรม(ตัวอย่างเช่นวัฒนธรรม แบบ แผน ประเพณี ความเชื่อ 1มีอิทธิพลเกี่ยวโยงถึงกันเป็นปัจจัยในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ผลกระทบ จากปัจจัยหนึ่งจะมีส่วนเสริมสร้าง หรือทำลายอีกส่วนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่งแวดล้อมเป็นวงจร และวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกันไปทั้งระบบ 6.4 กลิ่น (odor) คือ อนุภาคทางเคมี (partice chemical) ที่กระจายตัวอยู่ในอากาศโดย สามารถรับรู้ได้ด้วยอวัยวะรับกลิ่น อวัยวะรับกินของมนุษย์และสัตว์คือ จมูก กลิ่นโดยทั่วไปแล้ว แบ่งเป็นกลิ่นหอมและกลิ่นเหม็นโดยส่งผลต่อระดับความพึงพอใจของทั้งมนุษย์และสัตว์ในปัจจุบันมี การนำประโยชน์ของกลิ่นมาใช้ประโยชน์หลายด้าน 6.5 น้ำ คือ เป็นสารประกอบเคมีชนิดหนึ่งมีสูตรเคมีคือ H20 โมเลกุลของน้ำประกอบด้วย ออกซิเจน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอม เชื่อมติดกันด้วยพันธะโควาเลนติ น้ำเป็นของเหลวที่ อุณหภูมิและความดันมาตรฐานแต่พบบนโลกที่สถานะของแข็ง (น้ำแข็ง) และสถานะแก๊ส (ไอน้ำ) น้ำ ยังมีในสถานะของผลึก ของเหลวที่บริเวณ พื้นผิวที่ขอบน้ำ 6.6 ความสะอาด เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ มากที่สุดของการมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง เพราะความสะอาดเป็นเครื่องช่วยป้องกันโรคระบาดและโรคร้ายแรงต่างๆ


บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีรายละเอียดดังนี้ ตามหัวข้อต่อไปนี้ 1.ประวัติความเป็นมาของของสุขา 2 ความหมายของห้องน้ำ 3 ความสำคัญของห้องน้ำ 4 การใช้ห้องน้ำ-ห้องส้อมอย่างถูกวิธี 5 ประเภทของห้องน้ำฃ 6 การออกแบบห้องน้ำ 7 หน้าที่หลักของห้องน้ำ 8คุณลักษณะที่ดี 1.ประวัติความเป็นมาของห้องสุขา สุขาหรือเรียกอย่างว่าส้วม ในประเทศไทยมีมาแต่โบราณ โดยในสมัยก่อน ผู้ที่ใช้ส้วมแบ่ง ได้ เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มของกษัตริย์ เจ้านาย ขุนนางและผู้มีฐานะดีกลุ่มของพระที่อยู่ภายใต้พระธรรมวินัย กลุ่มของชาวบ้านที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคม โดยกลุ่มชาวบ้านมักจะไปถ่ายทุกข์ตามที่เหมาะ ๆ เนื่องจากยัง ไม่มีส้วมใช้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2440 รัฐได้ออกพระราชก าหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ พ.ศ. 2440 มีผลบังคับ ให้คนไทยต้องขับถ่ายในส้วม กระทั่งช่วงปี พ.ศ. 2460-2471 ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือทาง การแพทย์และ สาธารณสุขจากมูลนิธิซึ่งเป็นองค์กรการกุศลเอกชนของสหรัฐอเมริกา โดยส่งเสริม ให้มีการ สร้างส้วมในจังหวัดต่าง ๆ และยังเกิดการประดิษฐ์คิดค้นส้วมรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับ ท้องถิ่นของไทย เช่น “ส้วมหลุมบุญสะอาด” ที่มีกลไกป้องกันปัญหาการลืมปิดฝาหลุมถ่ายและส้วม คอห่านที่ใช้ร่วมกับระบบ บ่อเกรอะบ่อซึม ต่อมาเริ่มมีผู้ใช้ส้วมชักโครกมากขึ้นในช่วงที่มีการก่อสร้าง บ้านแบบสมัยใหม่หลัง สงครามโลกครังที่สอง กระทั่งต้นพุทธทศวรรษ 2500 โถส้วมชนิดนี้ก็ได้รับ ความนิยม มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบัน 7 จากอดีตที่ผ่านมาส้วมสาธารณะในประเทศไทยเป็นปัญหาพื้นฐานที่สาคัญทางด้าน สุขาภิบาล สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และทางกรมอนามัยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการใน เรื่องนี้มีการสำรวจและประเมินผลมาตรฐานส้วมสาธารณะ พบว่าส้วมสาธารณะใน ประเทศไทยผ่านเกณฑ์ มาตรฐานน้อย ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ งานประชุมส้วม โลก 2006 หรือ World Toilet Expo & Forum 2006 ซึ่งถือเป็นจุดสาคัญในการพัฒนาส้วมสาธารณะและมีโครงการหลายโครงการ เกี่ยวกับส้วมสาธารณะอีกหลายโครงการประเทศไทยได้ใช้มาตรการหลายอย่างรวมทั้งมาตรการทาง


