รายงาน
เรื่อง การแต่งกายของจีนแต่ละยุคสมัย
จดั ทาโดย
นางสาวลานนา ทองธวชั เลขที่ 24
นางสาวนวลวรรณ แซ่พ่าน เลขที่ 32
นางสาวมนสั วรรณ ทพั ผดุง เลขท่ี 35
นางสาวเปรมกมล ปัญจะเรือง เลขท่ี 40
เสนอ
คุณครู เพญ็ พรรณ มาลอม
รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า ภาษาจีนIS(I30201)
โรงเรียนสันป่ าตองวิทยาคม
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2565
สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 34
รายงานวิจยั เร่ือง การแตง่ กายของจีนแตล่ ะยคุ สมยั
คณะผ้จู ัดทา
นางสาวลานนา ทองธวชั เลขท่ี 24
นางสาวนวลวรรณ แซ่พา่ น เลขท่ี 32
นางสาวมนสั วรรณ ทพั ผดุง เลขที่ 35
นางสาวเปรมกมล ปัญจะเรือง เลขท่ี 40
ครูที่ปรึกษา
นางเพญ็ พรรณ มาลอม
ก
เร่ือง การแต่งกายของจีนแตล่ ะยคุ สมยั
สาระการเรียนรู้ การศึกษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้
ผู้จดั ทา นางสาวลานนา ทองธวชั เลขท่ี 24
นางสาวนวลวรรณ แซ่พ่าน เลขท่ี 32
นางสาวมนสั วรรณ ทพั ผดุง เลขที่ 35
นางสาวเปรมกมล ปัญจะเรือง เลขที่ 40
ระดบั ช้ัน มยั มศึกษาปี ท่ี 6/9
สถานศึกษา โรงเรียนสนั ป่ าตองวทิ ยาคม
ครูทป่ี รึกษา นางเพญ็ พรรม มาลอม
บทคดั ย่อ
ปัจจุบนั จะเห็นไดว้ า่ ผา้ จีนมีอิทธิพลมากและแพร่ไปยงั ทวั่ โลกในปัจจุบนั รวมไปถึงความ
สนใจในเร่ืองอ่ืนๆเก่ียวกบั ประเทศจีนไมว่ า่ จะเป็นการเเต่งกายของจีน วฒั นธรรม เเละ
ประวตั ิศาสตร์จีนต่างๆ ท่ีมีความเช่ือมโยงกบั งานวิจยั เร่ืองท่ีกาลงั ศึกษา
ยคุ ต้งั แตโ่ บราณมาจนถึงปัจจุบนั ก็มีการพฒั นาการเเตง่ กายเเละเเฟชนั่ มาโดยตลอด ใหเ้ ขา้ กบั
สภาพอากาศ ความตอ้ งการ ความสะดวก ของมนุษย์ สามารถนาลวดลายโบราณตา่ งๆมา
ประยกุ ตใ์ ชก้ บั เส้ือผา้ สมยั ใหม่ใหด้ ูสวยงามสร้างสรรคม์ ีศิลปะ
ปัญหาเกิดจากมีความสงสัยอยากทราบวา่ ชุดจีนและลวดลายที่ปักบนชุด บง่ บอกถึง
ความหมายอะไร คนในสมยั น้นั นิยมแตง่ แบบใด ผจู้ ดั ทาจึงมีความสนใจเร่ือง การเเตง่ กายแต่ละ
สมยั ของจีน ซ่ึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อเเยกเเตล่ ะยคุ สมยั โดยสังเกตจากการเเต่งกาย
ข
กติ ตกิ รรมประกาศ
งานวิจยั เร่ือง การแตง่ กายของจีนแตล่ ะยคุ สมยั สาเร็จลลุ ่วงไดด้ ว้ ยความกรุณาจาก อาจารย์
เพญ็ พรรณ มาลอม อาจารยท์ ี่ปรึกษาโครงงานที่ใหค้ าเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแกไ้ ข
ขอ้ บกพร่องตา่ งๆมาตลอดจนโครงงานเล่มน้ีเสร็จสมบรู ณ์ ผศู้ ึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็น
อยา่ งสูง
ขอกราบขอบพระคุณ คุณครู ท่ีใหค้ าปรึกษางานวจิ ยั และช่วยแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของงานวิจยั
จนสาเร็จและขอบคุณเพื่อนๆในกลมุ่ ที่ช่วยกนั ทางานวจิ ยั เรื่องน้ี และขอ้ แนะนาดีๆเก่ียวกบั
งานวจิ ยั น้ี จนงานวจิ ยั น้ีสาเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี
คณะผจู้ ดั ทา
นางสาวลานนา ทองธวชั เลขที่ 24
นางสาวนวลวรรณ แซ่พ่าน เลขท่ี 32
นางสาวมนสั วรรณ ทพั ผดุง เลขที่ 35
นางสาวเปรมกมล ปัญจะเรือง เลขท่ี 40
ค
คานา
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชาภาษาจีน โดยมีจุดประสงคอ์ ยากจะเเยกเส้ือผา้ เเต่ละ
สมยั ของจีนใหเ้ ป็นเเละศึกษาความรู้เกี่ยวกบั อิทธิพลเส้ือผา้ เเตล่ ะสมยั ของจีนและประวตั ิศาสตร์
จีน ซ่ึงรายงานน้ีมีเน้ือหาเก่ียวกบั ความรู้เส้ือผา้ เเตล่ ะสมยั และประวตั ิศาสตร์ของจีนต้งั เเต่ยคุ
โบราณจนถึงยคุ ปัจจุบนั
ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือก หวั ขอ้ น้ีในการทารายงาน เนื่องมาจากเป็นเร่ืองที่น่าสนใจ รวมถึงการเเต่งตวั
ของจีนเเตล่ ะยคุ สมยั มีความโดดเด่น สวยงามเเตกต่างกนั ไป รายงานเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์กบั
ผอู้ า่ น ท่ีกาลงั หาขอ้ มูลเรื่องน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับ
ไวแ้ ละขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย
ผจู้ ดั ทา
นางสาวลานนา ทองธวชั
นางสาวนวลวรรณ แซ่พ่าน
นางสาวมนสั วรรณ ทพั ผดุง
นางสาวเปรมกมล ปัญจะเรือง
สารบญั ง
เร่ือง
บทคดั ยอ่ หน้า
กิตติกรรมประกาศ ก
คานา ข
สารบญั ค
บทที่ 1 บทนา ง
1.1.ท่ีมาและความสาคญั ของการวจิ ยั 1
1.2.วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั
1.3.ขอบเขตของการวิจยั 2
1.4.ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 3
บทท่ี 2 เอกสารท่เี กยี่ วข้อง
2.1.ความเป็นมาการแต่งกายจีนสมยั อดีต 11
2.2.การแตง่ กายแตล่ ะยคุ สมยั
บทที่ 3 วธิ ีดาเนินรายงานการวิจยั 12
3.1.วสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือหรือโปรแกรมหรือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั 13
3.2.ข้นั ตอนการดาเนินงาน
3.3.ประเด็นการศึกษา
บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งาน
4.1.ผลการศึกษา
เร่ือง จ
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ หน้า
5.1.สรุปผลการศึกษา 14
5.2.อภิปรายผล
5.3.ขอ้ เสนอแนะ 15
บรรณานุกรม 16
ภาคผนวก 17
ประวตั ิของผจู้ ดั ทา
1
บทที่ 1 บทนา
1.1.ทีม่ าและความสาคญั ของการวจิ ยั
ปัจจุบนั จะเห็นไดว้ า่ ผา้ จีนมีอิทธิพลมากและแพร่ไปยงั ทว่ั โลกในปัจจุบนั รวมไปถึงความ
สนใจในเร่ืองอ่ืนๆเก่ียวกบั ประเทศจีนไมว่ า่ จะเป็นการเเตง่ กายของจีน วฒั นธรรม เเละ
ประวตั ิศาสตร์จีนตา่ งๆ ที่มีความเช่ือมโยงกบั งานวิจยั เร่ืองที่กาลงั ศึกษา
ผจู้ ดั ทาจึงมีความสนใจเรื่อง การเเตง่ กายของจีน ซ่ึงมีจุดมุ่งหมายเพือ่ เเยกเเต่ละยคุ สมยั โดย
สังเกตจากการเเต่งกาย เน่ืองจากมีปัญหาเกิดจากมีความสงสัยอยากทราบวา่ ชุดจีนและลายเส้ือ
บง่ บอกถึงความหมายอะไร คนในสมยั น้นั นิยมแตง่ แบบใด
ยคุ ต้งั แตโ่ บราณมาจนถึงปัจจุบนั กม็ ีการพฒั นาการเเตง่ กายเเละเเฟชนั่ มาโดยตลอด ใหเ้ ขา้
กบั สภาพอากาศ ความตอ้ งการ ความสะดวก ของมนุษย์ สามารถนาลวดลายโบราณตา่ งๆมา
ประยกุ ตใ์ ชก้ บั เส้ือผา้ สมยั ใหม่ใหด้ ูสวยงามสร้างสรรคม์ ีศิลปะได้
1.2.วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย
1.2.1.เพ่ือแยกการแตง่ กายแตล่ ะยคุ สมยั ได้
1.2.2.เพอื่ คึกษาความหมายลายที่ปักบนผา้
1.2.3.เพ่ือแยกการแตง่ กายแต่ละชนช้นั ได้
1.2.4.เพ่ือศึกษาและเปรียบเทียบความแตกต่างการแตง่ กายแต่ละยคุ สมยั
1.3.ขอบเขตการวจิ ัย สีผา้
การศึกษาคร้ังน้ี มุ่งศึกษาเฉพาะ เร่ือง การแต่งกายของจีนแตล่ ะยคุ สมยั ไม่วา่ จะเป็น
ลายปักผา้ หมวกท่ีสวมใส่ ทรงผมรวมไปถึงลกั ษณะการแตง่ กาย
2
1.4.ผลทคี่ าดว่าจะได้รับ
1.2.1.ไดค้ วามรู้เก่ียวกบั การแต่งกายแตล่ ะยคุ สมยั
1.2.2.ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั ความหมายลายท่ีปักบนผา้
1.2.3.ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั การแยกการแตง่ กายแต่ละชนช้นั ได้
1.2.4.ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั ความแตกตา่ งการแต่งกายแตล่ ะยคุ สมยั
3
บทท่ี 2 เอกสารที่เกยี่ วข้อง
ในการทางานวจิ ยั เร่ือง การแต่งกายของจีนแต่ละยคุ สมยั ต้งั แต่สมยั โบราณของจีนจนถึงการ
