The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 62040140117, 2023-01-30 21:21:08

วิจัยในชั้นเรียน

วิจัยในชั้นเรียน

40 อภิปรายผล ผลของการจัดการเรียนการสอนแบบซิปปา เรื่อง เลขยกกำลัง ที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประเด็นน่าสนใจที่จะนำมาอภิปรายผล ดังนี้ 1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบซิปปา เรื่อง เลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนจากคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียน มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 5.38 คิดเป็นร้อยละ 26.87 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.66 คิดเป็นร้อยละ 78.28 เมื่อนำมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 อาจเนื่องมาจาก การจัดการเรียนรู้แบบซิปปา เป็นวิธีการจัดการ เรียนรู้ที่แตกต่างไปจากวิธีเดิมที่นักเรียนคุ้นชินเพราะเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ใช้นักเรียนเป็นจุดศูนย์กลาง นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเอง ทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ อยากรู้มีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน เพื่อนำไปสู่สร้างความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเอง ของผู้เรียน และให้ผู้เรียนได้มีโอกาสอภิปราย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียน ทำให้องค์ความรู้ ที่เกิดจากตัวผู้เรียนมีความคงทนยั่งยืน พัฒนาไปสู่การเรียนรู้เรื่องอื่นได้ด้วยตนเองในอนาคต ซึ่งก่อให้เกิดคุณค่าของการนำวิธีสอนแบบซิปปาใช้ในการจัดการเรียนรู้คือส่งเสริมการคิด อย่าง มีวิจารญาณ ภารกิจการเรียนรู้แบบซิปปา ที่ผ่านการลงมือกระทำของผู้เรียนอย่างตื่นตัวภารกิจ การเรียนรู้ตามสภาพจริง และการจัดให้ผู้เรียนควบคุมการเรียนของตนเอง และส่งเสริมการคิด อย่างมีวิจารณญาณตลอดจนการสร้างความรู้ด้วยตนเองให้มากกว่าเดิมมีการถ่ายโอนความรู้ การสร้างความหมายในการเรียนรู้ของตนเอง และเพิ่มแรงจูงใจ กิจกรรมในการเรียนรู้แบบซิปปา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญต่อผู้เรียน และสภาพจริง (Authentic) ซึ่งถือว่าเกิดจากความสนใจ ที่มาจากภายใน ดังนั้นจึงเป็นแรงจูงใจที่มาจากภายในของผู้เรียน (สุมาลี ชัยเจริญ, 2548: 109) สอดคล้องกับงานวิจัยของ รุ่งทิพย์ กุลทนันท์ (2553) ได้ศึกษาจำนวนนักเรียนที่ได้รับการสอน โดยใช้โมเดลซิปปา ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ก่อนเรียนกับหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้โมเดล ซิปปา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนสำนักขุนเณร (หลวงพ่อเขียนอุทิศ) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 2 จำนวน 30 คน กลุ่มตัวอย่างซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการสอนโดยใช้โมเดลซิปปา ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คน


41 2. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบซิปปา เรื่อง เลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 15.66 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 78.28 เมื่อนำมาเปรียบเทียบโดยการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 อาจเนื่องมาจากการจัดการแบบซิปปา เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นทักษะที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และได้ฝึก การถ่ายทอดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบัญหาในบทเรียน จึงทำให้ผู้เรียนมีความรู้ที่คงทนถาวร มีความเชื่อมั่นในตนเองมากยิ่งขึ้นเมื่อเจอสถานการณ์ปัญหาที่แปลกใหม่ก็พร้อมที่จะแก้ปัญหา อยู่เสมอ ซึ่งสอดคล้องกับ มุกดา ใสวารี(2552) ได้ศึกษาการวิจัยการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้โมเดล ซิปปา (CIPPA MODEL) ในรายวิชาคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่องกำหนดการ เชิงเส้น โรงเรียนเทศบาลวัดกลาง สำนักการศึกษาเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีจำนวนนักเรียนที่ผานเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 88.57 โดยทั้งชั้นมีคะแนน เฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ80.50 คะแนนอยูในเกณฑ์ดีมาก ซึ่งสูงกวาเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ มีจำนวน นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ75 ของนักเรียนทั้งหมดมีคะแนนผานเกณฑ์ตั้งแต่ร้อยละ75 ขึ้นไป และ ความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPAMODEL) พบว่า ความคิดเห็นของนักเรียนทั้งภาพรวมและรายด้านคือ ด้านรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์และด้านคุณลักษณะอื่น ๆ อยู่ในระดับมาก ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ประโยชน์ 1.1 ในบทบาทของครูผู้สอนมีหน้าที่สร้างบรรยากาศ นำเสนอสถานการณ์ปัญหา และใช้คำถามที่ดึงดูดให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาได้ด้วยตนเอง 1.2 ในการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สอนจะต้องเตรียมการ เป็นอย่างดีทั้งสื่อการเรียนรู้ คำถาม และสถานการณ์ปัญหาที่จะดึงแนวคิดของผู้เรียนเกี่ยวกับบทเรียน ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


