The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาฏศิลป์พื้นเมืองของไทยในแต่ละท้องถิ่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by SU DA, 2022-09-23 02:19:02

นาฏศิลป์พื้นเมืองของไทยในแต่ละท้องถิ่น

นาฏศิลป์พื้นเมืองของไทยในแต่ละท้องถิ่น

นาฏศิลป์ พื้ นเมืองของ
ไทยในแต่ละท้องถิ่น

นาฏศิลป์ ไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ




by Cholticha Kutsena



คำนำ

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน นาฏศิลป์ เล่มนี้
จัดทำขึ้นรูปแบบ E-Book (Electronic Book)

สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสื่อสำหรับใช้ประกอบการเรียน
การสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้
ศิลปะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยเนื้อหาตรงตาม

สาระการเรียนรู้แกนกลางขั้นพื้นฐาน อ่านเข้าใจง่าย
ให้ทั้งความรู้และช่วยพัฒนาตามหลักสูตรและตัวชี้วัด
เนื้อหาสาระแบ่งออกเป็นหน่วยการเรียนรู้ตาม
โครงสร้างรายวิชา สะดวกแก่การจัดการเรียนการ
สอนและการวัดผล พร้อมเสริมองค์ ประกอบอื่นๆที่
จะช่วยทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างมีประสิทธิภาพ



สารบัญ

เรื่อง หน้า

คำนำ.........................................................ก
สารบัญ......................................................ข
สารบัญ(ต่อ)................................................ค
สารบัญภาพ................................................ง
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด........................................จ
จุดประสงค์การเรียนรู้..................................ฉ
แบบทดสอบก่อนเรียน...............................1-4
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน..........................5

บทที่2 การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง.................6

ภาคเหนือ.....................................7-9

ภาคกลาง..................................10-12


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ............13-15

ภาคใต้.......................................16-17
การแสดงนาฏศิลป์ พื้ นเมือง...........................18
ประวัติความเป็ นมาเพลงสี่ภาคของไทย.........19
เนื้ อร้องเพลงสี่ภาค.......................................20



สารบัญ(ต่อ)

เรื่อง หน้า

คิวอาร์โค้ด.................................................21
อธิบายท่ารำ...........................................22-31
แบบทดสอบหลังเรียน............................32-35
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน.........................36
บรรณานุกรม.............................................37

ประวัติผู้จัดทำ............................................38



สารบัญภาพ

เรื่อง หน้า

ภาพที่1 ทำนอง.........................................22
ภาพที่2 ทำนอง.........................................22

ภาพที่3 นาฏศิลป์ไทย...................................23

ภาพที่4 เป็นเอกลักษณ์ไทย...........................23
ภาพที่5 จำไว้เถิดหนา...................................24

ภาพที่6 ของมีคุณค่าทั้งนั้น............................24


ภาพที่7 ให้รีบพลันกันเพีย
ง...........................25

ภาพที่8 นาฏศิลป์พื้นเมือง.............................25

ภาพที่9 สี่ภาคของไทย..................................26
ภาพที่10 ไม่น้ อยหน้ าใครเอ่อ.........................26

ภาพที่11 ทางภาคเหนือข
องไทย....................27

ภาพที่12 ฟ้ อนเล็บนั่นไง.................................27

ภาพที่13 ฟ้ อนสาวไหมด้ว
ยนะเอ่อ...................28

ภาพที่14 ฟ้ อนรำวงเพลงอีแซว........................28
ภาพที่15 เป็นของภาคกลาง............................30
ภาพที่16 อยากให้นางชื่นใจ.............................30
ภาพที่17 รำโนราห์ของภาคใต้..........................31
ภาพที่18 ทางอีสานเซิ้งบั้งไฟ............................32
ภาพที่20 คงถูกใจจริงเอย.................................32



มาตรฐาน/ตัวชี้วัด

มาตรฐาน ศ 3.1

เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์ อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์
วิจารณ์ คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม
และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

ตัวชี้วัด

ศ 3.1 ม.4-6
ใช้ความคิดริเริ่มในการแสดงนาฏศิลป์ เป็นคู่และหมู่



จุดประสงค์ การเรียนรู้

1. อธิบายความหมายของการแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมือง

ของไทยแต่ละท้องถิ่น
2. มีทักษะในการวิเคราะห์ ท่าทางและการ
เคลือ่ นไหวของผู้คนในชีวิตประจำวันและนำมา
ประยุกต์ใช้
3. ปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน

1

แบบทดสอบก่อนเรียน

คำสั่ง : ให้นักเรียนเลือกข้อที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว

1. การแสดงพื้นเมืองเป็นการแสดงที่สะท้อนออกมาในรู ปแบบ
ใดชัดเจน

ก. การทำมาหากินของคนในท้องถิ่น
ข. การแต่งกายของคนในม้องถิ่น
ค. ลีลา จังหวะการเดิน การยืน อากัปกิริยาของคนในท้องถิ่น


ง. ความสวยงามของสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น

2. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนาฏศิลป์พื้นเมือง

ก. สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น

ข. ไม่มุ่งเน้ นแบบแผนที่ป
ระณีต

ค. ไม่สามารถปรับเปลี่ยนท่ารำได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก

