โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ระเบียบปฏิบัติงาน เรื่อง : การช่วยแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ ระเบียบปฏิบัติเลขที่ : WI-NSO-024 จำนวนหน้าทั้งหมด : 5 หน้า ปรับปรุงครั้งที่ : ทุก 1 ปี เรื่อง : การช่วยแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ วันบังคับใช้ : 1 มีนาคม 2565 วันที่ปรับปรุง : 15 กุมภาพันธ์ 2565 สถานะของเอกสาร : ควบคุม ผู้จัดทำ : คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล ผู้รับผิดชอบ : คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล ผู้อนุมัติ .................................................. (นางสาวปัญญา เถื่อนด้วง) รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าพยาบาล
1 1. วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นแนวทางการช่วยแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจอย่างถูกต้อง ปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน 2. นโยบาย การช่วยแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจมีประสิทธิภาพและปลอดภัย 3. ขอบเขต 1. ใช้กับผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจทุกกรณี 2. เริ่มตั้งแต่การรับคำสั่งการรักษาจากแพทย์ จนกระทั่งลงบันทึกในเอกสารการพยาบาล 4. ผู้รับผิดชอบ 1. แพทย์ประจำตัวผู้ป่วย มีหน้าที่ ประเมินอาการผู้ป่วย สั่งการด้วยวาจา /ลายลักษณ์อักษรและใส่ท่อช่วยหายใจ 2. พยาบาลวิชาชีพ มีหน้าที่ เตรียมอุปกรณ์ช่วยแพทย์ในการใส่ท่อช่วยหายใจ มีหน้าที่เตรียมเครื่องดูดเสมหะ และช่วยดูด เสมหะขณะแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ และทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งให้ข้อมูลแก่แพทย์ เมื่อมีอาการ ผิดปกติเกิดขึ้นกับผู้ป่วย 3. ผู้ช่วยเหลือคนไข้ มีหน้าที่เตรียม Self inflating bag ,สายต่อออกซิเจน, Flow meter ช่วยให้ออกซิเจนโดยใช้Self inflating bag และจัดเตรียมอุปกรณ์ 5. คำนิยามศัพท์ การใส่ท่อช่วยหายใจ หมายถึง การใส่ท่อช่วยหายใจเข้าไปในหลอดลมคอของผู้ป่วย โดยใส่ผ่านทางปาก หรือจมูก
2 6.วิธีปฏิบัติ Flow chart การช่วยแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้รับผิดชอบ เอกสารที่เกี่ยวข้อง RN ใบคำสั่งการรักษา RN / แพทย์ RN/Aid RN RN แนวทางวิธีปฏิบัติ เรื่องการดูดเสมหะ RN/Aid แพทย์ แพทย์ แนวปฏิบัติการบริหารยา yes NO RN RN RN RN/Aid 2.อธิบายเหตุผล/ขั้นตอนการใส่ท่อช่วยหายใจ 3.จัดเตรียมอุปกรณ์ 4.จัดท่าผู้ป่วย 5.ดูดเสมหะ 1.รับคำสั่งการรักษาของแพทย์ 8.ตรวจสอบว่าท่อเข้า หลอดลมหรือไม่ 8.2 ดูตำแหน่งของท่อ ทำLand mark และใส่ลมเข้ากระเปาะท่อช่วยหายใจ 8.1 เอาท่อช่วยหายใจออก 7.ใส่ท่อช่วยหายใจ 6.ให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วยโดยใช้ mask with self inflating bag 9. ผูกยึดตรึงท่อช่วยหายใจ 8. จัดเก็บอุปกรณ์ 9. ลงบันทึกในเอกสารทางการพยาบาล 10. ต่อเครื่องช่วยหายใจหายใจ กรณีผู้ป่วย PUI/COVID 1.