รกาารเขยียนงาน ☒
เชงิ วิชาการ
เล่ม 1
¼Ê٠͹ ¹Ò§ÊؾÔÈ ¡Å¹èÔ ºØ»¼Ò
¡ÅØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÀÙ ÒÉÒä·Â
âçàÃÂÕ ¹¾Ãл°ÁÇÔ·ÂÒÅÂÑ ÍÓàÀÍàÁÍ× §¹¤Ã»°Á ¨Ñ§ËÇÑ´¹¤Ã»°Á
ประเดน็ ชวนคิด
รายงานเชิงวิชาการ
สำคญั อยำ่ งไร?
มปี ระโยชนอ์ ยำ่ งไร?
สำมำรถนำควำมรไู้ ปใช้ได้อยำ่ งไร?
รายงานเชงิ วิชาการ
คือ รายงานผลของการศกึ ษา
01
ค้นคว้าวิจยั เกี่ยวกบั เรื่องใดเรอ่ื งหน่งึ
มุ่งเสนอผลทีไ่ ดต้ ำมควำมเป็นจริงซ่ึงต้อง
ทาตามขน้ั ตอน มรี ะบบ มรี ะเบยี บแบบแผน
ท่ีเป็นสำกล โดยมีหลักฐานและการอ้างอิง
แลว้ เขยี นหรือพิมพ์ใหถ้ ูกต้องตำมรูปแบบที่ถูกตอ้ ง
ลักษณะของรายงานท่ดี ี
01 มกี ารนาหลกั การหรือทฤษฎมี าใชอ้ ย่างเหมาะสม
02 มีการแสดงความคิดอยา่ งเหมาะสมและสร้างสรรค์
03 ความถูกต้องของเน้ือหาสาระ มแี หลง่ ทม่ี าอา้ งองิ
04 จัดรปู แบบองคป์ ระกอบของรายการตามแบบแผน
05 มีความสามารถในการใชภ้ าษา นาเสนอชดั เจน
ขน้ั ตอนการเขยี นรายงาน
1.กาหนดหวั ขอ้ เรอ่ื ง
2. ขอบเขตการศกึ ษา 3. กาหนดวัตถุประสงค์
4. รา่ งและกาหนดโครงเร่ือง
7. เรยี บเรยี งรายงาน 5. รวบรวมค้นควา้ ขอ้ มลู
8. เขยี นอ้างองิ 6. บันทึกขอ้ มูล
วิเคราะหข์ ้อมลู
ขัน้ ตอนการเขยี นรายงาน
การกาหนดหวั ขอ้ เรอ่ื ง
➢ ตรงกบั ความถนดั ความรคู้ วามสามารถหรอื
ตรงกบั ความสนใจของผู้ศึกษา
➢ เนอ้ื หาสรา้ งสรรค์ เป็นประโยชนแ์ ละน่าสนใจ
➢ เป็นเรอ่ื งใหม่ ยงั ไมเ่ คยมใี ครทา
➢ กาหนดขอบเขตพอเหมาะ ไมก่ ว้างหรอื แคบเกนิ ไป
➢ มีแหลง่ ข้อมูลในการศกึ ษาเพยี งพอ
ข้นั ตอนการเขียนรายงาน
การกาหนดขอบเขตที่ศกึ ษา
➢ จากัดขอบเขตดว้ ยระยะเวลา
เช่น ยุค... สมัย...