3. การแสดงชุดใดเป็นการแสดงถึงภูมิปํญญาในการประกอบ
อาชีพในท้องถิ่น

ก. ฟ้ อนภูไท
ข. ฟ้ อนเล็บ
ค. ฟ้ อนเทียน
ง. ฟ้ อนสาวไหม

2

4. ศิลปะการแสดงที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของภาคกลาง
ได้แก่การแสดงใด

ก. ฟ้ อนสาวไหม
ข. ระบำเก็บใบชา
ค. การละเล่นเพลงเกี่ยวข้าว
ง. เซิ้งแหย่ไข่มดแดง

5. "เถิดเทิง หรือเทิ่งบอง" เป็นชื่อเรียกตามเสียงกลองที่ได้ยิน ใช้
ประกอบการแสดงในภูมิภาคใด

ก. ภาคเหนือ
ข. ภาคกลาง
ค. ภาคอีสาน

ง. ภาคใต้


6. เซิ้งของทางภาคอีสานมีจังหวะรวดเร็วเร่งรีบเพราะได้รับ

อิทธิพลจากอะไร

ก. ดนตรีที่รวดเร็ว สนุกสนาน
ข. เครื่องแต่งกายที่สั้น เคลื่อนไหวได้ง่าย
ค. ภูมิอากาศ และวืถีชีวิตของชางภาคอีสาน
ง. ภาษาพูดท้องถิ่นของชาวอีสาน

3

7. การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานส่วนใหญ่ มีลักษณะการ
เคลื่อนไหวร่างกายเป็นอย่างไร

ก. เชื่องช้า นุ่มนวล เนิบนาบ
ข. รวดเร็ว กระฉับกระเฉง
ค. เชื่องช้าสลับกับรวดเร็ว
ง. นุ่มนวลสลับกับกระฉับกระเฉง

8. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนาฏศิลป์พื้นเมือง

ก. สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น
ข. ไม่มุ่งเน้ นแบบแผนที่ประณีต
ค. ไม่สามารถปรับเปลี่ยนท่ารำได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก

9. ระบำพื้นเมืองของภาคใต้ เด็ดขาด คมชัด เพราะได้รับ
อิทธิพลจากอะไร

ก. ดนตรีที่ชัดเจน รวดเร็ว ใช้กลองแขกและรำมะนาเป็นหลัก
ข. ภาษาพูดที่รวดเร็ว
ค. วัฒนธรรมผสมระหว่างไทยกับมลายู
ง. ดินแดนชายทะเล ทำให้ศิลปะแสดงออกถึงคลื่นลมพายุที่
รุนแรง

4

10. ภาพต่อไปนี้คือท่าท่อนใด

ก.นาฏศิลป์ ของไทย
ข.ฟ้ อนเล็บนั่นไง
ค.ทางอีสานฟ้ อนบั้งไฟ
ง.อยากให้นางชื่นใจ

5

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน

1.ค 2.ง 3.ง 4.ค 5.ข
6.ค 7.ข 8.ค 9.ค 10.ข

6

บทที่ 2

การแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมืองของไทยในแต่ละท้องถิ่น

การแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมือง เป็นการแสดงที่เน้ นความเป็น
เอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น ท่ารำ เพลงร้องและดนตรีได้รับการสั่งสม
สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งคิดประดิษฐ์ท่ารำขึ้นจากพื้นฐาน
ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การแต่งกายจะแต่งตามลักษณะของท้อง
ถิ่น

สังคมชาวบ้าน เป็นสังคมเกษตรกรรมอาศัยธรรมชาติเลี้ยงชีพ จึงมี
พิธีกรรมการละเล่นเพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ สะท้อนออกมาเป็น
ศิลปะพื้นบ้าน เช่น ภาคเหนือ ลักษณะการแสดงจะเชื่องช้า ได้แก่
ฟ้อนต่างๆ ภาคกลางจะเน้ นที่ลำนำการขับกลอน ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือจะมีจังหวะคึกคัก กระฉับกระเฉง แสดงออกให้เห็นความสุข
สนานร่าเริง ภาคใต้จะเน้ นที่จังหวะเป็นสำคัญ เป็นต้น

การแสดงพื้นเมืองของไทยแต่ละท้องถิ่น จะสะท้อนให้เห็นศิลปะ
วัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์ ประจำท้องถิ่น ตลอดจนจิตวิญญาณ
ของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่นว่ามีลักษณะอย่างไร ดังนั้น การแสดง
พื้นเมืองแต่ละภาค จึงมีลีลาการแสดงที่แตกต่างกัน ซึ่งการแสดงพื้น
เมืองในแต่ละภาค