ไม่ต้อง hold mask เพื่อ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ พิจารณาใส่ HFNC 2. ดูแลให้ได้รับยา RSI กรณีผู้ป่วย PUI/COVID เพิ่ม ดังนี้ 1.กล่องอะคิริคใสสำหรับครอบศีรษะ 2.กล่องยา RSI 3. ชุด PPE 4. VDO laryngoscopy แนวปฏิบัติบันทึกทางการพยาบาล แนวปฏิบัติเรื่องการให้ออกซิเจน แนวปฏิบัติการผูกตรึงท่อช่วยหายใจ
3 7. รายละเอียดในการช่วยแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ ให้พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 1. รับคำสั่งแพทย์ พยาบาลวิชาชีพรับคำสั่งการรักษาจากแพทย์ 2. อธิบายเหตุผลและขั้นตอนการใส่ท่อช่วยหายใจ พยาบาลวิชาชีพหรือแพทย์อธิบายเหตุผลและขั้นตอนการใส่ท่อช่วยหายใจแก่ผู้ป่วยหรือญาติ 3. จัดเตรียมอุปกรณ์ 3.1 พยาบาลวิชาชีพจัดเตรียมอุปกรณ์การใส่ท่อช่วยหายใจ ดังนี้ - Laryngoscope พร้อม Blade ขนาดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและตรวจสอบว่าไฟติด หรือไม่ - Endotracheal tube ตรวจสอบโยใส่ลมเข้ากระเปาะ เพื่อดูว่าโป่ง ไม่เสียรูป ไม่รั่ว แล้วดึงลมออก - Guide พลาสติกงอให้เข้ารูปกับEndotracheal tube แล้วสอดใส่เข้าไปใน Endotracheal tube (กรณีใส่ทางจมูกไม่ต้องใส่Guide พลาสติก) โดยส่วนปลายต้องไม่โผล่ออกมานอก Endotracheal tube - Magill Forceps - Jelly หรือ Xylocain jelly ทาบริเวณปลายท่อช่วยหายใจ - Syringe ขนาด 5 -10 ml - พลาสเตอร์สำหรับติด Land mark และ Guaze drain สำหรับผูกยึดตรึงท่อช่วย หายใจ - แว่นตา Mask ถุงมือ Sterile 3.2 พยาบาลเทคนิคเตรียมเครื่องดูดเสมหะ ถุงมือ สายดูดเสมหะ 3.3 ผู้ช่วยเหลือคนไข้ เตรียม Flow meter และ Self inflating bag พร้อมสายต่อออกซิเจน หมายเหตุ : กรณีเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) และผู้ป่วยโควิด (COVID-19) ให้เตรียมอุปกรณ์เพิ่ม ดังนี้ 1) กล่องอะคิริคใสสำหรับครอบศีรษะผู้ป่วย 2) กล่องยา Rapid Sequence Induction (RSI) 3) ชุด PPE 4) VDO laryngoscopy 4. จัดท่าผู้ป่วย พยาบาลวิชาชีพหรือพยาบาลเทคนิค จัดท่าผู้ป่วยโดยให้ตัวผู้ป่วยอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของเตียง โดย นำหมอนออก เพื่อให้ศีรษะผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหงายราบ หรือตามสภาพผู้ป่วยตามความเหมาะสม ถ้าสามารถถอด หัวเตียงได้ให้ถอดออก กรณีทารกให้นอนหงายราบ ใช้ผ้าหนุนไหล่ให้คอแหงนไปด้านหลังเล็กน้อย
