The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบรายวิชา เทคนิคการสอนระดับอุดมศึกษา รหัส 000 107 สอนโดย อ.อนุสรณ์ /อ.วิรัติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เทคนิคการศึกษาระดับอุดมศึกษา

เอกสารประกอบรายวิชา เทคนิคการสอนระดับอุดมศึกษา รหัส 000 107 สอนโดย อ.อนุสรณ์ /อ.วิรัติ

Keywords: เทคนิคการศึกษาระดับอุดมศึกษา

กระบวนการและกจิ กรรมการเรียนรู้ใน
สถานศึกษา

• กิจกรรมการเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็น
ศูนยก์ ลาง
• กิจกรรมการเรียนรู้เชิงปฏิบตั ิการ

กจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็ น

ศูนย์กลาง

เป็นการปรับเปล่ียนวฒั นธรรมการเรียนรู้ โดยเนน้ ประโยชน์ที่
ผเู้ รียนจะไดร้ ับ พร้อมท้งั คานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
ปลกู ฝังใหผ้ เู้ รียนรู้จกั แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง ใฝ่ รู้ใฝ่ เรียน มี
นิสยั รักการเรียนรู้ตลอดชีวติ ดงั น้นั การปฏิรูปการเรียนรู้จึงควรเริ่ม
ท่ีสถานศึกษาทุกแห่ง ดาเนินการพฒั นากระบวนการเรียนรู้และ
จดั การเรียนการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มีการประกนั คุณภาพ
ภายในผสมผสานอยใู่ นกระบวนการเรียนรู้ และการจดั การ
เรียนการสอนเพ่ือพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนอยา่ งต่อเนื่องตลอดเวลา

กจิ กรรมการเรียนรู้เชิงปฏบิ ัตกิ าร

เป็นวธิ ีการที่จดั ข้ึนระหวา่ งครูผสู้ อนกบั ผเู้ รียน เรียกวา่ การ
สอนข้นั ปฏิบตั ิในระหวา่ งเรียน แบ่งเป็น ๒ ลกั ษณะ คือ

๑. กิจกรรมที่ผ้สู อนจดั ให้แก่ผ้เู รียนทกุ คน สว่ นใหญ่จะเป็น
กิจกรรมท่ีผ้เู รียนทกุ คนปฏิบตั ไิ ด้ทงั้ ในห้องเรียนและนอก
ห้องเรียน

๒. กิจกรรมที่จดั ให้โดยเฉพาะบคุ คลหรือปัจเจกบคุ คล เพื่อ
ตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ผ้สู อนจงึ ต้องจดั
กิจกรรมกลมุ่ หนงึ่ เพ่ือให้ผ้เู รียนปฏิบตั ไิ ด้ตามอตั ภาพ

กจิ กรรมการเรียนรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร(ต่อ)

กิจกรรมที่สามารถนามาใชไ้ ด้ ประกอบดว้ ย
-กิจกรรมการอภิปราย
-กิจกรรมการบรรยาย
-กิจกรรมการอ่าน
-กิจกรรมการสังเกตและการจดบนั ทึก
-กิจกรรมการคน้ ควา้ ในหอ้ งสมุด
-กิจกรรมการทดลอง
-กิจกรรมการสาธิต
กิจกรรมการแสดงแบบต่างๆ
-กิจกรรมการทารายงานคน้ ควา้ เป็นตน้

กระบวนการและกจิ กรรมการเรียนรู้นอกสถานศึกษา

เป็นการจดั การเรียนรู้ ท่ีผสู้ อนพาผเู้ รียนออกไปศึกษานอก
สถานท่ี เพอ่ื แสวงหาคาตอบจากประสบการณ์ตรงและสถานที่
จริง โดยมีวทิ ยากรเป็นผใู้ หค้ วามรู้ การพาผเู้ รียนไปนอกสถานท่ี
เป็นการเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับประโยชน์เก่ียวกบั การพฒั นา
ดา้ นสงั คม ใหร้ ู้จกั รับผดิ ชอบต่อชุมชน ต่อตนเอง ส่งเสริมการ
สร้างมนุษยส์ มั พนั ธ์ท่ีดี การศึกษานอกสถานท่ีถือเป็นกิจกรรมท่ี
มีคุณค่ามาก เป็นวธิ ีสอนที่ผสู้ อนควรคานึงถึงเป็นอนั ดบั แรกๆ
เพราะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ตรง สามารถเกิดเจตคติท่ีพึง
ประสงค์ ปลูกฝังเยาวชนใหร้ ู้จกั หวงแหน ภาคภมู ิใจ รักและ
ห่วงใยต่อธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม

การจัดกจิ กรรมนิทรรศการ

การจดั แสดงขอ้ มูลเน้ือหาผลงานต่าง ๆ ดว้ ยวสั ดุ สิ่งของ
อุปกรณ์และกิจกรรมท่ีหลากหลายแต่มีความสมั พนั ธ์กนั ในแต่
ละเรื่องโดยมีจุดมุ่งหมายที่ชดั เจน มีการวางแผนและออกแบบท่ี
เร้าความสนใจใหผ้ ชู้ มมีส่วนร่วมในการดู การฟัง การสงั เกต
การจบั ตอ้ งและการทดลองดว้ ยส่ือที่หลากหลาย เช่น รูปภาพ
ของจริง หุ่นจาลอง ป้ ายนิเทศ และกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การ
ประกวด การแข่งขนั การบรรยาย การสาธิต การอภิปราย และ
การตอบปัญหา เป็นตน้

การจดั นิทรรศการโดยทั่วไป แบ่งออกเป็ น ๓ ประเภท

• นิทรรศการถาวร
• นิทรรศการชว่ั คราว
• นิทรรศการเคล่ือนท่ี

นิทรรศการถาวร

เป็นการนาเสนอขอ้ มลู และจดั แสดงท่ีค่อนขา้ ง
สมบูรณ์ มีการจดั เป็นประจาอยา่ งต่อเนื่องเป็นเวลา
ยาวนาน

นิทรรศการถาวรมลี กั ษณะสาคญั ดงั นี้

๑.การจดั นิทรรศการแบบน้ีมีการลงทุนสูง เน่ืองจากเน้ือหาท่ี
จดั แสดงตอ้ งอาศยั การศึกษาคน้ ควา้ หลกั ฐานอา้ งอิง

๒.วสั ดุอุปกรณ์ท่ีนามาจดั แสดงเป็นวสั ดุที่คงทน
๓.การออกแบบเพอื่ การจดั แสดงส่ิงของจะทาอยา่ งรอบคอบ

พิถีพถิ นั
๔.สถานท่ีแห่งใดแห่งหน่ึงเป็นเวลานาน ๆ รูปแบบและ

โครงสร้างหลกั ไม่มีการเปล่ียนแปลง

นิทรรศการถาวรมลี กั ษณะสาคญั ดงั นี้

๕.สถานท่ีท่ีใชใ้ นการจดั แสดงนิทรรศการจะออกแบบ
ไวอ้ ยา่ งมีแบบแผนแน่นอน อาจเป็นพ้ืนที่กลางแจง้
หรือในอาคารกไ็ ด้

๖.หากเน้ือหาท่ีจดั แสดงเก่ียวขอ้ งกบั ความเช่ือหรือวถิ ี
ชีวติ ของชุมชน

๗.ส่วนใหญ่นิทรรศการถาวรมกั อยใู่ นรูปของ
พิพิธภณั ฑ์

นิทรรศการช่ัวคราว

เป็นการจดั กิจกรรมเพือ่ แสดงเน้ือหาเรื่องใดเร่ืองหน่ึงเป็นคร้ังคราวตาม
โอกาสท่ีเหมาะสมอาจใชเ้ วลาประมาณ ๒-๑๐ วนั ไม่มีกาหนดตายตวั
ข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบหรือปัจจยั หลายประการ นอกจากน้ีนิทรรศการ
ชว่ั คราวยงั ทาหนา้ ท่ีส่งเสริมงานประชาสมั พนั ธ์นิทรรศการแบบถาวรได้
อีกดว้ ย เป็นการเชิญชวนที่จะสนบั สนุนการประชาสมั พนั ธใ์ นหลาย
รูปแบบ เช่น การเชิญประชุมช้ีแจงการเปิ ดงาน การแถลงการณ์
หนงั สือพิมพแ์ ละรายการโทรทศั น์ นิทรรศการชว่ั คราวสนองวตั ถุประสงค์
ทางการศึกษาไดม้ ากมาย มกั จดั สิ่งดึงดูดกลุ่มคนท่ีสนใจเฉพาะเร่ืองใน
ชุมชน เช่น การจดั นิทรรศการเน่ืองในวนั สาคญั ทางศาสนา วฒั นธรรมไทย
การจดั นิทรรศการแสดงความกา้ วหนา้ ทางดา้ นวิชาการ เป็นตน้