แตง่ กายปัจจุบนั วฒั นธรรมการแต่งกายของชาวจีน ทางคณะผจู้ ดั ไดท้ าการศึกษาเอกสารท่ี
เกี่ยวขอ้ งดงั น้ี
2.1.ความเป็ นมาการแต่งกายจีนสมัยอดีต
ความเป็นมาของเส้ือผา้ ของชาวจีนไดร้ ับอิทธิพลมาจากชนกล่มุ นอ้ ย และชนเผา่ ต่างๆในจีน
ซ่ึงไดเ้ อามาผสมผสานกนั ดว้ ยความที่มีหลายชนเผา่ และมีวฒั นธรรมความเช่ือที่หลากหลาย
เส้ือผา้ ต่างๆจึงมีความหลากหลายตามไปดว้ ย ท้งั ลายและสี ก่อนท่ีจะปักลายอะไรคนจีนมกั จะ
คานึงถึงความเหมาะสม มงคลหรือไม่ และอะไรอีกหลายๆอยา่ ง
2.2.การแต่งกายแต่ละยคุ สมยั
2.2.1.การแตง่ กายสมยั ฉิน
ความเป็นมาของเส้ือผา้ การแตง่ กายต่างๆในสมยั ฉินน้นั ไดร้ ับอิทธิพลแนวคิดมาจากหยนิ ห
ยางหรือตวั อกั ษรจีนคือ(阴 阳) แปลวา่ ความสมดุลของสรรพสิ่ง กฎแห่งความสมดุลของ
ธรรมชาตินนั่ เอง ในยคุ สมยั ฉินน้นั ระยะเวลาจะส้ัน ฉะน้นั สีของเส้ือกเ็ ลยจะเป็นแบบผสมผสาน
ระหวา่ งสีเส้ือผา้ ท่ีฉินซีฮ่องเตเ้ ป็นผกู้ าหนดและสีเส้ือผา้ ตามประเพณีจารีตในยคุ จา้ นกว๋ั
เส้ือผา้ ของผชู้ ายในสมยั ฉินมีลกั ษณะเส้ือคลมุ ยาว ฉินซีฮ่องเตโ้ ปรดให้ใชส้ ีดาเป็นหลกั ใน
การตดั เยบ็ สาหรับเส้ือผา้ พิธีการ เพราะความเชื่อท่ีวา่ สีดาเป็นสีที่คู่ควรแก่การไดร้ ับความเคารพ
แสดงถึง ฟ้าดิน ศกั ด์ิสิทธ์ิ เป็นมงคล ลึกลบั และความยง่ิ ใหญ่ และสีแดงที่แสดงถึงพลงั อานาจ
สาหรับฉินซีฮ่องเตเ้ ทา่ น้นั แต่จะมีขา้ ราชการตาแหน่งยศข้นั ท่ี 3 ข้ึนไปจะใชส้ ีเขียว ประชาชน
4
ทว่ั ไปจะใชส้ ีขาว ส่วนเส้ือผา้ ผหู้ ญิง ฉินซีฮ่องเตไ้ มไ่ ดม้ ีการกาหนดสีอะไร เพราะวา่ สีสนั ความ
สวยงามของเส้ือผา้ นางสนมในวงั สวมใส่ ทาใหห้ ญิงสาวดูงดงามระรานตาชื่นจิต จึงเนน้ เส้ือผา้ ท่ี
มีสีสันหลากหลาย
2.2.2.การแตง่ กายสมยั ฮนั่
ความเป็นมาของการแต่งกายตา่ งๆในสมยั ฮนั่ จะเป็ นลกั ษณะเส้ือคลมุ ยาว เส้ือลาลองแบบ
ส้นั เส้ือนวมส้ัน กระโปรงผหู้ ญิง และ กางเกงผชู้ าย ในยคุ น้ีผา้ ที่ถกั ทอจะไดร้ ับความนิยมมาก
เส้ือผา้ ที่ทาจากผา้ แพรต่วนมีความสวยสดงดงามมากมีราคาแพงคนที่ร่ารวยในสมยั น้นั จะนิยม
สวมใส่ แตถ่ า้ ฐานะยากจนจะสวมเส้ือผา้ ที่ผา้ หยาบกร้าน
ผชู้ ายจะสวมเส้ือส้ันกางเกงขายาว และของผหู้ ญิงจะมีรายละเอียดชิ้นเส้ือผา้ จานวนมาก
เส้ือผา้ จะมีต้งั แต่ท่ีเป็นลกั ษณะกระโปรงท่ีคลุมท้งั ร่างไวใ้ ชผ้ า้ ไหมสี่ผืนเยบ็ ตอ่ กนั เรียกวา่
กระโปรงตาน และเส้ือท่ีแยกกระโปรงเป็น 2 ช้ินใส่แลว้ มีลกั ษณะต่อกนั เรียกวา่ ก่ีเพา้ มีหลาย
ลวดลาย กระโปรงลายเทพสถิตย์ เป็นกระโปรงท่ีมีช่ือเสียงมากที่สุดในสมยั น้นั
ลวดลายโดยรวมจะเป็นความเช่ือและตานาน จะเนน้ เป็นลายสตั ว์ เมฆ ภเู ขา
ขา้ ราชการในสมยั ฮนั่ จะมีหมวกและสายประดบั ยศเป็นสญั ลกั ษณ์ในการแบ่งช้นั ของขนุ นาง
ในสมยั น้นั
2.2.3.การแตง่ กายสมยั เวย่ จิ้นหนานเป่ ย
สมยั น้ีศาสนาพุทธและลทั ธิเต๋ากาลงั เฟื่ องฟู เป็นสมยั เดียวกนั กบั ยคุ สมยั สามกก๊ ลทั ธิเต๋าความ
เชื่อความคิดเร่ืองยาอมตะจึงแพร่หลายมากในยคุ น้นั หลงั จากกินยาอมตะเขา้ ไป มกั ทาให้
ร่างกายเกิดความร้อนรุ่ม จึงไม่เหมาะกบั การแต่งกายในชุดที่รัดแน่นเกินไป ซ่ึงเส้ือผา้ การแตง่
กายในสมยั น้ีจะเป็นลกั ษณะหลวมยาว มีเขม็ ขดั ของผชู้ ายจะเปิ ดแผงอกนิดๆ แขนเส้ือกวา้ ง ของ
ผหู้ ญิงจะเป็นเส้ือก่ีเพา้ กระโปรงยาวลากพ้ืน มีเขม็ ขดั
5
ลวดลายการประกอบลายไดเ้ ติมเตม็ มาจากหลายๆท่ีและความเช่ือต่างๆ ลวดลายในยคุ
สมยั เวย่ จ้ินหนานเป่ ย ซ่ึงประกอบดว้ ย ลวดลาย ตน้ ไมศ้ กั ด์ิสิทธ์ิ ท่ีเป็นลกั ษณะเด่นของการ