➢ จากดั ด้วยสถานท่ี เช่น ในประเทศไทย
➢ จากดั ดว้ ยบคุ คล เกยี่ วข้องกบั คนหรอื กลุ่มคน
➢ จากดั ดว้ ยประเดน็ ยอ่ ยหรอื หวั ขอ้ ยอ่ ย
ขัน้ ตอนการเขยี นรายงาน
การกาหนดวัตถุประสงค์
หมายถงึ แนวทางหรอื ทศิ ทางในการคน้ หาคาตอบ
เปน็ เรอื่ งทต่ี อ้ งการศกึ ษา ลงมอื ทา
- เปน็ การกาหนดว่าตอ้ งการศกึ ษาในประเดน็ ใดบา้ งในเรอื่ งท่ี
จะทาการศกึ ษา โดยบง่ บอกส่ิงทจี่ ะทา ทั้งขอบเขต
และผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั
อย่านาประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั มาเขยี นเพราะเป็นผล
ทคี่ าดว่าจะเกดิ ขน้ึ หลงั จากสิ้นสุดการศกึ ษา
ขน้ั ตอนการเขยี นรายงาน
การกาหนดวัตถุประสงค์
คาทีใ่ ช้สาหรบั การเขยี นวตั ถปุ ระสงค์
เช่น เพื่อศกึ ษา เพ่อื สารวจ เพื่อคน้ หา
เพ่ือบรรยาย เพอ่ื อธบิ าย
เพื่อพฒั นา เพือ่ เปรยี บเทยี บ...กับ... เพอ่ื พสิ จู น์
เพอื่ แสดงให้เหน็ เพอ่ื ศึกษาความสมั พนั ธ์ เพ่อื ประเมนิ
เพ่ือสังเคราะห์ เพื่อศกึ ษาอทิ ธพิ ลของ......ทม่ี ตี ่อ......
เพอ่ื วเิ คราะห์ปจั จัยที่มี/ทสี่ ่งผล/ทม่ี อี ิทธพิ ล/
ทมี่ ีผลกระทบ...ตอ่ ....... ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ประเภทของโครงงาน
ตวั อยา่ ง เพ่อื ศกึ ษารปู แบบของคาประพันธท์ ่ีใช้
ในการแต่งเรอื่ งมัทนะพาธา
ขน้ั ตอนการเขยี นรายงาน
การเขียนโครงเร่อื ง
เป็นการนาเอาความคดิ มาเรยี บเรยี ง
ใหเ้ ปน็ ระเบยี บเพอ่ื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการทางาน
ทาใหม้ องเห็นหวั ขอ้ ทชี่ ดั เจน ลาดบั ความสาคญั ของเนอ้ื หา
ใหต้ ่อเนอื่ ง เชื่อมโยงกนั โดยอยใู่ นขอบขา่ ยของเนอ้ื เรอ่ื ง
ไม่ซา้ ซ้อนกนั ตัวอยา่ ง
1. ท่มี าของเร่อื งมทั นะพาธา
2. ประวตั ิผู้แต่ง
3. รูปแบบคาประพันธ์
3.1 คาฉนั ท์
3.1.1 กาพย์
3.1.2 ฉนั ท์
4. เนอื้ เรอ่ื งย่อ
5. ตวั ละคร
ขน้ั ตอนการเขยี นรายงาน
ศกึ ษาและรวบรวมข้อมลู
ศกึ ษาคน้ ควา้ จากแหล่งขอ้ มลู ควรใช้แหล่งเรยี นรู้
เช่น หอ้ งสมดุ โดยศกึ ษาจาก หนังสอื ตารา เอกสาร สารานกุ รม
พจนานกุ รม ฯลฯ (*ขอ้ เสยี คอื ขอ้ มลู บางอยา่ งอาจล้าสมยั )
กรณใี ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในการศกึ ษาคน้ คว้า เพอ่ื ความสะดวกรวดเรว็
ควรตรวจสอบความนา่ เชอื่ ถอื และความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู เปน็ หลัก
ต้องเลอื กใช้ขอ้ มลู จากเว็บไซตข์ องหนว่ ยงาน องค์กร ท่นี ่าเชือ่ ถอื
และได้รบั การยอมรบั มตี ราหน่วยงาน หรอื มชี อื่ นามสกุลผแู้ ตง่
มตี าแหนง่ ทางวชิ าการชดั เจน เช่น
หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ วารสารออนไลน์
