The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by natthawutut01, 2023-08-16 02:07:09

EBOOK หนังสือรุ่น นรต.38

EBOOK

¹Ñ¡àÃÕ¹¹ÒÂÌ͵ÓÃǨ ÃØ‹¹ 38


สำหรับผูสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจเทานั้นที่มีสิทธิประดับเครื่องหมายแสดง คุณวุฒิประกอบเครื่องแบบทำดวย โลหะ มีขนาดกวาง 3 ซม. ยาว 4 ซม. มีลักษณะเปนรูปอารมสองเสนคู พื้นอารมดานขวาเปนสีแดงเลือดหมู พื้นอารมดานซายเปนสีดำ และเสนคูเปนสีเงิน ภายในอารมมีรูปกระบี่ และรูปพระแสงดาบเขนและโลซึ่งเปนรูปวงกลมเสนคูสองชั้นไขว วงนอกมีลายพรรณพฤกษา และมีรูปดาว แปดแฉกซอนทับบนกระบี่และพระแสงดาบเขนและโล ทั้งหมดเปนสีเงิน รูปอารมซอนทับบนพระราชโองการ สีเหลืองทอง เบื้องบนของพระราชโองการมีรูปพระมหาพิชัยมงกุฎมีรัศมีสีเงิน ภายในพระมหาพิชัยมงกุฎ มีรูปอุณาโลม และเลขไทยลำดับรัชกาลที่ 10 เปนสีเงิน ใตอารมตรงกลางมีหมายเลขรุนของนักเรียน นายรอยตำรวจเปนเลขไทยสีเหลืองทอง เบื้องลางของพระราชโองการมีแถบโบสีชมพู กลางแถบมีอักษร ภาษาไทยสีเงินคำวา "นักเรียนนายรอยตำรวจ รุน..." ซอนทับบนปลายกระบี่และปลายพระแสงดาบเขนและโล 1. พระมหาพิชัยมงกุฎครอบอยูเหนืออุณาโลมและเลขไทยลำดับรัชกาลที่ 10 หมายถึง พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลาเจาอยูหัว 2. พระราชโองการ หมายถึง คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย 3. รูปอารม (องคประกอบ รูปพระแสงดาบเขนและโล รูปดาวแปดแฉก กระบี่) หมายถึง เครื่องหมายราชการ ของโรงเรียนนายรอยตำรวจ 4. ตัวเลขไทยใตอารม หมายถึง หมายเลขรุนของผูเขารับการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจ 5. อักษรไทยคำวา "นักเรียนนายรอยตำรวจ รุน...." ในแถบโบ หมายถึง ชื่อเรียกผูเขารับการศึกษาหลักสูตร นักเรียนนายรอยตำรวจ และหมายเลขรุน 6. สีเหลืองทอง หมายถึง สีแหงวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลาเจาอยูหัว 7. สีชมพู หมายถึง สีแหงวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหตั้งโรงเรียนนายรอยตำรวจ ความหมายขององคประกอบเข็มผูสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจ "เข็มผูสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจ" ถึงเพื่อนรัก เพื่อน ๆ นรต.38 ทุกท่านครับ ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจเสมอที่ได้เรียนกับทุกคนในโรงเรียน นายร้อยตำรวจ ตลอดระยะเวลา 4 ปี เราต่างมีทั้งสุขและทุกข์หากการรับรู้และมีประสบการณ์ ร่วมกันเหล่านั้นได้กลายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แม้เมื่อเข้าสู่ชีวิตการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผมพบว่า ในรุ่นของเรามีความหลากหลายทั้งเป็นเพื่อนร่วมงาน อยู่ต่างสายงาน หรือไม่ได้ยึดชีวิต การเป็นตำรวจแล้วก็ตาม หากความเป็นเพื่อนได้ผูกใจ ผูกจิต และผูกพันตั้งแต่วินาทีที่พวกเรา พบหน้าจนถึงปัจจุบัน สายสัมพันธ์ของความรักที่เหนียวแน่น ที่ต่างมอบให้กันยังคงอยู่ตลอดไป แบบมิเคยเสื่อมคลาย ดังนั้นไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน เป็นใคร หรือเวลาใดก็รับรู้ถึงมิตรภาพนี้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยากจะ อธิบายออกมาเป็นคำพูด หากในหมู่พวกเรากลับแจ่มแจ้ง และพร้อมจะถ่ายทอดพลังและสื่อสารถึง ความเป็นเพื่อน นรต.38 ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นคงของความรัก ซึ่งนอกจากพวกเราได้ประจักษ์ใจ กันแล้ว หากยังพร้อมส่งต่อความภาคภูมิใจให้ทุกคนได้ประจักษ์จิตถึงความสามัคคี ที่เป็นตำนาน เป็นเรื่องราว เรื่องเล่า และเป็นที่กล่าวขวัญถึง ในหมู่รุ่นพี่และรุ่นน้องของพวกเราตลอดมา ซึ่งผม หวังว่าความงดงามเช่นนี้จะเป็นแบบอย่างที่สืบทอด และสืบสานในโรงเรียนนายร้อยตำรวจต่อไป ปีนี้พวกเราส่วนใหญ่จะเกษียณอายุราชการแล้ว ความสวยงามของความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ และคงตั้งตารอเวลาที่จะมาพบปะ และร่วมกิจกรรมในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น นรต.38 ปีแล้วปีเล่า รักเพื่อนเสมอ (ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์) ประธานนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38 พลตำรวจเอก


สำหรับผูสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจเทานั้นที่มีสิทธิประดับเครื่องหมายแสดง คุณวุฒิประกอบเครื่องแบบทำดวย โลหะ มีขนาดกวาง 3 ซม. ยาว 4 ซม. มีลักษณะเปนรูปอารมสองเสนคู พื้นอารมดานขวาเปนสีแดงเลือดหมู พื้นอารมดานซายเปนสีดำ และเสนคูเปนสีเงิน ภายในอารมมีรูปกระบี่ และรูปพระแสงดาบเขนและโลซึ่งเปนรูปวงกลมเสนคูสองชั้นไขว วงนอกมีลายพรรณพฤกษา และมีรูปดาว แปดแฉกซอนทับบนกระบี่และพระแสงดาบเขนและโล ทั้งหมดเปนสีเงิน รูปอารมซอนทับบนพระราชโองการ สีเหลืองทอง เบื้องบนของพระราชโองการมีรูปพระมหาพิชัยมงกุฎมีรัศมีสีเงิน ภายในพระมหาพิชัยมงกุฎ มีรูปอุณาโลม และเลขไทยลำดับรัชกาลที่ 10 เปนสีเงิน ใตอารมตรงกลางมีหมายเลขรุนของนักเรียน นายรอยตำรวจเปนเลขไทยสีเหลืองทอง เบื้องลางของพระราชโองการมีแถบโบสีชมพู กลางแถบมีอักษร ภาษาไทยสีเงินคำวา "นักเรียนนายรอยตำรวจ รุน..." ซอนทับบนปลายกระบี่และปลายพระแสงดาบเขนและโล 1. พระมหาพิชัยมงกุฎครอบอยูเหนืออุณาโลมและเลขไทยลำดับรัชกาลที่ 10 หมายถึง พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลาเจาอยูหัว 2. พระราชโองการ หมายถึง คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย 3. รูปอารม (องคประกอบ รูปพระแสงดาบเขนและโล รูปดาวแปดแฉก กระบี่) หมายถึง เครื่องหมายราชการ ของโรงเรียนนายรอยตำรวจ 4. ตัวเลขไทยใตอารม หมายถึง หมายเลขรุนของผูเขารับการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจ 5. อักษรไทยคำวา "นักเรียนนายรอยตำรวจ รุน...." ในแถบโบ หมายถึง ชื่อเรียกผูเขารับการศึกษาหลักสูตร นักเรียนนายรอยตำรวจ และหมายเลขรุน 6. สีเหลืองทอง หมายถึง สีแหงวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลาเจาอยูหัว 7. สีชมพู หมายถึง สีแหงวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหตั้งโรงเรียนนายรอยตำรวจ ความหมายขององคประกอบเข็มผูสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจ "เข็มผูสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายรอยตำรวจ" ถึงเพื่อนรัก เพื่อน ๆ นรต.38 ทุกท่านครับ ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจเสมอที่ได้เรียนกับทุกคนในโรงเรียน นายร้อยตำรวจ ตลอดระยะเวลา 4 ปี เราต่างมีทั้งสุขและทุกข์หากการรับรู้และมีประสบการณ์ ร่วมกันเหล่านั้นได้กลายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แม้เมื่อเข้าสู่ชีวิตการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผมพบว่า ในรุ่นของเรามีความหลากหลายทั้งเป็นเพื่อนร่วมงาน อยู่ต่างสายงาน หรือไม่ได้ยึดชีวิต การเป็นตำรวจแล้วก็ตาม หากความเป็นเพื่อนได้ผูกใจ ผูกจิต และผูกพันตั้งแต่วินาทีที่พวกเรา พบหน้าจนถึงปัจจุบัน สายสัมพันธ์ของความรักที่เหนียวแน่น ที่ต่างมอบให้กันยังคงอยู่ตลอดไป แบบมิเคยเสื่อมคลาย ดังนั้นไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน เป็นใคร หรือเวลาใดก็รับรู้ถึงมิตรภาพนี้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยากจะ อธิบายออกมาเป็นคำพูด หากในหมู่พวกเรากลับแจ่มแจ้ง และพร้อมจะถ่ายทอดพลังและสื่อสารถึง ความเป็นเพื่อน นรต.38 ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นคงของความรัก ซึ่งนอกจากพวกเราได้ประจักษ์ใจ กันแล้ว หากยังพร้อมส่งต่อความภาคภูมิใจให้ทุกคนได้ประจักษ์จิตถึงความสามัคคี ที่เป็นตำนาน เป็นเรื่องราว เรื่องเล่า และเป็นที่กล่าวขวัญถึง ในหมู่รุ่นพี่และรุ่นน้องของพวกเราตลอดมา ซึ่งผม หวังว่าความงดงามเช่นนี้จะเป็นแบบอย่างที่สืบทอด และสืบสานในโรงเรียนนายร้อยตำรวจต่อไป ปีนี้พวกเราส่วนใหญ่จะเกษียณอายุราชการแล้ว ความสวยงามของความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ และคงตั้งตารอเวลาที่จะมาพบปะ และร่วมกิจกรรมในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น นรต.38 ปีแล้วปีเล่า รักเพื่อนเสมอ (ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์) ประธานนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38 พลตำรวจเอก


ด้วยความสำนึกในบุญคุณของโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ คณะครูอาจารย์ ครูฝึก และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่สร้างเบ้าหลอมให้พวกเรามี จิตวิญญาณของสุภาพบุรุษสามพราน ก้าวออกไปเป็นนายตำ รวจที่ดี จนนำมาซึ่งความสำ เร็จและความภาคภูมิใจ ของพวกเรา “ นักเรียนนายร้อยตำ รวจ รุ่น 38 ” ด้วยจิตคารวะ


สามพราน... เมื่อวันวาน... และวันนี้... ปฏิทิน เรื่องราวของพวกเรา ภาพความทรงจำ�ที่ไม่เคยลืมเลือน ทำ�เนียบนักเรียนนายร้อยตำ�รวจ รุ่น 38 สิทธิประโยชน์ข้อมูลของเพื่อน ๆ และทำ�เนียบประธานรุ่น สวัสดิการและสิทธิอื่น ๆ หลังเกษียณอายุราชการ ข้อมูลของเพื่อน ๆ วันเกิดเพื่อนของเรา ทำ�เนียบประธานนักเรียนนายร้อยตำ�รวจ รุ่น 38 QR Code ทำ�เนียบนักเรียนนายร้อยตำ�รวจ รุ่น 38 เหตุผล 6 ข้อที่คุณควรไปงานเลี้ยงรุ่นสักครั้ง กำ�หนดการ และภาพงานเลี้ยงรุ่น ปี2566 5 17 67 77 379 380 381 382 384 385 398 399 บทที่ 1 บทที่ 2 บทที่ 3 บทที่ 4 บทที่ 5 สารบัญ


หลวงพ่อนาค พระพุทธรูปประจำ โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ ลักษณะ เป็นพระพุทธรูปบูชา ปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ขนาด หน้าตักกว้าง 7.6 นิ้ ว สูง 9.5 นิ้ ว หล่อด้วยทองแดง หนัก 7.3 กิโลกรัม ที่ ม า สมัยพันเอกพระยาวาสุเทพ ดำ รงตำ แหน่งเจ้ากรมตำ รวจภูธร ได้จัดให้เจ้าหน้าที่ ยกกระบัตร์ในกรมตำ รวจภูธร ไปว่าจ้างหล่อพระฝีมือที่ บ้านช่างหล่อ ธนบุรี เป็นผู้หล่อ เมื่ อเสร็จแล้วให้ นำ มาประดิษฐานเป็ นพระพุทธรูปบูชาประจำ โรงเรียนนายร้อยตำ รวจภูธร ตั้ งแต่สมัยที่ เพิ่ งสร้างเสร็จ ประมาณ พ.ศ.2447 ประวัติสำ หรับประวัติของหลวงพ่อนาคนั้ น พลตำ รวจจัตวา มงคล จีระเศรษฐ (ปั จจุบันได้ถึง แก่กรรมแล้ว) ยืนยันว่า ระหว่างศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำ รวจภูธร สมัยนั้ นตั้ งอยู่ตำ บลห้วยจรเข้ จังหวัดนครปฐม เมื่ อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2457 ปรากฎว่า มีหลวงพ่อนาคประดิษฐานอยู่บนหิ้ งใน โรงนอนของโรงเรียนดังกล่าวอยู่ก่อนแล้ว พิธีสวดมนต์ไหว้พระประจำ วันของโรงเรียน นายร้อยเวรกับ บรรดานักเรียนจะทำ พิธีตรงหน้าหิ้ งซึ่ งประดิษฐานหลวงพ่อนาคก่อนนอนเป็ นประจำ ทุกคืน การระวัง รักษาผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำ รวจภูธรสมัยนั้ นได้จัดนักเรียนชั้ นสูงสุดที่ เป็ นหัวหน้านักเรียน เป็นผู้รักษา ใน พ.ศ.2457 ท่านจำ ได้ว่านักเรียนที่ มีหน้าที่ นี้ ใด้แก่ นักเรียนนายร้อยตำ รวจภูธร ภู่ ภูรัต (ท่านผู้นี้ ต่อมาคือ พลตำ รวจตรี หลวงราชจบแดน ซึ่ งปั จจุบันได้ถึงแก่กรรมแล้ว) ผู้รักษามีหน้าที่ ทำ ความสะอาดหิ้ งพระ หาดอกไม้สดประดับแจกัน และขัดองค์หลวงพ่อนาคให้สะอาดสุกปลั่ งตลอดเวลา เป็ นเหตุให้ได้สมญานามว่าหลวงพ่อนาคสืบมา ส่วนที่ มาของหลวงพ่อนาคนั้ นร้อยตำ รวจตรีจันทร์ กฤษณจันทร์ ครูวิชาคำ นวณและภาษาไทยของโรงเรียนนายร้อยตำ รวจภูธร ได้เคยเล่าเรื่ องราวของ หลวงพ่อนาคให้ท่านฟังซึ่ งท่านยังจำ ได้ดีว่า เนื่ องจากหลวงพ่อนาค หล่อจากช่างฝี มือที่ อยู่ในความนิยม ลักษณะสัดส่วนจึงเหมาะสมงดงาม ตลอดทั้ งมีการระวังรักษาด้วยดีมาเป็ นลำ ดับ และประดิษฐานประจำ โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ มากว่า 80 ปี แล้ว บรรดาผู้มาเกี่ ยวข้องกับโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ จึงเคารพนับถือหลวงพ่อนาค อย่างกว้างขวางปั จจุบันหลวงพ่อนาคประดิษฐานอยู่บนชั้ นสอง ของอาคารกองบัญชาการโรงเรียน นายตำ รวจ อำ เภอสามพราน จังหวัดนครปฐม “ดินแดนทั่ วแผ่นพื้ น พสุธา เกิดก่อหลักศิลา แท่งตั้ง กำ เนิดแหล่งวิชา ตระหง่าน พรานร่วมเรียนทุกครั้ ง บ่ยั้ งหยุดเลย” 6 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ศาลเจ้าพ่อสามพราน ภาพจาก : หนังสือรุ่น นรต.38 ศาลเจ้าพ่อสามพราน เมื่ อ พ.ศ.2566 ภาพโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 7


