The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่1-โครงงานการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์-0.3-แ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by หงส์หยก ไตรรัตน์, 2024-01-24 01:50:47

บทที่1-โครงงานการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์-0.3-แ

บทที่1-โครงงานการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์-0.3-แ

บทที่1 บทน ำ ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญ ความเป็นมาของการบรรจุภัณฑ์นั้น มีมานานกว่าสองศตวรรษแล้ว โดยเริ่มต้นจากการที่ผู้ผลิต สินค้าต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ถึงแม้ว่าการใช้งานของบรรจุภัณฑ์นั้นจะมีไว้เพียงเพื่อ บรรจุและเก็บรักษา ผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาและเพิ่มความหลากหลาย มากขึ้นกว่าที่เคย มี ความก้าวหน้าของเครือข่ายการคมนาคมขนส่งในโลกทุกวันนี้ รวมไปถึงความซับซ้อน ของการค้าปลีก สมัยใหม่ท าให้การบรรจุภัณฑ์ มีความส าคัญมากที่สุดในการเก็บรักษาและป้องกัน ไม่ให้ผลิตภัณฑ์เกิดความ เสียหาย ระหว่างการขนส่งจากโรงงานผลิต ไปยังร้านค้าปลีกหรือผู้บริโภค ที่สั่งสินค้าโดยตรง นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ยังถูกใช้ให้เป็น สื่อโฆษณา ที่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนต่อไหนได้ ป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์มีรอยขีด ข่วนแสดงรายละเอียดการใช้หรือแม้แต่เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์เอง ก าเนิดของการบรรจุภัณฑ์ จากวันนี้ย้อนกลับไปในอดีต ช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปด ในยุคของการ ปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมการผลิตขณะที่ก่อนหน้านั้น กระบวนการผลิตส่วนใหญ่ที่เป็นงานหนักต้องอาศัยแรงงาน ของกรรมกร และ ผลผลิตที่ได้ก็มีจ านวนน้อย เครื่องจักรที่สามารถผลิตสินค้าจ านวนมากจึงได้ถูกน าไปใช้ เพื่อเพิ่มจ านวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ประเภท เดียวกัน ไม่เพียงแต่ผลิตสินค้าอย่างเดียวเท่านั้นยังรวมไปถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วย ในช่วงแรกอาหารจะ น าไปบรรจุในภาชนะโลหะที่ปิดผนึกและถูกหลักอนามัยนั่นคือกระป๋องบรรจุอาหารที่ท าจากดีบุก (Tin Can)หรือกล่องกระดาษแข็งก็ได้ใช้กันอย่างกว้างขวางด้วย เพราะมีน้ าหนักเบาสามารถพิมพ์ทับลงไป ได้ง่าย บนแผ่นกระดาษก่อนที่จะน าไปท าแบบบรรจุ อีกทั้งยังเป็นการประหยัดพื้นที่อีกด้วย กล่องโลหะก็ ได้รับการพัฒนากันอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกันในเวลานั้น เพราะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าการใช้กล่อง กระดาษแข็ง โดยเฉพาะสินค้าที่บูดเน่าได้ เช่น ขนมปังกรอบ หรือ ขนมหวาน ท าให้ระดับความต้องการ ที่ จะเก็บ รักษาสินค้าเพิ่มจ านวนมากขึ้น หันกลับมามองในศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันนี้เทคนิคในการผลิตได้ก้าว ไกลไปมากพอที่จะท าให้บรรจุภัณฑ์โลหะเหล่า นี้มีรูปแบบหรือรูปทรงต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ด้วยการน า เทคนิคคอมพิวเตอร์มาช่วยในการผลิตรวมถึงพลาสติกที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเราจึงน ามาใช้ในทุกวันนี้


