ประวัติ วั บุ ติ ค บุ คลสำ คัญ คั ในวงการนาฏศิล ศิ ป์ และการละครไทย ในยุค ยุ สมัย มั ต่า ต่ ง ๆ จัด จั ทำ โดย นายปัณปัณวิชวิญ์ แก้วก้โชน ม.6/1 เลขที่ 9 นางสาวจินจิตพร คำ กรเกตุ ม.6/1 เลขที่ 17 เสนอ คุณคุครูรุ่รูงรุ่ เดือดืน ศิริศิมิริลิมินลิทร์ รายงานเล่มล่นี้เ นี้ป็นป็ส่วส่นหนึ่ง นึ่ ของรายวิชวิานาฏศิลศิ ป์ (ศ 33102) ภาคเรียรีนที่ 2 ปีก่ีปีก่ีศึก่ีกศึษา 2566 โรงเรียรีนตากพิทพิยาคม
คำ นำ รายงานเล่มล่นี้จั นี้ ดจัทำ ขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ เป็นป็ส่วส่นหนึ่ง นึ่ ของรายวิชวิานาฏศิลศิ ป์ ( ศ 33102 ) ชั้น ชั้ มัธมัยมศึกศึษาปีที่ปี ที่6 เพื่อ พื่ ให้ไห้ด้ศึด้กศึษาหาความรู้ใรู้นเรื่อ รื่ งประวัติวับุติคบุคลสำ คัญคั ในวงการนาฏศิลศิ ป์แป์ละการละครไทยในยุคยุสมัยมัต่าต่ง ๆ และได้ศึด้กศึษาอย่าย่งเข้าข้ใจเพื่อ พื่ เป็นป็ ประโยชน์กัน์บกัการเรียรีน ผู้จัผู้ดจัทำ หวังวัว่าว่รายงานเล่มล่นี้จ นี้ ะเป็นป็ ประโยชน์กัน์บกัผู้อ่ผู้าอ่น หรือรืนักนัเรียรีน ที่กำ ที่ กำลังลัหาข้อข้มูลมูเรื่อ รื่ งนี้อ นี้ ยู่ หากมีข้มีอข้แนะนำ หรือรืข้อข้มูลมูผิดผิพลาดประการใด ผู้จัผู้ดจัทำ ขอน้อน้มรับรัไว้แว้ละขออภัยภัณ ที่นี้ ที่ ด้ นี้ วด้ย นางสาวจินจิตพร คำ กรเกตุ นายปัณปัณวิชวิญ์ แก้วก้โชน
สารบัญ บั บทบาทบุคบุคลสำ คัญคั ในวงการนาฏศิลศิ ป์ และการละครไทย ก่อก่นกรุงรุรัตรันโกสินสิทร์ 01 บทบาทบุคบุคลสำ คัญคั ในวงการนาฏศิลศิ ป์ และการละครไทย ในสมัยมักรุงรุ รัตรันโกสินสิทร์ตร์อนต้นต้ (รัชรักาลที่ 1 - รัชรักาลที่ 3) 03 บทบาทบุคบุคลสำ คัญคั ในวงการนาฏศิลศิ ป์ และการละครไทย ในสมัยมักรุงรุ รัตรันโกสินสิทร์ตร์อนกลาง (รัชรักาลที่ 4 - รัชรักาลที่ 6) 05 บทบาทบุคบุคลสำ คัญคั ในวงการนาฏศิลศิ ป์ และการละครไทย สมัยมักรุงรุ รัตรันโกสินสิทร์ หลังลัเปลี่ย ลี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 (รัชรักาลที่ 7 - รัชรักาลที่ 9) 09
บทบาทบุค บุ คลสำ คัญ คั ในวงการนาฏศิล ศิ ป์ และการละครไทย ก่อ ก่ นกรุง รุ รัต รั นโกสิน สิ ทร์ -01-
สมเด็จด็พระรามาธิบธิดีที่ดีที่3 (สมเด็จด็พระนารายณ์มณ์หาราช) พ.ศ.2199-2231 สมเด็จด็พระนารายณ์มณ์หาราชทรงเป็นป็พระราชโอรสในพระเจ้าจ้ปราสาท พระราชสมภพเมื่อ มื่ วันวัจันจัทร์ที่ร์ ที่16 กุมกุภาพันพัธ์ พ.ศ. 2175 ครองราชย์รย์ะหว่าว่ง พ.ศ. 2199-2231 ตลอดระยะเวลา ครองราชย์ไย์ด้ทด้รงประกอบพระราชกรณียณีกิจกินานัปนัการ ทรงสร้าร้งความเจริญริรุ่งรุ่ เรื่อ รื่ งทางด้าด้น การทูตทูโดยส่งส่คณะราชทูตทูไปเจริญริสัมสัพันพัธไมตรีกัรีบกัต่าต่งประเทศ เช่นช่อิหอิร่าร่น ฝรั่ง รั่ เศส รวมถึงถึ การนำ เอาวิทวิยาการและเทคโนโลยีจยีากต่าต่งชาติมติาใช้ใช้ห้เห้กิดกิ ประโยชน์แน์ก่อก่าณาจักจัร ทั้ง ทั้ การสร้าร้ง ป้อป้มปืนปืระบบน้ำ ประปา ดาราศาสตร์ และการแพทย์แย์บบตะวันวัตก พระองค์ทค์รงมีบมีทบาทสำ คัญคั ในการส่งส่เสริมรินาฏศิลศิ ป์แป์ละศิลศิ ปะการแสดงต่าต่ง ๆ จากบันบัทึกทึ จดหมายเหตุขตุองราชทูตทูชาวฝรั่ง รั่ เศส "เดอลาลูแลูบร์"ร์ทำ ให้เห้ห็นห็ว่าว่ ในยุคยุสมัยมัของพระองค์นั้ค์น นั้ นาฏศิลศิ ป์แป์ละศิลศิ ปะการแสดงต่าต่ง ๆ มีคมีวามเจริญริรุ่งรุ่ เรือรืงเป็นป็อย่าย่งมาก จนอาจถือถืได้ว่ด้าว่เป็นป็ ยุคยุทองของนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยในสมัยมัอยุธยุยา ซีมซีง เดอ ลา ลูแลูบร์ (SimondelaLoubère) เดอ ลา ลูแลูบร์ เป็นป็หัวหัหน้าน้คณะทูตทูฝรั่ง รั่ เศส ของพระเจาหลุยลุส์ที่ส์ ที่14 แห่งห่ ประเทศฝรั่ง รั่ เศส ที่เ ที่ ดินดิทางมาเจริญริสัมสัพันพัธไมตรีใรีนรัชรัสมัยมัสมเด็จด็พระ-นารายณ์มณ์หาราช โดยเดินดิทางมาที่ กรุงรุศรีอรียุธยุยาพร้อร้มกับกัเจ้าจ้พระยาโกษาธิบธิดี (ปาน)และทหารของฝรั่ง รั่ เศสจำ นวนประมาณ 600 คน เดอ ลา ลูแลูบร์ เดินดิทางมาอยุธยุยาเพื่อ พื่ เจรจาเรื่อ รื่ งศาสนาและการค้าค้ของฝรั่ง รั่ เศสใน อาณาจักจัรอยุธยุยาเมื่อ มื่ ปี พ.ศ. 2230 นอกจากจะเป็นป็หัวหัหน้าน้คณะทูตทูจากฝรั่ง รั่ เศสแล้วล้เดอ ลา ลู แบร์ ยังยั ได้รัด้บรัคำ สั่ง สั่ ให้สัห้งสัเกตเรื่อ รื่ งราวต่าต่ง ๆ เกี่ย กี่ วกับกัอาณาจักจัรอยุธยุยาและบันบัทึกทึข้อข้สังสัเกต ทั้ง ทั้ หลายเหล่าล่นั้น นั้ กลับลั ไปรายงานให้รห้าชสำ นักนัของพระเจ้าจ้หลุยลุส์ที่ส์ ที่14 ได้รัด้บรัทราบ จดหมายเหตุ เหล่าล่นี้ไนี้ ด้กด้ลายเป็นป็หลักลัฐานทางประวัติวัศติาสตร์ที่ร์มี ที่ คุมีณคุค่าค่ต่อต่แวดวงวิชวิาประวัติวัศติาสตร์ไร์ทยสมัยมั อยุธยุยาเพราะกล่าล่วถึงถึชีวิชีตวิความเป็นป็อยู่ สังสัคม ประเพณี ประวัติวัศติาสตร์ วัฒวันธรรม หลายสิ่งสิ่ หลายอย่าย่งของคนในสมัยมักรุงรุศรีอรียุธยุยา จึงจึนับนั ได้ว่ด้าว่เป็นป็หลักลัฐานทางประวัติวัศติาสตร์ที่ร์มี ที่ จมีารึกรึ เป็นป็ลายลักลัษณ์อัณ์กอัษร บันบัทึกทึจดหมายเหตุขตุอง เดอ ลา ลูแลูบร์ นั้น นั้ ถือถืว่าว่มีบมีทบาทความสำ คัญคัต่อต่นักนัวิชวิาการด้าด้น นาฏศิลศิ ป์แป์ละศิลศิ ปะการแสดงอย่าย่งมาก เพราะในบันบัทึกทึได้แด้สดงให้เห้ห็นห็ถึงถึ ประเภทของการแสดง รูปรูแบบของนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ได้แด้ก่ โขน ละคร และระบำ เอาไว้ อีกอีทั้ง ทั้ ยังยัแสดงให้เห้ห็นห็ถึงถึบทบาทและ ความนิยนิมนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยในสมัยมันั้น นั้ ได้เด้ป็นป็อย่าย่งดี เจ้าจ้พระยานครศรีธรีรรมราช (หนู)นู เจ้าจ้พระยานครศรีธรีรรมราช นามเดิมดิหนู เป็นป็พระมหากษัตริย์ริปย์กครองนครศรีธรีรรมราช ภายหลังลัการเสียสีกรุงรุศรีอรียุธยุยาครั้งรั้ที่สที่อง และเป็นป็พระเจ้าจ้ประเทศราชนครศรีธรีรรมราช ในรัชรัสมัยมัสมเด็จด็พระเจ้าจ้กรุงรุธนบุรีบุรีเมื่อมื่ครั้งรั้เกิดกิเหตุกตุารณ์เณ์สียสีกรุงรุศรีอรียุธยุยา ครั้งรั้ที่ 2 ส่งส่ผลให้เห้กิดกิ ความเสื่อสื่มลงของนาฏศิลศิ ป์เป์นื่อนื่งจากบรรดาศิลศิ ปินปิและครูลรูะครโดนกวาดต้อต้นเป็นป็เชลยศึกศึกลับลั ไป ยังยัเมือมืงหงสาวดีเดีป็นป็อันอัมาก บรรดาผู้คผู้ นที่เที่หลือลืรอดต่าต่งทยอยกันกัอพยพออกจากเมือมืงหลวง บางส่วส่นหนีไนีปยังยัเมือมืงนครศรีธรีรรมราชเนื่อนื่งจากอยู่ห่ยู่ าห่งไกลและไม่ไม่ด้รัด้บรัผลกระทบจากสงคราม หนึ่งนึ่ ในนั้นนั้มี นางจันจัอุษอุา นางละครในแห่งห่ราชสำ นักนักรุงรุศรีอรียุธยุยาพร้อร้มคณะละครผู้หผู้ญิงญิอีกอี จำ นวนหนึ่งนึ่ด้วด้ย ถือถืเป็นป็จุดจุเริ่มริ่ต้นต้ของ "โขนละครวังวัพระเจ้าจ้นครศรีธรีรรมราช" ตั้งตั้แต่นั้ต่นนั้เป็นป็ต้นต้ บทบาทที่สำที่สำคัญคัของเจ้าจ้นครศรีธรีรรมราช คือคืท่าท่นได้อุด้ ปอุถัมถัภ์กภ์ารละครขึ้นขึ้อย่าย่งจริงริจังจั โดยให้ เกณฑ์บฑ์รรดาเด็กด็ผู้หผู้ญิงญิอายุ 9 ขวบ ในเขตกำ แพงเมือมืง เข้าข้ฝึกฝึหัดหั โขนละคร มีคมีรูเรูป็นป็นางละครที่ อพยพมากรุงรุศรีอรียุธยุยาส่วส่นหนึ่งนึ่ผสมโรงกับกัครูข้รูาข้งนครศรีธรีรรมราชอีกอีส่วส่นหนึ่งนึ่เริ่มริ่แรกฝึกฝึหัดหั ขึ้นขึ้เป็นป็คณะละครผู้หผู้ญิงญิจนมีชื่มีอชื่เสียสีงเลื่อลื่งลือลื ต่อต่มาเมื่อมื่สมเด็จด็พระเจ้าจ้ตากสินสิทรงตั้งตั้กรุงรุธนบุรีบุขึ้รีนขึ้เป็นป็ราชธานีแนีห่งห่ ใหม่ขม่องไทยได้โด้ปรดฯ ให้หห้าละครของเจ้าจ้พระยานคร (หนู)นูมาร่วร่มงานสมโภชต่าต่ง ๆ อยู่เยู่ สมอ บรรดาละครผู้หผู้ญิงญิและครู โขนละครในเมือมืงนครศรีธรีรรมราชที่ติที่ดติตามเจ้าจ้นครศรีธรีรรมราชเข้าข้รับรัราชการ ณ กรุงรุธนบุรีบุรี ในขณะนั้นนั้เมื่อมื่ผสมโรงขึ้นขึ้ ใหม่อีม่กอีครั้งรั้ก็ยัก็งยัคงใช้ขช้นบธรรมเนียนีมและจารีตรีอย่าย่งราชสำ นักนัอยุธยุยา เป็นป็แบบแผนการแสดง และในการฝึกฝึหัดหัสมเด็จด็พระเจ้าจ้กรุงรุธนบุรีบุจึรีงจึทรงพระกรุณรุาโปรดเกล้าล้ฯ ให้คห้ณะละครผู้หผู้ญิงญิของเจ้าจ้นครศรีธรีรรมราชเป็นป็ครูฝึรูกฝึหัดหัร่วร่มกับกัพวกละครที่ทที่รงรวบรวมได้จด้าก ที่อื่ที่นอื่แล้วล้จัดจัตั้งตั้เป็นป็ละครหลวงของกรุงรุธนบุรีบุขึ้รีนขึ้ -02-
บทบาทบุค บุ คลสำ คัญ คั ในวงการนาฏศิล ศิ ป์ และการละครไทย ในสมัย มั กรุง รุ รัต รั นโกสิน สิ ทร์ต ร์ อนต้น ต้ (รัช รั กาลที่ 1 - รัช รั กาลที่ 3) -03-
