The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รำเดี่ยวรำคู่_compressed (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รำเดี่ยวรำคู่_compressed (1)

รำเดี่ยวรำคู่_compressed (1)

ผลงานการแสดง "รำ เดี่ยว รำ คู่" ปีการศึกษา ๒๕๖๗ วันที่ ๒๐ มีนมีาคม ๒๕๖๗ ๑๙.พระคเณศประทานพร ๒๐.ฉุยฉุฉายพรหามณ์ ๒๑.ฉุยฉุฉายศูรปนักนัขา ๒๒.บุษบุบาชมศาล ๒๓.กลมอรชุนชุ ๒๔.วิยะดาทรงเครื่อง ๒๕.พลายบัวบัเกี้ย กี้ วนางตานี ๒๖.ลงสรงสุหร่าย ๒๗.คันคัธมาลีแลีต่งต่ตัวตั ๑๙.พระคเณศประทานพร ๒๐.ฉุยฉุฉายพรหามณ์ ๒๑.ฉุยฉุฉายศูรปนักนัขา ๒๒.บุษบุบาชมศาล ๒๓.กลมอรชุนชุ ๒๔.วิยะดาทรงเครื่อง ๒๕.พลายบัวบัเกี้ย กี้ วนางตานี ๒๖.ลงสรงสุหร่าย ๒๗.คันคัธมาลีแลีต่งต่ตัวตั


ชุดชุการแสดงที่ 1 พระเคณศประทานพร ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ ดร.ไพโรจน์ ทองคำ สุก ผู้แผู้สดง: นายภูวดล แซ่ภู่ซ่ ภู่ ประวัติคติวามเป็นมา การแสดงชุดชุพระคเณศร์ประทานพรเป็นการแสดงเบิกบิ โรงที่ อาจารย์เย์สรี หวังใน ธรรม (ศิลปินแห่งห่ชาติ)ติเป็นผู้ปผู้ระพันธ์บทการแสดงเพื่อสรรเสริญองค์พค์ระคเณศมหาเทพ แหะความสำ เร็จในการยจัดจั ปัดเปาอุปสรรคต่าต่ง ๆ ให้แห้สดงเบิกบิ โรงก่อก่นเริ่มการแสดงเพื่อ ความสิริมงคล โดยกล่าล่วถึงถึพระคเณศเทพเจ้าจ้แห่งห่ความสำ เร็จและศิลปวิทยาที่ปที่ ระทาน พรให้แห้ก่ผู้ก่ที่ผู้ก ที่ ราบไหว้บูชบูาให้รห้อดพ้นจากอุปสรรคต่าต่งๆ คิดคิทำ การสิ่งใดให้ปห้ระสบ แต่ ความสำ เร็จ บทเนื้อ นื้ ร้อง โอม นะมะ คเนศายะ ข้าข้แต่มต่หาเทวผู้ฤผู้ทธี เอากรีนั้นนั้มาเป็นเกศ นามะพระคเณศศิวะบุตบุร ทรงมหุตหุมะวโรดม เป็นบรมสรรพสิ้นแห่งห่ศิลปะ มีมุมีสิมุสิกะนั้นนั้เป็นอาสน์ สิทธิประสาทสรรพวิชา สุทธิมหาสรรพสงค์ โสตถิจำถิจำนงจง สารพัน เชิญชิพระคุณคุนั้นนั้จุ่งจุ่มาป้อง เชิญชิพระเดชล่อล่งมาคลุมลุ เชิญชิพระคุ้มคุ้พระครอง ให้ผห้องชนโชคชื่น ชื่ ให้เริงรื่นปรีดิ์เดิ์ปรม ให้สุห้ สุขะเกษมสมนึกนึ ขออุปสรรคอันหาญลึกลึหายเหือหืดสิ้น ขอสมถวิลจุ่งจุ่มี ชี้แ ชี้ ต่ช่ต่อช่งมงคล ชมแต่ผต่ลสำ เร็จประมวลเสร็จทุกทุการ ประมาณสมทุกทุกิจกิด้วด้ยอำ นาจเทวฤทธิ์ จุ่งจุ่แจ้งจ้ดั่งดั่จินจิต์สิ้ต์ สิ้นเทอญ


ชุดชุการแสดงที่ 2 ฉุยฉุฉายพราหมณ์ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ ผศ.ดร. จินตนา อนุวันุวัฒน์ ผู้แผู้สดง นายธนวัฒน์ ทรงศิริ ประวัติกติารแสดง ฉุยฉุฉายพราหมณ์นี้ณ์ตั นี้ ดตัตอนมาจากบทละครในเรื่องรามเกียกีรติ์ภติ์าคสวรรค์ ตอนพระคเณศเสีย งา กล่าล่วถึงถึรามปรศุ เป็นยักยัษ์ซึ่ง ซึ่ ปกครองเหล่าล่นักนัสิทธิ์วิทยาต่าต่งๆ เป็นที่โที่ ปรดปรานแห่งห่พระอิศวร สามารถเข้าข้ เฝ้าได้ทุด้กทุที่ทุ ที่ กทุเวลา ขณะนั้นนั้พระอิศวร และพระอุมาทรงบรรทมในพระที่ สั่งให้พห้ระคเณศ หรือพระคเณศวร ซึ่ง ซึ่ เป็นพระโอรสเฝ้าทวารไว้ รามปรศุจะขืนขืเข้าข้ เฝ้าจึงจึเกิดกิการต่อต่สู้ขึ้น ขึ้ รามปรศุ โกรธ เอาขวานเพชรที่ไที่ ด้ปด้ระทานจากพระอิศวรขว้างไปถูกถูงาของพระคเณศหักหัความทราบถึงถึพระ อุมา จึงจึได้สด้าปให้รห้ามปรศุสิ้นฤทธิ์แข็งข็เป็นท่อท่นไม้ พระอิศวรทรงเมตตาแนะให้ปห้รศุบูชบูาถึงถึพระ นารายณ์ เมื่อ มื่ รามปรศุรำ ลึกลึถึงถึพระนารายณ์ก็ณ์ทก็รงแปลงเป็นพราหมณ์น้ณ์อน้ยมาร่ายรำ “ฉุยฉุฉาย พราหมณ์”ณ์เมื่อ มื่ พระอุมาทอดพระเนตรก็เก็ห็นห็ก็โก็ปรดเมตตาให้พห้ร นารายณ์แณ์ ปลงจึงจึขอกำ ลังลัราม ปรศุคืนคื โดยแบ่งบ่ ให้พห้ระคเณศครึ่งหนึ่ง นึ่ และอีกครึ่งคืนคื ให้รห้ามปรศุ บทร้องฉุยฉุฉายพราหมณ์นี้ณ์เ นี้ป็นบท พระราชนิพนินธ์ของพระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้ เจ้าจ้อยู่หัยู่วหัฉุยฉุฉายพราหมณ์นี้ณ์ตั นี้ ดตัตอนมาจากบท ละครในเรื่องรามเกียกีรติ์ภติ์าคสวรรค์ ตอนพระคเณศเสียงา กล่าล่วถึงถึรามปรศุ เป็นยักยัษ์ซึ่ง ซึ่ ปกครอง เหล่าล่นักนัสิทธิ์วิทยาต่าต่งๆ เป็นที่โที่ ปรดปรานแห่งห่พระอิศวร สามารถเข้าข้ เฝ้าได้ทุด้กทุที่ทุ ที่ กทุเวลา ขณะนั้นนั้ พระอิศวร และพระอุมาทรงบรรทมในพระที่ สั่งให้พห้ระคเณศหรือพระคเณศวร ซึ่ง ซึ่ เป็นพระโอรสเฝ้า ทวารไว้ รามปรศุจะขืนขืเข้าข้ เฝ้าจึงจึเกิดกิการต่อต่สู้ขึ้น ขึ้ รามปรศุโกรธ เอาขวานเพชรที่ไที่ ด้ปด้ระทานจากพระ อิศวรขว้างไปถูกถูงาของพระคเณศหักหัความทราบถึงถึพระอุมา จึงจึได้สด้าปให้รห้ามปรศุสิ้นฤทธิ์แข็งข็เป็น ท่อท่นไม้ พระอิศวรทรงเมตตาแนะให้ปห้รศุบูชบูาถึงถึพระนารายณ์ เมื่อ มื่ รามปรศุรำ ลึกลึถึงถึพระนารายณ์ก็ณ์ ก็ ทรงแปลงเป็นพราหมณ์น้ณ์อน้ยมาร่ายรำ “ฉุยฉุฉายพราหมณ์”ณ์เมื่อ มื่ พระอุมาทอดพระเนตรก็เก็ห็นห็ก็โก็ปรด เมตตาให้พห้ร นารายณ์แณ์ ปลงจึงจึขอกำ ลังลัรามปรศุคืนคื โดยแบ่งบ่ ให้พห้ระคเณศครึ่งหนึ่ง นึ่ และอีกครึ่ง คืนคื ให้รห้ามปรศุ บทร้องฉุยฉุฉายพราหมณ์นี้ณ์เ นี้ป็นบทพระราชนิพนินธ์ของพระบาทสมเด็จด็พระมงกุฎกุเกล้าล้ เจ้าจ้อยู่หัยู่วหั