7

2.1 การแสดงนาฏศิลป์ พื้ นเมืองภาคเหนือ

การแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมืองภาคเหนือ เรียกว่า ฟ้อน ภาคเหนือมี
ดารฟ้อนที่แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มฟ้อนแบบเดิม และกลุ่มฟ้อนที่ได้
รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมหลวง
1) กลุ่มฟ้อนแบบดั้งเดิม ช่างฟ้อนเป็นชาวบ้าน ทำหน้ าที่สืบทอด
ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาหลายชั่วอายุคน ลีลาท่าทางฟ้อนไมา
เคร่งครัดต่อระเบียบแบบแผนหนัก เป็นการเลียนแบบการเคลือ่ นไหว
ของมนุษย์แตกต่างกันไปตามเผ่าพันธุ์ และความเชื่อของกลุ่มชนนั้นๆ
เช่น ฟ้อนเงี้ยวของไทยใหญ่ ฟ้อนม่านของพม่า เป็นต้น
2) กลุ่มฟ้อนที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมหลวง ผู้ฟ้อนจะเป็นเจ้า
นายเชื้อพระวงศ์ ฝ่ายใน จะฟ้อนเฉพาะงานที่สำคัญในเขตพระ
ราชฐาน อาทิ การต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในคุ้มเจ้าหลวง ลักษณะ
ลีลาท่าฟ้อนมีระเบียบแบบแผน ประณีต งดงาม ถ่ายทอดมาจากราช
สำนักในที่นี้จะขอยกตัวอย่างของฟ้อนทางภาคเหนือ คือ ฟ้อนเล็บ
มาให้นักเรียนได้ศึกษา

8

ฟ้ อนเล็บ

1. ที่มาและวิวัฒนาการ

ฟ้อนเล็บ เป็นการฟ้อนของชาวไทยภาคเหนือเป็นศิลปะการแสดงที่
เป็นเอกสักษณ์ ของภาคเหนือโดยเฉพาะ รูปแบบการฟ้อนมี ๒ แบบ
คือ แบบพื้นเมือง และแบบคุ้มเจ้าหลวงการแสดงฟ้อนเล็บที่แพร่หลาย
อยู่ในทุกวันนี้ กรมศิลปากรได้ร่บรูปแบบการฟ้อนมาจากคุ้มเจ้าดารารัศมี
และถ่ายทอดให้คณะละครหลวงสมโภขช้างเผือกในวิทยาลัยนาฏศิลป์
เพื่อเป็นการสืบทอดกันต่อไปปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแสดง

2.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแสดง

1.สภาพทางภูมิศาสตร์ ภาดเหนือ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา
อุดมสมบูรณ์ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีพันธุ์ไม้ที่สวยงามนานาชนิด
ส่งผลให้ชาวเหนือมีจิตใจเบิกบาน ยิ้มแย้ม แจ่มใส นาฎศิลป์ พื้น
เมืองของภาคเหนือจึงมีลีลาเชื่องช้า นุ่มนวล ละเมียดละไม
2.ขนบธรรมเนียมประเพณี นาฎศิลป์ พื้นเมืองจะสะท้อนรูปแบบของ
ขนบธรรมเนียมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ลีลาท่าฟ้อน
การแต่งกาย คนตรีพื้นบ้าน สืบทอดมาจากภูมิปัญญาของปราชญ์ท้อง
ถิ่น เพื่อให้ลูกหลานได้เห็นร่องรอยแก่นแท้ของขนบธรรมเนียม
ประเพณีในท้องถิ่นของตน แต่โอกาสในการแสดงจะแตกต่างกันไป
ตามกลุ่มวัฒนธรรมท้องถิ่น
3.ค่านิยมและความเชื่อ วิถีชีวิตของชาวบ้านผูกพันอยู่กับค่านิยม
ความเชื่อ ความศรัทธา
ในศาสนา ชาวบ้านจึงใช้การแสดงประจำท้องถิ่นของตนขึ้นเพื่อสนอง
ความต้องการทางจิตใจ การแสดงพื้นเมืองทางภาคเหนือจะแสดงเป็น
ประจำในงานบุญ และงานต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
4.วัฒนธรรมต่างชาติ การแส่ดงพื้นเมืองได้รับอิทธิพลบางส่วนจาก
เพื่อนบ้าน สำหรับนาฏศิลป์ พื้นเมืองของภาคเหนือ ได้รับอิทธิพลบาง
ส่วนจากพม่า เช่น การแต่งกาย ท่ารำ เพลงร้อง ดนตรี เป็นต้น

9

3.โอกาสที่นำการแสดงไปใช้

ใช้แสดงโอกาสที่สำคัญๆ หรือแสดงในงานมงคลต่างๆ เช่น
งานสมโภช งานต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง งานบุญต่างๆ วัน
สงกรานต์ งานแห่ครัวทาน เป็นต้น และเผยแพร่ให้ประชาชนได้ชม
ทั่วไปปัจจุบันการแสดงฟ้อนเล็บนำมาแสดงในทุกโอกาสที่เป็นงาน
สังสรรค์ รืน่ เริงทั่วไป

4. การแต่งกาย

ผู้ฟ้อนจะแต่งกายโดยสวมเสื้อแขนยาว นุ่งผ้าซิ่นมี
เชิงยาว กรอมเท้า ห่มสไบเกล้าผมมวยสูง ทัดดอกไม้
ห้อยอุบะปล่อยชายลงข้างแก้ม สวมเล็บยาวทุกนิ้ว
ยกเว้นหัวแม่มือถ้าเป็นแบบแผนของคุ้มเจ้าหลวง ผู้ฟ้อน
ต้องสวมกำไลเท้าด้วย