ขออภัยภั เนื่อ นื่ งจากยังยั ไม่สม่ามารถค้นค้พบ รูปรูบอง นายรุ่งรุ่ นายบุญบุยังยั และนายบุญบุมี นายรุ่งรุ่ เป็นป็ตัวตันางเอกละครเจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมหลวงเทพหริรัริกรัษ์ ต่อต่มาได้เด้ป็นป็ครูนรูาง อย่าย่งเดียดีวกับกั นายทองอยู่เยู่ ป็นป็ครูยืรูนยืเครื่อ รื่ ง เป็นป็ครูคู่รูกัคู่ นกัมาแต่ใต่นรัชรักาลที่ ๒ จนรัชรักาลที่ ๓ นายบุญบุยังยั เป็นป็นายโรงละครนอกครั้ง รั้ รัชรักาลที่ ๑ ต่อต่มาเล่นล่ละครจนสร้าร้งวัดวั ได้วัด้ดวัหนึ่ง นึ่ เรียรีกชื่อ ชื่ ว่าว่ วัดวัละครทำ อยู่ข้ยู่ าข้งหลังลับ้าบ้นขมิ้นมิ้จังจัหวัดวัธนบุรีบุรีนายบุญบุยังยั ได้เด้ป็นป็ครูฝึรูกฝึหัดหัละครนอกที่เ ที่ ล่นล่กันกั ชั้น ชั้ หลังลัต่อต่มา นายบุญบุมี (อาจจะเป็นป็พี่น้ พี่ อน้งของนายบุญบุยังยั ) เป็นป็ครูลรูะครนอกตัวตันาง มาด้วด้ยกันกักับกันายบุญบุยังยัและ มีชื่มีอ ชื่ อยู่ใยู่ นคำ ไหว้คว้รูด้รูวด้ยกันกั เจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมหลวงพิทัพิกทัษมนตรี (จุ้ยจุ้) สมเด็จด็พระสัมสัพันพัธวงศ์เศ์ธอ เจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมหลวงพิทัพิกทัษมนตรี (2 กันกัยายน พ.ศ. 2313 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2365) หรือรืพระนามเดิมดิว่าว่จุ้ยจุ้ พระโอรสลำ ดับดัที่ 5 ในสมเด็จด็พระเจ้าจ้พี่-พี่ นางเธอ เจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมพระศรีสุรีดสุารักรัษ์ กับกัเจ้าจ้ขรัวรัเงินงิแซ่ตัซ่นตั ประสูติสูใตินสมัยมักรุงรุธนบุรีบุรีเมื่อ มื่ วันวัเสาร์ เดือดืน 10 ขึ้น ขึ้ 12 ค่ำ ปีขปีาล โทศก จ.ศ. 1132 ตรงกับกัวันวัที่ 1 กันกัยายน พ.ศ. 2313 เมื่อ มื่ พระบาทสมเด็จด็พระพุทพุธยอดฟ้าฟ้จุฬจุาโลกมหาราชปราบดาภิเภิษกในปี พ.ศ. 2325 จึงจึได้รัด้บรัสถาปนาเป็นป็ สมเด็จด็พระเจ้าจ้หลานเธอ เจ้าจ้ฟ้าฟ้จุ้ยจุ้ ถึงถึพ.ศ. 2346 ได้เด้ลื่อ ลื่ นเป็นป็กรมขุนขุพิทัพิกทัษ์มนตรี และในวันวัที่ 15 มีนมีาคม พ.ศ. 2349 (นับนัแบบปัจปัจุบัจุนบัเป็นป็พ.ศ. 2350) จึงจึโปรดให้เห้ลื่อ ลื่ นเป็นป็กรมหลวงพิทัพิกทัษ์- มนตรีใรีนรัชรัสมัยมัพระบาทสมเด็จด็พระพุทพุธเลิศลิหล้าล้นภาลัยลัพระองค์มีค์พมีระอิสอิริยริยศเป็นป็สมเด็จด็- พระเจ้าจ้น้อน้งยาเธอ โปรดให้กำห้กำกับกักรมวังวัและกรมมหาดไทยพระองค์ทค์รงเชี่ย ชี่ วชาญด้าด้นงานช่าช่ง และนาฏศิลศิ ป์ รวมทั้ง ทั้ ทรงเป็นป็กวี พระองค์ทค์รงเป็นป็ผู้ที่ผู้ คิ ที่ ดคิค้นค้เกรินริบันบั ไดนาค ที่ใที่ ช้ใช้นงานพระราช พิธีพิพธีระบรมศพซึ่ง ซึ่ เป็นป็งานฝีพฝีระหัตหัถ์ทถ์รงประดิษดิฐ์ ของพระองค์ตั้ค์ง ตั้ แต่ต้ต่นต้กรุงรุรัตรันโกสินสิทร์ กรมหลวงพิทัพิกทัษ์มนตรีปรีระชวรเปนพระยอดในพระศอมาตั้ง ตั้ แต่เต่ดือดืน 3 ปีมปีะเส็งส็ตรีศรีก สิ้นสิ้พระชนม์เม์มื่อ มื่ วันวัจันจัทร์ ขึ้น ขึ้ 7 ค่ำ เดือดืน 7 ปีมปีะเมียมีจัตจัวาศก จ.ศ. 1184 เวลาเช้าช้ 5 โมง 4 บาท ตรงกับกัวันวัที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2365 พระชันชัษา 52 ปี ทรงเป็นป็ต้นต้ราชสกุลกุมนตรีกุรีลกุ นายทองอยู่ เป็นป็ตัวตัอิเอิหนาละครเจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมหลวงเทพหริรัริกรัษ์ ต่อต่มาได้เด้ป็นป็ที่ปที่ รึกรึษาและเป็นป็ผู้นำผู้นำ แบบอย่าย่งวิธีวิรำธีรำของเจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมหลวงพิทัพิกทัษมนตรี ไปหัดหัละครหลวงในรัชรักาลที่ 2 ครั้น รั้ ถึงถึ รัชรักาลที่ 3 ได้เด้ป็นป็ครูลรูะครในที่ฝึที่ กฝึหัดหักันกัขึ้น ขึ้ แทบทุกทุโรง นายทองอยู่นี้ยู่ นี้ ชำ นาญแต่งต่กลอน และ ขับขัเสภาดีด้ดีวด้ย จึงจึนับนัถือถืกันกัว่าว่เป็นป็ครูเรูสภาด้วด้ยอีกอีท่าท่นหนึ่ง นึ่ -04-
บทบาทบุค บุ คลสำ คัญ คั ในวงการนาฏศิล ศิ ป์ และการละครไทย ในสมัย มั กรุง รุ รัต รั นโกสิน สิ ทร์ต ร์ อนกลาง (รัช รั กาลที่ 4 - รัช รั กาลที่ 6) -05-
เจ้าจ้ดารารัศรัมี พระราชชายา เจ้าจ้ดารารัศรัมี พระราชชายา มีพมีระนามเดิมดิว่าว่ "เจ้าจ้ดารารัศรัมี"มี ประสูติสูเติมื่อ มื่ วันวัอังอัคารที่ 26 สิงสิหาคม พ.ศ. 2416 ณ คุ้มคุ้ หลวงกลางเวียวีง นครเชียชีงใหม่ (ปัจปัจุบัจุนบัคือคืโรงเรียรีนยุพยุราชวิทวิยาลัยลั ) เป็นป็พระธิดธิาในพระเจ้าจ้อินอิทวิชวิยานนท์กัท์บกัเจ้าจ้ทิพทิเกสร มีพมีระเชษฐภคินีคิร่นีวร่มพระอุทอุรหนึ่ง นึ่ พระองค์ คือคืเจ้าจ้จันจัทรโสภาเมื่อ มื่ ทรงพระเยาว์ เจ้าจ้ดารารัศรัมีทมีรงพระอักอัษรทั้ง ทั้ ฝ่าฝ่ยล้าล้นนา สยาม และภาษา อังอักฤษ จนแตกฉาน ทั้ง ทั้ ยังยั ได้ทด้รง ศึกศึษาขนบธรรมเนียนีมประเพณีต่ณีาต่ง ๆ จนนับนั ได้ว่ด้าว่ทรงเป็นป็ผู้ รอบรู้ใรู้นด้าด้นขนบประเพณีอัณีนอัเก่าก่แก่เก่ ป็นป็อย่าย่งดีแดีละโปรดการทรงม้าม้เป็นป็อย่าย่งยิ่งยิ่ทรงส่งส่เสริมริ ศิลศิ ปวัฒวันธรรมอย่าย่งสม่ำ เสมอ โดยเฉพาะเรื่อ รื่ งดนตรีพื้รีน พื้ เมือมืงและศิลศิ ปะการแสดงพื้น พื้ เมือมืง ด้วด้ยมีพมีระนิสันิยสั โปรดเล่นล่ดนตรีไรีทย ตั้ง ตั้ แต่คต่รั้ง รั้ ประทับทัอยู่ใยู่ นพระบรมมหาราชวังวัซึ่ง ซึ่ วงดนตรีไรีทย ประจำ พระตำ หนักนัของพระราชชายานั้น นั้ มีกิมีตกิติศัติพศัท์เท์ลื่อ ลื่ งลือลืไปทั่ว ทั่ ฝ่าฝ่ยใน บทบาทสำ คัญคัของพระองค์ เมื่อ มื่ พระองค์เค์สด็จด็มาประทับทันครเชียชีงใหม่ โปรดฯให้รื้ห้อ รื้ฟื้น ฟื้ ศิลศิ ปะ การฟ้อฟ้นรำ และการดนตรีพื้รีน พื้ เมือมืงทั้ง ทั้ หมดโดยโปรดฯ ให้รห้วบรวมศิลศิ ปินปิล้าล้นนาเก่าก่แก่มก่าเป็นป็ครู ผู้ปผู้ ระสาทวิชวิาเพื่อ พื่ สนับนัสนุนนุให้คห้วามรู้แรู้ก่พก่ระญาติแติละประชาชน รวมทั้ง ทั้ โปรดฯ ให้จัห้ดจั ฝึกฝึสอนขึ้น ขึ้ ในพระตำ หนักนัพระญาติขติองพระองค์ต่ค์อต่มาได้มีด้บมีทบาทในการสานต่อต่พระปณิธณิานดังดักล่าล่ว เช่นช่ เจ้าจ้เครือรืแก้วก้ณ เชียชีงใหม่ซึ่ม่ง ซึ่ ต่อต่มาเป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ และเจ้าจ้สุนสุทร ณ เชียชีงใหม่ผู้ม่สืผู้ บสืทอดการ ผลิตลิเครื่อ รื่ งดนตรีแรีละการเล่นล่ดนตรีพื้รีน พื้ เมือมืงและทรงรับรัเป็นป็องค์อุค์ ปอุถัมถัภ์โภ์รงเรียรีนวัฒวั โนทัยทัพายัพยั โปรดฯ ให้คห้รูช่รูาช่งฟ้อฟ้นเมือมืงทุกทุแบบ และฟ้อฟ้น ม่าม่นมุ้ยมุ้เชียชีงตาในวังวัมาสอนนักนัเรียรีนด้วด้ยเพื่อ พื่ เป็นป็การสืบสืทอดมรดกทางนาฏศิลศิ ป์อีป์กอีทางหนึ่ง นึ่ กรมพระนราธิปธิ ประพันพัธ์พธ์งศ์ พระเจ้าจ้บรมวงศ์เศ์ธอ กรมพระนราธิปธิ ประพันพัธ์พธ์งศ์ เป็นป็พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จด็- พระจอมเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหั ประสูติสูแติต่เต่จ้าจ้จอมมารดาเขียขีน สมัยมัที่ท ที่ รงพระเยาว์ทว์รงสนพระทัยทั ในศิลศิ ปะ วรรณคดี ประวัติวัศติาสตร์แร์ละภาษารวมทั้ง ทั้ ภาษาอังอักฤษจนถึงถึขั้น ขั้ อ่าอ่นเขียขีน และ แปลได้คด้ล่อล่ง บทบาทของสำ คัญคัของพระเจ้าจ้บรมวงศ์เศ์ธอ กรมพระนราธิปธิ ประพันพัธ์พธ์งศ์ ในสมัยมั ปลาย รัชรักาลที่ 5 ทรงหัดหัละครขึ้น ขึ้ โรงหนึ่ง นึ่ เล่นล่ทั้ง ทั้ ละครนอกและละครใน ต่อต่มาได้เด้ปลี่ย ลี่ นแปลงเป็นป็ ละครร้อร้งตั้ง ตั้ โรงเล่นล่อย่าย่งละครเจ้าจ้พระยามหิธหิร เรียรีกว่าว่ "โรงละครปรีดรีาลัยลั " เป็นป็ โรงละคร ร้อร้งแห่งห่แรกในสยาม นอกจากนี้ท นี้ รงนิพนินธ์บธ์ทละครพูดพูและบทละครร้อร้งหลายเรื่อ รื่ ง อย่าย่งเช่นช่ ละครพูดพูเรื่อ รื่ ง "สร้อร้ยคอที่ห ที่ าย"และละครร้อร้งเรื่อ รื่ ง "สาวเครือรืฟ้าฟ้" เป็นป็ต้นต้ เจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์ (หม่อม่มราชวงศ์หศ์ลาน กุญกุชร) เจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์ เป็นป็ โอรสในพระวรวงศ์เศ์ธอ พระองค์เค์จ้าจ้สิงสิหนาทราชดุรดุงค์ฤค์ทธิ์ และหม่อม่มสุดสุกุญกุชร เข้าข้รับรัราชการในตำ แหน่งน่มหาดเล็กล็เป็นป็ที่ไที่ ว้วว้างพระราชหฤทัยทัของพระบาท สมเด็จด็พระจุลจุจอมเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัเป็นป็อย่าย่งมาก จนได้รัด้บรัโปรดเกล้าล้ฯ ให้กำห้กำกับกัดูแดูลกรมมหรสพ กรมหุ่นหุ่ กรมรถ และกรมม้าม้นอกจากนี้ยั นี้ งยั ได้เด้ป็นป็พระอภิบภิาล สมเด็จด็พระบรมโอรสาธิรธิาชเจ้าจ้ฟ้าฟ้- มหาวชิรุชิณรุหิศหิฯ ได้อด้อกไปเจริญริพระราชไมตรีกัรีบกั ประเทศยุโยุรป และได้รัด้บรัพระสุพสุรรณบัฏบั เป็นป็เจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์-ศ์วิวัวิฒวัน์ เมื่อ มื่ เดือดืนพฤศจิกจิายน พ.ศ. 2444 บทบาทสำ คัญคัของเจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์ ท่าท่นมีคมีณะละครและวงดนตรีชื่รีอ ชื่ ว่าว่ "ละครวังวั บ้าบ้นหม้อม้" เป็นป็คณะละครที่ยิ่ ที่ งยิ่ใหญ่ที่ญ่สุ ที่ ดสุเนื่อ นื่ งด้วด้ยเจ้าจ้พระยาเทเวศร์ฯร์เป็นป็เจ้าจ้กรมมหรสพจึงจึมี นักนัดนตรีแรีละตัวตัละครที่สำ ที่ สำคัญคัและมีชื่มีอ ชื่ เสียสีงมากในเวลานั้น นั้ เช่นช่นายสินสิสินสิธุนธุาคร (ต่อต่มาย้าย้ยไป ควบคุมคุวงให้กัห้บกักรมหลวงชุมชุพรเขตร อุดอุมศักศัดิ์)ดิ์พระประดิษดิฐไพเราะ (ตาด) นายแช่มช่สุนสุทรวาทินทิ (ขุนขุเสนาะดุริดุยริางค์)ค์นายศุขศุดุริดุยริประณีตณีเป็นป็ต้นต้และมีนัมีกนัร้อร้ง ชั้น ชั้ เยี่ย ยี่ ม เช่นช่หม่อม่มจันจัทร์ หม่อม่มเนย หม่อม่มมาลัยลัหม่อม่มเจริญริหม่อม่มคร้าร้ม (ทั้ง ทั้ หมดล้วล้นแต่เต่ ป็นป็หม่อม่มใน เจ้าจ้พระยาเทเวศร์ฯร์ )และแม่แม่ ป้นป้ วัชวั โรบล ในปี พ.ศ. 2437 เจ้าจ้พระยาเทเวศร์ฯร์ ได้ร่ด้วร่มงานกับกัสมเด็จด็ฯ เจ้าจ้ฟ้าฟ้กรมพระยานริศริรานุวันุดวัติ-ติ วงศ์ จัดจัการแสดงคอนเสิร์สิตร์ถวายการต้อต้นรับรัราชอาคันคัตุกตุะและได้จัด้ดจัทำ ละคร ดึกดึดำ บรรพ์อัพ์นอัเป็นป็ รูปรูแบบใหม่ขม่องการแสดงละคร มีกมีารจัดจัทำ เพลงประกอบการแสดงโขนละคร ซึ่ง ซึ่ จัดจัแสดงในวังวั และยังยัมีกมีารอัดอัแผ่นผ่เสียสีงเพลงไทยอีกอีด้วด้ย -06-