คำ ร้อง ฉุยฉายเอย ช่าช่งงามขำ ช่าช่งรำ โยกย้าย้ย สะเอวแสนอ่อนอรชรช่วช่งกาย วิจิตจิรยิ่งยิ่ลายที่ค ที่ นประดิษฐ์ สองเนตรคมขำ แสงดำ มันมัขลับลัชม้อม้ยเนตรจับจัช่าช่งสวยสุดพิศ ฯ สุดสวยเอย ยิ่งยิ่พิศยิ่งยิ่เพลินลิเชิญชิ ให้งห้งงวย งามหัตหัถ์งถ์ามกรช่าช่งอ่อนระทวย ช่าช่งนาดช่าช่งนวยสวยยั่วยั่นัยนันา ทั้งทั้หัตหัถ์ทั้ถ์งทั้กรก็ฟ้ก็ ฟ้อนถูกถูแบบ ดูยลแยบสวยยิ่งยิ่เทวา ฯ น่าน่ชมเอย น่าน่ชมเจ้าจ้พราหมณ์ ดูทั่วทั่ตัวตังาม ไม่ทม่รามจนนิดนิ ดูผุดผุ ดูผ่อผ่ง เหมือมืนทองทาติดติ ยิ่งยิ่เพ่งยิ่งยิ่พิศ ยิ่งยิ่คิดคิชมเอย ฯ น่าน่รักเอย น่าน่รักดรุณ เหมือมืนแรกจะรุ่น จะรู้เดียงสา เจ้าจ้ยิ้มยิ้เจ้าจ้แย้มย้แก้มก้ เหมือมืนมาลา จ่อจ่จิตจิติดติตา เสียจริงเจ้าจ้ เอย ฯ


ชุดชุการแสดงที่ 3 ฉุยฉุฉายศูรปนักนัขา ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์รัย์ รัจนา พวงประยงค์ ผู้แผู้สดง นางสาวสุมนทิพย์ ภาพเจริญ ประวัติคติวามเป็นมา ฉุยฉุฉายศูรปนขา เป็นชุดชุการแสดงรำ เดี่ย ดี่ วตัวตันางในลีลลีาของนางยักยัษ์ นางศูรปนขาได้ชื่ด้อ ชื่ ว่าเป็น ผู้จุผู้ จุดชนวนศึกระหว่างทศกัณกัฐ์เจ้าจ้กรุงลงกากับกั ฝ่ายพระรามแห่งห่กรุงอโยธยาจนที่สุ ที่สุดทำ ให้พห้ระ ญาติวติงศ์เผ่าผ่พงศ์ยักยัษ์ต้อต้งกาลวิบัติบัด้ติวด้ยกิเกิลสตัณตัหาของตนเอง นางศูรปนขาเป็นตัวตัเอกใน ละครดึกดึดำ บรรพ์ เรื่องรามเกียกีรติ์ ตอนศูรปนขาหึงหึบทพระราชนิพนินธ์สมเด็จด็พระเจ้าจ้บรมวงศ์ เธอ เจ้าจ้ฟ้ากรมพระยานริศรานุวันุวัดติวติงศ์ ส่วนนางสำ มนักนัขาเป็นตัวตัเอกในบทละคร เรื่อง รามเกียกีรติ์ พระราชนิพนินธ์ในพระบาทสมเด็จด็พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่ง ซึ่ กล่าล่วได้ว่ด้ว่า เป็นตัวตัละครเดียดีวกันกัตามประวัติที่ติปที่ รากฏในเรื่องรามเกียกีรติ์ ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงรัว - ร้องเพลงฉุยฉุฉาย - ฉุยฉุฉายเอย เสร็จจำ แลงแปลงกายจะตามชายไปให้ทัห้นทั นักนัพรตช่าช่งงามวิไล แต่งต่ตัวตัเราไซร้ไปให้คห้มสัน ผ้าผ้นุ่งนุ่ ใหม่สม่ ไบหอมให้พห้ริ้งพร้อมทุกทุสิ่งอัน อีกเพชรพรายพรรณเห็นห็กระนั้นนั้คงติดติ ใจ เสียดายเอย อยากจะส่องพระฉายหัดหัแย้มย้พรายให้ยั่ห้วยั่ยวน กระจกในไพรหาที่ไที่ หนมา ช่าช่งเถิดถิเจรจาและแย้มย้สรวล ให้เสียงอ่อนหวานกระบิดบิกระบวน คงตามลามลวนมาชวนเราเอย - ร้องแม่ศม่รี - แม่ศม่รีเอย แม่ศม่รีโฉมเฉลา แต่งต่จริตให้พห้ริ้งเพรา เจ้าจ้หนุ่มนุ่จะได้หด้ลง ต้อต้งทำ แสนงอน ควักค้อค้นให้งห้วยงง แม้นม้มาต้อต้งองค์ จะสลัดลั ปัดกรเอย แม่เล่นล่ตัวตัเอย แม่จม่ะแกล้งล้ เล่นล่ตัวตั แม้นม้มากอดพันพัว เราจะหยิกยิจะตี อยากมาหลงทำ ไม จะยั่วยั่ ให้สิ้ห้ สิ้นดี แทบเป็นบ้าบ้ครานี้ ที่ใที่ นกุฎีกุฎีเจียจีวเลย - ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงเร็ว - ลา -


ชุดการแสดงที่ 4 บุษบาชมศาล ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ ผศ.ดร. ปัทมา วัฒนพานิช ผู้แผู้สดง นางสาวศรัณยภัทร ม่วม่งทอง เพลงชมตลาด ประวัติความเป็นมา การแสดงชุดบุษบาชมศาลเป็นการแสดงชุดหนึ่งที่อยู่ในละครเรื่องอิเหนาตอน บุษบา ชมศาล บทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย การแสดงชุดนี้ เป็นการแสดง ในรูปแบบของละครใน โดยท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี (ศิลปินแห่งห่ชาติ) คิดประดิษฐ์รูปแบบการรำ ขึ้นใหม่ และปรับปรุงบทให้สั้ห้ สั้นลงเพื่อเกิดความกระชับของการ แสดง การแสดงบุษบาชมศาล มีเรื่องย่อว่า ครั้งเมื่อท้าวดาหายกขบวนไปเขาวิลิศมาหรา เพื่อแก้บก้นที่บ้าบ้นเมืองรอดพ้นจากสงคราม ซึ่งอิเหนาได้มาช่วยรบศึกกะหมังกุหนิงจนมี ชัยชนะและได้ขด้อติดตามไปเนื่องด้วด้ยความหลงใหลและอยากอยู่ใกล้ชิดกับบุษบาพระราช ธิดาของท้าท้วดาหาหรือคู่หคู่มั้นมั้เดิม เมื่อขบวนที่ยกไปแก้บนเดินทางไปถึงเขาวิลิศมาหรานาง บุษบาพร้อมกับพี่เลี้ยง นางกำ นัลได้ออกไปเที่ยวชมศาลเทพารักษ์และดอกไม้บริเวณศาล และมีความประสงค์ที่ค์ ที่ จะร่ายรำ ถวายศาลเทพารักษ์ เพลงชมตลาด ครั้นถึงถึซึ่ง ซึ่ ศาลเทพารักษ์ เรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์อาศัย แม้นม้ธานีมีนีเมีหตุเตุภทภัยภัก็บก็วงบนเทพไททุกทุครั้ง ศาลนั้นนั้ชั้นชั้เชิงชิสนุกนุนักนัฉลุฉลุลักลัลายงามทั้งทั้สามหลังลั ทองหุ้มหุ้ซุ้มซุ้ทวารบานบังบัมีบัมีลบัลังลัก์ตั้ก์งตั้รูปอารักษ์ไว้ ริมรอบขอบเขตอารามนั้นนั้มีรมีะเบียบีงสามชั้นชั้กว้างใหญ่ พื้นผนังนัหลังลัคาพาไล แล้วล้ ไปด้วด้ยสุวรรณบรรจง สถลมาศลาดล้วล้นศิลาเลี่ย ลี่ น แลเตียตีนไม่มีม่ธุมีธุลีผลีง ที่ส ที่ ถานลานวัดจังจัหวัดวง บรรจงปรายโปรยโรยทราย