5 กฎหมายซึ่งมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับส้วมปรากฏอยู่ใกฎหมายหลายฉบับที่เริ่มมีการออกพระราชก าหนด สุขาภิบาล กรุงเทพฯ ร.ศ. 116 ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกเกี่ยวกับการสุขาภิบาลของคนกรุงเทพฯ และ ต่อมา ได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 39 (พ.ศ. 2537) ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 รวมถึงกฎกระทรวงก าหนดสิ่งอ านวยความสะดวกในอาคารสาหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและ คนชรา พ.ศ. 2548 มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ 2 ความหมายของห้องน้ำ ห้องน้ำ คือ หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะอาดที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำทุกวันของทุกคนตั้งแต่ตื่น นอนจนเข้านอน ห้องน้ำที่สะอาดน่าใช้นั้นไม่ควรมีกลิ่นเหม็น ไม่มีคราบสกปรก ไม่ว่าจะเป็นเป็นพื้นห้อง ผนัก ห้องหรือสุขภัณฑ์ต่างๆ เช่นโถส้วม ที่รอนั่ง สายฉีดน้ำชำระ อ่างล้างหน้า แต่คุณรู้หรือไม่ว่าห้องน้ำที่คิดว่า สะอาดไม่ได้สะอาดปลอดภัยอย่างที่ตาเห็น จากผลการวิจัย วิทยาลัยการอาชีพแกลง 3 ความสำคัญของห้องน้ำ ปัสสาวะหรือเรียกรวมๆ ว่าห้องส้วม นอกจากนั้นยังหมายความว่าห้องอาบน้ำและอ่างล้าง มือด้วยแต่ในการออกกฎกระทรวงได้จำแนกประเภทไว้สำหรับ การควบคุมและการจัดสวัสดิการ เกี่ยวกับห้องน้ำและห้องส้วมไว้โดยเฉพาะความสำคัญและความจำเป็นของห้องน้ำเป็นที่ทราบโดยทั่ว กัน 2.1. มีความสะอาด คุณภาพของห้องน้ำวัดได้จากความสะอาดของห้องน้ำ ทั้งที่สัมผัสได้ ด้วยการเห็นและการได้กลิ่น และการใช้น้ำยาเคมีสำหรับฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดเป็นสิ่งที่ จำเป็นต้องทำเป็นระยะและต่อเนื่องเสมอในแต่ละวัน 2.2. อุปกรณ์ห้องน้ำที่มีคุณภาพ ได้แก่ โถส้วม อ่างล้างมือ ก็อกน้ำและสายฉีดชำระ เป็น ต้น ควรเป็นอุปกรณ์ที่มีความคงทน มีมาตรฐานสำหรับการใช้งานสาธารณะได้ ซึ่งจะแต่กต่างจาก อุปกรณ์ที่ออกหรับการใช้งานในบ้านเรือนหรืออาคารที่พักอาศัย การซ่อมบำรุงอุปกรณ์ให้สามารถใช้ งานได้ 2.3. มีความปลอดภัย ห้องน้ำในสถานศึกษาอาจถูกใช้เป็นที่สำหรับการกระทำผิดต่างๆ การดูแลเรื่องความปลอดภัย เช่น แสงสว่างที่เพียงพอ ไม่อยู่ในที่เปลี่ยว เป็นมุมอับหรือไกลเกินไป 4 มีแหล่งจ่ายน้ำเพียงพอ แรงดันของน้ำและปริมาณของน้ำสำหรับห้องน้ำต้องเพียงพอ โรงเรียนบา โรงเรียนจำนวนมากไม่สามารถให้บริการห้องน้ำได้ถึงแม้จะมีห้องน้ำก็ตาม เพราะขาดแหล่งจ่ายน้ำได้ ตลอดเวลาที่เปิดเรียน หรือตลอดทั้งปีการศึกษา ปริมาณน้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญโยงไปถึงความสะอาด ของห้องน้ำอีกด้วย


6 2.5. มีระบบระบายน้ำเสีย และการระบายอากาศที่ดีและการอุดตันของท่อระบายน้ำเป็น ปัญหาที่พบจากของห้องน้ำ การออกแบบระบบการระบายน้ำเสีย การถ่ายเทอากาศและการใช้ มาตรการป้องกันการอุดตันของท่อ 4.การใช้ห้องน้ำ-ห้องส้วมอย่างถูกวิธี สำหรับนักเรียนจะแยกเป็นห้องน้ำหญิง - ห้องน้ำชาย ออกจากกันเป็นแต่ละหลัง ซึ่ง นักเรียนทุกคนจะต้องช่วยกันรักษารักษาความสะอาด และถือเป็นหน้าที่จะต้องทำเพื่อให้การใช้ห้องน้ำ ห้องส้วม ถูกสุขลักษณะควรปฏิบัติให้ถูกต้อง ดังนี้ 3.1.ราดน้ำ เพื่อทำความสะอาดโถส้วมหลังจากใช้แล้วทุกครั้ง 3.2.ผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว ควรห่อให้มิดชิดก่อนทิ้งลงขยะที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ อย่าทิ้งลง ในโถส้วมเป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้ส้วมอุดตัน 3.3.แต่งกายให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องส้วม 3.4.ไม่ขีดเขียนข้อความให้เลอะเทอะ หรือเขียนคำหยาบ 3.5.เมื่อเข้าส้วมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง 3.6.เมื่อพบว่าน้ำเต็มถังหรือภาขนะ ควรรีบปิดก๊อกทันที ไม่ควรปล่อยให้น้ำไหลทิ้งโดย เปล่าประโยชน์ 3.7 ควรฝึกตนเองในการเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาจนเป็นกิจนิสัยที่ถูกต้อง 5 ประเภทของห้องน้ำ ห้องน้ำตามบ้านทั่ว ๆไปนั้นมักจะแบ่งออกเป็น 3 ประเกทคือ ห้องน้ำส่วนตัว ท้องนำรวม และห้องนำรับแขก ซึ่งห้องน้ำแต่ละแบบแต่ละประเภทก็มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกันไปโดยมี ดังต่อไปนี้ห้องน้ำส่วนตัว ส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับ ห้องนอน ในห้องนอนใหญ่มักจะมีท้องน้ำส่วนตัวที่เข้า จากห้องนอนเพียงทางเดียว มีสุขกัณฑ์ครบสำหรับทุกกิจกรรม ทั้งอ่างล้างหนำ โถส้วม ส่วนยืนอาบนำ และอ่างอาบน้ำในบางครั้ง รวมทั้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมส่วนตัวอื่นตามความต้องการของเจ้าของห้อง ห้องนำส่วนตัวในบ้านบางหลังสำหรับสามีภรรยาอาจต้องการการแยกส่วนห้องส้วมออกต่างหากเป็น ห้องย่อยสองห้อง และอาจต้องการอ่างล้างหน้าสองอ่างเพื่อใช้งานพร้อมกันได้ในเวลาเร่ง รีบ และบาง คนต้องการห้องนำเปิดโล่งต่อเนื่องกับสวนที่มีขอบเขตส่วนตัวและต่อเนื่องกับห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ทั้งนี้เป็นไปตามความต้องการพิเศษของเจ้าของแต่ละรายห้องนำรวม เป็นห้องนำที่ใช้รวมกันหลาย ห้องนอน การเข้าถึงห้องนำประเภทนี้จะเข้าได้จากบริเวณโดงหรือทางเดินซึ่งผู้ใช้ จากห้องนอนทุกห้อง


