รายงานการวจิ ยั ในชั้นเรียน
เรือ่ ง : การใช้เพลงประกอบการทอ่ งบทอาขยาน ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
โรงเรยี นหนองมว่ งวทิ ยา จังหวัดลพบุรี
ผวู้ ิจยั
นายกิตตศิ กั ดิ์ แก้วตา
ตาแหน่ง ครู คศ.1
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ประจาภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2562
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนหนองมว่ งวทิ ยา จังหวดั ลพบุรี
สังกัด สานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 5
บทคดั ยอ่
วจิ ัยในช้นั เรียนเร่ือง : การใชเ้ พลงประกอบการทอ่ งบทอาขยาน ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
โรงเรียนหนองมว่ งวทิ ยา จงั หวัดลพบรุ ี
ผวู้ จิ ยั : นายกิตติศกั ดิ์ แก้วตา ตาแหน่ง ครู คศ.1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรียนหนองม่วงวทิ ยา จงั หวัดลพบรุ ี
สังกดั สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 5
คาสาคญั : การใช้เพลง, ทอ่ งบทอาขยาน
การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการท่องจาบทอาขยานจากเร่ือง
อิศรญาณภาษิต ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 และศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนช้ัน
มธั ยมศึกษาปีที่ 3 จากการใชจ้ ังหวะเพลงในการท่องจาบทอาขยาน โดยผวู้ จิ ยั ไดเ้ ลือกใช้จังหวะเพลง จานวน
3 เพลง ได้แก่ จังหวะแหล่ ตะโพน, จังหวะทับหน้าลาว และเพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว) สาหรับ
ประกอบการสอนทอ่ งอาขยาน ซึง่ ไดน้ าไปทดลองกบั กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 - 3/3
โรงเรยี นหนองมว่ งวทิ ยา จานวน 97 คน ในภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 โดยการสมุ่ แบบเจาะจง
ผลการศกึ ษาพบว่า
1. นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยจากการท่องบทอาขยานแบบธรรมดา 6.83 คะแนน ส่วนคะแนนเฉล่ีย
จากการทอ่ งบทอาขยานประกอบจงั หวะ 8.40 คะแนน โดยเฉลี่ยนักเรียนมีผลคะแนนเพิ่มข้ึน 1.57 คะแนน
นอกจากนย้ี งั พบว่า นกั เรยี นผา่ นตัวช้วี ดั รวม 93 คน คิดเป็นร้อยละ 95.88 และนักเรียนไม่ผ่านตัวช้ีวัดเพียง
4 คน คิดเป็นร้อยละ 4.12 จึงสรุปได้ว่าการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยานส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ของ
นักเรียนสูงกวา่ การท่องอาขยานแบบธรรมดา ซึง่ เปน็ ไปตามสมมุติฐาน
2. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จากการใช้จังหวะเพลงในการท่องจาบท
อาขยาน มีระดับความพึงพอใจ ดี ข้ึนไปในทุกด้านทุกข้อ โดยด้านความชื่นชอบเพลง เพลงที่นักเรียนชอบ
สาหรับประกอบการท่องบทอาขยานมากท่ีสุด คือ เพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว) ค่าเฉล่ีย 4.52 และ
สรุปผลความพึงพอใจของนกั เรียนตอ่ การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยานของนักเรียนเฉล่ีย 4.52 ในระดับ
ดมี าก ทั้งน้คี า่ เฉล่ยี ความพงึ พอใจท้ังหมด 4 ด้าน 10 ประเด็น เทา่ กบั 4.33 ระดบั ดี
สารบัญ หนา้
เรอ่ื ง 1
1
บทคดั ย่อ 3
บทที่ 1 บทนา 3
3
ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา 4
วัตถุประสงค์ของการวิจัย 4
สมมตุ ฐิ านของการวจิ ยั 4
ขอบเขตของการวิจัย 5
ข้อตกลงเบ้อื งตน้
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 6
กรอบแนวคิดในการวจิ ัย 6
ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รับ 7
7
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง 7
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย 8
บทอาขยาน 8
- วตั ถุประสงค์ 10
- ประเภทของบทอาขยาน
- เกณฑก์ ารกาหนดเปน็ บทอาขยาน 11
การจดั การเรยี นรบู้ ทอาขยานไทย 11
งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง 11
12
บทที่ 3 วธิ ดี าเนินการวจิ ยั 13
ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 13
เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการวจิ ยั
การสร้างเคร่ืองมือในการวิจัย 14
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มลู 21
21
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 22
22
บทที่ 5 สรปุ ผลและอภิปรายผล
สรุปผลการวจิ ยั
อภปิ รายผลการวจิ ยั
ขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม 23
ภาคผนวก 25
ภาคผนวก ก บทอาขยานภาษาไทย กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐานพุทธศักราช 2551
ภาคผนวก ข เพลงทีเ่ ลือกใชป้ ระกอบการท่องจาบทอาขยาน
ภาคผนวก ค แบบประเมนิ ผลการท่องอาขยาน
ภาคผนวก ง แบบประเมนิ ระดบั ความพึงพอใจของนกั เรียนที่มตี อ่ การใชเ้ พลง
ประกอบการท่องอาขยาน
ภาคผนวก จ รปู ภาพประกอบการวจิ ยั ในชัน้ เรยี น
1
บทท่ี 1
บทนำ
ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ
บทอาขยานเป็นบทกวีที่มีความไพเราะ มีความถูกต้องทางฉันทลักษณ์ ให้คติสอนใจ และ
เป็นแบบแผนในการแต่งคาประพันธ์ การท่องอาขยานในระยะแรก (พ.ศ. 2477 – 2478) จะใช้บท
อาขยานซึ่งตัดตอนมาจากหนังสือวรรณคดีแล้วนามาให้นักเรียนท่องจา โดยใช้เวลาก่อนเข้าเรียน
หลังเลิกเรียนตอนเย็น ใหน้ ักเรียนท่องพร้อม ๆ กันท้ังห้อง จากน้ันก็มีการท่องบทอาขยานติดต่อกัน
เรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน เพือ่ สง่ เสริมให้นกั เรียนตระหนักในคุณค่าของภาษาไทยและซาบซึ้งในความ
ไพเราะของบทร้อยกรอง เป็นสื่อถ่ายทอดคุณธรรม คติธรรม และข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน
รวมทั้งเพื่อส่งเสริมจิตสานึกทางวัฒนธรรมของคนในชาติในฐานะ “รากร่วมทางวัฒนธรรม”
นอกจากนี้การท่องอาขยานยังส่งเสริมให้นักเรียนเห็นความงดงามของภาษา เห็นคุณ ค่าของ
วรรณคดีไทยทีเ่ ป็นเอกลักษณ์และเปน็ สมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ที่ควรค่าแก่การรักษา สืบสาน
ให้คงอยู่ตลอดไป รวมท้ังยังเป็นการฝึกสมาธิ กล่อมเกลาจิตใจนักเรียนสู่การดารงชีวิตที่ดีงามอีก
ด้วย
ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กระทรวงศึกษาธิการ ได้
กาหนดให้การท่องบทอาขยานระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น อยู่ในตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดง
ความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
ตัวช้วี ัดที่ 4 ท่องจาและบอกคณุ ค่าบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความ
สนใจและนาไปใช้อ้างอิง ซึ่งการกาหนดบทร้อยกรองสาหรับท่องอาขยานน้ัน กระทรวงศึกษาธิการ
จะคัดเลือกจากบทร้อยกรองที่มีเน้ือหาความยากง่ายเหมาะสมกับวัย มีความยาวที่พอเหมาะ
พอควร ให้คุณธรรม คติธรรม ให้แนวทางการดารงชีวิตที่ดีงาม มีสุนทรียรสทางภาษา มีความ
ถกู ต้องตามฉนั ทลักษณ์ และมีรูปแบบทีห่ ลากหลาย
ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งถือเป็นระดับชั้นสุดท้ายของการศึกษาภาคบังคับ
กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดบทท่องอาขยานบทหลักจากวรรณคดี 2 เร่ือง คือ บทพากย์
2
เอราวัณเอราเอราวัณ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และอิศรญาณ
ภาษิต ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ ส่วนบทอาขยานบทรองเลือกตามความสนใจน้ัน นักเรียนส่วนใหญ่
ได้เลือกท่องอาขยานจากเร่อื ง พระอภยั มณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ของพระศรีสุนทร
โวหารหรือสุนทรภู่ โดยในภาคเรียนที่ 1 ได้กาหนดใช้บทรองในการท่อง ส่วนภาคเรียนที่ 2 ใช้บท
หลักในการท่อง ในการท่องอาขยานครูจะกาหนดให้นักเรียนท่องจาให้ขึ้นใจ เพื่อให้เกิดการจา
การรับรู้ เกิดทกั ษะทางภาษาไทยอย่างแม่นยาและย่ังยืน ไม่ใช่เปน็ การท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเร่ืองการท่องบทอาขยานในภาคเรียนที่ 2 โดยเฉพาะ
การท่องบทอาขายานจากวรรณคดีเร่ือง อิศรญาณภาษิต ของ หม่อมเจ้าอิศรญาณ ซึ่งแต่งด้วย
รูปแบบคาประพันธ์ประเภทกลอนเพลงยาว คล้ายกับกลอนสุภาพ แต่บทแรกขึ้นต้นด้วยวรรคที่ 2
หรอื วรรครบั และบทสุดท้ายลงท้ายด้วยคาวา่ “เอย” มีเน้ือหาเชงิ สงั่ สอน ให้ข้อคดิ ในการใช้ชีวิตของ
คนทีเ่ พศทุกวัยน้ัน ซึ่งเน้ือหาแต่ละวรรคแต่ละบทได้กล่าวสั่งสอนเป็นประเด็น ๆ ไป ไม่ได้เรียบเรียง
เป็นลาดับเหตุการณ์เร่ืองราวเหมือนบทท่องอาขยานจากเร่ือง พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนี
นางผีเสื้อสมุทร และบทพากย์เอราวัณ จึงพบปัญหาว่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่ติดต่อขอสอบตรงตาม
เวลาที่กาหนด เน่ืองจากท่องจาบทอาขยานไม่ได้ หรือท่องได้แต่ก็หลงลืมในบางวร รคบางบท
ประกอบกับบทอาขยานที่ค่อนข้างยาวถึง 6 บทกลอน ทาให้นักเรียนเกิดความท้อแท้ เบื่อหน่าย
และไม่ได้ฝกึ ฝนท่องจา
จากปญั หาดังกล่าว ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนจึงได้คิดค้นหาวิธีการเพื่อที่จะส่งเสริม พัฒนา
ให้นกั เรียนมีเทคนิค วิธีการที่จะสามารถท่องจาบทอาขยานได้อย่างขึ้นใจและมีความสุข จากการที่
ผวู้ ิจัยเคยได้เข้ารบั การอบรมตามโครงการพัฒนาครรู ปู แบบครบวงจร ของสานกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน ในหลักสูตรอบรมเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาครูภาษาไทยสู่ยุค Education 4.0 :
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ รหัสหลักสูตร 613031050 (จานวน 16 ช่ัวโมง) จากศูนย์บริการวิชาการ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรต โดยวิทยากร อาจารย์วีระชาติ ศิริไกรวัฒนาวงศ์ (ครูต้น) เม่ือวันที่
30 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2561 ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในคร้ังน้ัน
วิทยากรได้ให้ความรู้ แนะนาเทคนิคการใชจ้ ังหวะดนตรแี ละเพลง เพือ่ พฒั นาการท่องจาบทอาขยาน
ประเภทกลอนสุภาพ ได้แก่ Jessica jay (Broken harted woman), บ้านฉันน่าอยู่ (บ่าววี), ไหมแท้ที่
แม่ทอ (ต่าย อรทัย), จังหวะแหล่ ตะโพน, จังหวะทับหน้าลาว, กินดองน้องเมีย (ศร สินชัย และ
คณะ) และ สาวเบียร์ช้าง (คาราบาว) เปน็ ต้น แล้วมกี ารฝึกปฏิบตั ิ ซึง่ ผวู้ ิจัยเห็นว่าเป็นเทคนิควิธีการ
จัดกิจกรรมการเรยี นรู้เรอ่ื งการท่องอาขยานที่น่าสนใจ ทนั สมยั และน่าจะแก้ปญั หาดงั กล่าวได้
3
ดังน้ัน เพื่อให้นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในรายวิชาภาษาไทย 6 (ท23102)
สามารถท่องจาบทอาขยานบทบังคับจากเร่ือง อิศรญาณภาษิต ได้อย่างถูกต้อง แม่นยา และมี
ความสนุกในการท่องบทอาขยาน ผู้วิจัยจึงจะนาจังหวะดนตรี จังหวะเพลง มาใช้พัฒนาการท่อง
อาขยานของนักเรียน เพื่อให้มีพัฒนาการทางด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในตัวชี้วัดนี้สูงขึ้น และมี
ระดบั ความพึงพอใจในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนในระดับทีส่ งู ต่อไป
วัตถปุ ระสงคข์ องกำรวิจัย
1. เพื่อพัฒนาทักษะการท่องจาบทอาขยานจากเร่ือง อิศรญาณภาษิต ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
2. เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากการใช้จังหวะ
เพลงในการท่องจาบทอาขยาน
สมมติฐำนของกำรวจิ ยั
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีทักษะและมีระดับความพึงพอใจในการใช้จังหวะ
เพลงประกอบการท่องจาบทอาขยานที่ดขี นึ้
ขอบเขตของกำรวิจยั
1. ขอบเขตด้านเน้ือหา
- ใชบ้ ทอาขยานจากเร่อื ง อิศรญาณภาษิต ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ จานวน 6 บท
- ใช้จังหวะดนตรี จังหวะเพลง จาก https://www.youtube.com จานวน 3 เพลง คือ
จังหวะแหล่ ตะโพน, จงั หวะทบั หนา้ ลาว, และเพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว)
2. ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
- ประชากร ได้แก่ นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จานวน 6 ห้องเรียน รวม 210 คน ของ
โรงเรียนหนองม่วงวทิ ยา อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ประจาภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562
- กลุ่มตัวอย่าง การวิจัยในช้ันเรียนคร้ังนี้ ผู้วิจัยจะทาการศึกษาเฉพาะนักเรียนชั้น
มัธยมศกึ ษาปีที่ 3/1 – 3/3 รวม 3 ห้องเรียน รวมจานวน 97 คน ของโรงเรียนหนองม่วงวิทยา อาเภอ
หนองม่วง จังหวัดลพบุรี ประจาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 เน่ืองจากเป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัย
รบั ผิดชอบสอน
4
3. ขอบเขตด้านเวลา
ระยะเวลาในการศกึ ษาระหว่าง 3 กุมภาพันธ์ 2563 – 5 มนี าคม 2563
ข้อตกลงเบือ้ งตน้