ชุดชุการแสดงที่ 5 กลมอรชุนชุ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์ ดร.ธีรธีเดช กลิ่นลิ่จันทร์ นาฏศิลปินอาวุโส สำ นักการสังคีตคีกรมศิลปากร แสดงโดย นายสมัชญ์ ปวงนคร ประวัติคติวามเป็นมา กลมอรชุนชุเป็นการแสดงที่ตั ที่ ดตัตอนมาจากการแสดงเบิกบิ โรง เมขลา - รามสูร บทพระราช นิพนินธ์ในพระบาทสมเด็จด็พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) มีเมีนื้อ นื้ ความว่า พระ อรชุนชุเป็นเทพเจ้าจ้ผู้ยิ่ผู้งยิ่ใหญ่ในชั้นชั้มเหสักขเทวราช มีพมีระวรกายสีทอง ประทับทัอยู่ที่ยู่วิ ที่ วิมารบน ยอดเขาจักจัรวาร เมื่อ มื่ ครบกำ หนดเวลาฤดู มวลหมู่เทวดาและนางฟ้า ได้อด้อกมาเต้นต้ระบำ รำ ฟ้อน ฝ่ายพระอรชุนชุซึ่ง ซึ่ สถิตถิอยู่ในทิพทิยวิมานก็ไก็ด้อด้อกมาร่วมเล่นล่กับกัเหล่าล่ เทวดานางฟ้าด้วด้ย ท่าท่รำ ในการแสดงชุดชุนี้เ นี้ป็นการรำ เดี่ย ดี่ ว กล่าล่วถึงถึการแต่งต่กายเตรียมความพร้อมของพระ อรชุนชุและท่าท่รำ ที่แ ที่ สดงถึงถึการเดินดิทางโดยใช้เพลงกลม ทำ ให้กห้ารแสดงชุดชุนี้มี นี้ น่มีาน่สนใจ โดย เฉพาะกระบวนท่าท่รำ ที่มี ที่ เมีป็นเอกลักลัษณ์ บทร้องและทำ นองเพลง กลมอรชุนชุ -ปี่พาทย์ เพลงวา- -เพลงญานี-นี มาจะกล่าล่วบทไป ถึงถึพระอรชุนชุแกล้วล้กล้าล้ แจ้งจ้ว่าเทพบุตบุรกับกันางฟ้า ชวนกันกัมาเล่นล่ก็ยิก็นยิดี -เพลงเหาะอ่าองค์สค์อดทรงเครื่องประดับดัหัตหัถ์จัถ์บจัพระขรรค์ชัค์ยชัศรี ออกจากวิมานรูจี ไปยังยัที่ปที่ ระชุมชุเทวัญ - เพลงกลม -


ชุดชุการแสดงที่ 6 วิยะดาทรงเครื่อง ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์ปย์ภาวรินทร์ แสงเจริญ แสดงโดย นางสาวเปรมกมล นาคบำ รุง ประวัติคติวามเป็นมา วิยะดาทรงเครื่องเป็นการรำ เดี่ย ดี่ ว ในละครในเรื่องอิเหนา ตอนลมหอบ บทพระราช นิพนินธ์ของพระบาทสมเด็จด็พระพุทธเลิศลิหล้าล้นภาลัยลันางวิยะดาเป็นบุตบุรีของท้าท้วกุเกุรปันและ นางประไหมสุหรีเป็นน้อน้งสาวของอิเหนา ครั้นเมื่อ มื่ อิเหนาลักลัพาตัวตันางบุษบุบาไปไว้ในถ้ำ แล้วล้ อิเหนาจึงจึบุษบุบาไปแก้สก้งสัยเรื่องที่อิ ที่ อิเหนาลอบวางเพลิงลิที่เ ที่ มือมืงดาหาเพื่อใช้เป็นอุบายลักลัพานาง บุษบุบา ออกจากเมือมืงโดยพานางวิยะดาพระขนิษนิฐามาด้วด้ยก่อก่นที่จ ที่ ะออกเดินดิทางมากับกัพระ เชษฐานั้นนั้นางวิยะดาได้ทำด้ทำการลงสรงทรงเครื่อง แล้วล้จึงจึออกเดินดิทางไปกับกัอิเหนา ซึ่ง ซึ่ เป็นลีลลีา การร่ายรำ ในแบบละครในที่ง ที่ ดงาม ทำ นองเพลง วิยะดาทรงเครื่อง ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงต้นต้ เข้าข้ม่าม่น ร้องเพลงชมตลาด สระสรง ทรงสุคนธ์ ปนทอง ผัดพักตร์ นวลละออง ผ่อผ่งศรี กันกักวด ขมวดมุ่นมุ่ เมาฬี เกี้ย กี้ วรา ชาวดี ดอกลำ ดวน ( ปี่พาทย์รัย์ รับ ) กรอบพักตร์ จำ หลักลัลายกุดั่กุนดั่ห้อห้ยอุบะ ปะกันกัหอมหวน ทรงภูษภูา ช่อช่ชาย ลายกระบวน สไบสอด สีนวล ขลิบลิสุวรรณ ( ปี่พาทย์รัย์ รับ ) บานพับ ประดับดัพระพาหา ปะวะหล่ำ ลงยา โมราคั่นคั่ ทองกร รูปวา สุกรีพัน ทรงสัง วาลวรรณ วิเชียชีรชู ( ปี่พาทย์รัย์ รับ ) สร้อยประดับดัทับทัทิมทิสีประเทือทืง ตาบจินจิดา ค่าค่ เมือมืง ควรคู่ เข็มข็ขัดขั ประจำ ยาม ก้าก้มปู อำ มรงค์ รูปงู เพชรเพรา ( ปี่พาทย์รัย์ รับ ) ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงเสมอ


ชุดชุการแสดงที่ 7 ลงสรงสุหร่าย ผู้ถ่ผู้า ถ่ ยทอดท่า ท่ รำ อาจารย์ธัย์ญธัพิสิษฐ์ พันธ์ทธ์องดี แสดงโดย นางสาวกัลกัยาภรณ์ จีนกลาง ประวัติคติวามเป็นมา รำ ลงสรงสุหร่าย เป็นการแสดงตามบทบาทตอนอาบน้ำ แต่งต่ตัวตั ของตัวตัละครก่อก่นเดินดิทางไปทำ ศึกสงคราม ชมป่า หรือไปทำ กิจกิกรรมใดๆ การแสดงในครั้งนี้เ นี้ป็นบทบาทของพระอุณรุฑ ตอนที่จ ที่ ะเสด็จด็ ไปพบนางอุษา บทร้องลงสรงสุหร่าย เมื่อ มื่ นั้นนั้ชำ ระสระสนานสำ ราญองค์ วารินทร์กลิ่นลิ่ส่งหอมหวาน ทรงสุคนธ์ปนปรุงสุมามาลย์ สนับนัเพลาดวงประพาฬเชิงชิงอน ภูษภูาเครือกระหนกนกกลาย ช่อช่ชายรูปราชไกลสร ชายไหวชายแครงอลงกรณ์ ทับทัทรวงดวงซ้อซ้นสลับลัพลอย สอดทรงมหาสังวาลแก้วก้ ตาบทิศทิพลายแพร้วเฟื่องห้อห้ย ทองกรกุดั่กุนดั่ดวงพลอย พาหุรัหุรัดรักร้อยทับทัทิมทิพราย ธำ มรงค์เค์รือนเก็จก็เพชรแดง มงกุฎกุแก้วก้แววแสงวิเชียชีรฉาย ทัดทัสุวรรณกรรเจียจีก โมนาราย กุณกุฑลพรายนพรัตน์อน์ร่ามเรือง


ชุดชุการแสดงที่ 8 คันคัธมาลีแลีต่งต่ตัวตั ชื่อ ชื่ ผู้แผู้สดง นายปิยะพงษ์ หลู่หลู่ล่ำ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์ธัย์ญธัพิสิษฐ์ พันธ์ทธ์องดี ประวัติคติวามเป็นมา การแสดงชุดชุนางคันธมาลีแลีต่งต่ตัวตัอยู่ในละครนอกเรื่อง คาวี ตอน คันธ มาลีขึ้ลีน ขึ้ เฝ้า นางคันธมาลีตื่ลีน ตื่ เต้นต้และหลงใหลรูปโฉมของท้าท้วสันนุรนุาชปลอมมีแมีต่ ยายเฒ่าฒ่ทัศทั ประสาทคนเดียดีวที่จำ ที่ จำคาวีได้คด้าวีหาโอกาสเข้าข้ ไปพบนางจันจัท์สุท์สุดาเพื่อ บอกความจริง นางจันจัท์สุท์สุดาก็ยิก็นยิดีฝ่ดีฝ่ายนางคันธมาลีคิ ลีดว่านางจันจัท์สุท์สุดายินยิยอม ปลงใจกับกัพระสวามีขมีองนางที่ชุ ที่ บชุตัวตั ใหม่เกิดกิริษยาขึ้น ขึ้ จึงจึแต่งต่องค์ทค์รงเครื่อง อย่าย่งงดงามพร้อมข้าข้ ไทไปเข้าข้ เฝ้าท้าท้วสันนุรนุาชและตั้งตั้ ใจจะไปเยาะเย้ยย้ถากถางหา เรื่องกับกันางจันจัท์สุท์สุดา


