วรรณคดีไทย เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน กำ เนิดหนุมาน
หนุมาน นางสีดา แนะนำ ตัวละคร พระลักษณ์ พระราม
ทสกัณฐ์ พระอาทิตย์ พระอินทร์ สุครีพ พาลี แนะนำ ตัวละคร (ต่อ)
ณ ที่กรุงสาเกด ท้าวโคดมซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครอง เมืองแต่ไร้ทายาทสืบทอด เบื่อหน่ายโลกจึง ออกบวชเป็นฤาษีโคดมอยู่ในป่า บำ เพ็ญตบะปล่อย หนวดเครารุงรังจนมีนกกระจาบสองผัวเมียมา อาศัยเป็นที่ทำ รังหลับนอน วันหนึ่งนกกระจาบตัวผู้ ออกไปหากินทว่าติดอยู่ในกลีบดอกบัวทั้งคืน ต้อง รอจนรุ่งสางเมื่อดอกบัวผลิบานจึงบินออกมาได้ ครั้นกลับมาถึงรังก็มีปากเสียงกันเพราะแม่นกกระ จาบไม่เชื่อว่าพ่อนกติดอยู่ในดอกบัวจริง ฝ่ายพ่อ นกจึงร้องว่า “หากทั้งหมดที่ข้าพูดมานั้นเป็นเรื่อง โกหก ขอให้บาปทั้งมวลของพระฤาษีโคดมจงตก เป็นของข้าผู้เดียว”
พระฤาษีได้ยินก็สะดุ้งโหยง ถามกลับไปว่า “ฉันมีบาปตรงไหน ทุกวันนี้ฉันก็นั่ง บำ เพ็ญเพียรภาวนารักษาศีล ร่างกาย หนวดเคราของฉันก็ให้พวกเธอได้ใช้เป็น ที่พักพัพิง บอกฉันหน่อยสิ ว่าฉันมีบาป มหันต์อย่างไร” พ่อนกจึงตอบไปว่า “ท่านเป็นคนบาปเพราะท่านไม่มีโอรสธิดา ไว้เป็นทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ และ การที่ท่านละทิ้งบ้านเมืองมาอยู่ป่าเช่นนี้ก็ เท่ากับว่า ท่านได้ทิ้งนครของท่านไร้ กษัตริย์ปกครอง อย่างนี้จะเรียกว่าท่าน เป็นคนบาปได้หรือไม่ล่ะท่านฤาษี
พระโคดม และ นางกาลอัจนา พระฤาษีโคดมครุ่นคิดสักครู่ก็รู้ว่าจริงดั่งคำ ของพ่อนก บังเกิดความรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อเพศ ฤาษี จึงตั้งพิธีบริกรรมหน้ากองไฟ เนรมิตสาวงาม ชื่อนางกาลอัจนาขึ้นมาเพื่ออยู่กินกันฉันผัวเมีย จน ได้ลูกสาวคนหนึ่งชื่อนางสวาหะ วันหนึ่งขณะพระ โคดมเข้าป่าไปหาผลไม้ตามปกติทิ้งนางกาลอัจนา เฝ้าอาศรมผู้เดียว พระอินทร์เสด็จมาอยู่กับนาง กาลอัจนาเพื่อให้เกิดโอรสมีฤทธิ์ มีบุตรรูปงามผิวสี เขียว ฝ่ายพระอาทิตย์ก็เสด็จมาอยู่กับนางกาล อัจนาบ้างจนนางคลอดบุตรเป็นเด็กชายรูปงามผิว สีแดง พระโคดมนั้นคิดว่าเด็กชายทั้งสองเป็นลูก ของตนก็เฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมอย่างดี จนแทบจะ ลืมนางสวาหะลูกสาวคนโตเลยทีเดียว
อยู่มาวันหนึ่งพระโคดมเกิดร้อนอยากอาบน้ำ จึงพา ลูกทั้งสามไปริมฝั่งแม่น้ำ โดยอุ้มลูกชายคนเล็กไว้ ข้างเอว ลูกชายคนกลางให้ขี่หลัง ส่วนลูกคนโตซึ่ง คือนางสวาหะท่านจูงด้วยมือซ้ายเพราะเห็นว่าโต แล้ว นางสวาหะซึ่งรับรู้เรื่องราวทุกอย่างมาตลอด จึงบ่นขึ้นมาว่า “เชอะ…ทีลูกของคนอื่นล่ะเอาอุ้มชู ให้ขี่หลัง แต่กับลูกของตัวเองแท้ๆกลับให้เดินเอา เอง พระโคดมได้ฟังก็เกิดความสงสัยบังคับให้นาง สวาหะเล่าความจริงมาทั้งหมด