การวิจัยในช้ันเรียนคร้ังนี้ ผวู้ ิจัยจะเก็บข้อมลู จากกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 3/1 – 3/3 จานวน 97 คนเท่าน้ัน เน่ืองจากผู้วิจัยได้รับผิดชอบจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนักเรียน
3 หอ้ งนี้ โดยจะเรียกกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวว่า นักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3
นิยำมศพั ทเ์ ฉพำะ
กำรท่องอำขยำน หมายถึง การท่องจาบทอาขยานของนักเรียนรายบุคคล ซึ่งใช้บท
อาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด คือ บทอาขยานจากเร่ือง อิศรญาณภาษิต ของหม่อมเจ้า
อิศรญาณ
เพลง หมายถึง จงั หวะดนตรี จังหวะเพลง ที่ใช้ประกอบการศึกษาการท่องจาบทอาขยาน
ซึ่งมีห้องเพลงตรงกับคาประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ โดยเพลงจาก https://www.youtube.com
จานวน 3 เพลง คือ จังหวะแหล่ ตะโพน, จังหวะทับหนา้ ลาว, และเพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 3 หมายถึง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 – 3/3
รวม 97 คน ของโรงเรียนหนองม่วงวิทยา อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ประจาภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2562
กรอบแนวคิดในกำรวจิ ยั
การใช้จงั หวะดนตร/ี จังหวะเพลง ประกอบการท่องบทอาขยาน
นกั เรียนมที ักษะความจา และมีระดับความพึงพอใจ
ในการใชจ้ ังหวะเพลงประกอบการท่องจาบทอาขยานที่ดีข้ึน
ภาพที่ 1 แสดงกรอบแนวคิดในการวิจัย
5
ประโยชนท์ ่จี ะได้รับจำกกำรวิจยั
1. นักเรียนมผี ลสัมฤทธิท์ างการเรียนในเร่อื งการท่องบทอาขยานสงู ข้นึ
2. นกั เรียนมีความสขุ และสนใจทีจ่ ะท่องบทอาขยาน
2. พัฒนารปู แบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้สหู่ อ้ งเรียนและระดบั ชั้นอน่ื ๆ
6
บทท่ี 2
เอกสำรและงำนวิจัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง
ในการศึกษาการใช้เพลงประกอบการท่องบทอาขยานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผวู้ ิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง เพื่อเป็นพื้นฐานในการดาเนินการวิจัย โดยได้
เสนอตามลาดบั ดังตอ่ ไปนี้
1. หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
2. บทอาขยาน
3. การจดั การเรียนรู้บทอาขยานภาษาไทย
4. งานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้อง
1. หลกั สตู รกลุ่มสำระกำรเรยี นร้ภู ำษำไทย
หลักสตู รการศกึ ษาขั้นพื้นฐานกาหนดสาระการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเกณฑ์
ในการกาหนดคณุ ภาพของผู้เรยี นเม่อื เรียนจบการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ซึง่ กาหนดไว้เฉพาะส่วนที่จาเป็น
สาหรับเป็นพื้นฐานในการดารงชีวิตให้มีคุณภาพ สาหรับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน สถานศึกษาสามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้
สาหรบั สาระการเรียนรภู้ าษาไทยมี 5 สาระ ดังน้ี
สาระที่ 1 : การอา่ น
สาระที่ 2 : การเขียน
สาระที่ 3 : การฟงั การดู และการพดู
สาระที่ 4 : หลกั การใชภ้ าษาไทย
สาระที่ 5 : วรรณคดี และวรรณกรรม
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ มุ่งศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาระวรรณคดีและวรรณกรรม
โดยมีมาตรฐานการเรียนรู้ และคณุ ภาพของผู้เรยี นเม่อื จบระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ดังน้ี
สาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง
เห็นคณุ ค่าและนามาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จริง
7
ตัวชี้วัดที่ 4 ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจและนาไปใช้อา้ งองิ ซึ่งการกาหนดบทร้อยกรองสาหรบั ท่องอาขยานนน้ั
2. บทอำขยำน
บทอาขยานหรอื บทประพันธ์ที่คดั เลือกมาให้นกั เรียนท่อง ซึ่งครูได้แนะแนวทางให้นักเรียน
ทาความเข้าใจก่อนท่อง รวมท้ังนักเรียนได้มโี อกาสท่องบทอาขยานพร้อมกันท้ังห้องเรียนนั้น จะเป็น
ผลทาให้ผู้ที่เคยท่องบทอาขยานหวนราลึกถึงบรรยากาศของการท่องอาขยานว่าเป็นช่วงเวลาที่น่า
ประทับใจ การจดจาบทอาขยานได้อย่างแม่นยา และสามารถนาไปใช้อ้างอิงได้เกิดการสืบทอดทาง
วัฒนธรรมและเป็นการปลูกสานึกให้เยาวชนรู้สึกซาบซึ้งในบทประพันธ์แต่เยาว์วัย การท่องบท
อาขยานจึงไม่ใชก่ ารท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง แตเ่ ป็นการท่องเพื่อใหเ้ กิดการจาและรับรู้เกิดทักษะ
ทางภาษา เกิดความซาบซึง้ เหน็ คุณค่าในความงามของภาษา และได้ขอ้ คิดนาไปใช้ประโยชน์ในชีวติ
2.1 วัตถปุ ระสงค์
1) เพื่อใหน้ กั เรียนตระหนกั ถึงคุณค่าของภาษาไทยและซาบซึง้ ในความไพเราะของบทร้อยกรอง
2) เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม และข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน
3) เพื่อเป็นสือ่ สง่ เสริมจติ สานึกทางวฒั นธรรมรว่ มกนั ของคนในชาติ
4) เพือ่ เป็นพืน้ ฐานการแตง่ คาประพนั ธ์ของนักเรียน
2.2 ประเภทของบทอำขยำน
เพือ่ ให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ของการท่องบทอาขยาน และสอดคล้องกับการจัดการเรียนการ
สอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง วรรณคดีสาหรับจัดการเรียนการสอนภาษาไทย ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกาศ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551
คณะกรรมการกาหนดแนวทางและพจิ าณาคัดเลือกบทอาขยานภาษาไทย ได้พิจารณาคัดเลือกและ
วางแนวทางการท่องบทอาขยานสาหรับนักเรียน นอกจากนี้ยังเห็นควรเปิดโอกาสให้บุคลากรใน
ท้องถิ่น ได้แก่ ครู บิดามารดา ผู้ปกครอง และนักเรียนมีส่วนร่วมคัดเลือกบทอาขยานด้วย จึงได้
กาหนดบทอาขยานเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี
2.1.1 บทหลัก หมายถึง บทอาขยานทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกาหนดให้นักเรียนท่องจาเพื่อ
ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันท่ัวประเทศ ส่วนใหญ่คัดเลือกจากวรรณคดีที่กาหนดให้เรียนตาม
8
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง วรรณคดีสาหรับการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกาศ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.
