The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์หลักสูตร
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jakkuma.p, 2022-08-28 09:13:03

วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด

วิเคราะห์หลักสูตร
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

คำนำ

เอกสารประกอบหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ฉบับนี้เป็นฉบับปรับปรุง
พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ โรงเรียนอนุบาลองครกั ษ์ (ผดงุ องครกั ษ์ประชา) ประกอบดว้ ย
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นกรอบและทิศทางในการ พัฒนาหลักสูตร และใช้
โครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลองครักษ์(ผดุงองครักษ์ ประชา) เป็นแนวทางใน
การจัดทำ พร้อมทั้งได้ศึกษาเอกสาร ตำราที่เกี่ยวข้องกับการ จัดทำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ มาเปน็ แนวทางในการจัดทำ

ดังนั้นผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
(ภาษาอังกฤษ) ฉบับนี้จะเกิดประโยชน์ต่อบุคคลที่ต้องการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติการสอน ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

สารบญั

คำนำ หน้า
ความนำ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ๑
ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๒
โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา ๔
โครงสรา้ งหลักสูตรชน้ั ปี ๙
โครงสรา้ งหลักสตู รชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๑๐
โครงสรา้ งรายวิชา ๑๑
คำอธิรายวิชาภาษาอังกฤษ ๓ ๑๒
การวัดและประเมนิ ผล ๑๖
๑๗

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ

ทำไมต้องเรยี นภาษาตา่ งประเทศ

ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างย่ิง
ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้
การประกอบอาชพี การสรา้ งความเขา้ ใจเกีย่ วกับวัฒนธรรมและวิสยั ทศั น์ของชุมชนโลก และตระหนกั ถึงความ
หลากหลายทางวฒั นธรรมและมุมมองของสังคมโลก นำมาซงึ่ มิตรไมตรแี ละความรว่ มมือกบั ประเทศต่างๆ ชว่ ย
พัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้
ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ได้ง่ายและ
กวา้ งข้นึ และมีวสิ ยั ทศั นใ์ นการดำเนินชวี ิต

ภาษาต่างประเทศที่เป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน ซึ่งกำหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับ บาลี
และภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอื่นๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะจัดทำรายวิชาและ
จัดการเรียนรตู้ ามความเหมาะสม

เรียนรู้อะไรในภาษาต่างประเทศ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ม่งุ หวังใหผ้ ู้เรียนมีเจตคติที่ดตี ่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้
ภาษาต่างประเทศ สื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อ ในระดับที่สูงขึ้น
รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถ่ายทอด
ความคดิ และวัฒนธรรมไทยไปยังสงั คมโลกไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังน้ี

• ภาษาเพื่อการสื่อสาร การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน แลกเปลี่ยน
ข้อมูล ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ตีความ นำเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอดและความ
คิดเหน็ ในเร่อื งตา่ งๆ และสร้างความสมั พนั ธ์ระหว่างบุคคลอยา่ งเหมาะสม

• ภาษาและวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาความสัมพันธ์
ความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ
ภาษากบั วัฒนธรรมไทย และนำไปใชอ้ ย่างเหมาะสม

• ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น การใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยง
ความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น เป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และ
เปิดโลกทัศน์ของตน

• ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก การใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้ัง
ในห้องเรยี นและนอกห้องเรียน ชมุ ชน และสังคมโลก เปน็ เคร่ืองมือพนื้ ฐานในการศึกษาต่อ ประกอบอาชีพ และ
แลกเปลยี่ นเรยี นรู้กบั สังคมโลก

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ ๑ ภาษาเพ่อื การส่ือสาร

มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตคี วามเรอ่ื งท่ีฟังและอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล

มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก และความ
คิดเหน็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

มาตรฐาน ต ๑.๓ นำเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตา่ งๆ โดยการพูด
และการเขยี น

สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม

มาตรฐาน ต ๒.๑ เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ไดอ้ ย่าง
เหมาะสมกบั กาลเทศะ

มาตรฐาน ต ๒.๒ เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม

สาระท่ี ๓ ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนร้อู ืน่

มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเชอ่ื มโยงความรกู้ ับกลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน และเปน็ พน้ื ฐาน
ในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน

สาระที่ ๔ ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม

มาตรฐาน ต ๔.๒ ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเครอ่ื งมอื พน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และ การ
แลกเปลย่ี นเรยี นรูก้ บั สงั คมโลก

คณุ ภาพผู้เรยี น

จบชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓
 ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้องที่ฟัง อ่านออกเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยคง่ายๆ และบทพูดเข้า
จังหวะง่ายๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน บอกความหมายของคำและกลุ่มคำที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบ
คำถามจากการฟังหรอื อ่านประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่ายๆ
พูดโต้ตอบด้วยคำสั้นๆ ง่ายๆ ในการสื่อสารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช้คำสั่งและคำขอร้อง
ง่ายๆ บอกความต้องการง่ายๆ ของตนเอง พูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเพื่อนบอกความรู้สึกของ
ตนเองเกยี่ วกับสง่ิ ตา่ งๆ ใกลต้ วั หรอื กจิ กรรมตา่ งๆ ตามแบบทฟ่ี งั
 พดู ให้ข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกล้ตัว จัดหมวดหมคู่ ำตามประเภทของบคุ คล สัตวแ์ ละสิ่งของ
ตามที่ฟังหรืออา่ น
 พูดและทำท่าประกอบ ตามมารยาทสงั คม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกช่ือและคำศพั ท์
งา่ ยๆ เกี่ยวกับเทศกาล /วันสำคัญ /งานฉลอง และชวี ติ ความเปน็ อยู่ของเจ้าของภาษา เขา้ รว่ มกิจกรรม
ทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกบั วัย
 บอกความแตกต่างของเสยี งตวั อักษร คำ กล่มุ คำ และประโยคง่ายๆ ของภาษาตา่ งประเทศ

และภาษาไทย
 บอกคำศพั ทท์ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกับกลุม่ สาระการเรยี นรู้อน่ื
 ฟงั /พดู ในสถานการณง์ ่ายๆ ทเี่ กิดขึ้นในหอ้ งเรียน
 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศ เพ่ือรวบรวมคำศัพทท์ ่เี ก่ียวขอ้ งใกล้ตวั
 มีทักษะการใช้ภาษาตา่ งประเทศ (เน้นการฟงั -พูด) สื่อสารตามหัวเรอ่ื งเก่ยี วกบั ตนเอง

ครอบครัว โรงเรยี น สิง่ แวดล้อมใกล้ตัว อาหาร เคร่ืองด่ืม และเวลาวา่ งและนนั ทนาการ ภายใน
วงคำศัพทป์ ระมาณ ๓๐๐-๔๕๐ คำ (คำศัพท์ที่เป็นรูปธรรม)

 ใช้ประโยคคำเดยี ว (One Word Sentence) ประโยคเด่ยี ว (Simple Sentence) ในการสนทนา
โต้ตอบตามสถานการณ์ในชีวติ ประจำวัน

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)

ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓
รายวชิ าภาษาอังกฤษ รหสั รายวิชา อ ๑๓๑๐๑ เวลาเรียน ๑๒๐ ชั่วโมง

ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง
สาระที่ ๑ ภาษาเพ่อื การส่ือสาร

มาตรฐาน ต ๑.๑ เขา้ ใจและตีความเรื่องที่ฟังและอา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมี
เหตผุ ล

ช้ัน ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง

ป.๓ ๑. ปฏบิ ตั ิตามคำส่ัง และคำขอรอ้ งท่ี คำสง่ั และคำขอร้องทใ่ี ช้ในห้องเรยี น

ฟัง หรืออา่ น - คำสั่ง เช่น Give me a/an.../Draw and color

thepicture./ Put a/an…in/on/under a/an…/

Don’t eat in class. etc.

- คำขอร้อง เช่น Please take a queue./ Take

a queue, please./Don’t make a loud noise,

please./Please don’t make a loud noise./

Can you help me, please? etc.

