งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น
หน่วยที่4 ตัวต้านทาน
RESISTOR
20100-1005
1
ชนิดของตัวต้านทาน
หัวข้อเรื่อง
2.1 ชนิดของตัวต้านทานตามประเภทวัสดุที่ใช้
2.2 ชนิดของตัวต้านทานตามการใช้งาน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกชนิดของตัวต้านทานตามการใช้งานและวัสดุที่ใช้ได้ถูกต้อง
2. อธิบายลักษณะของตัวต้านทานตามประเภทวัสดุได้ถูกต้อง
3. อธิบายลักษณะของตัวต้านทานตามการใช้งานได้อย่างถูกต้อง
2 ตัวต้านทาน
2.ชนิดของตัวต้านทาน
เมื่อเรารู้จักความหมาย สัญลักษณ์และหน้าที่ของตัวต้านทานกันแล้ว นอกจากนี้
ยังต้องรู้จักและพิจารณาถึงตัวต้านทานให้ดี ในการแบ่งชนิดของตัวต้านทาน โดย
สามารถแบ่งชนิดของตัวต้านทานได้เป็น 2 ชนิด คือ แบ่งตามประเภทวัสดุที่ใช้และ
แบ่งตามการใช้งาน ดังนี้
2.1 ชนิดของตัวต้านทานตามว
ัสดุที่ใช้
ตัวต้านทานที่แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำนั่นมีอยู่ 2 ชนิด คือ
1. วัสดุประเภทโลหะ (Metallic)
2. วัสดุประเภทอโลหะ (Non - Metallic)
วัสดุประเภทโลหะ (Metallic)
ตัวความต้านทานนี้ ส่วนมากจะใช้เส้นลวดเล็ก ๆ หรือแถบลวด (Ribbon) พันบน
ฉนวนที่เป็นแกนของตัวความต้านทานและที่ปลายทั้งสองข้างของขดลวดจะต่อขา
ออกมาใช้งาน แล้วเคลือบด้วยฉนวนอีกทีหนึ่งอุปกรณ์ตัวความต้านทานที่ใช้เส้น
ลวดพันให้เกิดค่าความต้านทานนี้ ส่วนมากจะเป็นพวกไวร์วาวด์รีซีสเตอร์ (Wire
Wound Resistors) ตัวความต้านทานแบบนี้จะมีค่าความต้านทานที่แน่นอนและ
ค่าความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด แต่จะเป็นตัวความต้านทานที่มีขนาดใหญ่และ
อัตราทนกำลังไฟฟ้า (วัตต์) ได้สูง
ตัวต้านทาน 3
วัสดุประเภทอโลหะ (Non - Metallic)
ตัวความต้านทานนี้ ได้แก่ ผงคาร์บอน (Carbon) หรือ ผงการไฟต์ (Graphite) ที่อัด
ตัวกันแน่นเป็นแท่ง และใช้ฉนวนหุ้มเพื่อป้องกันความชื้น แล้วต่อขาออกมาใช้งาน
จากคุณสมบัติเฉพาะตัวของผลคาร์บอน และกราไฟต์ที่มีค่าความต้านทานสูงมากๆ
นี้จึงสามารถนำมาใช้ทำเป็นตัวความต้านทานที่มีค่าสูง ๆ ได้ แต่จะมีขนาดเล็กลง
จะมีค่าความคลาดเคลื่อนของความต้านทานมากและอัตราทนกำลังไฟฟ้าได้ไม่สูง
มากนัก
แบบถ่าน (Carbon Composition Resistor)
ตัวต้านทานชนิดนี้ทำมาจากผงคาร์บอน โดยนำมาอัดให้เป็นแท่งแล้วหุ้มตัวถังด้วย
ฉนวน โดยปกติจะมีค่าความต้านทานตั้งแต่ค่าต่ำ ๆ จนถึงค่า 20 MW และมีค่าทนกำ
ลังงานขนาด 1/8 , 1/4 , 1/2 , 1 และ 2 วัตต์ ตัวต้านทานแบบนี้ถ้ากำลังวัตต์ต่ำตัว
ต้านทานจะมีขนาดเล็กและถ้ากำลังวัตต์มากตัวต้านทานก็จะมีขนาดใหญ่
Carbon Composition Resistor
4 ตัวต้านทาน
แบบลวดพัน (Wire Wound Resistor)
แบบลวดพันจะพบมากในตัวต้านทานชนิดค่าคงที่ ซึ่งเป็นส่วนผสมจากนิกเกิล-โครเมียม
(Nikel – Cromium) หรือส่วนผสมจากทองแดง - นิกเกิล (Copper-Nikel) ลวดนี้จะพันรอบ
แกนฉนวนที่ทำจากเซรามิคแล้วเคลือบด้วยฉนวนอีกทีหนึ่ง จะใช้ความยาวของขดลวดและ
