ภาพประกอบ มีด้วยกันกี่ประเภท แล้วใช้ใน อาชีพไหนได้บ้าง ถ้าหากคุณก็เป็ นคนหนึ่งที่กําลังสนใจเกี่ยวกับงาน ภาพประกอบ มีความคิดอยากเริ่มต้นเป็นศิลปิ นวาด ภาพประกอบ หรือกําลังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับงานภาพประกอบประเภทไหน ไม่ว่าจะเป็ นการทํา ภาพประกอบหนังสือการ์ตูน หรืองานออกแบบดิจิตอลรูปแบบอื่นๆอยู่ก็ตาม วันนี้เราจะมาอธิบายให้ฟังถึงประเภทของการทําภาพประกอบแบบรูปแบบต่างๆ และทําความเข้าใจว่าการทํา ภาพประกอบนั้นสามารถนําไปทําอะไรได้บ้าง รวมไปถึงเทคนิคที่สามารถนํามาใช้ในการทํางาน เพื่อที่ทุกคน จะได้ทําความรู้จัก เข้าใจ และเห็นภาพมากขึ้นเกี่ยวกับอาชีพการเป็นนักวาดภาพประกอบกัน
จะสังเกตได้ว่าในปัจจุบัน ผู้คนพยายามจะหาคําจํากัดความมาอธิบายเกี่ยวกับอาชีพๆนึง ว่าขอบเขตของงานคือ อะไร อย่างการทําภาพประกอบที่หลายคนอาจจะยังสับสน ว่าขอบเขตของงานแตกต่างจากการกราฟฟิ ก ดีไซน์ อย่างไรกันแน่ โดยคําจํากัดความของภาพประกอบ คือ การวาดภาพ หรือทํางานศิลปะโดยอาจเป็ นการพิมพ์ ออกมา เพื่ออธิบาย ชี้แจง นําเสนอ เป็ นตัวแทนของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (Visual Representation) หรือแค่ตกแต่งข้อความที่เป็ นลายลักษณ์อักษร ให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น ภาพประกอบในวรรณกรรม หรือการทําภาพประกอบเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ อย่างโฆษณา โปสเตอร์ และใบปลิว ภาพประกอบมักจะถูกทําขึ้นเพื่อเป็ นการสนับสนุนสื่ออื่นๆตัวอย่างเช่น ภาพประกอบที่มาพร้อมกับบทความ ในหนังสือพิมพ์ หนังสือ และนิตยสาร ซึ่งมักถูกใช้เพื่อสนับสนุนและอธิบายความคิดของผู้เขียน หรือข้อความ นั้นๆ โดยสิ่งหนึ่งที่สําคัญมากๆอีกหนึ่งอย่างที่นักวาดภาพประกอบจําเป็ นต้องระมัดระวัง คือ การรักษาสมดุล ระหว่างภาพและข้อความ โดยจะต้องพยายามไม่ให้ภาพประกอบขโมยความสนใจทั้ งหมดของงานไปนันเอง่ ประเภทหลักๆของ การทําภาพประกอบได้แก่ 1. ภาพประกอบข่าว (Editorial Illustration) 2. ภาพประกอบโฆษณา (Advertising Illustration)
3. ศิลปะเชิงแนวคิด (Concept Art) 4. ภาพประกอบแฟชัน (่ Fashion Illustration) 5. ภาพประกอบทางเทคนิควิทยาศาสตร์ (Technical Scientific Illustration) 6. อินโฟกราฟิ ก (Infographics) 7. ภาพประกอบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Illustration) ภาพประกอบข่าวคืออะไร? ภาพประกอบข่าว คือ การทําภาพประกอบโดยทําขึ้นเพื่อแสดงแนวคิดจากบทความ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเห็น ภาพได้มากขึ้น มักใช้ในหนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือแหล่งข้อมูลบนเว็บ ภาพประกอบประเภทนี้จะมา พร้อมกับข้อมูลเสมอ หรือที่เราเรียกกันว่า ภาพประกอบบทความ ซึ่งสามารถนํารูปภาพมาใช้โดยไม่ต้องขอ อนุญาตได้ แต่ห้ามใช้ในเชิงการค้าหรือเชิงพาณิชย์นันเอง เช่น การนํามาใช้เพื่อเขียวข้ ่ อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ เทคโนโลยี เทศกาล เหตุการณ์ต่างๆ เป็ นต้น