วัตถุประสงค์ 1.1 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ 1.2 เพื่อน าไปเป็นอาชีพในอนาคต 1.3 เพื่อส ารวจความพึงพอใจของผู้บริการ ขอบเขตของโครงงำน 2.1 ด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย 2.1.1 ประชากที่ศึกษาได้แก่ ครู นักเรียน นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพศีขจ านวน 1,377 คน 2.1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครู นักเรียน นักศึกษาวิทยาลัยการ อาชีพศีขรภูมิ ที่เข้าใช้บริการ จ านวน 302 คน โดยจะท าการสุ่มแบบสอบถามแบบเจาะจง 2.2 เพื่อท าการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ 2.3 ใช้เป็นการเรียนรู ้การออกแบบและท ากล่องบรรจุภัณฑ์ สถำนที่ด ำเนินงำน วิทยาลัยการอาชีพศีขรภูมิ ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ 3.1 ได้ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ 3.2 ได ้น าไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ 3.3 ได้รู้เกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้บริการ และเพิ่มมูลค่าให้สินค้า


บทที่ 2 แนวคิดและทฤษฎี เอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง การจัดท าโครงงาน การออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์จากเอกสารและวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ 1. ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ 2. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการออกแบบ 3. ประเภทของกระดาษที่ใช้ในการท ากล่องบรรจุภัณฑ์ 4. ความหมายของกล่องบรรจุภัณฑ์ 5. แนวคิดเกี่ยวกับแผนธุรกิจ 6. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1. ควำมรู้เกี่ยวกับกำรออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ มีความส าคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสินค้า กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ดีจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการ ซื้อ ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้า ทั้งยังช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ และเป็นการสื่อสารระหว่างผู้ซื้อกับ ผู้ขาย บรรจุภัณฑ์ที่มีรายละเอียดครบถ้วนนั้นยังท าหน้าที่แทนพนักงานขายได้ดีอีกด้วย นอกจากนั้นยังช่วย ป้องกันสินค้าไม่ให้เกิดความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของสินค้านั้นๆ ขั้นตอนและวิธีออกแบบกล่อง 1. เลือกแบบรูปแบบของกล่อง ให้เราเลือกดูรูปแบบของกล่องที่เราต้องการที่จะน ามาเป็นแนวทางในการ ออกแบบกล่อง ซึ่งส าหรับผู้เริ่มต้นนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือการหากล่องจริงมาดู ซึ่งรูปแบบของกล่องพื้นฐาน หลักๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ 1.1 Straight Tuck End (STE) คือกล่องที่มีฝาเปิดและปิดที่ก้นอยู่ด้านเดียวกัน 1.2 Revers Tuck End คือกล่องที่มีฝาเปิดและที่ก้นอยู่คนละด้านกัน จะท าให้กล่องมีความ แข็งแรงมากกว่าแบบแรก 1.3 Lock bottom end คือกล่องที่มีด้านฝาเปิดและก้นไม่เหมือนกัน ด้านก้นจะออกแบบให้มี ลักษณะขัดกันเพิ่มความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น