ภาพถ่ายทางอากาศโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ เมื่ อ พ.ศ.2499 ภาพจาก : หนังสือ 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ ภาพถ่ายทางอากาศโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ เมื่ อ พ.ศ.2566 บันทึกจากโดรนโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง 8 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ปะรำ ลานฝึ กศรียานนท์ ภาพจาก : หนังสือรุ่น นรต. 38 ปะรำ ลานฝึ กศรียานนท์ เมื่ อ พ.ศ.2566 บันทึกจากโดรนโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 9


อาคารโภชนาการ และลานปาณะดิษ เมื่ อ พ.ศ.2520 ภาพจาก : หนังสือ 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ อาคารโภชนาการ และลานปาณะดิษ เมื่ อ พ.ศ.2566 ภาพโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง 10 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ภาพถ่ายทางอากาศโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ ภาพจาก : หนังสือรุ่น นรต.38 ภาพถ่ายทางอากาศโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ เมื่ อ พ.ศ.2566 บันทึกจากโดรนโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 11


ภาพถ่ายทางอากาศหอประชุมชุณหะวัณ ภาพจาก : หนังสือรุ่น นรต.38 ภาพถ่ายทางอากาศหอประชุมชุณหะวัณ เมื่ อ พ.ศ.2566 บันทึกจากโดรนโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง 12 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


อาคารห้องสมุด ภาพจาก : หนังสือรุ่น นรต.38 อาคารห้องสมุด เมื่ อ พ.ศ.2566 บันทึกจากโดรนโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 13


อาคารเกียรติศักดิ์ เมื่ อ พ.ศ.2499 ภาพจาก : หนังสือ 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ อาคารเกียรติศักดิ์ เมื่ อ พ.ศ.2566 ภาพโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง 14 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


อาคารวัฒนธรรม เมื่ อ พ.ศ.2499 ภาพจาก : หนังสือ 100 ปี โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ อาคารวัฒนธรรม เมื่ อ พ.ศ.2566 ภาพโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 15


สโมสรดาวเงิน ภาพจาก : หนังสือรุ่น นรต.38 สโมสรดาวเงิน เมื่ อ พ.ศ.2566 ภาพโดย : พ.ต.ท.พีระศิลป์ ประสานทอง 16 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


บทที่ 2 ปฏิทิน เรื่องราวของพวกเรา นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 17


ปฏิทินรุ่น 38 พ.ศ.2524-2527 2524 7 มิ.ย.2524 3 ก.ค.2524 15 ส.ค.2524 24 ส.ค.2524 5 ต.ค.2524 9 ต.ค.2524 15 ก.ค.2524 21 มิ.ย.2524 25 มิ.ย.2524 28 มิ.ย.2524 2 ก.ค.2524 คนชะตาเดียวกันรวมที่ กรมตำ รวจ ย่างก้าว เข้าสู่สามพรานเป็ นครั้ งแรก ด้วยใจเต้นตุ๊บ ๆ ... ผ่านการต้อนรับตามธรรมเนียม ทานข้าวร่วมกับ นร.ชั้ นสูง ตอนบ่ายทดสอบร่างกาย แต่งเครื่ องแบบชุดเล็กครั้ งแรกของนักเรียน ใหม่ พร้อมพิธีเปิ ดกีฬาเหล่าประจำ ปี 2524 จัดฉายหนังฉลองเครื่ องแบบของรุ่นที่ 38 ที่ โรงภาพยนตร์ อี เอ็ม ไอ เรื่ อง แฟลช กอร์ดอน ติดเครื่ องหมายผู้ช่วยผู้บังคับหมวด มีเสียงโห่ กันมาก ร้อยเวรสั่ งวิ่ งรอบสระ ความหนักเบาตาม ลำ ดับชั้ นปี 4, 3, 2 และ 1 โดนวิ่ งกันคนละ 3, 5, 7 และ 10 รอบสระตามลำ ดับ เริ่ มเปิ ดงานฉลองครบรอบ 80 ปี รร.นรต. พิธีปิ ดกีฬาเหล่า พิธีไหว้ครู มอบเข็มเชิดชูเกียรติอาจารย์และ มอบรางวัลเรียนดีสำ หรับ นรต. ปล่อยออกวันศุกร์ แต่โดนหลอกกลายเป็ น ตกม้าทั้ งกองร้อย ทดสอบร่างกายครั้ งที่ 2 คราวนี้ ใครไม่ผ่าน แต่ละสถานี “กัก” อย่างเดียว งานเลี้ ยงฉลองของรุ่นที่ 34 ณ หอประชุม พวก เราได้มีโอกาสร่วมฉลองแสดงความยินดีกับพี่ เขา รับปื น ปลยบ.88 หนักอึ้ ง มาวิ่ งรอบสระ เกือบ 20 รอบ!!! พัฒนาวัดสรรเพชญ์ เจอกับเกมสุดโหด รับหมวกฟ้ าสัญลักษณ์นักเรียนใหม่ชั้ นปี ที่ 1 เปลี่ ยนตัวผู้ช่วยฯ ใหม่กราวรูดทั้ ง 4 กองร้อย วิ่ งรับหมวกฟ้ ารอบลานปาณะดิษ 38 รอบ ตรวจสอบการฝึ กของนักเรียนใหม่ ณ ลาน ศรียานนท์ 23 ก.ค.2524 24 ก.ค.2524 25 ก.ค.2524 6 ส.ค.2524 10 ส.ค.2524 สวนสนามเพื่ อรับ ผบก. รร.นรต. ใหม่ โดย เปลี่ ยนจาก พล.ต.ต.สุจินต์ อุทัยวัฒน์ เป็ น พ.ต.อ.สุริยะ ธรรมจารี 18 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


2525 13 ต.ค.2524 19 ต.ค.2524 8 พ.ย.2524 26 พ.ย.2524 26 ต.ค.2524 13 ก.พ.2525 25 ก.พ.2525 28 ก.พ.2525 12 มี.ค.2525 22 มี.ค.2525 26 มี.ค.2525 31 พ.ค.2525 18 มิ.ย.2525 29 มิ.ย.2525 30 มิ.ย.2525 นกพิราบขาวกระจายทั่ ว รร.นรต. ตอนเช้า พิธีรับมอบกระบี่ สั้ นของพวกเราจากผู้การฯ พิธีมอบแหวนรุ่นจากพี่ ชั้ นปี ที่ 4 สวมให้กับพวกเรา ส่วนตอนบ่ายเป็ นพีธีสวนสนามเนื่ องในวันตำ รวจ เปลี่ ยนสภาพจากที่ ถูกเรียกว่านักเรียนใหม่เป็ น “ร้อย 1” สอบเทอมต้นวันแรกพร้อมกันทั้ ง 4 กองร้อย เฮ้อ ... เปิ ดเทอมแล้วหละ ... ชั้ นปี ที่ 4 กลับมาจากฝึ กงาน กลับมาเอา อำ นาจคืน... ได้สิทธิใหม่ ๆ เพิ่ มอาทิ เปิ ดกระดุมคอ ได้เวลาทานข้าว หรือเข้าโรงเรียนได้ 1 ทุ่มใน ตอนเย็นวันอาทิตย์ สอบวันสุดท้ายปิ ดเทอมต้นครึ่ งเดือน พร้อมกับ ชั้ นปี ที่ 4 ไปฝึ กงาน บช.ภ.1 และชั้ นปี ที่ 3 ทำ หน้าที่ ทกท. ชั่ วคราว จัดงาน บูลไนท์ ที่ องค์การ รสพ. งานราตรีสุดท้ายของรุ่นที่ 35 ทกท. รุ่นที่ 36 ขึ้ นปกครอง “เปลี่ ยนแผ่นดิน” เรียนวันสุดท้ายชั้ นปี ที่ 1 ปี การศึกษา 2524 สอบเทอมปลายวันแรก สอบเทอมปลายเสร็จแล้วจ้ะ เปิ ดเทอมสำ หรับปี การศึกษา 2525 ย้าย กองร้อยจากตึกวิจัยกรณี ขันตีอุตสาหะ มาเป็ น ตึกเกียรติศักดิ์ รักษ์วินัย ขึ้ นร้อย 2 แล้วครับผม ตำ รวจอาเซี่ ยนมาเยี่ ยมเยียน มีพิธีสวนสนาม รับเสียด้วย ประดับเครื่ องหมายผู้ช่วยฯ รุ่นที่ 36 น้อง นรต. รุ่นที่ 39 เข้ามาโรงเรียนวันนี้ แหละ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 19


ปฏิทินรุ่น 38 พ.ศ.2524-2527 1 ก.ค.2525 19 ต.ค.2526 15 ก.ค.2525 31 ก.ค.2525 24 ส.ค.2525 13 ต.ค.2525 19 ส.ค.2525 เปิดกีฬาเหล่าโดยเวียนไปแข่งตามโรงเรียนต่าง ๆ แบบเหย้า - เยือน ร้อย 3 เริ่ มไปฝึ กงานที่ โรงพักสามพราน โดย การจัดเรียงตามเลขที่ วันละ 10 คน เรื่ อยไปจน สิ้ นปี ตั้ งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี ดาวร่วงจากฟากฟ้ า 1 ดวง นรต. ฤทธิรอน การุญ สมาชิกของ นรต.38 เสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย พิธีปิ ดกีฬาเหล่าที่ สนามศุภชลาศัย ฝึ กชุดเขียว โดยผู้หมวดผู้กองซ่อมทั้ งกองร้อย โทษฐานกระด้างกระเดื่ องต่อนักเรียนชั้ นสูง พิธีสวนสนามเนื่ องในวันตำ รวจ ปี นี้ เงียบเหงา กว่าทุกปี เพราะไม่มีน้องชั้ นปี ที่ 1 อยู่ด้วย พิธีไหว้ครู มอบเข็มเชิดชูเกียรติอาจารย์ และ มอบรางวัลเรียนดี นรต. 2526 7 พ.ย.2526 25 พ.ย.2526 28 พ.ย.2526 29 พ.ย.2526 8 ธ.ค.2526 15 ธ.ค.2526 23 ธ.ค.2526 30 ธ.ค.2526 เริ่ มการฝึ กปราบจลาจล โดยครูฝึ ก บก.สปพ. นรต. ชั้ นปี ที่ 3 รับมอบหน้าที่ ผู้ช่วยร้อยเวร รักษาการ จาก นรต. ชั้ นปี ที่ 4 รุ่นที่ 37 งานราตรีสุดท้ายของรุ่นที่ 37 เกิดไฟไหม้ครั้ งใหญ่หลวงที่ ตลาดสามพราน นรต. เราได้ช่วยสร้างคุณประโยชน์ให้กับชุมชน จนเป็ นที่ กล่าวขวัญกันทั่ วไป การเปลี ่ ยนแผ่นดิน ภาระการปกครองน้องๆ และการปกครองพวกเดียวกันเอง เป็ นหน้าที่ ความ รับผิดชอบของรุ่นเราเอง วันเปิ ดการแข่งขันกีฬาสีที่ แสนจะเงียบเหงา นรต. ทำ กันเองและก็เปิ ดกันเอง ชั้ นปี ที่ 4 รุ่นที่ 37 จบการศึกษาวันนี้ ขนของ ออกจากโรงเรียนยังกับมีงานเทศกาลแน่ะ มีการแข่งขันรักบี้ ประเพณี ระหว่าง รร.นรต. กับตำ รวจมาเลเซีย พิธีปิ ดการแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียน มี นรต. ที่ ร่วมการแข่งขันคือ ร้อย 2, 3 และ 5 20 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


2527 8 ม.ค.2527 1 เม.ย.2527 2 เม.ย.2527 5 เม.ย.2527 11 เม.ย.2527 1 พ.ค.2527 2 พ.ค.2527 31 พ.ค.2527 4 มิ.ย.2527 30 มิ.ย.2527 18 ม.ค.2527 20 ม.ค.2527 30 ม.ค.2527 3 ก.พ.2527 เกิดโศกนาฎกรรมแก่ปลาในสระที่ กองร้อย 3 เพราะถูกจับไปปิ้ งกินไปหลายตัว แถมต้นหมามุ่ย เจ้ากรรมยังขึ้ นไปอยู่บนโต๊ะผู้หมวดผู้กองได้ แว่วว่า เกิดจากการกักสิงห์อมควัน เปิ ดเทอมวันแรกของชั้ นปี ที่ 4 รุ่นที่ 38 ใส่ หมวกเขียวแล้วนะ แถมต้องย้ายกองร้อยมาอยู่ตึก กองกำ กับฯ ส่วนตึกใหม่ให้น้องชั้ น 2 อยู่ เปิ ดเรียนอย่างจริงจัง ต้องย้ายมาเรียนตึก เอนกประสงค์ชั่ วคราว วันพระราชทานกระบี่ และปริญญาบัตรแก่ นรต. รุ่นที่ 37 ณ สวนอัมพร ทานอาหารร่วมกันที่ หอประชุมระหว่างร้อย 4 ร้อย 5 และนักเรียนใหม่ เป็ นแบบบุฟเฟ่ ต์ เปิ ดเทอมวันแรกของน้องชั้ นปี ที่ 3 และ 2 หมวกสีม่วง และสีเหลือง สร้างความสดใสให้กับ รร.นรต. อีกแล้ว เปิ ดหลักสูตรนักเรียนผู้กำ กับการ รุ่นที่ 6 โดย พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ โดยใช้บริเวณของ รร.นรต. พิธีไหว้ครูประจำ ปีการศึกษา 2527 และประดับ เครื่ องหมายผู้ช่วยผู้บังคับหมวดของรุ่น 38 ย้ายกลับมาเรียนที่ ตอนเรียนอันแสนอึดอัด อีกแล้ว ส่วนตึกเอนกประสงค์เค้าสร้างไว้โชว์จ้ะ รุ่น 38 จัดฉายหนังที่ โรงภาพยนตร์ อี เอ็ม ไอ เพื่ อเป็นการต้อนรับน้องรุ่น 40 รมต. จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาเยี่ ยมชม กิจการ รร.นรต. เรียนวันสุดท้ายของเทอมปลาย สอบวันแรกของเทอมปลาย ชั้ นปี ที่ 3 สอบเสร็จแล้วหละ ปิ ดเทอมให้ก่อนฝึ กภาคตั้ ง สัปดาห์นึงแน่ะ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 21