42 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรทำการศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบซิปปาที่นำมาใช้ร่วมกับทักษะทางคณิตศาสตร์ อื่น ๆด้วย เช่น ทักษะการแก้ปัญหาของโพลยาเป็นต้น 2.2 ควรทำการศึกษาผลของการจัดการเรียนรู้แบบซิปปาที่ส่งผลต่อตัวแปรอื่น ๆ เช่น เจตคติต่อการเรียนแรงจูงใจในการเรียนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ความคงทนในการเรียนรู้เป็นต้น


43 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ.(2545). สาระและมาตรฐานการเรียนรูกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544.กรุงเทพมหานคร:ม.ป.พ. ชนินทร์ชัย อินทิราภรณ์ และคณะ.(2540). พจนานุกรมศัพท์การศึกษา.กรุงเทพมหานคร:ไอ.คิว.บุ๊ค เซ็นเตอร์. ชเรนทร์ จิตติพุทธางกูร. (2553) การส่งเสริมทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทฤษฎีบท พีทาโกรัส โดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบซิปปา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 โรงเรียนโคกยางวิทยา จังหวัดสุรินทร์.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,:ม.ป.ท. ณัฐวรา อาแวเลาะ.(2557). ผลการจัดการเรีนการสอนแบบซิปปา ที่เน้นทักษะการเชื่อมโยงทาง คณิตศาสตร์สู่สถานการณ์ในโลกจริง เรื่อง ความน่าจะเป็น.(วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา) ,หน้า 118 เตือนใจ ครองญาติ. (2556). ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องแก้โจทย์ปัญหาการบวกเลขและ การลบเลขของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์. (วิทยานิพนธ์บวร เทศารินทร์).หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. ทิศนาแขมมณี. 2542. การจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง: โมเดลชิปปา. วารสารครุศาสตร. 27 : 1-17. ทิศนา แขมมณี.(2556). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นิศารัตน์ ศิลปเดช.(2542). เอกสารประกอบการสอนระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์เบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร: สถาบันราชภัฏธนบุรี. นงคราญ หลวงเขียว.(2556). การเรียนรู้จัดการด้วยรูปแบบการสอนแบบซิปปา.จังหวัดกาญจนบุรี. มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี. บุญชม ศรีสะอาด.(2543). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาสน์.


44 บุญชม ศรีสะอาด.(2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาสน์. พวงรัตน์ ทวีรัตน์ . (2540). การสร้างและพัฒนาและทดสอบผลสัมฤทธิ์. กรุงเทพมหานคร :สำนัก ทดสอบทางการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. มุกดา ใสวารี. (2552). วิทยานิพนธ์ เรื่อง การวิจัยการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้โมเดล ซิปปา(CIPPA MODEL) ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง กำหนดการ เชิงเส้นโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง.สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น .จังหวัดขอนแก่น. มหาวิทยาลัยขอนแก่น. เยาวดีวิบูลย์ศรี. (2548). การวัดผลและการสร้างแบบสอบผลสัมฤทธิ์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. รัฐศาสตร์ พรคุณวุฒิ.(2553). วิทยานิพนธ์ เรื่อง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่ เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตจริง เรื่องการวัดสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแกน้อยศึกษา จังหวัดเชียงใหม่. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่).หน้า 63-65 ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2538). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา.พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ สุวีริยาสาส์น. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2542). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพมหานคร : นักพิมพ์ เลิฟ แอนด์เลิฟเพรส. วาสนา ดอนศิลา. พิมพลักษณ์, (2555) : การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วน โดยใช้โมเดลซิปปา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น). สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2546). การจัดการการเรียนรู้ กลุ่ม วิทยาศาสตร์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน . กรุงเทพฯ : สถาบันฯ.