2.ควำมรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำรออกแบบ 2.1 การวัดขนาดตัวสินค้าในการออกแบบกล่อง ก่อนอื่นเราต้องท าการวัดตัวสินค้า หรือ ผลิตภัณฑ์สินค้าเราก่อนว่ามีขนาดเท่าใด ขนาดที่เราจะต้องวัดคือ ความกว้าง ความยาว และความสูง แล้ว น าค่าที่ได้ไปใช้ในการออกแบบกล่อง ซึ่งเราจะต้องเผื่อระยะของแปลนออกไปอีกด้านละประมาณ 2-5 เซนติเมตร เช่นในที่นี้ถ้าวัดขนาดของสินค้าได้ สูง 3.8cm กว้าง 2.5cm ยาว 6.4cm ดังนั้นจะต้องเผื่อขนาด ส าหรับกล่องด้วย จะได้กล่องที่ขนาดความ สูง 4.3cm กว้าง 2.7cm ยาว 6.8cm ทั้งนี้จะต้องค านึ่งถึง กระดาษที่เราจะน ามาใช้ด้วย ว่าหากพับแล้วจะกินพื้นที่เข้าไปด้านในอีกเท่าใดด้วย 2.1 วาดแปลนลงบนกระดาษและระบุสเปคของแบบ เมื่อเราได้ขนาดของกล่องมาแล้ว ก็มาท า การวาดแปลนของกล่องลงบนกระดาษโดยให้เริ่มวาดจากด้านใดด้านหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยายต่อไปด้าน อื่นๆจนครบในขั้นตอนนี้เราอาจจะวาดพอเป็นแนวระบุขนาดพอเป็นไกด์ให้เห็นภาพส าหรับน าไปออกแบบ อีกครั้งด้วยโปรแกรม Illustrator ก็ได้ ปรัชญำ - ในความเป็นเลิศ - ยึดมั่นในคุณภาพของการให้บริการ - เชื่อมั่นในคุณค่าของบุคลากร 3.ประเภทของกระดำษที่ใช้ในกำรท ำกล่องบรรจุภัณฑ์ การเลือกกระดาษส าหรับงานบรรจุภัณฑ์เนื่องจากกล่องมีลักษณะที่หลากหลายมากตามลักษณะ การใช้งาน ในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะกล่องบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กและกลางเท่านั้น กระดาษที่เหมาสมส าหรับ การท ากล่องบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ 3.1 กระดาษาร์ตการ์ดหน้าเดียว เหมาะส าหรับกล่องบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่มีการพิมพ์สอดสีหรือ สีพิเศษ หรือมีการเคลือบด้วยด้วย เช่น พิมพ์ 4สี หรือมากกว่า พร้อมเคลือบ OPPด้าน กล่องที่เหมาะ ส าหรับกระดาษขนิดนี้ ได้แก่ กล่องเครื่องส าอางค์ เวชภัณฑ์ สบู่ อาหารเสริม อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องพิจารณา ควบคู่กันไปด้วย คือความหนาของกระดาษ ถ้าเป็นสินค้าที่มีน้ าหนัก หรือมีขนาดใหญ่ ก็จะต้องใช้กระดาษ ที่มีความหนามากขึ้น ซึ่งความหนาของกระดาษอาร์ตการ์ดหน้าเดียว จะมีความหนาตั้งแต่ 200, 210, 250, 300, 350, 400, 500 แกรม 3.2 กระดาษ Duplex board หรือบางที่ก็เรียกว่ากระดาษกล่องหน้าแป้ง เป็นกระดาษอาร์ต การ์ดหน้าเดียวที่ใช้ส าหรับกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา สามารถพิมพ์งาน 4 สีพร้อมเคลือบให้ สวยงามได้ กล่องที่เหมาะส าหรับกระดาษชนิดนี้ได้แก่ กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า Gadget ยาสีฟัน กระดาษชนิด นี้ มีความหนา ตั้งแต่ 300, 350, 400,450, 500, 600 แกรม