7 เข้าได้สะดวก หรือตั้งอยู่ระหว่างห้องนอนสองห้อง โดยมีประตูของทางเพื่อเข้าห้องนำได้ ทั้งจาก ห้องนอนและโถง ทางเดิน หรือจากแต่ละ ห้องนอนได้โดยตรงด้วย โดยมีสุขภัณฑ์ครบสำหรับกิจกรรม หลัก ได้แก่ อ่างล้าง หน้า โถส้วม ส่วนอาบน้ำ แต่ไม่ควรมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมส่วนตัวอื่น ๆ เพราะ ต้อง จำกัดเวลาในการใช้งานของแต่ละคนที่ต้องแบ่งปันกันไม่ให้นานเกินไปห้องนำรับแขก บ้านสองชั้น ขึ้นไปที่มีห้องรับแขก อยู่ชั้นล่าง อาจต้องการห้องนำสำหรับแขกหรือสมาชิกในบ้านสำหรับช่วงเวลา กลางวันที่อยู่ชั้นล่าง ห้องนำประเภทนี้จะมีเพียง อ่างล้างหน้า โถส้วม และโถฉี่เท่านั้น 6.การออกแบบห้องน้ำ ภายใน ห้องน้ำ ควรประกอบด้วย อ่างล้างหน้า อาจ จะมีเคานเตอร์ด้วยได้ ชักโครก โถ ปัสสาวะชาอาบน้ำ หรือถ้ามีพื้นที่มากพอ อาจใส่อ่างอาบน้ำเข้าไปก็ได้ การใช้งาน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่อย่าลืมที่ขาดเสียไม่ได้ภายในห้องน้ำ ควรมีพัดสม ระบายอากาศ หรือช่องลมก็ได้ หากไม่มีจะทำให้ ห้องน้ำอับชื้นและเกิดกลิ่นเหม็นห้องน้ำควรจัดตกแต่งให้สะอาด ไม่อึดอัด ควรแบ่ง เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเปียก และส่วนแห้งส่วนเปียก จะใช้ในการอาบน้ำ อาจจะเป็นอ่างหรือ ฝึกบัวก็ได้ ควรมีการ ป้องกัน ไม่ให้น้ำกระเต็นมาสู่ส่วนแห้งส่วนแห้ง คือ ส่วนอ่างล้างหน้า โถปีสสาวะ ซักโครก ส่วนนี้ สามารถใช้พรมแผ่น มาวางได้ แต่การใช้งานต้องระวังให้แห้งจริง ๆ นอกจากนี้ยังต้องมีเฟอร์นิเจอร์ ส่วนประกอบต่าง ๆ อีก เช่น กระจกส่องหน้า ที่ใส่ทิชชู ที่ไส่สบู่ ที่แขวนผ้าเช็ด หน้า เป็นต้น ถ้า เฟอร์นิเจอร์พวกนี้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมจะ ใช้งานไม่สะดวก ควรออกแบบไว้ล่วงหน้าเลยจะ ดีกว่า เพราะ ถ้ามีปัญหาจะแก้ไขยาก เช่น ตำแหน่งของกระจกส่องหน้าสูงเกินไปที่แขวนผ้าเช็ดหน้า และที่ใส่ทิชใกล้อ่างล้างหน้าจน เกินไป ทำให้เปียกได้ ที่แขวนผ้าเช็ดตัวอยู่ไกลจากส่วนอาบน้ำสาย ชำระอยู่ช้ายมือ ใช้งานไม่สะดวก ม่านกันน้ำ เลือนไปแล้วตัดสุขภัณฑ์ ที่วางสบู่ โดนน้ำจากมีกบัว ทั้งหมดนี้ควรหลีกเลี่ยงให้ได้ 7.หน้าที่หลักของห้องน้ำ 6.1. เป็นที่พิจารณาความไม่งามของร่างกาย พิจารณาอายุของเราที่ผ่านไปแต่ละวัน แต่ละคืนก็ตรงนี้ แล้วความหลงตัวเองก็จะหมดไป ความเคียดแค้นชิงชังใครก็จะไม่มี 6.2. เป็นที่พิจารณาความเสื่อมโทรมของร่างกายที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง 6.3. เป็นที่พิจารณาความเป็นรังแห่งโรคของร่างกาย ห้องน้ำเป็นห้องพิจารณาความมี โรคภัยไข้เจ็บของเรา ที่สำคัญที่สุด ห้องน้ำเป็นห้องสำหรับรักษาสุขภาพอย่างดี


8 8.คุณลักษณะที่ดี 7.1.ปลอดภัยและใช้งานสะดวก เรียกว่าเป็นปัจจัยหลักของห้องน้ำ โดยเฉพาะถ้าเป็น โรงเรียนนั้นมีเด็กเราจำเป็นต้องคัดเลือกวัสดุพอสมควร เพื่อให้ความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ กลอนประตูที่สามารถเปิดใช้สำรองเวลาฉุกเฉิน 7.2.เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใกล้ชิดธรรมชาติ ควรเลือกตกแต่งห้องน้ำสุขภาพดีอย่าง เรียบง่าย ด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น หิน ต้นไม้ ซึ่งสามารผสมผสานกับสุขภัณฑ์สมัยใหม่ไดเป็นอย่างดี และที่สำคัญอีกอย่างควรเลือกสุขภัณฑ์ที่ดีและรุ่นที่ประหยัดน้ำเพื่อลดการใช้น้ำรวมทั้งประหยัดเงินได้ อีกด้วย 7.3.ปลอดเชื้อรา ไร้เชื้อโรคเราสามารถป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ตั้งแต่ ขั้นตอนการเลือกวัสดุปูนหรือผนังด้วยวัสดุพื้นเรียบทำความสะอาดง่าย เช่น กระเบื้องเซรามิค รวมทั้ง ต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดอุปกรณ์อ่างน้ำอยู่เสมอด้วย งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งานวิจัยในประเทศ นฤมล นาคมี (2549) ศึกษาเรื่อง ผลการสํารวจสถานการณ์ส้วม สาธารณะในสถานีบริการน้ามันเชื้อเพลิง โดยศึกษาสถานการณ์ส้วมสาธารณะในจังหวัดพิษณุโลก สํารวจและเก็บ ข้อมูลพฤติกรรมการใช้ส้วมในที่สาธารณะและสถานบริการต่างๆ ใน 9 อําเภอของ จังหวัดพิษณุโลก จากส้วมสาธารณะ 907 แห่งและสัมภาษณ์ผู้ใช้บริการ 3,600 คน กระจายกลุ่ม ตัวอย่างให้มีความ ครอบคลุมทั้งเพศและกลุ่มอายุ โดยใช้แบบสํารวจที่ออกแบบโดยกองสุขาภิบาล ชุมชนและประเมิน ต่อสุขภาพ กรมอนามัย จากการสุ่มตัวอยางสํารวจส้วมสาธารณ ่ ะ 907แห่ง พบว่า มีส้วมผานเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ (HAS) จํานวน 57 แห่ง คิดเป็น ร้อยละ 6.28 สําหรับพื้นที่สาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบของท้องถิ่นจากการสํารวจพบว่ายังไม่มีให้บริการใน จังหวัด พิษณุโลก สถานการณ์การบริการส้วมสาธารณะโดยภาพรวมทั้ง 10 ประเภทสถานที่ให้บริการ ส้วม สาธารณะ พบว่าด้านความสะอาด (Healthy: H) พบว่า กระดาษชําระเพียงพอต่อการใช้งาน ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ (อาจจําหน่ายหรือบริการฟรี ) หรือสายฉีดนํ้ชําระที่สะอาดอยูใน่ สภาพ ดี และใช้งานได้ ผานเกณฑ์ร้อยล่ะ 40.5-42.5 อ่างล้างมือ ก๊อกนํ้กระจกสะอาดอยูในสภาพดีและใช้งาน ได้ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 57.9-61.1 สบู่ล้างมือ พร้อมให้ใช้ ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการผ่านเกณฑ์ร้อยละ 52-56.3 สภาพท่อระบายสิ่งปฏิกูลและถังเก็บกกไม้่รั่ว แตก หรือชํารุดผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 92.1-93.5 ความเพียงพอ (Accessibility: A) ส้วมสาธารณะพร้อมใช้งานตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 89.3-86.9 ความปลอดภัย (Safety: S) ประตูที่จับเปิด–ปิด และที่ล็อกด้านใน สะอาด อยู่ใน


