รายงานวชิ าพละศกึ ษา
เรื่อง “ความรู้ท่ัวไปของกฬี าแบดมินตนั ”
เสนอ
คุณครู เฉลมิ ชัย นครไชย
จัดทาโดย
นายกวิน รัตนวิชยั เลขท2ี่
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 4/9
รายงานนีเ้ ป็ นสว่ นหนึ่งของรายวชิ า พละศึกษา รหัสวชิ า พ31201
ภาคเรยี นท่ี 1 ปี การศกึ ษา 2564
โรงเรยี นชยั ภมู ิภกั ดชี ุมพล
สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาชัยภูมิ
ก
คานา
รายงานเลม่ นีเ้ ป็นสว่ นหนึ่งของวิชาพละศึกษา พ31201เพ่อื ใชป้ ระกอบการเรียนการ
สอนในรายวชิ านี้ โดยมีจุดประสงคเ์ พ่อื การศกึ ษาหาความรูเ้ ก่ียวกบั ความรูท้ ่วั ไปของ
แบดมนิ ตนั และนาสงิ่ ท่ศี กึ ษาไดม้ าฝึกปฏิบตั ิเพ่อื เป็นประโยชนต์ อ่ การเรียนของตวั เองและผอู้ ่นื
ท่กี าลงั ศกึ ษาเร่ืองนอี้ ีกต่อๆไป
ทง้ั นี้ กระผมไดร้ วบรวมเนอื้ หาจากหนงั สือและเว็บไซตบ์ นอินเตอรเ์ น็ตต่างๆ
ขอขอบพระคณุ อาจารย์ เฉลิมชยั นครไชย เป็นอย่างสงู ท่ใี หค้ าแนะนาตา่ งๆเพ่อื นาไปแกไ้ ข
และขอ้ เสนอแนะตา่ งๆตลอดการรายงาน ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ นีจ้ ะมีประโยชนต์ ่อผู้
กาลงั จะนาไปศกึ ษา หากมขี อ้ ผิดพลาดหรอื คาชม ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรบั ไว้ ณ ท่ีน่ี
นาย กวิน รตั นวิชยั
ผจู้ ดั ทา
สารบญั ข
เร่ือง หนา้
ก
คานา ข
สารบญั
บทท่ี 1 ประวตั คิ วามเป็นมาในตา่ งประเทศ 1-4
บทท่ี 2 ประวตั คิ วามเป็นมาในประเทศไทย 5
บทท่ี 3 ประโยชนข์ องกีฬาแบดมนิ ตนั ในดา้ นตา่ งๆ 6-7
บทท่ี 4 อปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการเลน่ แบดมินตนั 8-9
บทท่ี 5 กฎ กตกิ า มารยาท
บทท่ี 6 กฎ กตกิ าการแขง่ ขนั กีฬาแบดมินตนั แบบเตม็ 10-13
ระบบใหม่แบบแรลลี่พอยท(์ Rally Point) 14-28
อา้ งองิ
29
1
บทที่ 1
ประวัติความเป็ นมาในตา่ งประเทศ
แบดมนิ ตนั (Badminton) เป็นกีฬาท่ไี ดร้ บั การวจิ ารณเ์ ป็นอย่างมาก เพราะไมม่ ีหลกั ฐานท่แี น่ชดั ถงึ
ท่มี าของกีฬาประเภทนี้ คงมีแตห่ ลกั ฐานบางอยา่ งท่ที าใหท้ ราบว่า กีฬาแบดมินตนั มเี ล่นกนั ในยโุ รป
โดยเฉพาะในประเทศองั กฤษ ตอนปลายศตวรรษท่ี 17 และจากภาพสนี า้ มนั หลายภาพไดย้ ืนยนั ว่า กีฬา
แบดมินตนั เลน่ กนั อยา่ งแพรห่ ลายในพระราชวงศข์ องราชสานกั ในทวีปยโุ รป แมว้ ่าจะเรยี กกนั ภายใตช้ ่ืออ่นื
กต็ าม
โดยกีฬาแบดมนิ ตนั ไดร้ บั การบนั ทึกแบบเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรในปี พ.ศ. 2413 ซง่ึ พบว่า มกี ารเลน่
กีฬาลกู ขนไกเ่ กิดขนึ้ ท่เี มืองปนู า (Poona) ในประเทศอินเดีย เป็นเมืองเล็ก ๆ ห่างจากเมืองบอมเบย์
ประมาณ 50 ไมล์ โดยไดร้ วมการเลน่ สองอย่างเขา้ ดว้ ยกนั คอื การเลน่ ปนู าของประเทศอนิ เดีย และการเลน่
ไมต้ ีกบั ลกู ขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยโุ รป
ในระยะแรก การเลน่ แบดมนิ ตนั จะเลน่ กนั เพยี งแต่ในหมนู่ ายทหารของกองทพั และสมาชกิ ชนชนั้ สงู
ของอนิ เดียเทา่ นนั้ จนกระท่งั มนี ายทหารองั กฤษท่ไี ปประจาการอยทู่ ่เี มอื งปนู า นาการเลน่ ตีลกู ขนไก่นี้
กลบั ไปองั กฤษ และเลน่ กนั อยา่ งกวา้ งขวาง ณ คฤหาสนแ์ บดมินตนั (Badminton House) ของยคุ แห่ง
2
บวิ วฟอรด์ ท่ีกลอสเตอรเ์ ชยี ร์ ดงั นนั้ ในปี พ.ศ. 2416 เกมกีฬาตลี กู ขนไกเ่ ลยถกู เรียกว่า แบดมินตนั ตามช่ือ
คฤหาสนข์ องดยคุ แห่งบวิ ฟอรด์ ตงั้ แตน่ นั้ เป็นตน้ มา
ทงั้ นี้ กีฬาแบดมินตนั กเ็ รม่ิ แพรห่ ลายในประเทศแถบภาคพนื้ ยโุ รป เน่ืองจากเป็นเกมท่ีคลา้ ยเทนนิส แต่
สามารถเลน่ ไดภ้ ายในตวั ตกึ โดยไม่ตอ้ งกงั วลตอ่ ลมหรือหิมะในฤดหู นาว นอกจากนี้ ชาวยโุ รปท่ีอพยพไปสู่
ทวีปอเมริกา ยงั ไดน้ ากีฬาแบดมนิ ตนั ไปเผยแพร่ รวมทงั้ ประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปเอเชียและออสเตรเลยี ท่ีอยู่
ภายใตอ้ าณานิคมขององั กฤษ เนเธอรแ์ ลนด์ ต่างนาเกมแบดมินตนั ไปเลน่ ยงั ประเทศของตนเองอยา่ ง
แพรห่ ลาย เกมกีฬาแบดมนิ ตนั จึงกระจายไปสสู่ ว่ นต่าง ๆ ของโลก รวมทงั้ ประเทศไทยดว้ ย
สาหรบั การเลน่ แบดมินตนั ในระยะแรกไมไ่ ดม้ ีกฎเกณฑต์ ายตวั เพยี งแต่เป็นการตโี ตล้ กู กนั ไปมาไม่ให้
ลกู ตกพืน้ เท่านนั้ ส่วนเสน้ แบ่งแดนกใ็ ชต้ าข่ายผกู โยงระหวา่ งตน้ ไมส้ องตน้ ไม่ไดค้ านึงถึงเรื่องต่าสงู เลน่ กนั
ขา้ งละไม่นอ้ ยกว่า 4 คน สว่ นมาจะเลน่ ทมี ละ 6 ถงึ 9 คน ผเู้ ลน่ สามารถแตง่ ตวั ไดต้ ามสบาย
จนกระท่งั ปี พ.ศ.2436 ไดม้ กี ารจดั ตงั้ สมาคมแบดมินตนั แหง่ ประเทศองั กฤษขนึ้ ซ่งึ นบั เป็นสมาคม
แบดมนิ ตนั แหง่ แรกของโลก หลงั จากท่มี กี ารจดั แขง่ ขนั แบดมินตนั ชงิ ชนะเลิศแห่งประเทศองั กฤษ หรือท่ี
เรียกกนั ว่า ออลอิงแลนด์ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ.2432 ทางสมาคมแบดมนิ ตนั แห่งประเทศองั กฤษจงึ ไดต้ งั้ กฎเกณฑ์
ของสนามมาตรฐานขนึ้ คือ ขนาดกวา้ ง 22 ฟตุ ยาว 45 ฟตุ (22 x 45) เป็นสนามขนาดมาตรฐานประเภทคู่
ท่ใี ชใ้ นปัจจบุ นั จากนนั้ จึงมกี ารปรบั ปรุงดดั แปลงในเรื่องอปุ กรณการเลน่ ใหด้ ีขนึ้ เป็นลาดบั ตอ่ มา
ไดร้ บั ความนยิ มแพรห่ ลายไปท่วั โลก โดยประเทศในเอเชียอาคเนยท์ ่มี ีการเลน่ กีฬาแบดมินตนั
และไดร้ บั ความนิยมสงู สดุ คือ อนิ โดนีเซยี มาเลเซีย และประเทศไทย
3
สว่ นการแข่งขนั ระหวา่ งประเทศไดเ้ รม่ิ จดั ใหม้ ีขนึ้ ในปี พ.ศ. 2445 และตลอดเวลาหลาย
ปีท่ผี ่านมา จานวนประเทศท่เี ขา้ รว่ มแขง่ ขนั กีฬาแบดมินตนั ระหว่างประเทศมีมากวา่ 31
ประเทศ แบดมินตนั ไดก้ ลายเป็นเกมกีฬาท่เี ลน่ กนั ระหว่างชาติ โดยมกี ารยกทีมขา้ มประเทศ
เพ่อื แขง่ ขนั ระหวา่ งชาติในทวปี ยโุ รป ในปี พ.ศ.2468 กลมุ่ นกั กีฬาของประเทศองั กฤษไดแ้ ข่งขนั
กบั กลมุ่ นกั กีฬาประเทศแคนาดา หา้ ปีหลงั จากนนั้ พบว่าประเทศแคนาดามีสโมสรสาหรบั ฝึก
แบดมินตนั มาตรฐานแทบทกุ เมือง
ในปี พ.ศ.2477 สมาคมแบดมินตนั ของประเทศองั กฤษเป็นผนู้ าในการก่อตงั้ สหพนั ธ์
แบดมินตนั ระหวา่ งประเทศ โดยมีชาตติ ่าง ๆ อกี 8 ชาตคิ ือ แคนาดา เดนมารก์ องั กฤษ ฝร่งั เศส
ไอรแ์ ลนด์ เนเธอรแ์ ลนด์ นวิ ซแี ลนด์ สก๊อตแลนด์ และเวลล์ โดยมีศนู ยก์ ลางอย่ทู ่กี รุงลอนดอน
ปัจจบุ นั มีประเทศท่ีอยใู่ นเครือสมาชกิ กว่า 60 ประเทศ ท่ขี นึ้ ต่อสหพนั ธแ์ บดมินตนั ระหว่าง