45 สุมาลี ชัยเจริญ. (2548). เทคโนโลยีการศึกษาและการพัฒนาระบบการสอน. ภาควิชา. เทคโนโลยี การศึกษา คณะศึกษาศาสตร : มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สมนึก ภัททิยธานี. (2544). การวัดผลการศึกษา. จังหวัดกาฬสินธุ : ประสานการพิมพ. สมนึก ภัททิยธนี. (2551). การวัดผลการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 6. จังหวัดกาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์ สุรเชษฐ์ศรีนาทม. (2553). ผลการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง ระบบสมการเชิงเส้น กลุ่ม สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3. (วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต, สาขาวิชา หลักสูตรและการสอนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม). Al – Halal,A.J. (2001, November). “The Effects of Individualistic Learning and Cooperative Learning StrategiesonElementary Students’ Mathematics Achievement 32 and Useof Social Skills,” Dissertation Abstracts International. 62(05) : 1697 – A Bloom Benjamin S., et al. 1956. Taxonomy of Educational Objectives. New York : David Mckay Company. johanning,Debra I. (2000, March). An Analysis of Writing and Postwriting Group Collaboration In Middle School Pre-Algebra. School Science and Mathematics. 100(3): 151-160 Wicklund, D. M. (2003, April). Individual Learning Versus Cooperative Learning in a UniversitySperadcheet Applications Class. Dissertation Abstracts International. 63-10: 3457-A


ภาคผนวก


แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดกล่าวถึง (-5) 2 ไม่ถูกต้อง ก. มี -5 เป็นฐาน ข. มี 5 เป็นฐาน ค. มี 2 เป็นเลขชี้กำลัง ง. มีค่าเท่ากับ 25 2. ข้อใดถูกต้อง ก. -2 4 = 2 2 2 2 ข. -2 4 = (-2) (-2) (-2) (-2) ค. -2 4 = -(2 2 2 2) ง. ถูกต้องทุกข้อ 3. 128 27 เขียนในรูปเลขยกกำลังได้ดังข้อใด ก. 2 7 3 3 ข. 2 7 3 4 ค. 2 7 3 3 ง. 2 9 3 3 4. (2a3 ) (4a2 ) เขียนในรูปอย่างง่ายได้ดังข้อใด ก. 2 2 a 6 ข. 2 2 a 5 ค. 2 3 a 6 ง. 2 3 a 5 5. (6m5 ) 3 (m4 ) 2 เขียนในรูปอย่างง่ายได้ดังข้อ ใด ก. 2 2 3 3 m7 ข. 2 3 3 3 m7 ค. 2 2 3 3 m5 ง. 2 3 3 3 m6 6. 3 4 5 (5) - 25 เขียนในรูปอย่างง่ายได้ดังข้อใด ก. 5 4 ข. 5 5 ค. (-5)5 ง. (-5)6 7. ( 2 8×2 10 2 13 ) มีผลลัพธ์เท่ากับเท่าไร ก. (−2) 5 ข. −(2) 5 ค. 2 −5 ง. 2 5 8. ถ้า ( 11× 7 3 ) โดยที่ a ≠ 0 ข้อใดถูกต้อง ก. 15 ข. 18 ค. 21 ง. 25 9. (0.08) 9 ÷ (0.08) 5 มีค่าเท่ากับเท่าไร ก. (0.08) 2 ข. (0.08) 4 ค. (0.08) 14 ง. (0.08) 20 10. ( 1 2 ) 5 × ( 1 2 ) 7 มีค่าเท่ากับเท่าไร ก. ( 1 2 ) 2 ข. ( 1 2 ) −2 ค. ( 1 2 ) 12 ง. ( 1 2 ) −12 11. 9 0 มีค่าเท่ากับเท่าไร ก. 0 ข. 1 ค. 2 ง. 3