9 สภาพดี ใช้งานได้ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 74-77.2 พื้นห้องส้วมแห้งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75.4-77.8 และแสง สว่างเพียงพอ สามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 88.4-91 ของกลุ่ม ตัวอยางส้วม สาธารณะที่สุ่มสํารวจ แสงจันทร์กล่อมเกษม (2554) ศึกษาเรื่อง การประเมินเบื้องต้นการปนเปื้อนเชื้อ โคลิฟอร์ม แบคทีเรียของส้วมสาธารณะในเขตเทศบาลนครชียงใหม่ เป็นการประเมินเบื้องต้นของส้วม 20 สาธารณะในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่84 แห่ง เก็บตัวอย่างการปนเปื้อนอุจจาระภายในห้องส้วม 13 จุด จํานวน 922 ตัวอยาง่ โดยใช้แบบประเมินมาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ(HAS) และ ชุดทดสอบโคลิฟอร์มแบคทีเรีย (SI-2) ระหว่างเดือน มีนาคม-พฤษภาคม 2554 ผลการศึกษา พบว่า ผ่านเกณฑ์HAS เพียง 4 แห่ง (ร้อยละ 4.8) คือ สถานีขนส่งทางบก สถานีบริการนํ้ามันเชื้อเพลิง สถานที่ราชการ และศาสนสถาน เกณฑ์ความสะอาด (Healthy: H) สภาพท่อระบายสิ่งปฏิกูลและถัง เก็บกกน้าไม่รั่วแตกหรือชํารุด ร้อยละ 90.5 ปัญหาที่พบมากคือไม่จัดให้มีการทําความสะอาดและ ระบบการควบคุมตรวจตราเป็นประจํา ร้อยละ 48.8 เกณฑ์ความเพียงพอ(Accessibility : A) มีส้วม พร้อมใช้งานตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ ร้อยละ 97.6 พบว่าไม่มีส้วมนังราบสําหรับผู้พิการผู้สูงวัย หญิง ตั้งครรภ์ร้อยละ 86.9 เกณฑ์ความปลอดภัย (Safety : S) ส้วมสาธารณะไม่อยู่ที่ลับตา/เปลี่ยว ร้อยละ 100 ส่วนข้ออื่นๆ ผ่านเกณฑ์ได้มากกว่า ร้อยละ 78.6ขึ้นไป ผลการศึกษาการปนเปื้อนเชื้อ โคลิฟอร์ม แบคทีเรีย พบมากที่สุดในส้วมสาธารณะของสวนสาธารณะ ตลาดสด และโรงเรียน ร้อยละ 36.4, 34.6 และ 33.3 ตามลําดับส่วนห้องส้วมในห้องอาหารโรงแรมพบการปนเปื้อนน้อยที่สุด ร้อยละ 1.4 และ พบการปนเปื้อนในห้องส้วมชายมากกวาส้วมหญิง ่ (ร้อยละ 18.9และ 18.4) กิจจา จิตรภิรมย์(2556) ศึกษาเรื่อง การประเมินมาตรฐานและการปนเปื้อนแบคทีเรียใน ห้องส้วมสาธารณะเป็นการประเมิน มาตรฐานห้องส้วมสาธารณะภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตขายปลีก ขนาดใหญ่ คือ A และ B ใน กรุงเทพมหานครฯ จํานวน 30 สาขา โดยใช้แบบประเมินมาตรฐานส้วม สาธารณะ ตามมาตรฐาน HAS ตลอดจนทําการป้ายเชื้อบนพื้นผิววัสดุ อุปกรณ์ที่ผู้เข้ารับบริการใน ห้องส้วมมีโอกาสสัมผัส จํานวน 5 จุดได้แก่ ก๊อกนํ้า ขอบอ่างล้างมือ ลูกบิดหรือกลอนประตู ฝารอง นั่งชักโครก และที่กดชัก โครก รวมทั่งสิ้นจํานวน 100 ตัวอยาง เพื่อแยกและวินิจฉัยเชื่อแบคทีเรียที่ ปนเปื้อนในห้องส้วม ได้แก่ แบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) อีโคไล (E.coli) สแตรป ฟิ โลคอกคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus)และซัลโมเนลลา (Salmonella spp.)ผลการประเมิน พบว่า มีห้องส้วม สาธารณะภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตขายปลีกขนาดใหญ่ A ไม่ผ่านตามมาตรฐาน HAS เพียง 2 สาขา คิด เป็นร้อยละ 6.7 เนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานด้านอนามัย (ความสะอาด) จาก เกณฑ์ที่ประเมินทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านอนามัย (H; Healthy) ด้านความพอเพียง (A; Accessibility) และ ด้านความปลอดภัย (S; Safety) ส่วนผลการเก็บตัวอยางและแยกเชื่อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในห้องส้วม พบ Coliform Bacteria, E.coli, Staphylococcus Aureus และ Coagulase Negative Staphylococcus spp. (CNSA) แต่ไม่พบ Salmonella spp. โดยพบว่าเชื้อที่ปนเปื้อน ส่วนใหญ่แยกได้จากก๊อกนํ้า บริเวณ