2551 โดยกาหนดตอนทีไ่ พเราะถกู ต้องตามฉันทลักษณ์ และให้คติสอนใจ
2.1.2 บทรอง หมายถึง บทอาขยานที่นักเรียนเลือกท่องตามความสนใจมิได้เป็นการ
บังคับ โดยอาจเลือกท่องจากบทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการคัดเลือกไว้ หรือบทประพันธ์ที่
ครผู สู้ อนแนะนาเพิม่ เติม หรือเป็นบทอาขยานที่นักเรียนชอบ นักเรียนแต่งขึ้นเองหรือผู้ปกครอง ผู้มี
ความสามารถในท้องถิน่ แตง่ ข้ึนก็ได้ การทีน่ ักเรียนรจู้ ักคดั เลือกบทประพันธ์ที่มีคุณค่าและท่องจาไว้
ใช้ประโยชน์ย่อมแสดงถึงความเป็นผู้รู้จักคิด ความเป็นผู้มีเหตุผล มีสุนทรียรสทางภาษา ทาให้
นักเรียนมคี วามภาคภมู ใิ จในการท่องบทอาขยานมากยิง่ ขนึ้
2.3 เกณฑก์ ำรกำหนดเป็นบทอำขยำน
ในการคัดเลือกบทประพันธ์ร้อยกรองมาเป็นบทอาขยานนั้น กระทรวงศึกษาธิการมีแนว
ทางการคดั เลือกบทประพนั ธ์ทีม่ ลี กั ษณะ ดังน้ี
1) มีสนุ ทรียรสทางภาษา คือ ใช้ภาษาที่ไพเราะ งดงาม ให้ความหมายลึกซงึ้ กินใจ
2) ส่งเสริมคุณธรรม จรยิ ธรรม ให้ข้อคดิ และแนวทางดาเนินชีวติ ทีด่ ีงาม
3) มีรปู แบบและฉนั ทลกั ษณ์ที่หลากหลาย ถูกต้อง เหมาะสมกับวยั และระดบั ช้ัน
4) มีเน้ือหายากง่ายเหมาะสมกบั วัยและมคี วามยาวพอควร
ตามเกณฑ์นี้ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนสามารถใช้เป็นแนวทางในการคัดเลือกบท
อาขยานบทเลือกได้ และอาจเพิ่มเติมเกณฑ์ได้ตามดุลพินิจ
3. กำรจดั กำรเรียนรบู้ ทอำขยำนภำษำไทย
การจัดการเรียนรู้บทอาขยานภาษาไทย มีข้อควรคานึงและดาเนินการเพื่อให้บรรลุ
วตั ถปุ ระสงค์ของการท่องบทอาขยาน เชน่
1. จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนที่น่าสนใจใหน้ กั เรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจบทอาขยานด้าน
คุณค่าลักษณะคาประพันธ์ ความหมายของศัพท์ ความหมายของบทประพันธ์และข้อคิดที่ได้จาก
บทอาขยานนน้ั
2. ให้นักเรียนอ่านออกเสียงบทอาขยาน เพื่อให้ครูได้ทราบว่าอ่านถูกต้องหรือไม่ โดยอ่าน
ตามหลักการอ่านท่ัวไป และตามอักขรวิธี เช่น ออกเสียงคา ออกเสียงตัว ร ล ควบกล้า ให้ถูกต้อง
9
อ่านได้ถูกจังหวะและแบ่งวรรคตอนได้ถูกต้องตามความหมายของคา บริบทของคา และตาม
ลักษณะคาประพนั ธ์ประเภทน้ัน ๆ
3. ฝกึ อ่านทานองเสนาะให้ได้สุนทรียรสจากบทประพันธ์ ถูกทานอง ลีลาของบทประพันธ์
และชนิดใช้น้าเสียงแสดงอารมณ์และความรู้สึกตามเนื้อหา เช่น บทเศร้าโศกราพึงราพันควรอ่าน
ทอดเสียงแผ่วเบาและผ่อนเสียงให้นุ่มนวล ถ้าเป็นบทโกรธหรือบทต่อสู้ควรอ่านเต็มเสียง เน้นเสียง
ให้หนกั เน้นจงั หวะค่อนขา้ งเรว็ จะทาให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วย
4. สร้างบรรยากาศให้เกิดความพร้อมเพรียงและเพลิดเพลินในการท่องบทอาขยาน โดย
ท่องแบบทานองเสนาะพร้อม ๆ กันท้ังห้องเรียน เพื่อให้จาได้แม่นยายิ่งขึ้น และมีความรู้สึกสานึก
ทางวฒั นธรรมรว่ มกนั
5. อาจจดั กิจกรรมอื่นทีน่ า่ สนใจ เชน่
5.1 นาบทอาขยานมาขับร้องโดยใส่ทานองเพลงไทย และดัดแปลงใส่ทานองเพลงไทย
สากลสมัยปัจจุบันตามความสนใจของนักเรียนได้ การบรรจุทานองเพลงไทยในบทอาขยานอาจ
พิจารณาถึงที่มาของเพลงและบทประพันธ์ร้อยกรองว่าโบราณาจารย์ได้กาหนดทานองเพลงไทย
สาหรับบทประพันธ์ร้อยกรองน้ัน ๆหรือไม่ อาจยึดตามที่กาหนดไว้แล้วแต่เดิม หรือกาหนดทานอง
เพลงไทยขึ้นใหม่ โดยอาจพิจารณาจังหวะ ลีลา ท่วงทานอง และอารมณ์ของเพลงที่เหมาะกับบท
ประพนั ธ์ และเหมาะกบั วยั ของนกั เรียน ไม่ยากจนเกินไป
5.2 จัดกิจกรรมให้หลากหลายและเหมาะสมกับบทประพันธ์ร้อยกรองน้ัน ๆ เช่น
แบ่งกลุ่ม แสดงจินตลีลาหรือแสดงท่าราประกอบความคิดเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน อภิปราย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทอาขยานให้ได้ความคิดที่แตกฉาน จัดหาวิทยากรมาให้ความรู้
เพิ่มเติม พูดโต้วาที พูดหรือเขียนวิเคราะห์วิจารณ์ เขียนตามคาบอก เขียนเพื่อพัฒนาลายมือ เขียน
เพือ่ ทดสอบความเข้าใจ เขียนอธิบายความ และเขียนเรียงความ
5.3 วาดภาพโดยใช้จินตนาการที่เกิดจากการท่องจาบทอาขยาน หรือค้นหาภาพที่มีผู้
วาดแล้วมาแลกเปลี่ยนกัน อภิปรายร่วมกันเพื่อส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทางศิลปะควบคู่
กบั งานประพันธ์
อนึ่ง ข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้น ครูพึงตระหนักว่านักเรียนอาจบรรลุวัตถุประสงค์ได้
ไม่พร้อมกันทุกคน ทั้งนีข้ ึน้ อยู่กับระดบั ชั้นเรยี น วยั ความถนดั และความสามารถของแตล่ ะคน
10
4. งำนวิจัยทเ่ี กีย่ วข้อง
จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่า มีงานวิจัยเกี่ยวกับการสอนท่องบทอาขยาน 2
เรื่อง ดังน้ี
สุมน ไวยบุญญา (2548) จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ศึกษาการสร้าง
บทเรียนมัลติมิเดียบนซีดี-รอมเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนบทอาขยานสาหรับนักเรีนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 6
ชฎาภรณ์ พิพุทธางกูร (2556) จากมหาวิทยาลัยนครพนม ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้
บทอาขยานตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนรุ่งอรุณ ที่มีต่อความสามารถในการอ่าน
และเจตคติ ของนักเรียนชน้ั คละ ระดับประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4
จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ปรากฏการใช้เพลงในการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้การท่องอาขยาน ผวู้ ิจัยจงึ มคี วามสนใจที่จะศึกษาการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน ของ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อฝึกทักษะการท่องจาบท
อาขยานของนักเรียน ส่งผลใหผ้ เู้ รียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นที่สูงขึน้ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนและ
ยังทาให้ผู้เรยี นเกิดความสนใจ ความสนุกสนานในการเรียนภาษาไทย อีกทั้งยังสามารถประเมินผล
ได้ครอบคลุมผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวงั ของหลักสูตร และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน
ต่อไป
11
บทท่ี 3
วธิ ีดำเนินกำรวจิ ยั
การศึกษาคร้ังนี้ เป็นการศึกษาการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยานของนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ซึง่ มีวธิ ีดาเนินการวิจยั ตามขนั้ ตอน ดงั น้ี
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครื่องมือที่ใชใ้ นการวิจัย
3. การสรา้ งเครื่องมอื ในการวิจัย
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