12. ถ้า (2 ) 4 = 2 8 จงหาค่าของ k ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 13. จำนวน 5 2 1.2 10 6 10 เขียนในรูปทศนิยมได้ดังข้อ ใด ก. 0.2 104 ข. 0.2 103 ค. 2 105 ง. 2 102 14. จำนวน 6 2 1.6 0.00032 8 10 เขียนในรูปสัญ กรณ์ วิทยาศาสตร์ได้ดังข้อใด ก. 1.28 10-10 ข. 1.28 10-11 ค. 2.56 10-10 ง. 2.56 10-11 15. ประเทศไทยมีพื้นที่ 5.2 105 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 6.76 107 คน เฉลี่ยแล้วจะมี ประชากรกี่คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ก. 1.3 10 คน ข. 2.6 101 คน ค. 1.3 102 คน ง. 2.3 102 คน 16. ข้อใด ไม่ใช่การเขียนในรูปสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ ก. 12.099 × 105 ข. 1.0091 × 108 ค. 7.7777 × 109 ง. 6.6667 × 1012 17. 45,670,000,000 เขียนในรูปสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ ข้อใดถูกต้อง ก. 4.567 × 107 ข. 4.567 × 108 ค. 4.567 × 109 ง. 4.567 × 1010 18. 2.1570 × 108 แทนจำนวนใด ก. 21,570,000 ข. 215,700,000 ค. 2,157,000,000 ง. 21,570,000,000 19. ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ประมาณ 1.5 × 107 กิโลเมตร ข้อใดถูกต้อง ก. ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ประมาณ 15,000,000 กิโลเมตร ข. ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ประมาณ 150,000,000 กิโลเมตร ค. ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ประมาณ 1,500,000,000 กิโลเมตร ง. ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์ประมาณ 15,000,000,000 กิโลเมตร 20. ระยะทางจากดวงอาทิตย์ไปดาวยูเรนัสประมาณ 2.9 × 108 กิโลเมตร ข้อใดถูกต้อง ก. ระยะทางจากดวงอาทิตย์ไปดาวยูเรนัส ประมาณ 29,000,000 กิโลเมตร ข. ระยะทางจากดวงอาทิตย์ไปดาวยูเรนัส ประมาณ 290,000,000 กิโลเมตร ค. ระยะทางจากดวงอาทิตย์ไปดาวยูเรนัส ประมาณ 2,900,000,000 กิโลเมตร ง. ระยะทางจากดวงอาทิตย์ไปดาวยูเรนัส ประมาณ 29,000,000,000 กิโลเมตร


ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เลขยกกำลัง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบซิปปา แผนการจัดการเรียนรู้ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัส ค21101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง เลขยกกำลัง เวลาเรียนทั้งหมด 10 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก จำนวน 2 ชั่วโมง โรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2565 วันที่..................................................................... ผู้สอน นายจิราพัชร จันเทพ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ค 1.1 ม.1/2 เข้าใจและใช้สมบัติของเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวกในการแก้ปัญหา คณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมายของเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก (K) 2) เขียนแสดงขั้นตอนการหาค่าของเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวกได้ (P) 3) ใช้ความรู้ ทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม (P) 4) ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เลขยกกำลังเป็นสัญลักษณ์แทนจำนวนชุดหนึ่งซึ่งเกิดจากการคูณจำนวนจำนวนหนึ่งซ้ำกันหลาย ๆ ครั้ง เขียนได้ในรูป a n เรียก a ว่าฐาน และเรียก n ว่าเลขชี้กำลัง หมายความว่า มี a คูณกันเป็นจำนวน n ตัว


5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการเชื่อมโยง 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : CIPPA Model นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เลขยกกำลัง 6.1 ขั้นการทบทวนความรู้เดิม 1) ครูกล่าวทักทายกับนักเรียน แล้วแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2) ให้นักเรียนศึกษา “ควรรู้ก่อนเรียน” ในหนังสือเรียน หน้า 107 จากนั้นครูทบทวนความรู้ดังนี้ - ตัวประกอบของจำนวนนับใด ๆ คือจำนวนนับที่หารจำนวนนับนั้นได้ลงตัว - จำนวนเฉพาะ เป็นจำนวนนับที่มีตัวประกอบเพียงสองตัวเท่านั้น คือ 1 กับจำนวนนับนั้น - ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า ตัวประกอบเฉพาะ - การแยกตัวประกอบของจำนวนนับใด ๆ เป็นการเขียนจำนวนนับในรูปการคูณของตัวประกอบ เฉพาะ 3) ครูถามคำถาม ดังนี้ • วิธีแยกตัวประกอบทำได้อย่างไรบ้าง (แนวตอบ นักเรียนอาจตอบว่าทำได้โดยตั้งหารสั้น หรือโดยใช้แผนภาพต้นไม้) 4) ครูเขียนจำนวนนับบนกระดาน แล้วให้นักเรียนแยกตัวประกอบ ชั่วโมงที่ 1