นิทรรศการเคลอ่ื นที่

นิทรรศการเคลื่อนท่ีเป็นการรวบรวมวสั ดุ
และสื่อแสดงอื่นๆ มาจดั แสดงเป็นเร่ืองราว
เฉพาะเรื่อง เช่นเดียวกบั นิทรรศการชวั่ คราวมี
ผลดีในการเขา้ ถึงพ้ืนที่ของผชู้ มกลุ่มเป้ าหมาย
ทาใหไ้ ดร้ ับความสนใจจากผชู้ มมาก เน่ืองจากมี
ความสะดวก ต่อการเคลื่อนยา้ ยและ
เปลี่ยนแปลงไปจดั ยงั สถานท่ีอ่ืนๆไดด้ ว้ ย

ความสาคญั ของการจัดนิทรรศการ

นิทรรศการเป็นสื่อที่มีคุณค่าและมีศกั ยภาพสูงในการ
ดึงดูดความสนใจของผชู้ มไดด้ ีเน่ืองจากความหลากหลาย
ของส่ือสามารถตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
ของผชู้ มได้ ดงั น้นั นิทรรศการท่ีดีจะมีอิทธิพลต่อผชู้ มใน
ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดา้ น
อารมณ์และความรู้สึก การเปล่ียนแปลงเจตคติ รวมท้งั การ
ตดั สินใจดงั จะเห็นไดจ้ ากตวั อยา่ งนิทรรศการทางการ
ศึกษา ทางการคา้ และทางศิลปวฒั นธรรม

ประโยชน์ของการจัดนิทรรศการ

๑.นิทรรศการเป็นสื่อการสอนที่มีพลงั ในการโนม้ นา้ วชกั จูงไดส้ ูง
เพราะสามารถเสนอเน้ือหาไดม้ าก กระชบั มีสีสนั และความ
หลากหลายของแง่มุมความคิด จะเห็นไดช้ ดั เจนจากนิทรรศการ
ทางการเมือง นิทรรศการทางดา้ นการอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม เป็นตน้
๒. นิทรรศการเป็นส่ือการสอนที่ใชไ้ ดท้ ุกสภาวะ ท้งั ในการนาเขา้
สู่บทเรียน การทากิจกรรม การคน้ ควา้ และส่งเสริมการอภิปราย
ของนกั เรียนไดด้ ี นอกจากน้ีนิทรรศการยงั สามารถใชส้ รุป
บทเรียนท้งั หน่วยไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพยง่ิ

ประโยชน์ของการจดั นิทรรศการ (ต่อ)

๓. นิทรรศการเป็นสื่อการเรียนการสอนที่เร้าความสนใจไดด้ ี
สนุกสนาน ส่งเสริมใหน้ กั เรียนรู้จกั การทางานเป็นกลุ่ม การวางแผน
การร่วมมือและช่วยเสริมสร้างใหน้ กั เรียนเกิดความคิดสร้างสรรคไ์ ด้
ดีกวา่ ส่ืออ่ืน ๆ
๔. นิทรรศการเป็นส่ือสาหรับการอธิบาย หรือใหข้ อ้ มูลในส่ิงที่
ตอ้ งการพดู หรือช้ีแจงไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ เป็นรูปธรรม ที่ผชู้ มหรือ
ผเู้ รียนรู้สึกใกลช้ ิดและสามารถสมั ผสั ในเร่ืองท่ีเคยสงสยั ได้
๕. นิทรรศการเป็นสื่อสาหรับการศึกษาตลอดชีวติ ท่ีดีเยยี่ ม และเป็น
ส่ือเพื่อยกระดบั คุณภาพชีวติ ของประชากรไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง

หลกั การจดั นิทรรศการ

• กาหนดจุดมุ่งหมายในการจดั นิทรรศการวา่ ตอ้ งการจะจดั
เพือ่ อะไร และตอ้ งการจดั ใหใ้ ครดูบา้ ง