ประกอบลายในกลุ่มชาวอาหรับ และลวดลาย ธรรมจกั ร แบบพุทธศาสนา ลวดลายกลมและ
จุดของชนกลมุ่ นอ้ ย นอกจากน้นั ยงั มีการประกอบลายโดยใชร้ ูปทรงทางเรขาคณิตที่ไม่ใหญ่มาก
เช่นกลุ่มลาย เหร่ินตง จุดเด่นของลายท้งั หมดท่ีกล่าวมากค็ ือ มกั ประกอบลายในแนวนอน ไม่
หรูหราเทา่ ไรแต่จะใหค้ วามรู้สึกที่เป็นการตกแต่งอยา่ งชดั เจน เก้ียวผา้ ตาข่ายเป็นหมวกกวานที่มี
ความเป็นเอกลกั ษณ์ในยคุ ราชวงศ์ เวย่ จิ้นหนานเป่ ย ไมว่ า่ ชายหรือหญิงสมยั น้นั นิยมสวมเก้ียว
ประเภทน้ี
2.2.4.การแต่งกายสมยั สุ่ย
การเเต่งกายสมยั สุ่ยการเเตง่ การรูปเเบบจะมีความคลา้ ยคลึงกนั มาก เส้ือผา้ กษตั ริย์ สมยั
ตน้ สุ่ยจะเรียบงา่ ย เส้ือผา้ ยงั คงลกั ษณะกี่เพา้ หรือคลุมยาว เมื่อกษตั ริยส์ ุ่ยหยางข้ึนครองราชย์ จึง
เกิดการเปลี่ยนเเปลงทางสังคม เเละคอ่ ยๆฟ้ื นฟุการเเตง่ กายสมยั ฉินเเละสมยั ฮน่ั ข้ึน โดยยสมยั สุ่ย
ไดน้ า “สุริยนั จนั ทรา ดาราราย” และลวดลายอื่น ๆ กลบั มาประดบั บนฉลองพระองคใ์ นพระราช
พิธีของจกั รพรรดิอีกคร้ังหน่ึง เเละกลายเป็นพ้ืนฐานฉลองพระองคใ์ นยตุ ต่อๆมา
ตอ่ มาเป็นการเเต่งกายผหู้ ยงิ ยคุ สุ่ยจะนิยม สวมชุดเส้ือเอวส้ันป้านป้ี และกระโปรงนางฟ้า โดย
จะสวมป้านป้ี เป้นเเขนเส้ือส้นั สวมทบั กบั เส้ือเเขนยาว คลา้ ยเส้ือกก๊ั เเละสวมกระโปรงนางฟ้า
หรือเรียนอีกอยา่ งวา่ กระโปรงสิบสองจีบ เป็นกระโปรงท่ีมีชายกวา้ ง มีผา้ คลุมไหลผ่ า้ ไหม ใช้
สวมคลมุ ไหลข่ องผหู้ ญิง จะเป็นลวดลายเเละมนั เงาสะทอ้ นเเสง ใชพ้ าดไหลป่ ล่อยชายหอ้ ยลงมา
ท้งั สองขา้ ง
เส้ือเเละชุดคลมุ คอกลมของผชุ้ าย พฒั นามาจากชุดเซินอี(ชุดพธิ ีการแบบวฒั นธรรมฮนั่ )
สมยั ก่อนเป้นเส้ือผา้ รูปแแบบหลกั ของผชู้ ายสมยั ถงั จะเป็นลกั ษณะชุดรวดเดียว คาดเอวใหเ้ เน่
นดว้ ยเขม็ ขดั บนศีรษะสวมหมวกฝู สวมรองเทา้ หุ้มขอ้
6
2.2.5.การแต่งกายสมยั ถงั
ประวตั ิศาสตร์ความเป็นมาเส้ือผา้ การแตง่ กายตา่ งๆในสมยั ถงั ถงั เป็นสมยั ท่ีมีความ
เจริญรุ่งเรืองมากๆ ไมว่ า่ จะเป็นในดา้ นวฒั นธรรมและเศรษฐกิจและอีกหลายๆดา้ น ไดร้ ับ
วฒั นธรรมแบบเส้ือผา้ จากตา่ งชาติเขา้ มาผสมผสานคือ เกาหลีและญ่ีป่ นุ ฉะน้นั เส้ือผา้ ในสมยั น้ี
จึงมีความสวยงามและมีความหลากหลาย
ชุดพธิ ีการของผหู้ ญิงช้นั สูงในวงั จะมีลกั ษณะเปิ ดหนา้ อก คอเส้ือต่า แขนเส้ือยาวและใหญ่
สวมเส้ือกระโปรงท่ีทาจากผา้ นวม มีผา้ คลุมไหล่
ผหู้ ญิงในสมยั ถงั จะนิยมหญิงรูปร่างอวบกนั เพราะชุดเส้ือผา้ กระโปรงเกาะอกสมยั ถงั หรือ
กระโปรงหยรูเกาะอก หญิงอวบจะใส่สวยกวา่ หญิงที่มีรูปร่างผอมบาง เส้ือหยรูสมยั ถงั เป็นเส้ือผา้
เจี่ยหรือเส้ือผา้ ฝ้ายที่มีขนาดส้ันและไมย่ าวมาก บริเวณคอเส้ือและปลายแขนเส้ือตกแต่งดว้ ย
ลวดลายดิ้นทองหรือประดบั ดว้ ยงานปัก หรือปักลวดลายดว้ ยผา้ ตาดสีแดง ซ่ึงการประดบั
ตกแต่งเช่นน้ีทาใหเ้ ครื่องแต่งกายมีความหรูหรามาก และกระโปรงยคุ ถงั น้ีส่วนมากเอวสูงหรือ
รัดอก รัดสะโพก และชายกระโปรงกวา้ งยาวลากพ้นื และมีลกั ษณะเป็นกระโปรงจีบ
ทรงกระบอกผา้ พลิว้
เส้ือผา้ รูปแบบหลกั ของผชู้ ายในสมยั ถงั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ตอ่ กนั เป็นช้ินเดียว บริเวณคอ
เส้ือ แขนเส้ือ ต่างมีการขลิบริม ดา้ นลา่ งของคอเส้ือดา้ นหนา้ มกั ปะดว้ ยแถบผา้ ตามแนวนอน
คาดเอวใหแ้ น่นดว้ ยเขม็ ขดั บนศีรษะสวมหมวกฝู สวมรองเทา้ หุม้ ขอ้ และชุดคอกลมแบง่ เป็น 2
ประเภท คือแขนกวา้ งและแขนแคบ แขนแบบแคบเหมาะสาหรับเวลา ตอ้ งการความ
คลอ่ งแคล่ว เส้ือแขนกวา้ งน้นั แสดงถึงความทนั สมยั และความหรูหราชนช้นั ในสมยั ถงั