ภาพประกอบโฆษณาคืออะไร? ภาพประกอบโฆษณา เป็ นภาพประกอบที่ใช้ในสื่อส่งเสริมการขาย และจุดประสงค์หลัก คือ การดึงดูดความ สนใจของผู้ชม สามารถใช้ได้โดยไม่มีข้อความใดๆ โดยอาจจะใส่เฉพาะโลโก้ของบริษัท เน้นภาพที่ใช้เพื่อ แสดงแนวคิดที่ชัดเจนและจดจําได้ง่าย
ศิลปะเชิงแนวคิดคืออะไร? ศิลปะเชิงแนวคิด มักจะถูกพบใช้ในวงการภาพยนตร์ เกม และอุตสาหกรรมอื่นๆ เป็ นการทําสื่อเพื่อค้นหา แนวทางที่มีความเป็ นไปได้ที่ดีที่สุดในการนําไปใช้กับตัวละครจริงๆ คอนเซปต์อาร์ตมักจะสร้างขึ้นซํ้ าหลาย ครั้ง และสิ่งที่สําคัญที่สุด ไม่ใช่การสร้างภาพที่สวยงามสมบูรณ์แบบออกมา แต่เป็ นการตามหาและเลือกภาพที่เหมาะสมที่สุด มาใช้เป็ นผลงานชิ้ นสุดท้าย โดยการจะนําภาพสเก็ตช์สุดท้าย ที่ผ่านมาใช้ ก็ต้องผ่านการเห็นชอบของ Art Director หรือ ผู้กํากับศิลป์ แล้วเท่านั้น ศิลปะเชิงแนวคิด มักมีหน้าที่ในการสร้างตัวละคร สภาพแวดล้อมของตัวละคร เครื่องแต่งกาย และสิ่งของต่างๆ เป็ นต้น
ภาพประกอบแฟชั่นคืออะไร? ภาพประกอบแฟชัน เป็ นการวาดภาพเพื่อใช้แสดงเป็ นต้นแบบของเสื ่ ้อผ้าก่อนที่จะมีการผลิตจริง โดยแฟชันดี่ ไซเนอร์มักนิยมใช้มันในกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขา ด้วยการวาดแบบเสื้อผ้าก่อนนํามาเย็บและ ผลิตจริงนันเอง่นอกจากนี้บริษัทแฟชันต่างๆยังนิยมใช้ผลงานของนักวาดภาพประกอบแฟชั ่ น มาใช้ในการ ่ โปรโมตผลิตภัณฑ์และในการแสดงแฟชันโชว์ต่างๆอีกด้วย ่
ภาพประกอบทางเทคนิคคืออะไร? จุดประสงค์ของภาพประกอบทางเทคนิค จะถูกเน้นไปที่การนําไปใช้ในทางวิทยาศาสตร์ โดยการใช้ภาพ เพื่อที่จะได้พูดถึงสิ่งๆหนึ่งเพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น ในภาพประกอบทางเทคนิคจะไม่ได้เป็ นการเน้นที่ ความสวยงามของภาพ แต่เป็ นการเน้นที่ความชัดเจนของภาพที่จะไม่ทําให้ผู้รับสารเกิดความสับสนหรือเข้าใจ ผิด
อินโฟกราฟิ กคืออะไร? อินโฟกราฟิ ก คือ การเลือกรูปภาพและไดอะแกรม (Diagram) ที่มีข้อความน้อยที่สุด ใช้เพื่อช่วยให้เรา สามารถเข้าใจสาระสําคัญของหัวข้อนั้นๆได้อย่างรวดเร็ว โดยในการทําอินโฟกราฟิ ก ผู้ออกแบบจําเป็ นต้องมี ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสาร และการออกแบบกราฟิ ก แต่ก็เป็ นอาชีพที่นักวาดภาพประกอบสามารถทําได้ เช่นกัน อินโฟกราฟิ กที่ดีจะช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้นและมีข้อมูลที่ค่อนข้างเยอะ
ภาพประกอบบรรจุภัณฑ์คืออะไร? เช่นเดียวกับภาพประกอบโฆษณา การทําภาพประกอบบรรจุภัณฑ์ เป็ นส่วนหนึ่งที่สําคัญมากที่จะช่วยให้บริษัท ต่างๆสามารถขายสินค้าได้ และในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ สิ่งที่ผู้ออกแบบควรคํานึงถึง คือ ควรที่จะออกแบบ ให้สะดุดตา และดึงดูดความสนใจของผู้ที่เห็นได้ นอกจากนี้ ตัวภาพประกอบบรรจุภัณฑ์ยังสามารถช่วยชู ลักษณะเด่นของแบรนด์ให้สามารถเห็นได้จากตัวผลิตภัณฑ์เลยอีกด้วย
