สุเราะฮฺ อัตตะกาษุร
สุเราะฮฺ อัตตะกาษุร “ตะกาษุร” แปลว่า การเพิ่มค่าอย่างมากมายของสิ่งหนึ่งสิ่งใดเช่น การเพิ่มของทรัพย์สินเงินทอง บรรดาลูกๆ และทุกๆสิ่งที่ท าให้รู้สึกภาคภูมิใจ และการรู้สึกอิ่มเอิบในการได้ขายสิ่งต่างๆ “การค้าขายอย่างผู้โอ้อวด เป็นสิ่งต้องห้าม” ชาวอาหรับที่มีตระกูลใหญ่โต พวกเขาจะถือว่าเป็นความภาคภูมิใจ และ ทุกๆเผ่า ที่มีตระกูลใหญ่โต กว่าเผ่าอื่นๆ พวกเขาจะแสดงความโอ้อวดทันที ในเผ่ากุเรช และ ลูกหลานของอับดุลมะนาฟ และท่าน ซะฮ์มิ บิน อุมัร พวกเขาก็มีกระกูลที่ใหญ่โตเช่นกัน วันหนึ่งพวกเขาได้นับต้นตระกูลของพวกเขา และ ปรากฏว่าต้น ตระกูลของ อับดุลมานาฟ มีมากกว่า ท าให้เขาต้องน าคนตายมารวมนับได้ และเมื่อนับในจ านวนของคนตาย แล้วนั่นปรากฏว่าตระกูลของบนีซะฮ์มิ มีมากกว่า เรื่องราวเหล่านี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ในอดีต แต่ในยุคปัจจุบันก็ สามารถพบเห็นได้และมีอยู่ตลอดมา ซึ่งพวกเขามักจะภาคภูมิใจในสิ่งที่ไร้คุณค่า พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวถึง พฤติกรรมของชนชาติในอดีตว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสมและเตือนว่าในวันกิยามัต มนุษย์จะถูก สอบถามในความโปรดปรานที่พระองค์ทรงให้ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่แก่มนุษยชาติ ได้แก่ บรรดาศาสดา คัมภีร์ทั้งหลาย อายุขัย ความสุขสบาย ความฉลาด ความร่ ารวย และ อื่นๆความโปรดปรานทั้งหมดนี้จะต้องถูก ถาม อย่างแน่นอน ดังโองการที่ว่า مر مَكثم الته مهاُكمم ْ هرِحميَأل ِن ال هرْمحَٰ ال ا هَّللِ ِ ْسم ِب * َ قَاِبر َ م ْ ُزْرُُتُ ال م * ومن َحىَّتٰ م م ْعل م * ُث ومن مهّلَك مسْومف تم م م ْعل هم * ِني مهّلَك مسْومف تم قِ َ ي ْ ُوَن عِ ْْلَ ال م َ ْعل ْو تَ َ * َىّلَك ل مجِح ممي ْ م هن ال مَتمو ل * ِني م قِ َ ي ْ ىَّنَا عَْنيَ ال ُ ََتَو َ ى ل ُ ِ ُث * ِ ٍذ معِن النهعِمي مْوممئ هن ي م ْسأَل تم م ه ل ُثم ด้วยพระนามของอัลลอฮ ผู้ทรงเมตตา ปราณียิ่ง 1. การสะสมเพิ่มพูนเพื่อโอ้อวดได้ท าให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน 2. จนกระทั่งพวกเจ้าได้เข้าไปเยือนหลุมฝังศพ. 3. หามิได้ พวกเจ้าจะได้รู้ 4. แล้วก็เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้ 5. มิใช่เช่นนั้น ถ้าพวกเจ้าได้รู้อย่างถ่องแท้. 6. และแน่นอน พวกเจ้าจะได้เห็นไฟที่ลุกโชน. 7. แล้วแน่นอนพวกเจ้าจะได้เห็นมันอย่างประจักษ์. 8. แล้วในวันนั้น(วันแห่งการสอบสวน)พวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความสุขส าราญนี้