5. การวิเคราะหข์ ้อมลู
1. ประชำกรและกลมุ่ ตัวอยำ่ ง
ประชากรทีใ่ ชใ้ นการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี 3 จานวน 6 ห้องเรียน รวม
210 คน ส่วนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 – 3/3 จานวน 3 ห้องเรียน รวม 97 คน
ซึ่งเป็นนกั เรียนโรงเรียนหนองม่วงวิทยา ประจาภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562
2. เครื่องมือที่ใชใ้ นกำรวจิ ยั
เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ประกอบด้วย
1. บทอาขยานบทหลกั จากเรอ่ื ง อิศรญาณภาษิต ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ
2. เพลงจาก https://www.youtube.com จานวน 3 เพลง คือ จังหวะแหล่ ตะโพน, จังหวะ
ทับหนา้ ลาว, และเพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว)
3. แบบประเมินผลการท่องจาบทอาขยาน
4. แบบประเมินระดบั ความพึงพอใจของนกั เรียน ต่อการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน
12
3. กำรสร้ำงเครอ่ื งมือในกำรวจิ ยั
1. สรา้ งแผนการจัดการเรียนรู้การท่องจาบทอาขยาน โดยใชเพลง ตามลาดับขั้นตอน ดงั น้ี
1.1 ศึกษาหลักสูตร เป้าหมาย วิสัยทัศน์ เนื้อหา จุดประสงค์ เกี่ยวกับการสอนวิชา
ภาษาไทย สาระการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พืน้ ฐาน 2551 และเอกสารต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับกิจกรรมการเรียนการสอน
1.2 วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ของจดุ ประสงค์ และเนือ้ หาเกีย่ วกบั การท่องบทอาขยาน
1.3 จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะการท่องจาบทอาขยาน กาหนดบท
ท่องอาขยาน เพลงทีใ่ ช้ประกอบ
1.4 นาแผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ทีส่ รา้ งข้ึนไปให้ผู้เชีย่ วชาญ ตรวจสอบความถูกต้อง
1.5 นาแผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ที่ผ่านการตรวจสอบ มาปรับปรงุ แก้ไขตามข้อเสนอแนะ
1.6 นาแผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ที่ได้ปรับปรุงแล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/6 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา จานวน
30 คน แก้ไข ปรบั ปรงุ แผนการสอน
1.7 นาแผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญตรวจ เพื่อพิจารณาแก้ไขอีกครั้ง ก่อนที่จะนาไปใช้สอน
จรงิ กบั กลุ่มเป้าหมาย
2. การสร้างแบบประเมินผลการท่องจาบทอาขยาน
2.1 ศึกษาตารา เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบบประเมินผลการท่อง
อาขยาน
2.2 สร้างแบบประเมินผลการท่องอาขยาน
2.3 นาแบบประเมินผลฯ ที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อปรับปรุง แก้ไข
และขอคาแนะนา
2.4 ปรับปรงุ แก้ไขแบบทดสอบตามคาแนะนาของผู้เชีย่ วชาญ
2.5 นาแบบประเมินผลฯ ที่ปรับปรุงแล้ว ไปใช้ประเมินนักเรียนกลุ่มทดลอง คือ
นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3/6 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา จานวน 30 คน เพื่อปรับปรุง ก่อนนาไปใช้
จรงิ กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย
13
3. การสร้างประเมินระดับความพึงพอใจของนักเรียน ต่อการใช้เพลงประกอบการท่อง
อาขยาน
3.1 ศึกษาเอกสารและหลักการสร้างแบบประเมินระดับความพึงพอใจของนักเรียน ต่อ
การใช้เพลงประกอบการท่องอาขยานทีเ่ หมาะสมกับนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
3.2 สรา้ งแบบประเมินระดบั ความพึงพอใจของนักเรียน ต่อการใช้เพลงประกอบการท่อง
อาขยาน
3.3 นาแบบประเมินฯ ที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ให้ข้อเสนอแนะ เพื่อ
ปรบั ปรุงแก้ไข
3.4 ทดลองใช้แบบประเมินฯ กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3/6 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา จานวน 30 คน เพื่อปรับปรุง ก่อนนาไปใช้จริงกับนักเรียน
กลุ่มเป้าหมาย
4. กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู
การวิจยั ในชั้นเรยี นนี้ มีขนั้ ตอนการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดงั ตอ่ ไปนี้
1. ทดสอบก่อนเรียนโดยประเมินการท่องบทอาขยานของนักเรียน
2. ดาเนินการสอนโดยเพลงประกอบการท่องบทอาขยาน
3. ทดสอบหลังเรยี นโดยประเมินการท่องบทอาขยานของนักเรียน และให้นักเรียนประเมิน
ระดับความพึงพอใจ ต่อการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน
5. กำรวเิ ครำะห์ข้อมูล
การวิจยั ในคร้ังนี้ ผู้วิจยั ได้ทาการวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั นี้
1. วิเคราะหผ์ ลการประเมินการท่องบทอาขยานของนักเรียนเปรียบเทียบระหว่างก่อนและ
หลงั การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยาน
2. วิเคราะห์ผลการประเมินระดับความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการใช้เพลง
ประกอบการท่องอาขยาน
14
บทท่ี 4
ผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล
การนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยานของนักเรียนชั้น
มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 มีวตั ถุประสงค์เพือ่ พฒั นาทกั ษะการท่องจาบทอาขยานจากเร่อื ง อิศรญาณภาษิต
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 และศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3
จากการใช้จังหวะเพลงในการท่องจาบทอาขยาน จึงได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลาดับ
ดังน้ี
1) ผลกำรพัฒนำทักษะกำรท่องจำบทอำขยำนจำกเร่ือง อิศรญำณภำษิต ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษำปีท่ี 3
จากการศึกษาปรากฏผลการประเมินการท่องบทอาขยานของนักเรียนเปรียบเทียบ
ระหว่างก่อนและหลงั การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยาน ดังตารางตอ่ ไปนี้
ตำรำง 1 คะแนนเปรียบเทยี บคะแนนก่อนและหลงั กำรใช้เพลงประกอบกำรท่องอำขยำน
ของนกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 3
ผลกำรประเมิน
ที่ ชื่อ – สกลุ ชน้ั คะแนนทอ่ งบท คะแนนท่องบท ประเมินผล
1 ด.ช.กรวิชญ์ ศริ ิสขุ อำขยำน อำขยำนประกอบ ผลต่ำง
ธรรมดำ (10) จังหวะ (10)
3/1 8 10 +2 ผา่ น
2 ด.ช.ณัฐวุฒิ สุวรรณอิน 3/1 6 8 +2 ผา่ น
3 ด.ช.เทพพิทักษ์ หลงสุวรรณ์ 3/1 6 8 +2 ผา่ น
4 ด.ช.ธนพฒั น์ ชืน่ ชมบญุ 3/1 9 10 +1 ผา่ น
5 ด.ช.ธนภทั ร จันทร์โชโต 3/1 7 9 +2 ผา่ น
6 ด.ช.นนทวัฒิ ฤทธิน์ ้อย 3/1 7 8 +1 ผา่ น
7 ด.ช.ปิยะพงศ์ ธงทอง 3/1 8 10 +2 ผา่ น
15
ผลกำรประเมิน
ที่ ชื่อ – สกุล ชน้ั คะแนนท่องบท คะแนนท่องบท ประเมินผล