ในส่วนของเทคนิคการทํา ภาพประกอบ สามารถทําได้ด้วยหลากหลายวิธีด้วยกันไม่ว่าจะเป็ นในรูปแบบดั้ งเดิม หรือรูปแบบดิจิตอลก็ตาม ซึ่งก็จะมีคร่าวๆดังนี้ 1. Woodcutting (การแกะสลักไม้) 2. Metal etching (การแกะสลักโลหะ) 3. Pencil illustration (การวาดภาพด้วยดินสอ) 4. Charcoal illustration (การวาดภาพด้วยถ่าน) 5. Lithography (การพิมพ์หิน) 6. Watercolor illustration (การระบายสีนํ้ า) 7. Acrylics illustration (การระบายสีอะคริลิค)
8. Collage illustration (การทําคอลลาจ) 9. Pen and ink illustration (การวาดด้วยหมึก และ ปากกา) 10. Freehand digital illustration (การวาดด้วยเมาส์ปากกา) 11. Vector graphics (การทํากราฟิ กเว็กเตอร์) และทั้ งหมดนี้คือแต่ละประเภทของการทําภาพประกอบ รวมไปถึงการเทคนิคต่างๆที่สามารถนํามาปรับใช้ได้ ในการทําภาพประกอบ ซึ่งมีตั้ งแต่เทคนิคดั้ งเดิมไปจนถึงเทคนิคที่นิยมใช้ในปัจจุบัน อย่างรูปแบบดิจิตอล นันเอง จะเห็นได้ว่าการทําภาพประกอบนั ่ ้นสามารถทํางานได้หลากหลายมากๆ อีกทั้ งยังมีอยู่ในแทบทุกวงการ ถือว่าเป็ นอาชีพที่ยังเป็ นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากการทุกวันนี้เรามีการเสพสื่อกันหลายช่องทางมากๆ รวมถึงข่าวสารต่างๆก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการ นําเสนอไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนันก็คือภาพประกอบนั ่ นเอง เพราะภาพประกอบสามารถช่วยให้เรา ่ เข้าใจ และเห็นภาพต่างๆมากขึ้น จิตรกรรม Painting เป็ นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการขีดเขียน การวาด และระบายสี เพื่อให้เกิดภาพ เป็ นงานศิลปะที่มี 2 มิติ เป็ นรูปแบน ไม่มีความลึกหรือนูนหนา แต่ สามารถเขียนลวงตาให้ เห็นว่ามีความลึกหรือนูนได้ ความงามของจิตรกรรมเกิดจากการ ใช้สีในลักษณะต่าง ๆ กัน องค์ประกอบสําคัญของงานจิตรกรรม 1. ผู้สร้างงาน หรือ ผู้วาด เรียกว่า จิตรกร 2. วัสดุที่ใช้รองรับการวาด เช่น กระดาษ ผ้า ผนัง ฯลฯ 3. สี เป็ นสิ่งที่แสดงออกถึงเนื้อหา เรื่องราวเกี่ยวกับผลงาน งานจิตรกรรมเป็ นงานศิลปะที่เก่าแก่ดั้ งเดิมของมนุษย์ เริ่มตั้ งแต่การขีด เขียนบนผนังถํ้ า บนร่างกาย บนภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ จนพัฒนามาเป็ นภาพวาดที่ใช้ ประดับตกแต่งในปัจจุบัน การวาดภาพเป็ นพื้นฐานของงานศิลปะทุกชนิด ผู้สร้างสรรค์ งานจิตรกรรม เรียนว่า จิตรกร (Painter) งานจิตรกรรม แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ 1. การวาดเส้น (Drawing) เป็ นการวาดภาพโดยใช้ปากกา หรือดินสอ ขีดเขียนลง ไป บนพิ้ นผิววัสดุรองรับเพื่อให้เกิดภาพ การวาดเส้น คือ การขีดเขียนให้เป็ นเส้นไม่ว่าจะ เป็ นเส้นเล็ก หรือเส้นใหญ่ ๆ มักมีสีเดียวแต่การวาดเส้นไม่ได้จํากัดที่จะต้องมีสีเดียว อาจ มีสีหลาย ๆ สีก็ได้ การวาดเส้น จัดเป็ นพื้นฐานที่สําคัญของงานศิลปะแทบทุกชนิด อย่างน้อย ผู้ฝึ กฝนงานศิลปะควรได้มีการฝึกฝนงานวาดเส้นให้เชี่ยวชาญเสียก่อน ก่อนที่จะ ไปทํางานด้านอื่น ๆ ต่อไป