เมื่อรับทราบเรื่องราวก็ได้อธิษฐานว่า “เราจะจับพวกเจ้าทั้งสามโยนทิ้งลง แม่น้ำ หากใครไม่ใช่ลูกเราก็จงกลาย เป็นลิงขึ้นฝั่งเข้าป่าไป ส่วนลูกของเรา ก็ขอให้ว่ายน้ำ กลับมาหาเรา เมื่อกล่าว จบก็จับลูกทั้งสามโยนลงแม่น้ำ มีเพียง นางสวาหะว่ายกลับมาได้คนเดียว ส่วนลูกชายทั้งสองกลายเป็นลิงสี เขียวและสีแดงหายลับเข้าป่าไป พระ โคดมกลับมายังอาศรมด้วยความ โกรธจัดจึงสาปนางกาลอัจนากลาย เป็นหินรอพระนารายณ์อวตารมาขน ไปทิ้งทะเลเมื่อจะข้ามไปกรุงลงกา
นางสวาหะ นางกาลอัจนาคิดแค้นสวาหะลูกสาวของตนที่ ไม่รู้จักบุญคุณแม่จึงสาปให้ยืนตีนเดียวมือเหนี่ยวต้นไม้ อ้าปากกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาล จนกว่าจะออกลูกเป็น ลิงจึงพ้นคำ สาป ฝ่ายพระอินทร์และพระอาทิตย์ซึ่งเฝ้าดู เหตุการณ์ก็นึกสงสารในชะตากรรมของลูกชายจึงเนรมิต เมืองขีดขินให้โอรสทั้งสองได้อยู่ โดยโอรสพระอินทร์เป็น พญากากาศ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นพาลี) ตัวสีเขียว ส่วนโอรสพระอาทิตย์นั้นได้แต่งตั้งเป็นอุปราชมีชื่อว่า สุค รีพ ตัวสีแดง
ฝ่ายพระอิศวร(พระศิวะ)เมื่อทราบว่านางกาลอัจนาสาบ ลูกสาวให้ไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมที่เนินเขาจักรวาลก็ สงสารนางสวาหะ จึงสั่งให้พระพายเอาเทพอาวุธและ กำ ลังของพระองค์(กำ ลังพระศิวะ)ไปซัดเข้าปากนาง สวาหะให้มีลูกเป็นลิงโดยให้กระบองเพชรเป็นสันหลัง ตลอดหาง ตรีเพชรเป็นตัว มือและเท้า ให้จักรแก้วเป็นหัว เมื่อจะต่อสู้กับศัตรูก็ให้ชักเอาตรีเพชรที่อกออกมาได้ และ สั่งให้พระพายคอยดูแลนางสวาหะจนกว่าจะคลอด และ อนุญาตให้พระพายเป็นพ่อ (ถ้าดูดี ๆ พ่อของหนุมานน่่่่าจะ เป็นเพราะอิศวรมากกว่านะคะ)พระพายได้รับเอากำ ลัง และเทพอาวุธก็ขึ้นม้าเหาะไปยังเชิงเขาจักรวาล เอาเทพ อาวุธซัดเข้าไปในปากนางสวาหะตามเทวราชโองการ
นางสวาหะตั้งครรภ์อยู่ 30 เดือนก็ให้กำ เนิดโอรส ฤกษ์ พระอาทิตย์ปราศจากเมฆ วันอังคารเดือนสามปีขาล เวลา คลอดก็กระโจนออกมาจากปากแม่ เผือกผ่องไปทั้งกาย ตัวใหญ่เท่ากับอายุ 16 ปี แล้วก้เหาะขึ้นไปบนฟ้า มีรัศมีโชติ ช่วง มีกุณฑลขนเพชร เขี้ยวแก้ว หาวเป็นดาวเป็นเดือน มี แปดมือ สี่หน้า เมื่อสำ แดงฤทธิ์แล้วก็ลงมากราบแม่และ พระพายเพราะคิดว่าพระพายเป็นพ่อฝ่ายพระพายเมื่อเห็น ลิงน้อยสำ แดงฤทธิ์ก็ดีใจ ตั้งชื่อตามที่พระอิศวรสั่งไว้ว่า “หนุมาน”