บทร้องและทำ นองเพลง เมื่อ มื่ นั้นนั้นางคันคัธมาลีมลีเหสี รู้ว่าจันจัท์สุท์สุดานารี ยินยิดีด้ดีวด้ยองค์พค์ระทรงฤทธิ์ นางให้แห้ค้นค้ขัดขักลัดลักลุ้มลุ้ เหมือมืนบ้าบ้หลังลัคลั่งลั่คลุ้มลุ้ เคลิ้มลิ้จิตจิต์ นั่งนั่นิ่งนิ่หน้าน้บึ้ง บึ้ รำ พึงคิดคิอีเจ้าจ้กรรมมันมัจะปิดประตูค้ตูาค้ หมายได้ด้ด้วด้ยกำ ลังลัยังยัสาว เห็นห็ทีท้ทีาท้วเธอจะรักหนักนัหนา ตัวตักูก็กูเก็ปนโสดโปรดปรานมา คงจะคิดคิเมตตาปรานี จำ จะขึ้น ขึ้ ไปเฝ้าฟังดู จะเปนอย่าย่งไรอยู่ให้รู้ห้ รู้ที่ เมียมีน้อน้ยเมียมีหลวงท่วท่งที ข้าข้งไหนใครจะดีกดีว่ากันกั ร้องชมตลาด คิดคิแล้วล้สรงน้ำ ชำ ระกาย ขมิ้นมิ้ผงลงละลายเปนค่อค่นขันขั ลูบลูไล้ขัล้ดขัสีฉวีวรรณ ทรงกระแจะจวงจันจัทน์กน์ลิ่นลิ่เกลา น้ำ ดอกไม่เทศทากว่าจะทั่วทั่ชโลมทั้งทั้เนื้อ นื้ ตัวตัเหมือมืนปล่อล่ยเต่าต่ กระจกตั้งตั้นั่งนั่ส่องมองดูเดูงา จับจัเขม่าม่กันกั ไรไปล่ปล่ลิวลิ หวีกระจายรายเส้นขนเม่นม่สอย ผัดผัหน้าน้นั่งนั่ตะบอยบีบบีสิว เสกขี้ผึ้ ขี้ ง ผึ้ สีพลางทางวาดคิ้วคิ้นุ่งนุ่ผ้าผ้ยกริ้วมีรมีาคา เอาสไบปักทองเข้าข้ลองห่มห่นึกนึชมตัวตัเองเป็นหนักนัหนา จะแต่งต่ ไปอวดมันมัจันจัท์สุท์สุดา น้ำ หน้าน้อีจัญจั ไรไหนจะมี คาดเข็มข็ขัดขั ประจำ ยามงามล้ำ ทองคำ น้ำ หนักนัสักสิบสี่ กำ ไลลงยาราชาวดี มั่งมั่มีไมีด้มด้าแต่ตต่ายาย ใส่แหวนเพชรเม็ดม็แดงหัวหัแมงปอ เขามาต่อต่ห้าห้ชั่งชั่ยังยั ไม่ขม่าย พิศดูตัดูวตัพลางทางยิ้มยิ้พราย กรุยกรายออกจากตำ หนักนันาง ร้องร่าย เรียกหาข้าข้ ไทอยู่อึยู่ อึงมี่ ใส่เกือกืกกำ มะหยี่หั ยี่ กหัทองขวาง ถือถืพระกลดคันคัสั้นกั้นกั้กาง เยื้อ ยื้ งย่าย่งมาปราสาทพระทรงธรรม์


ชุดชุการแสดงที่ 9 นางจันทร์แต่งต่ตัวตั ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์จิย์ จิราภรณ์ วัฒนศิลป์ศิริ แสดงโดย นางสาวจุฑารัตน์ ศรีศิริ ประวัติกติารแสดง การแสดงชุดชุนางจันจัทน์แน์ต่งต่ตัวตัเป็นฉากที่น ที่ างจันจัทน์ทน์ราบข่าข่วว่าขอมกำ ลังลัจะลอบ ปลงพระชนม์ลูม์กลูชายของตน จากนั้นนั้จึงจึได้ทำด้ทำการชำ ระล้าล้งร่างกาย แต่งต่ตัวตัและไหว้พระ รัตนตรัยขอพรต่อต่สิ่งศักดิ์สิดิ์ สิทธิ์ ก่อก่นออกไปทำ การตรวจพล และยกทัพทันางจันจัทน์แน์ต่งต่ ตัวตัเป็นการแสดงที่ก ที่ รมศิลปากร ได้ปด้รับปรุงมาจากบทพระราชนิพนินธ์ในพระบาทสมเด็จด็ พระมงกุฎกุเกล้าล้ เจ้าจ้อยู่หัยู่วหั โดยนำ ออกแสดงครั้งแรกเมื่อ มื่ พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ โรงละครกรม ศิลปากร "นางจันจัทน์"น์เป็นตัวตัละครที่พ ที่ ระบาทสมเด็จด็พระมงฎเกล้าล้ เจ้าจ้อยู่หัยู่วหัทรงสร้างขึ้น ขึ้ โดยดำ รงตำ แหน่งน่ เป็นมารดาของพระร่วงพ่อเมือมืงผู้ปผู้กครองเมือมืงละโว้ ตัวตัละครนี้ถื นี้ อถืว่า เป็นตัวตัละครที่มี ที่ คมีวามโดดเด่นด่ ในเรื่องของบทบาทความเป็นสตรีที่มี ที่ คมีวามเป็นผู้นำผู้นำ กล้าล้หาญ เด็ดด็เดี่ย ดี่ ว บทร้อง นางจันจัทร์จึงจึแต่งต่กายา นุ่งนุ่ผ้าผ้หมดจด สดสี ห่มห่สไบเฉียฉีงบ่าบ่ผ้าผ้ เนื้อดี มุ่นมุ่ เกล้าล้ เมาลี แน่นน่ ไว้ จุดธูปจุดเทียนประนมหัตหัถ์ กราบพระไตรรัตน์เน์ป็นใหญ่ ทั้งทั้ทวยเทวา สุลาลัยลัขอให้ช่ห้วช่ยคุ้มคุ้ภัยภัพาล ขอให้มี ห้ชัยชัชำ นะ แก้ขก้อมเกะกะ ห้าห้วหาญ กุมกุดาบก้าก้มแก้วก้แกวกาญ นงคราญ มาขึ้น ขึ้ ระแทะทอง ทำ นองเพลง ชมตลาด


ชุดชุการแสดงที่ 10 พลายชุมชุพลแต่งต่ตัวตั ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์ปย์ระพัฒน์พน์งศ์ ภูวธน ผู้แผู้สดง นายวีระพล ธรรมวงศ์ ประวัติคติวามเป็นมา พลายชุมชุพลแต่งต่ตัวตัเป็นการแสดงที่อ ที่ ยู่ในละครเรื่องขุนขุช้าช้งขุนขุแผน ตอนพระไวย แตกทัพทั โดยเฉพาะตอนที่พ ที่ ลายชุมชุพลแต่งต่ตัวตัเป็นมอญ ซึ่ง ซึ่ มีเมีนื้อ นื้ เรื่องโดยย่อย่ว่า ขุนขุแผน ได้คด้บคิดคิกับกัลูกลูชายคือคืพลายชุมชุพล ลูกลูชายของตน อีกคนหนึ่ง นึ่ ซึ่ง ซึ่ เกิดกิจากนางแก้วก้ กิริกิริยา ธิดาเจ้าจ้ เมือมืงสุโขทัยทันัดนัแนะอุบายให้พห้ลายชุมชุพลปลอมตนเป็นมอญใหม่ ยกทัพทั หุ่นหุ่พยนต์ทำต์ทำทีใทีห้ข่ห้าข่วระบือบื ไปว่าพวกมอญใหม่ยม่กกองทัพทัมาตีกตีรุงศรีอยุธยุยา แต่คต่วาม จริงเป็นศึกแก้แก้ค้นค้ระหว่างพ่อกับกัลูกลู(ขุนขุแผนกับกัพระไวย) บทร้องรำ พลายชุมพลแต่งตัว -ปี่พาทย์ทำ เพลงมอญดูดาว- -ร้องเพลงมอญดูดาว-แล้วจัดจัแจงแต่งกายพลายชุมพล ปลอมตนเป็นมอญใหม่ดูคมสัน นุ่งผ้าตาหมากรุกของรามัญ ใส่เสื้อลงยันต์ย้อมว่านยา-รับ-คอผูกผ้าประเจียจีดของอาจารย์ โอมอ่านเสกผงผัดหน้า คาดตะกรุดโทนทองของบิดา โพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง -รับ-ถือหอกสัตตะโลหะชนะชัย เหมือนสมิงมอญใหม่ดูไวว่อง ขุนแผนขี่สีหมอกออกลำ พอง ชุมพลขึ้นกะเลียวผยองนำ โยธา ฯ -รับ- -ปี่พาทย์ ทำ เพลงมอญดูดาว และเพลงพญาลำ พอง-ดนตรี และเพลงที่ใช้ประกอบการแสดง ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมแต่เปลี่ยน ขลุ่ย เป็น ปี่มอญและเพิ่มตะโพนมอญ เพลงที่ใช้ประกอบการแสดงคือ เพลงมอญดูดาว และเพลงพญาลำ พอง