สมยั ถงั การทอผา้ มีความล้าและกา้ วหนา้ มาก เส้นใยไหมการเล้ียงไหมตา่ งๆกม็ ีคุณภาพมาก
ฉะน้นั ในสมยั ถงั จึงเป็นยคุ ท่ีเส้ือผา้ เครื่องแต่งกายบูมและเฟ่ื องฟูเป็นอยา่ งมาก
2.2.6.การแต่งกายสมยั ซ่ง
7
เส้ือผา้ สมยั ซ่งเป็นสมยั ที่มีความเรียบง่ายสมยั น้นั แนวความคิดปรัชญาของสานกั ขงจ้ือเฟื่ องฟู
พฤติกรรมของผคู้ นสมยั น้นั ตามแนวคาสอนของทา่ นขงจ้ือ จึงมีรสนิยมช่ืนชมในความเป็น
ธรรมชาติ ผคู้ นสมยั ซ่งมกั จะไมเ่ นน้ ลวดลายสีฉูดฉาด เเละเส้ือผา้ สมยั ซ่งยงั คงไดร้ ับอิทธิพลมา
จากสมยั ถงั ส่วนเส้ือผา้ ราชการเป็นเส้ือคลุมยาว เเขนเส้ือใหญ่ สวมหมวกประจาตาเเหน่ง มีการ
เเบ่งสีเส้ือเพ่อื บอกยศตาเเหน่ง เส้ือผา้ ผหู้ ญิงเป็นลกั ษณะเส้ือคลมุ ตวั ใหญเ่ เละยาวช่วงคอตรงเเละ
กระโปรงผหู้ ญิงจะเป็นจีบจานวนมาก เส้ือผา้ ที่ไดร้ ับความนิยมของนางสนมในวงั เเละสตรี
ทว่ั ไปจะเป็นเส้ือกก๊ั สมยั ซ่ง
หมวกฝขู องผชู้ ายเป็นท่ีนิยมอยา่ งมากในสมยั ซ่ง ฝโู ถวทาโครงภายในโดยไมด้ า้ นนอกเป็นผา้
ยอ้ มสี หางดา้ นหลงั เหยียดยาวตรง เเละยงั มีหางไขว้ หางพลิก ส่วนหมวกของผหู้ ญิงเป็นหมวก
กวานซื่อ ท่ีผหู้ ญิงสูงศกั ด์ิในสมยั ซ่ง จะสวมกวานโดยมีดอกฮวากวานประดบั มากมาย หลงั
หมวกกวานจะมีชายหอ้ ยถึงบา่ เคร่ืองประดบั จะมีท้งั มกุ ทอง ขนนกกระเตน็ เป็นตน้ ผหู้ ญิงที่
สวมหมวกกวานซื่อเเบบน้ีมกั จะนงั่ เก้ียวกนั ลวดลายสมยั ซ่งจะเป็นลายปักษาและพฤกษาพรรณ
ทาใหล้ ายบนเส้ือผา้ ชาวซ่งลายกจ็ ะมีความเเตกตา่ งจากสไตลข์ องชาวถงั
เส้ือเเละชุดคลุมคอกลมของผชุ้ าย พฒั นามาจากชุดเซินอี(ชุดพธิ ีการแบบวฒั นธรรมฮนั่ )
สมยั ก่อนเป้นเส้ือผา้ รูปแแบบหลกั ของผชู้ ายสมยั ถงั จะเป็นลกั ษณะชุดรวดเดียว คาดเอวใหเ้ เน่
นดว้ ยเขม็ ขดั บนศีรษะสวมหมวกฝู สวมรองเทา้ หุม้ ขอ้
2.2.7.การแต่งกายสมยั หยวน
สมยั หยวนน้ีเป็นสมยั ที่มองโกลหรือเเมนจู เขา้ มายดึ ครองเมืองจีน เเต่การเเต่งกายยงั ไดร้ ับ
อิทธิพลมาจากชาวฮน่ั การเเตง่ กายสมยั น้ีจีงมีความผสมผสานระหวา่ งมองโกล-เเมนจูเเละฮน่ั
เส้ือผา้ ผชู้ ายผหู้ ญิงไมต่ า่ งกนั มาก จะเป็นชุดคลมุ ยาว เส้ือตรงหนา้ อก เบไ้ ปทางซา้ ยยาวและลึก
ผหู้ ญิงสวมกระโปรงยาวทบั ส่วนผชู้ ายจะเป็นชุดยาวเลย เเต่ผหู้ ญิงจะสวมเส้ือกนั หนาว พกผา้
คลมุ ไวพ้ าดไหล่ พกพดั หรือวี
8
การแต่งกายของสตรีช้นั สูงสมยั หยวน จะมีลกั ษณะเป็นเส้ือตวั ใหญ่ ลาตวั กวา้ งมาก ปลายแขน
เส้ือเลก็ ชายกระโปรงยาวลากพ้นื เวลาเดินไปไหนกจ็ ะมีนางกานลั คอยถือ ชุดน้ีเรียกอีกอยา่ งวา่
ถวนซานหรือตา้ อี สีที่นิยมคือ สีแดง สีเหลือง สีเลือดนก เป็นตน้
ผชู้ ายสมยั หยวนจะสวมหมวกทรงฉิ่งหรือโป๋ ล่ี และหมวกส่ีเหลี่ยมเรียกว่า หวา่ เหลิงเทา่ ส่วน
ขา้ ราชการจะเนน้ สวมใส่ชุด “ป่ ฝู ”ู สวมหมวกผา้ แพรบาง สวมเส้ือคอกลม ลายผา้ ตรงกลางเส้ือ
ระดับ ลายปักผ้า
ขนุ นางบุ๋น ขนุ นางบู้
1 นกกระเรียน สิงโต
2 ไก่ฟ้าสีทอง สิงโต
3 นกยงู เสือ
4 ห่านป่ า เสือดาว
5 ไก่ฟ้าสีน้าเงิน หมีสีน้าตาล
6 นกกระยาง เสือดา
7 นกเป็ดน้า เสือดา
8 นกขมิน้ แรด
9 นกกระทา มา้ ท่ีอยบู่ นน้า
คลุมยาวบง่ บอกถึงยศตาแหน่งทางราชการ การทอจะใชผ้ า้ ทองเเละขนสตั วใ์ นการตดั เยบ็ กจ็ ะมี
ท้งั เเบบมองโกลเเละฮน่ั สมยั น้ีจะมีเอกลกั ษณ์คือกี่เพา้ ยาว เเละยงั นิยมสวมหมวก "กูก"ู
2.2.8.การแต่งกายสมยั หมิง
สมยั หมิงจะฟ้ื นฟูสงั คมจีนใหร้ ุ่งอีกคร้ัง จึงเลือกใชเ้ คร่ืองเเต่งกายสาหรับสานกั เเบบโจวเเละ