เรื่องราวของพวกเรา ปฏิทินรุ่น 38 พ.ศ.2524-2527 5 ก.ค.2527 6 ก.ค.2527 3 ส.ค.2527 13 ส.ค.2527 19 ส.ค.2527 13 ต.ค.2527 23 พ.ย.2527 3 ธ.ค.2527 7 ธ.ค.2527 27 ส.ค.2527 29 ส.ค.2527 31 ส.ค.2527 22 ส.ค.2527 20 ก.ค.2527 30 ก.ค.2527 งานเลี ้ ยงรวมใจนักกีฬา สำ หรับเตรียมตัวรับ กีฬาเหล่า พิธีเปิ ดการแข่งขันกีฬาเหล่าครั้ งที่ 24 โดย รร.นรต. เป็ นเจ้าภาพฟุตบอลเปิ ดสนามจ้ะ เฮ้อ... ผ่านไปซะทีบรรยากาศเช่นนี้ สอบเสร็จ แถมมีปิ ดเทอมให้ตั้ งนาน สัปดาห์นึงแน่ะ เป็ นการเปิ ดเทอมใหม่ของชั้ น 4 เทอมปลาย แต่ ชั้ นอื่ นๆ ยังเป็ นไปตามปกติ ประจำ เตียงอย่างเป็ นทางการครั้ งสุดท้ายของ ชั้ นปี ที่ 4 และเริ่ มการเช็กยอดตอน 2 ทุ่ม สวนสนามวันตำ รวจ เรียนหนังสือวันสุดท้ายของรุ่น 38 ที่ รร.นรต. มีหลายความรู้สึกประดังขึ้ นมา สอบเทอมปลายแล้วหละ หวาดเสียวจัง ว่าจะ สน. รึว่า สภ. รึว่า ตชด. ตัดสินกันวันนี้ แหละ เรารํ ่ าลาสามพรานด้วยนํ ้ าตา 4 ปี ที่ ผ่านมา ให้อะไรเรามากกว่าเกินจะบรรยาย ไม่มีอีกแล้ว เสียงถูโรง ไม่มีอีกแล้วประตูคิงส์ ไม่มีอีกแล้ว โรงนอนอันซื่ อสัตย์ และไม่มีอีกแล้วเพื่ อนที่ นอน ข้างเคียง นับแต่วันนี้ เป็ นต้นไป เราเกือบ 300 ชีวิต ก็จะไปเผชิญชีวิตในอีกหลายรูปแบบที่ ไม่เหมือน กับสามพรานที่ รักเลย เยี่ ยมชมการดำ เนินงานเกี่ ยวกับยาเสพติด ที่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์ ปทุมธานี ผู้การฯ มาตรวจโรงอาหาร แล้วตกลงให้ผู้ช่วย เวรฯ ห้ามใส่เข็มขัดซ้อนกัน 2 เส้น ตั้ งแต่วันนี้ ... น้องชั้ นปี ที่ 2 และ 3 สอบเสร็จและปิ ดเทอม เกือบครึ่ งเดือน น้องๆ นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 25 มาเยี่ ยมชม กิจการ รร.นรต. โดยชั้ นปี ที่ 4 เป็ นแม่งานต้อนรับ ทั้ งหมด สร้างความประทับใจได้มากพอควรทีเดียว ปิ ดกีฬาเหล่าครั้ งที่ 24 บอลได้ชิงแต่แพ้ เสียดายจัง ส่วนอย่างอื่ นต่อชาวบ้านเขาไปก่อน สอบเทอมต้นวันแรก เป็ นการสอบครั้ งที่ มีการ ลุ้นอย่างน่าหวาดเสียวมากที่ สุดกว่าทุกครั้ ง จน แม้แต่ผู้ใหญ่ยังมาขอร้องให้เพลาๆ ลงหน่อย 22 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ปี พ.ศ.2524 ย้อนไป 42 ปี ชายวัยหนุ่มที่ มีทั้ งสติปั ญญา ดีและร่างกายที่ แข็งแรงจากทั่ วประเทศทั้ งจากครอบครัว เกษตรกร ค้าขาย ข้าราชการ หลากหลายอาชีพต่างเดินทางมา สมัครสอบแข่งขันเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำ รวจ เพื่ อมุ่งหวัง ทำ งานราชการที่ มั่ นคง และมีโอกาสได้ทำ งานดูแลประชาชน ที่ ถูกทุรชนรังแก สถานที ่ สอบของบุคคลภายนอก คือ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย มีการประกาศผลรอบแรก และรอบที่ สอง ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน ด้านสอบวิ่ งและว่ายนํ ้ า นั้ นใช้สนามจุฬาลงกรณ์ฯ หรือที่ เรียกกันสั้ นๆ ว่า “สนามจุ๊บ” เรื่องราวของพวกเรา ใน วันที่ 5 มิถุนายน 2524 ประกาศผลรอบสุดท้ายของบุคคลภายนอก 120 คน ติดป้ ายประกาศที่ หน้ากรมตำ รวจ ในวันนั้ นเองผู้ที่ มีรายชื่ อ ต้องรายงานตัวและได้รับเอกสารที่ ระบุสิ่ งของเครื่ องใช้ที่ จะต้องหาซื้ อและนำ ติดตัวไปเข้าเรียนซึ่ งมีเวลาจัดซื้ อเพียง 1 วัน คือวันที่ 6 มิถุนายน 2524 นัดหมายเดินทางเข้าสู่ รั้ วสามพรานในวันที่ 7 มิถุนายน 2524 โดยในวันดังกล่าว มีการนัดหมายนักเรียนนายร้อยตำ รวจจากเตรียมทหาร และ จากการสอบคัดเลือกข้าราชการตำ รวจเก่ามาพร้อมกันด้วย ภาพที่ 1 มีการตรวจสอบรายชื่ อที่ กรมตำ รวจทุกคนมีถุงทะเลพร้อมเครื่ องใช้จำ เป็ น นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 23


ภาพที่ 2 พิธีกล่าวคำ ปฏิญาณตนก่อนเข้าสู่ประตูคิงส์ วันที่ 7 มิถุนายน 2524 ดร.ปิ ยะ อุทาโย บันทึกไว้ท้ายหนังสือรุ่นว่า คนชะตา เดียวกันรวมที่ กรมตำ รวจ ย่างก้าวเข้าสู่สามพรานเป็ นครั้ งแรก ด้วยใจเต้นตุ๊บๆ การต้อนรับตามธรรมเนียม ทานข้าวร่วมกับ นร.ชั้ นสูง ตอนบ่ายทดสอบร่างกาย ขั้ นตอนที่ น่าเกรงขาม คือ การขออนุญาตเข้าสู่รั้ ว สามพรานทางประตูคิงส์ โดยกล่าวคำ ปฏิญาณตน หลังจาก นั้ นมีพิธีสักการะหลวงพ่อสามพรานและหลวงพ่อนาคพระคู่ โรงเรียนนายร้อยตำ รวจ โดยมีการอัญเชิญหลวงพ่อนาคมาตั้ ง ที่ หน้าโรงนอนชั้ นปี ที่ 1 ก่อนที่ จะให้เปลี่ ยนเป็ นชุดพละศึกษา เพื่ อทดสอบร่างกายตามฐานต่างๆ หลายคนแสดงอาการ อ่อนล้าเนื่ องจากไม่ได้เตรียมความพร้อมของร่างกาย หลังจากนั้ นมีการเข้าแถวแบ่งเป็ นหมวดตามระดับความ สูงของร่างกาย เริ่ มจากหมวด 1 ถึงหมวด 8 มีการแนะนำ ผู้ช่วย ผู้บังคับหมวดที่ ทำ หน้าที่ ปกครอง จากนั้ นให้ประจำ ที่ เตียงนอน เก็บสิ่ งของเครื่ องใช้ ในวันนั้ นเองที่ พวกเราได้รู้จัก “บัดดี้ ” ข้างเตียงซึ่ งจะทำ หน้าที่ ช่วยเหลือเกื้ อกูลกัน และเป็ น เพื่ อนสนิทสืบมาตลอดทั้ งชีวิตก็ว่าได้ ด้านนโยบายของพี่ รุ่น 35 ที่ ทำ หน้าที่ ปกครองนั้ น มีนโยบายจากนายตำ รวจชั้ นผู้ใหญ่ให้ลดความกดดัน ด้านการลงโทษนอกเวลาพักผ่อนให้น้อยลง สาเหตุ เนื่ องจากกรณีพี่ รุ่น 36 ออกไปแสดงออกนอกสถาบันจน เป็ นข่าวใหญ่ ภาพที่ 3, 4 สักการะหลวงพ่อสามพรานและหลวงพ่อนาค 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดรุ่นแรก หมวด 1 คือ พี่ ประสิทธิ์ ทำ ดี หมวด 2 คือ พี่ ชาติพงษ์ วามะสิงห์ หมวด 3 คือ พี่ ฉลอง โค่นกระโทก หมวด 4 คือ พี่ สารัตน์ คงชาวนา หมวด 5 คือ พี่ ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม หมวด 6 คือ พี่ เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน หมวด 7 คือ พี่ สมเจตน์ กาบคำ หมวด 8 คือ พี่ สมเกียรติ กันคล้อย ประมาณ 1 เดือน มีการเปลี่ ยนแปลงผู้ช่วยฯ บางคน โดย พี่ ชาติพงษ์ วามะสิงห์, พี่ สารัตน์ คงชาวนา, พี่ เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน และพี่ สมเกียรติ กันคล้อย ถูกถอด มีพี่ ณรงค์ ถัดทะพงษ์, พี่ อนุศักดิ์ โกมลศาสตร์, พี่ ดินัย บุญเรือง และ พี่ สุรศักดิ ์ ฉัตรไชยเดช มาทำ หน้าที่ แทน ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดรุ่น 35 เป็ นหลัก ในการปลูกฝั งระเบียบ วินัยและสร้างจิตใจให้เข้มแข็งอดทน ภาพที่ 6 พี่ ชาติพงษ์ วามะสิงห์ อดีตผู้ช่วยฯ คือ พี ่ ชาติพงษ์วามะสิงห์สอบได้ที่ 1 ของ รุ่น35ซ ึ ่ ง สะท้านฟ้ า วามะสิงห์น้องชายแท้ๆได้เล่าเรื่ องชีวิต พี่ ชาติพงษ์ว่า “พี ่ ชาติพงษ์ วามะสิงห์ เป็ นผู้ช่วยหมวด 2 ชุดแรก ส่วนผม อยู่หมวด 2 แกฝื ดมาก แม้แต่ผมน้องแท้ๆ ยังฝื ดเลย จวกตลอด ผมอยู่หมวด 3 ซึ่ งอยู่ตึกเดียวกับหมวด 2 ตอนตรวจหมวด 2 เจอผมก็สั่ งดันพื้ น 8 จังหวะ 100 ยกทุกครั้ ง บอกว่าให้เป็ น ตัวอย่างให้เพื่ อนๆ “พี่ ชาติพงษ์ เป็ นพี่ คนที่ 2 ในจำ นวนพี่ น้อง 5 คน ผมเป็ น คนที่ 3 มีระเบียบวินัยมาตั้ งแต่เด็ก เรียนเก่งได้ทุนเรียนมาตลอด สอบได้ที่ 1 ของโรงเรียนประจำ จังหวัดนครพนม ได้โควตาเรียน แพทย์ ม.ข. (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ครอบครัวก็อยากให้เรียน แพทย์ โดยพ่อผมเป็ นนายทหารยศพันโท แต่แกหนีมาสอบ เข้าเตรียมทหารแล้วเลือกเหล่าตำ รวจ “อุปนิสัยเคร่งครัด ตั้ งใจเรียน สอบได้ที่ 1 ของรุ่น 35 ภาพที่ 5 ผู้ช่วยฯ ชุดที่ สอง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 25


มีรายชื่ อติดบอร์ดของโรงเรียน บรรจุลง สน.พญาไท ในปี พ.ศ.2531 รุ่นเราจบมาไม่กี่ ปี พี่ ชาติพงษ์ ก็ประสบอุบัติเหตุ ทางรถที่ จังหวัดลพบุรี ขณะนั้ นเป็ นนายตำ รวจติดตาม นายสันติ ชัยวิรัตนะ รัฐมนตรีช่วยฯ มหาดไทย และ ส.ส.จังหวัด ชัยภูมิ หน้าที่ การงานกำ ลังเจริญก้าวหน้าก็ต้องมาเสียชีวิต ทำ ให้พ่อแม่เสียใจกันมาก” วันที่ 25 มิถุนายน 2524 รับหมวกฟ้ าสัญลักษณ์ของนักเรียนใหม่ชั้ นปี ที่ 1 ก่อน รับหมวกต้องวิ่ งรอบลานปาณะดิษ 38 รอบ เหน็ดเหนื่ อยกว่า จะได้รับหมวกที่ งามสง่าสีฟ้ า นักร้องข้างสระนํ ้ าท้ายลานปาณะดิษ ความรักความผูกพันและความอบอุ่นที่ ได้รับและ ถ่ายทอดจากรุ่น 35 กิจกรรมหนึ่ ง คือ ก่อนเคารพธงชาติ 18.00 น. รุ่น 35 จะให้เข้าแถวหันหน้าเข้าสระนํ ้ าที่ ปลายลาน ปาณะดิษ เรียกพวกเราที่ มีเสียงดีไปร้องเพลงให้พี่ ๆ และ เพื่ อนๆ ฟั ง นักร้องหลักๆ ที่ ออกไปร้องบ่อย คือ เอิบศักดิ์ กองศรี และอำ พล บัวรับพร เอิบศักดิ์ กองศรีเล่าความทรงจำ ว่า “เริ่ มจากตอนเป็ นนักเรียนใหม่ รุ่น 35 ที่ เรียกเราออกไป ร้องเพลง คือ พี่ วาทยุทธ สิงห์ไฝแก้ว เดิมชื่ อบุญเทียม และ พี่ ภาสกร กลั่ นหวาน เดิมชื่ อวินัย จบโรงเรียนพลตำ รวจภูธร 6 จังหวัดนครสวรรค์รุ่นเดียวกับผม รู้ว่าผมร้องเพลงเก่งจึงเรียก ออกไปร้อง ผมเป็ นคนอำ เภอเก้าเลี้ ยว จังหวัดนครสวรรค์ จบ ม.ศ.3 จากโรงเรียนนครสวรรค์ ซึ่ งเป็ นโรงเรียนชายประจำ จังหวัด ไปเรียนวิทยาลัยครูนครสวรรค์ 2 ปี สอบบรรจุเป็ นครูแล้ว แต่ไม่ไปรายงานตัวเพราะไม่ชอบ เพื่ อนพาไปสอบเข้าโรงเรียน พลตำ รวจภูธร 6 เรียน 8 เดือน จำ นวน 240 คน ตอนสอบออก ได้ที่1 ผมเลือกบรรจุฝ่ ายวิชาการโรงเรียนพลตำ รวจภูธร ภาค 6 เพื่ อนที ่ เรียนด้วยกันที่ ผ่านเรียน ม.ศ.5 แล้วไปสอบเข้า นรต.รุ่น 35 ได้ถึง 6 คน คนหนึ่ ง คือ พี่ สารัตน์ คงชาวนา เป็ น ผู้ช่วยฯ พวกเราชุดแรกก่อนถูกปลด หากจำ กันได้ตอนวิ่ งเช้า มักชอบปล่อยม้ารอบสระ โดยแกวิ่ งนำ พวกเรา พวกเราจึงเรียก แกว่า พี่ ม้า น่าเสียดายที่ จบมาปี แรกแกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ส่วนผมระหว่างรับราชการเป็ นพลตำ รวจเข้าเรียนภาค คํ ่ าต่อจนจบ ม.ศ.5 และสอบเข้า นรต. ปี แรกไม่ได้ มาได้ปี ที่ 2 นรต.38 ภาพที่ 7 เอิบศักดิ์ กองศรี 26 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ภาพที่ 8 บริเวณปลายลานปาณะดิษเคยมีสระนํ ้ ากว้าง รายรอบด้วยต้นไม้ร่มรื่ น เรื่ องการร้องเพลง ชอบร้องมาตั้ งแต่ชั้ นประถม ตอน เรียนโรงเรียนตำ รวจภูธรภาค 6 มีเพื่ อนที่ มีอาชีพเสริมทาง การเล่นดนตรีและร้องเพลง ชวนไปร้องตามร้านอาหารทำ ให้ ชำ นาญมากขึ้ น พอเข้า นรต.ปี 1 เป็ นนักเรียนใหม่จึงถูกเรียก ออกมาร้องเพลงกล่อมพี่ ๆ และเพื่ อนๆ ผมร้องเพลงแนวยอดรัก สลักใจ จนพี่ บางคนเรียกผมว่า ยอดรัก เพลงที่ กำ ลังดังสมัยนั้ นที่ ผมร้อง คือ สามสิบยังแจ๋ว, รักแม่ม่าย, ครูประชาบาล และฝากดวงใจไว้ที่ อีสาน อีกคนหนึ่ ง ที่ พี่ รุ่น 35 เรียกออกมาร้อง คือ อำ พล บัวรับพร ร้องเพลงของ สายัณห์ สัญญา เพลงหลัก คือ ไก่จ๋า เสียงดีมาก ต่อมาผมและ อำ พลเข้าร่วมชมรมดนตรีด้วยกัน เข้าชมรมดนตรีเพราะพี่ สมชาย พิมพ์ชู รุ่น 37 ที่ จบจาก โรงเรียนพลตำ รวจ 6 รุ่น 7 (ผมรุ่น 6) มีความคุ้นเคยกัน แนะนำ ว่าเข้าชมรมดนตรีจะได้แยกไปอู้ได้ จึงเป็ นนักดนตรี นอกจาก ร้องเวลามีงานในโรงเรียนแล้วยังไปร้องงานนอกด้วย รุ่นเราที่ เป็ นนักดนตรี 10 คน นอกจากผมและอำ พล บัวรับพรแล้ว ยังมีสาวิตร รุมแสง เป็ นนักร้องเพลงสากล, สุรชัย เก็งทอง (เครื่ องเป่ า), เชษฐชัย เชษฐศิร ิ(กีต้า), กิตติพันธุ์ จุนทการ (เล่นเบส), อาวัฒน์ พิบูลสวัสดิ์(มือกลอง), ชูชีพ ปรุงประทิน (เครื่ องเป่ า), สมชาญ พิณคันเงิน (นักร้องลูกกรุง), กฤษศักดิ์ สงมูลนาค (หัวหน้าชมรมเล่นเครื่ องเป่ า) ขณะนั ้ นพี่ รุ่น 35 ที่ เป็ นประธานชมรมดนตรี คือ พี่ ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ซึ่ งเล่นเครื่ องเป่ าจึงคุ้นเคยกับกฤษศักดิ์ จบมา จึงดูแลกันเรื่ อยมา จบออกไปผมบรรจุที่ สภ.อ.เมืองขอนแก่นก็ไปเข้าวง ดนตรีของโรงพักกองเมืองขอนแก่นมีพี่ สำ เนียง ลือเจียงคำ รุ่น 29 เป็ น สวป. และควบคุมวง ให้ผมไปร้องออกงานมวลชน ด้วย กับเชษฐชัย เชษฐสิริ ที่ อยู่ชมรมนักดนตรีด้วยกันก็ไปด้วย สมัยนั้ นท่านประชา พรหมนอก เป็ นผู้บังคับการ 6 ภาพที่ 9 ชมรมดนตรี นรต. นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 27