10

2.2 การแสดงนาฏศิลป์ พื้ นเมืองภาคกลาง

การแสดงนาฏศิลป์ หรือการละเล่นพื้นเมืองภาคกลางมีหลาย
ประเภท แต่ละประเภทจะเล่นกันในหน้ าเทศกาลบ้าง เล่นกันใน
งานรืน่ เริงทั่วๆไปบ้าง บางประเภทเป็นการร้องโต้ตอบกันอาทิ
เพลงเรือ ลำตัด การแสดงพื้นเมืองที่นิยมเล่นกัน เช่น ลิเก รำวง
เต้นกำรำเคียว กลองยาว เป็นต้น ในที่นี้จะกล่าวถึงการแสดงพื้น
เมืองที่เรียกว่า กลองยาว เพื่อจะได้ทราบไว้เป็นแนวทางในการ
ศึกษา ดังนี้

รัำกลองยาว

1.ที่มาและวิวัฒนาการ

รำกลองยาว มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น เถิดเทิง เทิ่งบองกลองยาว
เป็นการเล่นที่มีวงกลองยาวเป็นหลัก ใช้ลีลาท่าทางการรำประกอบ ซึ่งไม่ได้ยึดแบบ
ในการร่ายรำมากนัก กลองยาวมีผู้สันนิษฐานว่าตอนปลายสมัยอยุธยา พม่าเข้ามาตั้ง
ค่ายทำศึกสู้รบกับคนไทยเวลาว่างพวกทหารพม่าก็เล่นกลองยาวกันคนไทยเห็นว่า
เป็นการเล่นที่สนุกสนาน กลองยาวของไทยก็มีอยู่ จึงนำมาปรับปรุงเป็นการเล่นพื้น
บ้านของภาคกลางนับตั้งแต่นั้นการเล่นกลองยาวแบบชาวบ้าน การแสดงเริ่มด้วยการ
โห่สามลา รัวกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง๓ ครั้ง ต่อจากนั้นจะตีกลองยาว
ประกอบท่ารำ ผู้รำจะมีทั้งชายและหญิงลักษณะการรำไม่มีการกำหนดรูปแบบเป็นการ
รำยั่วเย้ากระเช้าเย้าแหย่กันตามธรรมชาติ เพื่อความสนุกสนาน ในขบวนกลองยาว
บ้างโอกาสก็นำการแสดงอย่างอื่นเข้ามาประกอบ เช่น หัวโต หัวแกละ เป๊ ะยิ้ม
หยอกล้อผู้ชมเพื่อเพิ่มความครึกครื้นนิยมแสดงในงานนักขัตฤกษ์ต่างๆ รวมทั้งแสดง
ในการเข้าขบวนแห่นาค แห่ผ้าป่า กฐิน และขันหมาก เป็นต้น

11

2.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแสดง

1.สภาพทางภูมิศาสตร์ ภาคกลางมีภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำหลาย
สายไหลผ่าน ผู้คนมีวิถีชีวิตสุขสบาย จึงมีเวลาคิดประดิษฐ์การแสดงเพื่อ
เล่นในงานรืน่ เริงหรือเล่นในโอกาสตามฤดูกาลตามเทศกาลต่างๆ ภาค
กลางเป็นที่รวมของศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นมากมาย จึงเป็น
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการแสดงพื้นเมืองขึ้นและดัดแปลงต่อมาจนกลาย
เป็นนาฏศิลป์ แบบฉบับ
2. ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเล่นกลองยาว
ซึ่งนิยมในขบวนแห่นาค เพราะเป็นธรรมเนียมว่าชายไทยทุกคนเมื่อ
มีอายุครบกำหนดต้องบวชเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
และสืบทอดพระศาสนา หรือเล่นในขบวนแห่ขันหมาก เป็นต้น
3. ค่านิยมและความเชื่อ วิถีชีวิตของชาวบ้านผูกพันอยู่กับงานบุญ อาทิ
งานทอดกฐิน ผ้าป่า เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการแสดงกลอง
ยาวในขบวนแห่
4.วัฒนธรรมต่างชาติ กลองยาวได้รับอิทธิพลมาจากพม่า

3.โอกาสที่นำการแสดงไปใช้

กลองยาวแบบพื้นบ้านดั้งเดิม นิยมเล่นในวันสงกรานต์
และร่วมในขบวนแห่ ได้แก่ ขบวนแห่ขันหมาก
ในพิธีแต่งงาน ขบวนแห่นาค ขบวนแห่ในการฉลององค์ กฐิน
และงานเฉลิมฉลองต่างๆ ของชาวบ้าน
นอกจากนี้ การแสดงกลองยาวที่ได้รับการปรับปรุงจากกรม
ศิลปากร ก็มีการจัดแสดงเผยแพร่ ให้ประชาชน
ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชมด้วย เพื่อเป็นการนุรักษ์
ศิลปะพื้นเมืองของภาดกลางไว้อีกทางหนึ่ง

12

4.การแต่งกาย

ชาย สวมเสื้อคอกลม กางเกงสามส่วน มีผ้าโพกศีรษะ และ
ผ้าคาดเอว
หญิง สวมเสื้อแขนยาวคอตั้ง นุ่งผ้าถุง ห่มสไบทับเสื้อ เครือ่ ง
ประดับ มีเข็มขัดสร้อยดอ ต่างหู สร้อยตัว ทัดดอกไม้