ประเทศ (I.B.F.) สหพนั ธม์ ีบทบาทสาคญั ในการกาหนด และควบคมุ กติการะเบยี บขอ้ บงั คบั
ต่าง ๆ ของการแขง่ ขนั กีฬาแบดมินตนั ท่วั โลก
ในปี พ.ศ.2482 เซอร์ จอรจ์ โทมสั นกั แบดมินตนั อาวโุ สชาวองั กฤษเป็นผมู้ อบถว้ ยทอง
ราคา 5,000 ปอนด์ เพ่อื มอบเป็นรางวลั ใหแ้ ก่ผชู้ นะเลิศประเภทชาย ในการแขง่ ขนั แบดมินตนั
ระหวา่ งประเทศ ซ่งึ สหพนั ธแ์ บดมินตนั ไดร้ บั ไวแ้ ละดาเนนิ การตามประสงคน์ ี้ แมว้ ่าตาม
ทางการจะเรียกว่า การแขง่ ขนั ชิงถว้ ยชนะเลศิ แบดมนิ ตนั ระหว่างประเทศ แต่นยิ มเรยี กกนั ว่า
โธมสั คพั (Thomas Cup) การแข่งขนั จะจดั ขนึ้ ทกุ ๆ 3 ปี
โดยสหพนั ธไ์ ดแ้ บง่ เขตการแขง่ ขนั ของชาตสิ มาชกิ ออกเป็น 4 โซน คือ1. โซนยโุ รป 2. โซน
อเมรกิ า 3. โซนเอเชยี 4. โซนออสเตรเลเซีย (โซนออสเตรเลยี )
วิธีการแข่งขนั จะแข่งขนั ชงิ ชนะเลิศภายในแต่ละโซนขนึ้ กอ่ น แลว้ ใหผ้ ชู้ นะเลิศแต่ละโซนไป
แข่งขนั รอบอินเตอรโ์ ซนเพ่อื ใหผ้ ชู้ นะเลิศทง้ั 4 โซน ไปแขง่ ขนั ชิงชนะเลศิ กบั ทมี ของชาตทิ ่ี
ครอบครองดถว้ ยโธมสั คพั อยู่ ซ่งึ ไดร้ บั เกียรติไมต่ อ้ งแข่งขนั ในรอบแรกและรอบอนิ เตอรโ์ ซน ชดุ
ท่เี ขา้ แขง่ ขนั ประกอบดว้ ยผเู้ ลน่ อยา่ งนอ้ ย 4 คน การท่จี ะชนะเลิศนนั้ จะตดั สนิ โดยการรวมผล
การแขง่ ขนั ของประเภทชายเด่ยี ว 5 คู่ และประเภทชายคู่ 4 คู่ รวม 9 คู่ และใชเ้ วลาการแขง่ ขนั
2 วนั การแขง่ ขนั ชงิ ถว้ ยโธมสั คพั ครงั้ แรกจดั ใหม้ ีขนึ้ ระหวา่ งปี พ.ศ. 2491-2492
4
ตอ่ มาในการแข่งขนั แบดมินตนั โธมสั คพั ครงั้ ท่ี 8 ปี พ.ศ. 2512-2513 สหพนั ธไ์ ด้
เปล่ยี นแปลงวธิ ีการแขง่ ขนั เลก็ นอ้ ย โดยใหช้ าติท่คี รอบครองถว้ ยอยนู่ นั้ เขา้ รว่ มแข่งขนั ในรอบ
อินเตอรโ์ ซนดว้ ย โดยวิธีการจบั สลากแลว้ แบง่ ออกเป็น 2 สาย ผชู้ นะเลิศแตล่ ะสายจะไดเ้ ขา้
แข่งขนั ชงิ ชนะเลศิ โธมสั คพั รอบสดุ ทา้ ยต่อไป สาเหตทุ ่สี หพนั ธเ์ ปลีย่ นแปลงการแขง่ ขนั ใหมน่ ี้
เน่อื งจากมบี างประเทศท่ีชนะเลิศไดค้ รอบครองถว้ ยโธมสั คพั ไม่รกั ษาเกียรติท่ไี ดร้ บั จากสหพนั ธ์
ไว้ โดยพยายามใชช้ นั้ เชงิ ท่ไี ม่ขาวสะอาดรกั ษาถว้ ยโธมสั คพั ไวค้ รงั้ แลว้ ครงั้ เลา่ สหพนั ธจ์ งึ ตอ้ ง
เปลี่ยนขอ้ บงั คบั ใหช้ าติท่คี รอบครองถว้ ยอยนู่ นั้ ลงแขง่ ขนั ในรอบอนิ เตอรโ์ ซนดงั กลา่ วดว้ ย
กีฬาแบดมินตนั ไดแ้ พรห่ ลายขนึ้ แมก้ ระท่งั ในกลมุ่ ประเทศสงั คมนิยมกไ็ ดม้ ีการเลน่ เบด
มินตนั อย่างกวา้ งขวาง มีการบรรจแุ บดมินตนั เขา้ ไวใ้ นการแข่งขนั เอเชยี นเกมส์ และซีเกมส์ การ
แข่งขนั กีฬาของประเทศในเครือจกั ภพสหราชอาณาจกั ร รวมทง้ั การพจิ ารณาแบดมินตนั เขา้ สู่
การแขง่ ขนั กีฬาโอลมิ ปิก ลว้ นแต่เป็นเครอื่ งยืนยนั ว่า แบดมินตนั ไดก้ ลายเป็นกีฬาสากลแลว้
5
บทท่ี 2
ประวัติความเป็ นมาในไทย
การเลน่ แบดมินตนั ไดเ้ ขา้ มาสปู่ ระเทศไทยในราวปี พ.ศ. 2456 โดยเร่มิ เลน่ กีฬา
แบดมนิ ตนั แบบมีตาขา่ ย โดยพระยานพิ ทั ยกลุ พงษ์ ไดส้ รา้ งสนามขนึ้ ท่บี า้ น ซง่ึ ตงั้ อย่รู มิ คลอง
สมเดจ็ เจา้ พระยาธนบรุ ี แลว้ นิยมเลน่ กนั อยา่ งแพรห่ ลายออกไป สว่ นมากเลน่ กนั ตามบา้ นผดู้ มี ี
ตระกลู วงั เจา้ นาย และในราชสานกั การเลน่ แบดมินตนั ครงั้ นนั้ นิยมเลน่ ขา้ งละ 3 คนกนั มาก
ประมาณปี พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมไดเ้ ป็นผจู้ ดั แขง่ ขนั แบดมนิ ตนั ท่วั ไปขนึ้ เป็นครงั้ แรก โดย
จดั การแข่งขนั 3 ประเภทไดแ้ กป่ ระเภทเด่ยี ว ประเภทคู่ และประเภทสามคน ปรากฏวา่ ทีม
แบดมนิ ตนั บางขวางนนทบรุ ี (โรงเรียนราชวิทยาลยั บางขวางนนทบรุ ี) ชนะเลิศทกุ ประเภท
นอกจากนี้ มีนกั กีฬาแบดมินตนั ฝีมอื ดเี ดินทางไปแข่งขนั ยงั ประเทศใกลเ้ คียงอยบู่ ่อยๆ
ตอ่ มาปี พ.ศ. 2494 พระยาจนิ ดารกั ษไ์ ดก้ ่อตงั้ ขนึ้ เป็นสมาคมช่อื วา่ “สมาคมแบดมนิ ตนั
แห่งประเทศไทย” เม่อื แรกตงั้ มอี ยู่ 7 สโมสร คือ สโมสรสมานมติ ร สโมสรบางกอก สโมสรนิว
บอย สโมสรยนู ติ ี้ สโมสร ส.ธรรมภกั ดี สโมสรสิงหอ์ ดุ ม และ สโมสรศิรบิ าเพ็ญบุญ ซง่ึ ในปัจจบุ นั
นเี้ หลอื เป็นสโมสรสมาชิกของสมาคมอย่เู พียง 2 สโมสร คือสโมสรนิวบอย และสโมสรยนู ิตี้
เท่านนั้ และในปีเดียวกนั สมาคมแบดมินตนั แหง่ ประเทศไทยก็ไดส้ มคั รเขา้ เป็นสมาชกิ ของ
สหพนั ธแ์ บดมนิ ตนั นานาชาติดว้ ย สมาคมแบดมนิ ตนั แหง่ ประเทศไทยมีนกั กีฬาแบดมินตนั ท่มี ี
ฝีมือดอี ยมู่ าก และจากการท่ไี ดเ้ ขา้ แขง่ ขนั ในรายการตา่ งๆของโลกไดส้ รา้ งช่ือเสยี งใหก้ บั
ประเทศไทยเป็นอยา่ งมาก ทง้ั โธมสั คพั อเู บอรค์ พั และการแขง่ ขนั ออลอิงแลนด์ ซง่ึ วงการ
แบดมนิ ตนั ถือว่าเป็นการแขง่ ขนั ชงิ ชนะเลิศของโลกประเภทรายบคุ คล ซ่งึ นกั กีฬาของประเทศ
ไทยกเ็ คยไดต้ าแหน่งรองชนะเลศิ ทงั้ ประเภทชายเด่ยี ว และชายค่มู าแลว้ วงการแบดมินตนั ของ
ไทยยกย่อง นายประวตั ิ ปัตตพงศ์ (หลวงธรรมนญู วฒุ ิกร) เป็นบดิ าแห่งวงการแบดมนิ ตนั ของ
ประเทศไทย
6
บทที่ 3
ประโยชนข์ องกฬี าแบดมนิ ตันในด้านต่างๆ
ดา้ นไหวพริบ
- ฝึ กความไวของสายตา : ความไวของสายตา นบั ว่าเป็นสิง่ สาคญั อีกอยา่ งหนง่ึ ของการเลน่ กีฬา
แบดมินตนั เพราะตอ้ งใชส้ ายตาในการจบั จอ้ งลกู ขนไก่ มองเกมการแข่งขนั ของค่ตู ่อสอู้ ย่ตู ลอดเวลา เพ่ือหา
ช่องทางการทาคะแนน อีกทงั้ ยงั ชว่ ยใหเ้ ราไดบ้ รหิ ารกลา้ มเนอื้ ตาใหแ้ ขง็ แรง
- เคล่ือนไหวของร่างกายไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ : การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายอย่างรวดเรว็ ระหว่างการเลน่
กีฬาแบดมินตนั สง่ ผลใหเ้ รามโี อกาสทาแตม้ ไดด้ ี
ด้านจติ ใจ
-สรา้ งสมั พนั ธภาพท่ีดีระหวา่ งผเู้ ลน่ : เน่ืองจากการเลน่ กีฬาแบดมินตนั กีฬาท่เี ลน่ ไดง้ ่าย สามารถฝึกเลน่
ไดต้ งั้ แต่เด็กจนถงึ ผใู้ หญ่ และใชผ้ เู้ ลน่ ตงั้ แต่ 2 คนขนึ้ ไป จึงทาใหก้ ีฬาชนิดนนี้ ยิ มเลน่ กนั ภายในครอบครวั
กลมุ่ ญาติพ่นี อ้ ง รวมถึงเพ่อื น ๆ ท่ที างานใหเ้ กิดการมีความรกั ความสามคั คี มีสว่ นรว่ มกบั ผเู้ ลน่ ทกุ คน จงึ
ทาใหส้ มั พนั ธภาพระหว่างผเู้ ลน่ ใกลช้ ิดแนน่ แฟน้ กนั มากขึน้ ดว้ ย
-สรา้ งความมีนา้ ใจเป็นนกั กีฬา : การเล่นกีฬาแบดมินตนั หรือวา่ จะเป็นกีฬาชนิดใดก็ตาม ย่อมสรา้ ง