ประกาศตา่ ง ๆ
หรอื อาจสมั ภาษณจ์ ากบคุ คลทมี่ คี วามถนดั
เช่ียวชาญ เชน่ ปราชญช์ าวบา้ น อาจารย์
ข้นั ตอนการเขยี นรายงาน
ศกึ ษาและรวบรวมข้อมูล
ในรายงานไมค่ วรอา้ งองิ จากเวบ็ ไซต์เหลา่ นี้
เวบ็ บอรด์ บล็อกตา่ ง ๆ
ยกเว้น ใช้เพอื่
ยกตัวอย่างขอ้ ความ
คลิป ส่อื จากเว็บไซต์
เปน็ กรณีศกึ ษา
ข้นั ตอนการเขยี นรายงาน
บนั ทกึ จากการศึกษา
ควรจดบนั ทึกสรปุ ขณะทส่ื บื คน้ ขอ้ มลู และศกึ ษาคน้ ควา้
เพื่อรวบรวมขอ้ มลู วิเคราะหแ์ ละสงั เคราะหเ์ ปน็ รายงาน
โดยการอา่ น “จับใจความสาคัญ” จากนนั้ จดบันทกึ อยา่ งเปน็ ระบบ
หรือเขยี นเป็นผังความคดิ เพอื่ สรปุ องค์ความรูท้ ีไ่ ดร้ บั โดยใชส้ านวน
ภาษาของตนเอง พรอ้ มบนั ทกึ แหลง่ ทมี่ าของขอ้ มลู นนั้ ๆ ผู้แตง่
วันเดอื นปีทสี่ บื คน้ เพื่อใหส้ ะดวกต่อการนาไปเขยี นอา้ งองิ หรอื บรรณานกุ รม
[ลักษณะคล้ายกบั บนั ทกึ รกั การอา่ น]
ข้นั ตอนการเขยี นรายงาน
เรียบเรยี งรูปเล่มรายงาน
เรยี บเรยี งขอ้ มลู ในรปู เลม่ รายงานโดย
ใหม้ ีองคป์ ระกอบของรายงานครบถว้ น
ถ้าเปน็ “รายงาน” เขยี นคานา โดยไม่ตอ้ งมบี ทคดั ยอ่ กิตติกรรมประกาศ
ไม่แยก 5 บท
ถ้าเป็น “โครงงาน” หรือ “รายงานการวิจยั ” ให้ทาแบบมี
บทคัดยอ่ กิตตกิ รรมประกาศ และ 5 บท
*ต้องจัดรปู แบบรายงานให้เรยี บร้อยสวยงาม
ตามหลกั การเขยี นรายงานเชิงวิชาการ
เช่น เว้นวรรค ขนาดตัวอกั ษร หมายเลขหนา้
ข้นั ตอนการเขยี นรายงาน
เขียนเอกสารอา้ งองิ
นาขอ้ มลู สือ่ เอกสารตา่ ง ๆ ทีใ่ ช้สบื คน้
ประกอบการเขยี นรายงานเชงิ วชิ าการ
เขยี นรายการอา้ งองิ ตามหลกั การเขยี นอา้ งองิ และบรรณานกุ รม
เรียงลาดบั รายงานตามชอื่ ผแู้ ต่ง
องคป์ ระกอบของรายงานเชงิ วชิ าการ
ส่วนต้น เนื้อหา สว่ นสรุป
• ปกนอก • ใส่เน้ือหา • เอกสารอา้ งองิ
• ใบรองปก • บรรณานุกรม
• ปกใน วางโครงเรอ่ื ง • ภาคผนวก (ถา้ ม)ี
• อภธิ านศพั ท์ (ถ้ามี)
• คานา เรียงลาดบั • ใบรองปก
• ปกหลงั
• สารบญั ตามหวั ขอ้
สว่ นนา
• สารบญั ตาราง เนื้อหา
(ถา้ ม)ี สรุป
• สารบญั ภาพ
(ถ้าม)ี
องค์ประกอบของรายงานโครงงาน
รายงานการวิจัย
สว่ นต้น • ปกนอก
• ปกใน
• บทคดั ยอ่
• กิตติกรรมประกาศ
• สารบญั
• สารบญั ตาราง (ถ้ามี)
• สารบัญภาพ (ถ้ามี)
องคป์ ระกอบของรายงานโครงงาน
รายงานการวจิ ัย
เน้ือหา • บทท่ี 1 บทนา
• บทท่ี 2 เอกสารที่เก่ยี วข้อง
• บทที่ 3 วิธดี าเนินการศกึ ษา
• บทที่ 4 ผลการศกึ ษา
• บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล
ข้อเสนอแนะ
(หวั ขอ้ แตล่ ะบทอาจปรบั เปล่ยี นคาไดต้ ามสถาบนั )
องค์ประกอบของรายงานโครงงาน
รายงานการวจิ ัย
สว่ นสรุป • เอกสารอา้ งองิ ,บรรณานกุ รม
• ภาคผนวก
- ภาคผนวก ก ......