2. การระบายสี (Painting) เป็นการวาดภาพโดยการใช้พู่กัน หรือแปรง หรือวัสดุ อย่างอื่น มาระบายให้เกิดเป็ นภาพ การระบายสี ต้องใช้ทักษะการควบคุมสีและเครื่องมือ มากกว่าการวาด เส้น ผลงานการระบายสีจะสวยงาม เหมือนจริง และสมบูรณ์แบบมากกว่า การวาดเส้น ลักษณะของภาพจิตรกรรม งานจิตรกรรม ที่นิยมสร้างสรรค์ ขึ้นมีหลายลักษณะ ดังนี้ คือ 1. ภาพหุ่นนิ่ ง (Sill life) เป็ นภาพวาดเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ หรือ วัสดุต่าง ๆ ที่ไม่มี การ เคลื่อนไหว เป็ นสิ่งที่อยู่กับที่ 2. ภาพคนทัวไป แบ่งได้ 2 ชนิด ่ คือ 2.1 ภาพคน (Figure) เป็ นภาพที่แสดงกิริยาท่าทางต่าง ๆ ของมนุษย์ โดยไม่เน้น แสดงความ เหมือนของใบหน้า 2.2 ภาพคนเหมือน (Potrait) เป็ นภาพที่แสดงความเหมือนของใบหน้า ของคน ๆ ใดคนหนึ่ง 3. ภาพสัตว์ ( Animals Figure) แสดงกิริยาท่าทางของสัตว์ทั้ งหลาย ในลักษณะต่าง ๆ 4. ภาพทิวทัศน์ (Landscape) เป็ นภาพที่แสดงความงาม หรือความประทับใจในความงาม ของธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมของศิลปิ นผู้วาด ภาพทิวทัศน์ยังแบ่งเป็ นลักษณะต่าง ๆ ได้ อีก คือ 4.1 ภาพทิวทัศน์ผืนนํ้ า หรือ ทะเล (Seascape ) 4.2 ภาพทิวทัศน์พื้นดิน (Landscape) 4.3 ภาพทิวทัศน์ของชุมชนหรือเมือง (Cityscape) 5. ภาพประกอบเรื่อง (Illustration) เป็ นภาพที่เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราว หรือถ่ายทอด เหตุการณ์ ต่าง ๆ ให้ผู้อื่นได้รับรู้ โดยอาจเป็ นทั้ งภาพประกอบเรื่องในหนังสือ พระคัมภีร์ หรือภาพเขียนบนฝาผนัง อาคาร สถาปัตยกรรมต่าง ๆ และรวมถึงภาพโฆษณาต่าง ๆ ด้วย 6. ภาพองค์ประกอบ (Composition) เป็ นภาพที่แสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของ ศิลปะ และ ลักษณะในการจัดองค์ประกอบ เพื่อให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ตามความต้องการ ของผู้สร้าง โดยที่อาจไม่เน้น แสดงเนื้อหาเรื่องราวของภาพ หรือ แสดงเรื่องราวที่มาจาก ความประทับใจ โดยไม่ยึดติดกับความเป็ นจริง ตามธรรมชาติ านชนิดนี้ ปรากฏมากใน งานจิตรกรรมสมัยใหม่ 7. ภาพลวดลายตกแต่ง (Decorative painting) เป็ นภาพวาดลวดลายประกอบเพื่อตกแต่งสิ่ง ต่าง ๆ ให้ เกิดความสวยงามมากขึ้น เช่น การวาดลวดลายประดับอาคาร สิ่งของเครื่องใช้ ลวดลายสัก ฯลฯ