ชุดชุการแสดงที่ 11 ฉุยฉุฉายวันทอง ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์สุย์สุดาพร นิ่มนิ่ขำ ผู้แผู้สดง นางสาวธนัชนัพร ศรีเหลือลื ประวัติความเป็นมา ฉุยฉายวันทอง เป็นการแสดงที่นำ มาจากละครพันทาง เรื่องขุนช้าช้งขุนแผน ตอนพระ ไวยแตกทัพ เรื่องราวมีดังนี้ ขุนแผนแค้นค้ ใจที่พระไวยหลงเสน่ห์น่นห์างสร้อยฟ้าจึงจึให้พห้ลายชุมพล ถูกชายที่เกิดกับนางแก้วก้กิริยา ปลอมเป็นมอญยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ขุนแผนจะได้อด้อกไปรบ แล้วล้แกล้งล้แพ้เพื่อให้พห้ลายชุมพลจับจั ได้ พระพันวษาจึงจึมีรับสั่งให้พห้ระไวย ยกกองทัพไปต่อต่สู้เพื่อ เอาตัวขุนแผนคืนมา นางวันทองมารดาพระไวยซึ่งตายไปเป็นเปรตสงสารลูกที่จะต้อต้งไปตาย จึงจึ แปลงกายเป็นหญิงสาวงามเพื่อมาห้าห้มทัพลูกไว้ และเตือนให้รห้ ะวังตัว บทร้องและทำ นองเพลง - รัว - ฉุยฉายเอย เสร็จจำ แลงแปลงกายเยี้องกรายมาในป่า โอ้พระไวยสายใจ อีกสักเมื่อไรจึงจึจะมา แลลอดสอดหา เดินไปคอยท่าท่ทางโน้นน้ เอย - ร้องแม่ศม่รี - แม่ศม่รีเอย แม่ศม่รีสาวหงส์ เยื้องย่าย่งมากลางดง เหมือนหนึ่งหงส์เหมราช ผิวเจ้าจ้งามเมื่อยามพิศ งามจริตเมื่อยามผาด อ่อนระทวยนวยนาด ลีลาศมาเอย - ปี่พาทย์ทำ เพลงเร็ว-ลา -


ชุดชุการแสดงที่ 12 ฉุยฉุฉายมังมัตรา ถ่าถ่ยทอดท่าท่รำ โดย อาจารย์ภูย์กิภูจกิพาสุนันนัท์ แสดงโดย นายธนภัทร สมพงษ์ ประวัติคติวามเป็นมา การแสดงชุดชุฉุยฉุฉายมังมัตราเป็นการรำ อวดฝีมือมืของตัวตัละครมังมัตรา อยู่ในละคร พันทาง เรื่อง “ผู้ชผู้นะสิบทิศทิ ” ตอน ความลับลัมังมัตรา-มังมัตราแตกทัพทัการแสดงชุดชุนี้บ นี้ รรยายถึงถึ บุคบุลิกลิลักลัษณะความเป็นมาตลอดจนความกล้าล้หาญและเป็นนักนัรบของมังมัตราซึ่ง ซึ่ เป็นพระราชโอรส ของพระเจ้าจ้ เมงกะยินยิ โย กษัตริย์แย์ห่งห่ เมือมืงตองอู เมื่อ มื่ พระเจ้าจ้ เมงกะยินยิ โยเสด็จด็สวรรคต มังมัตรา เยาวกษัตริย์ จึงจึขึ้น ขึ้ ครองราชย์ อาจารย์เย์สรี หวังในธรรม ผู้เชี่ย ชี่ วชาญพิเศษด้าด้นคีตคีศิลป์และศิลปิน เเห่งห่ชาติ สาขาศิลปะการเเสดง ได้ถ่ด้าถ่ยทอดบทความประพันธ์ร้อยแก้วก้ของยาขอบเป็นบทละคร ร้อยกรอง และได้ปด้ระพันธ์บทฉุยฉุฉายนี้ขึ้ นี้ น ขึ้ นอกเหนือนืจากบทละครที่มี ที่ อมียู่ โดยมีอมีาจารย์ธย์งไชย โพธ ยารมย์ ผู้เชี่ย ชี่ วชาญทางด้าด้นนาฏศิลป์ไทย กรมศิลปากร เป็นผู้ปผู้ระดิษดิฐ์ท่าท่รำ และถ่าถ่ยทอด กระบวนท่าท่รำ แก่ รองศาสตราจาย์ ดร.ศุภชัยชัจันจัทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งห่ชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปีพุทธศักราช 2548 เป็นผู้เเสดงท่าท่นเเรก เนื้อ นื้ เพลง ฉุยฉุฉายมังมัตรา ฉุยฉุฉายเอย เกิดกิ ในเศวตฉัตฉัร ศรีสวัสดิ์เดิ์ลิศลิล้ำ มังมัตราตองอู ผู้ลิ้ผู้นลิ้ดำ คมขำ งามเเท้ แต่วิต่ วิญญานหาญฮึก กรุ้มกริ้มนิ่มนิ่นวล เชิงชิชวนรัก ล้ำ ลึกลึคึกคึคักคัยักยัย้าย้ยกระหายศึก จอมพลเอย ร้อนเริงเชิงชิลนเลิศลิล้นล้ เชิงชิรัก เมตตาข้าข้ทหาร สอดประสานสามิภัมิกภัดิ์ แต่กัต่บกั ปรปัก หักหัหั่นหั่บั่นบั่คอ กล้าล้ เก่งก่ เพลงรบ เจนจบเพลงรัก สมกษัตริย์เย์ฉลิมลิศักดิ์ ศิษย์สำย์ สำนักนักุโกุสดอ เเม่ศม่รี เศวตฉัตฉัร เอกบรมจักจัพรรดิ์ กษัตริย์ตย์ะเบงชเวตี้ รอยฤทธิ์สิบทิศทิอัญชลิตลิวันทนี ตลอดลุ่มลุ่อิรวะดี โอนอินทรีย์นย์บเอย เเม่ศม่รี ตองอู เจ้าจ้ยึดยึมั่นมั่กตัญตัญู เชิดชิชูคชูนดี รักษาสัจธรรม เป็นทางนำ วิถี ความเด่นด่ ไม่คม่งที่ แต่คต่วามดีคดีงทนเอย


ชุดชุการแสดงที่ 13 พลายบัวบัเกี้ย กี้ วนางตานี ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์รย์ณกฤต เพชรเกลี้ย ลี้ ง ผู้แผู้สดง: นางสาวอรนิภา ควรเสนาะ (พลายบัวบั) นางสาวรินรดา ธรรมสาส์น (นางตานี)นี ประวัตความเป็นมา การแสดงชุดชุ"พลายบัวบัเกี้ย กี้ วนางตานี"นีเป็นการแสดงชุดชุหนึ่ง นึ่ ที่ตั ที่ ดตัตอนมาจากการแสดง ละครเรื่องขุนขุช้าช้งขุนขุแผน ตอนพลายเพชรพลายบัวบัออกศึก กล่าล่วถึงถึพลายบัวบับุตบุรของพระไว ยกับกันางศรีมาลา ได้หด้ลงรักในตัวตัของนางแว่นแก้วก้จึงจึเดินดิทางไปที่บ้ ที่ าบ้นของนางแว่นแก้วก้ ใน ระหว่างเดินดิทางไปนั้นนั้ ได้ผ่ด้าผ่นดงกล้วล้ยตานีแนีละได้พด้บกับกัภูติภูผี ติ ปิศาจมากมายแต่พต่ลายบัวบัสามารถ ปราบได้ แต่มีต่นมีางตานีตนีนหนึ่ง นึ่ ได้แด้ ปลงกายเป็นหญิงญิงาม เข้าข้มายั่วยั่ยวนพลายบัวบัแต่ภต่ายหลังลัทน เวทมนตร์ของพลายบัวบั ไม่ได้จึด้งจึคืนคืกลับลัร่างเดิมดิและเป็นบริวารของพลายบัวบัต่อต่มา เนื้อ นื้ เพลง พลายบัวบัเกี้ย กี้ วนางตานี ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงรัว ร้อง สีนวล รูปร้ายกลายกลับลัเป็นสาวน้อน้ย แช่มช่ช้อช้ยนวลละอองผ่อผ่งใส งามโฉมประโลมละลานใจ แอบต้นต้กล้วล้ยใหญ๋แญ๋ล้วล้ถามหา พ่อหนุ่มนุ่น้อน้ยคนนี้อ นี้ ยู่ที่ยู่ ไที่ หน แต่คต่นเดียดีวเดินดิ ไปที่ใที่ นป่า มีธุมีธุระสิ่งใดไปไหนมา เมตตาบอกความแต่ตต่ามจริง ร้อง ร่าย เมื่อ มื่ นั้นนั้พลายบัวบัตรองตรึกให้นึห้กนึกริ่ง เห็นห็ตานีมีนีฤมีทธิ์ศักสิทธิ์จริง จึงจึวอนวิงด้วด้ยสุนทรวาจา ร้อง ทองย่อย่น เจ้าจ้นางตานีทนีองน้อน้งแก้วก้ เป็นคนแล้วล้พี่จะรักให้หห้นักนัหนา พี่ขอเชิญชินวลแก้วก้แววตา ไปเป็นเพื่อนพี่ยาจนวันตาย พี่มุ่งมุ่มาหวังว่าจะเชิญชิน้อน้ง เจ้าจ้นางตานีทนีองละอองฉาย ไปเป็นเพื่อนคู่ยคู่ากลำ บากกาย แล้วล้ เจ้าจ้พลายเป่ามนต์เต์สน่ห์น่จัห์นจัทร์เอย -รัว-