ฮนั่ ไดใ้ หค้ วามสาคญั ในการฟ้ื นฟกู ารเเตง่ กายของชนชาติชาวฮน่ั เเละมีการพฒั นาในหลายๆดา้ น
ทาใหก้ ารเเค่งกายสมยั หมิงมีความสง่างาม ผา่ เผย ชุดขนุ นางขา้ ราชการสานกั หมิง ที่เรียกวา่ ป่ ูจึ
เป็นภาพปักลายสตั วม์ งคลท่ีปักตรงหนา้ อกเเละดา้ นหลงั เพ่ือบง่ บอกถึงลาดบั ช้นั ตาเเหน่ง โดย
ลายท่ีปักจะมี 2 ประเภท
9
ชุดผหู้ ญิงสมยั หมิงจะสวมใส่ชุดเป้ยจึ จะมีปกเส้ือรวบเเละปกเส้ือเเบบตรงยาวเเละรัดรูป
ปลายกระโปรงบานออก หญิงสูงศกั ด์ิมกั สวมชุดเป้ยจึปกเส้ือรวบ เเขนเส้ือใหญ่ เเต่หญิงชาวบา้ น
จะสวมเป้ยจึปกเเละเส้ือตรง เเขนเส้ือเล็ก ผหู้ ญิงทีความเเปลกใหม่ โดย มีชุดผา้ ตดั ปะตารางนา
ขา้ ว เป็นการตดั เยบ็ มาจากผา้ เศษหลายๆช้ิน มีสีสันสวยงาม เเปลกใหม่ มีลกั ษณะคลา้ ยนาขา้ ว
โดดเด่น จึงไดร้ ับความนิยมจากผหู้ ญิงสมยั หมิง
2.2.9.การแตง่ กายสมยั ชิง
การปกครองสมยั ชิงสถาปนาข้ึนโดยชนกลุ่มนอ้ ยแมนจู การแต่งกายของสมยั น้ีจะตอ้ ง
กระชบั ตอ่ การยงิ ธนูและการข่ีมา้ ซ่ึงเป็นคุณสมบตั ิของสมยั น้ีที่แตกต่างจากฮน่ั ค่อนขา้ งมาก จึง
เป็นจุดเด่นของการเเตง่ กายสมยั น้ีเพราะสมยั ชิงน้ีมีความเขา้ ใจไมเ่ หมือนใครเก่ียวกบั การแตง่
กายของเผา่ ตนเอง เส้ือผา้ ผชู้ ายยงั คงเนน้ ใส้เส้ือคลุมยาว เส้ือเเจ็คเก็ตเเบบจีนหรือเรียกอีกอยา่ งวา่
"เส้ือหม่ากวา้ " มีความยาวถึงสะดือ ดา้ นขา้ งสองขา้ งและดา้ นหลงั จะมีช่องแหวก(คลา้ ยกระโปรง
แหวกขา้ ง) โกนผมออกครึงหน่ึงเเลว้ ถกั เปี ยยาว
ผหู้ ญิงเส้ือเเละกระโปรงจะมีการผสมผสานระหวา่ งฮน่ั กบั เเมนจู ก่ีเพา้ จะมีลกั ษณะของเเมนจู
เเละสตรีช้นั สูงในสมยั ชิงปกติแลว้ จะทาผมทรงฉี มีอีกทรงท่ีมีหมวกครอบไว้ เรียกวา่ หมวก
เต้ียน ที่ประดบั ตกเเต่งดว้ ยอยั มณีต่างๆ เช่น ไข่มุก ทอง ทบั ทิม ขนนก เป็นตน้ ทรงผมผหู้ ญิง โดย
จะมีอยู่ 2 ทรง ทรงสองแกละเเละทรงหมวกปี กกวา้ ง เราจะเห็นไดว้ า่ ทรงผมผหู้ ญิงเเละผชู้ าย
สมยั น้ีจะโดดเด่นมากเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ไมเ่ หมือนสมยั อื่นๆ
2.2.10.การแต่งกายสมยั ปฏิวตั ิซินไฮ่
เมื่อเกิดการปฏิวตั ิซินไฮ่ที่มีการลม้ ราชวงศช์ ิง แฟชนั่ กี่เพา้ จากในวงั กถ็ กู นาไปสวมใส่ผหู้ ญิง
พร้อมกบั เปลี่ยนแปลงและนาวฒั นธรรมตะวนั ตกเขา้ มาใหท้ นั สมยั และเขา้ รูปเพ่อื ใหเ้ นน้ รูปร่าง
ของผสู้ วมใส่ ไม่วา่ จะเป็นชุดคลุมยาวของผชุ้ าย ก่ีเพา้ ผหู้ ญิง เส้ือกก๊ั กางเกงเเละกระโปรงลว้ นถูก
ดดั เเปลงผสมระหวา่ งเเบบเส้ือตะวนั ตกเเละเส้ือจีน ทาใหม้ ีสไตลม์ ากข้ึน จึงทาใหก้ ระแสก่ีเพา้
น้นั มาแรงเป็นอยา่ งมาก มีแขนกระด่ิง แขนกุด บา้ งกบ็ ุดว้ ยขนสตั ว์ หรือผา่ ดา้ นขา้ งเพอ่ื โชว์
10
ขา ก่ีเพา้ จึงกลายเป็นเส้ือผา้ ยอดนิยม เซี่ยงไฮ้ จนแพร่หลายไปทว่ั ประเทศจีน อีกท้งั ในสมยั ปฏิวตั ิ
ซินไฮ่ไดถ้ ือกาเนิดออกแบบเส้ือผา้ มาใหม่ คือ ชุดฟอร์มจงซาน ชุดฟอร์มนกั เรียนนกั ศึกษาทาให้
มีคนนิยมกนั อยา่ งมาก
2.2.11.การแต่งกายสมยั ปัจจุบนั
ชาวจีนไดร้ ับอิทธิพลเครื่องแตง่ กายจากชนกลมุ่ นอ้ ย เผา่ ตา่ ง ๆ ในจีนรวมถึงวฒั นธรรมการแต่ง
กายเส้ือผา้ ของตา่ งชาติหรือชาติตะวนั ตก ผสมกนั จนเป็นลกั ษณะพเิ ศษของการแต่งกายชาวจีน
ส่วนมากในยคุ ปัจจุบนั น้ีลว้ นจะไดร้ ับอิทธิพลการเเต่งกายมาจากชาติตะวนั ตก
ซ่ึงการแตง่ กายของชาวจีนน้นั มีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งต่อเนื่อง และมีการพฒั นาใหเ้ ขา้ กบั ยคุ
สมยั ใหม่มากข้ึน เพอ่ื ความสะดวกในการเเตง่ ตวั แตใ่ นปัจจุบนั คนจีนก็นาแฟชนั่ บางอยา่ งมา