4. ควำมหมำยของกล่องบรรจุภัณฑ์ กล่องบรรจุภัณฑ์ หมายถึง ภาชนะที่ใช้เก็บและขนส่งสินค้าขนาดเล็กไปถึงใหญ่ กล่อง บรรจุภัณฑ์สามารถท าจากวัสดุได้หลากหลาย เช่น กระดาษอาร์ตการ์ด กระดาษแข็ง กระดาษกล่อง แป้ง กระดาษคราฟท์และ อื่นๆอีกมากมายกล่องบรรจุภัณฑ์ที่พบมากที่สุดคือกล่องกระอาร์ตการ์ด กระดาษแข็ง กระดาษคราฟท์ กล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม หรือเป็นรูปทรงอื่นๆ ก็ได้ ตามปกติทั่วไปนั้นกล่องก็มักจะท ามาจากกระดาษที่มีความหนาและความแข็งเป็นอย่างมาก ซึ่งก็จะ ท ามาจากไม้หรือพลาสติกก็ได้เช่นกันการใช้งานของกล่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ซะมากกว่าว่าจะต้องการ กล่องในลักษณะหรือรูปแบบไหนที่จะน าไปใช้เพราะทุกวันนี้กล่องในบ้านเราก็มีให้เลือกใช้กันเยอะ เป็นอย่างมากการนิยมเลือกใช้กล่องกระดาษก็ได้นิยมกันอย่างแพรหลายในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการ เลือกใช้กล่องกระดาษลูกฟูก ในการขนส่งเป็นหลีก แต่กล่องบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่ใส่สินค้าขนาดเล็กไป ขนใหญ่แล้ว ที่นิยมเลือกใช้ก็คือกล่องกระดาษอาร์ตการ์ด เพราะนอกจากจะปกป้องสินค้าได้ระดับ หนึ่งแล้ว ยังเป็นตัวช่วยท าให้สินค้าน่าสนใจ น่าซื้อ โปรโมทแบรนด์ได้อีกด้วย กล่องบรรจุภัณฑ์ กระดาษอาร์ตการ์ดนั้นก็จัดได้ว่าเป็นกล่องที่ผู้คนส่วนใหญ่ก็เลือกใช้กัน เพราะมันมีมากมาย หลากหลายรูปแบบหลากหลายสีสัน แถมยังเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงและมีราคาที่ต่ า 5. แนวคิดเกี่ยวกับแผนธุรกิจ 5.1 SWOT Analysis ทุกครั้งที่มีการท าแผนต้องเริ่มจากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันแบะปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อ การด าเนินงานของธุรกิจเสียก่อน การวิเคราะห์นี้เรียกว่าการท า SWOT Analysis ซึ่งย่อมากจาก - Strength (S) จุดแข็ง คือการวิเคราะห์จุดแข็งขององค์กร ว่าเรามีความโดเด่นอะไรที่เหนือหรือแตกต่าง จากคู่แข่งอื่นบ้าง เพื่อที่จะน ามาใช้เป็นพื้นฐานในการขยายธุรกิจต่อไป สิ่งที่สามารถเป็นจุดแข็งของ องค์กรได้ เช่น จ านวนฐานลูกค้า ทีมขาย ความเชี่ยวชาญในพื้นที่การขาย ความเข้าใจในพฤติกรรมและ รสนิยมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เงินทุน ที่ตั้งของร้านอยู่ใกล้/เข้าถึงได้ง่ายกว่า มีก าลังการผลิตสูงกว่า เป็นต้น - Weakness (W) จุดอ่อน คือการวิเคราะห์หาจุดอ่อนขององค์กร เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการท าธุรกิจไปใน ทิศทางนั้น เช่น องค์กรมีพนักงานน้อย การก าหนดกลยุทธการขายจึงควรหลีกเลี่ยงวิธีขายแบบตัวต่อตัว แต่ให้เลือกใช้ช่องทางออนไลน์แทน - Opportunity (O) โอกาส คือการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกองค์กรที่มีผลเชิงบวกแก่ธุรกิจของเราใน อนาคต เช่น จ านวนผู้สูงอายุมากขึ้นก็จะเป็นผลดีกับธุรกิจบางประเภท หรือการขึ้นภาษีน้ าตาลจาก ภาครัฐจะเป็นโอกาสดีส าหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ให้ความหวานแทนน้ าตาลเป็นต้น