ชุดชุการแสดงที่ 14 ปู่เจ้าเรียกไก่ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ คุณคุครูประพัฒน์พน์งศ์ ภูวภูธน แสดงโดย นาย พิมพ์ลดา โชติตติระกูลกูพิพัฒน์ นาย รุ่งโรจน์ อ่อนพร ประวัติคติวามเป็นมา การแสดงปู่เจ้าจ้ เรียกไก่เป็นการแสดงชุดชุหนึ่ง นึ่ ที่ส ที่ อดแทรกระบำ ไก่อก่ยู่ด้ยู่วด้ยนั้นนั้อยู่ในลิลิลิตลิ พระลอ มีเมีรื่องย่อย่คือคื ปู่เจ้าจ้สมิงมิพรายได้ตด้อบรับที่จ ที่ ะช่วช่ยเหลือลืพระเพื่อนพระแพงโดยจะใช้ เวท มนต์นำต์นำพระลอหนุ่มนุ่รูปงามมาพบพระเพื่อนพระแพงที่ เมือมืงสรอง โดยปู่เจ้าจ้สมิงมิพรายได้รด้ ะลึกลึ ถึงถึฝูงไก่ในป่าพอไก่มก่าปู่เจ้าจ้ก็เก็ลือลืกไก่ได้ตัด้วตัหนึ่ง นึ่ เรียกว่า “ไก่แก่ก้วก้” แล้วล้สั่งให้วิห้ วิญญาณ ภูตภูผี เข้าข้สิงในไก่แก่ก้วก้ตัวตันั้นนั้เพื่อไปหลอกล่อล่ ให้พห้ระลอข้าข้มแม่น้ำม่น้ำกาหลงมาถึงถึเมือมืงสรอง ของพระ เพื่อนพระแพง


เนื้อ นื้ ร้องและทำ นองเพลงปู่เจ้าจ้ เรียกไก่ -ร้องลาวพุงขาวมาจะกล่าล่วบทไป ถึงถึปู่เจ้าจ้จอมเทวะสิงขร สงสารเพื่อนแพงน้อน้งสองบังบัอร เฝ้าอาวรณ์หณ์วั่นคะนึงนึถึงถึพระลอ ให้นห้างโรยนางรื่นขึ้น ขึ้ มาเร้า จําจํจะเอาไก่งก่ามตามไปล่อล่ ให้รีห้ รีบมาเหมือมืนหวังไม่รั้ม่ รั้งรอ จะได้พด้อใจปองสองอนงค์ ตริพลางทางปู่ยุรยุยาตร จากแท่นท่ทิพทิาวาสเรืองระหง งามเฉกวชิรชิราชอาจองค์ เสด็จด็ลงหน้าน้ฉานศาลเทวา -ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลง เสมอลาว- -ร้องเกริ่นปู่กระสันถึงถึไก่ในไพรพฤกษ์ ปู่รำ ลึกลึถึงถึไก่ไก่ก็ก่มก็า บ่ฮู้บ่ฮู้กี่ค กี่ ณากี่ห กี่ มู่ปู่มู่ปู่เลือลืกไก่ตัก่วตังาม ทรงทรามวัยทรามแรง -ร้อง ลาวจ้อจ้ยสร้อยแสงแดงพระพาย ขนเขียขีวลายระยับยั ปีกสลับลัเบญจรงค์ เลื่อ ลื่ มลายยงหงส์สะบาด ขอบตาชาดคละพริ้ง สิงคลิ้งลิ้งอนพรายพรรณ ขานขันขัเสียงเอาใจ เดือดืยงอนใสสีลำ ยอง สองเท้าท้ เทียทีมนพมาศ ปานฉลุชลุาดทารงค์ ปู่ก็ใก็ช้ให้ผี ห้ลง ผีก็ลก็งแก่ไก่ ไก่แก่ก้วก้ ไซร้บ่มิบ่กมิลัวลัผุกผกหัวหัองอาจ ผาดผันตีปีตีปีกป้อง ร้องเรื่อยเฉื่อ ฉื่ ยฉาดฉาน เสียงขันขัขานแจ้วจ้แจ้วจ้ ปู่สั่งแล้วล้ทุกทุประการ บ่มิบ่นมิานผาดโผนผยอง โลดลำ พองคะนองบ่หึบ่งหึมุ่งมุ่ถั่นถั่ถึงถึพระเรืองลอ ยกคอขานร้อง ตีปีตีปีกป้องผายผัน ขันขัเรื่อยเจื้อ จื้ ยไจ้ไจ้ แล้วล้ ไซร้ปีกไซร้หาง โฉมสําอางค์สำค์ สำอาด กรีดปีกวาดเวียนเย้าย้ ค่อค่ยล่อล่พระลอเจ้าจ้จักจัต้อต้งดำ เนินนิแลนา -ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงเชิดชิ-


ชุดชุการแสดงที่ 15 ฉุยฉุฉายพราหมณ์เณ์ล็ก ล็ พราหมณ์โณ์ต ถ่าถ่ยทอดท่าท่รำ โดย อาจารย์นย์พวรรณ จันทรักษา อาจารย์ธย์รรมนูญ แรงไม่ลม่ด แสดงโดย นางสาวจิตตรี สุขใจ ประวัติคติวามเป็นมา ฉุยฉุฉายพราหมณ์เณ์ล็กล็พราหมณ์โณ์ต อยู่ในละครนอกเรื่องสุวรรณหงส์ ตอนพราหมณ์เณ์ล็กล็ พราหมณ์โณ์ต โดยดำ เนินนิเรื่องว่านางเกศสุริยงออกติดติตามสุวรรณหงส์มาในป่าแล้วล้หลับลั ไป ในศาลา เมื่อ มื่ กุมกุภณฑ์กฑ์ลับลัมา จึงจึเกิดกิการสู้รบกันกัขึ้น ขึ้ กุมกุภณฑ์ถูฑ์กถูพราหมณ์เณ์กศสุริยง แผลงศรฆ่าฆ่ตาย แต่ด้ต่วด้ยความสงสาร จึงจึช่วช่ยซุบซุชีวิชีวิตไว้เมื่อ มื่ กุมกุภัณภัฑ์ฟื้ฑ์ ฟื้ นขึ้น ขึ้ ได้ขด้อติดติตามไป เป็นบ่าบ่วด้วด้ย โดยแปลงกายเป็นพราหมณ์ ในวงการนาฏศิลป์เรียกพราหมณ์กุณ์มกุภณฑ์ว่ฑ์ ว่า พราหมณ์โณ์ต และเรียกพราหมณ์เณ์กศสุริยงว่าพราหมณ์เณ์ล็กล็การแสดงชุดชุนี้ เป็นศิลปะการ ร่ายรำ อวดลีลลีาท่าท่ทางของตัวตัละครทั้งทั้ 2 แบบ คือคืพราหมณ์เณ์ล็กล็จะร่ายรำ อย่าย่งอ่อนช้อช้ย งดงามส่วนพราหมณ์โณ์ตนั้นนั้จะรำ ด้วด้ยลีลลีาตลกขบขันขัระคนกันกั ไป