ปรับแตง่ เลยไม่สามารถคงความเป็นเอกลกั ษณ์เส้ือผา้ ของคนจีนในยคุ โบราณได้ เเต่คนจีนจะมี
เอกลกั ษณ์ที่หนา้ ตา แฟชนั่ บางอยา่ งก็ยงั คงอยเู่ พราะยงั เป็นท่ีนิยมของคนปัจจุบนั อยา่ งเช่น กี่เพา้
ที่สวมใส่กนั ในวนั ตรุษจีน เป็นตน้ ปัจจุบนั จึงมีคนจีนมาสวมใส่เส้ือผา้ เเบบตะวนั ตกมากข้ึนเเต่
เส้ือผา้ จีนในยคุ สมยั โบราณตา่ งๆท่ีผา่ นมาก็ยงั สวยงดงามไมเ่ เพก้ นั เพยี งเเต่คนจีนสมยั ปัจจุบนั
ตอ้ งปรับการเเตง่ กายหรือเส้ือผา้ ใหท้ นั สมยั มากข้ึน
11
บทที่ 3 วธิ ีดาเนนิ รายงานการวจิ ัย
ในการจดั ทางานวิจยั เรื่อง การแต่งกายแตล่ ะยคุ สมยั ของจีน ผจู้ ดั ทาโครงงานมีวธิ ีดาเนินงาน
งานวิจยั ตามข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี
3.1.วัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือหรือโปรแกรมหรือท่ใี ช้ในการทางานวิจยั
3.1.1.โน๊ตบคุ๊
3.1.2.อินเทอร์เน็ต
3.1.3.โปรแกรม Microsoft Word
3.1.4.โปรแกรม Canva
3.2.ข้นั ตอนการดาเนินงาน
3.2.1.คิดหวั ขอ้ โครงงานเพือ่ นาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
3.2.2.เขียนโครงร่างรายงานวจิ ยั
3.2.3.ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองท่ีสนใจคือเร่ือง การแตง่ กายของจีนแต่
ละยคุ สมยั วา่ มีเน้ือหามากนอ้ ยเพยี งใด ศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู จากเวบ็ ไซตแ์ ละYouTube
และเกบ็ ขอ้ มูลไวเ้ พอ่ื จดั ทาเน้ือหาต่อไป
3.2.4.ปฏิบตั ิการจดั ทารายงายวิจยั เรื่อง การแตง่ กายของจีนแตล่ ะยคุ สมยั โดยการปฏิบตั ิ
ตามแบบที่เขียนโครงร่างรายงานวิจยั
3.2.4.นาขอ้ มลู ท่ีรวบรวมไดม้ าวิเคราะห์ สรุป แลว้ ลงโปรแกรม Microsoft Word เพอื่ ทา
รูปเล่ม
12
3.3.ประเด็นการศึกษา
3.3.1.เส้ือผา้ การแต่งกายแตล่ ะสมยั ของจีน
3.3.2.ความหมายของลวดลายท่ีปักบนชุด
3.3.3.การแตง่ กายท่ีแตกต่างกนั ในแต่ละยคุ สมยั
3.3.4.การแตง่ กายของขนุ นางตา่ งๆ
13
บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน
การจดั ทารายงานวจิ ยั เรื่อง การแตง่ กายของจีนแต่ละยคุ สมยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ตอ้ งการจะ
แยกการแต่งกายแตล่ ะยคุ สมยั ได้ และเพื่อศึกษาความหมายเก่ียวกบั ลวดลายที่ปักบนผา้ เพือ่ ให้
ผจู้ ดั ทาโครงงานสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ ขา้ กบั การเรียนรู้ของตนเองมากยงิ่ ข้ึนซ่ึงมีผลการ
ดาเนินงานโครงงาน ดงั น้ี
4.1.ผลการศึกษา
ผลการศึกษาเร่ือง การแตง่ กายของจีนแต่ละยคุ สมยั ผจู้ ดั ทาไดเ้ ร่ิมดาเนินงานตามข้นั ตอนการ
ดาเนินงานที่เสนอในบทท่ี 3 แลว้ จากน้นั ผจู้ ดั ทารายงานวจิ ยั ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั การแตง่ กายของ
จีนต้งั แตส่ มยั โบราณจนมาถึงสมยั ปัจจุบนั การแตง่ กายของจีนมกั จะเปล่ียนแปลงไปตามสภาพ
อากาศ และเมื่อใดที่ผคู้ นชนช้นั สูงสมยั น้นั ๆไดแ้ ตง่ ชุดทรงองคเ์ ครื่องประดบั มากมาย และ
ลวดลายปักบนชุดสวยงาม สมยั น้นั รุ่งเรืองก็เป็นได้ ไดค้ วามรู้เกี่ยวกบั ความหมายลวดลายที่ปัก
บนชุดน้นั จะบ่งบอกถึงการแยกระดบั ขนุ นางต่างๆ ซ่ึงการศึกษาเร่ืองน้ีไดค้ วามรู้สอดแทรกเขา้
มาไม่วา่ จะเป็น ความรู้เก่ียวกบั สภาพความเป็นอยแู่ ละสังคมของสมยั น้นั ประวตั ิศาสตร์จีน การ
ลม่ สลายของราชวงศต์ ่างๆ เป็นตน้
14
บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
5.1.สรุปผลการศึกษา
จากงานวจิ ยั วิชา ISการศึกษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ เร่ืองการแตง่ กายในแต่ละยคุ สมยั