ลีลาท่ารำ เริ่มด้วยฝ่ายชายซึ่งเป็นผู้นำสะพายกลองยาวรำคู่
กับผู้แสดงฝ่ายหญิงในลีลาการร่ายรำนั้น จะมีการตีกลองยาว
สลับกันไปด้วย โดยมีผู้ตีเครือ่ งประกอบจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง
ฉาบ กรับ โหม่ง เพื่อให้เกิดความครื้นเครงสนุกสนานมากยิ่ง
ขึ้น

13

2.3 การแสดงนาฏศิลป์ พื้ นเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ
อีสาน มีหลายชนิดแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมท้องถิ่น โดย
หลักใหญ่จำแนกออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มอีสานเหนือ ใน
ภาคอีสานยกเว้นสามจังหวัดในกลุ่มอีสานใต้ คือ จังหวัดบุรีรัมย์
สุรินทร์และศรีสะเกษ กลุ่มอีสานเหนือมีการแสดงพื้นเมือง เช่น
เซิ้งบั้งไฟ หมอลำ เป็นตัน กลุ่มอีสานใต้มีการแสดงพื้นเมือง
คือเรือมอันเร กันตรึม
เซิ้ง เป็นการแสดงที่กระฉับกระเฉง สนุกสนาน เช่น เซิ้ง
โปงลาง เซิ้งสวิง เซิ้งกระหยัง เจิ้งกระติบข้าว เซิ้งแหย่ไข่
มดแดง เป็นตัน สำหรับการแสดงนาฏศิลปีพื้นเมืองภาคตะวัน
ออกเฉียงเหนือ นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับ เซิ้งกระดิบข้าว

14

เซิ้งกระติบข้ าว

1.ที่มาและวิวัฒนาการ

เซิ้งกระติบข้าว เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวภูไท ซึ่งเป็น
ชาวไทยเผ่าหนึ่งที่มีเชื้อสายสืบต่อกันมาช้านานในดินแดนทางภาค
อีสานของไทย เช่น ในเขตจังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม
"เซิ้งกระติบข้าว"เริ่มแพร่หลายไปในจังหวัดอื่นๆ และเป็นที่นิยมกัน
ในกรุงเทพมหานคร กรมศิลปากร

ได้ติดต่อกับผู้นำท้องถิ่น ในจังหวัดสกลนคร ให้จัดหาครูเข้ามาสอน
ศิลปินของกรมศิลปากร เพื่อเตรียม

ไว้แสดงต้อนรับพระราชอาดันตุกะที่จะมาเยือนประเทศไทย

2.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแสดง

1.สภาพทางภูมิศาสตร์ ภาคอีสาน ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง อาชีพ
ของผู้คนเกี่ยวข้องกับการทำนา เซิ้งชุดนี้จึงสื่อถึงอาชีพของผู้คนโดยฝ่าย
หญิงจะนำข้าวเหนียวที่บรรจุอยู่ในกระติบไปให้ฝ่ายชายที่ออกไปทำนา
2.ขนบธรรมเนียมประเพณี แสดงออกด้วยชุดแต่งกายของผู้รำหญิง
กระติบข้าวเหนียวสะพายข้างตัว ท่ารำบางตอนสะท้อนให้เห็นวิธีการหยิบ
ข้าวเหนียวมาบริโภคและการเช็ดมือ
3.ค่านิยมและความเชื่อ ผู้หญิงจะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองในขณะที่ผู้ชาย
ออกไปทำนา ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านก็ต้องเตรียมข้าวปลาอาหารนำไปส่งให้
ฝ่ายชาย และเนื่องจากผู้คนในภาคอีสานชอบบริโภคข้าวเหนียว เซิ้งชุด
นี้จึงสื่อถึงอาหารที่เป็นข้าวเหนียวด้วย
4.วัฒนธรรมต่างชาติ ได้รับอิทธิพลบางส่วนมาจากลาว

15

3.องค์ ประกอบที่ใช้ในการแสดง

1.ลีลาท่าเซิ้ง เซิ้งกระติบข้าวจะมีลีลาที่แสดงถึงการเดินทางด้วย
ความสนุกสนานเพื่อนำกระติบข้าวไปส่งให้ฝ่ายชายที่กำลังทำนา
ท่ารำจะสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน ในเรือ่ งอาหารการ
กิน
2.เครือ่ งดนตรี ประกอบด้วย แคน กรับ กลอง โหวด โปงลาง
และพิณ ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือ่ ง
ดนตรีพื้นเมืองอีสาน

4.การแต่งกาย

เซิ้งกระติบข้าวเป็นชุดที่ผู้หญิงแสดงล้วน การแต่งกายจะแต่ง
แบบพื้นเมืองภาคอีสาน โดยนุ่งผ้าซิ่นมีเชิงคลุมเข่าเล็กน้ อย
เสื้อแขนกระบอก คอกลม มีสไบห่มทับเสื้อ สวมสร้อยคอ ทำ
ด้วยโลหะ มีกำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า และต่างหู ทำด้วยโลหะสี
เงิน เกล้าผมสูง ทัดดอกไม้ สะพายกระติบข้าวเหนียวข้างตัว