เจ้าจ้พระยามหินหิทรศักศัดิ์ธำดิ์ธำรง (เพ็งพ็เพ็ญพ็กุลกุ ) เกิดกิวันวัที่ 26 พ.ค. 2364 เป็นป็บุตบุรของหลวงจินจิดาพิจิพิตจิร เป็นป็ต้นต้ตระกูลกูเพ็ญพ็กุลกุและเป็นป็ ผู้ก่ผู้ อก่ตั้ง ตั้ โรงละครอย่าย่งตะวันวัตก ชื่อ ชื่ ว่าว่ โรงละครปรินริซ์เซ์ธียธีร์เร์ตอร์ และเริ่มริ่มีกมีารเก็บก็ค่าค่เข้าข้ชม การแสดง ช่วช่งแรกจัดจัแสดงเพียพีง 1 สัปสัดาห์ต่ห์อต่เดือดืน ต่อต่มาจึงจึเปลี่ย ลี่ นเป็นป็เดือดืนละ 2 สัปสัดาห์ นอกจากนี้ท่ นี้ าท่นยังยั ได้คิด้ดคิกระบวนการรำ ให้ยัห้กยัเยื้อ ยื้ ง เกิดกิเป็นป็ความเฉพาะตัวตัที่มี ที่ ผู้มีนิผู้ ยนิมฝึกฝึหัดหั ทำ ตามกันกัมาก พระยาพรหมาภิบภิาล (ทองใบ สุวสุรรณภารต) เป็นป็บุตบุรนายทองอยู่ และนางขำ สุวสุรรณภารต เกิดกิวันวัที่ 21 ส.ค. 2404 มีน้มีอน้งชายคือคื พระยานัฏนักานุรันุกรัษ์ ท่าท่นได้ฝึด้กฝึเป็นป็ โขนตัวตัยักยัษ์ โดยเป็นป็ศิษศิย์ขย์องนายบัวบัทศกัณกัฑ์ และได้ต่ด้อต่ท่าท่รำ ทศกัณกัฑ์ขฑ์องเจ้าจ้จอมลิ้นลิ้จี่ และฝึกฝึหัดหัจากมารดาซึ่ง ซึ่ เป็นป็ โขนหลวงตัวตัพิเพิภก ทำ ให้ท่ห้าท่นมีชื่มีอ ชื่ เสียสีง ในการแสดงโขนตัวตัทศกัณกัฑ์อฑ์ย่าย่งมากในสมัยมัร.5 และยังยั ได้เด้ป็นป็ครูโรูขนคนสำ คัญคั ในสมัยมัร.6 พระยานัฏนักานุรันุกรัษ์ (ทองดี สุวสุรรณภารต) เป็นป็บุตบุรนายทองอยู่ และนางขำ สุวสุรรณภารต เกิดกิวันวัที่ 9 ม.ค. 2408 มีพี่มีช พี่ ายคือคืพระยาพรหมาภิบภิาล ท่าท่นเข้าข้ฝึกฝึละครที่บ้ ที่ าบ้นของเจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์มน์าตั้ง ตั้ แต่เต่ยาว์วัว์ยวัจนได้ เป็นป็ศิลศิ ปินปิ โขนหลวงตัวตัพระราม ท่าท่นเป็นป็ผู้ปผู้ ระดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่รำ เทพนมที่ใที่ ช้รำช้รำกันกัมาจนทุกทุวันวันี้ และเป็นป็ ผู้ใผู้ห้ท่ห้าท่รำ เพลงหน้าน้พาทย์ต่ย์าต่งๆ อีกอีทั้ง ทั้ ท่าท่นยังยัเป็นป็ครูผู้รูทำผู้ทำพิธีพิคธีรอบโขนละครในกรมมหรสพ อีกอีด้วด้ย -07- คุณคุหญิงญินัฏนักานุรันุกรัษ์ (เทศ สุวสุรรณภารต) คุณคุหญิงญินัฏนักานุรันุกรัษ์ เป็นป็ภรรยาของ พระยานัฏนักานุรันุกรัษ์ เดิมดิชื่อ ชื่ เทศ การสาสนะ เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 17 สิงสิหาคม พ.ศ. 2421 คุณคุหญิงญินัฏนักานุรันุกรัษ์เริ่มริ่ศึกศึษาวิชวิานาฏศิลศิ ป์ใป์นละครวังวับ้าบ้นหม้อม้ เมื่อ มื่ อายุ 10 ปี เป็นป็ศิษศิย์หย์ม่อม่มคร้าร้ม (ชำ นาญการรำ ตัวตัยักยัษ์) หม่อม่มเข็มข็ (ชำ นาญการรำ ตัวตัพระ) และได้รัด้บรัความรู้ด้รู้าด้นอื่น อื่ ๆ จากหม่อม่มของเจ้าจ้พระยาเทเวศร์วร์งศ์วิศ์วัวิฒวัน์อีน์กอีหลายท่าท่น คุณคุหญิงญิ นัฏนักานุรันุกรัษ์ได้รัด้บรับทเป็นป็รามสูรสูในการแสดงโขน และรับรับทเป็นป็เจ้าจ้เงาะ ระตูจตูรกาและ นางศรปนักนัขาในการแสดงละคร ดึกดึดำ บรรพ์ ในสมัยมัรัชรักาลที่ 6 และรัชรักาลที่ 7 คุณคุหญิงญินัฏนักานุรันุกรัษ์ ทำ หน้าน้ที่เ ที่ ป็นป็ครูผู้รูถ่ผู้าถ่ยทอดความรู้ด้รู้าด้นโขน ละครหลวงในกรมมหรสพ ต่อต่มาปี พ.ศ. 2477 ท่าท่นได้เด้ข้าข้รับรัราชการในโรงเรียรีนนาฏดุริดุยริางคศาสตร์ กรมศิลศิ ปากร จนถึงถึพ.ศ. 2488
เจ้าจ้พระยารามราฆพ (หม่อม่มหลวงเฟื้อ ฟื้ พึ่ง พึ่ บุญบุ ) พลเอกเจ้าจ้พระยารามราฆพ เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัอาทิตทิย์ที่ย์ ที่5 ตุลตุาคม พ.ศ. 2433 เป็นป็บุตบุรของพระ ประสิทสิธิ์ศุธิ์ภศุการ (หม่อม่มราชวงศ์ลศ์ะม้าม้ย พึ่ง พึ่ บุญบุ ) กับกัพระนมทัตทั (พระนมของพระบาทสมเด็จด็พระ มงกุฎกุเกล้ เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหั ) มีพี่มีน้ พี่ อน้งร่วร่มมารดา 3 คนด้วด้ยกันกั ได้แด้ก่ ท้าท้วอินอิทรสุริสุยริา(เชื้อ ชื้ พึ่ง พึ่ บุญบุ ) พนักนังานภูษภูามาลา ท่าท่นเจ้าจ้พระยารามราฆพ และมหาเสวกเอก พลตรี พระยาอนิรุนิทรุธเทวา (หม่อม่มหลวงฟื้น ฟื้ พึ่ง พึ่ บุญบุ ) เจ้าจ้พระยารามราฆพได้ถด้วายตัวตัเข้าข้รับรัราชการใน รัชรักาลที่ 6 ในปี พ.ศ. 2451 กระทั่ง ทั่ สิ้นสิ้รัชรักาล ท่าท่นได้รัด้บรัความไว้วว้างพระราชหฤทัยทัจากในหลวงรัชรักาล ที่ 6 เป็นป็อันอัมาก ทรงพระ กรุณรุาโปรดฯ ให้เห้จ้าจ้พระยารามราฆพเป็นป็ผู้บัผู้ งบัคับคับัญบัชากรมมหรสพซึ่ง ซึ่ รวบรวมหน่วน่ยงานเกี่ย กี่ ว กับกัการมหรสพ ต่าต่ง ๆ มารวมไว้ด้ว้วด้ยกันกั ได้แด้ก่ กรมโขนหลวง กรมปี่พ ปี่ าทย์ กรมช่าช่ง ทหารเล็กล็และกองเครื่อ รื่ งสายฝรั่ง รั่ เจ้าจ้พระยารามราฆพ เป็นป็ผู้มีผู้ ฝีมีมืฝีอมื ในการรำ โขนโดยเฉพาะ บทตัวตัพระราม ท่าท่นได้ร่ด้วร่มแสดงโขน บรรดาศักศัดิ์ และได้ร่ด้วร่มแสดงละครที่รั ที่ ชรักาลที่ 6 ทรงแสดง และกำ กับกัเองหลายเรื่อ รื่ ง พระยาอนิรุนิทรุธเทวา(หม่อม่มหลวงฟื้น ฟื้ พึ่ง พึ่ บุญบุ ) พลตรีพรีระยาอนิรุนิทรุธเทวาเป็นป็บุตบุรของพระยาประสิทสิธิ์ศุธิ์ภศุการ (หม่อม่มราชวงศ์ลศ์ะม้าม้ย พึ่ง พึ่ บุญบุ ) กับกัพระนมทัดทัและเป็นป็น้อน้งชายของเจ้าจ้พระยารามราฆพ (หม่อม่มหลวงเพื่อ พื่ พึ่ง พึ่ บุญบุ ) พระยาอนิรุนิทรุธเทวา มีคมีวามสามารถทางนาฏศิลศิ ป์ใป์นตัวตัพระลักลัษมณ์ ได้รัด้บรัการฝึกฝึหัดหัท่าท่ละครจาก พระยานัฏนักานุรันุกรัษ์ (ทองดี สุวสุรรณภารต) ครูลรูะครผู้ใผู้หญ่ และมีคมีวามสามารถในการแสดง ละครพูดพูละครร้อร้ง อันอัเป็นป็บทพระราชนิพนินธ์ด้ธ์วด้ย การแสดงละครร้อร้งละครพูดพูนั้น นั้ ท่าท่นมักมัรับรับท เป็นป็ตัวตันาง ภายหลังลัเมื่อ มื่ ออกจากราชการแล้วล้พระยาอนิรุนิทรุธเทวายังยัคงมีคมีณะละครส่วส่นตัวตัของท่าท่นเอง คณะหนึ่ง นึ่ ชื่อ ชื่ ว่าว่ “คณะละครบรรทมสินสิธุ์”ธุ์ (ตามชื่อ ชื่ บ้าบ้นของท่าท่น) นอกจากนี้ไนี้ ด้ช่ด้วช่ยเหลือลืดูแดูลคณะ ละครของ ท่าท่นเจ้าจ้คุณคุพระประยุรยุวงศ์ ในรัชรักาลที่ 5 อีกอีส่วส่นหนึ่ง นึ่ ด้วด้ย ภายหลังลัท่าท่นจึงจึรับรัมรดก ละครทั้ง ทั้ หมดมาดูแดูลเมื่อ มื่ ท่าท่นเจ้าจ้คุณคุพระประยุรยุวงศ์ถึศ์งถึพิรพิาลัยลั ใน พ.ศ. 2486 ซึ่ง ซึ่ คณะละคร ทั้ง ทั้ สองนี้ไนี้ ด้ก่ด้อก่กำ เนิดนิบุคบุคลสำ คัญคัทางวงการนาฏศิลศิ ป์ขึ้ป์น ขึ้ หลายท่าท่น ถือถืได้ว่ด้าว่พระยาอนิรุนิทรุธเทวาเป็นป็บุคบุคลสำ คัญคัท่าท่นหนึ่ง นึ่ ที่ไที่ ด้อุด้ ปอุถัมถัภ์บำภ์บำรุงรุนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยในช่วช่งที่ กำ ลังลัตกต่ำ ให้ดำห้ดำรงอยู่ไยู่ ม่เม่สื่อ สื่ มสูญสูไปจากสังสัคมไทย จนกระทั่ง ทั่ เมื่อ มื่ กรมศิลศิ ปากรเริ่มริ่ฟื้น ฟื้ ฟู การแสดงนาฏศิลศิ ป์ใป์ห้ปห้ระชาชนชมอีกอีครั้ง รั้ หลังลัสงครามโลกครั้ง รั้ ที่ 2 -08-
บทบาทบุค บุ คลสำ คัญ คั ในวงการนาฏศิล ศิ ป์ และการละครไทย สมัย มั กรุง รุ รัต รั นโกสิน สิ ทร์ หลัง ลั เปลี่ย ลี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 (รัช รั กาลที่ 7 - รัช รั กาลที่ 9) -09-
-10- หลวงวิจิวิตจิรวาทการ อธิบธิดีคดีนแรกของกรมศิลศิ ปากรและผู้สผู้ ร้าร้งละครหลวงวิจิวิตจิพลตรีหรีลวงวิจิวิตจิรวาทการ ชื่อ ชื่ เดิมดิ กิมกิเหลียลีง วัฒวันปฤตาเกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 11 สิงสิหาคม พ.ศ. 2441 ที่จั ที่ งจัหวัดวัอุทัอุยทัธานี เป็นป็บุตบุรของนายอินอิ และนางคล้าล้ย เป็นป็ผู้ต้ผู้ นต้คิดคิและริเริริ่มริ่ในการ เปลี่ย ลี่ นแปลงชื่อ ชื่ ของประเทศ จากประเทศสยาม เป็นป็ ประเทศไทย ท่าท่นได้รัด้บรัการแต่งต่ตั้ง ตั้ เป็นป็อธิบธิดีคดีนแรกของ กรมศิลศิ ปากรและเป็นป็ผู้ใผู้ห้กำห้กำเนินนิละคร แนวปลุกลุใจรักรัชาติใตินการสร้าร้งความเป็นป็ชาตินิติยนิมให้กัห้บกัคนไทยและเพื่อ พื่ ต่อต่ต้าต้นลัทลัธิคธิอมมิวมินิสนิต์ ที่กำ ที่ กำลังลัเข้าข้มาสู่ปสู่ระเทศในแถบเอเชียชีตะวันวัออกเฉียฉีงได้ใด้นสมัยมันั้น นั้ หลวงวิจิวิตจิรวาทการ มีคมีวามสามารถใน ด้าด้นการประพันพัธ์ ท่าท่นได้แด้ต่งต่สารคดีแดีละนวนิยนิายซึ่ง ซึ่ เป็นป็ ที่นิ ที่ ยนิมเป็นป็อย่าย่งมาก ต่อต่มาเมื่อ มื่ ท่าท่นได้รัด้บรัการแต่งต่ตั้ง ตั้ เป็นป็อธิบธิดีกดีรมศิลศิ ปากรจึงจึได้ปด้ระพันพัธ์บธ์ทละคร สำ หรับรัแสดง ทั้ง ทั้ จากนวนิยนิายที่ท่ ที่ าท่นเขียขีนและที่ปที่ ระพันพัธ์ขึ้ธ์น ขึ้ ใหม่ซึ่ม่ง ซึ่ เป็นป็ละครแนวใหม่ใม่น สมัยมันั้น นั้ ต่อต่มาเรียรีกว่าว่ละครแนว “ปลุกลุใจรักรัชาติ”ติละคร ของท่าท่นแปลกใหม่แม่ละมีชื่มีอ ชื่ เสียสีงมาก จนประชาชน ทั่ว ทั่ ไป เรียรีกละครของท่าท่นว่าว่ "ละครหลวงวิจิวิตจิร" มีลัมีกลัษณะที่เ ที่ ป็นป็เอกลักลัษณ์ คือคืการแสดงท่าท่ทาง ของตัวตัละครใช้ลัช้กลัษณะ ที่เ ที่ รียรีกว่าว่ “ท่าท่กำ แบ” เป็นป็การผสมผสานระหว่าว่งท่าท่ร้าร้ทางนาฏศิลศิ ป์ กับกัท่าท่รำ ธรรมชาติเติข้าข้ด้วด้ยกันกั โดยใช้ทั้ช้ง ทั้ ใน การรำ ประกอบเพลงตามเนื้อ นื้ เรื่อ รื่ งและในการรำ สลับลัฉาก ในส่วส่นของการจัดจัฉากจัดจั ให้มีห้คมีวามสมจริงริตามเนื้อ นื้ เรื่อ รื่ ง การแต่งต่กายของตัวตัละครมีทั้มีง ทั้ การแต่งต่กายยืนยืเครื่อ รื่ งแบบละครไทย ผสมผสานกันกัการแต่งต่กายตามเชื้อ ชื้ ชาติแติละการแต่งต่กายแบบ สามัญมัชนทั่ว ทั่ ไป ทั้ง ทั้ นี้ในี้ นการแสดงละคร จะมีทั้มีง ทั้ บทเจรจาและบทร้อร้งควบคู่กัคู่ นกั ไป ซึ่ง ซึ่ ผู้แผู้สดงต้อต้งเป็นป็ ผู้ร้ผู้ อร้งเพลงเองและมีกมีารร้อร้งเพลงสลับลัฉาก (ร้อร้งหน้าน้ม่าม่น) ด้วด้ย ส่วส่นดนตรีนั้รีน นั้ ใช้ทั้ช้ง ทั้ วงดนตรีไรีทย และวงดุริดุยริางค์สค์ากลประกอบการแสดง ละครหลวงวิจิวิตจิร วาทการที่มี ที่ ชื่มีอ ชื่ เสียสีง ได้แด้ก่ เลือลืดสุพสุรรณ นางเลือลืง พ่อพ่ขุนขุผาเมือมืง อานุภนุาพพ่อพ่ขุนขุรามคำ แหง อานุภนุาพแห่งห่ความเสียสีสละ เจ้าจ้หญิงญิแสนหวี เป็นป็ต้นต้ซึ่ง ซึ่ ในการจัดจัแสดงท่าท่นเป็นป็ทั้ง ทั้ ผู้ปผู้ ระพันพัธ์ ผู้กำผู้กำกับกัการแสดง ผู้ฝึผู้ กฝึซ้อซ้ม ตลอดจนอำ นวยการผลิตลิละครเองตั้ง ตั้ แต่ต้ต่นต้จนจบ ท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้สนิทนิวงศ์เศ์สนี (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้สผู้ ร้าร้งความแปลกใหม่ใม่ห้กัห้บกันาฏศิลศิ ป์ ไทย) ท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้สนิทนิวงศ์เศ์สนี นามเดิมดิชื่อชื่แผ้วผ้นามสกุลกุเดิมดิคือคืสุทสุธิบูธิรบูณ์ เกิดกิเมื่อมื่วันวัศุกศุร์ที่ร์ ที่25 ธันธัวาคม พ.