ภาพที่ 10 ชมรมดนตรีขณะแสดงบนเวที หลังฝึ กชัยยะ ปิ ดภาคเรียน เปิ ดเทอมเข้ามาเรียนชั้ นปี 2 สวมหมวกเหลือง จิตใจอิ่ มเอิบเพราะได้สลัดความเป็ นน้อง สุดท้องปี 1 ไปเสียที แต่จิตใจรู้สึกถึงความเคว้งคว้างที่ มีสิ่ งหนึ่ ง ขาดหายไปจากชีวิตของพวกเรา คือ พี่ รุ่น 35 ล้วนหายไป จากโรงเรียน ยังมีภาพพี่ รุ่น 35 หิ้ วกระเป๋ าหนังสือ อีกมือหนึ่ ง หอบหนังสือเพื่ อเตรียมสอบ ท่าทางเอาจริงเอาจัง ทักทาย พูดคุยหยอกล้อน้อยลงได้รับรู้ถึงการแข่งขันที่ เข้มข้นก่อนจบ การศึกษาได้ดี รวมทั ้ งภาพรุ่น 35 เดินมาทักทายระหว่างอยู่ในแถวก่อน สวดมนต์กลางคืนที่ แสนจะอบอุ่นก็หายไปด้วยเช่นกัน โรงเรียนนายร้อยตำ รวจสอนอะไร พวกเราล้วนระลึกอยู่เสมอว่าโรงเรียนนายร้อยตำ รวจสอน และปลูกฝั งความประพฤติหลายอย่าง แต่ละอย่างมีความหมาย และเหตุผลทั้ งสิ้ น นอกจากสอนความอดทนแล้ว การสอนด้านหนึ่ งที่ สำ คัญ คือ การวางตัวเมื่ อออกนอกโรงเรียนมาอยู่ในสังคม สมัยเป็ น นรต.ชั้ นปี ที่ 1 รุ่นพี่ ที่ ปกครองจะสอนการปฏิบัติ ว่า เมื่ อขึ้ นรถโดยสารต้องเสียสละให้ชาวบ้านขึ้ นก่อน ประการ ที่ สอง คือ ต้องขึ้ นประตูด้านหลังเท่านั้ น ไม่ให้ขึ้ นประตูแรกและ ประการที่ สาม คือ หากมีที่ นั่ งไม่เกิน 5 ที่ จะต้องยืนเสมอ สมัยนั้ นการออกจากโรงเรียนนายร้อยมีการตรวจการ แต่งกายกันเคร่งครัด เครื่ องแบบแขนยาวติดกระดุมคอมีเนคไท สีดำ ปลายสอดเก็บไว้ในเสื้ อเรียบร้อย เดินแถวมาขึ้ นรถสอง แถวที่ ประตู 1 จะมีรถสองแถวตลาดสามพรานมาจอดรออยู่ หลายคัน ค่าโดยสารหากจำ ไม่ผิด 2 บาท ไปลงปากทางถนน สายนครปฐม-กรุงเทพฯ เดินข้ามไปรอขึ้ นรถโดยสารสีส้ม มีทั้ งรถจากประจวบฯ, เพชรบุรี, ราชบุรี, กาญจนบุรี, นครปฐม ที่ ผ่านซึ่ งสามารถขึ้ นได้ทุกคัน ภาพที่ 11 เครื่ องแบบชุดเล็กที่ ใช้แต่งออกไปนอกโรงเรียน (ภาพจากกิตติพันธ์ุ จุนทการ) 28 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ค่าโดยสารลดครึ่ งราคาเพราะแต่งเครื่ องแบบ คลับคล้าย คลับคลาว่าลดแล้วเหลือ 7 บาท วันศุกร์เย็นที่ พวกเราออก พร้อมๆ กัน ด้านหลังรถโดยสารจึงเต็มไปด้วยนักเรียนนายร้อย ตำ รวจ หากขึ ้ นรถโดยสารพร้อมกับรุ่นพี่ รุ่นพี่ มักจ่ายให้และรุ่นพี่ มีสิทธินั่ งได้หากมีที่ นั่ งว่าง น่าเห็นใจรุ่นพี่ อยู่ไม่ใช่น้อยหากเจอ น้องหลายคนก็จ่ายหลายสิบบาท ผมมักลงที่ ตลาดท่าพระ แล้วนั่ งรถเมล์ไปพักที่ บ้านของ อาที่ แถววงเวียนใหญ่ การขึ ้ นรถเมล์ท่ามกลางผู้คนที่ แออัดยากลำ บากมาก เพราะมีคำ สอนว่าจะต้องขึ้ นทีหลังประชาชน หลายครั้ งที่ รถ เต็มจนถึงยืนกันที่ ปากประตู ผมเคยขึ้ นรถไม่ได้ถึง 2 เที่ ยว ยืน มองรถเมล์แล่นจากไปด้วยความรู้สึกอ่อนล้าเพราะต้องรอ รถเมล์เที่ ยวต่อไปอีกหลาย 10 นาที ถึงบ้านแต่ละครั้ งร่างกาย เพลียเหงื่ อท่วมตัวเลยทีเดียว การก้าวขึ้ นรถเมล์จะยุ่งยากเพิ่ มขึ้ นเมื่ อเราต้องแต่ง เครื่ องแบบชุดคอแบะหรือชุดขาว เพราะต้องห้อยกระบี่ สั้ น ที่ ขาข้างซ้าย กระบี่ สั้ นมักแกว่งเมื่ อเราก้าวเท้า ผมเคยก้าวขึ้ น รถเมล์ โดยไม่ระวังทำ ให้กระบี่ ขัดเข้าซอกขาเกิดสะดุดแทบล้ม ภายหลังจึงระมัดระวังเพิ่ มขึ้ น เพื่ อไม่ให้อับอายผู้คน นอกจากนี ้ ผมเคยทดลองนั่ งรถเมล์ ในขณะมีที่ ว่างนับแล้ว 3 ที่ แล้วก็ได้ผลจริงๆ เพราะนั่ งอยู่ไม่นานก็ต้องลุกให้คนอื่ นนั่ ง ภายหลังจึงทนยืนหากที่ นั่ งไม่ว่างจริงๆ ก็จะไม่นั่ ง เย็นวันอาทิตย์เราต้องกลับเข้าโรงเรียน ผมนั่ งรถเมล์ มารอรถประจำ ทางสายใต้ที่ หน้าตลาดท่าพระ บริเวณนี้ มี นักเรียนนายร้อยมารอกันนับสิบคน สมัยนั้ นท่ารถสายใต้อยู่ใกล้ แยกไฟฉาย รถโดยสารทุกคันจะผ่านตลาดท่าพระ การเดินทางจากตลาดท่าพระไปโรงเรียนนายร้อยใช้เวลา ประมาณ 45 นาที สมัยนั้ นพ้นจากตลาดท่าพระแล้วก็ไม่ค่อย มีอาคารพาณิชย์ มักเป็ นบ้านคนปลูกห่างๆ กันเป็ นชานเมือง พวกเรามักจะสัปหงกหลับคอพับคออ่อน จนรถโดยสารมาถึง สะพานท่าข้ามพวกเราก็จะตื่ นเพราะใกล้ถึงทางเข้าโรงเรียน นายร้อยแล้ว ลงรถโดยสารประจำ ทางขึ้ นรถสองแถวไปลงโรงเรียน นายร้อยตำ รวจ หรือหากบางคนหิวข้าวก็แวะทานอาหาร ตามสั่ งที่ ปากทางจะมีร้านประจำ อยู่ร้านหนึ่ งอยู่ด้านขวามือ อาหารหลักๆ ที่ มักสั่ งกัน คือ ผัดซีอิ๊ ว ราดหน้า ผัดไทย ข้าวผัด ตบท้ายด้วยเป๊ บซี่ สักขวด มีรุ่นพี่ บางคนที่ แต่งชุดนอก เครื่ องแบบมาก็จะมาเปลี่ ยนชุดที่ ห้องนํ ้ าร้านแห่งนี้ รุ่นพี่ กลุ่มนี้ มักมีชื่ อด้านเกเรนิดหน่อย การเข้ามานั่ งที่ ร้านนี้ มีความเสี่ ยง เพราะหากเจอรุ่นน้อง เราต้องควักเงินจ่ายให้ด้วยเป็ นหลักปฏิบัติ ดังนั้ นเมื่ อเราเป็ น รุ่นพี่ จึงต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ ยง มิฉะนั้ นกระเป๋ าจะเบา โดยใช่เหตุ หากถามว่าถ้าไม่ปฏิบัติตาม จะมีการตรวจสอบอย่างไร คำตอบคือ รุ่นพี่ จะคอยตรวจสอบรุ่นน้อง หากพบก็จะ จดชื่ อและแจ้งให้นักเรียนปกครองทราบ เมื่ อมีการเข้าแถว นักเรียนปกครองจะแจ้งว่าพบนักเรียนนายร้อยชื่ อนั้ นๆ ไม่ ปฏิบัติตามและมีการลงโทษ ซึ่ งพวกเราถือว่าเป็ นพื้ นฐานของ สิ่ งที่ ต้องปฏิบัติเพราะเรามีสิ่ งที่ ต้องปฏิบัติที่ เป็ นระเบียบวินัย อื่ นอีกมากมาย นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 29


โรงเรียนนายร้อยตำ รวจสอนความละเอียดรอบคอบประณีต ย้อนไปคิดถึงการปลูกฝั งจากโรงเรียนนายร้อยที่ ติดตัวอยู่ ทุกวันนี้ คงไม่พ้นเรื่ องความละเอียด รอบคอบและประณีต อุปกรณ์ที่ ต้องเตรียมสำ หรับนักเรียนนายร้อยตำ รวจ ทุกคน คือ ซิลเวอร์สำ หรับขัดเครื่ องเงิน, บรัสโซสำ หรับขัด เครื่ องทองเหลือง ที่ จะต้องขัดกลอนประตู กลอนหน้าต่างของ อาคารนอนให้แววใสอยู่เสมอ และกีวีสำ หรับขัดรองเท้า เครื ่ องแบบที่ ใช้สวมใส่จะติดเครื่ องหมายที่ ทำ ด้วยเงิน ทำ ให้เมื่ อโดนอากาศจะออกสีเหลืองและดำ ขาดความสวยงาม จึงต้องหมั่ นขัดทำ ความสะอาดอยู่เสมอ บนบ่าติดด้วยตัว “ร.” ซึ่ งหมายถึงกองร้อยและตัวเลข 1-4 ซึ่ งหมายถึงชั้ นปี ที่ เรียน นอกจากนี้ ยังมีกนกคอที่ เป็ นตัวย่อของหน่วยที่ สังกัด ต่อมา ต้องขัดปี กร่มและเข็มแม่นปื นเพิ่ มขึ ้ นอีก ส่วนเครื่ องแบบชุดขาว และชุดคอแบะต้องขัดกระดุมเงิน รองเท้าก็ต้องขัดให้มันวาวทุกวันโดยใช้สำ ลีชุบนํ ้ าให้ หมาดๆ ปาดที่ กีวีนิดหน่อยป้ ายถูวนที่ รองเท้าจนกีวีติดอยู่ที่ เนื้ อรองเท้า บางครั้ งอาจต้องใช้ไฟลนเพื่ อให้กีวีติดที่ หนังรองเท้า ก็จะทำ ให้รองเท้ามันวาวและขัดง่ายขึ้ น เป็ นเทคนิคที่ สอนกันมา ต่อจากนั้ นใช้สำ ลีชุบนํ ้ าปาดและวนเป็ นอันเสร็จสิ้ น นักเรียนปกครองจะตรวจเครื่ องหมายและรองเท้าทุกเช้า เมื่ อเข้าแถวไปรับประทานอาหารและเข้าห้องเรียน คนที่ บกพร่องจะถูกลงโทษ เช่น ดันพื้ น ชักเท้าหลังหรือถูกให้ยืน เข้ายามกลางคืน ความมันวาวของเครื่ องหมายและความมันของรองเท้าจึง เป็ นสิ่ งแยกแยะความเคร่งครัดและความใส่ใจของผู้ที่ จบจาก โรงเรียนนายร้อยเหล่าต่างๆ ได้ ภาพที่ 12 ฝึ กเดินสวนสนามก่อนทานข้าวเที่ ยง ข้อห้ามประการหนึ่ งที่ ผมรู้สึกแคลงใจในสมัยเป็ นนักเรียน นายร้อยตำ รวจ คือ เมื่ อแต่งเครื่ องแบบและสวมหมวกแล้ว ห้าม ใช้ร่มกันฝน ด้วยเหตุนี้ ในฤดูฝนหากต้องออกไปพักผ่อนวันเสาร์ อาทิตย์ ยามฝนตกเราจำ ต้องเปี ยกปอนกันทั่ วหน้า เดินตากฝน หรือเดินหลบตามชายคาตึกตามสถานการณ์ การเรียนในโรงเรียนนายร้อยก็เช่นเดียวกัน เราปรับตาม สภาพเหตุการณ์ ฤดูฝนฝนตกหนักก็งดวิ่ งตอนเช้า การไปโรง อาหารก็รอฝนซาวิ่ งหลบตามชายคาบ้าง รวมทั้ งเดินเข้าตอน เรียนก็อาศัยกระดาษหนังสือพิมพ์บังฝนกันไป ซึ่ งแน่นอนว่า ย่อมเปี ยกเป็ นธรรมดา เรียนอยู่ 4 ปี ไม่เคยเห็นนักเรียนนายร้อยกางร่มกันฝน เป็ นเรื่ องแปลกอยู่เหมือนกัน คำสั ่ งสอนและสิ่ งที่ โรงเรียนนายร้อยตำ รวจให้ยึดปฏิบัติ ค่อยๆ ซึมอยู่ในตัวของพวกเราจนเกิดความคุ้นเคย 30 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