• เลือกเรื่องที่ตอ้ งการจดั และกาหนดเน้ือหาสาระ
• การจดั เตรียมวสั ดุอุปกรณ์ และสถานท่ี
• มีการวางแผนเพือ่ การประชาสมั พนั ธ์
• ประเมินผลจากผชู้ มโดยวธิ ีสอบถามดว้ ยแบบสอบถาม

หรือแบบสมั ภาษณ์

กจิ กรรมการเรียนรู้จากการศึกษาดูงาน

เป็ นกิจกรรมที่ส่งเสริ มการเรี ยนรู้ท่ีเกิดจาก
ประสบการณ์อีกรูปแบบหน่ึงที่ผเู้ รียนไดล้ งมือ
ปฏิบตั ิเอง เร่ิมจากการประชุมร่วมกนั เลือกสรร
สถานที่จะไปศึกษาดูงาน การเตรียมงาน การเดินทาง
และการสรุปรายงาน

• ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี

ข้นั เตรียมการ

• ประชุมร่วมกนั เลือกสถานท่ีไปศึกษาดูงาน
• กาหนดเวลา ค่าใชจ้ ่ายและติดต่อพาหนะ
• เสนอโครงการ แบ่งงานรับผดิ ชอบเป็นแผนก

ข้นั ดาเนินการ

• กาหนดประเดน็ หวั ขอ้ ท่ีจะศึกษาและเสนอ
รายงาน
• ดาเนินการตามแผนปฏิบตั ิงาน

ข้นั สรุป

• สรุปนาเสนอผลงานการไปศึกษาดูงานเป็นราย
กลุ่ม

• ประชุมสรุปรายรับ รายจ่าย ปัญหาอุปสรรค
• รายงานผลต่อหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง

กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เชิงวชิ าการ

ต้องคานึงถึงหลกั ๗ ประการ

• การแจกแจงรายละเอียดของงาน
• การจดั อนั ดบั ก่อนหลงั ของงาน
• การประมาณเวลาท่ีใชข้ องแต่ละงาน
• การจดั ทากรอบความรับผดิ ชอบ
• การมอบหมายผรู้ ับผดิ ชอบ
• การจดั ทาแผนการดาเนินงาน
• การกากบั และติดตามงาน

กจิ กรรมการเรียนรู้จากการเสริมหลกั สูตร

เป็นกิจกรรมท่ีร่วมกนั จดั ข้ึนระหวา่ งครูผสู้ อน
และผเู้ รียน โดยการวางแผนร่วมกนั ในการกาหนด
กิจกรรม อาจจดั ไดใ้ นลกั ษณะการเชิญวทิ ยากรมา
บรรยาย การเสวนา การจดั นิทรรศการ โดย
ผทู้ รงคุณวฒุ ิที่มีความชานาญในเรื่องน้นั ๆ

กจิ กรรมการเรียนรู้จากโครงงาน

เป็นกิจกรรมส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดทกั ษะใน
การทางานอยา่ งมีหลกั การ กิจกรรมน้ีฝึกให้
ผเู้ รียนไดค้ ิดไดน้ าเสนอโครงการที่คิดวา่ น่าจะ
ทาได้ และนาไปปฏิบตั ิ แต่ถา้ โครงงานที่ไม่
สามารถทาไดก้ เ็ ป็นเพียงใหท้ าตามรูปแบบ เพือ่
จะไดน้ าไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้

กจิ กรรมการเขียนโครงงานมหี ลกั การดงั นี้

หลกั การเขียนโครงงาน
๑.ชื่อโครงการ
๒.ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
๓.หลกั การและเหคุผล
๔.วตั ถุประสงค์
๕.เป้ าหมาย (ดา้ นคุณภาพและปริมาณ)
๖.ข้นั ตอนการดาเนินงาน
ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินการ
๘.งบประมาณ
๙.ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ
๑๐.ลงช่ือผเู้ สนอโครงการและผอู้ นุมตั ิโครงการ

การสร้างองค์ความรู้จากกระบวนการจัดกจิ กรรมการ
เรียนรู้เชิงวชิ าการ

• หลกั การที่ผเู้ รียนไดส้ ร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง

• หลกั การที่ยดึ ผเู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลางการเรียนรู้