ศ. 2466 ได้เด้ข้าข้ถวายตัวตั ในสมเด็จด็พระเจ้าจ้บรมวงศ์เศ์ธอเจ้าจ้ฟ้าฟ้อัษอัฎางค์เค์ดชาวุธวุกรมหลวง นครราชสีมสีาเมื่อมื่อายุไยุด้ 8 ปี โดยเริ่มริ่เข้าข้ฝึกฝึหัดหันาฏศิลศิ ป์จป์ากครูผู้รูทผู้ รงคุณคุวุฒิวุใฒินราชสำ นักนัขณะนั้นนั้และได้ ออกแสดงเป็นป็ตัวตัเอก ในการแสดงถวายทอดพระเนตรหน้าน้พระที่นั่ที่งนั่ ในพระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้- เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัหลายครั้งรั้จบการศึกศึษาตามหลักลัสูตสูรของโรงเรียรีนในวังวัสวนกุหกุลาบในรัชรัสมัยมัพระบาทสมเด็จด็- พระมงกุฎกุเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหั ท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้ ได้รัด้บรัการฝึกฝึอบรมนาฏศิลศิ ป์จป์ากครู ในราชสำ นักนั ได้แด้ก่ เจ้าจ้จอมมารดาวาด (ท้าท้ววรจันจัทร์)ร์เจ้าจ้จอมมารดาเขียขีน เจ้าจ้จอมมารดาทับทัทิมทิหม่อม่มแย้มย้ (อิเอิหนา) ในสมเด็จด็เจ้าจ้พระยาบรมมหาศรีสุรีริสุวริงศ์ หม่อม่มอิ้งอิ้ในสมเด็จด็พระบัณบัฑูรฑูฯ จนมีคมีวามชำ นาญและแสดงเป็นป็ตัวตัเอกในการแสดงถวาย ทอดพระเนตรหน้าน้พระที่นั่ที่งนั่หลายเรื่อรื่ง เช่นช่แสดงเป็นป็ตัวตัอิเอิหนาและตัวตันางดรสาในเรื่อรื่งอิเอิหนาแสดงเป็นป็ ตัวตัทศกัณกัฐ์แฐ์ละพระพิรพิาพในละครเรื่อรื่งรามเกียกีรติ์ แสดงเป็นป็ตัวตันางเมขลาเป็นป็ต้นต้ต่อต่มาท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้ ได้เด้ป็นป็หม่อม่มในสมเด็จด็พระเจ้าจ้น้อน้งยาเธอเจ้าจ้ฟ้าฟ้อัษอัฎางค์เค์ดชาวุธวุกรมหลวงนครราชสีมสีาอยู่เยู่ ป็นป็เวลา 10 ปี พระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัทรงโปรดๆยกย่อย่งให้เห้ป็นป็สะใภ้หภ้ลวง แต่เต่มื่อมื่สมเด็จด็เจ้าจ้ฟ้าฟ้- อัษอัฎางค์เค์ดชาวุธวุฯเสด็จด็ทิวทิงคต ท่าท่นได้ถด้วายคืนคืตราสะใภ้หภ้ลวงและขอถวายบังบัคมลา ท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้ สนิทนิวงศ์เศ์สนีอนีอกจากตำ แหน่งน่พระชายา 3 ปี ต่อต่มาได้สด้มรสใหม่กัม่บกัพลตรีหรีม่อม่มสนิทนิวงศ์เศ์สนี (ม.ร.ว.ต้นต้ สนิทนิวงศ์)ศ์ซึ่งซึ่ต่อต่มาได้เด้ป็นป็เอกอัคอัรราชทูตทูไทย ณ ประเทศฝรั่งรั่เศส อังอักฤษ อิตอิาลี และโปรตุเตุกส ตามลำ ดับดั เป็นป็ระยะเวลา10 ปีเปีต็มต็ที่ท่ที่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้ได้ใด้ช้ชีช้วิชีตวิในต่าต่งประเทศ หลังลัจากที่ท่ที่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้ได้ติด้ดติตามสามีกมีลับลัมาประเทศไทย นายธนิตนิอยู่โยู่ พธิ์ หัวหัหน้าน้กองการ สังสัคีตคีกรมศิลศิ ปากร ในสมัยมันั้นนั้ ได้เด้ชิญชิท่าท่นมาเป็นป็ผู้เผู้ชี่ยชี่วชาญนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย กองการสังสัคีตคีกรมศิลศิ ปากร กระทรวงศึกศึษาธิกธิาร เป็นป็อาจารย์ที่ย์ ปที่รึกรึษาฝ่าฝ่ยวิชวิานาฏศิลศิ ป์ขป์องสถาบันบัการศึกศึษา องค์กค์าร และเอกชน อื่นอื่อีกอีหลายแห่งห่จากประสบการณ์ที่ณ์ท่ที่าท่นได้ใด้ช้ชีช้วิชีตวิอยู่ใยู่ นต่าต่งประเทศ ได้เด้ห็นห็ศิลศิ ปะการแสดงของประเทศ ต่าต่ง ๆ ท่าท่นได้นำด้นำประสบการณ์คณ์วามรู้ที่รู้ไที่ด้รัด้บรัมาช่วช่ยปรับรั ปรุงรุฟื้นฟื้ ฟู และวางรากฐานด้าด้นการละคร การรำ ของกรม ศิลศิ ปากรซึ่งซึ่กำ ลังลัซบเซาและขาดช่วช่งไป ท่าท่นได้คิด้ดคิ ประดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่รำ แปลกใหม่ปม่รับรั ปรุงรุท่าท่รำ ในมีคมีวามกะทัดทัรัดรังดงาม ท่าท่รำ ที่ท่ที่าท่นประดิษดิฐ์หฐ์รือรืปรับรั ปรุงรุขึ้นขึ้มักมัจะได้รัด้บรัการเรียรีกขานว่าว่เป็นป็ "ท่าท่เก๋"ก๋ เช่นช่ระบำ ม้าม้ซึ่งซึ่ ได้แด้นวคิดคิมาจากท่าท่ระบำ ม้าม้ของประเทศโปรตุเตุกสและปรับรั ปรุงรุท่าท่รำ ให้มีห้แมีบบแผนแบบท่าท่ รำ ไทย เป็นป็ต้นต้จากผลงานด้าด้นนาฏศิลศิ ป์ขป์องท่าท่นส่งส่ผลให้ ท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้สนิทนิวงศ์เศ์สนี ได้รัด้บรัการ ยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติใติห้เห้ป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์)ป์ ในปี พ.ศ. 2528
-11- นายรงภักภัดี (เจียจีร จารุจรุรณ) ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ องค์พค์ระพีรพีาพ นายรงภักภัดี นามจริงริคือคืเจียจีร จารุจรุรณ เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 14 สิงสิหาคม พ.ศ. 2442 เป็นป็บุตบุรของ รางวางจอน และนางพริ้งริ้เป็นป็ศิลศิ ปินปิอาวุโวุสด้าด้นนาฏศิลศิ ป์ที่ป์มี ที่ ผมีลงานดีเดีด่นด่เป็นป็ที่ย ที่ อมรับรัในวงการ นาฏศิลศิบไทยโดยทั่ว ทั่ ไป เคยรับรัราชการเป็นป็มหาดเล็กล็ ในพระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัและ เริ่มริ่ชีวิชีตวิติลติ ปินปิ ในกรมโขนหลวง โดยผึกผึหัดหัเป็นป็ตัวตัยักยัษ์ ได้รัด้บรัการถ่าถ่ยทอดทำ รำ จากบรรดาครที่ สีบสีเนื่อ นื่ งจากรับรัสมัยมัพระบาหสมเด็จด็พระจอมเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัและพระบาทสมเด็จด็พระจุลจุจอมเกล้าล้เจ้าจ้- อยู่หัยู่ วหันายเจียจีร จารุจรุรณ เป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้เผู้ดียดีว ที่ไที่ ด้รัด้บรัการถ่าถ่ยทอดท่าท่รำ หน้าน้พาทย์สูย์งสูสุดสุ"หน้าน้พาทย์ องค์พค์ระพิรพิาพ" ความสามารถในการร่าร่ยรำ นี้ทำ นี้ ทำให้ไห้ด้รัด้บรับทเป็นป็ตัวตัแสดงเอกจนได้รัด้บรั พระราชทินทินามว่าว่ "นายรงภักภัดี"ดี หลังลัรัชรัสมัยมัพระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัมีศิมีลศิ ปินปิที่ส ที่ ามารถรำ เพลงหน้าน้พาทย์อย์งค์ พระพิรพิาพได้เด้หลือลือยู่เยู่พียพีง ผู้เผู้ดียดีวคือคืนายรงภักภัดี แต่ก็ต่มิก็อมิาจถ่าถ่ยทอดให้แห้ก่ศิก่ษศิย์ผู้ย์ ใผู้ดผู้หผู้ นึ่ง นึ่ ได้หด้าก มิไมิด้รัด้บรัพระบรมราชโองการจากพระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัก่อก่น ดังดันั้น นั้ เมื่อ มื่ ความทราบถึงถึ พระบาทสมเด็จด็พระมหาภูมิภูพมิลอดุลดุย-เดชมหาราช บรมนาถบพิตพิร จึงจึมีพมีระบรมราชโองการ โปรดเกล้าล้ฯให้ นายรงภักภัดี ครูผู้รูใผู้หญ่ใญ่นพระราชสำ นักนั ประกอบพิธีพิคธีรอบองค์พค์ระพิรพิาพ ให้แห้ก่ ศิลศิ ปินปิอาวุโวุสของกรมศิลศิ ปากร ณ บริเริวณโรงละครพระที่นั่ ที่ ง นั่ อัมอัพรสถาน พระราชวังวัดุสิดุตสิเมื่อ มื่ วันวัที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2506 ศิลศิ ปินปิอาวุโวุสทีไทีด้รัด้บรัครอบองค์พค์ระพิรพิาพ จำ นวน 4 คน คือคืนายอาคม สายาคม นายอร่าร่ม อินอิทรนัฏนันายหยัดยัช้าช้งทอง และนายยอแสง ภักภัดีเดีทวา ดังดันันนันายรงภักภัดี จึงจึถือถื เป็นป็ผู้มีผู้ บมีทบาทสำ คัญคัยิ่งยิ่ในการเป็นป็ต้นต้แบบสาธยายท่าท่รำ หน้าน้พาทย์อย์งค์พค์ระพิรพิาพและถ่าถ่ยทอด ท่าท่รำ หน้าน้พาทย์อย์งค์พค์ระพิรพิาพให้กัห้บกันาฏศิลศิ ปินปิ โขนยักยัษ์ เป็นป็สมบัติบัทติางวัฒวันธรรมอันอัล้ำ ค่าค่ที่ถู ที่ กถู สืบสืทอดมาจนถึงถึ ปัจปัจุบัจุนบันี้ นายเจียจีร จารุจรุรณ ได้รัด้บรัการยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติใติห้เห้ป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์)ป์ ในปีพปี .ศ.2529 ครูมัรูลมัลี คงประภัศภัร์ (หมันมั ) ชื่อ ชื่ เดิมดิ: ปุยปุ เกิดกิเมื่อ มื่ 20 มกราคม พ.ศ.2426 บิดบิา-มารดา: นายกุกกุและนางนวล ช้าช้งแก้วก้ คุณูคุปณูการ : ครูหรูมันมัเป็นป็ที่รู้ ที่ จัรู้กจัจากความสามารถในการแสดงโขนและละครชาตรีไรีด้ทุด้กทุบทบาท และ สามารถแสดงแทนบทตัวตัละครชายได้เด้ป็นป็อย่าย่งดีแดีม้เม้ป็นป็หญิงญิหลังลับิดบิาเสียสีชีวิชีตวิในวัยวั 8ขวบ มารดา ของครูหรูมันมั ได้เด้ข้าข้เป็นป็ข้าข้ราชบริพริารประจำ ห้อห้งเสวยในพระองค์เค์จ้าจ้สุรสุยวงศ์ ทำ ให้คห้รูหรูมันมั ได้มีด้มี ความสนใจในละครรำ ตั้ง ตั้ เเต่วัต่ยวัเด็กด็และได้รัด้บรัการอบรมจาก หม่อม่มแม่เม่ ป้าป้ครูลรูะครของวังวัเจ้าจ้ขาว จนสามารถออกแสดงงานต่าต่งๆได้ใด้นวัยวัเพียพีง10ปีเปีท่าท่นั้น นั้ ชื่อ ชื่ หมันมันี้ไนี้ ด้มด้าหลังลัท่าท่นรับรับทเป็นป็ เจ้าจ้สมันมัน้อน้ย ในวัยวัเด็กด็ทำ ให้เห้จ้าจ้นายฝ่าฝ่ยในหลายพระองค์จค์ดจำ และเรียรีกท่าท่นว่าว่ “เจ้าจ้หมันมั ” ต่อต่มา ท่าท่นได้รัด้บรัการชักชัชวนจากอาจารย์ใย์หญ่ปญ่ระจำ โรงเรียรีนนาฏดุริดุยริางคศาสตร์ ให้เห้ข้าข้มาเป็นป็ครู นาฏศิลศิ ป์ และได้ร่ด้วร่มกันกั ประดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่รำ แม่บม่ทใหญ่ตญ่ลอดการเข้าข้รับรัราชการ นายอาคม สายาคม ชื่อ ชื่ เดิมดิ: บุญบุสม เกิดกิเมื่อ มื่ : 26 ตุลตุาคม พ.