ค่าความต้านทานจำเพาะเป็นตัวกำหนดค่าความต้าน ทาน โดยจะมีค่าตั้งแต่เศษส่วนของ
โอห์มจนถึงหลายพันโอห์มและมีกำลังตั้งแต่ 3 วัตต์ จนถึงหลายพันวัตต์
ดังนั้น ส่วนใหญ่จะพบมากในตัวต้าน ทานชนิดเลือกค่าได้และจะใช้งานในงานที่มี
กระแสสูง ๆ และทนกำลังงานได้สูง
Wire Wound Resistor
แบบฟิล์ม (Film Type Resistor)
ตัวต้านทานชนิดนี้จะทำจากฟิล์มบาง ๆ ของแก้วและโลหะหลอมเข้าด้วยกันแล้วนำ
ไปเคลือบแกนที่ทำมาจากผลึกของเซรามิคและให้ค่าความต้านทานอยู่ในช่วงเดียวกับ
ตัวต้านทานแบบถ่าน จะเห็นได้ว่า คุณสมบัติความหนาของฟิล์มบาง ๆ ที่เป็นสิ่งที่
ควบคุมได้ง่าย
ดังนั้น ค่าความต้านทานที่ได้จึงมีค่าแน่นอนมากไม่เหมือนกับแบบถ่าน เพราะจะ
ควบคุมที่ส่วนผสมของถ่านคาร์บอนจึงทำให้ค่าความต้าน ทานไม่แน่นอน
ตัวต้านทาน 5
ดังนั้น ตัวต้านทานชนิดฟิล์มจึงมีเปอร์เซนต์ความผิดพลาดต่ำ ซึ่งจะนำไปใช้งาน
ทางเครื่องมีอวัดทางไฟฟ้าต่าง ๆ
Film Type Resisto
2.2 ชนิดของตัวต้านทานตามประเภทใช้งาน
ตัวความต้านทานในการใช้งานของวงจรอิเล็กทรอนิกส์พอที่จะแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ
ดังรายละเอียดที่จะกล่าวถึงต่อไป โดยไม่ถือว่าตัวความต้านทานนั้น จะทำมาจาก
วัสดุประเภท โลหะหรืออโลหะก็ตาม ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้
1. ตัวความต้านทานชนิดค่าคงที่ (Fixed Resistors)
2. ตัวความต้านทานชนิดเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistors)
3. ตัวความต้านทานชนิดปรับแต่งค่าได้ (Adjustable Resistors)
4. ตัวความต้านทานชนิดแบ่งค่าได้ (Tapped Resistors)
5. ตัวความต้านทานชนิดพิเศษ (Special Resistors)
6 ตัวต้านทาน
1. ตัวความต้านทานชนิดค่าคงที่ (Fixed Resistors)
เป็นตัวความต้านทานที่มีค่าแน่นอน ไม่สามารถแปรเปลี่ยนค่าของตัวมันเองได้
โดยมากแล้วตัวต้านทานชนิดนี้จะมีชื่อเรียกตามวัสดุที่นำมาสร้าง เช่น คาร์บอน ,
ฟิล์มคาร์บอน , ฟิล์มโลหะหรือพวกเส้นลวดที่เป็นโลหะผสม
ตัวต้านทานชนิดค่าคงที่มีหลายประเภทที่นิยมในการนำมาประกอบใช้ในวงจร
ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไป ดังนี้
1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition) , (Carbon Resistor)
2. ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
3. ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
4. ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
5. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา ( Thick Film Network)
6. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง ( Thin Film Network)
ตัวต้านทาน 7
1.1 ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition) , (Carbon Resistor)
ความต้านทานแบบคาร์บอน (Carbon Resistor) เป็นตัวต้านทานที่นิยมใช้กันแพร่
หลายมาก มีราคาถูก โครงสร้างทำมาจากวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านทานที่นำมาจาก