อำขยำน อำขยำนประกอบ ผลตำ่ ง
8 ด.ช.พรชยั พรหมอยู่ ธรรมดำ (10) จังหวะ (10) +3 ผา่ น
3/1 6 9
9 ด.ช.สิทธิโชค เพ็ญศรี 3/1 5 6 +1 ผา่ น
10 ด.ช.บุญเกียรติ แปลนาค 3/1 5 8 +3 ผา่ น
11 ด.ช.สมพงษ์ พุ่มทับทิม 3/1 5 8 +3 ผา่ น
12 ด.ช.สิทธิกร วิญญกูล 3/1 6 8 +2 ผา่ น
13 ด.ช.ธนากร คงมณี 3/1 6 6 0 ผา่ น
14 ด.ญ.กมลวรรณ จนั ทร์ทอง 3/1 6 8 +2 ผา่ น
15 ด.ญ.ณัฐสิตา ศริ ิบูรณะ 3/1 6 9 +3 ผา่ น
16 ด.ญ.ดวงกมล คุณประสาท 3/1 7 8 +1 ผา่ น
17 ด.ญ.ดวงหทัย แก้วเกิด 3/1 7 9 +2 ผา่ น
18 ด.ญ.วรินยพุ า แซ่ท้าว 3/1 7 9 +2 ผา่ น
19 ด.ญ.ปัญญาพร เขียวน้อย 3/1 8 9 +1 ผา่ น
20 ด.ญ.พรนภา มงคลช่วง 3/1 8 10 +2 ผา่ น
21 ด.ญ.พิชญวดี ป้องฉิม 3/1 8 10 +2 ผา่ น
22 ด.ญ.ศุภกานต์ กาสา 3/1 8 9 +1 ผา่ น
23 ด.ญ.สาวิตรี ลอยมา 3/1 7 8 +1 ผา่ น
24 ด.ญ.สุวรรณี วงษ์ชยั 3/1 9 10 +1 ผา่ น
25 ด.ญ.เหมือนฝนั มิง่ นุกูล 3/1 7 8 +1 ผา่ น
26 ด.ญ.อไุ รวรรณ เกตหุ อม 3/1 9 10 +1 ผา่ น
27 ด.ญ.ชญาดา พรหมชาติ 3/1 8 10 +2 ผา่ น
28 ด.ญ.ปนัดดา ตุ่มทอง 3/1 8 9 +1 ผา่ น
29 ด.ญ.อทิตยา ช่องพฒั นา 3/1 8 9 +1 ผา่ น
30 ด.ญ.พนิดา มณีนพรตั น์ 3/1 8 9 +1 ผา่ น
16
ผลกำรประเมิน
ที่ ชือ่ – สกลุ ชนั้ คะแนนทอ่ งบท คะแนนทอ่ งบท ประเมินผล
อำขยำน อำขยำนประกอบ ผลต่ำง
31 ด.ญ.ปัณฑิตา หอมนาน ธรรมดำ (10) จงั หวะ (10) +1 ผา่ น
3/1 7 8
32 ด.ช.กฤษฎา ทบั ทอง 3/2 5 6 +1 ผา่ น
33 ด.ช.กาพลเดช พันธ์แจม่ 3/2 6 8 +2 ผา่ น
34 ด.ช.นิรุช เผอื กกรดุ 3/2 6 8 +2 ผา่ น
35 ด.ช.นิวฒั น์ พิมขุนทอง 3/2 6 6 0 ผา่ น
36 ด.ช.พงศก์ ร มาสม 3/2 6 7 +1 ผา่ น
37 ด.ช.วรพล แย้มครวญ 3/2 5 8 +3 ผา่ น
38 ด.ช.วรเพ็ชร ดาวัน 3/2 6 8 +2 ผา่ น
39 ด.ช.วิทวัช แจ่มแจ้ง 3/2 6 8 +2 ผา่ น
40 ด.ช.วิษณุ เทียนศรี 3/2 6 9 +3 ผา่ น
41 ด.ช.วีระพงษ์ เทียนศรี 3/2 6 9 +3 ผา่ น
42 ด.ช.ศรัณย์ภัทร โกยทา 3/2 7 9 +2 ผา่ น
43 ด.ช.สิทธิโชติ อินทเสน 3/2 5 8 +3 ผา่ น
44 ด.ช.สิทธิพล กาธรเดชะ 3/2 8 10 +2 ผา่ น
45 ด.ช.ณพนันท์ อินทร์โต 3/2 5 6 +1 ผา่ น
46 ด.ช.นาคพฒั น์ แป้นทอง 3/2 5 6 +1 ผา่ น
47 ด.ช.ณฐั วฒุ ิ พึ่งพร 3/2 5 7 +2 ผา่ น
48 ด.ญ.ชรนิ รัตน์ เดชคา 3/2 7 8 +1 ผา่ น
49 ด.ญ.ฐิติรตั น์ โฉมไสว 3/2 8 8 0 ผา่ น
50 ด.ญ.ณัฐวดี คาโสภา 3/2 7 10 +3 ผา่ น
51 ด.ญ.ณัฐวิภา บญุ นาค 3/2 8 9 +1 ผา่ น
52 ด.ญ.นันฑกานต์ ทองแท้ 3/2 8 9 +1 ผา่ น
53 ด.ญ.ปดิวรดา ครายานนท์ 3/2 7 8 +1 ผา่ น
54 ด.ญ.ปาณิศา ดาเผือก 3/2 6 8 +2 ผา่ น
17
ผลกำรประเมิน
ที่ ชื่อ – สกุล ชน้ั คะแนนทอ่ งบท คะแนนทอ่ งบท ผลต่ำง ประเมินผล
อำขยำน อำขยำนประกอบ
55 ด.ญ.ปาณิศา สตี าล 3/2 +2 ผา่ น
ธรรมดำ (10) จังหวะ (10) +2 ผา่ น
+1 ผา่ น
6 8 +1 ผา่ น
+3 ผา่ น
56 ด.ญ.พนั ธิภา แดงโร่ 3/2 79 +2 ผา่ น
+2 ผา่ น
57 ด.ญ.ภัคจริ า บัวไตย์ 3/2 78 +1 ผา่ น
+2 ผา่ น
58 ด.ญ.สกาวรตั น์ แซ่เล้า 3/2 78 +1 ผา่ น
+1 ผา่ น
59 ด.ญ.กัญญาภคั วิลาสสูงไกล 3/2 7 10 +1 ผา่ น
+1 ผา่ น
60 ด.ญ.จิรนนั ท์ ทองใบ 3/2 68 +1 ผา่ น
+2 ผา่ น
61 ด.ญ.ภิญญดา ศรสุวรรณภักดี 3/2 79 +2 ผา่ น
0 ไม่ผ่าน
62 ด.ญ.วนัชพร กลัน่ ชาติ 3/2 89 0 ไม่ผ่าน
+1 ผา่ น
63 ด.ช.ชัยพงษ์ จนั ทร์ตรา 3/3 8 10 0 ไม่ผ่าน
+2 ผา่ น
64 ด.ช.ชานนท์ ไทยภกั ดี 3/3 67 +3 ผา่ น
+2 ผา่ น
65 ด.ช.ชุมพล เฟื่องศาสตร์ 3/3 67 +2 ผา่ น
66 ด.ช.ณัฐพงศ์ ไทยรักประวัติ 3/3 67
67 ด.ช.ทวีศกั ดิ์ เกษาคม 3/3 56
68 ด.ช.ทัยธนะ กล่อมกาเนิด 3/3 56
69 ด.ช.พิตตนิ ันท์ จันทร์ศรี 3/3 57
70 ด.ช.ภัทรพล ประจง 3/3 79
71 ด.ช.วสธุ ร โพธิว์ ัด 3/3 55
72 ด.ช.อนพุ นธ์ สิงหะ 3/3 55
73 ด.ช.ธีรเทพ สันโดษ 3/3 89
74 ด.ญ.กฤตติญาภา ทองกนุ า 3/3 55
75 ด.ญ.กัลยาณี จยุ้ เจรญิ 3/3 8 10
76 ด.ญ.เกศกนก ธญั ญเจรญิ 3/3 7 10
77 ด.ญ.จิราพร ปานเปรม 3/3 8 10
78 ด.ญ.จิราพร เอีย่ มพงษ์ 3/3 8 10
18
ที่ ผลกำรประเมิน
10
ชื่อ – สกลุ ชัน้ คะแนนท่องบท คะแนนทอ่ งบท ผลต่ำง ประเมินผล
อำขยำน อำขยำนประกอบ +3 ผา่ น
79 ด.ญ.ชฎากานต์ บุญอิน 3/3
ธรรมดำ (10) จงั หวะ (10)
7 10
80 ด.ญ.ญาณภา เรียนแจ้ง 3/3 8 9 +1 ผา่ น
81 ด.ญ.ณฐั มน มีจันทร์ 3/3 9 10 +1 ผา่ น
82 ด.ญ.ดวงกมล เมืองคา 3/3 8 10 +2 ผา่ น
83 ด.ญ.ตรีเพชร ศริ ิมงคล 3/3 8 9 +1 ผา่ น
84 ด.ญ.นพนัน วงษ์ชัย 3/3 8 9 +1 ผา่ น
85 ด.ญ.เปมิกา แท่นทอง 3/3 9 10 +1 ผา่ น
86 ด.ญ.พลอยวรินทร์ ฉัตรทอง 3/3 9 10 +1 ผา่ น
87 ด.ญ.ไพลิน บวั มาก 3/3 7 9 +2 ผา่ น
88 ด.ญ.วริศรา กลิน่ ไทย 3/3 7 10 +3 ผา่ น
89 ด.ญ.วริศรา อุ่นสา 3/3 8 8 0 ผา่ น
90 ด.ญ.สมฤทยั บัวทอง 3/3 7 10 +3 ผา่ น
91 ด.ญ.สริสรา รอดวงษ์ 3/3 5 5 0 ไม่ผ่าน
92 ด.ญ.สิรกิ ร ท่าจาปา 3/3 8 9 +1 ผา่ น
93 ด.ญ.สุจิวรรณ์ ดวนขันธ์ 3/3 8 10 +2 ผา่ น
94 ด.ญ.สุภาวดี สุภาพรม 3/3 7 10 +3 ผา่ น
95 ด.ญ.อรษา ปาสีวงษ์ 3/3 6 6 0 ผา่ น
96 ด.ญ.อญั ชลี เย็นระยบั 3/3 8 10 +2 ผา่ น
97 ด.ญ.อาภัสรา เสืออินทร์ 3/3 5 6 +1 ผา่ น
รวม 663 815 +152
ผ่ำน
ค่ำเฉลีย่
6.83 8.40 +1.57
19
จากตารางที่ 1 จะเห็นว่า คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการท่องบทอาขยานแบบธรรมดา
เท่ากับ 6.83 คะแนน ส่วนคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการท่องบทอาขยานประกอบจังหวะ
เท่ากับ 8.40 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยเฉลี่ยนักเรียนมีผลคะแนนเพิ่มขึ้น 1.57
คะแนน นอกจากนี้ยังพบว่าผลสัมฤทธิ์ของการใช้จังหวะเพลงประกอบการท่องบทอาขยานสูงสุด
เพิ่มขึ้น 3 คะแนน ต่าสุด 0 คะแนน จึงสรุปได้ว่าการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยานส่งผลให้
ผลสมั ฤทธิข์ องนกั เรียนสงู กว่าการท่องอาขยานแบบธรรมดา
2) ผลกำรศึกษำระดับควำมพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 3 จำกกำรใช้จังหวะ
เพลงในกำรท่องจำบทอำขยำน
จากการศึกษาผู้วิจัยได้นาผลการประเมินระดับความพึงพอใจ มาแสดงค่าความถี่ และ
ค่าเฉลีย่ รอ้ ยละ ดังตารางตอ่ ไปนี้
ตำรำง 2 ผลกำรประเมินระดบั ควำมพึงพอใจของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 3 จำกกำรใช้
จังหวะเพลงในกำรทอ่ งจำบทอำขยำน
ข้อ รำยกำรประเมิน ระดบั ควำมพึงพอใจ แปลผล
5 4 3 2 1 รวม เฉลี่ย
ด้ำนทว่ั ไป
1 เพลงทีใ่ ชป้ ระกอบการท่องอาขยาน 51 26 10 10 - 399 4.11 ดี
มคี วามเหมาะสมกับบทร้อยกรอง
2 เพลงที่ใชป้ ระกอบการท่องอาขยาน 50 32 8 6 1 415 4.27 ดี
มคี วามชา้ -เร็ว พอเหมาะ
ดำ้ นผลลัพธ์
3 การใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน 58 24 10 5 - 416 4.29 ดี