ศ.2406 บิดบิา-มารดา: นายเจือจืและนางผาด ศรียรีาภัยภั คุณูคุปณูการ : ครูอรูาคมเป็นป็ครูนรูาฏศิลศิ ป์ที่ป์มี ที่ คมีวามสามารถ ได้รัด้บรับทบาทเป็นป็ตัวตัเอกในการแสดงโขน และละครต่าต่งๆหลายเรื่อ รื่ ง รวมถึงถึดำ รงตำ แหน่งน่ผู้เผู้ชี่ย ชี่ วชาญโขน ประจำ กองการสังสัคีตคีมีหมีน้าน้ที่ ให้คำห้คำปรึกรึษาแนะนำ เกี่ย กี่ วกับกัท่าท่รำ และมีหมีน้าน้ที่เ ที่ ป็นป็ผู้ทำผู้ทำพิธีพิไธีหว้คว้รูใรูห้แห้ก่นัก่กนัศึกศึษานาฏศิลศิ ป์ ทั่ว ทั่ ประเทศ ครูอรูาคมได้เด้ริ่มริ่เรียรีนวิชวิาสามัญมัณ โรงเรียรีนพร้อร้มวิทวิยามูลมูถึงถึชั้น ชั้ ป.2 จึงจึลาออกไป สมัคมัรเรียรีนโขนที่บ้ ที่ าบ้นเจ้าจ้พระยาวรพงศ์พิศ์พัพิฒพัน์ และเรียรีนหนังนัสือสืณ โรงเรียรีนศรีอรียุธยุยาคู่กัคู่ นกั ไป จนจบม.3ท่าท่นได้เด้ป็นป็ โขนหลวงในพระบาทสมเด็จด็พระปกเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัขึ้น ขึ้ ตรงต่อต่พระยานัฏนักานุรันุกรัษ์ ครูอรูาคมออกแสดงครั้ง รั้ แรกเมื่อ มื่ อายุ1ยุ4ปี โดยสวมหน้าน้เล่นล่ โขนนั่ง นั่ ราว เป็นป็ตัวตัพระราม ตอนขาดเศียศีรขาดกร หน้าน้พระที่นั่ ที่ ง นั่ อนันนัตสมาคมในงานต้อต้นรับรัแขกเมือมืงคือคืนายดักดัลาส แฟร์-ร์ แบงค์ นักนัแสดงภาพยนต์ชต์าวอเมริกัรินกัต่อต่มาเมื่อ มื่ อายุไยุด้1ด้5-16ปี ท่าท่นได้เด้ริ่มริ่เปิดปิหน้าน้เล่นล่ โขน ด้วด้ยพระยานัฏนักานุรันุกรัษ์เห็นห็ว่าว่ท่าท่นมีหมีน้าน้ตาสะสวยจนสตรียัรีงยัเทียทีบไม่ติม่ดติและครูอรูาคมยังยัเข้าข้รับรั ราชการในกรมมหรสพเมื่อ มื่ พ.ศ.2472 แผนกโขนหลวง ตำ แหน่งน่เด็กด็ชาอีกอีด้วด้ย
นางเฉลย ศุขศุะวณิชณิ (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้วผู้างรากฐานการสอนนาฏศิลศิ ป์ตัป์วตันาง) นางเฉลย ศุขศุะวณิชณิเกิดกิเมื่อมื่วันวัที่ 11 พฤศจิกจิายน พุทพุธศักศัราช 2447 เมื่อมื่อายุ 7 ขวบ ท่าท่น ได้ตด้ามคุณคุท้าท้ว นารีวรีรคณารักรัษ์ (แจ่มจ่ ไกรฤกษ์)ไปฝึกฝึหัดหัละครในวังวัจนกระทั่งทั่อายุ 13 ปี ท่าท่นได้ถด้วายตัวตัเป็นป็ละครของสมเด็จด็ พระเจ้าจ้บรมวงศ์เศ์ธอ เจ้าจ้ฟ้าฟ้อัษอัฎางค์เค์ดชาวุธวุกรมหลวงนครราชศรีมรีา ท่าท่นได้ฝึด้กฝึหัดหัท่าท่รำ จากครูหรูลายท่าท่น เช่นช่หม่อม่มครูนุ่รูมนุ่ หม่อม่มครูอึ่รูงอึ่หม่อม่มครูแรูย้มย้เป็นป็ต้นต้ต่อต่มาเมื่อมื่ท่าท่นอายุไยุด้ปด้ระมาณ 15-16 ปีไปีด้ย้ด้าย้ยไปอยู่วัยู่ งวั เพชรบูรบูณ์แณ์ละได้รัด้บรัเลือลืกให้เห้ป็นป็ตัวตัเอกฝ่าฝ่ยนางในละครดึกดึดำ บรรพ์ ครูเรูฉลย ศุขศุะวนิชนิเป็นป็ศิลศิ ปินปิตัวตันางที่มีที่ ฝีมีมืฝีอมืเป็นป็เยี่ยยี่ม ได้รัด้บรับทแสดงเป็นป็ตัวตัเอกฝ่าฝ่ยนางละครใน ละคร นอก และละครดึกดึดำ บรรพ์ ต่อต่มาในปี พ.ศ. 2500 ครูลรูมุลมุยมะคุปคุต์ ได้ชด้วนให้มห้าร่วร่มสอนที่โที่รงเรียรีนนาฏศิลศิ ป์ (ปัจปัจุบัจุนบัคือคืวิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์)ป์เป็นป็ผู้ฝึผู้ กฝึสอนให้กัห้บกัศิลศิ ปินปิตัวตันางตั้งตั้แต่ตัต่วตันางเอกไปจนถึงถึนางกำ นัลนัของ วิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์แป์ทบทุกทุเรื่อรื่ง เป็นป็ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ แบบโบราณ เช่นช่รำ เชิดชิฉิ่งฉิ่ศุภศุลักลัษณ์รำณ์รำฉุยฉุฉายวันวัทอง แบบเต็มต็รำ ฉุยฉุฉายกิ่งกิ่ไม้เม้งินงิทอง เป็นป็ต้นต้นอกจากนี้ นางเฉลย ศุขศุะวนิชนิยังยัเป็นป็ผู้อผู้ อกแบบการแสดงต่าต่ง ๆ มากมาย เช่นช่ระบำ โบราณคดี 4 ชุดชุได้แด้ก่ ระบำ ทวารวดี ระบำ ศรีวิรีชัวิยชัระบำ ลพบุรีบุรีและระบำ เชียชีงแสน และ เป็นป็ผู้ร่ผู้ วร่มวางหลักลัสูตสูรการสอนนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยทั้งทั้ภาคทฤษฎีแฎีละปฏิบัฏิติบัอีติกอีด้วด้ย ครูเรูฉลย เป็นป็ศิลศิ ปินปิอาวุโวุส ซึ่งซึ่มีคมีวามรู้ครู้วามสามารถสูงสูในกระบวน ท่าท่ร้าร้ทุกทุประเภท เป็นป็ผู้อผู้ นุรันุกรัษ์ แบบแผนเก่าก่และยังยั ได้สด้ร้าร้งสรรค์แค์ละประดิษดิฐ์งฐ์านด้าด้นนาฏศิลศิ ป์ขึ้ป์นขึ้ ใหม่มม่ากมายหลายชุดชุซึ่งซึ่กรม ศิลศิ ปากร และวงการนาฏศิลศิ ป์ทั่ป์วทั่ ประเทศได้ถืด้อถืเป็นป็แบบฉบับบัของ ศิลศิ ปะการร่าร่ยรำ สืบสืทอดมาถึงถึทุกทุวันวันี้ ทางราชการได้ มอบหมายให้เห้ป็นป็ผู้วผู้างรากฐานจัดจัสร้าร้งหลักลัสูตสูรการเรียรีนการสอนวิชวิานาฏศิลศิ ป์ตั้ป์งตั้แต่รต่ะดับดัต้นต้จนถึงถึขั้นขั้ ปริญริญา นิเนิทศการสอนใน วิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์ทุป์กทุสาขาทั้งทั้ ในส่วส่นกลางและภูมิภูภมิาค ถ่าถ่ยทอดวิชวิาความรู้ทรู้าง ด้าด้นนาฏศิลศิ ป์แป์ก่นัก่กนัศึกศึษามาตลอดเวลากว่าว่ 40 ปีใปีห้คำห้คำปรึกรึษาด้าด้นวิชวิาการแก่สก่ถานศึกศึษาและสถาบันบัต่าต่ง ๆ เป็นป็ผู้มีผู้ คมีวามเมตตาเอื้ออื้อารี อุทิอุศทิตนเพื่อพื่ ประโยชน์แน์ก่กก่ารศึกศึษาและงานศิลศิ ป์อป์ย่าย่งต่อต่เนื่อนื่งจนสามารถแสดง ให้แห้พร่หร่ลายออกไปอย่าย่งกว้าว้งขวางทั้งทั้ ในและนอกราชอาณาจักจัร จนกระทั่งทั่ครูเรูฉลย ศุขศุะวนิชนิได้รัด้บรัการ ยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติใติห้เห้ป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์)ป์ ในปี พ.ศ. 2530 -12- นางลมุลมุยมะคุปคุต์ ลูกลูศิษศิย์เย์รียรีกว่าว่แม่ลม่มุลมุ เกิดกิเมื่อมื่:2 มิถุมินถุายน พ.ศ.2448 บิดบิา-มารดา: ร้อร้ยโทนายแพทย์จีย์นจีและนางคำ มอย อัญอัธัญธัภาติ คุณูคุปณูการ : ครูลรูมุลมุท่าท่นเป็นป็ครูนรูาฏศิลศิ ป์คป์นแรกที่วที่างหลักลัสูตสูรให้แห้ก่วิก่ทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์โป์ดยใช้เช้รียรีนตั้งตั้แต่ บัดบันั้นนั้จนถึงถึ ปัจปัจุบัจุนบัทั้งทั้ยังยัออกแบบลีลลีาท่าท่เชื่อชื่มของระบำ แม่บม่ทใหญ่ นับนัเป็นป็มรดกอันอัล้ำ ค่าค่ที่ท่ที่าท่นฝากไว้แว้ก่ แผ่นผ่ดินดิพื้นพื้เพแล้วล้ครูลรูมุลมุเป็นป็คนจังจัหวัดวัน่าน่น ท่าท่นได้เด้ริ่มริ่ฝึกฝึนาฏศิลศิ ป์ตั้ป์งตั้แต่อต่ายุ 5 ขวบ เมื่อมื่บิดบิาได้พด้าท่าท่นไปถวายตัวตัเป็นป็นางละคร ณ วังวัสวนกุหกุลาบ และได้ย้ด้าย้ยไปศึกศึษาละครในต่อต่ณ วังวั เพชรบูรบูณ์ ครูลรูมุลมุเป็นป็ตัวตัพระที่มีที่ ฝีมีมืฝีอมืในการรำ ที่งที่ดงามและมีชื่มีอชื่เสียสีงในคณะละคร สวนกุหกุลาบ ท่าท่นมักมั ได้รัด้บรับทบาทเป็นป็ตัวตัเอกเกือกืบททุกทุเรื่อรื่งในการแสดงของคณะละคร อีกอีทั้งทั้ท่าท่นยังยัเป็นป็ผู้ ร่วร่มประดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่รำ ในชุดชุการแสดงต่าต่งๆมากมาย เช่นช่รำ แม่บม่ทใหญ่ รำ ซัดซัชาตรี รำ วงมาตรฐาน เป็นป็ต้นต้ นางสาวจำ เรียรีง พุธพุประดับดั (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ครูต้รูนต้แบบละครนาง) นางสาวจำ เรียรีง พุธพุประดับดัเดิมดิชื่อชื่จาดเป็นป็บุตบุรีนรีายเปี่ยปี่มและนางเจิมจิพุธพุประดับดัเกิดกิวันวัที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2459 ที่จัที่งจัหวัดวัเพชรบุรีบุรีเมื่อมื่อายุไยุด้ 12 ปีคปีรูจำรูจำเรียรีงได้เด้ข้าข้ฝากตัวตั ในละครหลวงกับกัเจ้าจ้พระยาวรพงศ์ พิพัพิฒพัน์ (ม.ร.ว.เย็นย็อิศอิรเสนา)และได้รัด้บรัการดูแดูลจากเจ้าจ้จอมมารดาสายและ เจ้าจ้จอมละม้าม้ยในรัชรักาลที่ 5 และได้ฝึด้กฝึหัดหันาฏศิลศิ ป์กัป์บกัคุณคุศิริศิแริละคุณคุจุไจุร สุวสุรรณทัตทัซึ่งซึ่เป็นป็ญาติขติองเจ้าจ้ จอมละม้าม้ย ครูจำรูจำเรียรีง พุธพุประดับดัเป็นป็ผู้เผู้ชี่ยชี่วชาญการสอนนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ของวิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์ กรม-ศิลศิ ปากร มี ความสามารถรอบรู้กรู้ ระบวนการงานนาฏศิลศิ ป์ การแสดงละครทุกทุประเภท เป็นป็หลักลัและแม่แม่บบ โดยเฉพาะ ตัวตันางเป็นป็ผู้อผู้ นุรันุกรัษ์แบบแผนการแสดงนาฏศิลศิ ป์กป์ารละครรวมทั้งทั้สร้าร้งสรรค์แค์ละประดิษดิฐ์ผฐ์ลงานการ แสดงของวิทวิยาลัยลัหลายชุดชุเป็นป็ผู้ร่ผู้ วร่มพิจพิารณาหลักลัสูตสูรสาขาวิชวิานาฏศิลศิ ป์ไป์ทย และพัฒพันาร่าร่งหลักลัสูตสูร รายวิชวิาการเรียรีนการสอนระดับดั ปริญริญาเป็นป็อาจารย์ที่ย์ ปที่รึกรึษาและวิทวิยากรในวิชวิาศิลศิ ปนิพนินธ์ นิเนิทศการ สอน วิชวิานาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ทั้งทั้ ในวิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ปส่วส่นกลางและส่วส่นภูมิภูภมิาค เป็นป็วิทวิยากรอบรมวิชวิานาฏศิลศิ ป์ แก่หก่น่วน่ยงานราชการ รัฐรัวิสวิาหกิจกิและองค์กค์รภาคเอกชน เป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้แผู้สดงดีเดีด่นด่เป็นป็หัวหัหน้าน้คณะไปแลก เปลี่ยลี่น ศิลศิ ปวัฒวันธรรมในต่าต่งประเทศ เป็นป็ผู้ที่ผู้เที่พียพีบพร้อร้มด้วด้ยจริยริธรรมและคุณคุธรรม อุทิอุศทิตนเพื่อพื่ ประโยชน์ทน์างการศึกศึษาในสาขาวิชวิานาฏศิลศิ ป์อป์ย่าย่งสม่ำ เสมอมากกว่าว่ 50 ปี ตลอดจนให้คำห้คำปรึกรึษาแนะนำ แก่ ศิษศิย์แย์ละบริกริารงานสังสัคมอย่าย่งดียิ่ดีงยิ่จนเป็นป็ที่ยที่อมรับรัในวงการนาฏดุริดุยริางคศิลศิ ป์ ตลอดระยะเวลาอันอั ยาวนาน ครูจำรูจำเรียรีง พุธพุประดับดั จึงจึได้รัด้บรัการประกาศยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์-ป์ละคร) ประจำ ปี พุทพุธศักศัราช 2531