แท่งคาร์บอนหรือการไฟต์ ซึ่งผสมกับตัวประสานฟีนอลลิกแล้วจึงต่อด้วยปลายขาโลหะ
ทั้งสองข้างออกมา อัตราส่วนผสมของวัสดุทั้งสองชนิดนี้ จะทำให้ค่าความต้านทานมีค่า
มากน้อยเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ มีค่าความคลาดเคลื่อน +- 5% และยังไม่สามารถ
ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิสูง ๆ ได้ไม่ดีนัก โดยจะส่งผลให้ค่าความต้านทาน
เปลี่ยนแปลงไปด้วย นอกจากนั้นสัญญาณรบกวนที่เกิดจากการใช้ตัวต้านทานชนิดนี้ก็มี
ค่ามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตัวต้านทานชนิดฟิล์มโลหะ
ตัวต้านชนิดนี้เป็นแบบที่ใช้ในงานทั่ว ๆ ไป ซึ่งมันสามารถทนต่อกาเปลี่ยนแปลงของ
อุณหภูมิและแรงดันทรานเซี้ยนท์ได้ดี
8 ตัวต้านทาน
1.2 ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
ตัวความต้านทานแบบฟิลม์โลหะ (Metal Film Resistors) เป็นตัวความต้าน
ทานที่มีลักษณะของโครงสร้างคล้ายคลึงกับแบบฟิล์มคาร์บอน ทำมาจากแผ่นฟิล์ม
บางของแก้วและโลหะหลอมเข้าด้วยกัน แล้วนำไปเคลือบที่เซรามิค ทำเป็นรูปทรง
กระบอกแล้วตัดแผ่นฟิล์มที่เคลือบออกให้ได้ค่าความต้านทานตามที่ต้อง การ ขั้น
ตอนสุดท้ายจะทำการเคลือบด้วยสารอีป๊อกซี (Epoxy) แต่จะใช้ตัวที่ทำให้เกิดค่า
ความต้านทานเป็นสารจำพวกฟิล์มโลหะแทน เหมาะสำ หรับงานที่ต้องการ
เสถียรภาพและความเที่ยงตรงสูงกว่าแบบคาร์บอน สา มารถใช้กับงานที่เป็นกระแส
ไฟสลับได้ดี คือ จะมีย่านความถี่ต่ำไปจนถึงความถี่สูงเป็นเมกกะเฮิรตซ์ได้และจะมี
ค่าสัมประสิทธิ์ทางอุณหภูมิต่ำ ตัวต้าน ทานชนิดฟิล์มโลหะนี้จะมีค่าความคลาด
เคลื่อนน้อยมาก โดยจะมีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 0.1 % ถึงประมาณ บวกลบ
2 % และยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภายนอกได้ดี นอกจากนี้ยังเกิด
สัญญาณรบกวนที่น้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดคาร์บอนฟิล์ม
ตัวต้านทาน 9
1.3 ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
ตัวความต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน (Carbon film Resistors) ทำได้โดยการฉาบ
หมึกคาร์บอน ลงบนแท่งเซรามิคซึ่งเป็นฉนวน แล้วจึงนำไปเผาเพื่อให้เกิดเป็นแผ่น
ฟิล์มคาร์บอนขึ้นมาหรืออาจจะมีเทคนิคอื่น ๆ ในการผลิตฟิล์มคาร์บอนก็ได้ จะตัด
ฟิล์มเป็นวงแหวนเหมือนเกลียวน๊อต เมื่อได้แผ่นฟิล์มที่เคลือบอยู่บนแกนเซรามิค
แล้วจึงต่อขาโลหะที่จุดขั้วสัมผัสที่ปลายขาทั้ง 2 ของฟิล์มคาร์บอนออกมาใช้งาน
และตัวความต้านทานนี้จะถูกปรับให้มีค่าเที่ยงตรงสร็จแล้วจึงฉาบด้วยสารที่เป็น
ฉนวนมีคุณสมบัติในการทำงานเหมือนกับคาร์บอนรีซีสเตอร์ ในกรณีที่เคลือบฟิล์ม
คาร์บอนในปริมาณน้อย จะทำให้ได้ค่าความต้านทานสูง แต่ถ้าเพิ่มฟิล์มคาร์บอนใน
ปริมาณมากขึ้น จะทำให้ได้ค่าความต้านทานต่ำ ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะมีค่า