อธิบายสูเราะฮฺ อัต-ตะกาษุรฺ เป็นข้อเท็จจริงที่อัลลอฮฺได้กล่าวถึงสันดานเดิมของมนุษย์ นั่นคือการมุ่ง แสวงหาปัจจัยยังชีพและความส าราญในโลกนี้เสียส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะท าให้หลงลืมชีวิตนิรันดร์ในโลกอาคิเราะฮฺ สูเราะฮฺนี้จึงมีบทเรียนที่ตักเตือนให้มนุษย์ได้สะกิดใจเตือนตนเองให้เห็นถึงสิ่งที่ตนต้องเตรียมพร้อมส าหรับการ เผชิญกับความจริงอันน่าสะพรึงกลัวในโลกหน้าหลังความตายมาเยือน ♥ค าด ารัสของอัลลอฮ์ ( ممك َأل ٰ مر همى مَكثم لته أ ( ความว่า “การสะสมทรัพย์สมบัติเพื่ออวดอ้างได้ท าให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน ” อิบนุ กะษีรฺ กล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ตรัสว่า พวกเจ้านั้นเพลิดเพลินกับความรักที่มีต่อโลก ความสุขสบายและความเพริศแพร้ว ของมัน โดยลืมการแสวงหาเสบียงส าหรับวันอาคิเราะฮฺ พวกเจ้าอยู่ในภวังค์นั้นจนกระทั่งความตายได้มาหา พวกเจ้า แล้วในที่สุดพวกเจ้าได้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพและในที่สุดก็กลายเป็นชาวสุสาน” ♥ ค าด ารัสของพระองค์ ( محهَتٰ متم مزر م قماِبر م م ل أ ( ความว่า "จนกระทั่งพวกเจ้าได้เข้าไปเยือนหลุมฝังศพ" อิบนุล ก็อยยิม กล่าวว่า “การที่พระองค์ใช้ค าว่า เยือนหลุมฝังศพ โดยไม่ใช่ค าว่า ความตาย เป็นการชี้ว่า มนุษย์ทุกคนไม่มีใคร พ านักอยู่ในสุสานอย่างนิจนิรันดร์ พวกเขาอยู่ในสุสานเสมือนแขกผู้มาเยือนเป็นครั้งคราวเท่านั้น ในที่สุดก็ต้อง จากสถานที่แห่งนั้นไป เช่นเดียวกับชีวิตพวกเขาในโลกดุนยาก็เปรียบเสมือนผู้มาเยือนเช่นกัน เนื่องจากพวกเขา มิได้พ านักอยู่บนโลกอย่างจีรัง แต่สถานที่พ านักอันนิรันดร์ คือ สวนสวรรค์หรือขุมนรก” (ตัฟสีรฺ อิบนุล ก็อยยิม หน้า 512) مهّلَك مف ) ์สของพระองคัาร าด ค♥ مسو مومن م م تم ٣ ه عل ممومن م م عل تم ومف مس كَلّمه ث ( ُความว่า "เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้ แล้วก็เปล่า เลย พวกเจ้าจะได้รู้" คือ ท าไมพวกเจ้าถึงเพลิดเพลินกับการสะสมความมั่งคั่งบนโลกจนลืมการภักดีต่ออัลลอฮฺเช่นนี้ แล้ว พวกเจ้าจะได้รู้ถึงผลลัพธ์ของการเพลิดเพลินกับการสะสมความมั่งคั่งบนโลก อัลลอฮฺได้กล่าวซ้ าประโยคนี้ หลายครั้งเพื่อยืนยัน ดังที่นักอรรถาธิบายอัลกุรอานบางท่านได้กล่าว อิบนุ อัล-ก็อยยิม กล่าวว่า “การทวนค าว่าเจ้าจะได้รู้ซ้ ากัน ไม่ใช่เพื่อการยืนยัน แต่การรู้ในอายะฮฺแรกหมายถึงการมองเห็นด้วย ตาและตอนลงไปยังหลุมฝังศพ และการรู้ในอายะฮฺที่สองหมายถึงสภาพในหลุมฝังศพ ซึ่งเป็นทัศนะเดียวกันกับ ทัศนะของ อัล-หะสันและมุกอติล และเป็นสิ่งที่รายงานโดยอะฏออ์จากอิบนุอับบาส” (ตัฟสีรฺ อิบนุ อัลก็อยยิม หน้าที่ 515)