-13- นายหยัดยัช้าช้งทอง นายหยัดยัช้าช้งทอง เป็นป็ข้าข้ราชการนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยในกรมศิลศิ ปากร กระทรวงวัฒวันธรรม เกิดกิ เมื่อ มื่ วันวัที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2462 ครูหรูยัดยัเข้าข้รับรัการศึกศึษาที่โที่ รงเรียรีนวัดวัรัชรัดาธิษธิฐาน จนจบการ ศึกศึษาชั้น ชั้ ประถมปีที่ปี ที่ 4 ครูหรูยัดยัเริ่มริ่มีจิมีตจิใจชอบการแสดงโขนจึงจึไม่คิม่ดคิที่จ ที่ ะศึกศึษาต่อต่ทางด้าด้นวิชวิา สามัญมัครูหรูยัดยัจึงจึสมัคมัรเข้าข้เป็นป็ศิษศิย์ขย์องพานัสนั โรหิตหิาจล ศิลศิ ปินปิ โขนผู้มีผู้ ชื่มีอ ชื่ เสียสีงและเป็นป็ศิษศิย์เย์อก ของพระยาพรหมาภิบภิาล (ทองใบ สุวสุรรณภารต) นาฏศิลศิ ปินปิ โขนยักยัษ์ ตัวตัเอกในรัชรักาลที่ 6 บุตบุร ของทองอยู่ พี่ช พี่ ายต่าต่งมารดา ของพระยานัฏนักานุรันุกรัษ์ (ทองดี สุวสุรรณภารต) อดีตดีเจ้าจ้กรมโขน หลวง ครูหรูยัดยั ได้ฝึด้กฝึหัดหั โขนเป็นป็ตัวตัยักยัษ์อยู่กัยู่ บกัพานัสนัจนมีคมีวามชำ นาญในการแสดงโขน สามารถ ออกโรงแสดงได้ โดยเริ่มริ่ตั้ง ตั้ แต่ยัต่กยัษ์ต่าต่งเมือมืง เช่นช่สัทสัธาสูรสูมูลมูพลัมลัมังมักรกัณกัฐ์ แสงอาทิตทิย์ จนกระทั่ง ทั่ แสดงเป็นป็ยักยัษ์ใหญ่ คือคืเป็นป็ทศกัณกัฐ์ไฐ์ด้เด้ป็นป็อย่าย่งดี เป็นป็ที่พ ที่ อใจของพานัสนัผู้เผู้ป็นป็ครูเรูป็นป็ อย่าย่งมาก เมื่อ มื่ คณะโขนของพานัสนั ไปแสดงที่ใที่ ดก็ตก็าม ครูหรูยัดยัก็จก็ะติดติตามไปแสดงด้วด้ยทุกทุครั้ง รั้ ถ้าถ้ไม่มีม่งมีานแสดงของตน พานัสนัก็อก็นุญนุาตให้คห้รูหรูยัดยั ไปร่วร่มแสดงโขนกับกัคณะอื่น อื่ ได้ การที่ค ที่ รูหรูยัดยั ได้มีด้โมีอกาสไปแสดงกับกั โขนคณะอื่น อื่ นั้น นั้ ทำ ให้รู้ห้จัรู้กจัมักมัคุ้นคุ้ กับกัเพื่อ พื่ นศิลศิ ปินปิมากขึ้น ขึ้ ประกอบกับกัครูหรูยัดยั เป็นป็คนเรียรีบร้อร้ย อ่ออ่นน้อน้มถ่อถ่มตน มีคมีวามสามารถในด้าด้นการแสดงสูงสูจึงจึเป็นป็ที่พ ที่ อใจของ ครูมัรูลมัลี คงประภัศภัร์ หรือรืที่ศิ ที่ ลศิ ปินปิ โขนละครรู้จัรู้กจักันกั ในนาม “ย่าย่หมันมั ” เจ้าจ้ของโขนคณะไทยศิริศิ ริจึงจึ ได้ชัด้กชัชวนให้คห้รูหรูยัดยั ไปสมัคมัรเข้าข้รับรัราชการในกรมศิลศิ ปากร ครูหรูยัดยัจึงจึนำ เรื่อ รื่ งนี้ไนี้ปเรียรีนปรึกรึษา กับกัพานัสนัพานัสนัก็เก็ห็นห็ดีแดีละมีคมีวามชื่น ชื่ ชมที่ศิ ที่ ษศิย์จย์ะได้เด้ข้าข้รับรัราชการ มีคมีวามเจริญริก้าก้วหน้าน้ จึงจึสนับนัสนุนนุให้คห้รูหรูยัดยั ไปสมัคมัรเข้าข้รับรัราชการในกรมศิลศิ ปากร ครูหรูยัดยัช้าช้งทอง เริ่มริ่เข้าข้รับรัราชการในกรมศิลศิ ปากร จากการชักชัชวนของ ครูมัรูลมัลี คงประภัศภัร์ ในปี พ.ศ. 2484 ครูหรูยัดยัเป็นป็ผู้ที่ผู้ ส ที่ นใจใฝ่หฝ่าวิชวิาความรู้ทรู้างด้าด้นนาฏศิลศิ ป์อป์ยู่เยู่ สมอ ท่าท่นได้รัด้บรั ถ่าถ่ยทอดจากครูผู้รูใผู้หญ่หญ่ลายท่าท่น ได้แด้ก่ หลวงวิลวิาศวงงาม และท่าท่นหญิงญิแผ้วผ้สนิทนิวงศ์เศ์สนี เป็นป็ต้นต้ครูหรูยัดยัช้าช้งทอง ได้รัด้บรัการประกาศยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติสติาขาศิลศิ ปะการ แสดง (นาฏศิลศิ ป์โป์ขน) ในปี พ.ศ. 2532 เป็นป็นาฏยศิลศิ ปินปิตัวตั โขนยักยัษ์ที่มี ที่ คมีวามรู้ ความสามารถ และ เป็นป็ผู้ช่ผู้ วช่ยนายรงค์ภัค์กภัดี (เจียจีร จารุจรุรณ) ในการถ่าถ่ยทอดท่าท่รำ เพลงหน้าน้พาทย์อย์งค์พค์ระพิรพิาพ ซึ่ง ซึ่ เป็นป็ท่าท่รำ ชั้น ชั้ สูงสูสุดสุในวงการนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยให้แห้ก่ศิก่ลศิ ปินปิกรมศิลศิ ปากร 7 คน หน้าน้พระที่นั่ ที่ ง นั่ พระบาทสมเด็จด็พระมหาภูมิภูพมิลอดุลดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตพิร (รัชรัากาลที่ 9) เมื่อ มื่ วันวั พฤหัสหับดีที่ดีที่25 ตุลตุาคม พ.ศ. 2527 นายกรี วรศะรินริ (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ บรมครู ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดและพัฒพันานาฏศิลศิ ป์โป์ขนลิงลิ) นายกรี วรศะรินริเกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2457 ที่ก ที่ รุงรุเทพมหานคร เป็นป็บุตบุรของ นายเผื่อ ผื่ นและนางแป้นป้วรศะรินริครูกรูรี วรศะรินริเริ่มริ่ฝึกฝึหัดหั โขนที่บ้ ที่ าบ้นเจ้าจ้พระยาวรพงศ์พิศ์พัพิฒพัน์ ต่อต่มาได้ย้ด้าย้ยไปฝึกฝึหัดหั โขนต่อต่ที่วั ที่ งวัสวนกุหกุลาบ ในสมัยมัรัชรักาลที่ 7 ครูกรูรี เข้าข้รับรัราชการในปี พ.ศ. 2472 โดยเป็นป็ข้าข้ราชการในกรมพิณพิพาทย์แย์ละโขนหลวง ตำ แหน่งน่พระยาวานร ได้มีด้โมีอกาส แสดงโขนหลวงหน้าน้พระที่นั่ ที่ ง นั่ หลายครั้ง รั้ ต่อต่มาได้โด้อนมาขึ้น ขึ้ กับกักรมศิลศิ ปากร และประจำ อยู่ที่ยู่ โที่ รงเรียรีน ศิลศิ ปากร แผนกนาฏดุริดุยริางค์ (วิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ปีใปีนปัจปัจุบัจุนบั ) ครูกรูรี เป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้เผู้ชี่ย ชี่ วชาญการสอน นาฏศิลศิ ป์โป์ขน ของวิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์ กรมศิลศิ ปากร มีคมีวามสามารถรอบรู้กรู้ ระบวนการงานนาฏศิลศิ ป์ และการแสดงโขนทุกทุประเภท เป็นป็ครูแรูม่แม่บบด้าด้นโขนลิงลิโดยเฉพาะ ทั้ง ทั้ เป็นป็ผู้อผู้ นุรันุกรัษ์แบบแผน การแสดงโขน และสร้าร้งสรรค์แค์ละประดิษดิฐ์ผฐ์ลงานด้าด้นการแสดงโขน-ละคร หลายชุดชุด้วด้ยกันกัซึ่ง ซึ่ วงการนาฏศิลศิ ป์ทั่ป์ว ทั่ ประเทศได้ยึด้ดยึถือถืเป็นป็แบบฉบับบัของการแสดงและการเรียรีนการสอนสืบสืต่อต่มา จนถึงถึ ปัจปัจุบัจุนบั นอกจากนี้ ครูกรูรียัรีงยัเป็นป็ผู้นิผู้เนิทศก์กก์ารสอนวิชวิานาฏศิลศิ ป์โป์ขน ทั้ง ทั้ ในส่วส่นกลางและส่วส่นภูมิภูภมิาค เป็นป็ผู้ร่ผู้ วร่มพิจพิารณาหลักลัสูตสูรสาขาวิชวิานาฏศิลศิ ป์ไป์ทยและ พัฒพันาหลักลัสูตสูรรายวิชวิาตลอดจนสื่อ สื่ การเรียรีนการสอนระดับดั ปริญริญาเป็นป็อาจารย์ที่ย์ ปที่ รึกรึษาและวิทวิยากรในวิชวิา ศิลศิ ปนิพนินธ์ เป็นป็ผู้ที่ผู้ที่ เพียพีบพร้อร้มด้วด้ยคุณคุธรรม เสียสีสละและอุทิอุศทิตนเพื่อ พื่ ประโยชน์แน์ก่กก่ารศึกศึษาและงานนาฏศิลศิ ป์ ครูกรูรี วรศะรินริ ได้รัด้บรัการประกาศยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติสติาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์-ป์โขน) ในปี พ.ศ. 2531
-14- นางสุวสุรรณี ชลานุเนุคราะห์ นางสุวสุรรณี ชลานุเนุคราะห์ เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ ๑พฤษภาคม พุทพุธศักศัราช ๒๔๖๙ ที่จั ที่ งจัหวัดวันนทบุรีบุรี เป็นป็ละครหลวง สำ นักนัพระราชวังวัรุ่นรุ่ สุดสุท้าท้ย ปลายสมัยมัพระบาทสมเด็จด็พระปกเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัเป็นป็ นาฏศิลศิ ปินปิที่มี ที่ คมีวามเชี่ย ชี่ วชาญนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ทั้ง ทั้ แบบพื้น พื้ เมือมืงและแบบราชสำ นักนัเคยแสดงเป็นป็ตัวตัเอก ในละครแบบต่าต่งๆให้กห้รมศิลศิ ปากรมาแล้วล้มากมายหลายเรื่อ รื่ งหลายตอน บทบาทที่ไที่ ด้รัด้บรัการยกย่อย่ง และนิยนิมชมชอบจากผู้ชผู้ มมากที่สุ ที่ ดสุ“ ตัวตัพระ ” เข่นข่อินอิเหนา สังสัข์ทข์อง พระไวย ไกรทอง สัตสัยวาน บางครั้ง รั้ ก็แก็สดงเป็นป็ “ นางเอก ” เช่นช่ละเวงวัลวัลาเป็นป็ต้นต้เป็นป็ผู้อผู้ นุรันุกรัษ์แบบแผนท่าท่รำ นาฏศิลศิ ป์ไป์ทย และละครรำ ไว้ไว้ด้มด้ากที่สุ ที่ ดสุเคยแสดงและนำ คณะไปแสดงแลกเปลี่ย ลี่ นวัฒวันธรรมในหลายประเทศ ได้ ถ่าถ่ยทอดวิชวิานาฏศิลศิ ป์ใป์ห้กัห้บกันิสินิตสินักนัศึกศึษาในมหาวิทวิยาลัยลัวิทวิยาลัยลัและโรงเรียรีนต่าต่ง ๆ หลายแห่งห่ เป็นป็ผู้เผู้พียพีบพร้อร้มด้วด้ยจริยริธรรมคุณคุธรรมและอุทิอุศทิตนเพื่อ พื่ ประโยชน์ใน์ห้แห้ก่สก่าขาวิชวิาชีพชีมาเป็นป็เวลา กว่าว่ 40 ปี จนเป็นป็ที่ย ที่ อมรับรักันกั ในวงการนาฏศิลศิ ปินปิว่าว่เป็นป็ผู้มีผู้ คมีวามสามารถสูงสูยิ่งยิ่ต่อต่เนื่อ นื่ งมาตลอด นางสุวสุรรณี ชลานุเนุคราะห์ จึงจึได้รัด้บรัการยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติสติาขาศิลศิ ปะ การแสดง (นาฏศิลศิ ป์ - ละครรำ ) ปีพุปีทพุธศักศัราช 2533 นางส่อส่งชาติ ชื่น ชื่ ศิริศิ ริ นางส่อส่งชาติ ชื่น ชื่ ศิริศิ ริศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (ละครรำ ) พ.