นกั กีฬาใหเ้ ป็นคนท่รี ูแ้ พ้ รูช้ นะ รูอ้ ภยั
-ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์
7
ดา้ นสุขภาพ
- ช่วยคลายความตงึ เครียด : การเลน่ กีฬาแบดมินตนั รว่ มกนั หลาย ๆ คน ทาใหก้ ีฬาชนิดนเี้ ป็นกีฬาท่ที า
ใหร้ ูส้ กึ ต่ืนเตน้ ทา้ ทาย และสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ
-ชว่ ยลดนา้ หนกั และรูปรา่ งดี : เน่อื งจากการเลน่ กีฬาแบดมินตนั ตอ้ งเคลื่อนไหวอย่ตู ลอดเวลา อีกทงั้ ยงั
ตอ้ งใชพ้ ลงั งานในการเลน่ มาก ทาใหอ้ ตั ราการเผาผลาญพลงั งานไดด้ ถี ึง 350 – 500 กโิ ลแคลอรีต่อช่วั โมง
-ชว่ ยใหส้ ขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรง : การเลน่ กีฬาแบดมนิ ตนั ตอ้ งใชร้ า่ งกายแทบทุกสว่ นในเคลื่อนไหวขณะ
เลน่ ทาใหอ้ วยั วะของรา่ งกายของเราไดท้ างานอยา่ งกนั เต็มท่ี
ด้านสตปิ ัญญาและการใชส้ มอง
-ไดฝ้ ึกสมอง ใชค้ วามคิด ตดั สินใจไดด้ ขี นึ้ : แบดมินตนั เป็นกีฬาท่ีตอ้ งใชค้ วามคิด การวิเคราะห์ วางแผน
และการตดั สินใจอยา่ งเดด็ ขาดและรวดเรว็ ไม่ว่าจะเป็นการตงั้ รบั การรุกระหว่างการเลน่ เพ่อื ทาคะแนนอยู่
ตลอดเวลา จงึ ทาใหเ้ ราไดฝ้ ึกการทางานของสมอง และการใชส้ ตปิ ัญญาไปในตวั
8
บทที่ 4
อุปกรณท์ ใี่ ชเ้ ลน่ กีฬาแบดมินตนั
1.ไมแ้ ร็กเกต
ไมแ้ รก็ เกตมีหลายประเภท เช่น ไมล้ ว้ น ๆ ไมผ้ สมโลหะ และโลหะลว้ น ๆ มีขนาดและนา้ หนกั ไม่เท่ากนั
แลว้ แต่ความเหมาะสมของแตล่ ะบุคคล ไมแ้ รก็ เกตท่ีดีตอ้ งขงึ เอน็ ตงึ ไมไ้ ม่บดิ เบีย้ ว เม่ือเอามือกดเอ็นไม่
หย่อน หรอื ในการตรวจสอบดวู า่ เอ็นตงึ หรือไม่ โดยใชเ้ อ็นตีฝ่ามือ ฟังเสยี งเอน็ นนั้ หรือใชห้ ลงั เลบ็ กรีดเอ็น
จากลา่ งขนึ้ บนแลว้ ฟังเสยี งเอ็นนนั้ เสียงสงู ยอ่ มหมายถงึ ตงึ มาก แสดงว่าขงึ เอ็นตงึ ดีแลว้ จากการวิจยั และ
ทดสอบมขี อ้ ยืนยนั เกี่ยวกบั ชนิดของเอ็นท่ใี ชข้ ึงแร็กเกตว่า ขนาดของเอ็นเสน้ เล็ก จะมีแรงสปรงิ ดกี ว่าเอน็
เสน้ ใหญ่
2.ลกู ขนไก่
ลกู ขนไกเ่ ป็นอปุ กรณส์ าคญั ชิน้ หน่งึ ท่ีทาขนึ้ อย่างละเอียดอ่อน คณุ ภาพของลกู ขนไก่มีความสาคญั มาก
เพราะหากนาลกู ขนไกท่ ่ีดอ้ ยคณุ ภาพมาใชใ้ นการฝึกซอ้ มหรอื แขง่ ขนั อาจเป็นผลทาใหก้ ารฝึกซอ้ มหรอื
แขง่ ขนั ไมป่ ระสบผลเทา่ ท่ีควร
สหพนั ธแ์ บดมินตนั นานาชาติ ไดก้ าหนดใหล้ กู ขนไก่ท่ใี ชใ้ นการแขง่ ขนั อาจจะทาดว้ ยวสั ดธุ รรมชาติ
หรอื วสั ดสุ งั เคราะหก์ ็ได้ แต่ตอ้ งมวี ถิ ีการวงิ่ เหมอื นวสั ดธุ รรมชาตมิ หี วั เป็นไมค้ อรก์ เป็นฐาน หอ่ หมุ้ ดว้ ยหนงั
บาง มีขน 16 ขน ปักบนฐานบนเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 1 นวิ้ ถึง 1 เศษหนึง่ ส่วนแปดนวิ้ ความยาวของขน 2 นวิ้
ครง่ึ ถึง 2 นวิ้ เศษสามสว่ นส่ีนวิ้ โดยตอนปลายของขนแผ่เป็นวงกลมมีเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 2 เศษหนึ่งสว่ นส่ีนวิ้
ถงึ 2 เศษหา้ สว่ นแปดนิว้ มีดา้ ยมดั ติดกนั จนแน่น มีนา้ หนกั ตงั้ แต่ 4.74 กรมั ถงึ 5.50 กรมั
9
3.สนาม
ในระยะแรก ๆ นนั้ สนามแบดมินตนั ในรม่ นิยมทาดว้ ยปนู ซเี มนตท์ าสี หรอื วสั ดทุ ่ที าใหเ้ กดิ ความฝืด
ต่อมาพฒั นาปรบั ปรุงเป็นพืน้ ไมป้ ารเ์ กตท์ ่มี ีความสวยงามยดื หย่นุ และมีความฝืดพอสมควร ซง่ึ พบเห็นมาก
ในปัจจบุ นั นี้ ในทางตรงกนั ขา้ มตา่ งประเทศกลบั พฒั นาแบดมนิ ตนั ในรม่ ไปเป็นพืน้ ท่เี ป็นยางผสม พลาสติก
ซ่งึ มคี วามฝืดมากกว่าสนามท่ปี ดู ว้ ยไมป้ ารเ์ กตเ์ สียอกี ทาใหน้ กั กีฬาไทย พบกบั ปัญหาในการแข่งขนั ใน
ตา่ งประเทศ และความแตกตา่ งของพนื้ สนามชนิดนที้ าใหม้ ีการส่งั ซอื้ มาใชใ้ นประเทศอย่หู ลาย แหง่ จน
ปัจจบุ นั นกั กีฬา มีความคนุ้ เคยเป็นอย่างดีกบั สนามในประเภทนี้ และสว่ นประกอบดงั นี้
-เสา เสาแบดมินตนั จะตอ้ งมคี วามสงู 5 ฟตุ 1 นิว้ จากพนื้ สนาม เสาจะตอ้ งมคี วามม่นั คง พอท่จี ะรกั ษา
ตาขา่ ยใหข้ ึงตงึ อย่ไู ดแ้ ละจะตอ้ งตงั้ อย่บู นเสน้ เขตขา้ งสนาม
-ตาขา่ ย ตอ้ งทาดว้ ยดายเสน้ ละเอยี ดสีเขม้ และมี ขนาดตาเท่า ๆ กนั มีตากวา้ งยาว 5 สว่ น 8 ฟตุ ตาข่าย
ตอ้ งขงึ ใหต้ งึ จากเสาตน้ หนึ่งถงึ อีกตน้ หนง่ึ ตาขา่ ยตอ้ งกวา้ ง 2 ฟตุ 6 นวิ้ ส่วนบนของตาข่ายตอ้ งอย่หู ่างจาก
จดุ ก่ึงกลางสนาม 5 ฟตุ และเสาตอ้ งอย่หู ่างจากพนื้ สนาม 5 ฟตุ 1 นวิ้ ตอนบนของตาข่ายติดแถบสีขาว พบั
สองขนาดกวา้ ง 3 นิว้ มเี ชือกหรอื เสน้ ลวดตลอดแถบผา้ ขาวนแี้ ละขงึ ตงึ อย่รู ะดบั กบั หวั เสาทงั้ 2 ขา้ ง
10
บทท5ี่
กฎกติกา มารยาท
กตกิ าเบือ้ งต้น
1. การออกนอกเสน้ มีการกาหนดเสน้ ออกแต่งตา่ งกนั ในกรณีเลน่ เด่ียวและเลน่ คู่
2. การเสิรฟ์ ลกู ตามกติกา ท่ีถกู ตอ้ ง คือ
-หวั ไมข้ ณะสมั ผสั ลกู ตอ้ งต่ากวา่ ขอ้ มืออยา่ งเห็นไดช้ ดั
-หวั ไมข้ ณะสมั ผสั ลกู ตอ้ งต่ากว่าเอวอย่างเหน็ ไดช้ ดั
-ผเู้ ลน่ ตอ้ งไม่ถว่ งเวลา หรือเสรฟิ ชา้ หรือเสรฟิ 2 จงั หวะ การเสรฟิ ตอ้ งเสรฟิ ไปดว้ ยจงั หวะเดียว
-ขณะเสิรฟ์ สว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของเทา้ ทงั้ 2 ขา้ งตอ้ งสมั ผสั พนื้ ตลอดเวลา
-การเสิรฟ์ ลกู ท่ถี ูกตอ้ ง ตอ้ งใหแ้ รก็ เก็ตสมั ผสั กบั หวั ลกู ก่อน หากโดนขนก่อนถือวา่ ผิดกติกา
3. ขณะตลี กู โตกนั หา้ มนาสว่ นหนึง่ สว่ นใดของรา่ งกายหรอื ไมแ้ บดไปสมั ผสั กบั เน็ท
4. หา้ มตลี กู ท่ฝี ่ังตรงขา้ มโตก้ ลบั มาในขณะท่ลี กู ยงั ไม่ขา้ มเนท็ มายงั แดนเรา(Over net)
รายละเอียดของกตกิ าการนับคะแนนมดี ังนี้
1. แมทชห์ น่ึงตอ้ งชนะใหไ้ ดม้ ากท่สี ดุ ใน 3 เกม
2. ทุกประเภทของการแข่งขนั ฝ่ายท่ไี ด้ 21 คะแนนกอ่ นเป็นฝ่ายชนะในเกมนนั้ ยกเวน้ เม่อื ได้ 20
คะแนนเทา่ กนั ตอ้ งนบั ต่อใหม้ ีคะแนนห่างกนั 2 คะแนน ฝ่ายใดไดค้ ะแนนนา คะแนนก่อนเป็นผู้
ชนะ แต่ไมเ่ กิน 30 คะแนน หมายความว่าหากการเลน่ ดาเนนิ มาจนถงึ 29 คะแนนเท่ากนั ฝ่าย
ใดได้ 30 คะแนนก่อน เป็นผชู้ นะ
3. ฝ่ายชนะเป็นฝ่ายสง่ ลกู ต่อในเกมต่อไป
4. ฝ่ายชนะการเสี่ยงสิทธิเ์ ป็นฝ่ายสง่ ลกู ไดก้ ่อน หากฝ่ายตรงขา้ มทาลกู "เสีย" หรอื ลกู ไมไ่ ดอ้ ย่ใู นการ
เลน่ ผเู้ ลือกสง่ ลกู กอ่ นจะไดค้ ะแนนนา 1-0 และไดส้ ง่ ลกู ตอ่ แต่หากผสู้ ง่ ลกู ทาลกู "เสีย" หรือลกู
ไม่อย่ใู นการเลน่ ฝ่ายตรงขา้ มจะไดค้ ะแนนตามมาทนั ทเี ป็น 1-1 และฝ่ายตรงขา้ มจะไดส้ ทิ ธิ์สง่