๒. อา่ นออกเสียงคำ สะกดคำ อ่าน คำ กลมุ่ คำ ประโยคเดีย่ ว และบทพดู เข้าจงั หวะ

กลุม่ คำ ประโยค และบทพูดเขา้ และการสะกดคำการใช้พจนานุกรม

จงั หวะ (chant) ง่ายๆ ถูกต้องตาม หลกั การอา่ นออกเสียง เชน่

หลักการอ่าน - การออกเสียงพยัญชนะต้นคำและพยัญชนะท้าย

คำ

- การออกเสยี งเนน้ หนัก-เบา ในคำและกล่มุ คำ

- การออกเสยี งตามระดบั เสยี งสงู -ตำ่ ในประโยค

๓. เลือก/ระบุภาพ หรือสญั ลกั ษณต์ รง กล่มุ คำ ประโยคเด่ียว สญั ลกั ษณ์ และความหมาย

ตามความหมายของกลุ่มคำและประโยค เก่ยี วกบั ตนเอง ครอบครวั โรงเรียน ส่ิงแวดลอ้ ม

ท่ฟี ัง ใกลต้ ัว อาหาร เคร่อื งดื่ม และนนั ทนาการ เป็น

วงคำศัพท์สะสมประมาณ ๓๕๐-๔๕๐ คำ (คำศัพท์

ทเ่ี ป็นรูปธรรรม)

ชน้ั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ป.๓ ๔. ตอบคำถามจากการฟงั หรืออา่ น ประโยค บทสนทนา หรอื นิทานทีม่ ีภาพประกอบ

ประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ ประโยคคำถามและคำตอบ

- Yes/No Question เชน่ Is/Are/Can…?

Yes,…is/are/can./No,…isn’t/aren’t/can’t.etc.

- Wh-Question เชน่ What is this/that/it?

This/that/It is a/an…How many…? There

is/are…Where is/are…? It is in/on/under…

สาระที่ ๑ ภาษาเพื่อการส่อื สาร

มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สกึ
และความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ

ชั้น ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ป.๓ ๑. พดู โตต้ อบดว้ ยคำส้นั ๆ งา่ ยๆ ในการ บทสนทนาท่ีใช้ในการทักทาย กลา่ วลา ขอบคุณ

ส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ฟี งั ขอโทษ และประโยค/ขอ้ ความท่ีใชแ้ นะนำตนเอง

เช่น Hi/ Hello/ Good morning/ Good

afternoon/

Good evening/ I am sorry./ How are you?

I’m fine. Thank you. And you?/ Nice to see

you./ Nice

to see you too./ Goodbye./Bye./ See you

soon/later./ Thanks./ Thank you./ Thank

you very much./ You’re welcome. etc.

๒ .ใชค้ ำส่งั และคำขอร้องงา่ ยๆ ตามแบบ คำสง่ั และคำขอร้องท่ใี ช้ในห้องเรยี น

ทีฟ่ ัง

๓. บอกความต้องการงา่ ยๆ ของตนเอง คำศัพท์ สำนวน และประโยคทใี่ ช้บอกความ

ตามแบบท่ีฟัง ตอ้ งการ เช่น Please,…/ May I go out?/ May I

come in? etc.

ชน้ั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ป.๓ ๔. พูดขอและให้ข้อมลู ง่ายๆ เก่ยี วกบั คำศัพท์ สำนวน และประโยคทใี่ ช้ขอและให้ข้อมลู

ตนเอง และเพ่ือนตามแบบที่ฟัง เกี่ยวกบั ตนเอง และเพ่ือน เช่น

What’s your name? My name is…

How are you? I am fine.

What time is it? It is one o’clock.

What is this? It is a/an…

How many…are there? There is

a/an…/There are…

Who is…? He/She is… etc.

สาระที่ ๑ ภาษาเพือ่ การส่ือสาร

มาตรฐาน ต ๑.๓ นำเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตา่ งๆ โดยการพูด
และการเขยี น

ชั้น ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง

ป.๓ ๑. พดู ใหข้ อ้ มูลเกีย่ วกบั ตนเองและเรื่อง คำและประโยคทีใ่ ชใ้ นการพูดใหข้ ้อมลู เก่ียวกับ

ใกล้ตวั ตนเอง บคุ คลใกลต้ ัว และเร่ืองใกล้ตวั เช่น บอกชือ่

อายุ รูปรา่ ง สว่ นสงู เรยี กส่ิงต่างๆ จำนวน ๑-๕๐

สี ขนาด สถานทอี่ ยู่ของสิ่งของ

๒. จดั หมวดหมูค่ ำตามประเภทของ คำ กล่มุ คำที่มีความหมายเก่ยี วกบั บคุ คล สัตว์ และ
บคุ คล สตั ว์ และสง่ิ ของ ตามที่ฟงั หรือ สง่ิ ของ เช่น การระบุ/เช่อื มโยงความสัมพันธ์ของ
อา่ น ภาพกบั คำ หรือกลุ่มคำ โดยใช้ภาพ แผนภมู ิ
แผนภาพ แผนผัง

สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม

มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใชไ้ ด้อย่าง
เหมาะสมกับกาลเทศะ

ช้นั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ป.๓ ๑. พดู และทำท่าประกอบ ตาม มารยาทสังคม/วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา เชน่

มารยาทสังคม/วฒั นธรรมของ การขอบคณุ ขอโทษ การใชส้ ีหนา้ ทา่ ทางประกอบ

เจ้าของภาษา การพูดขณะแนะนำตนเอง การสัมผัสมือ การโบก

มือ การแสดงอาการตอบรับหรอื ปฏิเสธ

๒. บอกชือ่ และคำศัพท์ง่ายๆ คำศัพท์เกี่ยวกับเทศกาล/วนั สำคญั /งานฉลอง และ

เกี่ยวกบั เทศกาล/วันสำคญั /งานฉลอง ชวี ติ ความเปน็ อยู่ของเจ้าของภาษา เช่น วนั คริสต์มาส

และชวี ิตความเปน็ อยู่ของเจ้าของ วนั ขึ้นปีใหม่ วนั วาเลนไทน์ เครื่องแต่งกาย อาหาร

ภาษา เคร่อื งดื่ม

๓. เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางภาษาและ กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ การเลน่ เกม

วัฒนธรรมทีเ่ หมาะกับวัย การรอ้ งเพลง การเลา่ นิทานประกอบท่าทาง

วนั ครสิ ต์มาส วันขึ้นปีใหมว่ ันวาเลนไทน์

สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม

มาตรฐาน ต ๒.๒ เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม

ช้ัน ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ป.๓ ๑. บอกความแตกต่างของเสยี งตัวอกั ษร คำ ความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คำ กลมุ่ คำ

กลุม่ คำ และประโยคง่ายๆ ของ และประโยคของภาษาต่างประเทศและ

ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย ภาษาไทย

สาระที่ ๓ ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อนื่

มาตรฐาน ต ๓.๑ ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน และเปน็ พื้นฐานใน
การพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน

ชน้ั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ป.๓ ๑. บอกคำศัพท์ท่ีเกีย่ วข้องกบั กลมุ่ คำศัพทท์ ่ีเกยี่ วข้องกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น

สาระการเรยี นรู้อื่น

สาระท่ี ๔ ภาษากับความสัมพันธก์ ับชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต ๔.๑ ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทงั้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม

ชนั้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ป.๓ ๑. ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่ายๆ ที่ การใช้ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณง์ ่ายๆ ท่ี

เกดิ ขึ้นในห้องเรยี น เกดิ ข้ึนในห้องเรียน

สาระที่ ๔ ภาษากับความสัมพันธก์ บั ชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต ๔.๒ ใชภ้ าษาต่างประเทศเป็นเครอื่ งมอื พ้นื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการ
แลกเปลี่ยนเรียนรกู้ บั สังคมโลก

ชนั้ ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

ป.๓ ๑. ใช้ภาษาตา่ งประเทศ เพ่ือรวบรวม การใช้ภาษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศพั ท์ที่

คำศัพท์ท่เี กี่ยวข้องใกลต้ วั เก่ียวขอ้ งใกลต้ ัว จากส่ือตา่ งๆ

โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษา

โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลองครกั ษ์ (ผดงุ องครักษป์ ระชา) พุทธศกั ราช ๒๕๖๒

(ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนด
กรอบโครงสร้างเวลาเรยี น ดงั นี้

โครงสรา้ งหลักสูตรช้นั ปี
รายวชิ าพ้นื ฐานและรายวชิ าเพ่มิ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศระดบั ประถมศกึ ษา

โครงสรา้ งหลกั สูตรช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3
รายวิชาพ้นื ฐานและรายวชิ าเพิม่ เติม กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศระดับประถมศกึ ษา