ศ. 2535 เกิดกิเมื่อ มื่ วันวั อังอัคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ณ กรุงรุเทพมหานคร เป็นป็บุคบุคลที่ไที่ ด้รัด้บรัการยกย่อย่งว่าว่เป็นป็ศิลศิ ปินปิ ผู้มีผู้ คมีวามสามารถชั้น ชั้ สูงสูในทางด้าด้นละครรำ เป็นป็ผู้รำผู้รำกระบวนรำ แม่บม่ทใหญ่ ซึ่ง ซึ่ สถาบันบัการศึกศึษา ใช้เช้ป็นป็แบบเรียรีน"แม่ท่ม่าท่ "ในการสอนนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยในปัจปัจุบัจุนบัครูส่รูอส่งชาติ เป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้มีผู้ คมีวาม สามารถรอบตัวตัจดท่าท่รำ ทุกทุกระบวนรำ ของครูโรูบราณได้อด้ย่าย่งแม่นม่ยำ หลายรูปรูแบบ มีทั้มีง ทั้ ละคร รำ ละครพันพัทาง และละครแบบหลวงวิจิวิตจิรวาทการ โดยแสดงเป็นป็ตัวตัพระ ตัวตันาง และระบำ เบ็ดบ็เตล็ดล็มากมายเกินกิกว่าว่ 1,000 ครั้ง รั้ มีลีมีลลีาการแสดงเป็นป็ที่ปที่ ระทับทั ใจและเป็นป็ที่ก ที่ ล่าล่วขานชื่น ชื่ ชม ของผู้ชผู้ มและผู้บัผู้ งบัคับคับัญบัชาในอดีตดีเสมอมาโดยตลอด เป็นป็ผู้ที่ผู้ไที่ ด้รัด้บรัการคัดคัเลือลืกให้เห้ป็นป็ผู้แผู้สดงและ ท่าท่รำ ตัวตัพระคู่มคู่ ากับกันางสาวจำ เรียรีง พุทพุธประดับดัศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ พ.ศ. 2531 มาโดยตลอด ทั้ง ทั้ ยังยั ถ่าถ่ยทอดพัฒพันาลีลลีาท่าท่รำ ของครูโรูบราณให้กัห้บกัลูกลูศิษศิย์มย์าตลอด เป็นป็ที่ย ที่ กย่อย่งอย่าย่งสูงสูในแวดวง ศิลศิ ปะการแสดงด้าด้นละครรำ จึงจึได้รัด้บรัการยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติสติาขาศิลศิ ปะ การแสดง (ละครรำ ) ประจำ ปี พ.ศ. 2535 นางศิริศิวัริฒวัน์ ดิษดิยนันนัทน์ เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 24 กุมกุภาพันพัธ์ 2474 เป็นป็บุตบุรีขรีองนายทรัพรัย์ และนางน้อน้ม แสงสว่าว่ง ได้รัด้บรัการ ถ่าถ่ยทอดท่าท่รำ จาก ท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแล้วล้สนิทนิวงศ์เศ์สนี ครูลรูมุลมุเมียมีอุบอุทาติอติยู่ไยู่ หยายน ภัทภัรนาวิกวิ (หม่อม่มครูส่รูวส่น) คุณคุหญิงญินัฏนักานุรันุกรัษ์ (เทศ) ครูมัรูลมัลี คงประภัศภัร์ ครูผัรูนผั โมรากุลกุครูสรูอาด แสงสว่าว่ง ครูจำรูจำเรียรีง พุธพุประดับดัครูศิรูริศิวัริฒวัน์ ตษยนันนัทน์ เป็นป็ผู้มีผู้ คมีวามสามารถทางด้าด้นนาฏศิลศิ ป์มป์า ตั้ง ตั้ แต่เต่ด็กด็ โดยแสดงเป็นป็หัวหัหน้าน้ระบำ าหนูน้นูอน้ยวัฒวัน์ด้น์วด้ยเน้นน้ทานเป็นป็ผู้มีผู้ ตมีกลงเป็นป็นางรจนา ตอนเสียสีงพวงมาลัยลัท่าท่นได้แด้สดงความ สามารถทางนาฏศิลศิ ป์ไป์ว้เว้ป็นป็จำ นวนมาก โดยได้แด้สดงเป็นป็ ตัวตัเอกของละครหลายเรื่อ รื่ งทั้ง ทั้ ละครนอก ละครใน และ ละครพันพัทาง เช่นช่เรื่อ รื่ งอิเอิหนา พระอภัยภั- มณี สุวสุรรณหงส์ พระลอ มโนราห์ รถเสน ไกรทอง ราชาธิรธิาช พญาผานอง คาวี ขุนขุช้าช้งขุนขุแผน เป็นป็ต้นต้นอกจากนี้ท่ นี้ าท่นยังยัเป็นป็หัวหัหน้าน้ร้าร้นถวายพระพรพระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัรัชรักาลที่ 9 และสมเด็จด็พระนางเจ้าจ้ฯ พระบรมราชินีชินนีาถ ในการเลี้ย ลี้ ง ต้อต้นรับรัพระราชอาคันคัตุกตุะที่เ ที่ สด็จด็ พระราชดำ เนินนิมาเยือยืน ประเทศไทย เป็นป็ผู้สืผู้ บสืสานการละเล่นล่พื้น พื้ เมือมืง ประดิษดิฐ์ ท่าท่รำ สร้าร้งสรรค์ และอนุรันุกรัษ์ท่าท่รำ ไว้เว้ป็นป็มรดกของแผ่นผ่ดินดิจําจํนวนมาก เป็นป็ศิลศิ ปินปิและเป็นป็ครูที่รูไที่ ด้รัด้บรัคำ ชมมาตั้ง ตั้ แต่ ครั้ง รั้ เป็นป็นักนัเรียรีน จนถึงถึ ปัจปัจุบัจุนบัว่าว่เป็นป็ผู้ว่ผู้าว่งาม มีลีมีลลีาตามแบบ นาฏศิลศิ ป์ มีคมีวามจําจํท่าท่ว่าว่แต่คต่รั้ง รั้ โบราณได้แด้ม่นม่ยำ า จนได้รัด้บรัคัดคัเลือลืกให้เห้ป็นป็ผู้แผู้สดงแบบท่าท่รำ ในหนังนัสือสือธิบธิายนาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ของ กรมศิลศิ ปากร ครูศิรูริศิวัริฒวัน์ ดิษดิยนันนัทน์ ได้รัด้บรัการ ยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะ การแสดง (นาฏศิลศิ ป์)ป์ ประจำ ปี พ.ศ. 2541
-15- สัมสัพันพัธ์ พันพัธุ์มธุ์ ณี เกิดกิ 27 พฤศจิกจิายน พ.ศ. 2470 — 6 มิถุมินถุายน พ.ศ. 2552 ศิลศิ ปินปิผู้มีผู้ คมีวามรู้ครู้วามสามารถ ในด้าด้นนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยเป็นป็อย่าย่งสูงสูและเป็นป็ผู้พผู้ ยายาม อนุรันุกรัษ์ สืบสืสาน สร้าร้งสรรค์งค์านนาฏศิลศิ ป์ ไทยมาตลอดชีวิชีตวิเป็นป็ผู้ที่ผู้ไที่ ด้รัด้บรัการยกย่อย่งเชิดชิชุเชุกียกีรติจติากสถาบันบัการศึกศึษาและหน่วน่ยงานด้าด้น วัฒวันธรรมต่าต่งๆหลากหลายรางวัลวั โดยเฉพาะอย่าย่งยิ่งยิ่ก็คืก็ คืการได้รัด้บรัยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติ ให้เห้ป็นป็ ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง(นาฏศิลศิ ป์)ป์ ในปีพุปีทพุธศักศัราช 2507 ครูสัรูมสัพันพัธ์ไธ์ด้ก่ด้อก่ตั้ง ตั้ “โรงเรียรีนนาฏศิลศิ ป์สัป์มสัพันพัธ์”ธ์ขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ รองรับรัจำ นวน ของนักนัเรียรีนผู้สผู้ นใจวิชวิานาฏศิลศิ ป์ใป์ห้มห้าสมัคมัร เรียรีนและสืบสืสานต่อต่วิชวิาการรำ ไทย มีเมีด็กด็เล็กล็นักนัเรียรีนรุ่นรุ่ เยาว์ มาสมัคมัรเข้าข้เรียรีนมากมาย ต่อต่มา ได้เด้ปลี่ย ลี่ นเป็นป็ โรงเรียรีนอนุบนุาลนาฏศิลศิ ป์สัป์มสัพันพัธ์ และมูลมูนิธินินธิาฏศิลศิ ป์สัป์มสัพันพัธ์ ตามลำ ดับดัครูสัรูมสัพันพัธ์ พันพัธุ์มธุ์ ณี เป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้มีผู้ คมีวามรู้ครู้วามสามารถในด้าด้นนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยเป็นป็อย่าย่งสูงสูและเป็นป็ผู้พผู้ ยายาม อนุรันุกรัษ์ สืบสืสาน สร้าร้งสรรค์งค์านนาฏศิลศิ ป์ไป์ทยมาตลอดชีวิชีตวิท่าท่นได้รัด้บรัการยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติจติาก สถาบันบัการศึกศึษาและหน่วน่ยงานด้าด้นวัฒวันธรรมต่าต่ง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่าย่งยิ่งยิ่ท่าท่นได้รัด้บรั การยกย่อย่งเชิดชิชู เกียกีรติใติห้เห้ป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์)ป์ ประจำ ปี พ.ศ. 2542 นางสมพันพัธ์ โชตนา ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้สืผู้ บสืสานนาฏศิลศิ ป์พื้ป์น พื้ บ้าบ้นล้าล้นนา นางสมพันพัธ์ โชตนาเกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 15 มิถุมินถุายน พ.ศ. 2464 ที่คุ้ ที่ มคุ้เจ้าจ้หลวงนครเชียชีงใหม่ แม่คม่รู สมพันพัธ์เธ์ข้าข้รับรัการฝึกฝึอบรมนาฏศิลศิ ป์ใป์นคุ้มคุ้เจ้าจ้หลวง นครเชียชีงใหม่ ตั้ง ตั้ แต่อต่ายุ 9 ปี โดยหัดหัเป็นป็ตัวตัพระกับกัครูหรูม่อม่มแส ณ เชียชีงใหม่ ครูลรูมุลมุยมะคุปคุต์ และ แม่คม่รูเรูผื่อ ผื่ น วรศิลศิ ป์ ท่าท่นได้แด้สดงละครรำ เป็นป็ตัวตัพระและตัวตัพ่อพ่ ในละครเรื่อ รื่ ง ไชยเชษฐ์ คาวี สุวสุรรณหงส์ เป็นป็ต้นต้ต่อต่มาท่าท่นได้เด้ป็นป็ครูสรูอนที่วิ ที่ ทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์เป์ชียชีงใหม่ ท่าท่นได้ปด้รับรั ปรุงรุท่าท่รำ ต่าต่ง ๆ ให้แห้ก่ วิทวิยาลัยลันาฏศิลศิ ป์เป์ชียชีงใหม่ และคิดคิ ประดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่เต้นต้ของชาวเขาเป็นป็ระบำ ชาวเขาเผ่าผ่ ต่าต่ง ๆ ปรับรั ปรุงรุท่าท่ช้าช้ชุดชุพื้น พื้ เมือมืงภาคเหนือนืเช่นช่จุดจุว่าว่ ไทยเขินขิ ฟ้อฟ้น ฟ้อฟ้นมผัดผั ฟ้อฟ้นนพบุรีบุศรีรีนรีคร พิงพิค์เค์ชียชีงใหม่ เป็นป็ต้นต้แม่อม่สาขาศิลศิ ปะ สมพันพัธ์เธ์ป็นป็ผู้สืผู้ นสืเสานพัฒพันานาฏศิลศิ ป์พื้ป์น พื้ เมือมืงล้าล้นมาให้ ดำ รงอยู่ท่ยู่ าท่มกลางกระแสความเปลี่ย ลี่ นแปลงของสั ไม่มีม่ มีพอได้รัด้บรัเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ผู้มีผู้ ผมีลงานด้าด้น วัฒวันธรรมท้อท้งถิ่นถิ่และผู้อผู้ นุรันุกรัษ์มรดกไทยจังจัหวัดวัเชียชีงใหม่ ในปี พ.ศ. 25421 ท่าท่นได้รัด้บรัการเชิดชิชู เกียกีรติจติากกระทรวงวัฒวันธรรม ให้เห้ป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ การแสดงนาฏศิลศิ ป์พื้ป์น พื้ บ้าบ้นล้าล้นนา นายราฆพ โพธิเธิวส (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้มีผู้ ฝีมีมืฝีอมืยอดเยี่ย ยี่ มในการแสดงโขนยักยัษ์) นายราฆพ โพธิเธิวส เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2477 เป็นป็บุตบุรนายถม โพธิเธิวส (อดีตดี ศิลศิ ปินปิ โขนยักยัษ์ ในสมัยมัรัชรักาลที่ 6)และนางช่วช่ง โพธิเธิวส ครูรรูาฆพ โพธิเธิวส เป็นป็ผู้มีผู้ ฝีมีมืฝีอมื ยอดเยี่ย ยี่ มในการแสดงโขน โดยได้รัด้บรัพระมหากรุณรุาธิคุธิณคุจากพระบาทสมเด็จด็พระปรมินมิทรมหาภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ทรง พระกรุณรุาโปรดเกล้าล้ฯ ให้รัห้บรัการต่อต่ท่าท่รำ เพลงหน้าน้พาทย์ องค์พค์ระพิรพิาพ ในพระราชพิธีพิพธีระราชทานครอบ ผู้ปผู้ ระกอบพิธีพิไธีหว้คว้รูโรูขน นอกจากนี้ไนี้ ด้ทำด้ทำ คุณคุประโยชน์แน์ก่ปก่ระเทศชาติ โดยเป็นป็นักนัแสดง เป็นป็อาจารย์สย์อน ศิลศิ ปะโขน เป็นป็ผู้กำผู้กำกับกัการแสดง โขนและถ่าถ่ยทอดวิชวิาความรู้ด้รู้าด้นการแสดงโขนให้กัห้บกัสถาบันบัต่าต่ง ๆ เพื่อ พื่ เป็นป็การ สืบสืสาน ศิลศิ ปวัฒวันธรรมให้ดำห้ดำรงอยู่แยู่ ละแพร่หร่ลาย ผลงานที่ส ที่ ร้าร้งชื่อ ชื่ เสียสีงให้ไห้ด้แด้ก่ การแสดงละคร พันพัทาง และ ต่อต่ท่าท่ ป่าป่หน้าน้พาทย์อย์งค์พค์ระพิรพิาพ ท่าท่นจึงจึได้รัด้บรัการเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์โป์ขน) ปี พ.ศ. 2547 ครูรรูาชพ โพธิเธิวส เป็นป็ 1 ใน 60 นักนัเรียรีนโขนรุ่นรุ่ แรก และสืบสืทอดการแสดงโขนจากบิดบิา ซึ่ง ซึ่ เป็นป็ครูโรูชนในสมัยมัพระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้เจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัเรียรีนการแสดงโขนได้เด้พียพีง 5-6 เดือดืน ก็ฉก็ายแวว กรมศิลศิ ปากรเปิดปิการแสดงโขนรามเกียกีรติ์คติ์รั้ง รั้ แรก ตอนนาคบาศ ท่าท่นได้รัด้บรั คัดคัเลือลืกให้รัห้บรับทเป็นป็ตัวตัละคร พิเพิภก เพราะเห็นห็ว่าว่มีฝีมี ไฝีม้ลม้ายมือมืดี หลังลัจากนั้น นั้ ท่าท่นก็ไก็ด้รัด้บรัการ ฝึกฝึ ฝนเพื่อ พื่ การเป็นป็ศิลศิ ปินปิชั้น ชั้ เยี่ย ยี่ ม และแสดง เป็นป็ตัวตัยักยัษ์สำ คัญคัมาโดยตลอด ทั้ง ทั้ ยังยัร่วร่มแสดง ละครหลวงวิจิวิตจิรวาทการ ตลอดจนฝึกฝึดาบจนได้รัด้บรัการยกย่อย่ง