มคี วามนา่ สนใจ แปลกใหม่
4 การใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน 62 21 6 5 3 425 4.38 ดี
ทาให้เกิดความสนกุ สนาน
5 การใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน 45 35 10 7 - 409 4.22 ดี
ทาให้จาบทอาขยานได้
6 การใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน 46 40 8 3 - 420 4.33 ดี
ดีกวา่ การท่องแบบธรรมดา
20
ข้อ รำยกำรประเมิน ระดบั ควำมพึงพอใจ รวม เฉลี่ย แปลผล
54321
ด้ำนควำมชืน่ ชอบเพลง
7 จังหวะหน้าทับลาว 55 27 12 3 - 425 4.38 ดี
8 จังหวะตะโพนแหล่ 54 25 11 6 1 416 4.29 ดี
9 เพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว) 68 17 7 5 - 439 4.52 ดีมำก
ดำ้ นสรุปผล
10 นกั เรียนพึงพอใจกบั การใช้เพลง 57 35 3 2 - 438 4.52 ดีมำก
ประกอบการท่องอาขยาน
รวม 4202 4.33 ดี
จากตารางที่ 2 จะเห็นว่าในทุกด้าน ทุกประเด็นนักเรียนมีระดับความพึงพอใจ ดี ขึ้นไป
โดยด้านความชื่นชอบเพลง เพลงที่นักเรียนชอบสาหรับประกอบการท่องบทอาขยานมากที่สุด คือ
เพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว) ค่าเฉลี่ย 4.52 และสรุปผลความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้
เพลงประกอบการท่องอาขยานของนักเรียนเฉลี่ย 4.52 ในระดับดีมาก ท้ังนี้ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ
ท้ังหมด 4 ด้าน 10 ประเด็น เท่ากับ 4.33 ระดบั ดี
21
บทท่ี 5
บทสรุป
การศกึ ษาเร่ือง การใช้เพลงประกอบการท่องบทอาขยาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา จังหวัดลพบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการท่องจาบทอาขยาน
จากเร่ือง อิศรญาณภาษิต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจ
ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 จากการใชจ้ ังหวะเพลงในการท่องจาบทอาขยาน กลุ่มเป้าหมายที่
ใช้ศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 - 3/3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียน
หนองม่วงวิทยา อาเภอหนองม่วง จงั หวัดลพบรุ ี จานวน 97 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1)
บทอาขยานบทหลัก จากเร่ือง อิศรญาณภาษิต ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ 2) เพลงจาก https://
www.youtube.com จานวน 3 เพลง คือ จังหวะแหล่ ตะโพน, จังหวะทับหน้าลาว, และเพลงสาว
เบียร์ช้าง (วงคาราบาว) 3) แบบประเมินผลการท่องจาบทอาขยาน และ 4) แบบประเมินระดับความ
พึงพอใจของนกั เรียน ต่อการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน
สรุปผลกำรศึกษำ
จากการศกึ ษา พบว่า
1) การพัฒนาทักษะการท่องจาบทอาขยานจากเร่ือง อิศรญาณภาษิต ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยจากการท่องบทอาขยานแบบธรรมดา เท่ากับ 6.83
คะแนน ส่วนคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนจากการท่องบทอาขยานประกอบจังหวะ เท่ากับ 8.40
คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยเฉลี่ยนักเรียนมีผลคะแนนเพิ่มขึ้น 1.57 คะแนน นอกจากนี้
ยังพบว่าผลสัมฤทธิ์ของการใช้จังหวะเพลงประกอบการท่องบทอาขยานสูงสุดเพิ่มขึ้นจากเดิม 3
คะแนน ต่าสุด 0 คะแนน นักเรียนผ่านตัวชี้วัดรวม 93 คน คิดเป็นร้อยละ 95.88 และนักเรียนไม่
ผ่านตัวชี้วัดเพียง 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4.12 จึงสรุปได้ว่าการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน
ส่งผลใหผ้ ลสัมฤทธิ์ของนักเรียนสงู กว่าการท่องอาขยานแบบธรรมดา
2) ระดับความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากการใช้จังหวะเพลงในการ
ท่องจาบทอาขยาน มีระดับความพึงพอใจ ดี ขึ้นไปในทุกด้านทุกข้อ โดยด้านความชื่นชอบเพลง
เพลงทีน่ ักเรียนชอบสาหรับประกอบการท่องบทอาขยานมากที่สุด คือ เพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว)
22
ค่าเฉลี่ย 4.52 และสรปุ ผลความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยานของ
นักเรียนเฉลี่ย 4.52 ในระดับดีมาก ท้ังนี้ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจทั้งหมด 4 ด้าน 10 ประเด็น เท่ากับ
4.33 ระดับดี
อภิปรำยผล
1. ผลการวิจัยด้านทักษะการท่องบทอาขยานจากวรรณคดีเร่ือง อิศรญาณภาษิต
ประกอบจังหวะเพลง ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการประเมินผลสูงกว่าการท่องอาขยานแบบ
ธรรมดา ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะความแปลกใหม่ ความน่าสนใจ และความสนุกสนานที่มีสื่อ
ประกอบการท่องที่รวดเร็ว เร้าใจ ใชเ้ วลาน้อย ทาใหจ้ ดจาบทอาขยานได้แมน่ ยา ถกู ต้อง เป็นจังหวะ
วรรคตอนชดั เจน ซึ่งตา่ งจากการท่องแบบเดิมที่เนิบช้า ใช้เวลานาน และอาจทาให้ลืมบทท่องได้ ครู
ในระดับชั้นอื่นสามารถนาเทคนิควิธีการนี้ไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาที่ตน
รับผิดชอบได้ โดยเลือกจังหวะทานองเพลงที่ตรงกับรูปแบบคาประพันธ์ของบทท่องอาขยานใน
ระดับช้ันนั้น ๆ แล้วสาธิตเป็นตัวอย่างให้นักเรียนฟังหนึ่งรอบ จากน้ันให้นักเรียนฝึกท่องจาตาม
ทานองนอกเวลาเรียนเป็นประจา จะส่งผลใหผ้ ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียนในตวั ชวี้ ัดนี้สูงข้นึ
2. ระดบั ความพึงพอใจของนกั เรียนตอ่ การใช้เพลงประกอบการท่องบทอาขยาน จะพบว่า
นักเรียนมรี ะดบั ความพึงพอใจ ระดบั 4 หรอื ดี ในทุกข้อ น่นั หมายความว่านักเรียนส่วนใหญ่ชื่นชอบ
เทคนิควิธีการจัดการเรยี นรู้การท่องอาขยานในลกั ษณะนี้ เม่อื ถามถึงทานองเพลงซึ่งครูได้กาหนดไว้
3 แนว พบว่านักเรียนชื่นชอบเพลงสาวเบียร์ช้างของวงคาราบาวมากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าเพลง
ยคุ ใหม่ จงั หวะทานองนา่ เร้าใจ ช่วยกระตุ้นใหน้ กั เรียนสนใจในการเรียนรู้ได้ดีกว่าเพลงยุคเก่า ครูจึง
ควรคิดหาวิธีนาเพลงสมยั ใหม่ มาใช้ประกอบการสอนในเรือ่ งอน่ื ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป
ขอ้ เสนอแนะ
1. การส่งเสริมการท่องอาขยานทานองเสนาะของนักเรียน ครูต้องแจ้งคุณค่าและ
ประโยชน์ที่จะได้รับใหน้ กั เรียนทราบและเขา้ ใจ
2. ควรสรุปผลและให้ข้อแนะนาในการท่องอาขยานของนักเรียนรายบุคคลทันทีเม่ือเสร็จ
สิน้ กระบวนการเรียนการสอน เพือ่ ให้นักเรียนรู้ขอ้ บกพร่องของตนเอง
3. ควรหาทานอง จังหวะดนตรี เพลง ที่สามารถนามาประกอบการท่องอาขยานเพื่อให้
เกิดความหลากหลายท้ังรปู แบบฉนั ทลกั ษณ์กลอนสุภาพ และคาประพนั ธ์ประเภทอืน่ ๆ
23
บรรณำนกุ รม
24
บรรณำนุกรม
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน พุทธศักรำช 2551.
