นางสาว พีชานกิ า โรจนเ์ จรญิ ชยั ม.6/3 เลขที 22
อารยธรรม
เมโสโปเตเมยี
TABLE OF
CONTENTS
01 กําเนิดเมโสโปเตเมีย
02 ชนเผ่าสุเมเรยี น
03 ชนเผ่าอะมอไรต์
04 ชนเผ่าฮิตไทต์และคัตไซต์
05 ชนเผ่าอัสซเี รยี น
06 ชนเผ่าคารเ์ ดียน
07 สินสุดเมโสโปเตเมีย
08 รอ่ งรอยเมโสโปเตเมีย
1
กําเนิดเมโสโปเตเมีย
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี กําเนดิ ขนึ ในบรเิ วณตะวนั ออกกลางของทวปี
เอเชยี (ปจจุบนั เปนพนื ทีสว่ นใหญข่ องประเทศอิรกั ) เมโสโปเตเมยี ไมใ่ ช่
ชอื ของอาณาจกั รหรอื เมอื ง หรอื ชนเผา่ แต่เปนชอื เรยี กของสถานทีที
ใหก้ ําเนดิ อารยธรรมนขี นึ ตังอยูบ่ รเิ วณตรงกลางระหวา่ งแมน่ าํ สอง
สายไดแ้ ก่ ไทกรสิ และ ยูเฟรติส ทีมาบรรจบกันแล้วไหลลงสอู่ ่าว
เปอรเ์ ซยี
ดว้ ยเหตนุ ี บรเิ วณล่มุ แมน่ าํ ทังสองสายทีมคี วามอุดมสมบูรณท์ ําใหม้ ี
ชนเผา่ ต่างๆเขา้ มาอยูอ่ าศัยรวมกันเปนจาํ นวนมาก และเกิดการ
แก่งแยง่ พนื ทีบรเิ วณนกี ันระหวา่ งหลายชนเผา่ อยา่ งเลียงไมไ่ ด้ อารย
ธรรมเมโสโปเตเมยี กินระยะเวลายาวนานตังแต่ชว่ งปลายยุคโลหะ
จนถึงชว่ งต้นของยุคประวตั ิศาสตรท์ ีมกี ารจดบนั ทึกลายลักษณอ์ ักษร
เอาไว้ เชอื กันวา่ เรมิ มกี ารมาอยูอ่ าศัยของชนเผา่ แรกมาตังแต่ 6000-
4000 ปก่อนครสิ ตศักราชโดยประมาณ
Your NFP Name
SDG Progress Report 2020
2
ชนเผ่า SUMERIAN
3500-4000 BC
เชอื กันวา่ เปนชนเผา่ แรกทีเขา้ มาอยู่ อักษรคนู ิฟอรม์
อาศัยในบรเิ วณล่มุ แมน่ าํ ไทกรสิ ยูเฟ มหากาพยก์ ิลกาเมซ
รติสแหง่ นี
เปนเผา่ แรกทีมกี ารสรา้ งระบบ
ชลประทานขนึ
นบั ถือเทพเจา้ หลายองค์ (พหุ
เทวนยิ ม) มกี ารสรา้ งศาสนสถาน
ขนาดใหญ่ เรยี กวา่ ซกิ กแู รต
มคี วามเจรญิ ดา้ นคณติ ศาสตร์ ปฏิทิน
ดวงดาว ดาราศาสตร์ และการชงั ตวง
วดั
เปนชนกล่มุ แรกทีประดษิ ฐต์ ัวอักษร
ขนึ ชว่ ง 3000 ปก่อนครสิ ตศักราช
เรยี กวา่ อักษรลิม หรอื คนู ฟิ อรม์
กําเนดิ วรรณกรรมเรอื งแรกชอื มหา
กาพยก์ ิลกาเมซ วา่ ดว้ ยเรอื งของ
กษัตรยิ ค์ รงึ เทพ และ เหตกุ ารณน์ าํ
ท่วมโลก
3
ชนเผา่ AMORITE
2000 BC
เรอื งอํานาจขนึ หลังการเสอื มสลาย ประมวลกฎหมายฮัมบูราบี
ของชนเผา่ Sumerian รูปปนพระเจา้ ฮัมบูราบี
ก่อตังอาณาจกั รบาบโิ ลเนยี มกี าร
ปกครองแบบรวมศูนย์ เรมิ มกี ารจดั
เก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร
ชาวสเุ มเรยี นสรา้ งระบบกฎหมาย
ควบคมุ ประชาชน และในชว่ งกลาง
ชว่ ง ๓๐๐๐ ปก่อนครสิ ตกาล กษัตรยิ ์
ของสเุ มเรยี น พระนามวา่ ดนั จิ ได้
เตรยี มเรอื งกฎหมายเปนครงั แรก
กฎหมายนี ต่อมากษัตรยิ ช์ าว บาบโิ ล
เนยี น คือ พระเจา้ ฮัมมูราบไี ดน้ าํ มาใช้
ซงึ กลายเปนพนื ฐานของสงั คม บาบิ
โลเรยี น อัสสเิ รยี น คาลเดยี นและเฮ
บรวิ
ชนเผ่า HITTITE 4
1590 BC
เขา้ ยดึ ครองหลังการเสอื มของชนเผา่
Amorite
เชยี วชาญดา้ นการรบ สามารถรวม
อาณาจกั รไดข้ ายกวา้ ง
อาณาจกั รฮิตไทต์