-16- นายศุภศุชัยชัจันจัทร์สุร์วสุรรณ์ (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้เผู้ลื่อ ลื่ งชื่อ ชื่ ในบท ยังยัตราแห่งห่ผู้ชผู้ นะสิบสิทิศทิ) ดร.ศุภศุชัยชัจันจัทร์สุร์วสุรรณ์ หรือรืที่ลู ที่ กลูศิษศิย์ เรียรีกติดติ ปากว่าว่ “ครูน้รูอน้ย” เกิดกิวันวัเสาร์ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ครูน้รูอน้ย ศุภศุชัยชั ได้แด้รงบันบัดาลใจจาก ความประทับทั ใจจากการแสดงของ ศิลศิ ปินปิ โขนและละคร และในปัจปัจุบัจุนบั ได้ดำด้ดำรงตำ แหน่งน่เป็นป็คณบดีคดีณะศิลศิ ปนาฏดุริดุยริางค์ สถาบันบั บัณบัฑิตฑิพัฒพันศิลศิ ป์ ผลงานที่สำ ที่ สำคัญคัของท่าท่นคือคื ในปี พ.ศ. 2529 ได้รัด้บรับทเป็นป็ราชบุตบุรมังมัตรา แห่งห่เมือมืงตอน ในละครพันพัทาง เรื่อ รื่ ง ผู้ชผู้ นะสิบสิทิศทิของยาขอบ กำ กับกัและเขียขีนบทโดย อาจารย์เย์สรี หวังวั ในธรรม ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ครูศุรูภศุชัยชั ได้บด้ทแสดงคู่กัคู่ บกั ปกรณ์ พรพิสุพิทสุธิ์ นอกจากนี้ ครูศุรูภศุชัยชัยังยัมี ผลงานแสดงทางนาฏศิลศิ ป์โป์ขนในบทตัวตัพระและแสดงบทตัวตันางในละครนอก รวมถึงถึการแสดงบท พระเอกและนางเอกในละครอื่น อื่ ๆ อีกอีหลายเรื่อ รื่ ง เช่นช่แสดง เป็นป็พลายชุมชุพลในเรื่อ รื่ งขุนขุช้าช้งขุนขุแผน สุดสุสาครในเรื่อ รื่ งพระอภัยภัมณี สมิงมินครอินอิทร์ใร์นละครพันพัทางเรื่อ รื่ ราชาธิรธิาช เป็นป็ต้นต้รวมถึงถึการ แสดงระบำ รำ ฟ้อฟ้น ประเภทต่าต่ง ๆ ทั้ง ทั้ ประเทศและในต่าต่งประเทศ ให้ท่ห้าท่นได้รัด้บรัรางวัลวัเชิดชิชูเชูกียกีรติ ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์ไป์ทย ในปี พ.ศ. 2548 ในขณะที่ท่ ที่ าท่นอายุไยุด้ 50 ปี ถือถืได้ว่ด้าว่ท่าท่นเป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติที่ติอ ที่ ายุน้ยุอน้ยที่สุ ที่ ดสุ นายประสิทสิธิ์ ปิ่นปิ่แก้วก้ (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้เผู้ป็นป็แม่แม่บบนาฏศิลศิ ป์โป์ขนลิงลิ) นายประสิทสิธิ์ ปิ่นปิ่แก้วก้เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัที่ 13 พฤศจิกจิายน พ.ศ. 2484 เป็นป็บุตบุรชายคนที่ 3 ของ นายเฉยและนางล้วล้น ปิ่นปิ่แก้วก้เริ่มริ่เรียรีนโขน ที่โที่ รงเรียรีนนาฏศิลศิ ป์ โดยได้รัด้บรัเลือลืกเป็นป็เขนลิงลิตอน สีดสีาลุยลุไฟ และปราบบรรลัยลักัลกั ป์ เล่นล่ตั้ง ตั้ แต่บต่ท เขนลิงลิเสนาลิงลิม้าม้ราชสีห์สีห์พญาวานร เล่นล่มาแล้วล้ แทบทุกทุบท ครูปรูระสิทสิธิ์เธิ์ป็นป็ศิลศิ ปินปิที่มี ที่ คมีวามรู้ครู้วามเชี่ย ชี่ วชาญ ในการแสดงโขนลิงลิอย่าย่งมาก จึงจึได้ รับรัให้แห้สดงตั้ง ตั้ แต่ เขนลิงลิสิบสิแปดมงกุฎกุสุคสุรีพรีพาลี องคต หนุมนุาน แสดงเป็นป็หนุมนุานแทบทุกทุตอน อาทิ ตอนหนุมนุาน อาสา ตอนหนุมนุานจับจันางสุพสุรรณมัจมัฉา รวมทั้ง ทั้ ได้ แสดงละครและรำ เบ็ดบ็เตล็ดล็ อาทิ กราวอาสาในละครเรื่อ รื่ งมโนห์รห์า รำ ขัดขัชาตรี รำ สี่ภ สี่ าค รำ เหย่ยย่รำ โคม แสดงละครเรื่อ รื่ ง อานุภนุาพแห่งห่ความรักรัอานุภนุาพพ่อพ่ขุนขุรามคำ แหง เป็นป็ต้นต้นอกจากนี้ยั นี้ งยั ประดิษดิฐ์ ท่าท่รำ ฉุยฉุฉายพาลี รำ กราวทหารนเรศวร รำ เพลงปลุกลุใจ ประดิษดิฐ์ท่ฐ์าท่เต้นต้โขนลิงลิ ประกอบการแสดง เป็นป็ผู้ กำ กับกัการแสดงโขนชุดชุพิเพิภกสวามิภัมิกภัดิ์ ณ โรงละครแห่งห่ชาติ ครูผู้รูสผู้ อนโขนตัวตัลิงลิเป็นป็วิทวิยากรให้ ความรู้แรู้ก่นัก่กนัศึกศึษาตามสถานศึกศึษาต่าต่ง ๆ ครูปรูระสิทสิธิ์ เป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้ผผู้ ดุงดุรักรัษาไว้ด้ว้วด้ยความงาม ตามแบบแผนของศิลศิ ปะการแสดงโขนที่มี ที่ บมีทบาทการแสดงโขนลิงลิทุกทุตัวตั ในเรื่อ รื่ งรามเกียกีรติ์ โดยเฉพาะบทของทหารเอกของกองทัพทัพระราม “หนุมนุาน” ครูปรูระสิทสิธิ์ ปิ่นปิ่แก้วก้ ได้รัด้บรัการยกย่อย่ง เชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขาศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์-ป์โขน) ปี พ.ศ. 2551 นายจตุพตุร รัตรันวราหะ (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้สืผู้ บสืทอดท่าท่รำ หน้าน้พาทย์อย์งค์พค์ระพิรพิาพ) นายจตุพตุร รัตรันวราหะ (ต้อต้ย) เกิดกิวันวัพุธพุที่ 9 ธันธัวาคม พ.ศ. 2479 เป็นป็บุตบุรนายเจิมจิและ นาง ประวงษ์ รัตรันวราหะ ครูจรูตุพตุรเริ่มริ่เรียรีนนาฏศิลศิ ป์จป์ากคำ แนะนำ ของนางลิ้นลิ้จี่ จารุจรุรณ ภรรยา ของนายรงภักภัดี (เจียจีร จารุจรุรณ) โดยสมัคมัรเข้าข้เรียรีนที่โที่ รงเรียรีนนาฏดุริดุยริางคศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2492 ครูจรูตุพตุรได้รัด้บรัการถ่าถ่ยทอด ท่าท่รำ ตัวตั โขนยักยัษ์จาก ครูยรูอแสง ภักภัดีเดีทวา ครูชรูม้อม้ย ธารีเรีถียถีร ครูเรูจริญริเวชเกษม และครูหรูยัดยัช้าช้งทอง จนท่าท่น ได้รัด้บรัเลือลืกให้แห้สดงโขนในบทยักยัษ์ต่าต่ง ครูจรูตุพตุรยังยั ได้รัด้บรัความนิยนิมใน บทบาทการแสดงม้าม้อุปอุการ จากการแสดงโขน ตอน ปล่อล่ยม้าม้อุปอุการ ซึ่ง ซึ่ ได้รัด้บรัการถ่าถ่ยทอดกระบวนท่าท่จากท่าท่นผู้หผู้ญิงญิแผ้วผ้สนิทนิวงศ์เศ์สนี ครูจรูตุพตุรมีผมีลงานการแสดงเป็นป็ตัวตัเอกในเรื่อ รื่ งรามเกียกีรติ์ บทยักยัษ์ใหญ่ ทศกัณกัฐ์ เป็นป็ผู้ ร่วร่มงานเคียคีงข้าข้ง ม.ร.ว คึกคึฤทธิ์ ปราโมช ในการก่อก่ตั้ง ตั้ โขนธรรมศาสตร์ นอกจากนี้มี นี้ ผมีลงาน โดดเด่นด่อื่น อื่ ๆ ทางด้าด้น โขนและละครทั้ง ทั้ ด้าด้นการเป็นป็ศิลศิ ปินปิผู้แผู้สดงเป็นป็ผู้สผู้ อน ผู้เผู้ผย แพร่ทั้ร่ง ทั้ ทางด้าด้น ปฏิบัฏิติบัแติละทฤษฎีอฎีย่าย่งต่อต่เนื่อ นื่ งสม่ำ เสมอ จนท่าท่นได้รัด้บรัการยกย่อย่งเชิดชิชูเชูกียกีรติเติป็นป็ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ สาขา ศิลศิ ปะการแสดง (นาฏศิลศิ ป์-ป์โขน) ในปี พ.ศ. 2552
-17- นางรัจรันา พวงประยงค์ (ศิลศิ ปินปิแห่งห่ชาติ ผู้มีผู้ ชื่มีอ ชื่ เสียสีงด้าด้นการแสดงอารมณ์ ตัวตัละคร) นางรัจรันา พวงประยงค์ (เล็กล็ ) เกิดกิเมื่อ มื่ วันวัศุกศุร์ที่ร์ ที่6 ตุลตุาคม พ.ศ. 2484 เป็นป็ธิดธิาของนาย และ นางสมพล พวงประยงค์ นายหลีผู้ลีเผู้ป็นป็บิดบิาเคยเป็นป็คนละครสมัยมัเก่าก่มาก่อก่น ส่วส่นมารดาของ นางรัจรัน พวงประยงค์ นั้น นั้ เคยหัดหัละครอยู่กัยู่ บกันางมัลมัลี คงประภัศภัร์ (ครูหรูมันมั )แต่เต่นื่อ นื่ งจาก ไม่สม่นใจจริงริจังจัและไม่ชม่อบเรื่อ รื่ งนาฏศิลศิ ป์ จึงจึไม่ไม่ด้เด้ป็นป็นักนัแสดง ครูรัรูจรันา พวงประยงค์ ได้เด้ข้าข้เรียรีนในโรงเรียรีนนาฏศิลศิ ป์ ในขั้น ขั้ ต้นต้ ปีที่ปี ที่1 ได้รัด้บรัการฝึกฝึหัดหัเป็นป็ ตัวตัพระ โดยมีคมีรูสุรูวสุรรณี ชลานุเนุคราะห์ เป็นป็ครูสรูอน ต่อต่มาได้ฝึด้กฝึหัดหัตัวตันางละครและโขนกับกั ครูเรูจริญริจิตจิภัทภัรเสวี จนมีคมีวามสามารถแสดงได้เด้ป็นป็อย่าย่งดี จนได้รัด้บรับทแสดงเป็นป็นางเบญกาย ในการแสดงโขน ตอนหนุมนุานจับจันางเบญกาย และได้รัด้บรัคัดคัเลือลืกให้แห้สดงละครเรื่อ รื่ ง รถเสน เป็นป็ตัวตันางเมรี จากการแสดงบทเป็นป็ "บางเมรี"รีนี้ ทําทํ ให้ ครูรัรูจรันา พวงประยงค์ มีชื่มีอ ชื่ เสียสีงขึ้น ขึ้ เป็นป็ลำ ดับดับทบาทที่ค ที่ รูรัรูจรันา พวงประยงค์ มีชื่มีอ ชื่ เสียสีงขึ้น ขึ้ เป็นป็ลำ ดับดับทบาทแสดงได้ดีด้เดีป็นป็พิเพิศษ จนได้ชื่ด้อ ชื่ ว่าว่มีคมีวามสามารถโดดเด่นด่คือคืการแสดงบทบาทและอารมณ์อัณ์นอัสมจริงริในบทนางเอก ละครนอกแทบทุกทุเรื่อ รื่ ง ที่นั ที่ บนัว่าว่ยอดเยี่ย ยี่ มคือคืบ “นางเมรีขี้รีเ ขี้ มา" ในเรื่อ รื่ งรถเสน บทนางวิฬวิาร์ ในเรื่อ รื่ งไชยเชษฐ์ บทนางแก้วก้หน้าน้ม้าม้ตอน ร้าร้เย้ยย้ซุ้มซุ้ บทนาง ลยี่สุ่ ยี่ นสุ่ในเรื่อ รื่ งลักลัษณวงศ์ บทนางมณฑา ตอน ลงกระท่อท่ม นอกจากจะเป็นป็ศิลศิ ปินปิที่มี ที่ กมีระบวนรำ งามมากแล้วล้ยังยัเป็นป็ครู ผู้รัผู้ กรัษาขนบประเพณีใณีนการแสดง ถูกถูต้อต้งครบครันรัตามแบบฉบับบัเป็นป็นางเอกรูปรูลักลัษณ์งณ์ดงาม นับนัเป็นป็ศิลศิ ปินปิบทนางที่มี ที่ คมีวามสามารถสูงสูตีบตีทได้สด้มจริงริทุกทุบทบาท นางรัจรันา พวงประยงค์ มีพมีร้อร้มทั้ง ทั้ ความสามารถ ในการกำ กับกัการแสดง การออกแบบท่าท่รำ ในระบำ ต่าต่ง ๆ ที่ไที่ ด้สด้ร้าร้งไว้ ในกรมศิลศิ ปากรหลายชุดชุมีผมีลงาน การแสดงทั้ง ทั้ ในประเทศและต่าต่งประเทศ เป็นป็ครูที่รูพ ที่ ร้อร้ม ด้วด้ยความเมตตาและมีคมีวามตั้ง ตั้ ใจในการถ่าถ่ยทอดความรู้ มีศิมีษศิย์เย์ป็นป็จำ นวนมาก ล่าล่สุดสุใน พ.ศ. 2554 ได้รัด้บรัพระราชทานเข็มข็พระบรมฉายาลักลัษณ์พณ์ระบาทสมเด็จด็พระบรมชนกาธิเธิบศร