• หลกั การเรียนรู้จากประสบการณ์และ
ส่ิงแวดลอ้ ม

• หลกั การที่ใชเ้ ทคโนโลยเี ป็นเคร่ืองมือ

วชิ าเทคนิคการศึกษาระดบั อดุ มศึกษา

บทที่ ๗/๒๕๕๖

บทท่ี ๗

การเขยี นรายงานทางวชิ าการ

วตั ถุประสงค์ประจาบท

• บอกความหมายและความสาคญั ของการเขียนรายงานทางวชิ าการได้
• บอกประเภทและส่วนประกอบของรายงานทางวชิ าการได้
• อธิบายวธิ ีการและข้นั ตอนการเขียนรายงานทางวชิ าการได้
• จดั ทารายงานตามรูปแบบของการเขียนรายงานทางวชิ าการได้
• เขียนรายงานทางวชิ าการไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามจรรยาบรรณ
• ประเมินคุณภาพของรายงานทางวชิ าการได้

ขอบข่ายเนือ้ หาประจาบท

• ความหมายและความสาคญั ของการเขียนรายงานทางวชิ าการ
• ประเภทของรายงานทางวชิ าการ
• สว่ นประกอบของรายงานทางวิชาการ
• วธิ ีการและขนั้ ตอนการเขียนรายงานทางวชิ าการ
• จรรยาบรรณการเขียนรายงานทางวชิ าการ
• การประเมินคณุ ภาพรายงานทางวิชาการ

ความหมายการเขียนรายงานทางวชิ าการ

งานเขยี นทางวิชาการที่เกิดจากการศกึ ษา
ค้นคว้า รวบรวมข้อมลู จากแหลง่ ตา่ งๆ โดย
ศกึ ษาค้นคว้าจากเอกสาร จากการสารวจ การ
สงั เกต การทดลอง ฯลฯ แล้วนามารวบรวม
วเิ คราะห์ เรียบเรียงขนึ ้ ใหม่ ตามโครงเรื่องที่ได้
วางไว้ โดยมีหลกั ฐานและเอกสารอ้างอิง
ประกอบ

ความสาคญั ของการเขียนรายงาน

เป็นเอกสารที่ใชอ้ า้ งอิงถึงงานศึกษาน้นั ได้
ต่อไป ในอนาคต โดยท่ีผศู้ ึกษาหรือผเู้ ขียนรายงาน
จาเป็นท่ีจะตอ้ งมีทกั ษะในการนาเสนอขอ้ มลู ของ
การศึกษาและเรียบเรียงอยา่ งเป็นระบบ เพ่อื ใหผ้ อู้ ่าน
หรือผใู้ ชง้ านสามารถเขา้ ใจถึงกระบวนการศึกษาและ
ผลการศึกษาที่เกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งชดั เจน รวมถึงการ
แสดงใหเ้ ห็นถึงความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู และความรู้
ท่ีเกิดจากการศึกษาน้นั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี

วตั ถุประสงค์ของการทารายงาน

• นิสิตศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งลึกซ้ึง ในรายวชิ าที่เรียน/รายงาน
ที่ทา

• นิสิตสามารถใชท้ รัพยากรสารนิเทศจากแหล่งคน้ ควา้ ต่างๆได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ

• นิสิตมีทกั ษะในการคิดอยา่ งมีระบบ
• ฝึกฝนใหผ้ เู้ รียนทาผลงานทางวชิ าการและสามารถนาไป

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นอนาคต
• นิสิตท่ีศึกษาคน้ ควา้ จากการอ่าน จะทาใหม้ ีนิสยั รักการอา่ น

ลกั ษณะของรายงานท่ีดี

• การใชภ้ าษาที่ถกู ตอ้ ง สละสลวย และชดั เจน
• เน้ือหาครบถว้ น ถูกตอ้ งเหมาะสม
• จดั เรียงลาดบั เน้ือหาอยา่ งเป็นระบบ
• อา้ งอิงแหล่งที่มาอยา่ งชดั เจน
• มีรูปแบบการเขียนและพมิ พอ์ ยา่ งประณีต