ความผิดพลาด บวกลบ 5% ถึงบวกลบ 20% ทนกำลังวัตต์ตั้งแต่ 1/8 วัตต์ถึง 2 วัตต์
มีค่าความต้านทานตั้งแต่ 1 โอห์ม ถึง 100 เมกกะโอห์ม
ข้อดีของตัวความต้านทานชนิดนี้ คือ ราคาจะถูกกว่าแบบคาร์บอนแต่ไม่สามารถ
ทนต่อแรงดันกระชากในช่วงสั้น ๆ
10 ตัวต้านทาน
1.4 ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
ตัวความต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound Resistors) เป็นตัวความต้าน
ทานที่ทำมาจากเส้นลวดโลหะผสม 2 ชนิด หรือ 3 ชนิด ขึ้นไป เช่น ทองแดง ,
นิเกิล, โครเมียม, สังกะสีและแมงกานีส พันอยู่บนแกนฉนวนเซรามิคที่มีการ
ระบายความร้อนได้สูงและที่ปลายทั้งสองข้างของขดลวด จะต่อขาโลหะออก
มาเพื่อนำไปใช้งานแล้วเคลือบผิวด้วยน้ำยาเคลือบ , ซีเมนต์ , ปลอกแก้วหรือ
ซิลิโคน เพื่อเป็นฉนวนและป้องกันความชื้น ส่วนค่าความต้านทานขึ้นอยู่กับ
วัสดุที่ใช้ทำเป็นลวดตัวนำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแกนเซรามิคและความ
ยาวของลวดตัวนำ ตัวความต้านทานชนิดนี้เหมาะกับงานที่ต้องการความละ
เอียดและความเที่ยงตรงสูง จะเป็นตัวความต้านทานที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมาก
ค่าความต้านทานของมันจะเขียนบอกไว้ที่ตัวของมัน จะมีค่าต่ำเพราะต้องการ
ให้มีกระแสไหลได้สูง ทนความร้อนได้ดี สามารถระบายความร้อนโดยใช้
อากาศถ่ายเท
นิยมใช้ในวงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้า เช่น เป็นตัวความต้านทานแบ่งแรงดันใน
ภาคจ่ายไฟหรือใช้ในวงจรเครื่องไฟฟ้าที่กินกระแสสูง ๆ และอื่น ๆ
ตัวต้านทาน 11
1.5 ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา ( Thick Film Network)
ตัวต้านทานชนิดแผ่นฟิล์มหนา ( Thick - Film Resistor ) มีรูปแบบแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ
การใช้งานตัวต้านทานแบบฟิล์มหนามีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ SIP (Single in - line Package)
และ DIP (Dual in - Line Package) ตัวต้านทานแบบ SIP จะต่อลวดตัวนำออกจากความ
ต้านทานภายใน เพียงแถวเดียว ส่วนตัวต้านทานแบบ DIP จะมีลวดตัวนำ 2 แถว ต่อออกมา
ภายนอก ซึ่งตัวต้านทานแบบฟิล์มหนาทั้งสองแบบจะได้รับการปรับแต่งให้ค่าความคลาด
เคลื่อนประมาณ 2 % โดยค่าความต้านทาน ที่ใช้ในงานทั่วไปของตัวต้านทานชนิดนี้อยู่
ระหว่าง 22 โอห์ม ถึง 2.2 เมกะโอห์ม และมีอัตราทนกำลัง ประมาณ 1/2 วัตต์
12 ตัวต้านทาน
1.6 ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง ( Thin Film Network)
โครงสร้างของตัวต้านทานแบบนี้ทำมาจากแผ่นฟิล์มบาง มีลักษณะรูปร่างเหมือนกับตัว
ไอซี (Integreate Circuit) ใช้เทคโนโลยี SMT (Surface Mount Technology) ในการ
ผลิตเช่นเดียวกับตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา โดยส่วนใหญ่จะมีขาทั้งหมด 16 ขา
การใช้งานต้องบัดกรีเข้ากับแผ่นลายวงจร อัตราทนกำลัง 50 มิลลิวัตต์ มีค่าความคลาด