- ภาคผนวก ข ......
- ภาคผนวก ค ......
• อภธิ านคาศัพท์ (ถ้ามี)
• ใบรองปก
• ปกหลงั
การเขียนสว่ นนา
• ปกนอก • กติ ติกรรมประกาศ
• คานา • สารบญั
• บทคัดยอ่
1 ปกนอก
มรี ูปแบบและรายละเอียดขน้ึ อยู่กับสถาบัน
หรือผสู้ อนกาหนด แตโ่ ดยทัว่ ไปประกอบด้วย
ตราสญั ลกั ษณ์หน่วยงาน ชื่อรายงาน ชอ่ื หรอื คณะผจู้ ดั ทา
ช่ือวิชา ชื่อสถาบัน ภาคเรยี น ปกี ารศกึ ษา โดยจดั รปู แบบและ
ขนาดตัวอักษรให้เหมาะสม จดั วางกง่ึ กลางหนา้ กระดาษ
นอกจากน้ีอาจระบชุ อื่ ครูผูส้ อนเพม่ิ เติม
*ปกในมรี ายละเอยี ดเหมอื นปกนอก
หรืออาจเพิม่ ข้อมลู อื่น ๆ ประกอบ
ใชก้ ระดาษสีขาว เป็นประโยชนก์ รณีปกนอกชารดุ
1 ปกนอก
ตัวอยา่ ง
กึ าขนบการปฏิบัติตนของ ตรจี าก รรณคดี
เรื่อง ม าเ นั ดรชาดก
จัดทาโดย
1. นาง า ...................... เลขที่ ......
2. นาง า ...................... เลขท่ี ......
นกั เรียนชั้นมัธยม ึก าปีที่ .....
เ นอ
ครู........................
รายงานนี้เป็น ่ น นึง่ ของราย ิชา.............
ภาคเรียนท่ี.... ปีการ ึก า ............
โรงเรียน...........................
2 คานา
เป็นส่วนทแ่ี สดงถงึ ความสาคัญหรือความเป็นมา
ขอบเขตของเน้ือหา คาขอบคณุ ผทู้ ี่ชว่ ยเหลือ
ในการทารายงาน ไมค่ วรกล่าวถงึ ข้อบกพรอ่ งหรือคาขอโทษ
ท่จี ัดทารายงานไมเ่ รยี บรอ้ ย สว่ นท้ายของคานาจะระบชุ ื่อ
นามสกุลของผู้จาทา กรณมี ีผูจ้ ดั ทาหลายคนให้ระบุว่า
คณะผู้จดั ทา
(ถ้าเป็นโครงงาน หรือ รายงานการวจิ ยั
ไมม่ คี านา แต่เขยี นบทคดั ยอ่ และกติ ตกิ รรมประกาศแทน)
เลขหน้า ก
2 คานา
ตัวอยา่ ง คานา ก
รายงานเรอ่ื ง.............ฉบับนี้ จัดทาขึ้นเพื่อ
ประกอบการ ึก าค้นค า้ ในราย ิชา........
ประจาภาคเรยี นที่..... ปกี าร กึ า.............
โดยมีเนอ้ื าเกี่ย กับ.................................
ขอขอบคุณ..................ท่ไี ด.้ ...................