ลกู แทน ดาเนินเช่นนีต้ ่อไปจนจบเกม
5. ประเภทคใู่ หส้ ง่ ลกู ฝ่ายละ 1 ครง้ั ตามคะแนนท่ไี ด้ ขณะท่ีเปลย่ี นฝ่ายสง่ ลกู หากคะแนนเป็นจานวน
คี่ ผอู้ ย่คู อรด์ ดา้ นซา้ ยเป็นผสู้ ง่ ลกู หากคะแนนเป็นจานวนคผู่ อู้ ย่คู อรด์ ดา้ นขวาเป็นฝ่ายสง่ ลกู
11
การดวิ ส์ หาก ผเู้ ลน่ ทงั้ สองฝ่ายทาคะแนนไดเ้ ท่ากนั ในคะแนนท่ี 20 จะมกี ารเลน่ ต่อ จนกว่าวา่ จะมี
คะแนนมากกว่าฝ่ายตรงขา้ ม 2 คะแนน แต่ถา้ ยงั ไม่สามารถทาคะแนนห่างกนั 2 แตม้ ได้ จะเลน่ ต่อไป
เร่ือยๆ แต่ เม่ือแตม้ ได้ 29 เท่ากนั ใครท่ที าไดแ้ ตม้ 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ
มารยาท
มารยาทผู้เลน่
1. ผแู้ ขง่ ขนั ตอ้ งตระหนกั อย่เู สมอวา่ ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั เป็นนกั กีฬาสมคั รเลน่ ซ่งึ ตอ้ งมนี า้ ใจเป็นนกั กีฬาอยู่
เสมอ และพรอ้ มท่ีจะใหอ้ ภยั แกความผดิ พลาดทกุ โอกาส โดยไม่คานงึ ถึงผลแพช้ นะเป็นสาคญั
จนเกินไป
2. ผเู้ ขา้ แข่งขนั แตง่ กายดว้ ยชดุ กีฬาสีขาว สะอาด เรียบรอ้ ย
3. ยมิ้ แยม้ แจม่ ใสต่อคแู่ ข่งขนั แสดงออกถึงมิตรภาพความสภุ าพ อ่อนโยนดว้ ยการสมั ผสั มอื หรือเปิด
โอกาสใหค้ ่แู ข่งขนั ไดว้ อรม์ รวมทงั้ ไม่เอาเปรียบค่ตู อ่ สหู้ รือค่แู ขง่ ขนั ในการเส่ียง ใหโ้ อกาสค่ตู อ่ สู้
เป็นผนู้ าการเลือกเสีย่ งก่อน
4. ไมแ่ สดงกรยิ าท่ไี ม่ดีเม่ือทาเสียเองดว้ ยทา่ ทางหรือคาพดู รวมทงั้ การกลา่ วตาหนผิ ูเ้ ลน่ ทีมเดียวกนั
5. ใชค้ าพดู ท่สี ภุ าพในการแข่งขนั
6. การถามขอ้ สงสยั หรอื ถามคะแนนต่อผตู้ ดั สนิ ในระหว่างการแขง่ ขนั ควรจะใชถ้ อ้ ยคาท่สี ภุ าพ
7. การอทุ ธรณค์ าวินจิ ฉยั ของผตู้ ดั สิน กเ็ ป็นอกี เรื่องหนงึ่ ท่ีผแู้ ขง่ ขนั ควรจะใชถ้ อ้ ยคาท่ีระมดั ระวงั และ
เม่อื ไดท้ าการอทุ ธรณแ์ ลว้ ผอู้ ทุ ธรณต์ อ้ งอยใู่ นความสงบ และพรอ้ มท่ีจะทาการแข่งขนั ต่อไปได้
และเม่ือผตู้ ดั สินชีข้ าดอย่างไรก็ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามดว้ ยความเต็มใจ
8. เม่ือขณะดาเนนิ การแข่งขนั อย่หู ากจะหยุดพกั เชน่ ขอเชด็ เหง่ือ ดม่ื นา้ เปลย่ี นแรก็ เกต เปลยี่ น
รองเทา้ ถงุ เทา้ ฯลฯ ตอ้ งขออนญุ าตผตู้ ัดสินทกุ ครงั้ เม่อื ไดร้ บั อนญุ าตแลว้ จงึ ปฏิบตั ิได้
9. ในการสง่ ลกู เสียไปใหค้ ตู่ ่อสจู้ ะตอ้ งสง่ ลกู ขา้ มตาข่ายไปใหเ้ สมอการสง่ ลกู ลอดใตต้ าข่ายไปใหค้ ู่
ต่อสถู้ ือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างรุนแรง
10. ในระหวา่ งการแข่งขนั ถา้ ผตู้ ดั สินทาหนา้ ท่ผี ิดพลาดแตเ่ ราอยใู่ นฐานะไดเ้ ปรียบไม่ควรใช้
ความไดเ้ ปรยี บนนั้ เป็นประโยชน์
11. การตลี กู เสีย นกั กีฬาท่ีดีตอ้ งรอ้ งออกมาดงั ๆ วา่ "เสยี " โดยไมต่ อ้ งรอใหผ้ ตู้ ดั สนิ รอ้ งออกมากอ่ น
แต่ถา้ ผตู้ ดั สินดไู มท่ นั ผตู้ ีลกู เสียไม่ควรจะฉวยโอกาสเลน่ ต่อไปดว้ ย เพราะการฉวยโอกาสเช่นนี้
เป็นการกระทาท่ไี ม่สจุ รติ
12
12. เม่ือการแข่งขนั เสรจ็ สิน้ ลง ถา้ เราเป็นฝ่ ายชนะจะตอ้ งไม่แสดงความดใี จจนเกินควรตอ้ งเขา้ ไปจบั
มอื คแู่ ขง่ ขนั ทนั ทพี รอ้ มแสดงความเสียใจ ถา้ เป็นฝ่ายแพไ้ มค่ วรจะแสดงอารมณฉ์ นุ เฉียวตอ้ ง
ควบคมุ อารมณ์ และรีบไปแสดงความยินดีกบั คแู่ ขง่ โดยทนั ทีเหมอื นกนั
13. ยอมรบั และเช่ือฟังการตดั สินโดยไมโ่ ตแ้ ยง้ และเม่ือเสรจ็ สิน้ การแข่งขนั ควรแสดงความเคารพ
ผตู้ ดั สิน้
14. ในสนามท่มี ีผมู้ ารอเลน่ อย่มู าก และไม่ใช่การแข่งขนั ไม่ควรเลน่ กนั นานจนเกนิ ไปควรเปิดโอกาส
ใหผ้ อู้ ่นื ไดเ้ ลน่ บา้ ง
มารยาทผู้ชม
1. แตง่ กายใหส้ ภุ าพ เรียบรอ้ ย เป็นการใหเ้ กียรติแก่การแขง่ ขนั นนั้ ๆ
2. ใหเ้ กียรติแก่นกั กีฬาทงั้ 2 ฝ่าย ดว้ ยการปรบมือเม่ือมกี ารแนะนาคแู่ ขง่ ขนั
3. ไม่กลา่ ววาจาไมส่ ภุ าพ และไมเ่ ชยี รฝ์ ่ายใดฝ่ายหนงึ่ จนไม่นา่ ดู
4. ขณะการแขง่ ขนั ยงั ดาเนินอยไู่ มค่ วรรบกวนสมาธิของผแู้ ข่ง หรือผชู้ มดว้ ยกนั
5. การน่งิ เงยี บ ในขณะท่ีนกั กีฬากาลงั เลน่ ถือวา่ เป็นมารยาทของผชู้ มท่ีดี
6. ควรปรบมือเม่อื ผเู้ ลน่ ฝ่ายใดฝ่ายหนงึ่ เลน่ ไดด้ ี สวยงาม และกระทาเม่ือลกู ไม่ไดอ้ ย่ใู นการเลน่
7. ไม่แสดงออกดว้ ยกิรยิ า หรือวพิ ากษว์ จิ ารณก์ ารตดั สินของกรรมการ ขณะทาการแข่งขนั แมว้ า่
จะมขี อ้ ผิดพลาด
8. เม่ือการแข่งขนั สนิ้ สดุ ลง ควรปรบมือเป็นเกียรติแกน่ กั กีฬาทงั้ สองฝ่าย
มารยาท ผ้ตู ดั สิน
1. เม่อื เขา้ สสู่ นามแข่งขนั ตอ้ งแต่งกายใหถ้ กู ตอ้ งตามลกั ษณะของการเป็นผตู้ ดั สนิ เครอื่ งแต่งกาย
ตอ้ งประณีต และสะอาด วางตวั ในลกั ษณะสภุ าพออ่ นนอ้ ม แตส่ ารวมไม่หลอกลอ้ กบั ผหู้ นึ่งผใู้ ด
แสดงออกถงึ อาการท่จี ะใหค้ วามรว่ มมอื กบั ผอู้ ่ืนดว้ ยท่าทีกระฉบั กระเฉง ไม่ใช่ประหม่าหรอื
ลกุ ลลี้ กุ ลน
2. ระหว่างการแขง่ ขนั หลีกเลี่ยงการพบปะสนทนากบั ผูเ้ ลน่ ผฝู้ ึกสอน ตลอดจนผคู้ นุ้ เคยอ่ืน ๆ
พยายามตงั้ ใจจรงิ ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ใี นการตดั สิน ตดั สินใจดว้ ยความเด็ดขาดถกู ตอ้ ง แสดงออก
ถงึ ความมีนา้ ใจเป็นนกั กีฬา ไมแ่ สดงอารมณอ์ อกมา ควรใชว้ าจาเฉพาะในสิง่ ท่จี าเป็นพดู เฉพาะ
หลกั การเท่านนั้ เพ่ือสรา้ งความเช่อื ม่นั แกผ่ ฟู้ ัง และไม่ควรโตเ้ ถียงกบั ผใู้ ดผหู้ น่ึง ซ่งึ จะเป็นการลด
ฐานะของตนเอง อนั เป็นการทาใหเ้ สือ่ มศกั ดศิ์ รี และเป็นการนาไปสกู่ ารทะเลาะวิวาทหรือทาให้
เกดิ คบั ขอ้ งข่นุ เคืองใจได้
13
3. เม่อื จบการแข่งขนั หลงั จากตรวจใบนบั คะแนนเรยี บรอ้ ยแลว้ ควรรีบออกจากสนามแขง่ ขนั ทนั ที
ไม่ควรรีรออย่เู พ่อื ขออภยั ในความผิดพลาดในการตดั สิน หรือเพ่อื แสดงความยนิ ดีหรือเสียใจตอ่
ค่แู ขง่ ไม่ควรแสดงความคดิ เห็นใด ๆ เก่ียวกบั ปัญหาต่าง ๆ ท่มี กี ารถกเถียงกนั ในกรณีท่มี ี
ผสู้ ่ือขา่ วขอสมั ภาษณ์ ควรใหค้ วามรว่ มมือดว้ ยอธั ยาศยั อนั ดี โดยชแี้ จงอยา่ งเป็นธรรมและ
เหมาะสมในขอบเขตของการเป็นผตู้ ดั สนิ แต่ไม่ควรแสดงความคิดเห็นท่ซี า้ เติม หรือกา้ วกา่ ย
หนา้ ท่ขี องผอู้ ่นื
14
บทท6ี่
กฎ กตกิ าการแขง่ ขันกีฬาแบดมินตนั แบบเตม็ ระบบใหม่แบบแรลล่พี อยท์
1. สนามและอุปกรณส์ นาม
1. สนามจะเป็นรูปสเ่ี หล่ยี มผนื ผา้ ประกอบดว้ ยเสน้ กวา้ งขนาด 40 มลิ ลเิ มตร ตามภาพผงั ก.