การปลูกฝั งที่ สำ คัญอีกประการหนึ่ ง คือ โรงเรียนนายร้อย ตำ รวจ สอนโดยผ่านมาทางรุ่นพี่ ที่ ปกครองสอนให้ขึงเตียงตึง เปรี๊ ยะด้วยผ้าปูเตียงสีขาว โดยพวกเราได้รับผ้าปูเตียง 2 ผืน สลับกันใช้ ผืนหนึ่ งใช้อีกผืนหนึ่ งส่งซัก การขึงผ้าปูเตียงจะใช้ เข็มกลัดกลัดที่ ใต้ที่ นอน นอกเหนือจากกลัดทั้ ง 4 มุมแล้ว ด้านข้างและด้านหัวท้ายต้องกลัดให้ถี่ ขึ้ นจะทำ ให้ตึง ตึงขนาดที่ โยนเหรียญลงไปแล้วเหรียญเด้งขึ้ นได้ การขึงผ้าปูเตียงควรขึง อย่างน้อย 2 วันต่อครั้ ง เพราะเมื่ อเรานอนแล้วผ้าปูเตียง ก็จะหย่อน จึงต้องหมั่ นควรสอบแก้ไขอยู่เสมอ แต่ละวันจะมีนักเรียนปกครองรุ่นพี่ ที่ เรียกว่า ผู้ช่วย ผู้บังคับหมวดมาเดินตรวจและสั่ งลงโทษ การลงโทษอาจสั่ ง ดันพื้ น ชักเท้าหลัง หรือใช้ผ้าวิ่ งถูพื้ น แรกๆ ผมถูกสั่ งทำ โทษบ่อย เพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน เพื่ อนที ่ ผ่านโรงเรียนเตรียมทหารมา และผ่านจากโรงเรียน นายสิบตำ รวจมามักจะผ่านประสบการณ์นี้ กันมาแล้ว นอกจากนี ้ โรงเรียนนายร้อยตำ รวจฝึ กความละเอียดเรื่ อง ฝุ่ นใต้เตียงนอน และฝุ่ นตู้เสื้ อผ้าส่วนตัว ทุกวันจะต้องหมั่ นตรวจ และใช้ผ้าเช็ดฝุ่ นใต้เตียง และบริเวณเหนือตู้เสื้ อผ้า รวมทั้ ง ในตู้เสื้ อผ้าส่วนตัวอยู่เสมอ นักเรียนปกครองจะตรวจทุกวัน หากพบว่ามีฝุ่ นจะถูกลงโทษ โดยให้ยืนเข้ายามกลางคืน โทษหนักอีกอย่างหนึ่ ง คือ ไม่ให้ออกไปพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ การให้ความสำ คัญเรื่ องเศษผงฝุ่ นนี้ เองมีประโยชน์ อย่างมาก เมื่ อพวกเราออกมาทำ งานด้านการสืบสวนสอบสวน การตรวจสถานที่ เกิดเหตุดูร่องรอยที่ คนร้ายทิ้ งไว้ มักจะไม่รอด จากสายตาของพวกเราที่ ได้รับการฝึ กมาเป็ นอย่างดี ผมรู้สึกเป็ นหนี้ บุญคุณของโรงเรียนนายร้อยตำ รวจทุก ครั้ งที่ ระลึกถึงคุณค่าในช่วงที่ เข้ารับการศึกษาอยู่ 4 ปี แต่ถึง กระนั้ น ก็ยังคิดว่าโรงเรียนนายร้อยตำ รวจอาจไม่ได้สอนใน เรื่ องสำ คัญอีกเรื่ องหนึ่ งที่ จำ เป็ นต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ และประณีตมากด้วยเช่นกัน คือ การซ่อนเงินภรรยา ผมเคย ซ่อนและถูกภรรยาค้นพบทุกครั้ งไป ในความเห็นของผมอาจ ต้องมีการสอนเพิ่ ม ภาพที่ 13 ความเป็ นระเบียบของเตียงนอน นอกจากนี้ การกางมุ้งนอนในตอนกลางคืนก็จะต้องดึงให้ ตึงสวยงามด้วย เตียงนอนของพวกเราจะวางเรียงเป็ นแถวใน ห้องโถงกว้าง มักเรียง 4 แถว มีสายลวดสลิงใหญ่ขึงสำ หรับใช้ สายมุ้งมัดและชายมุ้งต้องเก็บไว้ใต้ที่ นอนให้เรียบร้อย มุ้งต้อง ไม่หย่อนหรือกองอยู่ริมที่ นอน นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 31


โรงเรียนนายร้อยตำ รวจสอนมารยาทการดูแลรุ่นพี่ บนโต๊ะ อาหาร การเรียนรู้จากโรงเรียนนายร้อยตำ รวจนอกเหนือจาก ระเบียบวินัย วิชาความรู้อื่ นๆ แล้ว สิ ่ งหนึ่ งที่ ข้าพเจ้าประทับ ใจและระลึกถึงอยู่เสมอ คือ มารยาทการดูแลรุ่นพี่ บนโต๊ะ อาหาร ปกติการทานอาหารทั้ งสามมื้ อทานกันที่ โภชนาคารที่ กว้าง ขวางพอสมควร รับนักเรียนได้ 1,200 คน โดยประมาณ กล่าว คือ ชั้ นปี ละประมาณ 300 คน รวม 4 ชั้ น ซึ่ งโดยมารยาทแล้ว นักเรียนชั้ นสูงจะเข้าทานก่อน ส่วนนักเรียนชั้ นตํ ่ าโดยเฉพาะ ชั้ นปี ที่ 1 มักถูกกวดขันระเบียบวินัยและถูกสั่ งลงโทษลงทัณฑ์ ให้ออกกำ ลังกันอยู่ที่ ลานหน้าโภชนาการ รุ่นพี่ ปี 4 ทานเสร็จ แล้ว พวกเราปี 1 จึงมีสิทธิ์ เดินเข้าไปทาน มารยาทบนโต๊ะอาหารที่ ถูกสอนคร่าวๆ คือ นั่ งตัวตรง 1 ใน 3 ของเก้าอี้สายตาไม่ให้มองนอกโต๊ะ จัดขอบจานข้าว เสมอกับโต๊ะใกล้ตัวเรา คนอยู่ใกล้โถข้าวทำ หน้าที่ ตักข้าว ตรงนี้ แหละสำ คัญเพราะเรามักเลี่ ยงไม่นั่ งตรงโถข้าว เพราะหน้าที่ นี้ ทำ ให้ทานได้น้อยกว่าเพื่ อน จึงมีกฎว่าผู้ที่ นั่ ง คนแรกต้องเสียสละนั่ งใกล้โถข้าว เมื ่ อทานเสร็จแล้วหากมีเศษอาหารเหลือต้องปั ดให้รวมอยู่ ที่ ขอบจานด้านนอกและวางช้อนและซ่อมขนานเคียงกัน ขอบ ช้อนและซ่อมเสมอกับขอบจานด้านใกล้ตัวเรา ภายหลังจึงได้ รู้ประโยชน์ว่าทำ ให้แม่ครัวกวาดลงถุงขยะได้ง่ายและรวดเร็ว เก็บล้างได้ง่าย ภาพที่ 14 อาคารโภชนาคาร อาหารมักเป็ นกับข้าว มื้ อละ 3 อย่าง ขนม 1 อย่าง กับข้าว 3 อย่าง มักเป็ นแกงหรือต้มจืดอย่างหนึ่ งเสมอ บางมื้ อมีนํ ้ าพริก ปลาทูซึ่ งเพื ่ อนหลายคนชอบแต่ผมไม่ค่อยชอบ ผมชอบ ไข่ยัดไส้ที่ เป็ นไข่เจียวด้านในเป็ นหมูสับผสมมะเขือเทศและ เครื่ องปรุงอื่ น รสชาติออกหวานเปรี้ ยว อีกอย่างหนึ่ งคือไข่ลูกเขย แม่ครัวมักเตรียมไว้ 4 ฟอง คนละฟองพอดีคน ช่วงที่ เข้าปี 1 ใหม่ๆ ขณะที่ กำ ลังหิวเนื่ องจากร่างกาย ออกกำ ลังกายมาหนัก นักเรียนปกครองให้ผสมอาหารและของ หวานรวมทั้ งนํ ้ าพริกเกลือเทลงในโถข้าวผสมกัน โดยแจ้งว่า หัดทานข้าวแบบพระสายธรรมยุต ขณะนั้ นผมไม่เข้าใจว่า หมายถึงอะไร ภายหลังจึงทราบว่าพระสายวัดป่ าหรือสาย ธรรมยุต จะรวมอาหารไว้ในบาตรและฉันในบาตร เมื ่ อให้รวมอาหารทุกอย่างในโถข้าวแล้ว กวนผสมกันแล้ว ก็ให้ตักใส่จานแบ่งกันทานให้หมด รสชาติไม่เป็ นสับปะรดเลย 32 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ช่างผะอืดผะอมกลืนกันไม่ลง ผมทานแกงเขียวหวานที่ มี เส้นลอดช่องรวมอยู่ในช้อนตักใส่ปาก สู้ทนกลืนลงคอเพื่ อประทัง ความหิว นึกโกรธนักเรียนปกครองรุ่นพี่ อยู่นาน แต่ข้อดีคือ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าพระสายธรรมยุตฉันข้าวแบบนี้ แต่พระท่าน ก็ไม่ได้คลุกผสมกัน สัปดาห์ละ 1 วัน คือ มื้ อเย็นวันพุธที่ กำ หนดให้นักเรียน ทั้ งสี่ ชั้ นนั่ งร่วมโต๊ะทานอาหารร่วมกัน ผมชอบอยู่อย่างหนึ่ ง คือ นั่ งทานรวมกับรุ่นพี่ นักเรียนปกครองไม่สั่ งลงโทษ อย่างเก่ง รุ่นพี่ ที่ นั่ งร่วมโต๊ะอาจสั่ งดันพื้ นบ้างถ้าทำ สิ ่ งใดผิดพลาด และ ผู้ที่ สั่ งลงโทษมักเป็ นรุ่นพี่ ชั้ นปี 2 หรือ ปี 3 ส่วนปี 4 ซึ่ งเป็ น รุ่นใหญ่มักนิ่ งๆ ความนิ ่ งของพี่ ปี 4 ผมมารับรู้ความรู้สึกเมื่ อขึ้ นมาเรียนปี 4 การได้ร่วมโต๊ะทานข้าวกับรุ่นน้องไม่สนุกแม้แต่น้อย ปกติทาน กับกลุ่มเพื่ อนมักเลือกโต๊ะเลือกเพื่ อนได้ ทานไปล้อเล่นกันบ้าง แต่ทานกับรุ่นน้องไม่คุ้ยเคยพาลทานไม่ลงเอาดื้ อๆ บางคนทาน พอเป็ นพิธีแล้วลุกไปซื้ อทานอาหารตามสั่ งทานเพิ่ มที่ ร้านค้าก็มี การทานร่วมกับรุ่นพี่ มีการสอนมารยาทและขั้ นตอน ค่อนข้างสำ คัญทีเดียว กล่าวคือ รุ่นน้องต้องมานั่ งรอรุ่นพี่ หากมาทีหลังให้รุ่นพี่ คอย จะต้องถูกสั่ งลงโทษอย่างน้อยดันพื้ น 20 ครั้ งเป็ นอย่างตํ ่ า ระหว่างนั่ งรอชั้ นปี ที่ 1 ต้องนั่ งตัวตรง ยกแขนเสมอไหล่ หักข้อศอกมาตั้ งฉาก แขนขวาอยู่เหนือแขนซ้าย ส่วนชั้ นปี ที่ 2 นำ แขนไขว้ไว้ด้านหลัง ชั้ นปี ที่ 3 นั่ งวางมือไว้ที่ ต้นขา เมื่ อชั้ นปี ที่ 4 นั่ งเรียบร้อยแล้วเขาจะสั่ งเอามือลง แล้วก็เริ่ มขั้ นตอนการ ร่วมทานข้าว ชั้ นปี ที่ 1 ต้องนั่ งข้างโถข้าวทำ หน้าที่ ตักข้าว การตักข้าว ต้องตักให้พอดีทัพพีไม่ตักล้นจนข้าวหล่นลงบนโต๊ะ ตักใส่จาน รุ่นพี่ ประมาณครึ่ งจานไม่ตักเต็มจานเริ่ มจากพี่ ปี 4, ปี 3, ปี 2 ก่อนจะตักให้ตัวเอง หากตักเต็มจานอาจต้องเจอคำ ถามแบบ ไม่ต้องการคำ ตอบว่า “เอ็งเห็นข้าเป็ นจับกังหรือไง” หรือ “ตักแบบสามล้อถูก หวยเลยนะเอ็ง กินข้าวเสร็จแปดจังหวะไป 10 ยกนะ” เจอโทษ ล่วงหน้าแบบนี้ แทบทานอะไรไม่ลงเลย ท่าแปดจังหวะหนักหนา เอาการ เริ่ มจากก้มตัววางมือทั้ งสองหน้าตัว ย่อตัวพุ่งเท้าไป ด้านหลังพร้อมกัน อยู่ในท่าดันพื้ น ดันพื้ นสองครั้ งแล้วดึงเท้า กลับมาลุกขึ้ นยืนเป็ น 1 ยก ใช้กำ ลังแขนกำ ลังหัวไหล่มาก ครบ 10 ยกหัวใจเต้นแรงเหงื่ อย้อยท่วมตัว ทางที่ ดีเมื่ อเรารู้เท่าทัน แล้วจึงมักทำ หน้าที่ ตักข้าวแต่พอดีไม่ผิดพลาด ส่วนชั้ นปี ที่ 2 นั่ งตรงกันข้ามกับชั้ นปี ที่ 1 ทำ หน้าที่ รินนํ ้ า จากเหยือกนํ ้ าใส่แก้วให้รุ่นพี่ และรินให้น้องด้วย ภาพที่ 15 บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 33