- Threats (T) ภัยคุกคาม คือการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเชิงลบกับธุรกิจ เช่นคนกัลวลเรื่อง อันตรายจากการบริโภคน้ าตาลมากขึ้นจะส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจขนมขบเคี้ยวน้ าอัดลม เครื่องดื่ม รสหวาน หากเราอยู่ในธุรกิจนี้จึงต้องหาทางลดความเสี่ยงจากการมีรายได้ในธุรกิจนี้ 5.2 เป้าหมายขององค์กร จุดส าคัญที่สุดของการท าแผนธุรกิจคือการก าหนดเป้าหมายขององค์กรว่าในแต่ละปีเราจะท าอะไร ไปเพื่ออะไรและถ้าจะให้ได้ผลสูงสุดการก าหนดเป้าหมายนี้ควรให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมกันท า เพื่อให้เกิดcommitmentหรือพันธสัญญาร่วมกันเป้าหมายหลักๆที่ควรก าหนดให้ชัดเจนคือ ยอดขาย ก าไร และความพึงพอใจของลูกค้า 5.3 แผนการตลาด แผนการตลาดจะบอกทิศทางการท าการตลาดตลอดปีตั้งแต่การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์?(ถ้าจ าเป็น) แผนการออกสินค้า แผนโปรโมทสินค้า ส่งเสริมการขาย การวางแผนสื่อ และงบประมาณที่ต้องใช้ตลอด ทั้งปีเพื่อให้การใช้เงินนั้นคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด 5.4 แผนการขาย แผนงานส าคัญที่จะบอกว่า เพื่อให้ได้มาซึ่งยอดขายรวมที่เป็นเป้าหมายหลักขององค์กร (จากข้อ 2.) เรา ต้องท าอะไรบ้าง เช่นควรเพิ่มความส าคัญกับช่องทางการขายไหนมากขึ้น หรือควรเลิกขายลูกค้าราย ใดบ้างเพื่อให้ทีมไปโฟกัสกับลูกค้าที่มีโอกาสมากกว่า 5.5 แผนการผลิต/สั่งซื้อสินค้า แผนการผลิตหรือการสั่งซื้อสินค้าคือแผนงานส าคัญที่ SME มันมองข้าม เพราะมัวแต่ให้ความส าคัญกับ การขายและการตลาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวางแผนการผลิตหรือสั่งซื้อที่ดี จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่จ าเป็นต้องมีการวางแผนสั่งซื้อที่ประสิทธิภาพเพื่อให้ได้สินค้าทีมีคุณภาพและราคาที่ดีที่สุด 5.6 แผนการ ควบคุมการบริหารรายรับและรายจ่ายของบริษัท โดยเป็นการปริมาณการสภาพคล่องและปริมาณเงิน สดหมุนเวียนของบริษัทให้มีเพียงพอส าหรับการด าเนินงานแผนการเงินมีความส าคัญมากเพราะหาก บริหารไม่ดีจนบริษัทขาดเงินสดส าหรับใช้จ่ายบริหารงานการท างานของบริษัทจะสะดุดและอาจเกิด ผลเสียทางด้านภาพลักษณ์ขององค์กรได้และในกรณีที่บริษัทมีความจ าเป็นต้องใช้เงินทุนในการ ด าเนินงานมากกว่ากรณีปกติ เช่นต้องการขยายก าลังการผลิต การวางแผนทางการเงินเพื่อหาเงินกู้มา เสริมสภาพคล่องจึงเป็นสิ่งที่ต้องถูกใส่ไว้ในแผนการบริหารการเงินประจ าปีด้วยการมีแผนธุรกิจที่ดี


นอกจากจะช่วยให้ทุกคนในองค์กรมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการท างานแล้วยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้แก่องค์กรด้วยเมื่อต้องติดต่อหรือท างานร่วมบุคคลภายนอกเพราะนั่นหมายถึงความมีวิสัยทัศน์ 6.งำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง หงส์หยก ไตรรัตน์ (2566)การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และ องค์ประกอบของกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถน าไปใช้เป็นแนวทางส าหรับนักออกแบบ เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ของสินค้าโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการออกแบบกราฟิกส าหรับบรรจุภัณฑ์ให้มีความ ทันสมัย และมีศักยภาพในการแข่งขันทางการตลาด จากการสร้างความพึงพอใจ ในการให้ข้อมูลการ สื่อสารทางการตลาดระหว่างผู้บริโภคและผลิตภัณฑ์สินค้าของผู้ประกอบการโดยงานวิจัยนี้ได้ศึกษา เกี่ยวกับการออกแบบต่างๆของบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์จากการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่เน้นด้าน การสื่อสารทางการตลาด โดยเน้นกลยุทธ์จากการปรับรูปแบบสินค้าด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี powerpoint , canva ในการสร้างการรับรู้ เข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับข้อมูลที่ส าคัญของสินค้า และผู้ประกอบการ และสร้างการเข้าถึงการใช้งานให้ง่ายและชัดเจน ตอบโจทย์การใช้งาน โดยใช้ประชากร กลุ่มตัวอย่าง


