The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jasmin Supakit, 2023-05-31 10:46:59

เซอร์ไอแซกนิวตัน

ประวัติ2

เซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)


ประวัติ ไอแซก น ิ วตนัเก ิ ดเม ื่อวนัท ี่4 มกราคม ค.ศ. 1642 ที่วูลส์ธอร์ พแมนเนอร์ทอ ้ งถ ิ่นชนบทแห่งหน่ึ งในลินคอล์นเชียร์ตอนที่นิว ตนัเก ิ ดน ้ นั ประเทศองักฤษยงัไม่ยอมรับปฏิทินเกรกอเรียน ดงัน ้ นั วนัเก ิ ดของเขาจ ึ งบนัท ึ กเอาไวว ้ า่เป็ นวนัท ี่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1642 บ ิ ดาของน ิ วตนัซ่ึ งเป็ นชาวนาผม ู ้ งั่คงั่เส ี ยช ี ว ิ ตก่อนเขาเก ิ ด 3 เดือน เม ื่อแรกเก ิ ดน ิ วตนัตวัเลก ็ มาก เขาเป็ นทารกคลอดก่อนกา หนดท ี่ไม่ ม ี ผใ ู ้ ดคาดวา่จะรอดช ี ว ิ ตไดมารดาของเขาคื ้ อนางฮานนาห์ อายสคัฟ บอกวา่เอาน ิ วตนั ใส่ในเหยอ ื กควอร ์ ทยงัได ้ เมื่อนิวตันอายุได้ 3 ขวบ มารดาของเขาแต่งงานใหม่กบัสาธุคุณบาร ์ นาบสัสม ิ ธและได ้ ท ิ ้ งน ิ วตนัไวใ้ หม ้ าร ์ เกร ี อายส ์ คฟัยายของน ิ วตนัเล ้ ี ยง น ิ วตนัไม่ชอบ พอ่เล ้ ี ยงและเป็ นอร ิ กบัมารดาไปดว ้ ยฐานแต่งงานกบัเขา ความร ู ้ส ึ ก น ้ ีปรากฏในงานเข ี ยนสารภาพบาปท ี่เขาเข ี ยนเม ื่ออายุ19 ขอใหพ ้ อ่ กบัแม่สม ิ ธรวมท ้ งับา ้ นของพวกเขาถ ู กไฟผลาญ น ิ วตนัเคยหม ้ นั


คร ้ังหน่ึ งในช่วงปลายวยัรุ่นแต่เขาไม่เคยแต่งงานเลยเพราะอุทิศ เวลาท ้ งัหมดใหก ้ บัการศ ึ กษาและการทา งาน นบัแต่อายุ 12 จนถึง 17 นิวตันเข้าเรียนที่คิงส์สกูลแก รนแธม ต่อมาในเด ื อนตุลาคม ค.ศ. 1659 เขากลบัไปบา ้ นเก ิ ดเม ื่อ มารดาที่เป็ นหมา ้ ยคร ้ังท ี่ 2 พยายามบงัคบัใหเ ้ ขาเป็ นชาวนา แต่เขา เกลียดการท านา คร ู ใหญ่ท ี่ค ิ งส ์ สก ู ล เฮนร ี สโตกส ์ พยายามโนม ้ นา ้ วใหม ้ ารดาของเขายอมส่งเขากลบัมาเร ี ยนใหจ ้ บจากแรงผลักดัน ในการแกแ ้ คน ้ คร ้ังน ้ ี น ิ วตนัจ ึ งเป็ นนกัเร ี ยนท ี่ม ี ผลการเร ี ยนส ู งท ี่สุด เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1661 นิวตันได้เข้าเรียนที่ว ิ ทยาลยัทร ิ น ิ ต ้ ี แห่ง มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในฐานะซิซาร์คือทุนชนิดหนึ่งซึ่งนักศึกษา ตอ ้ งทา งานเพ ื่อแลกกบัท ี่พกัอาหาร และค่าธรรมเน ี ยม ในยคุน ้ นั การเร ี ยนการสอนในว ิ ทยาลยัต ้ งัอยบ ู่นพ ้ ื นฐานแนวค ิ ดของ อริสโตเติล แต่น ิ วตนัชอบศ ึ กษาแนวค ิ ดของนกัปรัชญายคุใหม่คน อ ื่นๆ ท ี่ทนัสมยักวา่เช่น เดส์การ์ตส์และนักดาราศาสตร์เช่น โค