10 ขอบอ่าง ล้างมือ บริเวณลูกบิดหรือกลอนประตูฝารองนั่งชักโครก และที่กดชักโครกตามลําดับ ดังนั้น จึง กล่าวได้ว่าห้องส้วมสาธารณะดังกล่าวยังขาดมาตรการที่เหมาะสมในการทําความสะอาด หรือ ผู้ใช้บริการยังมีสุขนิสัยที่ไม่ถูกสุขลักษณะจนทําให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค และสามารถ 21 แพร่กระจาย จนมีความเสี่ยงทางสุขภาพต่อการติดเชื้อภายในห้องส้วมสาธารณะที่ให้บริการใน ซุปเปอร์มาร์เกตนี้ได้มัตติกา ยงอยู่และคณะ (2556) ศึกษาเรื่อง การเฝ้าระวังส้วมสาธารณะและ พฤติกรรม ของผู้ใช้บริการส้วมในร้านอาหาร พื้นที่อําเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรีมีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษา สถานการณ์ส้วมสาธารณะตามเกณฑ์มาตรฐานระดับประเทศ (HAS) ในร้านอาหาร ซึ่งเป็น กลุ่มเป้าหมายในการดําเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะ ในพื้นที่อําเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรีและ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะของผู้ใช้บริการกลุ่มตัวอย่างเป็นส้วมสาธารณะใน ร้านอาหาร จํานวน 55 ร้าน และประชาชนที่มาใช้บริการในร้านอาหารจํานวน 55 คน ในพื้นที่อําเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ่ เครื่องมือที่ใช้ศึกษาเป็น แบบสอบถาม พฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะ และแบบสํารวจตามเกณฑ์มาตรฐานส้วม ระดับประเทศ(HAS) สถิติที่ ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละ(%)ผลการศึกษาพบว่า1) ส้วม ในร้านอาหารในพื้นที่อําเภอไทรโย คผานเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะทั่ง 16 ข้อจํานวน 46 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85 และ 2) ส่วนใหญ่ ผู้ใช้บริการส้วมสาธารณะมีพฤติกรรมที่ถูกต้องคือเวลาใช้ส้วม นั่งราบ (ชักโครก) ผู้ใช้บริการใช้กระดาษ เช็ด คิดเป็นร้อยละ 89.7 และหลังจากเข้าห้องส้วมแล้ว ผู้ใช้บริการล้างมือด้วยสบู่และนํ้าคิดเป็นร้อย ละ 96.7 รวมทั้งมีพฤติกรรมการใช้และทิ้งวัสดุต่างๆ เช่น กระดาษเช็ดมือผ้าอนามัย บุหรี่ลงถังขยะคิด เป็นร้อยละ 100 และส่วนใหญ่เวลาเข้าห้องนํ้าแล้วราดนํ้าทั่งก่อนและหลังใช้ส้วม คิดเป็นร้อยละ 83.3 แต่ยังมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องอยูคือ่ ผู้ใช้บริการ ส่วนใหญ่ใช้และทิ้งกระดาษชําระลงถังขยะคิดเป็นร้อย ละ 90 บุญส่ง ไข่เกษ และคณะ (2557) ศึกษาเรื่อง สุขลักษณะความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ห้องส้วม และการปนเปื้อนแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มในห้องส้วมสาธารณะที่ตั้งภายในซุปเปอร์มาร์เกตในเขต กรุงเทพมหานคร โดยวัตถุประสงค์ของงานวิจัยเชิงสํารวจ เพื่อตรวจหาการปนเปื้อนของ แบคทีเรีย กลุ่มโคลิฟอร์ม และอีโคไล (E. coli) ในห้องส้วมที่ตั้งภายในซุปเปอร์มาเก็ตขายปลีก ขนาดใหญ่ และ ศึกษาสุขลักษณะและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ โดยการป้ายเชื้อบนตัวอย่าง พื้นผิววัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้ในห้องส้วม 5 ชนิด ประกอบด้วย ก๊อกนํ้า ขอบอ่างล้างมือ ฝารองนังชัก่ โครก ลูกบิดหรือ กลอนประตู และที่กดชักโครกเพื่อตรวจหาแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม และอีโคไลจาก 20 ห้องส้วม สาธารณะในกรุงเทพมหานครฯ และใช้แบบสอบถามในการประเมินสุขลักษณะ และความพึงพอใจ ของผู้ใช้บริการห้องส้วมจํานวน 100 คน ผลการวิจัยพบวาสามารถแยกแบคทีเรีย กลุ่มโคลิฟอร์มจาก ก๊อกนํ้า ขอบอ่างล้างมือ ฝารองนั่ง ชักโครก ลูกบิดหรือกลอนประตู ที่กดชัก โครก และฝารองนั่ งชัก โครก ร้อยละ 30, 25, 30, 10 และ 5 ตามลําดับ ซึ่งมีการปนเปื้อน 7.5-40.5, 1.0-2.0, 0.1-40, 5.0- 100 และ 21.0 CFU/ซม.2 ตามลําดับ เช่นเดียวกบอีโคไล ที่สามารถแยกได้ในทุก 22 แหล่ง โดยมีการ


11 ปนเปื้อนอยูระหว่าง ร้อยละ 70.-93.3 ของแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมดที่แยก ได้ ผลจากการใช้ แบบสอบถามพบวา่ ผู้ใช้บริการห้องส้วมมีความพึงพอใจสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 17.0 ในความสะอาดของ ห้องนํ้าโดยรวม ในขณะที่ไม่พึงพอใจมากที่สุดร้อยละ 21.0 เกี่ยวกบสิ่งอํานวย ความสะดวกในห้องส้วม เช่น การให้บริการสบู่และกระดาษทิชชู นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 7.0 ของผู้ใช้บริการห้องส้วมไม่เคย ล้างมือด้วยสบู่หรือนํ้า หลังจากการใช้ห้องส้วมเลย จากผลของ งานวิจัยนี้สามารถนํามาใช้เป็นข้อมูล พื้นฐานสําหรับการเสนอแนะวิธีการปรับปรุงสุขาภิบาลของ ผู้ใช้ห้องส้วมตลอดจนสภาพแวดล้อมใน ห้องส้วมสาธารณะทั่วไปงานวิจัยต่างประเทศ เดนนิสไอ เคนเนดี้ และคณะ (Kennedy e.al, 2007) ศึกษาการปนเปื้อนเชื้อเอนเทอริค แบคทีเรีย (Enteric Bacteria) ของส้วมสาธารณะ ในสถานีขนส่ง ผู้โดยสาร (ทั้งทางบกและทาง อากาศ) ห้องเรียนในมหาวิทยาลัย อาคารสํานักงาน โรงพยาบาล และ ร้านอาหาร(Fast Food) รวม ทั้งหมด 47 แห่ง เป็นห้องสุขาชาย 20 แห่ง ห้องสุขาหญิง 27 แห่ง โดย กาหนด ํ จุดทดสอบในห้อง ส้วมสาธารณะ จํานวน 878 จุด ผลการศึกษาพบการปนเปื้อนโคลิฟอร์ม แบคทีเรีย (Coli form Bacteria) ร้อยละ 21, อี.โคไล (E.coli) ร้อยละ 3.1 และซาโมเนลลา (Salmonella) ร้อยละ 3 โดยรวม พบการปนเปื้อนมากที่สุดที่อ่างล้างมือ พื้นห้องส้วม ฝารองนังโถ ส้วมและตู้จําหน่ายผ้าอนามัย จุดที่ มีการปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย มากที่สุด คือ บริเวณอ่างล้าง มือ ร้อยละ 60 จุดที่ไม่พบการ ปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย คือ บริเวณที่กดโถปัสสาวะ ส้วม สาธารณะ ที่ไม่ถูกต้องตามหลัก สุขาภิบาลจะพบการปนเปื้อนมากกว่า แต่ในส้วมสาธารณะที่มีการ จัดการตามหลักสุขาภิบาล จะไม่ มีความแตกต่างกนในระดับการปนเปื้อน สถานที่พบการปนเปื้อน มากที่สุด คือ ส้วมสาธารณะ ใน สถานีขนส่งผู้โดยสาร (ทั้งทางบกและทางอากาศ) รองลงมา คือ ส้วม สาธารณะ ในร้านอาหาร(Fast Food) และส้วมสาธารณะ ในโรงพยาบาล ตามลําดับทั้งยังพบว่า ห้อง สุขาหญิงมีการปนเปื้อน มากกวาห้องสุขาชาย


บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษา ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ 1.กลุ่มเป้าหมาย(ประชากร) 2.เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 3.วิธีการศึกษา 4.สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล 5.การวิเคราะห์ข้อมูล 1. กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่นักเรียนระดับชั้น ปวช-ปวส และคณะอาจารย์ในวิทยาลัย การอาชีพแกลง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เป็นจำนวน 560 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจงระดับชั้นเพื่อ ตอบแบบสอบถามที่สร้างขึ้น 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 2.1 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบสอบถามเรื่อง แบบประเมินความพึงพอใจที่มี ต่อการใช้บริการห้องน้ำหญิงโรงเรียนสตรีอ่างทอง โดยขอคำแนะนำจากครูที่ปรึกษา IS โดยเตรียมร่าง ข้อคำถามจำนวน8 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณ 5 ระดับ คือ 5. หมายถึง มากที่สุด 4.หมายถึงมาก 3. หมายถึง ปานกลาง 2. หมายถึง น้อย 1.หมายถึง น้อยที่สุด 2.2 สร้างแบบสอบถาม เรื่อง แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการใช้บริการห้องน้ำหญิง - ชาย วิทยาลัยการอาชีพแกลง โดยขอคำแนะนำจากครูสมศักดิ์สีใส จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขตามที่ ครูที่ปรึกษางานแนะนำ 2.3 นำแบบสอบถามเรื่อง แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการใช้บริการห้องน้ำหญิง -ชาย วิทยาลัยการอาชีพแกลง ที่แก้ไขและปรับปรุงแล้วให้กลุ่มเป้าหมายประเมิน หลังจากนั้นนำผลที่ได้มาวิเคราะห์


13 3. วิธีการดำเนินการ ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามวิธีดังนี้ 3.1 กำหนดเรื่องที่จะศึกษา โดยสมาชิก 6 คน ประชุมร่วมกัน และร่วมกันคิดและวางแผน ว่าจะศึกษา เรื่องใด 3.2 สำรวจปัญหาที่พบในโรงเรียน ผู้ใช้บริการ สถานที่ที่จัดตั้ง สิ่งแวดลอมรอบข้าง 3.3 เลือกเรื่องที่จะศึกษา โดยเลือกเรื่องที่สมาชิกสนใจมากที่สุด เพื่อเป็นแรงจูงใจในการที่จะหา คำตอบ 3.4 สมาซิก 6 คน พบครูที่ปรึกษาโครงงานเพื่อปรึกษาและสอบถามขอคำแนะนำ 3.5 เขียนความสำคัญความเป็นมาขอปัญหา วัตถุประสงค์ สมมุติฐาน ขอบเขตการวิจัย และประโยชน์ ที่คาดว่าจะได้รับ โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือ และสีบค้นชัดมูลทางอินเทอร์เน็ต และจดบันทึกในโครง ร่างรายงาน ตามคู่มือ 3.6 สร้างเครื่องมือ ที่เป็นแบบสอบถาม จำนวน 8 ข้อ 3.7 นำเครื่องมือที่ปรับปรุงแล้วไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 226 คน 3.8 การเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินโดยการนำแบบสอบถามไปให้กลุ่มเป้าหมายจำ คนและเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 3.9 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม IBM SPSS Stapistics 25 3.10 สรุปการศึกษาและทำรายงาน 4. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 4.8.1 ค่าร้อยล่ะ (Percentage) โดยใช้สูตรดังนี้ เมื่อ P = ×100 เมื่อ P แทน ร้อยล่ะ F แทน ความถี่ที่ต้องแปลงเป็นร้อยล่ะ N แทน จำนวนข้อมูลทั้งหมด 4.7.2 การหาค่าเฉลี่ย (Mean) โดยใช้สูตรดังนี้ ̅= ∑ เมื่อ ̅ แทน ค่าเฉลี่ย ∑ แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด


14 N แทน จำนวนในกลุ่มตัวอย่าง 4.7.3 การหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) โดยใช้สูตรดังนี้ S = √ ∑ 2−(∑ 2) (−1) เมื่อ S แทน ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ∑ 2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวเลขยกกำลัง (∑ 2 ) แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวเลขยกกำลัง N แทน จำนวนในกลุ่มตัวอย่าง 5.การวิเคราะห์ข้อมูล 3.8.1 การวิเคราะห์ที่ได้จากแบบสอบถามนำมาวิเคราะห์ดังนี้ ตอนที่1 ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยใช้สถิติร้อยล่ะ ตอนที่ 2 ข้อมูลความพึงพอใจในการเข้าใช้สื่อการเรียนการสอน เรื่องโปรแกรมกราฟิก วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยใช้หลักเกณฑ์และรายการประเมินตามวิถีการของ ลิเคอร์ท ดังนี้ 5 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจ มากที่สุด 4 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจ มาก 3 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจ ปานกลาง 2 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจ น้อย 1 หมายถึง มีระดับความพึงพอใจ น้อยที่สุด เกณฑ์ในการแปลความหมายความพึงพอใจในการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานใน แต่ล่ะช่วงมีดังนี้ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึงมีระดับความพึงพอใจ มากที่สุด ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.59 หมายถึงมีระดับความพึงพอใจ มาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึงมีระดับความพึงพอใจ ปานกลาง ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึงมีระดับความพึงพอใจ น้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00-1.49 หมายถึงมีระดับความพึงพอใจ น้อยที่สุด ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆ วิเคราะห์โดยการบรรยาย


บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาค้นคว้าห้องน้ำวิทยาลัย ผู้ศึกษาได้นำเสนอการ วิเคราะห์ข้อมูลและการแปลผลข้อมูลตามลำดับดังนี้ 4.1 ขั้นตอนนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.2 ผลการวิเคราะห์ 4.3 สรุปผลการประเมินแบบสอถามความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อห้องน้ำวิทยาลัย การอาชีพแกลง 4.1 ขั้นตอนนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 เป็นผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง ว่าเป็นเพศขายหรือเพศ หญิง อายุ ระดับการศึกษา และสถานภาพ ตอนที่ 2 เป็นผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำวิทยาลัยการอาชีพ แกลง ตอนที่ 3 ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจโดยรวมและรายด้าน จำแนก ตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และสถานภาพของกลุ่ม ตัวอย่าง 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 เป็นผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง แสดงไว้ในตารางที่ 1 ดังนี้ ตอนที่1 จำนวนร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และสถานภาพ สภาพของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน (คน) ร้อยละ 1.เพศ 1.1 เพศชาย 116 51.3 1.2 เพศหญิง 110 48.7 รวม 226 100 2.อายุ 2.1 15-20 ปี 203 89.8 2.2 21-25 ปี 21 9.3


16 2.3 อื่นๆ 2 0.9 รวม 226 100 3.ระดับการศึกษา 3.1 ปวช. 142 62.8 3.2 ปวส. 84 37.2 รวม 226 100 4.สถานภาพ 4.1 ผู้บริหาร/ครู 3 1.3 4.2 นักเรียน/นักศึกษา 223 98.7 รวม 226 100 จากตารางที่ 1 ผลวิเคราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในการเข้าเยี่ยมชมต่อห้องน้ำของ วิทยาลัยการอาชีพแกลง ซึ่งผู้จัดทำโครงการได้ทำแบบทดสอบจำนวน 226 ชุด ตอนที่ 2 เป็นผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับค่าความพึงพอใจในการใช้ห้องน้ำวิทยาลัยการอาชีพแก ลง ซึ่งแสดงไว้ในตารางที่ 2 ดังนี้ ตอนที่2 ตารางแสดงความพึงพอใจโดยหาค่าความถี่และค่ารอยละ ที่ ด้าน ระดับความพอใจ ดีมาก 5 ดี 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 น้อยมาก 1 1 ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ 42 51 101 26 6 คิดเป็นร้อยละ 18.6 22.6 44.7 11.5 2.7 2 ด้านสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้ง 26 71 92 31 6 คิดเป็นร้อยละ 11.5 31.4 40.7 13.7 2.7 3 ด้านความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง 38 63 88 32 5 คิดเป็นร้อยละ 16.8 27.9 38.9 14.2 2.2 4 ด้านความสะอาดของห้องน้ำ 35 55 89 39 8


17 คิดเป็นร้อยละ 15.5 24.3 39.4 17.3 3.5 5 ด้านความเพียงพอของน้ำในแต่ละวัน 33 48 95 44 6 คิดเป็นร้อยละ 14.6 21.2 42 19.5 2.7 6 ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ 48 52 86 31 9 คิดเป็นร้อยละ 21.2 23 38.41 13.7 4 7 ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียน และอาจารย์ 31 54 93 36 12 คิดเป็นร้อยละ 13.7 23.9 41.2 15.9 5.3 8 ด้านกลิ่นรบกวนจากห้องน้ำ 28 45 80 41 32 คิดเป็นร้อยละ 12.4 19.9 35.4 18.1 14.2 จากตารางที่ 2 ความพึงพอใจโดยหาค่าความถี่และค่าร้อยละ พบว่าระดับความพึงพอใจของ กลุ่มตัวอย่างส่วญใหญ่จะอยู่เกณฑ์ปานกลาง ตอนที่3 ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจโดยรวม ข้อที่ ความคิดเห็น S.D ระดับ 1 ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ 3.43 1.005 ปานกลาง 2 ด้านสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้ง 3.35 0.947 ปานกลาง 3 ด้านความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง 3.43 1.001 ปานกลาง 4 ด้านความสะอาดของห้องน้ำ 3.31 1.042 ปานกลาง 5 ด้านความเพียงพอของน้ำในแต่ละวัน 3.26 1.018 ปานกลาง 6 ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ 3.44 1.091 ปานกลาง 7 ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียนและ อาจารย์ 3.25 1.05 ปานกลาง 8 ด้านกลิ่นรบกวนจากห้องน้ำ 2.98 1.204 ปานกลาง จากตารางที่ 3 ผลวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจที่มีต่อห้องน้ำของ วิทยาลัยการอาชีพแกลง


18 4.3 สรุปผลการประเมินแบบสอถามความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อห้องน้ำของวิทยาลัยการอาชีพ แกลง จากการสำรวจความพอใจการใช้วิทยาลัยการอาชีพแกลง โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ ให้กับผู้ทดลองใช้ห้องน้ำวิทยาลัยการอาชีพแกลง โดยทำการประเมินจำนวน 226 ชุด ซึ่งได้รับความ ร่วมมือเป็นอย่างดี สามารถรวบรวมได้ครบตามจำนวนที่แจกจ่ายไป ดังนั้นจึงขอสรุปรายละเอียดให้ ทราบดังนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามเพศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 116 คน คิดเป็นร้อยละ 89.8% รองลงมาเป็นเพศหญิง จำนวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 48.7% ผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-20 ปี จำนวน 203 คน คิดเป็นร้อยละ 89.8% รองลงมาช่วงอายุ 21-25 ปี จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 9.3% และน้อยที่สุดคือ อื่นๆ จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.9% ผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษาระดับชั้น ปวช. จำนวน 142 คน คิดเป็นร้อยละ 62.82% รองลงมาเป็นนักเรียน/นักศึกษา ระดับชั้น ปวส. จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 37.2% ผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามสถานภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษาทั้งหมด จำนวน 223 คน คิดเป็นร้อยละ 98.7% รองลงมาเป็นผู้บริหาร/ครู จำนวน 3 คน คิด เป็นร้อยละ 1.3% ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจที่มีต่อห้องน้ำของวิทยาลัยการอาชีพแกลง อยู่ ในระดับมาก โดยมีเฉลี่ยเท่ากับ 3.30 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.818 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความคิดเห็นมากที่สุดในเรื่อง ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ (X̅=3.43,S.D=1.005) ด้านสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้ง (X̅=3.35,S.D=0.947) ด้านความเหมาะสม ของสถานที่ตั้ง(X̅=3.43,S.D=1.001) ด้านความสะอาดของห้องน้ำ(X̅=3.31,S.D=1.042) ด้านความ เพียงพอของน้ำในแต่ละวัน(X̅=3.26,S.D=1.018) ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ (X̅=3.44,S.D=1.091) ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียน(X̅=3.25,S.D=1.050) ด้านกลิ่นรบกวน จากห้องน้ำ(X̅=2.98,S.D=1.204)