และขอบคณุ .................ที่ช่ ยใ ค้ าแนะนาในการ
จดั ทารายงานจนเป็นผล าเรจ็ ท้ายท่ี ุดน้ี งั เป็น
อยา่ งยงิ่ ่ารายงานฉบบั นีจ้ ะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ที่
นใจในเรอื่ ง.....................ต่อไป
3 บทคดั ยอ่
เปน็ การสรปุ แนวคดิ และเน้อื หา
ของการศกึ ษาค้นควา้ เพือ่ ใหผ้ ้อู า่ นไดท้ ราบถึงภาพรวมของงาน
ให้เขียนบรรยายโดยกล่าวถึงรปู แบบ จดุ ประสงคข์ องการศกึ ษา
วธิ ีดาเนนิ การศกึ ษา เครอ่ื งมอื ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ และ
ขอ้ เสนอแนะตามลาดับ โดยใช้ภาษาทก่ี ระชบั รดั กุม ชัดเจน
ตรงประเดน็ เขา้ ใจได้งา่ ย ไมฟ่ ุ่มเฟอื ย หลกี เลีย่ งการเขยี น
อธิบายท่ียกตวั อย่างจานวนมาก
ประโยชน์ : ถา้ อ่านบทคดั ยอ่ แลว้ สนใจ จะอา่ นเนอื้ หาข้างในเอง
(คาแนะนา : ใหเ้ ขียนบทคดั ยอ่ ท้ายสดุ
เพ่ือนาเสนอภาพรวมของรายงานโดยยอ่ ) เลขหนา้ ก
3 บทคดั ยอ่ ก
บทคดั ยอ่
4 กิตตกิ รรมประกาศ
เป็นการกล่าวแสดงความขอบคณุ ผทู้ ใ่ี ห้ความช่วยเหลือ
หรอื เก่ยี วขอ้ งในการดาเนนิ งานศกึ ษาคน้ ควา้
โดยการกลา่ วถงึ บุคคลควรใช้ช่ือและนามสกลุ จริง
คานาหน้าใชค้ าวา่ นาย/นาง/นางสาว หรอื คณุ กไ็ ด้
แตถ่ า้ บคุ คลทกี่ ลา่ วถึงเป็นมีตาแหน่งตา่ ง ๆ
ใหร้ ะบุใหค้ รบถว้ น เช่น อาจารย์ ผู้อานวยการ
ไม่ควรเขยี นกติ ตกิ รรมประกาศเกนิ 1 หน้ากระดาษ
(คาแนะนา : ควรกลา่ วขอบคุณผทู้ ีม่ ตี าแหนง่ สงู สุดหรอื
มีส่วนชว่ ยเหลอื มากท่สี ดุ กอ่ น)
เลขหนา้ ข
4 กติ ติกรรมประกาศ
กติ ติกรรมประกา
รรณ บาย นั . (2557). กติ ตกิ รรมประกา บทประณามพจน์ใน ิทยานิพนธ์ไทย.
าร ารมนุ ย า ตร์และ งั คม า ตร์ ม า ิทยาลัยรงั ิต. 9-10 (16-17). 71.
4 กิตติกรรมประกาศ ข
กิตติกรรมประกา
5 สารบญั
ทาหนา้ ทบี่ อกหวั เรอื่ งต่าง ๆ ทีม่ อี ยู่ในรายงาน
เรียงลาดับตง้ั แตต่ ้นจนจบ โดยระบเุ ลขหนา้ กากับ
ในหน้าส่วนนา ได้แก่ คานา บทคัดยอ่ กิตติกรรมประกาศและ
สารบัญ นยิ มใช้ ก,ข,ค,... ส่วนเนอ้ื เรอ่ื งเรม่ิ ที่ 1,2,…..
ในกรณีทีม่ ขี ้อมูลภาพประกอบหรอื ตารางจานวนมาก
อาจแยกทาสารบัญภาพและสารบัญตารางต่อจากสารบญั เนื้อหา
*รหู้ รอื ไม?่ ในโปรแกรม Word มีวธิ ีสรา้ งสารบญั อัตโนมตั ินะ
เลขหนา้ ค
การเขียนเนอื้ หา
5 บท
บทท่ี 1 บทนา
เปน็ ส่วนทีอ่ ธิบายทม่ี าและความสาคัญ
ของการศกึ ษา ระบุวตั ถปุ ระสงค์ของ
การศึกษา พรอ้ มสมมตฐิ านและขอบเขต
การศกึ ษา (ถ้ามี)
• ทีม่ าและความสาคัญ
เปน็ การเกรน่ิ นาแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสาคญั
และความจาเปน็ ทจี่ ะตอ้ งทาศกึ ษา
• ย่อหนา้ แรก อธบิ ายถงึ ความเป็นมา สาเหตขุ องปญั หา
ทต่ี อ้ งการศึกษา
• ย่อหนา้ ที่สอง จะตอ้ งอภปิ รายถงึ ความสาคญั
ขอ้ ดขี องปัญหา รวมถึงแนวทางแกไ้ ขปญั หา
ในเร่ืองทเี่ ราสนใจจะดาเนนิ การทา
• ยอ่ หน้าสดุ ท้าย ต้องอภิปรายสรปุ เปา้ หมายหรือเหตผุ ลท่ีจะทา
เพอ่ื แกป้ ัญหาทีง่ านทีเ่ ราจะทา และตอ้ งเขยี นสรปุ
“ดงั น้นั คณะผศู้ ึกษาค้นคว้าจงึ ไดม้ งุ่ ศึกษา เร่อื ง..(ใสช่ อ่ื เรอื่ ง)..