จิตรกรรมไทย หมายถึง ภาพเขียนที่มีลักษณะเป็ นแบบอย่างของไทยที่แตกต่าง จากศิลปะของชนชาติอื่นอย่างชัดเจน ถึงแม้จะมีอิทธิพลศิลปะของชาติอื่นอยู่บ้าง แต่ก็ ดัดแปลง คลี่คลาย ตัดทอน หรือเพิ่ มเติมจนเป็ นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองได้อย่าง สวยงามลงตัว มีวิวัฒนาการทางด้านรูปแบบและวิธีการมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถ พัฒนาต่อไปอีกในอนาคต จิตรกรรมไทยเป็ นลักษณะอุดมคติ เป็ นภาพ 2 มิติ โดยนําสิ่ง ใกล้ไว้ตอนล่างของภาพ สิ่งไกลไว้ตอนบนของภาพ ใช้สีแบบเอกรงค์ คือ ใช้หลายสี แต่มี สีที่โดดเด่นเพียงสีเดียว ลายไทย เป็ นส่วนประกอบของภาพเขียนไทยใช้ตกแต่งอาคาร สิ่งของ เครื่องใช้ ต่าง ๆ เครื่องประดับ ฯลฯ เป็ นลวดลายที่มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันซึ่งนําเอารูปร่างจาก ธรรมชาติ มาประกอบ เช่น ลายกระหนก ลายกระจัง ลายประจํายาม ลายเครือเถา เป็ นต้น หรือเป็ น รูปที่มาจากความเชื่อและคตินิยม เช่น รูปคน รูปเทวดา รูปสัตว์ รูปยักษ์ เป็ นต้น จิตรกรรมไทย เป็ นวิจิตรศิลป์ อย่างหนึ่ง ซึ่งส่งผลสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมอันดี งามของชาติ มีคุณค่าทางศิลปะและเป็ นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้า มีเรื่องที่เกี่ยวกับ ศาสนา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชีวิตความเป็ นอยู่ วัฒนธรรมการแต่งกาย ตลอดจนการ แสดงการเล่นพื้นเมืองต่าง ๆ ของแต่ละยุคสมัยและสาระอื่น ๆ ที่ประกอบกันเป็ นภาพ จิตรกรรมไทย วิวัฒนาการของงานจิตรกรรมไทย ทัศนธาตุ หมายถึง ธาตุแห่งการมองเห็นหรือส่วนประกอบต่าง ๆ ที่สําคัญในงาน ศิลปะหรือทัศนศิลป์ ได้แก่ จุด เส้น สี แสงเงา รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว เป็ นต้น ซึ่งเราสามารถ นําส่วนประกอบแต่ละอย่ามาสร้างเป็ นงานศิลปะได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งก็จะให้ความรู้สึก ในการมองเห็นที่แตกต่างกันไป ทัศนธาตุ สามารถสร้างอารมณ์ต่าง ๆ ให้กับคนดู จึงเป็ น ความรู้พื้นฐาน นับตั้ งแต่ จุด เส้น รูปร่าง-รูปทรง แสง เงา นํ้ าหนักอ่อน –แก่ สี พื้นผิว มัก มีปรากฏอยู่ในความงามอันละเอียดอ่อนของธรรมชาติ ทั้ งสิ้ น ฉะนั้นการรู้จักสังเกตธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ตัวและการรู้จักเลือกสรร ส่วนประกอบจากธรรมชาติมาจัดองค์ประกอบทางศิลปะนั้น จึงเป็ นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดใน การสร้างสรรค์งานศิลปะทัศนธาตุ ประกอบด้วย 1.จุด ( point ) หมายถึงสิ่งที่ปรากฏบนพื้นระนาบที่มีขนาดเล็กที่สุด ไม่มี ความกว้าง ความยาว ความสูง ความหนา หรือความลึก จุดเป็ นทัศนธาตุที่เล็กที่สุดและมี มิติเป็ นศูนย์ จุดสามารถแสดงตําแหน่งได้เมื่อมีบริเวณว่างรองรับ จุดถือเป็ นทัศนธาตุหรือ พื้นฐานเบื้องต้นที่สุดในการสร้างงานทัศนศิลป์ จุดเป็ นต้นกําเนิดของทัศนธาตุอื่นๆ เช่น เส้น รูปร่าง รูปทรงและพื้นผิว ค่าความอ่อนแก่ แสงเงา เราสามารถพบเห็นจุดได้โดยทัวไป ่