เปอร์นิคัส, กาลิเลโอ และเคปเลอร์เป็ นต้น ปี ค.ศ. 1665 เขา ค้นพบทฤษฎีบททวินามและเร ิ่มพฒันาทฤษฎ ี ทางคณ ิ ตศาสตร ์ ซ่ึ ง ต่อมากลายเป็ น แคลคูลัสกณิกนันต์(infinitesimal calculus) นิวตันได้รับปริญญาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1665 หลงัจากน ้ นั ไม่นาน มหาว ิ ทยาลยัตอ ้ งปิ ดลงชวั่คราวเน ื่องจากเก ิ ด โรคระบาดคร ้ังใหญ่ แม้เมื่อศึกษาในเคมบริดจ์เขาจะไม่ม ี อะไร โดดเด่น แต่การศ ึ กษาดว ้ ยตนเองท ี่บา ้ นในวล ู ส ์ ธอร ์ พตลอดช่วง 2 ปี ต่อมาไดส้ ร ้ างพฒันาการแก่ทฤษฎ ี เก ี่ยวกบัแคลค ู ลสัธรรมชาต ิ ของแสงสวา่ง และกฎแรงโนม ้ ถ่วงของเขาอยา่งมาก น ิ วตนัไดท ้ า การทดลองเก ี่ยวกบัแสงอาท ิ ตยอ ์ ยา่งหลากหลายดว ้ ยแท่งแกว ้ ปริซึมและสรุปวา่ รังสีต่างๆ ของแสงซ่ึ งนอกจากจะม ี ส ี แตกต่างกนั แลว ้ ยงัม ี ภาวะการหกัเหต่างกนัดว ้ ย การคน ้ พบท ี่เป็ นการอธ ิ บายวา่ เหตุที่ภาพที่เห็นภายในกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้เลนส์แกว ้ไม่ชดัเจน กเ ็ น ื่องมาจากมุมในการหกัเหของลา แสงท ี่ผา่นแกว ้ เลนส ์ แตกต่าง กนัทา ใหร ้ ะยะโฟกสัต่างกนัดว ้ ยจ ึ งเป็ นไม่ไดท ้ี่จะไดภ ้ าพท ี่ชดัดว ้ ย เลนส ์ แกว ้ การคน ้ พบน ้ ี กลายเป็ นพ ้ ื นฐานในการพฒันากล้อง


โทรทรรศน์แบบกระจกเงาสะท้อนแสงที่สมบูรณ์โดยวิลเลียม เฮอร์เชล และ เอ ิ ร ์ ลแห่งโรส ในเวลาต่อมา ในเวลาเด ี ยวกบัการ ทดลองเร ื่องแสงสวา่ง น ิ วตนักไ็ ดเ ้ ร ิ่มงานเก ี่ยวกบัแนวค ิ ดในเร ื่อง การโคจรของดาวเคราะห์ ในปี ค.ศ. 1667 เขากลบัไปเคมบร ิ ดจอ ์ี กคร ้ังหน่ึ งในฐานะภาค ี สมาช ิ กของทร ิ น ิ ต ้ ีซึ่งมีกฎเกณฑ์อยว ู่า่ผเ ู ้ป็ นภาค ี สมาช ิ กตอ ้ งอุท ิ ศ ตนถ ื อบวช อนัเป็ นส ิ่งท ี่น ิ วตนัพยายามหล ี กเล ี่ยงเน ื่องจากมุมมอง ของเขาท ี่ไม่เห ็ นดว ้ ยกบัศาสนา โชคด ี ท ี่ไม่ม ี กา หนดเวลาท ี่แน่นอน วา่ภาค ี สมาช ิ กตอ ้ งบวชเม ื่อไร จ ึ งอาจเล ื่อนไปตลอดกาลกไ็ ด ้ แต่ก ็ เก ิ ดปัญหาข ้ึ นในเวลาต่อมาเม ื่อน ิ วตนัไดร ้ับเล ื อกให ้ ดา รงตา แหน่ง เมธีลูเคเชียนอนัทรงเก ี ยรต ิ ซ่ึ งไม่อาจหลบเล ี่ยงการบวชไปไดอ ้ี ก ถ ึ งกระน ้ นัน ิ วตนักย ็ งัหาทางหลบหล ี กไดโ้ ดยอาศยัพระบรมรา ชานุญาตจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2


ผลงาน ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ผู้ ยง ิ่ใหญ่ผค ู ้ น ้ พบกฎของแรงโนม ้ ถ่วงและกฎการเคล ื่อนท ี่3 ข้อ ที่ เป็ นรากฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ▪ แนวค ิ ดเก ี่ยวกบัแรงโนม ้ ถ่วงและกฎการเคล ื่อนท ี่ของน ิ วตนัสามารถอธ ิ บายปรากฏการณ ์ ต่าง ๆ อยา่งการโคจรของ ดาวเคราะห ์ รอบดวงอาท ิ ตย ์ การโคจรของดวงจนัทร ์ และ น ้ า ข ้ึ นน ้ า ลง ▪ การออกแบบอาคารบา ้ นเร ื อนและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ รวมท ้ งัเทคโนโลยท ีี่เก ี่ยวกบัเคร ื่องกลในปัจจุบนัลว ้ นอาศยั แนวค ิ ดเก ี่ยวกบัแรงโนม ้ ถ่วงและกฎการเคล ื่อนท ี่ของน ิ วตนั ▪ นิวตันเป็ นผู้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงเป็ น คนแรก ซ่ึ งไดเ ้ป็ นตน ้ แบบใหก ้ บักลอ ้ งโทรทรรศน ์ ขนาดใหญ่ รุ่นใหม่ๆ ในสถาบนัว ิ จยัดา ้ นดาราศาสตร ์ หลกัของโลกในใน ปัจจุบัน


▪ น ิ วตนัเป็ นนกัว ิ ทยาศาสตร ์ คนแรกท ี่คนพบวา่แสงขาวจาก ดวงอาท ิ ตยป์ ระกอบดว ้ ยแสงส ี ต่าง ๆ หลากหลายส ี และได ้ พฒันาทฤษฎ ี เก ี่ยวกบัส ี เป็ นคนแรก ▪ นิวตันได้คิดค้นแคลคูลัส ซึ่งเป็ นสาขาทางคณิตศาสตร์สาขา หน่ึ ง ท ี่เป็ นพ ้ ื นฐานทางสถ ิ ต ิ และว ิ ศวกรรมศาสตร ์ สาขาต่าง ๆ มาจนกระทงั่ปัจจุบนั


Click to View FlipBook Version