2. เสน้ ทกุ เสน้ ตอ้ งเด่นชดั และควรทาดว้ ยสีขาวหรือสเี หลอื ง
3. เสน้ ทกุ เสน้ เป็นสว่ นประกอบของพนื้ ท่ซี ง่ึ กาหนดไว้
4. เสาตาขา่ ยจะตอ้ งสงู 1.55 เมตรจากพนื้ สนาม และตงั้ ตรงเม่ือขงึ ตาขา่ ยใหต้ งึ ตามท่ไี ดก้ าหนดไวใ้ น
กตกิ า ขอ้ 1.10 โดยท่จี ะตอ้ งไมม่ สี ว่ นหน่งึ สว่ นใดของเสาย่นื เขา้ มาในสนาม (เฉพาะรายการท่รี บั รองโดย
IBF จะตอ้ งใชร้ ะเบยี บนี้ จนกระท่งั 1 สงิ หาคม พ.ศ. 2547 ทกุ รายการท่ีแขง่ ขนั จะตอ้ งยึดตามระเบยี บน)ี้
5. เสาตาข่ายจะตอ้ งตงั้ อย่บู นเสน้ เขตขา้ งของประเภทคู่ ตามท่ไี ดแ้ สดงไวใ้ นภาพผงั ก. โดยไม่ตอ้ งคานึงว่า
จะเป็นประเภทเดี่ยวหรือเลน่ คู่
6. ตาข่ายจะตอ้ งถกั ดว้ ยเสน้ ดา้ ยสเี ขม้ และมขี นาดตากวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 15 มิลลิเมตร และไม่เกนิ 20
มลิ ลิเมตร
7. ตาข่ายตอ้ งมีความกวา้ ง 760 มิลลเิ มตร และความยาวอยา่ งนอ้ ย 6.1 เมตร
8. ขอบบนของตาข่ายตอ้ งมีแถบผา้ สขี าวพบั สอง ขนาดกวา้ ง 75 มลิ ลิเมตร ทบั บนเชือกหรอื ลวดท่รี อ้ ย
ตลอดแถบผา้ ขาว
9. เชือกหรอื ลวดตอ้ งมีขนาดพอท่จี ะขงึ ใหต้ งึ เตม็ ท่ีกบั หวั เสา
10. สดุ ขอบบนตาข่ายตอ้ งสงู จากพนื้ ท่ตี รงกงึ่ กลางสนาม 1.524 เมตร และ 1.55 เมตร เหนอื เสน้ เขตขา้ ง
ของประเภทคู่
11. ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งวา่ งระหว่างสดุ ปลายตาข่ายกบั เสา ถา้ จาเป็นตอ้ งผกู รอ้ ยปลายตาข่ายทงั้ หมดกบั เสา
15
16
2. ลกู ขนไก่
1. ลกู ขนไก่อาจทาจากวสั ดธุ รรมชาติ หรือวสั ดสุ งั เคราะห์ ไม่ว่าลกู นนั้ จะทาจากวสั ดชุ นิดใดกต็ าม
ลกั ษณะวิถีวิ่งท่วั ไป จะตอ้ งเหมอื นกบั ลกู ซ่งึ ทาจากขนธรรมชาติ ฐานเป็นหวั ไมก้ ๊อก หมุ้ ดว้ ยหนงั บาง
2. ลกู ขนไก่ตอ้ งมขี น 16 อนั ปักอยบู่ นฐาน
3. วดั จากปลายขนถงึ ปลายสดุ ของฐาน โดยความยาวของขนในแตล่ ะลกู จะเทา่ กนั หมด ระหว่าง 62
มลิ ลิเมตร ถงึ 70 มิลลิเมตร
4. ปลายขนแผเ่ ป็นรูปวงกลม มเี สน้ ผ่าศนู ยก์ ลางระหว่าง 58 มลิ ลเิ มตร ถึง 68 มิลลิเมตร
5. ขนตอ้ งมดั ใหแ้ นน่ ดว้ ยเสน้ ดา้ ย หรือวสั ดอุ ่นื ท่เี หมาะสม
6. ฐานของลกู ตอ้ งมีเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 25 มิลลิเมตร ถงึ 28 มลิ ลิเมตร และสว่ นลา่ งมนกลม
7. ลกู ขนไกจ่ ะมีนา้ หนกั ตงั้ แต่ 4.74 ถงึ 5.50 กรมั
8. ลกู ขนไกท่ ่ไี ม่ใชข้ นธรรมชาติ
- ใชว้ สั ดสุ งั เคราะหแ์ ทนขนธรรมชาติ
- ฐานลกู ดงั ท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นกติกาขอ้ 2.6
- ขนาดและนา้ หนกั ของลกู ตอ้ งเป็นไปตามท่ไี ดก้ าหนดไวใ้ นกติกาขอ้ 2.3, 2.4 และ 2.7 อย่างไรก็ตาม
ความแตกตา่ งของความถ่วงจาเพาะ และคณุ สมบตั ขิ องวสั ดสุ งั เคราะหโ์ ดยการเปรียบเทยี บกบั ขน
ธรรมชาติ ยอมใหม้ ีความแตกต่างไดถ้ งึ 10%
9. เน่ืองจากมิไดก้ าหนดความแตกตา่ งในเร่อื งลกั ษณะท่วั ไป ความเรว็ และวถิ ีวงิ่ ของลกู อาจมกี าร
เปลย่ี นแปลงคณุ ลกั ษณะดงั กลา่ วขา้ งตน้ ไดโ้ ดยการอนมุ ตั ิจากองคก์ รแห่งชาติท่เี ก่ียวขอ้ งในท่ีซ่งึ สภาพ
ความกดอากาศสงู หรือสภาพดินฟา้ อากาศ เป็นเหตใุ หล้ กู ขนไก่ตามมาตรฐานท่กี าหนดไวไ้ มเ่ หมาะสม
17
3. การทดสอบความเรว็ ของลกู
1. การทดสอบ ใหย้ ืนหลงั เสน้ เขตหลงั แลว้ ตลี กู ใตม้ อื อย่างสดุ แรง โดยจดุ สมั ผสั ลกู อยเู่ หนือเสน้ เขตหลงั ลกู
จะพงุ่ เป็นมมุ สงู และอยใู่ นแนวขนานกบั เสน้ เขตขา้ ง
2. ลกู ท่มี คี วามเรว็ ถกู ตอ้ ง จะตกห่างจากเสน้ เขตหลงั ของอกี ดา้ นหน่ึงไมน่ อ้ ยกว่า 530 มิลลเิ มตร และไม่
มากกว่า 990 มลิ ลิเมตร (ภาพผงั ข.)