เพือ่ ...(ใส่วัตถุประสงค)์ ...............ตอ่ ไป”
• ที่มาและความสาคญั
แบง่ ยอ่ หนา้ โดยเขยี นเชอ่ื มโยงความรู้
จากกว้างไปแคบ
ยอ่ หนา้ แรก เขียนกล่าวถงึ สภาพสถานการณป์ จั จบุ นั
กวา้ ง ทม่ี าท่สี อดคลอ้ งกับปญั หาแบบกว้าง ๆ
เขยี นเชอื่ มโยงเขา้ สบู่ รบิ ทเฉพาะ
ท่สี อดคลอ้ งกบั ปญั หา ข้อสงสยั
ยอ่ หนา้ สดุ ทา้ ยแคบ สรุปชใี้ หเ้ หน็ ปญั หา
ความจาเปน็ ที่ตอ้ ง
ศกึ ษา
• วัตถปุ ระสงค์
แนวการเขยี นวตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา
1. วตั ถปุ ระสงคเ์ ขียนในรปู เป้าหมายการศกึ ษาไม่ใช่วธิ ีการ
2. วัตถุประสงคส์ อดคลอ้ งกบั ชอ่ื เร่อื ง
3. วัตถุประสงค์ชดั เจน ไม่กากวม
4. ให้ใชค้ าวา่ “เพื่อ” นาหนา้ ประโยค
บทท่ี 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
คน้ คว้ารวบรวมเอกสาร งานวจิ ัย
ข้อมูลทีเ่ ก่ียวข้องกับหัวขอ้ ท่ีศึกษา
จากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ ทีน่ า่ เช่อื ถอื
• เอกสารท่ีเกยี่ วข้อง
รวบรวมขอ้ มลู ของเอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั หวั ขอ้
ข้อมูลรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ งานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วขอ้ ง
หรอื งานทเ่ี คยมผี ู้ศกึ ษา เพอื่ นามาสรปุ เป็นแนวทาง
ในการดาเนินงานค้นควา้ ของตนเอง
ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั หวั ข้อเรอ่ื งท่ีศกึ ษา
ต้องใส่อา้ งอิงแบบเชงิ อรรถหรือแบบนามปีประกอบ และนา
รายการเอกสารท้งั หมดไปเขียนไวใ้ น “เอกสารอ้างองิ ”
ตอ้ งใชอ้ งค์ความรจู้ ากการศกึ ษา สรปุ ความรู้และเขยี นโดยใช้
ภาษาของตนเอง ในรูปแบบภาษาในการเขยี นรายงาน
เชงิ วชิ าการ
• ตวั อยา่ งเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง
ในรายงานการ กึ าคน้ ค ้าเรอื่ ง........................
คณะผู้ ึก าค้นค ้าไดร้ บร มข้อมูล แน คดิ ตา่ ง ๆ จาก นัง อื
เอก าร บทค ามทางอนิ เทอรเ์ น็ต และงาน ิจัยตา่ ง ๆ
เกีย่ กบั เรื่อง ....................................... ดงั ปรากฏใน ั ข้อต่อไปน้ี
ตอนที่ 1 ประ ตั ิของผ้แู ต่ง
1.1
1.2
ตอนที่ 2 โ ารภาพพจนแ์ ละ รรณ ิลป์ใน รรณคดไี ทย
2.1
2.2
ศกึ ษำหลกั เกณฑ์กำรเขยี นอำ้ งองิ และบรรณำนกุ รมใน
E-book กำรเขียนอ้ำงอิงและบรรณำนุกรม
บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนนิ งาน
วางแผนการดาเนนิ งาน ระบุขั้นตอน
ระยะเวลา กาหนดขอบเขตของการศกึ ษา
อาจแบ่งเปน็ หวั ขอ้ ยอ่ ย ไดแ้ ก่
- เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั
- การสรา้ งเครื่องมือ (ถ้ามี)
- การเกบ็ ขอ้ มลู
- การวิเคราะหข์ ้อมลู (ถา้ มี)
- สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล (ถ้ามี)
• ตวั อย่างวธิ ีการดาเนนิ งาน
รายงานการ กึ าคน้ ค ้าเรอ่ื ง ........................