บทร้องและทำ นองเพลง ฉุยฉุฉายพราหมณ์เณ์ล็กล็พราหมณ์โณ์ต - ร้องฉุยฉุฉาย - สองพราหมณ์ จะไปไหนนิดนิบ่าบ่วติดติตาม บ่าบ่วพานคลายนายงาม เจ้าจ้ค่อค่ยเดินดิตามกันกัร่อย ๆ บุกบุแฝกแหวกอ้อ ไม่กม่ลัวลัต่อต่แตนต่อต่ย ( รับ ) เดินดิพลาง ชมไม้ใหญ่สูญ่สูงยูงยูยาง ตะลิงลิปลิงลิปรูปราง แคคางขึ้น ขึ้ เชื้อ ชื้ ชิดชิ ช่อช่ระย้าย้รับหน้าน้ฝน ดอกมันมัหล่นล่ลูกลูติดติ ( รับ ) บัดบัสี ชะดูหดูรือพี่เจ้าจ้ช่าช่งบอก โน่นน่ต้นต้อะไรแตกใบอ่อน ช่อช่ เป็นก้อก้นกำ ลังลัออกดอก โน่นน่หรือ ยักยัษีซี้มื ซี้ อมืว่าต้นต้มะกอก ลูกลูมันมัดกตกใต้ต้ต้นต้ดูเดูกลื่อ ลื่ นกล่นล่ ไม่มีม่ดมีอก (รับ) - ร้องแม่ศม่รี - ชมปักษีสลับลัสลอน โฉบเฉี่ย ฉี่ วเที่ย ที่ วจร จับจันอนในพุ่มรก บ้าบ้งเผ่นผ่บ้าบ้งโผน บ้าบ้งก็โก็จนโผผก บ้าบ้งก็กก็กฟองฟัก ฉันฉัรักเจ้าจ้ปักษีเอย (รับ) โน่นน่นกอะไร นั่นนั่หรืออ้อนกแก้วก้ จับจัต้นต้ซองแมว นกแก้วก้ช่าช่งพลอด สาวเห็นห็สาวทักทัสาวรักสาวกอด สาวสวยระทวยระทอด กอดคอเจ้าจ้แก้วก้ เอย (รับ) นั่นนั่นกอะไร โน่นน่หรือนกโนรี เคล้าล้คู่กัคู่นกัจู้จี้จู้ จี้ จับจัอยู่ที่ยู่กิ่ ที่ งกิ่ตะแบก สีแสดแจดแจ้ ร้องแกรกแกรแกรกแกรก พูดจาภาษาแขก ข้าข้รักเจ้าจ้นกโนรีเอย (รับ) - ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงเร็ว -


ชุดชุการแสดงที่ 16 ฉุยฉุฉายยอพระกลิ่นลิ่ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์พิย์ พิมลดา คุริคุริวงค์ แสดงโดย นางสาว รุ่งฤดี หนูบุนู ญบุมี ประวัติคติวามเป็นมา ฉุยฉุฉายยอพระกลิ่นลิ่เป็นชุดชุการแสดงรำ เดี่ย ดี่ วตัวตันางที่ส ที่ วยงามอีกชุดชุหนึ่ง นึ่ อยู่ในการแสดง ละครดึกดึดำ บรรพ์ เรื่องมณีพิณี พิชัยชับทพระนิพนินธ์ในสมเด็จด็เจ้าจ้ฟ้ากรมพระยานริศรานุวันุวัตติวติงศ์ เนื้อ นื้ เรื่องกล่าล่วถึงถึตอนที่พ ที่ ระมณีพิณี พิชัยชัต้อต้งไปเป็นข้าข้รับใช้ขช้องเจ้าจ้พราหมณ์ (นางยอพระกลิ่นลิ่ซึ่ง ซึ่ เป็น มเหสีของพระมณีพิณี พิชัยชัแปลงมา) เจ้าจ้พราหมณ์แณ์ ปลงนึกนึสงสารพระมณีพิณี พิชัยชัจึงจึออกอุบายว่าตนจะ ไปเที่ย ที่ วป่า และจะให้น้ห้อน้งสาวมาอยู่เป็นเพื่อน เมื่อ มื่ สั่งเสร็จ เจ้าจ้พราหมณ์ก็ณ์เก็ดินดิเลี่ย ลี่ งมา แปลงกาย กลับลัเป็นนางยอพระกลิ่นลิ่ตามเดิมดิลีลลีาการร่ายรำ ชุดชุนี้เ นี้ มื่อ มื่ นางยอพระกลิ่นลิ่แปลงกายแต่งต่ตัวตั ใหม่จึม่งจึ เกิดกิความภาคภูมิภูใมิจที่แ ที่ ต่งต่องค์ทค์รงเครื่องสวยงดงาม เพื่อให้พห้ระมณีพิณี พิชัยชัตกใจและเกิดกิความ หลงใหลในความงาม


บทร้องฉุยฉุฉายยอพระกลิ่นลิ่มาจากบทละครดึกดึดำ บรรพ์ เรื่องมณีพิณี พิชัยชั พระนิพนินธ์ในสมเด็จด็เจ้าจ้ฟ้ากรมพระยานริศรานุวันุวัตติวติงศ์ ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงรัว - ร้องเพลงฉุยฉุฉาย - ฉุยฉุฉายเอย ชำ เลือลืงเยื้อ ยื้ งกรายเลียลีบชายมาในป่า เครื่องประดับดัวะวับแวมแสง ขาวเขียขีวแดงเพชรนิลนิจินจิดา งามสรรพงามจับจันัยนัน์ตน์า พระมณีเณีห็นห็หน้าน้จะบ้าบ้ตาย สายสวาท ระทวยนวยนาดวิลาสวิไล นวลละอองสองแก้มก้ยิ้มยิ้แย้มย้อยู่แยู่จ่มจ่ ใส พระมณีเณีห็นห็เมื่อ มื่ ไร ใจจะขาดลงรอนรอน - ร้องแม่ศม่รี – แม่ศม่รีเอย แม่ศม่รีแสนงอน เจรจาว่าวอน ออดอ้อนน่าน่ ฟัง เตรียมจะล้อล้พระมณี ให้ภูห้มีภูเมีธอจังจังังงั ใจหนุ่มนุ่คงคลุ้มลุ้คลั่งลั่น่าน่ ฟังเจ้าจ้แม่ศม่รีเอย เจ้าจ้สไบเอย เจ้าจ้สไบสีลิ้นลิ้จี่ เจ้าจ้ค่อค่ยจรลี มาที่ศ ที่ าลาลัยลั เจ้าจ้จะลวงดูท่ดูวท่งที พระมณีพิณี พิชัยชั ดัดดัจริตให้ติห้ดติ ใจ รักเจ้าจ้สไบสีเอย - ปี่พาทย์ทำย์ทำเพลงเร็ว – ลา –


ประวัติคติวามเป็นมา รำ เชิดชิฉิ่งฉิ่ศุกลักลัษณ์ อยู่ในการแสดงละครใน เรื่องอุณรุท ตอนศุกลักลัษณ์วณ์าดรูป บท พระราชนิพนินธ์ในพระบาทสมเด็จด็พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หลังลัจากที่พ ที่ ระโทร เทพารักษ์ได้อุ้ด้ อุ้มสมอุณรุทกับกันางอุษา ณ ปราสาทเมือมืงรัตนาแล้วล้พาอุณรุทกลับลั ไปประทับทั แรมในป่าตามเดิมดิ ฝ่ายนางอุษาเมื่อ มื่ ตื่น ตื่ ขึ้น ขึ้ มาไม่พม่บอุณรุท ก็เก็ศร้าโศกพระทัยทันางศุกลักลัษณ์ผู้ณ์ผู้ เป็นพี่เลี้ย ลี้ งรับอาสาออกติดติตามให้ แต่นต่างอุษาเองก็มิก็ทมิราบว่าชายที่เ ที่ ข้าข้มาหานางเป็นผู้ใดนาง ศุกลักลัษณ์จึณ์งจึไปวาดรูปทั้งทั้เทพยดาทั่วทั่ทั้งทั้สรวงสวรรค์ และกษัตริย์ทั่ย์วทั่ทุกทุเมือมืง นางอุษาดูภดูาพ วาด ทั้งทั้หมดแล้วล้ก็ไก็ม่พม่บบุรุบุ รุษที่น ที่ างรัก นางศุกลักลัษณ์จึณ์งจึทูลทูว่ามีกมีษัตริย์อีย์ อีกองค์หค์นึ่ง นึ่ พระนาม ว่า อุณรุท เป็นโอรส ท้าท้วไกรสุท อยู่เมือมืงณรงกา จึงจึขอทูลทูลาเพื่อไปวาดรูปมาถวาย รำ เชิดชิ ฉิ่งฉิ่ศุกลักลัษณ์ มีกมีระบวนลีลลีาท่าท่รำ ที่ส ที่ วยงาม ผู้แผู้สดงต้อต้งมีฝีมีฝีมือมืการรำ ที่ปที่ ระณีตณีงดงาม ตาม รูปแบบของการแสดงละครใน ชุดการแสดงที่ 17 เชิดฉิ่งฉิ่ศุภลักษณ์ ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์บุย์บุญจิรา เสนานิมิต ผู้แผู้สดง นางสาวภัทราภรณ์ คำ ภูแสน เนื้อ นื้ เพลง – ทำ นองเพลง ช่วช่งแรก - เพลงเชิดชิ- ช่วช่งสอง - เพลงเชิดชิฉิ่งฉิ่- ช่วช่งสาม - เพลงเฉิดฉิกลอง -