18
4. แร็กเกต
1. เฟรมของแรก็ เกตยาวทงั้ หมดไม่เกนิ 680 มิลลิเมตร และกวา้ งทงั้ หมดไม่เกนิ 230 มิลลเิ มตร
- ดา้ นจบั เป็นสว่ นของแรก็ เกตท่ผี เู้ ลน่ ใชจ้ บั
- พนื้ ท่ีขึงเอน็ เป็นสว่ นของแรก็ เกตท่ีผเู้ ลน่ ใชต้ ีลกู
- หวั บรเิ วณท่ีใชข้ ึงเอ็น
- กา้ น ต่อจากดา้ มจบั ถึงหวั (ขนึ้ อยกู่ บั กตกิ าขอ้ 4.1.5)
- คอ (ถา้ ม)ี ต่อกา้ นกบั ขอบหวั ตอนลา่ ง
2. พนื้ ท่ขี ึงเอ็น
- พนื้ ท่ีขึงเอน็ ตอ้ งแบนราบ ดว้ ยการรอ้ ยเอ็นเสน้ ขวางขดั กบั เสน้ ยืนแบบการขงึ เอ็นท่วั ไป โดยพนื้ ท่ี
ตอนกลาง ไมค่ วรทบึ นอ้ ยกว่าตอนอ่นื ๆ
- พนื้ ท่ีขึงเอ็นตอ้ งยาวทงั้ หมดไม่เกนิ 280 มลิ ลิเมตร และกวา้ งทงั้ หมดไม่เกนิ 220 มิลลเิ มตร
อย่างไรก็ตามอาจขึงไปถงึ คอเฟรม หากความกวา้ งท่ีเพิม่ ของพนื้ ท่ขี งึ เอ็นนนั้ ไมเ่ กนิ 35 มลิ ลเิ มตรและความ
ยาวทงั้ หมดของพนื้ ท่ขี งึ เอ็นตอ้ งไม่เกิน 330 มลิ ลิเมตร
19
3. แร็กเกต
- ตอ้ งปราศจากวตั ถอุ ่นื ติดอยู่ หรือย่ืนออกมา ยกเวน้ จากสว่ นท่ที าเพ่ือจากดั และป้องกนั การสกึ
ชารุดเสียหาย การส่นั สะเทือน การกระจายนา้ หนกั หรือการพนั ดา้ มจบั ใหก้ ระชบั มอื ผเู้ ลน่ และมี
ความเหมาะสมทงั้ ขนาดและการติดตงั้ สาหรบั วตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ ว
- ตอ้ งปราศจากสิ่งประดษิ ฐอ์ ่นื ๆ ท่ชี ่วยใหผ้ เู้ ลน่ เปลี่ยนรูปทรงของแร็กเกต
5. การยอมรับอุปกรณ์
สหพนั ธแ์ บดมินตนั นานาชาติ จะกาหนดกฎเกณฑเ์ ก่ียวกบั ปัญหาของแรก็ เกต ลกู ขนไก่ หรือ
อปุ กรณต์ น้ แบบ ซง่ึ ใชใ้ นการเลน่ แบดมินตนั ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาหนดตา่ ง ๆ กฏเกณฑด์ งั กลา่ วอาจเป็นการ
รเิ รม่ิ ของสหพนั ธเ์ องหรือจากการย่นื ความจานงของคณะบคุ คล ท่มี ีผลประโยชนเ์ กี่ยวขอ้ งอย่างแทจ้ รงิ กบั ผู้
เลน่ ผผู้ ลิต หรือองคก์ รแหง่ ชาติหรือสมาชิกขององคก์ รนนั้ ๆ
6. การเสีย่ ง
1. กอ่ นเรม่ิ เลน่ จะตอ้ งทาการเสียง ฝ่ายท่ีชนะการเสยี ง มีสทิ ธิเ์ ลือกตามกติกา
- สง่ ลกู หรือรบั ลกู ก่อน
- เร่มิ เลน่ จากสนามขา้ งใดขา้ งหนง่ึ
2. ฝ่ายท่ีแพก้ ารเสยี่ ง มีสทิ ธิ์ท่เี หลือจากการเลือก
7. ระบบการนับคะแนน
1. แมทชห์ น่งึ ตอ้ งชนะใหไ้ ดม้ ากท่สี ดุ ใน 3 เกม เวน้ แต่จะไดก้ าหนดเป็นอย่างอ่นื
2. ในประเภทชายคแู่ ละประเภทชายเด่ียว ฝ่ายท่ไี ด้ 15 คะแนนก่อนเป็นฝ่ายชนะในเกมนนั้ ยกเวน้
ตามท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นกติกาขอ้ 7.5
3. ในประเภทหญิงเด่ยี ว หญิงคู่ คผู่ สม ฝ่ายท่ไี ด้ 11 คะแนนก่อนเป็นฝ่ายชนะในเกมนนั้ ยกเวน้
ตามท่ไี ดก้ าหนดไวใ้ นกติกาขอ้ 7.5
4. ฝ่ายสง่ ลกู เท่านนั้ เป็นฝ่ายไดค้ ะแนน
20
5. ถา้ ได้ 14 คะแนนเทา่ กนั (10 คะแนนเท่ากนั ในประเภทหญิงเด่ียว หญิงคู่ คผู่ สม) ฝ่ายท่ไี ด้ 14
(10) คะแนนก่อน มสี ทิ ธิเ์ ลือกในกติกาขอ้ 7.5.1 หรือ 7.5.2:-
- ต่อเกมนนั้ ถงึ 15 (11) คะแนน กลา่ วคือ ไม่เลน่ ต่อ ในเกมนนั้ หรือ
- เลน่ ต่อ เกมนนั้ ถงึ 17 (13) คะแนน
6. ฝ่ายชนะ เป็นฝ่ายสง่ ลกู ก่อนในเกมต่อไป
8. การเปลี่ยนข้าง
1. ผเู้ ลน่ จะเปลย่ี นขา้ ง
- หลงั จากจบเกมท่ี 1
- กอ่ นเร่มิ เลน่ เกมท่ี 3 (ถา้ ม)ี และ
- ในเกมท่ี 3 หรือในการแข่งขนั เกมเดยี ว เม่ือคะแนนนาถงึ 6 คะแนน สาหรบั เกม 11 คะแนน / 8
คะแนน สาหรบั เกม 15 คะแนน
2. ถา้ ผเู้ ลน่ ลืมเปลี่ยนขา้ งตามท่ีไดร้ ะบไุ วใ้ นกติกาขอ้ 8.1 ผเู้ ลน่ ตอ้ งเปล่ียนขา้ งทนั ทที ่รี ูต้ วั และลกู ไมอ่ ย่ใู น
การเลน่ และใหน้ บั นบั คะแนนต่อจากคะแนนท่ไี ดใ้ นขณะนนั้
9. การสง่ ลูก
1. ในการสง่ ลกู ท่ถี กู ตอ้ ง
- ทงั้ สองฝ่ายตอ้ งไมป่ ระวิงเวลาใหเ้ กิดความลา่ ชา้ ในการสง่ ลกู ทนั ทีท่ผี สู้ ง่ ลกู และผรู้ บั ลกู อยใู่ นท่าพรอ้ ม
- ผสู้ ง่ ลกู และผรู้ บั ลกู ตอ้ งยืนในสนามสง่ ลกู ทะแยงมมุ ตรงขา้ มโดยเทา้ ไมเ่ หยียบเสน้ เขตของสนามส่งลกู
- บางสว่ นของเทา้ ทงั้ สองของผสู้ ง่ ลกู และผรู้ บั ลกู ตอ้ งแตะพนื้ สนามในทา่ น่งิ ตงั้ แต่เร่มิ สง่ ลกู (กติกาขอ้
9.4) จนกระท่งั สง่ ลกู แลว้ (กติกาขอ้ 9.5)
- จดุ สมั ผสั แรกของแรก็ เกตผสู้ ง่ ตอ้ งตีท่ฐี านของลกู
- ทุกสว่ นของลกู จะตอ้ งอย่ตู ่ากว่าเอวของผสู้ ง่ ขณะท่แี รก็ เกตสมั ผสั ลกู
21
- กา้ นแร็กเกตของผสู้ ง่ ลกู ในขณะตีลกู ตอ้ งชลี้ งต่าจนเห็นไดช้ ดั ว่า สว่ นหวั ทงั้ หมดของแรก็ เกตอย่ตู ่า
กวา่ ทกุ สว่ นของมือท่จี บั แรก็ เกตของผสู้ ง่ ลกู ตามภาพผงั ง.
- การเคลอ่ื นแรก็ เกตของผสู้ ง่ ลกู ไปขา้ งหนา้ ตอ้ งต่อเน่ืองจากการเร่มิ สง่ ลกู (กติกาขอ้ 9.4) จนกระท่งั
ไดส้ ง่ ลกู แลว้ และ
- วิถีลกู จะพ่งุ ขึน้ จากแรก็ เกตของผสู้ ง่ ลกู ขา้ มตาข่าย และถา้ ปราศจากการสะกดั กน้ั ลกู จะตกลงบนพนื้
สนามสง่ ลกู ของผรู้ บั ลกู (กลา่ วคือ บนหรือภายในเสน้ เขต)
2. ถา้ การสง่ ลกู ไมถ่ กู ตอ้ ง ตามกตกิ าของขอ้ 9.1.1 ถงึ 9.1.8 ถือวา่ ฝ่ายทาผิด เสีย (กติกาขอ้ 13)
3. ถือว่า เสีย ถา้ ผสู้ ง่ ลกู พยายามจะสง่ ลกู โดยตีไม่ถกู ลกู
4. เม่อื ผเู้ ลน่ อย่ใู นทา่ พรอ้ มแลว้ การเคลอ่ื นแรก็ เกตไปขา้ งหนา้ ของผสู้ ง่ ลกู ถือว่า เร่มิ สง่ ลกู
5. ถือว่าไดส้ ง่ ลกู แลว้ (กติกาขอ้ 9.4) ถา้ แรก็ เกตของผสู้ ง่ สมั ผสั ลกู หรอื พยายามจะสง่ ลกู แต่ตีไมถ่ กู ลกู
6. ผสู้ ง่ ลกู จะสง่ ลกู ไม่ไดถ้ า้ ผรู้ บั ลกู ยงั ไมพ่ รอ้ ม แต่ถือวา่ ผรู้ บั ลกู พรอ้ มแลว้ ถา้ พยายามตลี กู ท่สี ง่ มา
กลบั ไป
7. ในประเภทคู่ ค่ขู าจะยนื ณ ท่ใี ดก็ได้ โดยไม่บงั ผสู้ ง่ ลกู และผรู้ บั ลกู
10. ประเภทเด่ยี ว
1. สนามสง่ ลกู และรบั ลกู
- ผเู้ ลน่ จะสง่ ลกู และรบั ลกู ในสนามสง่ ลกู ดา้ นขวา เม่ือผสู้ ง่ ลกู ทาคะแนนไม่ได้ หรือคะแนนท่ีไดเ้ ป็น
เลขคใู่ นเกมนนั้
- ผเู้ ลน่ จะสง่ ลกู และรบั ลกู ในสนามสง่ ลกู ดา้ นซา้ ย เม่ือผสู้ ง่ ลกู ไดค้ ะแนนเป็นเลขคใ่ี นเกมนนั้
2. ผสู้ ง่ ลกู และรบั ลกู จะตโี ตล้ กู จนกวา่ จะเกิด เสีย หรือลกู ไม่อยใู่ นการเลน่
3. คะแนนและการสง่ ลกู
22
- ถา้ ผรู้ บั ทาเสีย หรือลกู ไม่อยใู่ นการเลน่ เพราะตกลงบนพนื้ สนามของผรู้ บั ผสู้ ง่ ลกู ไดค้ ะแนน ผสู้ ง่
จะไดส้ ง่ ลกู ต่อไปในสนามสง่ อีกดา้ นหน่งึ
- ถา้ ผสู้ ง่ ทาเสีย หรอื ลกู ไม่อยใู่ นการเลน่ เพราะตกลงบนพนื้ สนามของผสู้ ง่ ผสู้ ง่ หมดสทิ ธิ์การสง่ ลกู
และผรู้ บั กจ็ ะไดเ้ ป็นผสู้ ง่ ลกู โดยผเู้ ลน่ ทงั้ สองฝ่ายไมไ่ ดค้ ะแนน