กรงุ เทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
ชฎาภรณ์ พิพุทธางกรู . (2556). ผลกำรจัดกำรเรียนรู้บทอำขยำนตำมกระบวนกำรจดั กำร
เรยี นรขู้ องโรงเรียนรุ่งอรุณ ท่มี ีตอ่ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำนและเจตคติ ของ
นักเรยี นช้ันคละ ระดับประถมศกึ ษำปีท่ี 3 และ 4. วิทยานพิ นธ์ ศษ.ม.,
มหาวิทยาลัยนครพนม, นครพนม.
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). บทอำขยำน
ภำษำไทย กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้ภู ำษำไทย ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั
พืน้ ฐำน พุทธศักรำช 2551. พิมพ์ครงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
สุมน ไวยบุญญา. (2546). กำรสรำ้ งบทเรียนมลั ติมิเดียบนซดี ี-รอมเพือ่ ใช้เปน็ สื่อกำรเรียน
กำรสอนบทอำขยำนสำหรับนกั เรีนชั้นประถมศึกษำปีท่ี 6. วิทยานิพนธ์ กศ.ม.,
มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ, กรงุ เทพฯ.
25
ภำคผนวก
26
ภำคผนวก ก บทอำขยำนภำษำไทย กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย
ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้ัน พื้นฐำนพทุ ธศกั รำช 2551
27
ภำคผนวก ข เพลงท่เี ลือกใชป้ ระกอบกำรทอ่ งจำบทอำขยำน
28
29
ภำคผนวก ค แบบประเมินผลกำรท่องอำขยำน
30
แบบประเมินผลกำรทอ่ งบทอำขยำน
จำกวรรณคดีเร่อื ง อิศรญำณภำษิต
รำยกำรประเมิน
ที่ ชือ่ – สกลุ ชั้น ออกเสียง สะกด จงั หวะ รวม
ครบทกุ คำ ถกู ตอ้ ง วรรคตอน (10)
(4) (4) (2)
1 3/1
2 3/1
3 3/1
4 3/1
5 3/1
6 3/1
7 3/1
8 3/1
9…
10 3/2
11 3/2
12 3/2
13 3/2
14 3/2
15 …
16 3/3
17 3/3
18 3/3
… 3/3
31
รำยกำรประเมิน คำอธิบำยระดับคุณภำพ/ระดบั คะแนน
1. ออกเสียงครบ
ทกุ คำ ดีมำก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
ท่องบทอาขยานได้ ท่องบทอาขยานไม่
2. สะกดถกู ตอ้ ง ครบทุกคา ท่องบทอาขยานไม่ ท่องบทอาขยานไม่ ครบทกุ คา
ไม่มตี ิดขดั ตกหล่น มีติดขัด ตกหล่น
ครบทกุ คา ครบทกุ คา 5 คาขึน้ ไป
ท่องบทอาขยาน ท่องบทอาขยาน
ได้ถูกต้อง ออก มีติดขดั ตกหล่น มีติดขัด ตกหล่น ไมถ่ ูกต้อง ออก
เสียงคาถูกต้อง เสียงคาผดิ
ชดั เจนทุกคา 1-2 คา 3-4 คา 5 คาขึน้ ไป
ท่องบทอาขยาน ท่องบทอาขยาน
ไมถ่ กู ต้อง ออก ไมถ่ ูกต้อง ออก
เสียงคาผดิ เสียงคาผดิ
1-2 คา 3-4 คา
3. จังหวะ เว้นจังหวะ เว้นจังหวะ
วรรคตอน วรรคตอนถกู ต้อง วรรคตอนผิด
ทุกวรรค
32
ภำคผนวก ง แบบประเมินระดบั ควำมพึงพอใจของนักเรยี น
ท่มี ีต่อกำรใช้เพลงประกอบกำรทอ่ งอำขยำน
33
แบบสอบถำมควำมพึงพอใจของนักเรยี นทม่ี ีต่อกำรใช้เพลงประกอบกำรทอ่ งอำขยำน
สำหรับนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 3
คำชีแ้ จง
แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน
สาหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 จานวน 3 ด้าน รวม 10 รายการ
โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านด้วยการทาเคร่ืองหมาย / ลงในระดับที่ตรงกับความพึง
พอใจของท่านมากที่สดุ ซึ่งกาหนดเกณฑ์ในการประเมินคุณภาพ 5 ระดับการประเมนิ ดงั น้ี
ข้อ รำยกำรประเมิน ระดับควำมพึงพอใจ
5432 1
ด้ำนทัว่ ไป
1 เพลงทีใ่ ช้ประกอบการท่องอาขยานมีความเหมาะสมกับบทร้อยกรอง
2 เพลงทีใ่ ช้ประกอบการท่องอาขยานมีความช้า-เรว็ พอเหมาะ
ด้ำนผลลัพธ์
3 การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยานมีความน่าสนใจ แปลกใหม่
4 การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยานทาให้เกิดความสนุกสนาน
5 การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยานทาให้จาบทอาขยานได้
6 การใชเ้ พลงประกอบการท่องอาขยานดีกว่าการท่องแบบธรรมดา
ด้ำนควำมชืน่ ชอบเพลง
7 จังหวะหน้าทับลาว
8 จงั หวะตะโพนแหล่
9 เพลงสาวเบียร์ช้าง (วงคาราบาว)
ดำ้ นสรปุ ผล
10 นกั เรียนพึงพอใจกับการใช้เพลงประกอบการท่องอาขยาน
ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม
………………………………………………......................…………………..……………………………………………………………
………………………………………………......................…………………..……………………………………………………………
………………………………………………......................…………………..……………………………………………………………
34
ภำคผนวก จ รูปภำพประกอบกำรวิจยั ในช้ันเรยี น
35
36
37