แล้วพระพายก็ยังแบ่งพลังของตนให้หนุมานอีกด้วยฝ่าย นางสวาหะเมื่อคลอดลูกก็พ้นคำ สาป ตรงเข้าอุ้มลูกกอด จูบด้วยความรักสุดประมาณ กอดพลางก็รำ พันพัว่าเกิด มาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันจะต้องจากไป ไม่มีอะไรจะให้ลูก สั่ง หนุมานว่าสำ หรับกุลฑลขนเพชรนั้นถ้ามีใครทัก ท่านนั้น คือพระนารายณ์อวตารลงมาเพื่อฆ่ายักษ์ จงสวามิภักดิ์ กับท่านผู้นั้นหนุมานรับพรจากพระพายและฟังคำ สั่งแม่ แล้วก็ลาพระพายและแม่ไป หิวก็เก็บผลไม้กินตามประสา โดยไม่รู้ว่าสวนนั้นเป็นของใคร
มาถึงสวนของพระอุมา หนุมานก็เข้าไปหักกิ่งไม้บ้าง เด็ด กินบ้างประสาลิงซน พระอุมาเห็นลิงน้อยเผือกผ่องเข้ามา ซุกซก็เกรี้ยวกราดตวาดว่า”ดูดู๋เจ้าลิง เหตุใดเอ็งจึงมาหัก กิ่งไม้ในสวนของเราผู้เป็นแม่ของโลก เราจะสาปเจ้าให้ กำ ลังลดลงครึ่งหนึ่งให้สมกับที่อวดดี”พอได้ยินคำ สาป หนุมานก็ตกใจ รีบก้มลงกราบแล้วทูลว่า “อันตัวข้าเป็นลิง น้อยหาได้รู้สิ่งใดผิดสิ่งใดชอบ และไม่รู้ว่าเป็นสวนของเทพ มารดานึกว่าเป็นป่า
ไม่ได้คิดจะหมิ่นบาทยุคล ขอพระแม่โปรดปราณีข้าเถิด”พระ อุมาพอได้ฟังก็พูดว่า “เจ้าลิงน้อย อันคำ ของเรานั้นเป็น วาจาสิทธิ์ แต่เมื่อเจ้ารู้จักรับผิดเราก็จะให้อภัย เมื่อใดพระ นารายณ์อวตารเป็นพระรามแล้วเอามือลูบหลังจนถึงหาง เจ้า เจ้าก็จะพ้นคำ สาบนี้มีกำ ลังดังเดิมหนุมานต้องคำ สาป แล้วก็ลาพระอุมาไปเรื่อย ๆ ฝ่ายพระพายเพิ่งนึกได้ว่ายัง ไม่ได้พาหนุมานฝากเนื้อฝากตัวกับพระอิศวรก็เหาะมาพาห นุมานไปเฝ้าพระอิศวรแล้วทูลว่า
“นี่คือหนุมานลูกนางสวาหะพระเจ้าข้า”พระอิศวรเห็น วานรน้อยมีท่วงทีแข็งแรงเหมาะจะเป็นทหารพระ นารายณ์ก็ดีใจ จึงสอนคาถามมหามนต์แปลงกายหายตัว ให้คาถานะจังงัง ร่างกายคงทนและอวยพรให้อายุยืนชั่ว กัลปาวสานเมื่อถูกฆ่าตายแล้วลมพัดพัมาก็ให้ฟื้นได้
“หนุมานเรียนเวทย์วิทยาจนชำ นาญ คอยติดตามพระ อิศวรจนหนุมานมีฤทธิ์มากแล้ว พระอิศวรก็คิดว่าพระยา กากาศ (พาลี) และพระยาสุครีพ เป็นน้องของแม่หนุมาน นั้นยังไม่มีลูกซึ่งมีฤทธิเยอะอย่างนี้ ก็เลยคิดจะส่งหนุมาน กับชมพูพานไปอยู่เมืองขีดขิน คิดแล้วก็สั่งให้พระยากา กาศและสุครีพเข้าเฝ้า เมื่อทั้งสองมาเข้าเฝ้า พระอิศวรก็ บอกว่าหนุมานเป็นหลานของทั้งสอง มีพระพายเป็นพ่อ และชมพูพานที่พระอิศวรชุบขึ้นด้วยเหงื่อไคลสรรพยา วิเศษ จึงขอฝากไปเลี้ยง เวลาพระนารายณ์ไปปราบยักษ์ หากพลาดท่าเสียทีจะได้ช่วยกันแก้ไขพระยากากาศก็รับ หลานและชมพูพานไปอยู่ที่เมืองขีดขินและดูแล
จบตอน.....