ในธรรมชาติ เช่น ดวงดาวบนท้องฟ้า บนส่วนต่างๆของผิวพืชและสัตว์ บนก้อนหิน พื้นดินฯลฯ 2. เส้น ( Line ) หมายถึง ทัศนธาตุเบื้องต้นที่สําคัญที่สุด เกิดจากการประกอบ จากจุดหลายๆจุด เป็ นแกนของทัศนศิลป์ ทุก ๆ แขนง เส้นเป็ นพื้ นฐานของโครงสร้างของ ทุกสิ่งในจักรวาล เส้นแสดงความรู้สึกได้ทั้ งด้วยตัวของมันเองและด้วยการสร้างเป็ น รูปทรงต่าง ๆ ขึ้น เส้นที่เป็ นพื้นฐาน ได้แก่เส้นตรงและเส้นโค้ง สามารถนํามาสร้างให้เกิด เป็ นเส้นใหม่ที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างทั้ งช่วยแสดงถึงอารมณ์และความรู้สึกของศิลปิ น ด้วย เส้นแต่ละชนิดก็มีความหมายแตกต่างกัน ดังเช่น - เส้นนอน ให้ความรู้สึกกว้างขวาง เงียบสงบ นิ่ ง ราบเรียบ ผ่อนคลายสายตา - เส้นตั้ ง ให้ความรู้สึกสูงสง่า มันคง แข็งแรง รุ่งเรือง ่ - เส้นเฉียง ให้ความรู้สึกไม่มันคง เคลื่อนไหว รวดเร็ว แปรปรวน ่ - เส้นโค้ง ให้ความรู้สึกอ่อนไหว สุภาพอ่อนโยน สบาย นุ่มนวล เย้ายวน - เส้นโค้งก้นหอย ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว การคลี่คลาย ขยายตัว มึนงง - เส้นซิกแซกหรือเส้นฟันปลา ให้ความรู้สึกรุนแรง กระแทกเป็ นห้วง ๆ ตื่นเต้น สับสน วุ่นวาย และการขัดแย้ง - เส้นประ ให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง ไม่มันคง ไม่แน่นอน ่ เส้นกับความรู้สึกที่กล่าวมานี้เป็ นเพียงแนวทางหนึ่ง ไม่ใช่ความรู้สึกตายตัว ทั้ งนี้ ขึ้นอยู่กับการนําไปใช้ร่วมกับส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น เส้นโค้งควํ่าลง ถ้านําไปเขียนเป็ น ภาพปากในใบหน้าการ์ตูนรูปคน ก็จะให้ความรู้สึกเศร้า ผิดหวัง เสียใจ แต่ถ้าเป็ นเส้นโค้ง หงายขึ้น ก็จะให้ความรู้สึกอารมณ์ดี เป็ นต้น 3. รูปร่าง ( Shape ) หมายถึงการนําเส้นมาประกอบกันให้เกิดความกว้างและความ ยาว ไม่มีความหนาหรือความลึก มีลักษณะ 2 มิติแสดงพื้ นที่ผิวเป็ นระนาบแบนไม่แสดงความเป็ นปริมาตร ซึ่งมีลักษณะ แบนราบ ไม่แสดงนํ้ าหนักแสงเงา รูปร่างในทางศิลปะอาจแบ่งได้ 3 ประเภท คือ รูปร่างธรรมชาติ หมายถึงรูปร่างที่ถ่ายทอดแบบมาจากธรรมชาติที่พบเห็นอยู่ ทัวไป เช่น คน สัตว์ พืช ่ รูปร่างเรขาคณิต หมายถึงรูปร่างที่มนุษย์สร้างขึ้น มีโครงสร้างแน่นอน ได้แก่ รูปร่างวงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม วงรี ฯลฯ รูปร่างอิสระ หมายถึงรูปร่างที่มีลักษณะไม่แน่นอน ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนไหวไปในรูปแบบใดหรือทิศทางใด