บทที่5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง “ห้องวิทยาลัยการอาชีพแกลง” เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน/นักศึกษา และบุคลากรของวิทยาลัยการอาชีพแกลง 5.1 สรุปผล 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามเพศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 48.7% รองลงมาเป็นเพศชาย จำนวน 116 คน คิดเป็นร้อยละ 51.3% ผู้ตอบ แบบสอบถามจำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-20 ปี จำนวน 203 คน คิดเป็นร้อยละ 89.8% รองลงมาช่วงอายุ 21-25 ปี จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 9.3% ผู้ตอบ แบบสอบถามจำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นนักเรียน/นักศึกษา ระดับชั้น ปวช. จำนวน 142 คน คิดเป็นร้อยละ 62.8% รองลงมาเป็นนักเรียน/นักศึกษาระดับชั้น ปวส. จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 37.2% ผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามสถานภาพ พบว่า กลุ่ม ตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นนักเรียน/นักศึกษาทั้งหมด จำนวน 223 คน คิดเป็นร้อยละ 98.7% รองลงมาเป็น ผู้บริหาร/ครู จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.3% ตอนที่ 2 ความคิดเห็นต่อห้องน้ำของวิทยาลัยการอาชีพแกลง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจที่มีต่อห้องน้ำของวิทยาลัยการอาชีพแกลง อยู่ ในระดับมาก โดยมีเฉลี่ยเท่ากับ 3.30 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.818 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความคิดเห็นมากที่สุดในเรื่อง ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ (X̅=3.43,S.D=1.005) ด้านสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้ง (X̅=3.35,S.D=0.947) ด้านความเหมาะสม ของสถานที่ตั้ง(X̅=3.43,S.D=1.001) ด้านความสะอาดของห้องน้ำ(X̅=3.31,S.D=1.042) ด้านความ เพียงพอของน้ำในแต่ละวัน(X̅=3.26,S.D=1.018) ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ (X̅=3.44,S.D=1.091) ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียน(X̅=3.25,S.D=1.050) ด้านกลิ่นรบกวน จากห้องน้ำ(X̅=2.98,S.D=1.204)


20 5.2 อภิปรายผล จากการวิจัยให้ทราบผลว่า ความพึงพอใจที่มีต่อห้องน้ำของวิทยาลัยการอาชีพแกลง ที่ทางคณะผู้วิจัยได้วัย และพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาห้องน้ำเหม็น เพื่อความพึงพอใจ ในการใช้ห้องน้ำของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายของวิทยาลัยการอาชีพแกลง เพื่อความสะอาดของ ห้องน้ำหญิงและนักเรียนชาย เพื่อถูกสุขลักษณะของห้องน้ำตามพระราชบัญญัติ จากผู้วิเคราะห์ข้อมูลทั่งไปของผู้ตอบแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อยู่ ในช่วงอายุ 15-20 ปี เป็นนักเรียน/นักศึกษาระดับชั้น ปวช. จากการสำรวจเห็นต่อห้องน้ำของวิทยาลัย การอาชีพแกลง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความคิดเห็นมากที่สุดในเรื่อง ด้านสภาพแวดล้อมของ สถานที่ตั้ง รองลงมาได้แก่ ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ ด้านความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง ด้าน ความสะอาดของห้องน้ำ ด้านความเพียงพอของน้ำในแต่ละวัน ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียนและน้อยที่สุดคือ ด้านกลิ่นรบกวนจากห้องน้ำ 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยในครั้งนี้ 5.3.1.1 ควรเพิ่มระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลการทำวิจัย 5.3.1.2 ควรมีการดำเนินการวางแผนที่ดี 5.3.2 ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป 5.3.2.1 ควรเปลี่ยนกลุ่มกรณีศึกษาให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม 5.3.2.2 ควรค้นค้าหาเอกสารวิจัยที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้นกว่าเดิมในการทำวิจัยครั้ง ต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสถานศึกษา เพื่อประโยชน์ต่อผู้วิจัยที่สนใจจะเก็บผลการการวิจัยที่ได้ ไปปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ต่อไป


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก เครื่องที่ใช้ในการทำวิจัย


แบบประเมินความพึงพอใจในการให้บริการห้องน้ำวิทยาลัยการอาชีพแกลง ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม คำชี้แจ้ง : โปรดทำเครื่องหมาย ลงในช่อง ในช่องว่างให้ตรงกับความคิดเห็นของท่านมากที่สุด 1. เพศ 1. ชาย 2. หญิง 2. อายุ 1. 15-20ปี 2. 21-25ปี 3. อื่นๆ 3. ระดับการศึกษา 1. ปวช. 2. ปวส. 4. สถานภาพ 1. ผู้บริหาร/ครู 2. นักเรียน/นักศึกษา ตอนที่2 แบบประเมินความพึงพอใจในการให้บริการห้องน้ำวิทยาลัยการอาชีพแกลง คำชี้แจง : โปรดเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องระดับความคิดเห็นหรือความพึงพอใจของท่าน ข้อที่ รายการประเมิน ระดับความพึ่งพอใจ 5 4 3 2 1 1 ด้านความปลอดภัยขณะใช้ห้องน้ำ 2 ด้านสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้ง 3 ด้านความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง 4 ด้านความสะอาดของห้องน้ำ 5 ด้านความเพียงพอของน้ำในแต่ละวัน 6 ด้านความเหมาะสมของการวางถังขยะ 7 ด้านจำนวนห้องน้ำเพียงพอต่อนักเรียน 8 ด้านกลิ่นรบกวนจากห้องน้ำ ความคิดเห็นเพิ่มเติมหรือข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ......................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................


รูปภาพ การหาค่าเฉลี่ยในโปรแกรม spss


ภาคผนวก ข เอกสารที่เกี่ยวข้อง


รูปภาพที่ 1 ตารางแบบประเมิน รูปภาพที่ 2 ตารางแบบประเมิน


รูปภาพที่ 3 ตารางแบบประเมิน รูปภาพที่ 4 ตารางแบบประเมิน


Click to View FlipBook Version