ประเภทของรายงานวชิ าการ

• รายงานการคน้ ควา้
• ภาคนิพนธ์
• รายงานการวิจยั

รายงานการค้นคว้า

คือ รายงานที่ไดจ้ ากการคน้ ควา้ และ
รวบรวมขอ้ มูล แลว้ นามาเรียบเรียงอยา่ งมี
ระเบียบแบบแผน ทาใหก้ ลายเป็นผลงาน
ชิ้นใหม่ท่ีแสดงถึงความเขา้ ใจของผเู้ ขียน
ต่อเรื่องน้นั ๆ

ภาคนิพนธ์

คือ รายงานการศึกษาคน้ ควา้ และรวบรวมขอ้ มูล
ในขอบเขตท่ีกวา้ งขวางลึกซ้ึงมากกวา่ รายงานการ
คน้ ควา้ แบบรวกๆ โดยมีระยะเวลาในการทาภาค
นิพนธ์ประมาณหน่ึงภาคการศึกษา ผทู้ าจะตอ้ งศึกษา
คน้ ควา้ จนมีความรู้ ความสามารถสูงกวา่ การทา
รายงาน ท้งั ในการคดั เลือก การคน้ ควา้ การเรียบเรียง
การใชภ้ าษาที่ถกู ตอ้ งรัดกมุ

รายงานการวจิ ัย

คือ รายงานท่ีไดจ้ ากการคน้ ควา้ วจิ ยั ท่ีมีระเบียบ
วธิ ี มีแบบแผน มีข้นั ตอน เป็นระบบ ผวู้ จิ ยั ตอ้ งใช้
ความรู้ ความสามารถในหลายๆดา้ น ประกอบกนั
หรือใชค้ วามสามารถเฉพาะดา้ นที่ตอ้ งมีการทดสอบ
ทดลอง ในช่วงระยะเวลาหน่ึง จึงจะทาใหง้ านวจิ ยั
ประสบผลสาเร็จ

ส่วนประกอบของรายงานทางวชิ าการ

• ปกนอก
• ปกใน
• คานา
• สารบญั
• เน้ือหา
• บรรณานุกรม
• ภาคผนวก

รูปแบบการเขยี นอ้างองิ และบรรณานุกรม

• รายการอา้ งอิงที่แทรกปนในเน้ือหาของรายงาน
• การอา้ งอิงแบบเชิงอรรถ
• การอา้ งอิงแบบทา้ ยบท

รายการอ้างองิ ท่แี ทรกปนในเนือ้ หาของรายงาน

ในกรณีท่ีผทู้ ารายงานไดค้ ดั ลอกขอ้ ความหรือ
อา้ งคาพดู หรือแนวความคิดของบุคคลอื่นมาไวใ้ น
การทารายงานของตนเอง จาเป็นตอ้ งมีการอา้ งอิง
กากบั ไวด้ ว้ ยทุกคร้ัง โดยระบุนามผแู้ ต่ง ปี ที่พมิ พ์
และหรือเลขหนา้

(อรรถนพ บุญถาวร,๒๕๔๐:๙๗)

การอ้างองิ แบบเชิงอรรถ

คือ ขอ้ ความท่ีอยสู่ ่วนทา้ ยของ
หนา้ กระดาษหรือขอ้ ความท่ีพมิ พไ์ วต้ รง
ส่วนล่างของหนา้ กระดาษ เพ่ือระบุ
หลกั ฐานของการอา้ งอิงหรือเพ่ืออธิบาย
เน้ือเรื่องบางตอนเพ่มิ เติม

การอ้างองิ แบบท้ายบท

การอา้ งอิงแบบน้ีเป็นลกั ษณะที่เรียกวา่
เอกสารอา้ งอิง หรือรายการอา้ งอิง หรือ
บรรณานุกรม ซ่ึงหมายถึง ทรัพยากรสารนิเทศ
ท้งั หมดที่ผทู้ ารายงานไดใ้ ชป้ ระกอบการคน้ ควา้
การทารายงาน ซ่ึงตอ้ งนามาเรียงไวต้ ามลาดบั
ตวั อกั ษร และบนั ทึกรายการต่างๆ ตามแบบแผน
บรรณานุกรมท่ีไดก้ าหนดไว้