โครงสรา้ งรายวชิ า กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ

รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 รหสั วชิ า อ13101

ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3 เวลาเรียน 120 ชั่วโมง/ปี







คำอธริ ายวชิ าภาษาองั กฤษ ๓

รหสั วชิ า อ๑๓๑๐๑ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลาเรยี น ๑๒๐ ชวั่ โมง/ปี

________________________________________________________________________________

เข้าใจคำสั่ง คำขอร้อง ประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆที่มีภาพประกอบ และบทพูดเข้าจังหวะ

บทสนทนาที่ใช้ในการทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ และประโยค/ข้อความที่ใช้แนะนำตนเอง สนทนา

แลกเปลยี่ นข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเองและสงั คมใกลต้ วั แสดงความตอ้ งการ บอกความ รูส้ ึกของตนเองจดั หมวดหมู่

ประเภทของคำ ในหัวเรื่องเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน เครื่องแต่งกาย อาหาร สัตว์เลี้ยง และ

นันทนาการ คำศัพท์สะสมประมาณ ๓๕๐-๔๕๐ คำ (คำศัพท์ที่เป็นรูปธรรม) เห็นประโยชน์ในการเรียน

ภาษาต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสาระการเรียนรู้อื่นๆ รู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งาน ฉลอง

และชีวิตความเป็นอยู่ของเจา้ ของภาษา เช่น วันคริสต์มาส วันขึ้นปีใหม่ วันวาเลนไทน์ เครื่องแต่งกาย อาหาร

เคร่ืองด่มื มารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา เช่น การขอบคณุ ขอโทษ การใช้สหี น้าท่าทาง ประกอบ

การพูดขณะแนะนำตนเอง การสัมผัสมือ การโบกมือ การแสดงอาการตอบรับหรอื ปฏิเสธ ใช้ ประโยคคำเดียว

(One Word Sentence) ประโยคเดี่ยว (Simple Sentence) ในการสนทนาโต้ตอบตาม สถานการณ์ใน

ชีวติ ประจำวัน กระบวนการจัดการเรียนการสอนเนน้ การเรยี นเพื่อการส่ือสาร ปฏิบตั กิ จิ กรรม ทางภาษาท้ังใน

การฟังและการพูด สอ่ื สารขัน้ พน้ื ฐาน ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึกการใช้ภาษาท้ังในสถานการณ์จำลอง และสถานการณจ์ ริง

ผู้เรยี นได้เข้ารว่ ม กจิ กรรมทางภาษาท่ีจัดขึ้นในโรงเรียน เพอ่ื ใหเ้ กิดความพร้อมในการ เรียนภาษาอังกฤษ และ

ความสนุกสนานเพลิดเพลิน การวัดและประเมินผลใช้วธิ ีการประเมนิ ผลตามสภาพ จริงของเนื้อหา และทักษะ

ที่ต้องการวัด ทม่ี ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คือมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้และมุ่งมั่นในการทำงาน

รหสั ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี ๑ ภาษาเพือ่ การสื่อสาร

ต๑.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔
ต๑.๒ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓ ป.๓/๔ ป.๓/๕
ต๑.๓ ป.๓/๑ ป.๓/๒
สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม
ต๒.๑ ป.๓/๑ ป.๓/๒ ป.๓/๓
ต๒.๒ ป.๓/๑
สาระที่ ๓ ภาษากับความสมั พนั ธ์กบั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้อืน่
ต๓.๑ ป.๓/๑
สาระที่ ๔ ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับชุมชนและโลก
ต๔.๑ ป.๓/๑ ต๔.๒ ป.๓/๑
รวม ๑๘ ตวั ช้ีวัด