เคลื่อนบวกลบ 0.1 % และอัตราทนกำลัง 100 มิลลิวัตต์ จะมีค่าความคลาดเคลื่อนบวก
ลบ 5 % ที่แรงดันไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 50 VDC
ตัวต้านทาน 13
2. ตัวความต้านทานชนิดเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistors)
ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้ (Variable Resistor) โครงสร้างภายในทำมาจากคาร์บอน
เซรามิค หรือพลาสติก สามารถเปลี่ยนค่าได้ โดยการใช้แกนหมุน (แบบวงแหวน) หรือ
เลื่อนแกน (แบบสไลด์) ใช้ในงานที่ต้องการเปลี่ยนค่าความต้านทานบ่อย ๆ เช่น ใน
เครื่องรับวิทยุ , โทรทัศน์ เพื่อปรับลดหรือเพิ่มเสียง , ปรับลดหรือเพิ่มแสงในวงจรหรี่ไฟ
มีอยู่หลายแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประ สงค์ของการใช้งาน เช่น โพเทนชิโอมิเตอร์
(Potentiometer) หรือพอต (Pot) สำหรับชนิดที่มีแกนเลื่อนค่าความต้านทานหรือแบบ
ที่มีแกนหมุนเปลี่ยนค่าความต้านทาน คือ โวลลุ่ม (Volume) เพิ่มหรือลดเสียงมีหลาย
แบบให้เลือกคือ 1 ชั้น, 2 ชั้น และ 3 ชั้น เป็นต้น ส่วนอีกแบบหนึ่งเป็นแบบที่ไม่มีแกน
ปรับโดยทั่วไปจะเรียกว่า โวลลุ่มเกือกม้าหรือทิมพอต (Trimpot)
จะมีหน้าคอนแท็คสำหรับใช้ในการหมุนเลื่อนหน้าคอนแท็คแสดงวัสดุที่ใช้ทำตัวความ
ต้านทานชนิดนี้ อาจจะเป็นวัสดุประเภทเดียวกับที่ช้ำตัวความต้านทานแบบคงที่ คือ
ชนิดคาร์บอน (Carbon) หรือชนิดเส้นลวด (Wire-Wound) ซึ่งแล้วแต่ว่าจะต้องการ
ควบคุมปริมาณของกระแสจำนวนมากน้อยเท่าไร ถ้าใช้กับวงจรที่กระแสสูงวัสดุที่ใช้จะ
เป็นแบบเส้นลวด ถ้าใช้กับวงจรกระแสต่ำจะใช้กับวัสดุประเภทคาร์บอน จะมีแกน
สำหรับหมุน (แบบวงแหวน) หรือแกนสำหรับเลื่อน (แบบสไลด์) วัสดุที่ใช้ทำตัวความ
ต้านทานชนิดนี้ อาจจะเป็นวัสดุประเภทเดียวกับที่ใช้ทำตัวความต้านทานแบบคงที่ คือ
ชนิดคาร์บอน (Carbon) หรือชนิดเส้นลวด (Wire-Wound) ซึ่งแล้วแต่ว่าจะต้องการ
ควบคุมปริมาณของกระแสจำนวนมากน้อยเท่าไร ถ้าใช้กับวงจรที่กระแสสูง วัสดุที่ใช้จะ
เป็นแบบเส้นลวด ถ้าใช้กับวงจรกระแสต่ำจะใช้กับวัสดุประเภทคาร์บอน
การใช้งานของตัวความต้านทานชนิดเปลี่ยนค่าได้
จะมีลักษณะการใช้งานอยู่ 2 ชนิด คือ
1.การใช้งานเป็นรีโอสะตาท (Rheostat)
เพื่อควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจร จะมีลักษณะการต่อวงจรอนุกรม
กับโหลด (Load)
14 ตัวต้านทาน
2. การใช้งานเป็นโพเทนทิโอมิเตอร์ (Potentionmeter)
ใช้สำหรับควบ คุมโวลต์เตจของวงจร หรือใช้สำหรับปรับสัญญาณต่าง ๆ ในวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ เช่น วอลลุ่ม (Volume), เบส (Bass) และทรีเบิล (Treble) หรือ
ปุ่มปรับความสว่างของโทรทัศน์ (Brightness) และอื่น ๆ ฯลฯ เรียก สั้น ๆ ว่า
พอท (POT) หรือที่นิยมเรียกกันว่า วอลุ่ม (Volume) มีทั้งชนิดที่เป็นแกนหมุน
(Rotary) และชนิดที่เป็นแกนเลื่อน (Slide) ทำจากคาร์บอนจะมีค่าความ
ต้านทาน ตั้งแต่ 1 KW ถึง 5 MW อัตราการทนกำลังงานต่ำได้ประมาณ 1/2 –2