♥ ค าด ารัสของพระองค์ ( لَّكَ وَن لَو ُ لَم َع ت َ م ل ع ِي ِ ِ ق َ ي ٱل ( ความว่า "มิใช่เช่นนั้น ถ้าพวกเจ้าได้รู้อย่างแท้จริง" คือ หากพวกเจ้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าจะประสบกับมันในวันข้างหน้าแน่นอนพวกเจ้าคงไม่เพลิดเพลินกับ การสะสมความสุขสบายในโลกนี้แต่พวกเจ้าจะหันไปประชันในการประกอบคุณงามความดี แต่ทว่า พวกเจ้า ปราศจากความยังรู้ที่แท้จริง จึงท าให้พวกเจ้าท าในสิ่งที่พวกเจ้าเห็นอย่างผิวเผิน ค าด ารัสของพระองค์ ( نّ ُ و ََ لََت َ ِحيم َ ٱۡل ٦ُ ثّ ا َّّنَ ُ و ََ لََت َ ع ِي َي ِ ق َ ي ( ٱل ความว่า “แล้วแน่นอน พวกเจ้าจะเห็นไฟที่ลุกโชน แล้วแน่นอนพวกเจ้าจะได้เห็นมันด้วย สายตาที่แน่ชัด” นี่คือประโยคสาบานของอัลลอฮฺ ว่าแท้จริงบ่าวของพระองค์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาหรือผู้ปฏิเสธ ศรัทธาจะต้องได้เห็นไฟนรกด้วยสายตาของพวกเขาเอง พระองค์ได้ยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนซึ่งมิ อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อนั้นพวกเขาได้แลเห็นไฟนรกด้วยสายตาจึงมั่นใจเต็มที่โดยไม่คลางแคลงใจอีกเลย แต่ ส าหรับผู้ศรัทธาอัลลอฮฺจะให้พวกเขารอดพ้นจากไฟนรกอันร้อนแรง และการที่พระองค์ให้ผู้ศรัทธาได้มองเห็น ไฟนรกก็เพื่อจะให้พวกเขาส านึกในพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่พระองค์ให้พวกเขารอดพ้นจากไฟนรกที่ลุกโชน ได้ ♥ค าด ารัสของพระองค์ ( سّ ثُ ُ لَت لُ ّن َ ذ ِ ئ َ م و َ ي ِن َ ع يِم ِ ( ٱلنّع ความว่า “แล้วในวันนั้นพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปรานที่ได้รับ (ในโลกดุนยา)" หมายถึง อัลลอฮฺจะทรงสอบถามพวกเจ้าในวันกิยามะฮฺถึงนิอฺมะฮฺ (ความโปรดปรานที่อัลลอฮฺประทาน ให้) ทุกอย่าง อาทิเช่น ความปลอดภัย สุขภาพที่ดี การฟัง การมองเห็น ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนถึง อาหารและเครื่องดื่มที่มวลมนุษย์บริโภค ว่าพวกเจ้าได้ขอบคุณโดยการมอบสิทธิต่างๆ ที่พึงมีต่ออัลลอฮฺ โดยไม่ ประพฤติในสิ่งที่ฝ่าฝืนหรือเนรคุณต่อพระองค์หรือไม่ หรือว่าพวกเจ้าได้หลงระเริงในความสุขสบายที่ได้รับแล้ว ไม่ส านึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์จะทรงลงโทษพวกเจ้าในสิ่งพวกเจ้าได้กระท า ไว้ “ช่างเป็นสูเราะฮฺของอัลลอฮฺที่ยิ่งใหญ่นัก ซึ่งบรรจุด้วยบทเรียน ข้อคิด ข้อตักเตือน เป็นสิ่งเตือนใจ ให้เรานึกถึงวันอาคิเราะฮฺ และมีความสมถะในการใช้ชีวิตบนโลกนี้ สูเราะฮฺนี้มีประโยคที่รวบรัดแต่ถ้อยค าถูก เรียบเรียงอย่างวิจิตรงดงาม ดังนั้นความประเสริฐจะประสบแก่ผู้กล่าวสูเราะฮฺนี้ด้วยสัจจริง และศาสนทูตของ พระองค์ได้เผยแพร่สูเราะฮฺนี้แล้