การเริ ่ มทานอย่ารีบบุ่มบ่าม บางคนกำ ลังหิวมองเห็น อาหารถูกปากแล้วลืมตัวรีบตักใส่จานตัวเองทานก่อนรุ่นพี่ การกระทำ ดังกล่าวถือเป็ นความผิดอย่างมหันต์ โทษอย่างเบา คือ มุดโต๊ะ ไปนั่ งอยู่ใต้โต๊ะอาหาร รอให้รุ่นพี่ ทานกันก่อนแล้ว ค่อยออกมาทานได้ ต้องให้รุ่นพี่ ตักทานก่อน เริ่ มจากพี่ ปี 4 แล้วมาปี 3 ปี 2 เรา ปี 1 ตักทานทีหลัง ผมเห็นข้อแตกต่างมารยาทบนโต๊ะอาหาร สมัยเป็ นนักเรียนนายร้อยกับเมื่ อจบมารับราชการแล้วอย่าง หนึ่ ง สมัยเป็ นนักเรียนนายร้อยไม่ต้องตักกับข้าวใส่จานรุ่นพี่ เราแค่มองดูเฉยๆ แต่เมื่ อจบเป็ นนายตำ รวจแล้วเมื่ อนั่ งทาน กับนายตำ รวจรุ่นพี่ มักเริ่ มต้นโดยการตักกับข้าวไปวางในจาน นายตำ รวจรุ่นพี่ เป็ นการเอาใจ และถือเป็ นการเปิ ดการทาน อาหารอย่างเป็ นทางการ อีกสิ่ งหนึ่ งที่ เป็ นหน้าที่ ของชั้ นปี ที่ 1 คือ การหยิบกระดาษ เช็ดปาก นำ มาพับสองพับให้เรียบร้อยแล้วยื่ นส่งให้รุ่นพี่ แต่ละคน การพับต้องให้เป็ นสี่ เหลี ่ ยมขอบเสมอกัน ตาม มารยาทแล้วอย่าไปพับลวกๆ ทำ ขยุกขยุยไม่เป็ นรูปสี่ เหลี่ ยม แม้ไม่ถูกลงโทษแต่จะถูกตำ หนิทางสายตาว่าไร้มารยาท สิ้ นดี การส่งให้รุ่นพี่ ก็ต้องใช้สองมือประคองส่ง อย่าไปยื่ น ส่งมือเดียวเหมือนไม่เต็มใจ ทำ เช่นนั้ นเป็ นถูกเขม่นถูกมอง ชื่ อว่าไร้วินัยเสียชื่ อไปถึงรุ่น กว่าจะทำ หน้าที่ ของน้องชั้ นปี ที่ 1 เสร็จ รุ่นพี่ ก็ทานกัน ไปหลายคำ แล้วจึงต้องรีบทานนำ อาหารใส่ไว้ในท้องรอรับงาน หนักในอนาคตอันใกล้ แต่ถึงกระนั้ นก็ต้องสงวนท่าทีมีมารยาท การตักข้าวต้องตักพอดีช้อน ไม่ล้นช้อน การยกช้อนต้องยก ตั้ งฉาก คือยกตรงๆ ขึ้ นมาก่อนเมื่ อเสมอปากแล้วก็ดึงเข้า ใส่ปาก ตอนดึงช้อนจากปากมาวางที่ จานก็ต้องวางตั้ งฉากเช่นเดิม ระหว่างทานจะมุ่งแต่เอร็ดอร่อยกับอาหารก็ไม่ได้ สายตา จะต้องคอยดูจานข้าวของรุ่นพี่ ว่าจวนจะหมดหรือยัง หากจวน จะหมดแล้วต้องตักข้าวจากโถข้าวใส่ให้เพิ่ ม ถ้าเราตักแล้วรุ่นพี่ จะบอกเองว่าพอแล้ว อย่าไปถามว่าเติมข้าวมั้ ยครับ คำ ตอบอาจ ทำ ให้เราเหนื่ อยเพิ่ มขึ้ นเพราะอาจเพิ่ มแปดจังหวะเป็ น 30 ยก หรือหากรุ่นพี่ ยังไม่อิ่ ม ข้าวหมดจานแล้วเราไม่สังเกต รุ่นพี่ อาจ กระแอมให้เรารู้สึกตัว นั่ นคือความผิดพลาดอย่างมหันต์ ชั้ น ปี ที่4 อาจตำ หนิชั้ นปี ที่ 3 หรือ 2 ที่ นั่ งอยู่ด้วยว่าไม่สอนน้อง ให้ช่วยสอนหน่อย นั่ นคือหนักมากๆ ชั้ นปี ที่ 3 และ 2 จะมี ความรู้สึกว่าเสียหน้ามากและจะสอนเราจนหมดเรี่ ยวแรง เหงื่ อย้อยเต็มพื้ น จึงต้องทานด้วยความระมัดระวัง สายตามองจานรุ่นพี่ แต่ละคนอยู่เสมอ แม้ทานไม่อิ่ มแต่จำ ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ ผมลืมบอกไปว่าชั้ นปี ที่ 2 ที่ นั่ งร่วมโต๊ะมีหน้าที่ ต้องคอยดูชั้ น ปี ที่1 ว่าทำ หน้าที่ และมารยาทถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ หาก ผิดพลาดและไม่ถูกต้องต้องกล่าวแนะนำ เบาๆ มารยาทสำ คัญที่ ห้ามพลาดเด็ดขาดอีกข้อหนึ่ งคือ ห้าม ทานอิ่ มก่อนรุ่นพี่ แม้เรารู้สึกอิ่ มแล้วแต่ก็ต้องดึงเกมไว้ เหลือ อาหารในจานไว้สัก 2-3 คำ ใช้ตอนท้ายเกม ผมเคยนั่ งกับรุ่นพี่ ปี 4 บางคนที่ รูปร่างใหญ่ทานอาหารเยอะ ผมรู้สึกอิ่ มแล้ว แต่รุ่นพี่ ยังไม่อิ่ ม ยังก้มหน้าก้มตาทานอยู่อย่างอร่อย จึงต้อง ดึงเกมไว้ไม่ให้รุ่นพี่ รู้สึกขวยเขิน หากรุ่นน้องอิ่ มและรวบช้อน ก่อนจะทำ ให้รุ่นพี่ สะดุด ทานข้าวโดยมีรุ่นน้องนั่ งดูคอยสังเกต ว่าเมื่ อไรจะอิ่ มสักทีถือว่าเป็ นมารยาทของรุ่นน้องที่ แย่มากๆ แต่ ก็นานๆ จะเห็นรุ่นพี่ ทานมากและทานช้าจนผิดปกติ ส่วนใหญ่ 34 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


มักจะรีบๆ ทาน รีบลุกเพราะมักไม่ค่อยมีเรื่ องคุยกับรุ่นน้อง อย่างมากก็ถามว่าจบชั้ นมัธยมจากโรงเรียนอะไร จังหวัดอะไร แล้วก็มักไม่มีเรื่ องคุยต่อ รุ่นน้องก็ไม่กล้าเอ่ยปากคุยกับรุ่นพี่ เพราะไม่มีสิทธิ์ กระทำ เช่นนั้ นได้ รุ่นพี่ ปี ที่ 4 ส่วนใหญ่มักสงวนท่าที ทานไม่มาก ทานเสร็จก็ รวบช้อน เราเห็นก็ต้องให้เกียรติโดยหยุดทาน วางช้อน เมื่ อรุ่นพี่ ปี 4 ลุกขึ้ น ปี ที่ 1 ต้องยกแขนทำ ฉากเหมือนตอนก่อนทานข้าว ชั้ นปี ที่ 2 นำ แขนไขว้ด้านหลัง ชั้ นปี ที่ 3 วางแขนที่ ต้นขา รุ่นพี่ ลุกไปแล้วจึงเริ่ มทานได้ หลังจากนั้ นต้องรอให้รุ่นพี่ ปี ที่ 3 ทานเสร็จและลุกถัดไป และชั้ นปี ที่ 2 เราชั้ นปี ที่ 1 นั่ งรอจนนักเรียนปกครองสั่ งลุกขึ้ น พร้อมกัน นั่ นคือ เสร็จภารกิจและมารยาทบนโต๊ะอาหารเมื่ อทานกับ รุ่นพี่ ผมได้รับการอบรมมารยาทบนโต๊ะอาหารเมื่ อทานกับ รุ่นพี่ มาและประทับอยู่ในใจเสมอ จบมารับราชการก็ยังติดนิสัย ที่ รับการปลูกฝั งจากโรงเรียนนายร้อยตำ รวจมา กล่าวคือ หลังอาหารมื้ อคํ ่ ามักต้องทานของหวานเสมอ ทานข้าวแล้ว ยังดันเศษอาหารไว้ที่ จานด้านนอกแล้วรวบช้อนและซ้อมให้ เสมอขอบจานด้านใกล้ตัว นอกจากนำ มารยาทบนโต๊ะอาหารจากโรงเรียนนายร้อย ตำ รวจมาใช้ในชีวิตประจำ วันแล้ว ผมยังได้มีจิตเมตตานำ ความรู้นี้ สั่ งสอนภรรยาของผมด้วย เริ่ มจากเล่าเนื้ อหามารยาท ให้ฟั งสมัยที่ ทำ หน้าที่ เป็ นชั้ นปี ที่ 1 เรื่ อยไปจนเป็ นชั้ นปี ที่ 4 ซึ่ งนั่ งทานอย่างเดียวไม่ต้องตักข้าว ไม่ต้องรินนํ ้ าเอง พยายาม ปลูกฝั งให้ภรรยาของข้าพเจ้าทำ หน้าที่ ชั้ นปี ที่ 1 อยู่นาน น่าปลื้ มใจมากที่ ภรรยาของผมซึมซับได้อย่างรวดเร็ว มักชมอยู่ เสมอว่าโรงเรียนนายร้อยตำ รวจปลูกฝั งสิ่ งที่ ดีงามให้เป็ นสุภาพ บุรุษแห่งสามพรานเหมือนดังเพลงขวัญดาวที่ ว่า “หยิบดาวที่ บ่ากลับมาให้ชม ดูน่านิยมทุกสังคมต่างชมหอมกรุ่น อนาคต สดใสเป็ นชายสมบูรณ์และชื่ นชมแห่งวงตระกูล กับคนรักคุณ เป็ นขวัญดาว” แต่น่าแปลกใจที่ ภรรยาผมมักทำ ตัวเป็ นชั้ นปี ที่ 4 อยู่เสมอ ผมยังคงทำ หน้าที่ ชั้ นปี ที่ 1 อยู่มาจนทุกวันนี้ ภาพที่ 15 (1) ภาพ นรต.38 สมัยเรียนชั้ นปี ที่ 1 หมวกฟ้ า ถ่ายภาพหน้ากองร้อยที่ 1 ตึกวิจัยกรณี หน้าตายิ้ มแย้มแจ่มใส คาดว่าเป็ นช่วงปลายปี ที่ 1 แล้ว ฝึ กหนักจนต้องพึ่ งกองแพทย์ ช่วง 3 เดือนแรกของชั้ นปี ที่ 1 ยอมรับว่ามีการฝึ กหนัก เพื่ อปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงและเข้มแข็ง แต่ด้วยเหตุผลที่ สภาพร่างกายของแต่ละคนทนสภาพการ ฝึ กหนักแตกต่างกัน บางคนต้องลาออก สุคุณ พรหมายน เคยเล่าความทรงจำ ว่า “ตอนเป็ น นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 35


นักเรียนใหม่ถือว่าโหดมาก ออกกันหลายคน ที่ จำ ได้ที่ เข้า มาแทนใหม่ คือ สมพาน มุฑาพร เข้ามาแทนเพื่ อนที่ ออก, กัมปนาท ก็มาเสริมเพื่ อนที่ ออก อย่างสมพาน มุฑาพร ผู้ช่วยฯ สั่ งดันพื้ นแปดจังหวะ สมพานบอก ทำ ไม่เป็ นครับ เพื่ อนๆ ชอบใจกันใหญ่ คนที ่ ทนไม่ไหวออกไปคนหนึ่ ง คือ ณรงค์ฤทธิ์ เสมอเหมือน เรียนเก่งสอบเข้าได้ที่ 1 หรือที่ 2 จำ ไม่ได้แม่น ถูกจวกจนทน ไม่ไหว อยู่ไม่ถึงอาทิตย์ลาออก ตอนนั้ นถูกจวกจนเท้าเจ็บเป็ น แผลจากรองเท้ากัด ผู้ช่วยฯสั่ งทำ โทษก็ทำ ไม่ไหว ถูกกดดัน เพื่ อนต้องถูกลงโทษแทน ณรงค์ฤทธิ์ ทนไม่ไหว ลาออกเลย ผู้ช่วยฯ แต่ละคนจริงจังมาก เบาสุด คือ พี่ ณรงค์ ถัดทะพงษ์ หนักๆ มีพี่ เฉลิมเกียรติ, พี่ ฉลอง, พี่ สมเจตน์, พี่ สมเกียรติ, พี่ ดินัย ครั้ งหนึ่ ง ปี 1 นอกจากเวรยืนแล้ว มีเวรเดินตรวจด้วย กูเข้าเวรอยู่ รอดำ รงศักดิ์ มาเปลี่ ยน แปลกใจว่าทำ ไมไม่มา เปลี่ ยน ปรากฏว่าติดอยู่ที่ กองร้อย 4 ม้วนหน้าอยู่ เกิดหิวขนม เดินจะไปกินขนมที่ ร้านค้า ผ่านกองร้อย 4 โดนจวกซะเละ บางคนเห็นช่องทางที่ จะเอาตัวรอดได้คือ “กองแพทย์” ดังเช่น อนุวัตร “พึ่ งกองแพทย์” “พึ่ งกองแพทย์” คล้ายดังนามสกุล แต่ไม่ใช่ ถือเป็ นทาง เลือกทางสุดท้ายของนักเรียนนายร้อยตำ รวจชั้ นปีที่ 1 ที่ ถูกจวก จนไร้ทางเลือกอื่ น ภาพที่ 16 อาคารกองแพทย์ด้านขวามือของภาพ ภาพที่ 17 อนุวัตร สุดสวาท อนุวัตร สุดสวาท รูปร่างสันทัด บุคลิกกระฉับกระเฉง ชอบพูดคุย ใบหน้ายิ้ มแย้ม มักชอบแซวเพื่ อนแบบสนุกสนาน เพื่ อนฝูงเยอะ ความทุกข์ระทมมักซ่อนอยู่บนใบหน้าที่ มีรอยยิ้ ม ยากที่ เพื่ อนจะรับรู้ได้ ภูมิลำ เนาเป็นชาวเมืองสุโขทัย จบมัธยมปลายจากโรงเรียน สุโขทัยวิทยาคม เรียนหนังสือเก่งและสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย ตำ รวจได้ รุ่นที่ 38 มีชื่ อเล่นว่า อู๊ด บางคนก็เรียก โซม ผลการเรียนค่อนข้างดี สอบได้ลำ ดับที่ 77 คะแนน 89.99 เปอร์เซ็นต์ เลือกลงบรรจุทำ งานตำ แหน่งรอง สวส.สภ.อ.เมือง ลำ ปาง หลังจากนั้ นได้โยกย้ายไปรับราชการที่ บ้านเกิด คือ ที่ จังหวัดสุโขทัยจนเกษียณอายุราชการในตำ แหน่ง ผกก. สภ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 36 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