4. รูปทรง ( Form ) หมายถึงการนําเส้นมาประกอบกันให้เกิดความกว้าง ความ ยาว และความหนาหรือความลึก มีลักษณะ 3มิติสิ่งที่มีลักษณะแน่นทึบแบบ 3 มิติ เช่น งานประติมากรรม สถาปัตยกรรม หรือลักษณะ ที่มองเห็นเป็ น 3 มิติในงานจิตกรรม รูปทรงในทางศิลปะอาจแบ่งได้ 3 ประเภทคือ รูปทรงเรขาคณิต หมายถึง รูปทรงที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่รูปทรงสามเหลี่ยม รูปทรงสี่เหลี่ยม รูปทรงกลม รูปทรงกรวย ฯลฯ รูปทรงอิสระหมายถึง รูปทรงที่เกิดขึ้นเองอย่างอิสระไม่มีโครงสร้างแน่นอน เช่น รูปทรงของก้อนหิน กรวด ดิน ก้อนเมฆ เปลวไฟ หยดนํ้ า ต้นไม้ ภูเขา ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ จะมีรูปทรงที่แปลกให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวและเป็ นอิสระ 5. พื้นผิว (texture) หมายถึง ลักษณะภายนอกของวัตถุที่เรามองเห็นและสัมผัส ได้ ภาพที่มีลักษณะพื้ นผิวที่แตกต่างกันจะให้ความรู้สึกสนุกสนานตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา พื้นผิวสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกในลักษณะต่าง ๆ กันเช่น หยาบ ละเอียด มันวาว ด้าน และขรุขระ เป็ นต้น 6. สี(Colour) สีหมายถึง ลักษณะความเข้มของแสงที่ส่องมากระทบนัยน์ตา ของเงาให้เห็นเป็ นสี เป็ นส่วนประกอบที่สําคัญของงาน ทัศนศิลป์ โดยเฉพาะงานออกแบบเพราะสีมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึก 7. นํ้าหนัก (Value) หมายถึง ความอ่อนแก่ของสี หรือแสงเงาที่นํามาใช้ในการ เขียนภาพ นํ้ าหนักทําให้รูปทรงมี ปริมาตร และให้ระยะแก่ภาพ แสงและเงา (Light & Shade) แสงและเงา เป็ นองค์ประกอบที่อยู่คู่กัน แสง เมื่อส่องกระทบกับวัตถุ จะทําให้เกิดเงา แสงและเงา เป็ นตัวกําหนดระดับของค่านํ้ าหนัก ความเข้มของเงาจะขึ้นอยู่กับความเข้ม ของแสง ในที่ที่มีแสงสว่างมากแสงและเงา เป็ นองค์ประกอบที่อยู่คู่กัน แสง เมื่อส่อง กระทบกับวัตถุ จะทําให้เกิดเงา แสงและเงา เป็ นตัวกําหนดระดับของค่านํ้ าหนัก ความเข้มของเงาจะขึ้นอยู่กับความเข้ม ของแสง ในที่ที่มีแสงสว่างมาก 8.บริเวณว่าง (Space) หมายถึง ช่องว่างของภาพ หรือช่องไฟ หรือพื้นที่ที่ล้อม รูปร่างหรือรูปทรงระยะห่างระหว่างรูปร่างหรือรูปทรง พื้นระนาบที่ว่างเปล่าของกระดาษ ผ้าใบผนังที่ยังไม่ได้เขียนเป็ นภาพ อากาศที่ล้อมรอบงานประติมากรรม สถาปัตยกรรม หรือบริเวณที่เป็ นกลาง บริเวณว่างจะช่วยให้เรามองเห็นรูปภาพที่ปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย ไม่ทึบตันหรือมีรูปแบบที่แน่นจนเกินไป
องค์ประกอบศิลป์ (COMPOSITION องค์ประกอบศิลป์ (Composition) คือ การนําสิ่งต่างๆ มา ประยุกต์และดัดแปลง ผนวกความสร้างสรรค์ในแต่ละบุคคล แล้ว นํามารวมกันตามสัดส่วนและความเหมาะสม จากนั้นสร้างสรรค์เป็ น ผลงานออกมาให้เกิดเป็ นความน่าสนใจและมีความเป็ นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวมากที่สุด อีกทั้ งความน่าสนใจในแต่ละชิ้ นงานนั้นอาจ จําเป็ นต้องตอบโจทย์และตอบสนองต่อความต้องการของผู้รับสาร ด้วย เพราะความน่าสนใจนั้นอาจหมายรวมถึงการนําเสนอภาพรวม การสื่อความหมาย และวัตถุประสงค์ในการออกแบบ เป็ นต้น ปัจจัยสําคัญในการออกแบบ • สัดส่วนของภาพ(Proportion) • ความสมดุลของภาพ (Balance) • จังหวะลีลาของภาพ (Rhythm) • การเน้นหรือจุดเด่นของภาพ (Emphasis) • เอกภาพ (Unity) • ความขัดแย้ง (Contrast) •ความกลมกลืน (Harmony)