16

4. การแสดงนาฏศิลป์ พื้ นเมืองภาคใต้

การแสดงนาฎศิลป์ พื้นเมืองภาคใต้สะท้อนให้เห็นค่านิยมที่ดินในทัอง
ถิ่นไว้การฝึกฝนและด้วยเหตุอบรมให้เคารพกติกาของสังคม ที่มีบทบาทต่อ
ความเชื่อ พิธีกรรม เช่น หนังตะลุงที่ภาคใด้มีวัฒนธรรมมุสลิม ซึ่งไม่นิยม
ให้สตรีเข้าสังคมกับสุภาพบุรุษในยุดแรกๆ การแสดงจึงจำกัดอยู่เฉพาะสตรี
ต่อมาเมื่อรับวัฒนธรรมตะวันตก จึงมีการแสดงร่วมกันระหว่างชาย-หญิง
เช่นการเต้นรองเง็ง ซัมเปง แต่ลักษณะในการเต้นยังไม่มีการจับคู่แบบ
ตะวันตก เป็นแค่เพียงชายและหญิง ต่างคนต่างเดิน โดยไม่ถูกเนื้อต้อง
ตัวกัน
การแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมืองภาคใต้มีหลายชนิด แต่ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะ
นาฏศิลป์ พื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นเพื่อเป็นตัวอย่าง คือ การเต้น
รองเง็ง

รองเง็ง

1.ที่มาและวัฒนาการ

รองเง็ง แต่เดิม เป็นการละเล่นของชาวมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียได้รับ
อิทธิพลจากตะวันตก โดยเฉพาะสเปน และโปรตุเกสที่มาติดต่อค้าขายกับ
ชาวมลายู
การแสดงรองเง็ง แต่เติมจัดแสดงเฉพาะในบ้านขุนนางหรือเจ้าผู้ครองเมือง
เท่านั้น โดยฝึกหัดการเต้นเอาไว้ต้อนรับแขก ต่อมาค่อยๆ แพร่หลายออก
ไปสู่ชาวบ้านโดยผ่านการแสดงมะโย่งของชาวบ้าน เมื่อหยุดพักก็นำการเต้น
รองเง็งออกมาคั่นเวลาผู้แสดงมะโย่งก็อาจรวมเต้นด้วย ทำให้การเต้น
รองเง็ง แพร่หลายขึ้น ต่อมาประเพณีการแสดงรองเง็งก็เปลี่ยนไปเปิด
โอกาสให้ผู้ชมที่เป็นผู้ชายขึ้นไปเต้นด้วยเช่นเดียวกับรำวงของภาคกลาง

2.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแสดง 17

1.สภาพทางภูมิศาสตร์ ภาคใต้ภูมิประเทศติดต่อกับมลายู นาฏศิลป์ พื้นเมือง
จึงรับเอาศิลปะการแสดงของมลายูมาผสมผสานกับนาฎศิลปในท้องถิ่น จึง
ส่งผลให้นาฎศิลป์ พื้นเมืองภาคใต้ มีลักษณะเป็นการเต้นรำตามจังหวะ
ดนตรี ซึ่งเนันลีลาการเคลือ่ นไหวมือและเท้าเป็นหลัก
2.ขนบธรรมเนียมประเพณีลักษณะการเต้นรองเง็งจะออกมาในรูปแบบที่
ชายกับหญิงต่างคนต่างเต้น เพราะประเพณีของอิสลามจะไม่นิยมให้ชาย
กับหญิง ถูกเนื้อต้องตัวกัน
3.ค่านิยมและความเชื่อ การเต้นรองเง็งจะแสดงเฉพาะงานมงคลเท่านั้นง
จะแสดงเฉพาะงานมงคลเท่านั้น
4.วัฒนธรรมต่างชาติ ได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซียและตะวันตก

3.องค์ ประกอบที่ใช้ในการแสดง

1.จำนวนผู้แสดง แต่ละคณะไม่จำกัดจำนวนผู้เต้น อาจจะมากกว่า ๔ ดู่ ก็ได้
2.เครือ่ งดนตรี ประกอบด้วย ไวโอลิน ๑ ตัว รำมะนา ๑-6 ลูก และฆ้อง ๑
ลูก

3. ท่าเต้นรองเช็ง แต่เดิมมีลีลาค่อนข้างช้า ปานกลาง ต่อมานำเอาจังหวะ
เต้นรำเข้าไปปะปน เช่นจังหวะรุมบัา แชมบ้า กัวลาชา และนำดนตรีสากล
เข้าไปผสมด้วย เพิ่มความสนุกสนานครึกครื้นมากขึ้น
เครือ่ งแต่งกายสวยงาม ประณีต

4.การแต่งกาย

ชาย สวมเสื้อคอกลมแขนยาว จะเป็นผ้าชุดเดียวกับกางเกง นุ่งผ้าโสร่งเนื้อดี
มีเส้นลายสีทอง
สลับดูแวววาว โดยโสร่งจะพับทบสูงพอดีเข่า ปล่อยให้กางเกงยาวลงมาถึงข้อ
เท้า
หญิง นุ่งผ้าปาเต๊ะ ยาวกรอมเท้า สวมเสื้อผ้าลูกไม้โปร่งบาง มีผ้าคล้องคอ ไม่
สวมรองเท้า
แต่ปัจจุบันอาจมีการสวมรองเท้าแล้วแต่โอกาสและสถานที่

18

การแสดงนาฏศิลป์ พื้ นเมือง

การแสดงนาฏศิลป์ พื้นเมือง เป็นการแสดงที่เน้ นความเป็น

เอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น ท่ารำ เพลงร้องและดนตรีได้รับการสั่งสม
สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งคิดประดิษฐ์ท่ารำขึ้นจากพื้นฐาน

ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การแต่งกายจะแต่งตามลักษณะของท้อง
ถิ่น

จะสะท้อนให้เห็นศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์ ประจำ
ท้องถิ่น ตลอดจนจิตวิญญาณของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่นว่ามีลักษณะ
อย่างไร ดังนั้น การแสดงพื้นเมืองแต่ละภาค จึงมีลีลาการแสดงที่แตก
ต่างกัน ซึ่งการแสดงพื้นเมืองในแต่ละภาค

19

ประวัติความเป็ นมา เพลงสี่ภาคของไทย

เพลงสี่ภาคของไทย เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชานาฏศิลป์ เท่านั้น
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เกี่ยวกับการแสดงพื้นเมืองเน้ นความ
เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น แต่งตามลักษณะของท้องถิ่น ซึ่งคิด
ประดิษฐ์นำทางนาฏศิลป์ ขึ้นใหม่ เพื่อให้ผู้เรียนมีความสนใจ
ในการเรียน

20

เนื้อร้ อง เพลง สี่ภาคของไทย

นาฎศิลป์ ของไทยเป็นเอกลักษณ์ ไทยจำไว้เถิดหนา(ซ้ำ)
ของมีคุณค่าทั้ งนั้ นให้รีบพลั่นกันเพียง
นาฏศิลป์ พื้นเมืองสี่ภาคของไทยไม่น้ อยหน่าใครนะเอ่อ…
ทางภาคเหนือของไทยฟ้อนเล็บนั่นใงฟ้อนสาวไหมด้วยนะเอ่อ….
ฟ้อนรำวงเพลงอีแซ่วเป็นของภาคกลางอยากให้นางชื่นใจ
รำโนราห์ ของภาคใต้ (ซ้ำ)
ทางอีสานฟ้อนบั้งไฟคงถูกใจจริงเอ่ย….

21

คิวอาร์ โค้ด
เพลง สี่ภาคของไทย

22

ท่ารำเพลงสี่ภาคของไทย

ท่าที่1 ท่าที่2
ทำนอง ทำนอง

ยืนท่าตัวนาง มือซ้ายวางหน้ าขาซ้าย มือทั้งสองกำมือเล็กน้ อย
มือขวาจีบระหว่างเข็มขัด เอียงซ้าย ระหว่างเอว รอจังหวะย่ำเท้าขวา

23

ท่าที่3 ท่าที่4
นาฏศิลป์ ของไทย เป็นเอกลักษณ์ ไทย
เปลี่ยนมาสอดสร้อยมือซ้าย เอียงซ้าย
ย่ำเท้าขวาก่อน ทำท่าสอดสร้อย
เอียงขวา

24

ท่าที่5 ท่าที่6

จำไว้เถิดหนา ของมีคุณค่าทั้ งนั้ น

มือขวาชี้ที่ศีรษะ เอียงขวา มือซ้ายจีบ จีบคว่ำทั้ง 2 ข้าง งอแขนย่ำเท้าแล้ว

ที่หัวเข็มขัดย่ำเท้า ปล่อยจีบเป็นพรมสี่หน้ า

25




ท่าที่7 ท่าที่8
นาฏศิลป์ พื้นเมือง
ให้รีบพลันกันเพียง
จีบแล้วรวบมือปกที่2ข้างอยู่ระดับ เอียงขวา มือซ้ายจีบคว่ำระดับเข็มขัด
แล้วจีบท่าสอดสร้อย
เข็มขัด ย่ำเท้า

26

ท่าที่9 ท่าที่10

สี่ภาคของไทย ไม่น้ อยหน้ าใครนะเอ่อ

ทำเหมือนท่าที่8แต่สลับเป็นมือซ้าย มือซ้ายจีบส่งหลัง เอียงซ้าย มือขวา

ย่ำเท้า แบมือแขนตึง


ย่ำเท้า

27

ท่าที่11 ท่าที่12

ทางภาคเหนือของไทย ฟ้อนเล็บนั่นไง

ทำเหมือนท่าที่10 แต่เปลี่ยนมือขวา เอียงขวา มือทั้ง2ทำท่าฟ้อนเล็บ

จากแบมือ เป็นชี้ ย่ำเท้า บิดบัวบานเอียงขวา ย่ำเท้า

28

ท่าที่13 ท่าที่14
ฟ้อนสาวไหมด้วยนะเอ่อ ฟ้อนรำวงเพลงอีแซว
มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาจีบอยู่ที่ข้าว ทำท่าผาลาเพียงไหล่มือขวา ย่ำเท้า
เอวขวา เอียงซ้าย ย่ำเท้า

29

ท่าที่15 ท่าที่16
เป็นของภาคกลาง อยากให้นางชื่นใจ
ทำท่ารัก ย่ำเท้า
ทำท่าผาลาเพียงไหล่
มือซ้าย ย่ำเท้า