11.ประเภทคู่
1. เม่อื เรม่ิ เลน่ แต่ละครงั้ ฝ่ายท่ีไดส้ ิทธิส์ ง่ ตอ้ งเรม่ิ สง่ จากสนามสง่ ลกู ดา้ นขวา
2. ผรู้ บั ลกู เท่านนั้ เป็นผตู้ ลี กู กลบั ไป ถา้ ลกู ถูกตวั หรือค่ขู าของผรู้ บั ตลี กู ถือว่า เสีย ผสู้ ่งลกู ได้ 1
คะแนน
3. ลาดบั การเลน่ และตาแหนง่ ยนื ในสนาม
- หลงั จากไดร้ บั ลกู ท่สี ง่ มาแลว้ ผเู้ ลน่ ของฝ่ายสง่ คนหน่ึงคนใดตีลกู กลบั ไป และผเู้ ลน่ คนหนึง่ คนใด
ของฝ่ายรบั โตล้ กู กลบั มา เป็นอย่างนเี้ รื่อยไปจนกวา่ ลกู ไมอ่ ย่ใู นการเลน่
- หลงั จากไดร้ บั ลกู ท่สี ง่ มาแลว้ ผเู้ ลน่ คนหนึง่ คนใดจะตีโตล้ กู จากท่ใี ดกไ็ ดภ้ ายในสนามของตนโดย
มตี าขา่ ยกน้ั
4. สนามสง่ ลกู และรบั ลกู
- ผเู้ ลน่ มีสทิ ธิ์สง่ ตอนเรม่ิ ตน้ ของแต่ละเกม จะสง่ หรอื รบั ลกู ในสนามสง่ ดา้ นขวา เม่ือผเู้ ลน่ ฝ่ายนนั้
ไม่ไดค้ ะแนน หรือคะแนนในเกมนนั้ เป็นเลขคู่ และในสนามสง่ ลกู ดา้ นซา้ ยเม่ือคะแนนในเกมนนั้
เป็นเลขค่ี
- ผเู้ ลน่ ท่เี ป็นผรู้ บั ตอนเร่มิ ตน้ ของแตล่ ะเกม จะรบั หรือสง่ ลกู ในสนามสง่ ลกู ดา้ นขวา เม่ือผเู้ ลน่ ฝ่าย
นนั้ ไม่ไดค้ ะแนน หรอื คะแนนในเกมนนั้ เป็นเลขคู่ และในสนามสง่ ลกู ดา้ นซา้ ย เม่ือคะแนนในเกม
นนั้ เป็นเลขคี่
- ใหค้ ่ขู าของผเู้ ลน่ ปฏบิ ตั ิในทางกลบั กนั
5. คะแนนและการสง่ ลกู
- ถา้ ฝ่ายรบั ทา เสยี หรอื ลกู ไม่อยใู่ นการเล่น เพราะลกู ตกลงบนพืน้ สนามของฝ่ายรบั ฝ่ายสง่ ได้ 1
คะแนน และผสู้ ง่ ยงั คงไดส้ ง่ ลกู ตอ่ อกี
23
- ถา้ ฝ่ายสง่ ทา เสีย หรือลกู ไมอ่ ย่ใู นการเลน่ เพราะลกู ตกลงบนพืน้ สนามของฝ่ายสง่ ผูส้ ง่ หมดสทิ ธิ์
สง่ ลกู โดยผเู้ ลน่ ทงั้ สองฝ่ายไม่ไดค้ ะแนน
6. การสง่ ลกู ทกุ ครง้ั ตอ้ งสง่ จากสนามสง่ ลกู สลบั กนั ไป ยกเวน้ ตามท่ไี ดก้ าหนดไวใ้ นกตกิ าขอ้ 12 และ
ขอ้ 14
7. ในการเร่มิ ตน้ เกมใดก็ตาม ผมู้ สี ิทธิส์ ง่ ลกู คนแรก สง่ ลกู จากสนามดา้ นขวาไปยงั ผรู้ บั ลกู คนแรกและ
จากนนั้ ไปยงั คขู่ าของผรู้ บั ตามลาดบั ไป จนกระท่งั เสยี สิทธิ์และเปลีย่ นสง่ ไปใหฝ้ ่ายตรงขา้ มท่ี
จะตอ้ งเร่มิ สง่ จากสนามดา้ นขวา (กตกิ าขอ้ 11.4) จากนนั้ จะใหค้ ขู่ าสง่ จะเป็นเช่นนตี้ ลอดไป
8. หา้ มผเู้ ลน่ สง่ ลกู ก่อนถึงเวลาท่ตี นเป็นผสู้ ง่ หรือรบั ลกู ก่อนถงึ เวลาท่ีตนเป็นผรู้ บั หรือรบั ลกู ตดิ ต่อกนั
สองครงั้ ในเกมเดียวกนั ยกเวน้ ตามท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นกติกาขอ้ 12 และ 14
9. ผเู้ ลน่ คนหน่งึ คนใดของฝ่ายชนะ จะเป็นผสู้ ง่ ลกู กอ่ นในเกมตอ่ ไปก็ได้ และผเู้ ลน่ คนหนึง่ คนใดของ
ฝ่ายแพจ้ ะเป็นผรู้ บั ลกู ก่อนกไ็ ด้
12. ความผดิ ในสนามสง่ ลูก
1. ความผดิ ในสนามสง่ ลกู เกิดขนึ้ เม่ือผเู้ ลน่
- สง่ ลกู กอ่ นถงึ เวลาท่ีตนเป็นผสู้ ง่
- สง่ ลกู จากสนามสง่ ลกู ท่ผี ิด หรือ
- ยนื ผดิ สนามและไดเ้ ตรียมพรอ้ มท่ีจะรบั ลกู ท่สี ง่ มา
2. ถา้ พบความผิดในสนามสง่ ลกู ก่อนสง่ ลกู ครง้ั ต่อไป
- หากฝ่ายหนง่ึ ทาผิดและชนะในการตโี ต้ ให้ เอาใหม่
- หากฝ่ายหน่ึงทาผิดและแพใ้ นการตีโต้ ไม่มีการแกไ้ ขความผิด
- หากทงั้ สองฝ่ายทาความผิดดว้ ยกนั ให้ เอาใหม่
3. ถา้ มกี าร เอาใหม่ เพราะความผิดในสนามสง่ ลกู ใหเ้ ลน่ ใหม่พรอ้ มกบั แกไ้ ข
24
4. ถา้ พบความผิดในสนามส่งลกู หลงั จากไดส้ ง่ ลกู ครงั้ ต่อไปแลว้ จะไม่มีการแกไ้ ขความผิดนนั้ ใหเ้ ล่น
ต่อไปโดยไม่มีการเปลี่ยนสนามสง่ ลกู ใหม่ของผเู้ ลน่ (หรือใหเ้ ปล่ียนลาดบั ใหมข่ องการสง่ ลกู ใน
กรณีเดียวกนั )
13. การทาเสีย
1. ถา้ การสง่ ลกู ไม่ถกู ตอ้ ง (กติกาขอ้ 9.1) หรือตามกติกาขอ้ 9.3 หรือ 11.2
2. ถา้ ในขณะเลน่ ลกู ขนไก่
- ตกลงบนพืน้ นอกเสน้ เขตสนาม (กลา่ วคือ ไมอ่ ย่บู นหรือภายในเสน้ เขตสนาม)
- ลอดผ่านหรือลอดใตต้ าข่าย
- ไม่ขา้ มตาขา่ ย
- ถกู เพดาน หรือ ฝาผนงั
- ถกู ตวั ผเู้ ลน่ หรือเคร่ืองแตง่ กายผเู้ ลน่
- ถกู วตั ถหุ รือตวั บุคคลภายนอกท่ีอย่ใู กลเ้ คียงลอ้ มรอบสนาม (ในกรณีท่มี ีความจาเป็นเกี่ยวกบั
โครงสรา้ งของตวั อาคารผมู้ ีอานาจเกี่ยวกบั แบดมินตนั ทอ้ งถ่ิน อาจวางกฎเพมิ่ เตมิ เก่ียวกบั ลกู ถกู
สิง่ กีดขวางได้ ทงั้ นี้ ย่อมแลว้ แต่สิทธิความเห็นชอบของภาคสี มาชิก)
3. ถา้ ในระหว่างการเลน่ ผเู้ ลน่ ตีลกู ก่อนท่ลี กู ขา้ มตาขา่ ยมาในเขตสนามของตัวเอง (อยา่ งไรกด็ ี ผตู้ ี
อาจใชแ้ รก็ เกตตามลกู ขา้ มตาข่ายในระหว่างตีลกู )
4. ถา้ ลกู อย่ใู นระหว่างการเลน่ ผเู้ ลน่
- ถกู ตาขา่ ยหรอื อปุ กรณท์ ่ีขึง ดว้ ยแรก็ เกต ดว้ ยตวั หรือดว้ ยเครอ่ื งแตง่ กาย
- ลา้ บนตาข่ายเขา้ ไปในเขตสนามของค่ตู ่อสู้ ดว้ ยแรก็ เกต ดว้ ยตวั ยกเวน้ ตามท่ีไดร้ บั อนญุ าตไวใ้ น
กตกิ าขอ้ 13.3
- ลา้ ใตต้ าข่ายเขา้ ไปในเขตสนามของค่ตู ่อสดู้ ว้ ยแรก็ เกต หรอื ดว้ ยตวั จนเป็นการกีดขวางหรอื ทาลาย
สมาธิคตู่ ่อสู้
- กีดขวางค่ตู อ่ สู้ กลา่ วคือ กนั ไมใ่ หค้ ่ตู อ่ สตู้ ีลกู ท่ขี า้ มตาขา่ ยมาอย่างถกู ตอ้ งตามกติกา
25
5. ถา้ ในระหว่างการเลน่ ผเู้ ล่นคนหนง่ึ คนใดจงใจทาลายสมาธิค่ตู ่อสดู้ ว้ ยการกระทาต่าง ๆ เช่น รอ้ ง
ตะโกนหรือแสดงท่าทาง
6. ถา้ ระหว่างการเลน่ ลกู ขนไก่
- ตดิ อยใู่ นแรก็ เกต แลว้ ถกู เหว่ยี งออกไปในระหว่างตีลกู
- ถกู ตีสองครงั้ ตดิ ต่อกนั โดยผเู้ ลน่ คนเดยี วกนั
- ถกู ตีโดยผเู้ ลน่ คนหนงึ่ และคขู่ าของผเู้ ลน่ คนนนั้ ติดต่อกนั หรือ
- ถกู แรก็ เกตของผเู้ ลน่ คนหนึง่ แลว้ ลอยไปทางทา้ ยสนามดา้ นหลงั ของผเู้ ลน่ คนนนั้
7. ถา้ ผเู้ ลน่ ทาผดิ อยา่ งโจง่ แจง้ ซา้ แลว้ ซา้ อีก หรือผดิ พลาดอย่ตู ลอด ตามกติกาขอ้ 16
8. ถา้ หลงั จากสง่ ลกู แลว้ ลกู ไปติดและคา้ งอย่บู นตาขา่ ย หรือลกู ขา้ มตาข่ายแลว้ ตดิ คา้ งอย่ใู นตาข่าย
14. การ "เอาใหม่"
1. การ เอาใหม่ จะขานโดยกรรมการผตู้ ดั สิน หรือ โดยผเู้ ลน่ (ถา้ ไม่มกี รรมการผตู้ ดั สิน) ขานใหห้ ยุด
เลน่ ในกรณีท่ี
- ถา้ ผสู้ ง่ ลกู สง่ ลกู โดยท่ผี รู้ บั ลกู ยงั ไม่พรอ้ ม (ดกู ติกาขอ้ 9.6)
- ถา้ ในระหว่างการสง่ ลกู ผรู้ บั และผสู้ ง่ ลกู ทาเสยี พรอ้ มกนั ทงั้ สองฝ่ายในเวลาเดียวกนั
- ถา้ ลกู ไปติดและคา้ งอยบู่ นตาขา่ ย หรือลกู ขา้ มตาข่ายแลว้ ติดคา้ งอย่ใู นตาข่ายยกเวน้ ในการสง่ ลกู
- ถา้ ในระหวา่ งการเลน่ ลกู ขนไก่แตกแยกออกเป็นสว่ น ๆ และฐานแยกออกจากสว่ นท่เี หลือของลกู
โดยสิน้ เชงิ
- ถา้ กรรมการกากบั เสน้ มองไมเ่ ห็น และกรรมการผตู้ ดั สินไมส่ ามารถตดั สินใจได้