เป็นรายงานประเภทที่มงุ่ กึ าเกีย่ กับ ..............................
เพอ่ื ........................................... โดยมีรายละเอยี ด
ิธกี ารดาเนินการ ึก าดงั ต่อไปนี้
1.
2.
3.
(ระบขุ ้นั ตอนการดาเนนิ การ และช่ งเ ลาที่ างแผนดาเนินการ
เรมิ่ ตั้งแต่การ างแผนกา นด ั ขอ้ เรือ่ ง จนเ รจ็ นิ้ )
บทท่ี 4 ผลการศึกษาค้นควา้
เปน็ รายงานผลการศกึ ษา การสารวจ
ประดิษฐ์ ทดลอง ทีน่ ักเรียนได้คน้ พบจาก
การศึกษา ต้องเขียนรายงานตามลาดบั ให้
สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์และวธิ กี าร
ดาเนนิ งาน อาจมกี ารนาเสนอในรปู แบบ
กราฟ ตาราง ภาพ เรียงลาดบั ใหต้ อ่ เนื่อง
• ตวั อย่างผลการศึกษาคน้ คว้า
ผลของการ กึ าคน้ ค า้ ท่ีนาเ นอในบทนป้ี ระกอบด้ ย
เพ่อื ............................................. (ใ ่ ัตถุประ งคแ์ ต่ละขอ้ )
เพอ่ื ................................................
1) ผลการ กึ าคน้ ค า้ ตาม ตั ถุประ งค์ขอ้ ที่ 1
................................................. เขียนอธิบาย ใ ้รายละเอยี ด
ตามท่ีได้ กึ าค้นค า้ มา
บทที่ 5 สรปุ ผลการศึกษาคน้ ควา้
สรปุ ผลการศึกษาคน้ ควา้ และอภิปรายผล
พร้อมบอกข้อเสนอแนะเพื่อแนะนาผ้อู ่านว่า
ถ้าสนใจศกึ ษาในหัวข้อนค้ี วรดาเนินการ
อยา่ งไร
• ตวั อยา่ งสรปุ ผลการศกึ ษาค้นคว้า
รายงานการ ึก าค้นค า้ เรอ่ื ง..................................
เป็นการ ึก า รรณคดีเรือ่ ง.......................................
มี ตั ถุประ งค์ของการ ึก าคน้ ค ้าเพอ่ื .................................
ามารถ รุปผลการ ึก าคน้ ค า้ ได้ดังนี้
(เขยี น รุปผลแยกประเด็นเป็นยอ่ น้า และ รุปภาพร มของการ กึ า
ใ ไ้ ด้ใจค ามครบถ้ น เรียงลาดับตามจุดประ งค์และผลการดาเนนิ งานที่ได้)
การอภปิ รายผลการ กึ าค้นค ้า (ถา้ เปน็ โครงงาน รอื ิจัย)
(อภิปรายผลที่ทาใ ้ไดผ้ ลจากการพิ จู น์ าร จ ประดิ ฐ์ ทดลอง
ค ร ืบค้นค ามรูต้ ่าง ๆ มาอา้ งองิ เพอ่ื นับ นุนผลการดาเนินงาน ่ามคี ณุ ค่า
และเชอ่ื ถือได้)
• ตัวอยา่ งสรุปผลการศกึ ษาค้นคว้า
ขอ้ เ นอแนะ
1. .......................................
2. …………………………………..