แนวทางการวัดและประเมนิ ผล

การวัดและประเมินผลรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอนวัดและประเมินผล การ
เรยี นรผู้ ู้เรยี นตามตวั ช้ีวัดในรายวชิ าพืน้ ฐาน ตามทกี่ ำหนดไวใ้ นหน่วยการเรยี นรู้ ใชว้ ธิ กี ารวดั และ ประเมินผลที่
หลากหลายจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง เพื่อให้ได้ผลการประเมินที่สะท้อนความรู้ ความสามารถที่แท้จริง
ของผ้เู รยี นโดยการวดั และประเมินผลการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองไปพร้อมกบั การจัดการ เรยี นการสอนโดยสังเกต
พฒั นาการและความประพฤติของผู้เรยี น สังเกตพฤตกิ รรมการเรียน การร่วม กจิ กรรม การประเมินตามสภาพ
จรงิ เชน่ การประเมนิ การปฏิบตั ิงาน การประเมนิ จากโครงงาน การประเมินจากแฟ้มสะสมงาน เปน็ ตน้ ควบคู่
กบั การใช้การทดสอบแบบตา่ ง ๆ อย่างสมดุลและครอบคลมุ ทงั้ ดา้ นความรู้ ด้านทักษะ และด้านเจตคติ โดยให้
ความสำคัญกับการประเมนิ ผลระหว่างเรียนมากกวา่ การ ประเมนิ ปลายป/ี ปลายภาค และใชเ้ ป็นขอ้ มูลเพื่อการ
ประเมินการเลื่อนชั้นและการจบการศึกษา และเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพผู้สอนต้อง
ตรวจสอบความรู้ความสามารถ ที่แสดงพัฒนาการของผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และผู้เรียนต้อง
รับผิดชอบและตรวจสอบ ความก้าวหน้าของตนเองอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน หน่วยการเรียนรู้เป็นส่วนที่ผู้สอน
และผเู้ รยี นใช้ตรวจสอบ ยอ้ นกลบั ว่าผเู้ รียนเกิดการเรียนรูห้ รอื ยัง การประเมินในระดับช้นั เรยี นต้องอาศัยทั้งผล
การประเมินย่อยเพื่อ พัฒนา และการประเมินผลรวมเพื่อสรุปผลการเรียนรู้เมื่อจบหน่วยการเรียนรู้และจบ
รายวชิ า

วิธกี ารวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรูใ้ ห้บรรลุผลตามเป้าหมายของการเรียนรู้ทีว่ างไว้ควรมี แนวทาง
ดงั ตอ่ ไปนี้

๑. ต้องวัดท้ังความรู้ ความคิด ความสามารถ ทักษะกระบวนการ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม
รวมทง้ั โอกาสในการเรยี นของผเู้ รียน

๒. วธิ กี ารวดั ผลและประเมินผล ตอ้ งสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั /ผล การเรียนรู้ท่ี
กำหนดไว้

๓. ตอ้ งเก็บข้อมลู ท่ีได้จากการวัดผลและประเมินผลตามความเป็นจริงและต้องประเมินผล ภายใต้
ขอ้ มูลที่มีอยู่

๔. ผลการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผู้เรียนตอ้ งนำไปสู่การแปลผลและลงข้อสรุป ท่ี
สมเหตุสมผล

๕. การวดั ผลตอ้ งเทีย่ งตรงและเป็นธรรม ทั้งดา้ นของวธิ กี ารวดั โอกาสของการประเมิน

แนวปฏิบตั ิในการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การประเมิน
เพื่อพัฒนาผู้เรยี นและเพือ่ ตัดสนิ ผลการเรยี น ในการพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้ของผู้เรียน ให้ ประสบผลสำเรจ็
นั้น นักเรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการ เรียนรู้ สะท้อน
สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัด และประเมินผล
การเรียนรู้ในระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนา
คุณภาพนักเรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความ
สำเร็จทางการเรียนของนักเรียน ตลอดจนขอ้ มลู ที่เป็นประโยชนต์ ่อการส่งเสริมให้ นกั เรียนเกดิ การพัฒนาและ
เรียนรู้อย่างเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน
ระดับสถานศกึ ษา มรี ายละเอียด ดงั น้ี

๑. การประเมนิ ระดับชัน้ เรยี น เป็นการวัดและประเมนิ ผลท่อี ยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ครู ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง หลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยครู ผูส้ อนเปน็ ผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้นักเรียนประเมิน ตนเอง เพ่ือน
ประเมินเพื่อน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ในกรณีที่ไม่ผ่านตัวชี้วัดให้มี การสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับช้ัน
เรียนเป็นการตรวจสอบว่า นักเรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ 100 อันเป็นผลมาจากการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสง่ิ ทีจ่ ะตอ้ งได้รับการ พัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมใน
ด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุง การเรียนการสอนของตน ด้วย ทั้งนี้โดยสอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ัด

๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียน
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้ง สามารถนำผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับ สถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการ เรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ
จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการ ประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ผ้ปู กครองและชมุ ชน

ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบทบทวนพัฒนาคุณภาพ
นักเรียน ที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาเต็มตาม
ศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่ม
นกั เรยี นทั่วไป กลุ่มนกั เรยี นท่ีมีความสามารถพเิ ศษ กลุ่มนกั เรียนที่มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่างกลุ่มผู้เรียน ที่
มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มนักเรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มนักเรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและ
สังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาใน
การดำเนินการช่วยเหลอื ผ้เู รยี นได้ทนั ท่วงที ปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั การพัฒนาและประสบความสำเร็จใน การ
เรยี น

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผดิ ชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบยี บว่าด้วยการวดั และประเมนิ ผล การ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของ หลักสูตร
สถานศึกษา เพ่อื ให้บคุ ลากรทีเ่ ก่ยี วข้องทกุ ฝา่ ยถอื ปฏบิ ัตริ ว่ มกัน

เกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรียน

๑. การตัดสนิ การให้ระดับและการรายงานผลการเรยี น

๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรียน ในการตดั สนิ ผลการเรยี นของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คดิ

วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องค านึงถึงการพัฒนา
นักเรียนแต่ละคนเป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของนักเรียนทุกด้านอย่างสม่ าเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาค
เรียน รวมทั้งสอน ซอ่ มเสริมผูเ้ รยี นให้พฒั นาจนเตม็ ตามศักยภาพ

ระดับประถมศกึ ษา

(๑) ผู้เรยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้งั หมด

(๒) ผเู้ รียนต้องไดร้ ับการประเมนิ ทุกตัวชีว้ ัด และผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของ

จำนวนตวั ชว้ี ัด

(๓) ผ้เู รียนตอ้ งได้รบั การตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวิชา ไมน่ อ้ ยกวา่ ระดับ “ ๑ ” จงึ จะถอื วา่

ผา่ นเกณฑต์ ามที่สถานศกึ ษาก าหนด

(๔) นักเรียนตอ้ งได้รบั การประเมนิ และมผี ลการประเมนิ การอ่านคิดวเิ คราะหแ์ ละ เขียน

ระดับ “ ผ่าน ” ขึ้นไป มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับ“ ผ่าน ” ขึ้นไป และมีผลการ
ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนานักเรียน ในระดับ “ ผา่ น ” การพิจารณาเลื่อนชั้นทั้งระดับประถมศึกษา ถ้านักเรียนมี

ข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และ พิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ให้ผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้
แตห่ ากนักเรยี นไม่ผา่ น รายวิชาจ านวนมาก และมีแนวโน้มวา่ จะเปน็ ปญั หาต่อการเรียนในระดับช้ันทส่ี ูงขนึ้ ให้
ตั้งคณะกรรมการ พิจารณาให้เรียนซ้ าชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของนักเรียน
เป็นสำคัญ

๑.๒ การให้ระดบั ผลการเรียน ระดบั ประถมศกึ ษา ในการตดั สนิ เพื่อใหร้ ะดบั ผลการเรียน
รายวิชา ให้ระดับผลการเรียนหรือระดับ คุณภาพการปฏิบัติของนักเรียน เป็นระบบตัวเลขแสดงระดับผลการ
เรียนเปน็ ๘ ระดับดังน้ี

การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การ
ประเมินเป็น ดีเย่ียม ดี ผ่าน และไม่ผา่ น

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏิบัติ กิจกรรม
และผลงานของผูเ้ รียน ตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด และให้ผลการเขา้ ร่วมกิจกรรมเปน็ ผา่ น และไมผ่ ่าน

๑.๓ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียนเปน็ การสื่อสารให้ผูป้ กครองและนักเรียนทราบ
ความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ของนักเรยี น ต้องสรปุ ผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบ
เป็นระยะ ๆ หรือ อย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครั้ง การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพ
การปฏิบัติของนักเรยี นท่ีสะท้อน มาตรฐานการเรียนรูก้ ลมุ่ สาระการเรยี นรู้


Click to View FlipBook Version