ของจีน มีจุดที่ดึงดูดและน่าสนใจ มีจุดเช่ือมโยง ซ่ึงทาใหเ้ ราไดค้ วามรู้เก่ียวกบั ประวตั ิศาสตร์จีน
และวฒั นธรรมมาดว้ ยเพราะจุดเชื่อมโยง และความรู้อื่นๆท่ีเกี่ยวเน่ืองกนั อีก ดงั น้นั การศึกษาของ
เราน้นั จึงสามารถนามาประกอบกบั การศึกษาเรียนรู้ไดห้ ลายทาง
5.2.อภปิ รายผล
จากผลของการศึกษา ไดเ้ ห็นถึงความแตกตา่ งของแตล่ ะยคุ สมยั ท่ีมีความเชื่อและแนวคิดที่
แตกตา่ งกนั ไปในแต่ละยคุ ท่ีไดป้ ักลวดลายลงบนชุด สี สญั ลกั ษณ์ ลว้ นมีความหมายที่แสดงถึง
ทศั นคติความคิดของคนในสมยั โบราณจนมาถึงปัจจุบนั ซ่ึงทาใหเ้ กิดการเรียนรู้และแยกการแตง่
กายแตล่ ะสมยั ได้ และเกิดความเขา้ ใจในประวตั ิศาสตร์จีนมากย่ิงข้ึน เนื่องจาก รายงานวิจยั เร่ือง
การแต่งกายแตล่ ะยคุ สมยั ของจีน น้ีมีความรู้ทางประวตั ิศาสตร์จีน ปรัชญาตา่ งๆสอดแทรกเขา้ มา
5.3.ข้อเสนอแนะ
5.3.1.สามารถนามาประกอบกบั การศึกษาเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์ เพราะมีความสอดคลอ้ ง
กนั สามารถนามาศึกษาควบคูก่ นั ได้
5.3.2.สามารถใหผ้ ทู้ ี่สนใจนาไปศึกษาเป็นความรู้เพม่ิ เติมได้
5.3.3.นาลายปักมาประยกุ ตใ์ หเ้ ขา้ กนั กลายเป็นแฟชนั่ สมยั ใหม่ในปัจจุบนั ได้
15
บรรณานุกรม
วฒั นธรรมการแต่งกายของจนี .(2562). [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก:
http://www.kongqipaoshop.com/ (วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มูล : 22 กรกฎาคม 2565)
นางสาวศรีสมยั .( 6 เมษายน 2556 ).เร่ืองราวน่ารู้..ประวัติการแต่งกายของแต่ละ ประเทศ ตอน
ท่ี 3 จนี .[ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://pantip.com/topic/30339534
(วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มลู : 22 กรกฎาคม 2565)
เครื่องแต่งกายสมัยสุย ถงั และสมัยห้าราชวงศ์ 隋唐五代的服饰.(15 ตุลาคม 2553).
[ออนไลน]์ เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.hongqipaoshop.com/b/24 (วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มลู : 22
กรกฎาคม 2565)
สุ่ยหลิน.( 16 ธนั วาคม 2558 ). อยากรู้จังผ้หู ญงิ จีนสมัยก่อน เค้าแต่งตัวกนั ยงั ไงนะ??.
[ออนไลน]์ เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://is.gd/ocprWX (วนั ท่ีสืบคน้ ขอ้ มูล : 22 กรกฎาคม
2565)
การแต่งกายจีน – บ้านจอมยุทธ.(สิงหาคม 2543). [ออนไลน]์ เขา้ ถึงไดจ้ าก :
https://is.gd/z8bzwS (วนั ท่ีสืบคน้ ขอ้ มูล : 22 กรกฎาคม 2565)
16
ภาคผนวก
17
ประวัตขิ องผ้จู ดั ทา
1.นางสาวลานนา ทองธวัช ม.6/9 เลขที่ 24
ประวตั สิ ่วนตวั
วัน/เดือน/ปี วนั ที่ 8 เมษายน พ.ศ.2548 อายุ 17 ปี
ที่อยู่ บา้ นเลขท่ี 159 หมู่ 1 ต.ท่งุ ป้ี อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
2.นางสาวนวลวรรณ แซ่พ่าน ม.6/9 เลขท่ี 32
ประวตั ิส่วนตัว
วัน/เดือน/ปี วนั ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อายุ 18 ปี
ที่อยู่ บา้ นเลขท่ี 348 หมู่ 9 บา้ นทงุ่ เส้ียว ต.บา้ นกลาง อ.สันป่ าตอง จ.เชียงใหม่
3.นางสาวมนัสวรรณ ทัพผดุง ม.6/9 เลขท่ี 35
ประวัติส่วนตวั
วัน/เดือน/ปี วนั ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2547 อายุ 18 ปี
ทีอ่ ยู่ บา้ นเลขที่ 57 หม7ู่ บา้ นดงก๋าํ ต.ทงุ่ สะโตก อ.สันป่ าตอง จ.เชียงใหม่
4.นางสาวเปรมกมล ปัญจะเรือง ม.6/9 เลขท่ี 40
ประวตั สิ ่วนตัว
วัน/เดือน/ปี วนั ที่ 22 กรกฏาคม พ.ศ.2547 อายุ 18 ปี
ทอี่ ย่บู ้านเลขที่ 111 หม8ู่ บา้ นแม ต.บา้ นแม อ.สนั ป่ าตอง จ.เชียงใหม่