6.2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 1) ครูจับคู่ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เรื่องการเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม บวก ในหนังสือเรียนอจท.รายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน้า 108 และแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ (สามารถใช้-อินเทอร์เน็ตในการสืบค้นได้) 2) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “นักคณิตศาสตร์จึงได้มีการกำหนดสัญลักษณ์ เพื่อแทนจำนวนที่เกิดจาก การคูณจำนวนซ้ำ ๆ กัน” จากนั้นครูกล่าวถึงบทนิยามของเลขยกกำลัง ในหนังสือเรียน หน้า 108 3) ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างเลขยกกำลัง ในหนังสือเรียน หน้า 109 จากนั้นครูถามคำถาม ดังนี้ • เลขยกกำลัง (-2)4 มีผลคูณเป็นจำนวนบวกหรือจำนวนลบ (แนวตอบ จำนวนบวก) • เลขยกกำลัง (-3) 3 มีผลคูณเป็นจำนวนบวกหรือจำนวนลบ (แนวตอบ จำนวนลบ) • เลขยกกำลังที่มีฐานเป็นจำนวนลบ ผลคูณที่ได้จะมีความสัมพันธ์กับเลขชี้กำลังอย่างไร (แนวตอบ เลขยกกำลังที่มีฐานเป็นจำนวนลบ ถ้าเลขชี้กำลังเป็นจำนวนคู่ ผลคูณที่ได้จะเป็นบวก แต่ถ้าเลขชี้กำลังเป็นจำนวนคี่ ผลคูณที่ได้จะเป็นลบ) 4) ให้นักเรียนศึกษาข้อควรระวัง ในหนังสือเรียน หน้า 109 จากนั้นครูถามคำถาม ดังนี้ • นักเรียนคิดว่าเลขยกกำลัง -2 4 มีฐานเป็นเท่าไร (แนวตอบ 2) • เลขยกกำลัง -2 4 มีเลขชี้กำลังเป็นเท่าไร (แนวตอบ 4) • เขียนในรูปผลคูณของฐานได้อย่างไร (แนวตอบ -(2 2 2 2)) • มีผลคูณเท่ากับเท่าไร (แนวตอบ -16) จำนวนนับ 1) 16 2) 28 3) 100 4) 144 5) 150 6) 300 แยกตัวประกอบ 1) 2 2 2 2 2) 2 2 7 3) 2 2 5 5 4) 2 2 2 2 3 3 5) 2 3 5 5 6) 3 2 2 5 5


จากนั้นครูสรุปว่า -2 4 = -(2 2 2 2) = -16 แล้วครูกล่าวถึงข้อควรระวังว่า เลขยกกำลัง -2 4 ไม่ได้มีฐานเป็น -2 (ถ้าเลขยกกำลังชุดนี้มีฐานเป็น -2 จะเขียนได้ในรูป (-2)4 ซึ่งมีผลคูณเท่ากับ (-2) (-2) (-2) (-2) = 16 ซึ่งมีค่าไม่เท่ากับ -2 4 ) 6.3 ขั้นการศึกษาทำความเข้าใจความรู้ ครูให้นักเรียนทำ Exercise 3.1 ข้อ 1-3 ในแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์เป็นการบ้าน 6.4 ขั้นการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 1) ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบ Exercise 3.1 ข้อ 1-3 2) ครูทบทวนบทนิยามของเลขยกกำลัง ในหนังสือเรียน หน้า 108 3) ครูให้นักเรียนจับคู่ศึกษาตัวอย่างที่ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 110 แล้วแลกเปลี่ยนความรู้กับคู่ของ ตนเอง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนทำ “ลองทำดู” 4) ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบ “ลองทำดู” 6.5 ขั้นการสรุปและจัดระเบียบความรู้ ครูแจกใบงานที่ 3.1 เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก ให้นักเรียนทำ 6.6 ขั้นการปฏิบัติ/การแสดงผลงาน ครูสุ่มนักเรียนเป็นคู่ให้มานำเสนอคำตอบใบงานที่ 3.1 เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็น จำนวนเต็มบวก หน้าชั้นเรียน โดยเพื่อนที่เหลือคอยตรวจสอบความถูกต้อง 6.7 ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ 1) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันคิด และยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่องเลขยกกำลังไปใช้(การใช้เลข ยก กำลัง ในเรื่องโลกและดาราศาสตร์ เช่น มวลของโลก มวลของดวงอาทิตย์ มวลของดาวต่าง ๆ ใน วิชา ชีววิทยา เช่น เรื่องเซลล์ แบคทีเรีย เป็นต้น) 2) ครูถามคำถามเพื่อสรุปความรู้รวบยอดของนักเรียน ดังนี้ • เลขยกกำลัง คืออะไร (แนวตอบ การคูณจำนวนซ้ำ ๆ กัน) • “a ยกกำลัง n” มีความหมายอย่างไร (แนวตอบ a n = a a a … a ) 3) ครูให้นักเรียนบันทึกความรู้ที่ได้จาก เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก ลงในสมุด 4) ครูให้นักเรียนทำ Exercise 3.1 ข้อ 4-5 ในแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ เป็นการบ้าน ชั่วโมงที่ 2 n ตัว