- สาหรบั กรณีท่เี กิดขนึ้ เน่ืองจากความผิดในสนามสง่ ลกู ตามท่ีระบใุ นกตกิ าขอ้ 12.2.1 หรอื 12.2.3
หรอื
- สาหรบั กรณีท่เี กิดขนึ้ โดยไม่คาดคิดมากอ่ น หรือโดยเหตบุ งั เอิญ
26
2. เม่อื มีการ เอาใหม่ การเลน่ หลงั จากการสง่ ลกู ครง้ั สดุ ทา้ ยถือเป็นโมฆะ และผเู้ ลน่ ท่ีสง่ ลกู จะไดส้ ง่ ลกู
อกี ครงั้ หนึ่ง ยกเวน้ หากเป็นไปตามกตกิ าขอ้ 12
15. ลกู ไม่อยใู่ นการเล่น
ลกู ไมอ่ ย่ใู นการเลน่ เม่ือ
1. ลกู ชนตาขา่ ยแลว้ ติดอย่ทู ่ีตาขา่ ย หรือคา้ งอย่บู นขอบตาขา่ ย
2. ลกู ชนตาข่ายหรอื เสาตาข่ายแลว้ ตกลงบนพืน้ สนามในดา้ นของผตู้ ีลกู
3. ลกู ถกู พนื้ สนาม
4. เกิดการ เสีย หรือการ "เอาใหม"่
16. การเลน่ ตอ่ เน่ือง, การทาผิด, การลงโทษ
1. การเลน่ ตอ้ งต่อเน่ืองตงั้ แต่เรม่ิ สง่ ลกู ครงั้ แรกจนสนิ้ สดุ การแขง่ ขนั ยกเวน้ ตามท่ไี ดอ้ นญุ าตไวใ้ น
กตกิ าขอ้ 16.2 และ 16.3
2. พกั ระหวา่ งการจบเกมท่ี 1 และเร่มิ เกมท่ี 2 ไดไ้ ม่เกิน 90 วินาที และไมเ่ กิน 5 นาที ระหว่างจบ
เกมท่ี 2 และเร่มิ เกมท่ี 3 อนุญาตสาหรบั ทกุ แมทชข์ องการแข่งขนั (ในการแขง่ ขนั ท่มี ีการ
ถา่ ยทอดโทรทศั น์ กรรมการผชู้ ขี้ าดอาจตดั สนิ ใจก่อนเร่มิ การแขง่ ขนั ว่า การพกั ตามกตกิ าขอ้
16.2 อยใู่ นอาณัติและเวลากาหนด)
3. พกั การเลน่ เม่ือมคี วามจาเป็นจากสภาพแวดลอ้ มท่ีมไิ ดอ้ ย่ภู ายใตก้ ารควบคมุ ของผเู้ ลน่
กรรมการผตู้ ดั สินอาจส่งั ใหพ้ กั การเลน่ ช่วั คราวตามท่พี จิ ารณาเห็นวา่ จาเป็นภายใต้
สภาพแวดลอ้ มอ่นื ๆ ท่ผี ดิ ปกติ กรรมการผชู้ ีข้ าดอาจแนะนาใหก้ รรมการผตู้ ดั สนิ พกั การเลน่
- เม่ือมีความจาเป็นจากสภาพแวดลอ้ มท่ีมไิ ดอ้ ย่ภู ายใตก้ ารควบคมุ ของผเู้ ลน่ กรรมการผตู้ ดั สนิ
อาจส่งั ใหพ้ กั การเลน่ ช่วั คราวตามท่ีพจิ ารณาเห็นว่าจาเป็น
- ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มอ่ืน ๆ ท่ผี ิดปกติ กรรมการผชู้ ขี้ าดอาจแนะนาใหก้ รรมการผตู้ ดั สินพกั การ
เลน่
- ถา้ มกี ารพกั การเลน่ คะแนนท่ไี ดจ้ ะอย่คู งเดิม และจะเร่มิ ใหม่จากคะแนนนนั้
4. การถ่วงเวลาการเลน่
27
- ไมว่ ่ากรณีใด ๆ ทงั้ สนิ้ หา้ มถ่วงเวลาการเล่นเพ่อื ใหผ้ เู้ ลน่ ฟื้นคืนกาลงั หรอื หายเหน่ือย
- กรรมการผตู้ ดั สินจะวินิจฉยั ความล่าชา้ แตเ่ พยี งผเู้ ดียว
5. คาแนะนาและการออกนอกสนาม
- หา้ มผเู้ ลน่ รบั คาแนะนาระหว่างการแข่งขนั ยกเวน้ การพกั ตามกตกิ าขอ้ 16.2 และ 16.3
- หา้ มผเู้ ลน่ เดินออกนอกสนามระหว่างการแข่งขนั โดยมไิ ดร้ บั อนญุ าตจากกรรมการผตู้ ดั สนิ
ยกเวน้ ระหว่างพกั 5 นาที ตามท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นกติกาขอ้ 16.2
6. ผเู้ ลน่ ตอ้ งไม่จงใจถว่ งเวลา หรือพกั การเลน่ , จงใจแปลงหรือทาลายลกู เพ่ือเปล่ยี นความเรว็ และ
วิถี, แสดงกิรยิ ากา้ วรา้ ว หรอื กระทาผิดนอกเหนอื กติกา
7. กรรมการผตู้ ดั สินจะตอ้ งดาเนินการกบั ความผดิ ตามกตกิ าขอ้ 16.4, 16.5 หรอื 16.6 โดย
- เตอื นผกู้ ระทาผิด
- ตดั สิทธิ์ผกู้ ระทาผิดหลงั จากไดเ้ ตือนก่อนแลว้
- ในกรณีผิดอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั หรือผิดอยู่ตลอด ใหต้ ดั สทิ ธิ์ผกู้ ระทาผดิ แลว้ รายงานใหก้ รรมการ
ผชู้ ขี้ าดทราบทนั ที ซ่งึ กรรมการผชู้ ีข้ าดมีอานาจส่งั ใหผ้ กู้ ระทาผดิ ออกจากการแข่งขนั
17.กรรมการสนามและการอทุ ธรณ์
1. กรรมการผชู้ ขี้ าดเป็นผดู้ แู ลรบั ผดิ ชอบการแข่งขนั ทงั้ หมด
2. หากมกี ารแต่งตงั้ กรรมการผตู้ ดั สิน ใหม้ ีหนา้ ท่ีควบคมุ การแขง่ ขนั สนาม และบรเิ วณโดยรอบ
สนามแขง่ ขนั กรรมการผตู้ ดั สินตอ้ งรายงานตอ่ กรรมการผชู้ ีข้ าด
3. กรรมการกากบั การสง่ ลกู เป็นผขู้ าน เสีย สาหรบั การส่งลกู ท่ีผสู้ ง่ ลกู เป็นผกู้ ระทาผิด
(กติกาขอ้ 9)
4. กรรมการกากบั เสน้ เป็นผใู้ หส้ ญั ญาณ ดี หรือ ออก ในเสน้ เขตท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
5. การตดั สินใจเก่ียวกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทงั้ หมดของกรรมการสนามท่ีรบั ผิดชอบถือว่าสนิ้ สดุ
6. กรรมการผตู้ ดั สนิ จะตอ้ ง
28
- ควบคมุ การแขง่ ขนั ใหด้ าเนินไปภายใตก้ ฎกติกาอยา่ งเครง่ ครดั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การขาน เสยี
หรือ เอาใหม่ เม่ือมีกรณีเกิดขนึ้
- ตดั สินคาอทุ ธรณเ์ กี่ยวกบั การโตแ้ ยง้ ซง่ึ มขี นึ้ ก่อนการส่งลกู ครง้ั ต่อไป
- แน่ใจวา่ ผเู้ ล่นและผชู้ มไดท้ ราบถึงความคืบหนา้ ของการแข่งขนั
- แต่งตงั้ หรือถอดถอนกรรมการกากบั เสน้ หรือกรรมการกากบั การสง่ ลกู หลงั จากไดป้ รกึ ษากบั
กรรมการผชู้ ขี้ าดแลว้
- หากไม่มีการแตง่ ตงั้ กรรมการสนามอ่นื จะตอ้ งปฏบิ ตั ิหนา้ ท่นี นั้ ใหเ้ รียบรอ้ ย
- หากกรรมการสนามท่ีไดร้ บั การแตง่ ตงั้ มองไมเ่ หน็ ตอ้ งดาเนนิ การในหนา้ ท่ขี องกรรมการนนั้
หรือให้ “เอาใหม่”
- บนั ทกึ และรายงานต่อกรรมการผชู้ ขี้ าดทกุ เรื่องท่ีเก่ียวกบั กติกาขอ้ 16 และ
- เสนอคาอทุ ธรณท์ ่ไี มพ่ งึ พอใจในปัญหาเก่ียวกบั กติกาต่อกรรมการผชู้ ขี้ าด (คาอทุ ธรณด์ งั กลา่ ว
จะตอ้ งเสนอก่อนการสง่ ลกู ครง้ั ต่อไป หรือเม่ือการแขง่ ขนั สนิ้ สดุ ลงก่อนท่ีฝ่ายอทุ ธรณจ์ ะเดนิ
ออกจากสนาม)
29
อ้างองิ
ระบบ Rally Point
https://sites.google.com/site/tontarn9102558/prawati-baedmintan/ktika-baedmintan
มารยาทการเลน่ แบดมินตนั
https://sites.google.com/site/wwwbaetmintancom/prawati-bae-tmin-tan/ktika-khxng-
baedmintan/maryath-kar-len-baedmintan
ประวตั ิแบดมนิ ตนั ในต่างประเทศ
http://www.parwat.com/397
ประวตั แิ บดมินตนั ในประเทศไทย
https://sites.google.com/site/waranyapat090/prawati-baedmintan-ni-prathesthiy
อปุ กรณท์ ่ใี ชเ้ ลน่ กีฬาแบดมินตนั
https://sites.google.com/site/wwwbaetmintancom/prawati-bae-tmin-tan/ktika-khxng-
baedmintan/maryath-kar-len-baedmintan/xupkrn
ประโยชนข์ องกีฬาแบดมินตนั ในดา้ นต่างๆ
https://intrend.trueid.net/article/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9B%
E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C
%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%
80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8
%B2%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%
B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99-trueidintrend_58392