ชนเผ่า KASSITE
1300 BC
อพยพมาจากเทือกเขาวากรอส ชนเผา่ kassite
(บรเิ วณประเทศอิหรา่ นในปจจุบนั )
เขา้ ครอบครองต่อเนอื งนานกวา่
400 ป
ชาวคัสไซท์นนั เปนชาตินกั รบ ดงั นนั
สงิ ทีคัสไซท์ไดม้ อบใหแ้ ก่เมโสโปเต
เมยี นนั คือ ยุทธวธิ ใี นการสรู้ บ รถใน
การทําศึกทีมนี าํ หนกั เบา มา้ ทีเหมาะ
กับการใชใ้ นสนามรบ และสดุ ท้ายคือ
อาวุธสาํ รดิ สงิ เหล่านที ําใหช้ าวอัสซี
เรยี นซงึ เปนผทู้ ีมารบั ชว่ งต่อจา
กชาวคัสไซท์นนั กลายเปนนกั รบผยู้ งิ
ใหญข่ องเมโสโปเตเมยี ในเวลาต่อมา
5
ชนเผ่า ASSYRIAN
800 BC
เขา้ ยดึ กรงุ บาบโิ ลน ก่อตังจกั วรรดอิ ัสซเี รยี ชว่ งสมยั ของพระเจา้ อัสชูรบ์ านปิ าล (668-
629 BC) มคี วามเจรญิ ถึงขดี สดุ
พระราชวงั ของพระเจา้ ซารก์ อน (Sargon) ทีคอรซ์ าบดั (Khorsabas) (คนละองค์กับ
พระเจา้ Sargon แหง่ Akkad)พระราชวงั นสี รา้ งประมาณ 2,340 2,180 B.C. ก่อเปน
กําแพงสงู ทึบเปนชนั ๆ ขนึ ไป นกั โบราณคดหี ลายท่านสนั นษิ ฐานวา่ การทีก่อสรา้ งตึกสงู
เปนชนั ๆ โดยมพี ระราชวงั อยูช่ นั บนนนั เพอื ใหพ้ น้ จากภัยนาํ ท่วมครงั ใหญ่ ถึงแมว้ า่ ตัวตึก
จะสงู มาก แต่ก็สามารถเดนิ ถึงขนั บนสดุ ไดโ้ ดยทางบนั ไดหรอื สามารถขรี ถมา้ (Chariot)
ขนึ ไป โดยอาศัยทางลาดสาํ หรบั ตัวพระราชวงั ก่อดว้ ยอิฐเคลือบ เพราะฉะนนั พนื ผวิ จงึ มี
ลักษณะเปนมนั งดงามมาก เปนทีนา่ สงั เกตวา่ ประตทู างเขา้ ซกิ กรู ตั ตัวกําแพงทีทําหนา้ ที
คําตัวอาคาร และบรรดาปอมค่ายต่าง ๆ เหล่านี ล้วนมรี ปู ทรงเรขาคณติ โดยเฉพาะสว่ น
โค้งนบั วา่ เปนรปู แบบทีสาํ คัญทีสดุ ในการสรา้ งพระราชวงั พวกอัสซเี รยี พวกเขาสามารถ
สรา้ งใหส้ ว่ นโค้งกับตัวอาคารอืน ๆ มคี วามสอดคล้องและสมั พนั ธก์ ัน จากหลักฐานอีกชนิ
หนงึ ทีขุดพบไดใ้ นพระราชวงั คอรซ์ าบดั (Khorsabad) ซงึ แสดงใหเ้ หน็ ถึงการนาํ เอาสว่ น
โค้งเขา้ มาใช้ คือ ซากของท่อระบายนาํ และสว่ นประกอบอืน ๆ ทีพบนนั เปนรปู ครงึ วงกลม
การทีชาวอัสซเี รยี ไดน้ าํ เอาลักษณะโค้งเขา้ มาใชใ้ นสถาปตยกรรมนเี อง ทําใหน้ กั
โบราณคดสี ว่ นมากเชอื วา่ ศิลปกรรมของเมโสโปเตเมยี เปนพนื ฐานทางศิลปกรรมของ
พวกอียปิ ต์ และยุโรปในสมยั ต่อมา
6
ชนเผา่ CHALDEAN
612 BC
เขา้ ยดึ ครองจกั รวรรดเิ ก่า
ของอัสซเี รยี และสถาปนา
กรงุ บาบโิ ลนขนึ มาใหม่
สมยั พระเจา้ เนบูคัดเนซซาร์
(605-562 BC) สามารถตีเย
รซู าเลม กวา้ นเอาเชลยมา
เปนจาํ นวนมาก และไดส้ รา้ ง
สวนลอยแหง่ บาบโิ ลนขนึ
เปนชาติแรกทีนาํ เอาความรู้
ดา้ นดวงดาว ดาราศาสตร์
มาทํานายพยากรณด์ วง
ชะตาของมนษุ ย์
แผนทีดวงดาว
7
พระเจ้าไซรัสมหาราช
แหง่ เปอรเ์ ซีย
539 BC
เขา้ ยดึ ครองและผนวกเขา้
กับจกั รวรรดเิ ปอรเ์ ซยี และ
ประวตั ิศาสตรข์ องเมโสโป
เตเมยี ก็ไดส้ นิ สดุ ลง
8
สิงทอี ารยธรรมเมโส
โปเตเมียหลงเหลอื
สงิ หโ์ ตแหง่ บาบโิ ลน
ซากสวนลอยแหง่ บาบโิ ลน
ซกิ กแู รต
อักษรรปู ลิม