7.การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ (Knowledge) 1) อธิบายวิธีการหาผล คูณของเลขยกกำลัง เมื่อ เลขชี้กำลังเป็นจำนวน เต็มบวกได้ (K) - ตรวจใบงานที่ 3.1 - ตรวจ Exercise 3.1 ข้อ 1-5 - สังเกตจากการซักถาม การแสดงความคิดเห็น และการอภิปราย ร่วมกัน - ใบงานที่ 3.1 - Exercise 3.1 ข้อ 1-5 - แบบประเมินด้าน ความรู้ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ย 2 ขึ้นไป ด้านทักษะและการปฏิบัติ (Practice) 2) เขียนแสดงขั้นตอน การหาผลคูณของเลขยก กำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็น จำนวนเต็มบวกได้ (P) - ตรวจใบงานที่ 3.1 - ตรวจ Exercise 3.1 ข้อ 1-5 - ตรวจประเมินพฤติกรรม ตามรายการประเมินด้าน ทักษะ/กระบวนการ - ใบงานที่ 3.1 - Exercise 3.1 ข้อ 1-5 - แบบประเมินผลด้าน ทักษะ/กระบวนการ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ย 2 ขึ้นไป ด้านเจตคติ (Attitude) 3) ตั้งใจเรียนรู้และ แสวงหาความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย (A) - สังเกต - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ผ่านเกณฑ์เฉลี่ย 2 ขึ้นไป


8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนอจท.รายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เลขยกกำลัง 2) แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เลขยกกำลัง 3) ใบงานที่ 3.1 เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุดโรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี 2) เว็บไซต์ www.google.com พิมพ์คำว่า การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก


ใบงานที่ 3.1 เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามแต่ละข้อต่อไปนี้ 1. จงเขียนจำนวนที่กำหนดให้ต่อไปนี้ในรูปเลขยกกำลัง 1) 243 = ............................................... 2) 512 = ............................................... 3) 625 = ............................................... 4) 1,331 = ............................................... 5) 2,401 = ............................................... 2. จงเขียนจำนวนต่อไปนี้ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังที่มีฐานเป็นจำนวนเฉพาะ 1) 27 64 = ............................................... 2) 125 49 = ............................................... 3) 121 169 = ............................................... 3. จงเขียน 4 5 3 (2) 6 - 3 2 ให้อยู่ในรูปอย่างง่าย ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. .... ....................................................................................................................... .......... ............................................................................................................................. .... ................................................................................................................. ................ ............................................................................................................................. ....


ใบงานที่ 3.1 เรื่อง การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามแต่ละข้อต่อไปนี้ 1. จงเขียนจำนวนที่กำหนดให้ต่อไปนี้ในรูปเลขยกกำลัง 1) 243 = ............................................... 2) 512 = ............................................... 3) 625 = ............................................... 4) 1,331 = ............................................... 5) 2,401 = ............................................... 2. จงเขียนจำนวนต่อไปนี้ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังที่มีฐานเป็นจำนวนเฉพาะ 1) 27 64 = ............................................... 2) 125 49 = ............................................... 3) 121 169 = ............................................... 3. จงเขียน 4 5 3 (2) 6 - 3 2 ให้อยู่ในรูปอย่างง่าย ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ... เฉลย 3 5 2 9 5 4 113 7 4 3 3 2 6 5 3 7 2 112 132 = = = = =


ประวัติย่อผู้วิจัย ชื่อ – สกุล นายจิราพัชร จันเทพ วัน เดือน ปีเกิด 3 มีนาคม 2545 สถานที่เกิด จังหวัดอุดรธานี สถานที่อยู่ปัจจุบัน 5 หมู่ 1 บ้านศรีบุญเรือง ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัด หนองบัวลำภู 39180 เบอร์โทรศัพท์ 0610651126 ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา ชื่อสถาบัน ปีที่สำเร็จการศึกษา ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านศรีบุญเรือง พ.ศ. 2556 มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีบุญเรืองวิทยาคาร พ.ศ. 2562 ครุศาสตร์บัณฑิต (สาขาคณิตศาสตร์) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 สถานที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูโรงเรียนมัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี 237/4 ถนนอุดรดุษฎี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000


Click to View FlipBook Version