วัตต์ ถ้าเป็นชนิดไวร์วาวด์ จะมีอัตราการทนกำลังงานได้สูงและมีกาเปลี่ยนแปลง
ค่าได้ละเอียดกว่าชนิดผงคาร์บอน
ทริม พอท (Trim pot) หรือที่เรียกว่า วอลุ่มเกือกม้า เป็นวอลุ่มขนาดเล็กไม่มี
แกนปรับส่วนมากจะถูกออกแบบให้ยึดติดแผ่นวงจร ภายในของเครื่องโดยมาก
จะเป็นชนิดผงคาร์บอน เขียนค่าความต้านทานไว้เป็นตัวเลข ถ้าต้องการปรับค่า
จะต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ไขควงเล็ก
ตัวต้านทานวอลุ่มถูกนำไปใช้งานในการปรับแต่งหรือควบคุมต่าง ๆ เช่น
ควบคุมความดังของเสียง (Volume Control) ควบคุมความเข้มของสี (Color
Control) วอลุ่มบอกค่าความต้านทานและชนิดเป็นตัวเลขและตัวอักษรไว้ที่ตัว
ของวอลุ่มแบบแกนหมุนสามารถหมุนแกนโดยรอบได้ประมาณ 300 องศา แต่ละ
ชนิดจะมีลักษณะอัตรา ส่วนความต้านทานที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน
ชนิด เอ (A-type) เป็นชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงความต้านทานจากน้อยไปหา
มาก เป็นอัตราส่วนแบบทวีคูณ (Log scale)
ชนิด บี (B-type) เป็นชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงความต้านทานจากน้อยไปหา
มาก เป็นอัตราส่วนแบบสม่ำเสมอเชิงเส้น
ชนิด ซี (C-Type) เป็นชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงความต้านทานจากน้อยไปหา
มาก เป็นอัตราส่วนแบบทวีคูณ หรือแบบ แอนติล็อก (Antilog)
ชนิด เอ็มเอ็น (MN-Type) เป็นวอลุ่มชนิดที่ถูกออกแบบมาใช้เป็นวอลุ่มสำหรับ
การปรับเสียงลำโพงซ้าย-ขวา (Balance) ในระบบสเตริโอ
ตัวต้านทาน 15
3. ตัวความต้านทานชนิดปรับแต่งค่าได้ (Adjustable Resistors)
ตัวต้านทานชนิดปรับค่าได้ (Adjustable Resistor) หรือรีซิสเตอร์แบบ (Tap
Resistor) เป้นตัวต้านทานที่ใช้กับงานที่มีกำลังวัตต์สูงๆ และงานที่ต้องการ
เปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานอยู่บ่อยๆสามารถเลือกค่าได้ค่าหนึ่ง โดยปกติ
จะมี 1 ขั้ว หรือมากกว่านั้นแยกออกมาเพื่อเลือกนำไปใช้งานเพื่อให้การ
ทำงานเป็นไปตามวัตุประสงค์
4. ตัวความต้านทานชนิดแบ่งค่าได้ (Tapped Resistors)
เป็นตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์อีกชนิดหนึ่งที่สามารถแบ่งค่าความต้านทานที่
ต้องการใช้งานได้ โดยบนที่ตัวต้านทานชนิดนี้จะมีปลอกโลหะหลวมอยู่และสา
มารถเลื่อนตำแหน่ง เพื่อให้ได้ความต้านทานที่ต้องการ มีสกรูขันยึดปลอกโล
หะให้สัมผัสแน่นกับเส้นลวดที่ตัวต้านทาน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเลื่อนเปลี่ยน
ตำแหน่งการใช้งานของตัวต้านทานชนิดปรับค่าได้ จะใช้ค่าความต้าน ทาน
เฉพาะค่าใดค่าหนึ่งที่ปรับไว้เท่านั้น
16 ตัวต้านทาน
5. ตัวความต้านทานชนิดพิเศษ (Special Resistors)
ตัวความต้านทานที่มีการเปลี่ยนแปลงค่าได้ตามอุณหภูมิและความเข้มของแสง
ที่มาตกกระทบตัวความต้านทานนี้ อันได้แก่ เทอร์มิสเตอร์ (Thermister) และ
แอล ดี อาร์ (LDR : Light Dependent Resistor)