บทที่ 3 วิธีด ำเนินงำนโครงงำน ในการจัดท าโครงงานการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์นี้ผู้จัดท าโครงการมีวิธีด าเนินงานตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. ประชากรในกลุ่มตัวอย่าง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล 4. วิเคราะห์ข้อมูล 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ 1 ประชำกรในกลุ่มตัวอย่ำง 3.1.1ประชากรในการวิจัยในที่นี้ก็คือนักเรียนนักนักศึกษาแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจวิทยาลัย การอาชีพศีขรภูมิโดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จ านวน 30 คน 2 เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัย 3.2.1 ลักษณะเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้สร้างขึ้นโดยศึกษาจากเอกสารดังนี้ แบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นปลายปิด แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นค าถามแบบเลือกตอบ ประกอบด้วย - เพศ - อายุ - ระดับการศึกษา ตอนที่ 2แบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการให้ความรู้ การพัฒนาทักษะสื่อสารเรียนการ สอน โดยใช้แบบสอบถามจ านวน 5 ระดับ มีลักษระเป็นแบบประเมินค่ตามแบบ ลิเกิรท์ ดังนี้ ระดับคะแนน 5 หมายถึง เห็นด้วยในระดับ มากที่สุด ระดับคะแนน 4 หมายถึง เห็นด้วยในระดับ มาก ระดับคะแนน 3 หมายถึง เห็นด้วยในระดับ ปานกลาง


ระดับคะแนน 2 หมายถึง เห็นด้วยในระดับ น้อย ระกับคะแนน 1 หมาถึง เห็นด้วยในระดับ น้อยที่สุด ตอนที่3 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอต่างๆโดยให้ผู้ตอบแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี 3.2.2 การสร่างคู่มือ ผู้วิจัยได้ด าเนินการกสร้างเครื่องมือเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล 3. วิธีกำรเก็บรวบรวมข้อมูล 3.3.1 ก าหนดเป้าหมายในการรวบรวมข้อมูล จากวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายจากปัญหา 3.3.2 ออกแบบเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการรวบรวมข้อมูลที่ต้องการ 3.3.3 ระบุกลุ่มตัวอย่างที่จะท าการส ารวจข้อมูล จ านวนการส ารวจ เทคนิคการสุ่มตัวอย่าง 3.3.4 จัดท าแผนรวบรวมข้อมูลโดยก าหนดวันเวลาส ารวจทีมส ารวจ ระยะเวลาส ารวจ 3.3.6 ด าเนินการรวบรวมข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่างหรือแหล่งตามที่ก าหนดไว้ 3.3.7 รวบรวมแบบสอบถามที่ตอบแล้ว รวมถึงข้อมูลจากแหล่งทุติยภูมิ เพื่อน ามาวิเคราะห์ 4. วิเครำะห์ข้อมูล การแปลงข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่น าไปใช้ได้จริง ซึ่งรวมถึงเครื่องมือเทคโนโลยีและ กระบวนการมากมายที่ใช้ในการหาแนวโน้มและแก้ไขปัญหาโดยการใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูลช่วย ก าหนดกระบวนการ ปรับปรุงการตัดสินใจจากกลุ่มตัวอย่างมาวิเคราะห์หาค่าด้วยโปรแกรมส าเร็จรูป SPSS ทั้งนี้ได้ด าเนินการ ดังนี้ 3.4.1 ตรวจสอบความถูกต้องความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม 3.4.2 น าข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจที่สมบูรณ์มาวิเคราะห์


3.5 สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่น าไปแปลผลวิจัยใช้วิธีทางสถิติ ดังนี้ แบบสอบถามตอนที่1 ใช้ค่าสถิติร้อยละ Percentage ซึ่งมีหลักสูตรการค านวณ ดังนี้ ร้อยละ = คะแนนที่ได้ คะแนนรวม x 100 แบบสอบถามตอนที่2 ใช้ค่าเฉลี่ย Mean ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Standard Deviation ซึ่งม สูตรการค านวณ ดังนี้ สูตร ̅ = ∑ เมื่อ ̅ = คะแนนเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง ∑ = ผลรวมที่หมดของผลเฉลี่ย ∑ = ผลรวมทั้งหมดของความถี่ สูตร S.D. = √ ∑ 2 −(∑ 2 (−1) เมื่อ S.D. = ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง N = จ านวนในกลุ่มตัวอย่าง N-1 = ผลรวมทั่งหมดของความถี่ x คะแนน


Click to View FlipBook Version