ชุดชุการแสดงที่ 18 ซูซซูอแต่งต่ตัวตั ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์เย์ขมวันต์ นาฎการจนดิษดิฐ์ นักแสดง นางสาวเบญญาภา ช่อช่สังข์ ประวัติคติวามเป็นมา ซูซซูอแต่งต่ตัวตัเป็นรำ เดี่ย ดี่ ว ที่ตั ที่ ดตัตอนมาจากการแสดงละครพันทางเรื่องมหาราช วงศ์พม่าม่ตอนรักต้อต้งห้าห้ม ซึ่ง ซึ่ นายเขมวันต์ นาฏการจนดิษดิฐ์ ดัดดัแปลงและเรียบเรียงขึ้น ขึ้ ใหม่จม่ากตอนหนึ่ง นึ่ ของบทละครร้องเรื่องมหาราชวงศ์พม่าม่แผ่นผ่ดินดิพระเจ้าจ้สี่ป๊อมินมิทร์ ของ ประเสริฐอักษร ซึ่ง ซึ่ ประพันธ์ขึ้น ขึ้ สำ หรับคณะละครปรีดาลัยลั โดยกระบวนท่าท่รำ ซูซซูอ แต่งต่ตัวตัแบ่งบ่ออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แด้ก่ รูปแบบที่ 1 สำ หรับใช้แช้สดงเป็นส่วนหนึ่ง นึ่ ของการ แสดงละครพันทางเรื่องมหาราชวงศ์พม่าม่ตอนรักต้อต้งห้าห้ม และรูปแบบที่ 2 สำ หรับใช้ แสดงรำ เดี่ย ดี่ ว อวดฝีมือมืซึ่ง ซึ่ ได้นำด้นำเสนอเผยแพร่อย่าย่งเป็นทางการ ในการประชุมชุวิชาการ ระดับดัชาติ ม.อ.ตรัง วิจัยจัครั้งที่ 10 เมื่อ มื่ วันที่ 12 มีนมีาคม พ.ศ.2564 ในรูปแบบการนำ เสนอออนไลน์ สำ หรับการแสดงผลสัมฤทธ์ทางการการศึกษาในรายวิชา รำ เดี่ย ดี่ ว รำ คู่ ครั้งนี้ เป็นการนำ เสนอ การแสดงชุดชุซูซซูอแต่งต่ตัวตั ในรูปแบบที่ 2 ซึ่ง ซึ่ มีกมีารปรับปรุงกระบวนท่าท่ รำ โดยผู้สผู้ร้างสรรค์ผค์ลงาน คือคืนายเขมวันต์ นาฏการจนดิษดิฐ์ ให้มีห้คมีวามสวยงาม เหมาะ สม และเพื่อใช้สำช้ สำหรับยึดยึถือถืเป็นแบบฉบับบัขึ้น ขึ้ โดยเนื้อ นื้ เรื่องในการแสดงกล่าล่วถึงถึเจ้าจ้หญิงญิ “งวยบ๊วบ๊ย” พระกนิษนิฐาต่าต่งมารดาในพระเจ้าจ้สี่ป๊อ ได้บัด้งบัเกิดกิความรักขึ้น ขึ้ กับกัสามเณรหนุ่มนุ่ ผู้หผู้นึ่ง นึ่ ซึ่ง ซึ่ มีชื่มีอ ชื่ ว่า “ซูซซูอ” แม้ว่ม้ว่าต่อต่มาซูซซูอจะลาสิกขาเพื่อรอการถวายตัวตัเป็นข้าข้ราช สำ นักนัเพื่อจะได้ใกล้ชิล้ดชิกับกัเจ้าจ้หญิงญิแต่ด้ต่วด้ยอานุภนุาพความรักที่ม ที่ ากล้นล้ เกินกิกว่าที่จ ที่ ะอดรน ทนรอต่อต่ ไปได้ เจ้าจ้หญิงญิงวยบ๊วบ๊ยจึงจึคิดคิอุบายให้แห้ม่นม่ม “มะเนียนีะ” ไปยังยัเรือนพักของซูซซูอ และปลอมตัวตัคนรักของตนให้กห้ลายเป็นนางกำ นัลนัหน้าน้หวาน ลักลัลอบเข้าข้มายังยัตำ หนักนัจน เป็นจุดเริ่มต้นต้ของสิ่งที่เ ที่ รียกว่า “โศกนาฏกรรมความรัก” ของซูซซูอ หนุ่มนุ่สามัญมัชน กับกั เจ้าจ้หญิงญิงวยบ๊วบ๊ย ดอกฟ้าผู้เป็นพระกนิษนิฐาแห่งห่พระเจ้าจ้แผ่นผ่ดินดิ


-ปี่พาทย์บย์รรเลงเพลงเสมอพม่าม่- -ร้องพราหมณ์ดีณ์ดดีน้ำ เต้าต้- ซูซซูอแปลง แต่งต่กาย กลายเป็นหญิงญิเพื่อนงามพริ้ง ยิ่งยิ่อย่าย่ง นางรูปสวย ปากจิ้มจิ้ลิ้มลิ้ยิ้มยิ้ขยด ระทดระทวย แลสำ รวย ผิวผิผ่อผ่ง ดั่งดั่ทองทา -ร้องสมิงมิทองมอญเกล้าล้ผมมวย ประดับดัแวว แก้วก้กุดั่กุนดั่ ปิ่นสุวรรณ เอื้องแซม แกมบุหบุงา สวมสร้อยศอ มรกต สดโสภา ปะวะหล่ำ มุกมุดา ทับทัทิมทิแดง นุ่งนุ่ซิ่นซิ่สี เสื้อบาง ต่าต่งหูห้หูอห้ย แหวนก้อก้ย เลื่อ ลื่ มพราย ฉายแสง ผัดผัพักตร์ รัญจวน นวลแตง เสแสร้ง ให้งห้วยงม นิยนิมงาม -ปี่พาทย์บย์รรเลงรับเพลงสมิงมิทองมอญ 1 เที่ย ที่ วบทโดย/นายเขมวันต์ นาฏการจนดิษดิฐ์ บรรจุเพลงโดย/นางอุมาภรณ์ กล้าล้หาญ บรรเลงและขับขัร้องโดย/วงดนตรีอาจารย์สุย์สุชีพชีเพ็ชรคล้าล้ย


ชุดชุการแสดงที่ 19 พระรามตามกวาง ผู้ถ่ผู้าถ่ยทอดท่าท่รำ อาจารย์ปย์ระพัฒน์พน์งศ์ ภูวภูธน แสดงโดย นางสาวชนนิกานต์ สมมาก ประวัติคติวามเป็นมา พระรามตามกวางเป็นตอนหนึ่ง นึ่ ของการแสดงโขนชุดชุรามเกียกีรติ์ กล่าล่วถึงถึกวางทอง คือคืมารีศพระยายักยัษ์เป็นลูกลูของนางกากนาสูร ซึ่ง ซึ่ รับพระราชบัญบัชาของทศกัณกัฐ์ แปลงกาย เป็นกวางทอง มาล่อล่หลอกให้นห้างสีดาเกิดกิความรักใคร่อยากได้ พระรามจึงจึเสด็จด็ตามกวาง ทองไป เพลงหน้าน้พาทย์เย์ชิดชิฉาน ซึ่ง ซึ่ มีท่มีวท่งทำ นองที่ร ที่ ะทึกทึ ใจ ตื่น ตื่ เต้นต้ เมื่อ มื่ กวางทองจะถูกถูศร ของพระราม เนื้อ นื้ เพลง รูปทรงกุมกุภัณภัฑ์ก็ฑ์พก็ลันลัหาย กลายเป็นกวางทองผ่อผ่งศรี เรืองรองผ่อผ่งสิ้นทั้งทั้อินทรีย์ ทั้งทั้มีด่มีาด่งขาวราวหิรัหิรัญ สองเขามุกมุดาดูวิดูวิเศษ สองเนตรนิลนิรัตน์จัน์ดจัสรร ทำ ทีเทียื้อ ยื้ งกรายพรายพรรณ ตรงไปยังยับรรณศาลา ราเมศร์ตามติดติชิดชิกระชั้นชั้กวางผันล่อล่ เล่นล่ เผ่นผ่ผยอง ธ ยั้งยั้กวางเยื้อ ยื้ งชำ เลือลืงมอง โลดลำ พองเหยาะย่อย่ล่อล่รามินมิทร์ พระแลเล็งล็เพ่งพิศผิดสังเกต ทรงเดชจับจัศรศาสตร์พาดคันคัศิลป์ น้าน้วเหนี่ย นี่ วด้วด้ยพลังลัทั้งทั้กายินยิถูกถูกวางดิ้นดิ้วางวายกลายเป็นมาร


-คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ -คณบดีคณะครุศาสตร์ -สำ นักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ เจ้าพระยา -ประธานสาขาวิชานาฏยศิลป์ศึกษา -คณาจารย์สาขาวิชานาฏยศิลป์ศึกษา -คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ -อาจารย์ผู้ถ่ายทอดท่ารำ -ผู้ปกครองของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ สาขาวิชานาฏยศิลป์ศึกษา -นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ และ ๓ สาขาวิชานาฏยศิลป์ศึกษา ขอขอบคุณ คุ


Click to View FlipBook Version