เทอร์มิสเตอร์ (Thermister)
เป็นอุปกรณ์ที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ที่เปลี่ยนแปลงกล่าวคือ ค่า
ความต้านทานในตัวมันจะเปลี่ยนไปกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง โดยพื้นฐาน
แล้วจะเป็นตัวความต้านทานแบบไม่เป็นเชิงเส้น (No n-Linear) ผลิตออกใช้
งานในรูปร่างขนาดต่าง ๆ กัน บ้างก็มีรูปเป็นจานเล็ก ๆ และบางประเภทเป็น
แท่งเล็ก ๆ คล้ายกับตัวความต้านทาน
เทอร์มิสเตอร์ จะมีอยู่ 2 ประเภทแบ่งตาม ส.ป.ส. ของอุณหภูมิ (Temperature-
Coefficient) คือ
1. แบบ NTC (Negative Temperature Coefficient)
2. แบบ PTC (Positive Temperature Coefficient)
1.แบบ NTC (Negative Temperature Coefficient)
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ค่าความต้านทานจะลดลงเป็นชนิดที่ปกติจะมีความต้าน
ทานสูง เมื่อได้รับความร้อนค่าความต้านทานจะต่ำลง ใช้งานด้านการตรวจ
สอบความร้อน เพื่อควบคุมระดับการทำงาน เช่น ในวงจรขยายเสียงที่ดีใช้
ตรวจจับความร้อนที่เกิดจากการทำงานแล้วป้อนกลับไปลดการทำงานของ
วงจรให้น้อยลง เพื่ออุปกรณ์หลักจะไม่เกิดความร้อนมากจนเกินไป
2. แบบ PTC (Positive Temperature Coefficient) คือ เมื่ออุณหภูมิ
เพิ่มขึ้น ค่าความต้านทานจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเป็นชนิดที่ปกติจะมีค่า
ความ ต้านทานต่ำ เมื่อได้รับความร้อนจะทำให้มีค่าความต้านทานสูงขึ้นตาม
ลำดับอุณหภูมิ นำไปใช้ตรวจสอบระดับความร้อน หรือทำให้เกิดความร้อนขึ้น
ตัวต้านทาน 17
เพื่อควบคุมการจ่ายแรงดันไฟฟ้าให้กับขดลวด เช่น วงจรล้างสนามแม่เหล็ก
อัตโนมัติของเครื่องรับโทรทัศน์สี (Degaussing coil)
แอลดีอาร์ (light dependent resistor; LDR)
เป็นตัวต้านทานที่ค่าความต้านทานเปลี่ยนแปลงตามความเข้มแสงที่ตกกระ
ทบ ทำจากสารกึ่งตัวนำ บางครั้งเรียกแอลดีอาร์ว่า โฟโตรีซิสเตอร์ (photo
resistor) โดยมีความต้านทานสูงในที่มืดแต่มีความต้านทานต่ำในที่สว่าง แอ
ลดีอาร์สามารถนำไปใช้เป็นสวิตช์เปิด-ปิดด้วยแสง เพื่อควบคุมการทำงาน
ของวงจรอิเล็กทรอนิกส์
18 ตัวต้านทาน
แบบฝึกทักษะ 2
คำสั่ง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1.ตัวต้านทานที่แบ่งตามวัสดุที่ใช้มีกี่ชนิด ประกอบด้วย
ชนิดใดบ้าง
2. ตัวต้านทานที่แบ่งตามการใช้งานมีกี่ชนิด ประกอบด้วย
ชนิดใดบ้าง
19
บรรณานุกรม
http://www.psptech.co.th/ตัวต้านทานresistorคืออะไร-14842.
page?
http://www.digitalschool.club/digitalschool/science1_2_
2/science20/morescience/page10.php
https://sites.google.com/site/zonaels/wngcr-fifa?
https://www.ai-corporation.net/2021/11/11/resistor/
http://www.basiclite.com/web/index.php?
topic=414.0;wap2
http://www.digitalschool.club/digitalschool/physics2_2_
2/physics5/3/item15.php
งานไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น
20100-1005