30

ท่าที่17 ท่าที่18

รำโนราห์ ของภาคใต้ รำโนราห์ ของภาคใต้

พลิกมือซ้ายตั้งวง มือขวาจีบหงาย พลิกมือขวาตั้งวง มือซ้ายจีบหงาย

แขนตึง ลักคอ ย่ำเท้า แขนตึง ลักคอ ย่ำเท้า

31

ท่าที่19 ท่าที่20
ทางอีสานเซิ้ งบั้งไฟ คงถูกใจจริงเอ่ย
ทำท่ารัก ย่ำเท้า
มือทั้ งสองตั้งวงแง่ศรีษะขวา
ย่ำเท้า เอียงซ้าย

32

แบบทดสอบหลังเรียน

1. เซิ้งของทางภาคอีสานมีจังหวะรวดเร็วเร่งรีบเพราะได้รับ
อิทธิพลจากอะไร

ก. ดนตรีที่รวดเร็ว สนุกสนาน
ข. เครื่องแต่งกายที่สั้น เคลื่อนไหวได้ง่าย
ค. ภูมิอากาศ และวืถีชีวิตของชางภาค
อีสาน
ง. ภาษาพูดท้องถิ่นของชาวอีสาน

2. "เถิดเทิง หรือเทิ่งบอง" เป็นชื่อเรียกตามเสียงกลองที่ได้ยิน
ใช้ประกอบการแสดงในภูมิภาคใด

ก. ภาคเหนือ
ข. ภาคกลาง
ค. ภาคอีสาน

ง. ภาคใต้

3. ศิลปะการแสดงที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของภาคกลาง
ได้แก่การแสดงใด

ก. ฟ้ อนสาวไหม
ข. ระบำเก็บใบชา
ค. การละเล่นเพลงเกี่ยวข้าว
ง. เซิ้งแหย่ไข่มดแดง

33

4. ภาพต่อไปนี้คือท่าท่อนใด

ก.นาฏศิลป์ ของไทย
ข.ฟ้ อนเล็บนั่นไง
ค.ทางอีสานฟ้ อนบั้งไฟ
ง.อยากให้นางชื่นใจ

5. ระบำพื้นเมืองของภาคใต้ เด็ดขาด คมชัด เพราะได้รับอิทธิพล
จากอะไร

ก. ดนตรีที่ชัดเจน รวดเร็ว ใช้กลองแขกและรำมะนาเป็นหลัก
ข. ภาษาพูดที่รวดเร็ว
ค. วัฒนธรรมผสมระหว่างไทยกับมลายู
ง. ดินแดนชายทะเล ทำให้ศิลปะแสดงออกถึงคลื่นลมพายุที่
รุนแรง

6. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนาฏศิลป์พื้นเมือง

ก. สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น
ข. ไม่มุ่งเน้ นแบบแผนที่ประณีต
ค. ไม่สามารถปรับเปลี่ยนท่ารำได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก

34

7. การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานส่วนใหญ่ มีลักษณะ
การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นอย่างไร

ก. เชื่องช้า นุ่มนวล เนิบนาบ
ข. รวดเร็ว กระฉับกระเฉง
ค. เชื่องช้าสลับกับรวดเร็ว
ง. นุ่มนวลสลับกับกระฉับกระเฉง

8.การแสดงพื้นเมืองเป็นการแสดงที่สะท้อนออก
มาในรูปแบบใดชัดเจน
ก. การทำมาหากินของคนในท้องถิ่น
ข. การแต่งกายของคนในม้องถิ่น
ค. ลีลา จังหวะการเดิน การยืน อากัปกิริยาของคนในท้อง
ถิ่น
ง. ความสวยงามของสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น

9. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนาฏศิลป์พื้นเมือง

ก. สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น
ข. ไม่มุ่งเน้ นแบบแผนที่ประณีต
ค. ไม่สามารถปรับเปลี่ยนท่ารำได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก

3. การแสดงชุดใดเป็นการแสดงถึงภูมิปํญญาในการ
ประกอบอาชีพในท้องถิ่น

35

10. การแสดงชุดใดเป็นการแสดงถึงภูมิปํญญาในการประกอบ
อาชีพในท้องถิ่น

ก. ฟ้ อนภูไท
ข. ฟ้ อนเล็บ
ค. ฟ้ อนเทียน
ง. ฟ้ อนสาวไหม

36

เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน

1.ค 2.ข 3.ค 4.ข 5.ค
6.ค 7.ข 8.ค 9.ง 10.ง

37

บรรณานุกรม

กรมศิลปกร. 2545. ครูจำเรียง พุธประดับ ศิลปินแห่งชาติ รูปแบบ
ความเป็นครูผู้ถ่ายทอดนาฏศิลป์ ไทยแบบโบราณ. กรุงเทพมหานคร
: สำนักงานสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม

38

ประวัติผู้จัดทำ

ชื่อ นางสาว ชลธิชา กุตเสนา
วัน/เดือน/ปี จันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2544

สถานที่เกิด โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
จ.ร้อยเอ็ด

ประวัติการศึกษา


พ.ศ 2556 จบการศึกษาจาก
โรงเรียนเมืองร้อยเอ็ด

พ.ศ 2559 หลักสูตรมัธยมศึกษา
ตอนต้น วิทยาลัยนาฏศิลป์
ร้อยเอ็ด

พ.ศ 2562 สำเร็จหลักสูตรศึกษา
มัธยมศึกษาตอนปลาย วิทยาลัยนาฏศิลป์

ร้อยเอ็ด


Click to View FlipBook Version