4 5. ดูดเสมหะ พยาบาลวิชาชีพหรือพยาบาลเทคนิค ดูดเสมหะในปากและคอ และตรวจดูสิ่งแปลกปลอมในปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง เพื่อป้องกันการสำลักเสมหะหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอดตามแนวทางวิธีปฏิบัติเรื่อง การดูดเสมหะ 6. ให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย พยาบาลเทคนิคหรือผู้ช่วยเหลือคนไข้ ให้ออกซิเจนแกผู้ป่วยก่อนใส่ท่อช่วยหายใจโดยใช้ Self inflating bag ต่อออกซิเจนความเข้มข้น 10 -15 ลิตร และ Face mask ครอบปากและจมูกให้แนบสนิท บีบให้ผู้ป่วยในอัตรา 16- 20 ครั้ง/ นาที หมายเหตุ : กรณีเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค(Patient Under Investigation : PUI) และผู้ป่วยโควิด (COVID-19) ให้ข้ามขั้นตอนที่ 5-6 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และเพิ่มขั้นตอนการบริหาร Rapid Sequence Induction (RSI) ตามแนวปฏิบัติการบริหารยา 7. ใส่ท่อช่วยหายใจ แพทย์เป็นผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ โดยพยาบาลวิชาชีพส่ง Laryngoscope พร้อม Blade และ Endotracheal tube ที่พร้อมใช้ให้แพทย์ หมายเหตุ : กรณีเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) และผู้ป่วยโควิด (COVID-19) ให้ใช้ VDO laryngoscopy 8. ตรวจสอบว่าใส่ท่อเข้าหลอดลมหรือไม่ แพทย์ตรวจสอบว่าใส่ท่อเข้าหลอดลมหรือไม่ โดยใช้ Stethoscope ฟังปอดทั้ง 2 ข้าง กรณีลมไม่เข้าปอด 8.1 เอาท่อหลอดลมคอออก แล้วย้อนกลับไปข้อ 6 กรณีเข้าหลอดลม 8.2 พยาบาลวิชาชีพดูตำแหน่งของท่อ (กรณีผู้ใหญ่ใช้ Syringe ขนาด 5 -10 ml ใส่ลม เข้าไปในกระเปาะของท่อช่วยหายใจ โดยใช้หลัก Minimal leak technique) แล้วใช้พลาสเตอร์ปิดบริเวณ ตำแหน่งของท่อ ผู้ช่วยเหลือคนไข้ให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วยโดยใช้Self inflating bag ต่อออกซิเจนความเข้มข้น10-15 ลิตร บีบให้ผู้ป่วยในอัตรา 16- 20 ครั้ง/นาที หมายเหตุ : กรณีเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) และผู้ป่วยโควิด (COVID-19) ไม่ต้องทำขั้นตอน Self inflating bag ให้ต่อเครื่องช่วยหายใจทันทีและใส่ closed suction 9. ผูกตรึงท่อหลอดลมคอ พยาบาลวิชาชีพหรือพยาบาลเทคนิค ใช้พลาสเตอร์หรือ Guaze drain ผูกตรึงท่อตาม แนวทางวิธีปฏิบัติเรื่องการผูกยึดตรึงท่อช่วยหายใจ 10. ต่อเครื่องช่วยหายใจ พยาบาลวิชาชีพต่อเครื่องช่วยหายใจปรับ MODE ตามแผนการรักษา
5 11. จัดเก็บอุปกรณ์ ผู้ช่วยเหลือคนไข้จัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย 12. ลงบันทึกเอกสารทางการพยาบาล พยาบาลวิชาชีพลงบันทึกเอกสารเกี่ยวกับขนาดของท่อ ตำแหน่งของท่อ 8. เครื่องชี้วัดคุณภาพ 8.1 มีการตรวจสอบอุปกรณ์สำหรับการใส่ท่อช่วยหายใจให้พร้อมอยู่เสมอ 8.2 บุคลากรสามารถเตรียมอุปกรณ์ได้ถูกต้อง 8.3 ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน 8.4 CXR หลังใส่ท่อช่วยหายใจตำแหน่งเหมาะสม 9. เอกสารที่เกี่ยวข้อง 9.1 ใบคำสั่งการรักษา 9.2 ใบบันทึกทางการพยาบาล 9.3 เอกสารแนวทางวิธีปฏิบัติเรื่องการดูดเสมหะ 9.4 เอกสารแนวทางวิธีปฏิบัติเรื่องการให้ออกซิเจน 9.5 เอกสารแนวทางวิธีปฏิบัติเรื่องการดูแลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ 9.6 เอกสารแนวทางวิธีปฏิบัติเรื่องการบริหารยา