และสิ่งต่างๆ ที่ได้นํามาประกอบให้เข้ากันนั้น คือ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง สี ลักษณะ ผิว ส่วนประกอบต่างๆ ของศิลปะนํามาจัดประสานสัมพันธ์กัน ให้เกิดคุณค่า ทาง ความงาม เราเรียกว่า องค์ประกอบศิลป์ ความสําคัญขององค์ประกอบศิลป์ เพราะเป็ นเรื่องที่ผู้เรียนศิลปะทุกคนต้องเรียนรู้เป็ นพื้นฐาน เพื่อที่จะนําไปใช้ให้เกิด ประสิทธิภาพในการออกแบบโครงสร้างหรือรูปร่างของภาพนันเอง แล้วจากนั ่ ้น สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในงานออกแบบต่างๆ ได้ เช่น การตกแต่งบ้าน จัดสวน หรือ กิจกรรมต่างๆ ที่สามารถนําไปใช้กับการออกแบบอื่นๆ ได้เป็ นอย่างดี ซึ่งเหล่านี้ต้อง อาศัยหลักองค์ประกอบศิลป์ ทั้ งสิ้ น คุณค่าขององค์ประกอบศิลป์ สรรพสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดอยู่อย่างโดดเดี่ยว การหลอมรวมองค์ประกอบ ต่าง ๆ เข้าด้วยกันจะทําให้เกิดความสมบูรณ์ และการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังนั้นการ จัดองค์ประกอบศิลป์ จึงมีคุณค่า ต่อชีวิตมนุษย์ดังนี้ 1. ช่วยในการจัดวางผังเมือง เพื่อจัดระเบียบของเมืองให้มีการใช้พื้นที่อย่างมี แบบแผนมีการแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ได้อย่างเหมาะสมมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน และมีความเป็ นเอกภาพ และเป็ นระเบียบเรียบร้อย 2. ช่วยเสริมสร้างคุณค่าของงานวิจิตรศิลป์ นําหลักองค์ประกอบศิลป์ มาช่วย พัฒนางาน ศิลปะด้านวิจิตรศิลป์ ให้เกิดคุณค่าทางความงามมากขึ้น 3. ช่วยเสริมสร้างคุณค่าของงานประยุกต์ศิลป์ นําหลักองค์ประกอบศิลป์ มา ช่วยพัฒนางานศิลปะด้านประยุกต์ศิลป์ ให้เกิดคุณค่าทางประโยชน์ใช้สอย และคุณค่า ทางความงามควบคู่กันไปอย่างเหมาะสม ทําให้เป็ นที่สนใจและต้องการของสังคม ภายในประเทศ และพัฒนาสู่สังคมโลกได้ 4. นําหลักองค์ประกอบศิลป์ มาช่วยพัฒนาชีวิตความเป็ นอยู่ของตนเองใน ชีวิตประจําวัน เช่น การนํามาออกแบบจัดตกแต่งที่อยู่อาศัย สํานักงาน ศาสนสถาน งานนิทรรศการ ขบวนพาเหรด เวทีการแสดงและเวทีที่ใช้ในงานต่าง ๆ เป็ นต้น 5.นําหลักองค์ประกอบศิลป์ มาช่วยพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง ในการแต่ง กายการจัดวางอิริยาบถให้ดูดีและมีความสัมพันธ์ไปถึงเรื่องสุขภาพที่ดีด้วย เช่น การ นัง การหิ่ ้ วของ การเล่นกีฬา บางครั้งก็ต้องใช้หลักของความสมดุล ถ้าไม่ได้จังหวะ อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เป็ นต้น
6.การเรียนรู้และเข้าใจในการจัดองค์ประกอบศิลป์ ช่วยพัฒนาสุนทรียภาพ ยกระดับจิตใจให้ละเอียดอ่อน มองโลกในแง่ดี รักความประณีตงาม ความเป็ น ระเบียบเรียบร้อย และดํารงชีวิตอย่างมีความสุข