วธิ ีการและข้นั ตอนการเขียนรายงานทางวชิ าการ

• กาหนดหวั ขอ้ เร่ืองท่ีจะเขียน
• สารวจแหล่งขอ้ มูลท่ีจะนามาใชใ้ นการเรียบเรียง
• วางโครงเรื่องท้งั หวั ขอ้ สาคญั หวั ขอ้ ใหญ่ และหวั ขอ้ ยอ่ ยอยา่ งละเอียด
• อ่านและบนั ทึกขอ้ มูลในบตั รบนั ทึกขอ้ มูลตามโครงเร่ืองท่ีกาหนด
• เรียบเรียงรายงานจากบตั รบนั ทึกทีละหวั ขอ้
• อ่านทบทวนเพ่ือขดั เกลาสานวนภาษา พจิ ารณาความถูกตอ้ งของเน้ือหา
• จดั พมิ พร์ ายงานฉบบั ร่าง ตรวจทานและพิสูจน์อกั ษร
• พมิ พร์ ายงานฉบบั สมบรู ณ์ตอ้ งตรวจทานและพิสูจน์อกั ษรหลายคร้ัง

จริยธรรมการเขยี นรายงานทางวชิ าการ

การละเมิดจริยธรรมในงานวชิ าการท่ีมกั พบเห็นอยเู่ สมอ คือ
การนาเอาผลงานทางวชิ าการของผอู้ ่ืนมาใช้ ไม่วา่ จะเป็นการ
ลอกบทความ รายงานวจิ ยั ศพั ท์ วลี ประโยค การประมวล
ความรู้ ความคิดจากผลงานวชิ าการของผอู้ ื่น และนามา
ปะติดปะต่อรวมกนั เป็นผลงานของตวั เอง หรือการคดั ลอก
เน้ือหาสาระผลงานของผอู้ ื่นมาท้งั ยอ่ หนา้ หรือบางส่วน ดว้ ยการ
อา้ งอิงไม่ถกู ตอ้ งท้งั น้ีโดยเจตนาหรือไม่กต็ าม ถือวา่ เป็นการ
ละเมิดจริยธรรมในงานวชิ าการท้งั สิ้น

การผลิตผลงานวชิ าการน้นั ผเู้ ขียนจาเป็นตอ้ ง
ยดึ ถือจริยธรรมและจรรยาบรรณทางวชิ าการ คือ
ตอ้ งมีความซ่ือสตั ยท์ างวชิ าการไม่นาผลงานของ
ผอู้ ื่นมาเป็นผลงานของตน ไม่ลอกเลียนผลงาน
ของผอู้ ่ืน ตอ้ งใหเ้ กียรติและอา้ งถึงบุคคลหรือ
แหล่งท่ีมาของขอ้ มูลที่นามาใชใ้ นผลงาน
วชิ าการของตนเองและแสดงหลกั ฐานของการ
คน้ ควา้

การประเมนิ คุณภาพรายงานทางวชิ าการ

การประเมินคุณค่าของขอ้ มูล เน้ือหา
หนงั สือ เอกสารท่ีสารวจ ทบทวนไวจ้ าเป็นตอ้ ง
มีการประเมินคดั เลือก เพราะหนงั สือเอกสาร
สารวจ ทบทวนไวจ้ ะมีจานวนมาก เรื่องเดียวกนั
จะมีเน้ือหาที่หลากหลาย มีผเู้ ขียนหลายคน มี
วธิ ีการนาเสนอแตกต่างกนั รวมท้งั มีรายละเอียด
ของเน้ือหาและความทนั สมยั ที่ต่างกนั

การประเมินคดั เลอื กควรพจิ ารณาจาก

• ผเู้ ขียน
• ความถูกตอ้ ง
• ความทนั สมยั
• แหล่งปฐมภูมิหรือทุติยภมู ิ
• วธิ ีการเขียน
• การอา้ งอิง
• สานกั พมิ พ์

วชิ าเทคนิคการศึกษาระดบั อดุ มศึกษา

บทที่ ๘/๒๕๕๖

บทท่ี ๘

การเขยี นภาคนิพนธ์

วตั ถุประสงค์ประจาบท

• บอกความหมายและความสาคญั ของภาคนิพนธไ์ ด้
• บอกส่วนประกอบและรูปแบบของภาคนิพนธ์ได้
• อธิบายหลกั และวธิ ีการเขียนภาคนิพนธ์ได้
• อธิบายวธิ ีการนาเสนอภาคนิพนธไ์ ด้
• อธิบายการประเมินคุณภาพของภาคนิพนธไ์ ด้


Click to View FlipBook Version