ตรวจสอบข้อมูลในสารบบกองแพทย์ รร.นรต. พบว่ามีราย ชื่ ออยู่ในลำ ดับต้นๆ เมื่ อสอบถามเหตุผล คำ ตอบคือ หนีถูกกัก แสดงว่าถูกกักบ่อย บ่อยมากน้อยเพียงใดกัน “กูมีรายชื่ อถูกกักตลอดทั้ งปี ผู้ช่วยตรวจความสะอาดทีไร กูโดนทุกที ไม่เคยพลาด เสาร์อาทิตย์ไม่เคยได้ออก จนผู้ช่วย ดิโน่ (พี่ ดินัย บุญเรือง รุ่น 35) อนุโลมว่าเมื่ อถูกกักครบ 3 เดือน แล้วให้ออกครั้ งหนึ่ ง แต่นานมากกว่าจะครบ 3 เดือน ชีวิตช่าง ดูมืดมน นอกจากนี้ อนุโลมให้เข้าเวรผลัด 5 ครั้ ง ครั้ งหนึ่ งจะลด กักเสาร์อาทิตย์ 1 ครั้ ง แต่การเข้ายามผลัด 5 ตั้ งแต่ตี 2 ถึงตี 4 ก็ทารุณสิ้ นดี แทบจะไม่ได้นอนเลย ออกยามกลับมานอนพอ เคลิ้ มก็ถูกปลุกลุกขึ้ นวิ่ ง กูทนเข้ายามผลัด 5 อยู่ 2-3 ครั้ ง แต่ตรวจความสะอาดก็ มีชื่ อกูเพิ่ มมาอีก จนต้องยอม คราวหนึ ่ งได้ไอเดียจากไอ้ถั่ ว (ชุมพล พุ่มพวง) มันป่ วยเข้า กองแพทย์ ออกมาหน้าใสสดชื่ นก็เลยคิดหาทางเข้ากองแพทย์ สมัยหนึ่ งที่ ป่ วยเป็ นตาแดงกันเยอะและมีสิทธิ์ ไปนอน กองแพทย์ กูใช้ฟองสบู่ทาตาให้แดงและขอเข้ากองแพทย์ หัวหน้ากองแพทย์ขณะนั้ นชื่ อ ดาบตำ รวจอุดม มีอำ นาจเต็มใน การเซ็นอนุญาตให้ใครเข้ากองแพทย์ได้ ดาบตำ รวจอุดมตรวจ แล้วบอกให้กลับกองร้อย เศร้ามาก พยายามใช้นิ้ วป้ ายตาเพื่ อน ที่ เป็ นโรคตาแดงและมาป้ ายตาตัวเอง แต่ก็ไม่ติด จนมีโอกาสเมื่ อเล็บเท้าอักเสบ ขอใบแพทย์จากกองร้อย เดินไปกองแพทย์ขอร้องดาบตำ รวจอุดมให้รับเข้ากองแพทย์ ด้วย พูดว่าคุณพ่ออุดมครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ อยากมาอยู่กอง แพทย์ขอรับผมไว้ด้วยเถิดครับ คุณพ่อดาบอุดม ดูหัวแม่เท้า แล้วพูดว่าไม่ได้เจ็บมากจนถึงกับลงกองแพทย์ แต่ทนกู อ้อนวอนไม่ไหวก็ยอมเซ็นให้ลงกองแพทย์ 3 วัน รู้สึกดีใจมาก ว่างๆ ก็ล้างรถให้ดาบตำ รวจอุดม ขณะนั้ นเขามีรถโฟล์คตู้สีฟ้ า มักจอดหน้ากองแพทย์” ลงกองแพทย์เจอรับน้อง “ตอนกูลงกองแพทย์ตอนนั้ นมีมนตรี ถาวร ลงกองแพทย์ ด้วย อีกคนคือ ประกาศ พงษ์พานิช เจอพี่ รุ่น 36 ชื่ อพี่ จีรวัฒน์ ทิพยจันทร์ เป็ นพี่ ที่ น่ารักมาก ให้กูและมนตรีถือชูเชือกมุ้ง 2 มุม พอเมื่ อยแขนลดแขนลงก็ดุว่า เฮ้ยข้ายังไม่หลับ ถือจนกว่าข้าจะ หลับ เป็ นเชิงล้อเล่น สักพักใหญ่ก็ให้เลิก อยู่กองแพทย์นอกจากไม่ต้องฝึ กแล้ว รุ่นพี่ มักวานให้ ไปซื้ อขนมที่ ตลาดสามพราน เดินออกทางประตู 4 ซึ่ งมีพี่ ชั้ น ปี 2 เป็ นยาม ก็บอกว่าพี่ คนนั้ นคนนี้ ให้ออกมาซื้ อของ พี่ เขาก็ ไม่ว่าอะไร เราเองก็ได้มีโอกาสเดินเที่ ยวดูผู้คนและซื้ อขนมกิน ได้อย่างอิสระ ครบ 3 วัน ก็ไปขออยู่กองแพทย์ต่อ ดาบตำ รวจอุดม บอกว่าให้กลับไปกองร้อยก่อนแล้วหาจังหวะมาใหม่ ภายหลังก็ อนุมัติให้กูเข้ากองแพทย์หลายครั้ ง ถ้าไม่ได้คุณพ่ออุดมช่วย กูแย่แน่ๆ” กลับเข้ากองร้อยปรับตัวตามเพื่ อนไม่ทันเรื ่ องพับหมอน เล็กสวยงาม “กลับเข้ากองร้อยครั้ งนี้ มีการปรับเรื่ องการคลุมหมอนหลัง ตื่ นนอนแล้ว คือ ใช้ผ้าห่มคลุมหมอนให้เล็กลงสวยงาม ก็ตกใจ อ้าวเฮ้ยหมอนเคยใหญ่นอนสบาย กลายเป็ นเล็กลงครึ่ งหนึ่ ง สอบถามเพื่ อนก็นำ นุ่นออกครึ่ งหนึ่ งและเย็บใหม่ ออกจากกอง แพทย์ครั้ งแรกก็ตรวจไม่ผ่านถูกกักเสาร์อาทิตย์เข้าแล้ว เพื่ อ ให้การคลุมหมอนสวยงามทุกคนเลยต้องหาซื้ อหมอนมาเพิ่ ม นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 37


สำ หรับนอนจริง ส่วนหมอนของโรงเรียนเตรียมไว้คลุม ช่างน่า ประหลาดใจนัก คราวหนึ ่ งตั้ งใจมาก ทำ ความสะอาดเตียงตู้อย่างดี มีเพื่ อน ที่ เป็ นบัดดี้ คือ ดิเรก ยศนันท์ ช่วยเหลือ พอประกาศรายชื่ อ ผลตรวจความสะอาด มีชื่ อกูอีกแล้ว ข้อหามีฝุ่ นที่ รูรองเท้าฮาร์ฟ อ้าวเฮ้ย ตรวจกันถึงขนาดฝุ่ นรูรองเท้าฮาร์ฟซึ่ งด้านหลังรองเท้า จะมีช่องไว้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามีไว้ด้วยเหตุผลใด หรือจะไว้ คล้องเชือกก็เป็ นได้ โดนข้อหานี้ กูยอมเลย ตอนหลังปล่อย ตู้เตียงปล่อยธรรมชาติเพราะทำ ไปก็ไม่ผ่านอยู่ดี อนุวัตรเล่าอย่างภาคภูมิใจว่าเพื่ อนคนอื่ นจบได้ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์ แต่กูได้ 2 ปริญญา คือ รัฐประศาสนศาสตร์ และแพทยศาสตร์ กับพวกเรา ส่วนตอนบ่ายเป็ นพิธีสวนสนามเนื่ องในวันตำ รวจ เปลี ่ ยนสภาพจากที่ ถูกเรียกว่านักเรียนใหม่เป็ น ร้อย 1 วันนี้ ถือเป็ นวันสำ คัญวันหนึ่ งในชีวิต นรต.เพราะพวกเรา ได้ปรับสภาพจากนักเรียนใหม่เป็ นร้อย 1 ได้รับการยอมรับจาก รุ่นพี่ มากขึ้ นและได้รับสิทธิหลายอย่าง เช่น ไม่ต้องติดกระดุมคอ ไม่ต้องวิ่ งเมื่ อออกจากอาคาร และสิทธิได้เข้าซื้ อขนมที่ สโมสร เป็ นต้น ภาพที่ 15(2) ภาพ นรต.38 สมัยเรียนชั้ นปี ที่ 1 ถูกลงโทษซัดเท้าหลัง วันที่ 13 ตุลาคม 2524 ดร.ปิ ยะ อุทาโย บันทึกไว้ว่า นกพิราบขาวกระจายทั่ ว รร.นรต. (แต่งเครื่ องแบบชุดขาว)ตอนเช้าพิธีรับมอบกระบี่ สั้ น ของพวกเราจากผู้การฯ พิธีมอบแหวนรุ่นจากพี่ ชั้ น 4 สวมให้ ภาพที่ 18 พิธีสวมแหวนรุ่น 38 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2525 มีการเปลี่ ยนแผ่นดิน รุ่น 35 จบการศึกษาและรุ่น 36 ขึ้ นปกครอง ผู้ช่วยฯ รุ่น 36 ที่ มาทำ การแทนประกอบด้วย พี่ จารึก ลิ้ มสุวรรณ, พี่ สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข, พี่ ศักดา ชื่ นภักดี, พี่ ศุภชัย โชติมุข, พี่ ธวัช วังพฤกษ์, พี่ ภักดิ์ นิยมรัตน์, พี่ ไพบูลย์ เปี ยศิริ (ต่อมาเปลี่ ยนเป็ น พี่ ศราวุฒิ ณ เชียงใหม่) และพี่ กมล เหรียญราชา (ข้อมูลจากพี่ จารึก ลิ ้ มสุวรรณ) ผู้ช่วยฯ รุ่น 36 จะปกครองแบบให้รับผิดชอบตัวเอง เป็ นผู้ใหญ่มากขึ้ น ด้านการวางตัวก็เป็ นกันเองกับพวกเรา เหมือนพี่ เหมือนน้องมากกว่าที่ จะเป็ นผู้ปกครอง เรามักเห็น ผู้ช่วยฯ เล่นฟุตบอลหลังกองร้อยกับพวกเรา เห็นพี่ สุวัฒน์ฯ พี่ จารึกเตะตะกร้อกับพวกเรา เห็นพี่ ศักดาฯ เย้าแหย่หยอกล้อ กับพวกเรา ส่วนพี่ ศุภชัยฯ ให้ความเป็ นกันเองมาก เสาร์อาทิตย์ จัดทัศนศึกษาพาน้องไปเที่ ยวต่างจังหวัด ยังมีภาพความ ประทับใจอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็ นกิจกรรมส่วนตัวหรือว่ากิจกรรม ทัศนศึกษาส่วนรวม ช่วงที่ รุ่น 36 ปกครอง ระเบียบวินัยในภาพรวมอยู่ใน ระดับที่ ดี ได้รับการฝึ กให้รับผิดชอบงานในหน้าที่ ตัวเอง เป็ นรากฐานที่ จะเติบโตเป็ นนายตำ รวจต่อไป ภาพที่ 18(1) ผู้ช่วยฯ รุ่น 36 จากซ้ายไปขวา พี่ ธวัช วังพฤกษ์, พี่ ศราวุธ ณ เชียงใหม่, พี่ ศุภชัย โชติมุข, พี่ กฤษณะ ทรัพย์เดช (ผู้ช่วยฯกองร้อยอื่ น), พี่ จารึก ลิ้ มสุวรรณ, พี่ ศักดา ชื่ นภักดี, พี่ สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (ในภาพขาดพี่ กมล เหรียญราชา และพี่ ภักดิ์ นิยมรัตน์ ปั จจุบันพี่ ศุภชัย และพี่ ภักดิ์ เสีย ชีวิตแล้ว) วันที่ 31 มีนาคม 2525 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2525 ระยะ เวลา 1 เดือนฝึ กชัยยะที่ ค่ายนเรศวร อำ เภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ดร.ปิ ยะ อุทาโย บันทึกไว้ว่า วันที่ 31 มีนาคม 2525 ตะโกนตื่ นเวลา 04.00 น. แต่งชุด ฝึ กสีเขียว หลังจากทานอาหารเช้าแล้วออกเดินทางเวลา 05.00 น. รถมาถึงสนามบินบ่อฝ้ ายเวลา 09.00 น. ต้องลงจาก รถมีครูฝึ กมากมายมารอต้อนรับตะโกนบอกว่านํ ้ ามันรถหมด พาวิ่ งไปที่ ค่ายนเรศวรโดยใช้เส้นทางชายหาดริมทะเล มีการ สั่ งหมอบคลานชายทะเลด้วย ระหว่างเส้นทางมีการผ่านด่าน ทั้ งสี่ คือ ดิน นํ ้ า ลม ไฟ โดยครูฝึ กสอนว่าต้องทำ ตัวเหมือนดิน คือ สามารถปั้ นเป็ นรูปได้ทุกอย่าง ทำ ตัวเหมือนนํ ้ าคือ อ่อนไหว อ่อนโยน สามารถแทรกซึมทุกภูมิประเทศ ทำ ตัวเหมือนลมคือ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 39


สามารถไปได้ทุกภูมิประเทศ และทำ ตัวเหมือนไฟ คือ เผาผลาญ ทุกสิ่ งทุกอย่างได้ ถึงค่ายนเรศวรเวลา 13.30 น. มีการทดสอบกำ ลังกายและ กำ ลังใจต่อจนลืมความรู้สึกหิวข้าว เป็ นการเริ่ มต้นที่ เข้มข้นของ หลักสูตรชัยยะขั้ นพื้ นฐานในค่ายนเรศวร การฝึ กที่ ค่ายนเรศวรถือว่าเป็ นการฝึ กที่ เข้มข้น ต้องวิ่ งทุก วันทั้ งช่วงเช้าและบ่าย ภาคกลางวันมีการสอนยุทธวิธีการรบที่ เข้มข้น ส่วนหนึ่ งที่ ฝึ กร่างกายให้แข็งแกร่งคือการให้แบกเป้ ขึ้ น หลังโดยในเป้ บรรจุก้อนอิฐหนักตลอดเวลาแม้เข้าเวรยาม วันที่ 17 เมษายน 2525 หลังจากเรียนด้านวิชาการใน ห้องเรียนแล้ว เราเดินทางเวลา 05.00 น. ไปฝึ กปฏิบัติการตั้ ง ฐานในป่ าละอู เป็ นป่ าทึบแวดล้อมไปด้วยภูเขา หลังจากลงจาก รถและตรวจสอบจำ นวนแล้วครูฝึ กสร้างสถานการณ์ว่าหากไป ทางรถอาจถูกซุ่มโจมตีได้ จึงให้ลงเดินไปเป็ นหมู่ในลักษณะ ลาดตระเวน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่ วโมง ก็ถึงจุดที่ ตั้ งฐาน ทุกคน ล้วนเหนื่ อยล้าอ่อนเพลีย ถึงที่ ตั้ งฐานเวลาประมาณ 10.30 น. หลังจากกางเต็นท์ตั้ ง ฐานตามยุทธวิธีแล้วในวันแรกก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำ ให้ ทุกคนได้มีโอกาสพักผ่อน ได้ผ่อนคลายสัมผัสกับธรรมชาติของ ป่ าเขา (ดร.ปิ ยะ อุทาโย บันทึกไว้ท้ายหนังสือรุ่น นรต.38) เพื่ อนหลายคนมีประสบการณ์การฝึ กชัยยะที่ สนุกและ ตื่ นเต้น ฐานตั ้ งอยู่บนเนินเขา เวลาจะไปตักนํ ้ ามาหุงข้าว ล้าง อุปกรณ์ต้องเดินลงเขาไปไกล หากลงไปอาบนํ ้ าเดินขึ้ นมาก็มี เหงื่ อย้อย เราเรียนรู้การตั้ งค่าย การจัดเวรยามเพื่ อป้ องกันการ ถูกโจมตี ฝึ กการตั้ งวางเครื่ องให้สัญญาณหากมีข้าศึกบุกรุก เข้ายามท่ามกลางความมืดมิด ฝึ กโรยตัวลงหน้าผาและลงจาก เฮลิคอปเตอร์ ฝึ กการวางกำ ลังเพื่ อรอรับเสบียงที่ ส่งทาง ฮ. เป็ นต้น การได้รับเสบียงแต่ละครั้ งรู้สึกชุ่มชื่ นเพราะจะได้กิน อาหารแปลกใหม่และมีของหวานประจำ คือ ต้มถั่ วเขียว การฝึ ก ในครั้ งนั้ นสภาพอากาศชุ่มชื่ น ตอนเย็นมักมีฝนตกแทบทุกวัน ภาพที่ 19 เข้าแถวเพื่ อวิ่ งเข้าค่ายนเรศวร ภาพที่ 20 การทดสอบกำ ลังโดยครูฝึ กก่อนรับเข้าค่ายนเรศวร 40 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


บางคืนฝนตกนํ ้ าไหลเข้าเต็นท์ทำ ให้ไม่ได้หลับได้นอน ส่วน ครูฝึ กมีประสบการณ์มากใช้วิธีการนอนเหนือพื้ นโดยขึงผ้าใบ นอนกับต้นไม้ การฝึ กครั้ งสำ คัญ คือ การหลบหลีกหลีกหนีข้าศึก โดย ครูฝึ กนำ ไปปล่อยห่างจากฐานและให้หาทางกลับฐานโดยใช้ เส้นทางธรรมชาติ ไม่ให้ใช้เส้นทางถนนที่ อาจถูกข้าศึกจับตัวได้ บางหมวดต้องลุยแม่นํ ้ ากลับมาซึ่ งดูน่ากลัวและเสี่ ยงอันตราย เนื่ องจากเป็ นเวลากลางคืน แต่การฝึ กก็ผ่านไปด้วยดี บางคนมีแนวทางที ่ ไม่เหนื่ อย คือ ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ (ยุ้ย) “ยังจำ ได้แม่น มีวิชาดำ รงชีพในป่ า โรยตัวจากหน้าผาแล้ว ให้เดินกลับตามเข็มทิศ กูกับปุ๋ ย ปรึกษากันได้ข้อสรุป นอนเลย ดีกว่า คนอื่ นเดินกลับกันลุยนํ ้ ากัน คนกล้าก็เดินบนถนนแต่ครู ฝึ กบอกว่าเดินบนถนนจะปรับตก แต่กูฉลาดกว่านอนเลย หลับ เช้ามามองไปรอบๆ เฮ้ย หลุมฝั งศพทั้ งนั้ น นอนบนหลุมฝั งศพ ดีที่ ผีไม่หลอก” กลุ่มอิสซึ่ นของ จักรี สุนทโร มีการเตรียมการที่ ดีซื้ อตาข่าย ดักปลาไปด้วยและดักปลาในลำ ธารมาเป็ นอาหารเสริม อาหาร เสริมอีกอย่างคือตุ๊กแก คืนแรกๆ ขณะเข้าเวรยามมีเสียงตุ๊กแก ร้องดูน่ากลัว เพียงสัปดาห์เดียวเสียงตุ๊กแกหายไปอย่างน่า ประหลาด ทราบภายหลังว่ามีการทำ บ่วงคล้องจับมาเป็ นอาหาร เสริมชั้ นดีจนหมด นอกจากนี้ ประเสริฐ มาเห็ม ซื้ อเหล้าขาวติด ไปด้วย 4 ขวดสำ หรับดื่ มเพื่ อเจริญอาหารมื้ อเย็น มีการจับจิ้ งจก ใส่ในขวดและเชื้ อเชิญให้เพื่ อนดื่ มเป็ นการบำ รุงพละกำ ลัง ใช้คำ ว่า “ยาดองจิ้ งจก” บางคนแอบหนีไปเล่นนํ ้ าตกกัน ใกล้ๆ มีผึ้ งทำ รังอยู่ บางคน เตือนว่าเฮ้ยอย่าไปรังแกผึ้ งนะ เดี๋ ยวมันต่อย เล่นนํ ้ าตกกัน ไม่นาน แจ๊ค-ภาณุมาศ ศุภกิจจารักษ์ ใช้ปื น ปลยบ.88 ลูกแบล็งค์ ไปยิงรังผึ้ ง ปั ง! ผึ้ งแตกรังมาต่อย ต่างวิ่ งหนีกัน บางคนมุดดำ อยู่ในนํ ้ า คนหนึ่ งที่ โดนผึ้ งต่อยคือ แจ๊ค คนก่อเหตุ วันที่ 1 พฤษภาคม 2525 เสร็จสิ้ นการฝึ ก เดินทางกลับเข้าค่ายนเรศวร เวลา 13.30 น. มีพิธีรับประกาศนียบัตร เวลา 14.00 น. รถเคลื่ อนตัว ออกจากค่ายนเรศวร พวกเรามองด้วยความอาลัย ความทรงจำ ที่ ดีหลายอย่างเกิดที่ ค่ายแห่งนี้ กลับสู่สถาบันของเราเพื่ อรอขึ้ นชั้ นปี ที่ 2 (เพิ่ มเติมจาก บันทึกความทรงจำ ของ ดร.ปิ ยะ อุทาโย ท้ายหนังสือรุ่น) วันที่ 31 พฤษภาคม 2525 ขึ้ นชั้ นปี ที่ 2 เปิ ดเทอมสำ หรับปี การศึกษา 2525 ย้ายกองร้อยจาก ตึกวิจัยกรณี ขันตีอุตสาหะ มาเป็ น ตึกเกียรติศักดิ์ รักษ์วินัย ขึ้ นร้อย 2 แล้วครับผม ภาพที่ 21 ฝึ กการโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41


นอกจากนี ้ มีนโยบายให้นักกีฬาที่ ต้องแยกซ้อมและไปร่วม แข่งขันกีฬาเหล่าทุกประเภทมาอยู่หมวด 8 มีอัมพล วงศ์ใหญ่ เป็นหัวหน้าตอน โรงนอน คือโรงนอนด้านทิศเหนือ (ด้านหลัง ใกล้ตึกวัฒนธรรม) ส่วนชั้ นล่าง ผู้ช่วยฯ ขณะนั้ น คือ พี่ ศราวุธ ณ เชียงใหม่ มักไม่เคร่งครัดในการตรวจความสะอาดเนื่ องจาก เห็นว่านักกีฬาซ้อมหนัก ฝึ กกระโดดร่ม ปลายชั้ นปี ที่ 2 ปีพ.ศ.2526 หลักสูตรสำ คัญของชั้ นปี ที่ 2 คือ หลักสูตรกระโดดร่ม ขั้ นพื้ นฐานรวม 6 ครั้ ง สถานที่ คือ ค่ายนเรศวร อำ เภอหัวหิน ปั จจุบันคือ ค่ายพระรามหก สมัยนั้ นเรามักเรียกรวมกันว่าค่าย นเรศวร ดร.ปิ ยะ อุทาโย บันทึกไว้เกี่ ยวกับการเตรียมตัว สถาน ที่ พัก การฝึ กและบรรยากาศของการกระโดดร่มว่า “ดอกคูนที่ ออกดอกเหลืองอร่ามหล่นตามถนน อ้า... ถึงคราวที่ ต้องสอบปลายเทอมเพื่ อเลื่ อนขึ้ นชั้ นใหม่อีกแล้วซิ และถึงคราวที่ ต้องออกฝึ กภาคสนามประจำ ปี อีกหนแล้ว สำ หรับการฝึ กภาคสนามปี นี้ เป็ นการฝึ กกระโดดร่มหลักสูตร สูงสุดของกรมตำ รวจ (ไม่ใช่หลักสูตรที่ อยู่สูงนะ) ที่ กรมตำ รวจ ยอมรับ ใครๆ ที่ ผ่านหลักสูตรนี้ ก็พากันคุย และการเสี่ ยงครั้ งนี้ ดูทุกคนอยากจะลอง แม้ไม่อยากก็ต้องไปอยู่แล้ว กระโดดร่มชุดที่ 2 นี้ ตั้ งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2526 ถึง วันที่ 25 เมษายน 2526 ซึ่ งการไปฝึ กได้มีการฝึ กร่างกาย อยู่ที่ โรงเรียนก่อนตั้ งแต่วันที่ 25 มีนาคม เพื่ อเตรียมร่างกาย ให้สู้กับอุปสรรคข้างหน้าต่อไป การย้ายกองร้อยมีรายละเอียดที่ ทำ ให้บางคนได้สมญา นามว่า “ไอ้ตู้” คือ สัมพันธ์ หอมสินธุ์ ครอบครัวชาวสวนจาก ตลิ่ งชัน กรุงเทพฯ รูปร่างแข็งแรงลํ ่ าสัน “...การย้ายกองร้อยเป็ นภาระที่ หนักมาก ต้องใช้แรงกาย ยกของหลายอย่าง หลายเที่ ยว เริ่ มจากเตียงนอน ตู้ปลายเตียง ที่ นอน และที่ สำ คัญคือ ตู้ยืนซึ่ งเป็ นเหล็กหนัก ปกติต้องช่วยกัน ยก 2 คน ยกของเพื่ อนคนหนึ่ งก่อนและกลับมายกของเพื่ อนอีก คน รวม 2 เที่ ยว แต่ผมเห็นว่าพอยกได้ ขอให้เพื่ อนช่วยยกใส่กึ่ ง หลังกึ่ งบ่าไปเอง แต่ตอนขึ้ นบันไดต้องวางลงพื้ นและหาเพื่ อน ช่วยยก นอกจากแบกตู้เหล็กเองแล้วผมยังช่วยเพื่ อนหลายคน ยกด้วย...” สมญา “ไอ้ตู้” นอกจากแข็งแรงสามารถยกตู้เหล็กได้ เองแล้ว สัมพันธ์ หอมสินธุ์ ยังได้ชื่ อว่ามีความเคร่งครัดในการ ปฏิบัติตามคำ สั่ งอีกด้วย ผู้ช่วยฯ สั่ งลงโทษก็ทำ เต็มจำ นวนไม่มี ผ่อนแรงหรือเก็บแรงไว้สำ รองในอนาคตอันใกล้ จึงได้ชื่ อว่า “ไอ้ตู้” โดยสมบูรณ์แบบ ภาพที่ 22 สัมพันธ์ หอมสินธุ์ 42 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


28 มีนาคม 2526 เวลา 05.30 น. รถเคลื่ อนออกจาก โรงเรียนโดยมีพี่ กองร้อยที่ 5 มาตั้ งแถวรอส่งไป ถึงแม้จะมี อะไรอยู่ข้างหน้าก็ตามทุกคนดูพร้อมที่ จะเผชิญกับปั ญหานั้ น เครื่ องแบบชุดฝึ กพร้อมถุงทะเล ขึ้ นรถ เมื่ อได้เวลาออก กราบลาเจ้าพ่อสามพราน เสียงตะโกนไชโย 3 ครั้ ง ถึงเวลา เคลื่ อนออกแล้ว 08.00 น. รถถึงค่ายมฤคฯ ลงรถ ขณะไปถึงเป็ นวันแรกที่ เพื่ อนที่ ไปชุดแรกกำ ลังโดดเป็ นครั้ งแรก นั่ งดูเพื่ อน เอ..ง่ายดีนะ พอลงได้มาคุย แหม...พวกที่ ไปใหม่ๆ ใจหายเลย เพื่ อนๆ จะได้ กลับแล้ว มอบการบังคับบัญชาให้ทางค่ายรับไปและทำ พิธีตรวจ ร่างกาย ว่าพร้อมหรือไม่กับการที่ จะกระโดดร่ม เที่ ยง ทานข้าว แรกๆ ดูจะไม่มีอะไรมาก ทานข้าวเหมือนๆ กับที่ โรงเรียน โดยจัดนั่ ง 4 คน กับข้าวใหม่เลยดูอร่อย จากโรงอาหารสามารถ มองเห็นทะเลได้ตลอด บรรยากาศดีๆ ถ้าได้มาเที่ ยวนะ โรงนอนที ่ จะให้นอนนั้ นยังไม่ว่างเพราะชุดแรกยังพักอยู่ เลยจัดให้อยู่ชั่ วคราวบนโรงของพลร่ม ซึ่ งแบ่งเป็ น 2 พวก พวกแรกอยู่ด้านใน อีกพวกอยู่ใกล้สนามฝึ ก ลักษณะโรงนอน เป็ นเตียง 2 ชั้ น ไม่ได้ใช้นานเลยดูจะมีฝุ่ นเต็มไปหมด ต้อง ทำ ความสะอาดกันหน่อย บ่าย ปฐมนิเทศชี้ แจงการปฏิบัติของพลร่ม วันแรกที่ ผ่าน ไปดูไม่มีอะไรที่ น่าตื่ นเต้นและก็ยังไม่ถือเป็ นนักเรียนพลร่ม เพราะยังไม่รับเข้าค่ายนเรศวร จึงดูว่าสบายสำ หรับวันแรก 29 มีนาคม 2526 เวลา 05.00 น. แตรปลุก ปลุกอาจจะ ตื่ นไวกว่าที่ โรงเรียนนิด แต่เขาก็ให้นอน 3 ทุ่ม ดังนั้ น เวลานอน ก็เท่าๆ กัน ตื่ นมาออกกำ ลังกาย วอร์มนิดหน่อย เช้า สอนการแต่งกายชุดร่ม การตรวจเครื่ องแต่งกาย 3 เมษายน 2526 พวกโดดร่มชุดแรกเดินทางกลับ คนที่ ฝึ กต่อดูจะใจหาย เราต้องทนอีกเกือบเดือนแล้วซิ แล้วก็ต้อง ย้ายที ่ นอนเข้าแทนที่ พวกแรก ภาพที่ 23 บรรยากาศริมทะเลหลังการฝึ กที่ หนักหน่วง นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 43


12 เมษายน ผู้บัญชาการตำ รวจตระเวนชายแดน เข้ามา ตรวจเยี่ ยม 15 เมษายน วันสุดท้ายแห่งการฝึ กภาคพื้ นดิน หลังจาก ทนมาหลายอาทิตย์ ไวจริงๆ จะเสร็จแล้วหรือนี่ 16 เมษายน ทดสอบสถานีต่างๆ จนครบว่าจะโดดได้หรือ ไม่และดูสนามโดด ดูให้ดีนะ โดดเดี๋ ยวเห็นเขียวๆ นึกว่าหญ้า เดี๋ ยวจะเจอตะบองเพชรมา เย็นปล่อยออกเพื่ อให้ไปลงคะแนน เสียงเลือกตั้ ง คราวนี้ ปล่อยค้างคืน ปล่อย 2 วัน 2 คืน ไปไหว้พ่อ แม่ก่อนที่ จะขึ้ นเครื่ องโดดจริงต่อไป 19 เมษายน วันแห่งความทรงจำ อดีตที่ จะลืมไม่ลง วันแรกแห่งการกระโดดออกจากเครื่ องบินครั้ งแรกในชีวิต บางคนอาจจะนอนไม่หลับทั้ งคืนเป็ นธรรมดา บางคนก็หาไหว้ ภาพที่ 24 การฝึ กที่ เข้มงวดจริงจัง 44 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น


Click to View FlipBook Version