(ใ ่ขอ้ เ นอแนะเปน็ ขอ้ แนะนา า รับการดาเนินการในต่อไป
ระบปุ ญั า อปุ รรค เพือ่ พัฒนาต่อยอดองคค์ ามรู้อยา่ ง รา้ ง รรค์
รอื แนะผู้ นใจทา ่าพบปญั า รือค ร ึก าเรื่องใดเพม่ิ เติม
ากมผี ตู้ อ้ งการ กึ าค้นค ้าเกย่ี กับเรื่องนี้ต่อไปในอนาคต
การเขียนสว่ นสรปุ
• เอกสารอา้ งองิ และบรรณานกุ รม
• ภาคผนวก
• อภิธานศพั ท์ (ถา้ มี)
1 เอกสารอ้างองิ คลา้ ยกนั นะ
เอกสารอา้ งองิ (References)
เปน็ การเขียนรวบรวมรายการ แสดงรายชือ่ หนังสอื
ส่งิ พมิ พ์ สือ่ ต่าง ๆ โสตทศั นวสั ดุ ฯลฯ ท่นี าข้อมลู เนอ้ื หามาใช้
ประกอบในการทารายงาน ให้พมิ พ์ทุกเอกสารที่มกี ารอ้างองิ ถึง
โดยใช้การอา้ งองิ แบบนามปีหรอื เชิงอรรถ ในบทท่ี 1,2,5
บรรณานุกรม (Bibliography) : เขียนตอ่ เอกสารอา้ งองิ
หมายถงึ รายการของทรพั ยากรสารนเิ ทศท่ใี ช้ศึกษาคน้ ควา้
เพ่มิ เติมประกอบการเขียนรายงาน และนามาอ้างองิ ไวท้ ้ายเลม่
(ท้งั หมดรวมเอกสารอ้างอิง ดังนนั้ = เอกสารอา้ งองิ +เอกสารอนื่ ๆ)
ศกึ ษำหลักเกณฑก์ ำรเขยี นอำ้ งอิงและบรรณำนกุ รมใน
E-book กำรเขยี นอำ้ งองิ และบรรณำนกุ รม
1 เอกสารอ้างอิง
เอก ารอ้างองิ
*เรยี งลำดบั ช่อื ผแู้ ต่งตำมพจนำนกุ รม ก-ฮ
หำกมรี ำยกำรเอกสำรหลำยรำยกำรทง้ั ภำษำไทยและภำษำอังกฤษ
ใหแ้ ยกกนั โดยพมิ พ์บรรณำนกุ รมภำษำไทยก่อนตำมดว้ ยบรรณำนกุ รม
ภำษำอังกฤษ เรยี งจำก a-z
2 ภาคผนวก
เปน็ ส่วนทา้ ยของรายงานเชงิ วิชาการ
ไม่ใชส่ ว่ นทีเ่ ปน็ เนือ้ หา แต่เปน็ เพียง
ส่วนประกอบที่จะสนบั สนุนการคน้ ควา้ หรือ
รายงานให้ครบถ้วนสมบรู ณ์มากยงิ่ ขน้ึ เชน่
- ข้อมลู ผลการตอบแบบสารวจ การประดิษฐ์
ทดลองที่ยังไม่ได้สรุปจัดกระทาขอ้ มลู
- ตาราง รูปภาพ กราฟ ที่ไมส่ ามารถใสใ่ นสว่ นเน้อื
เร่อื งได้ เพราะจะทาให้เน้อื หาไม่ต่อเนอื่ ง ไมก่ ระชบั
- ข้อความท่เี ป็นรายละเอียดเทคนคิ วธิ ตี า่ ง ๆ
3 อภิธานศัพท์
อภธิ านศพั ท์ (glossary)
เปน็ การนาคาศัพท์ที่ปรากฏในเน้ือเรือ่ ง
ท่ีผ้เู ขียนคาดวา่ ผูอ้ า่ นอาจจะไมเ่ ขา้ ใจ หรอื ไมร่ ู้จกั คา ๆ
น้นั มาก่อน เพ่อื อานวยความสะดวกให้กบั ผู้อ่าน ได้อา่ นเนอ้ื
เรอื่ งอย่างเขา้ ใจและต่อเน่ือง สว่ นใหญ่เป็นคาคพั ทเ์ ฉพาะ
หรือคาศพั ทเ์ ทคนคิ โดยการนาคาศัพทเ์ หล่าน้ันมาจดั เรียง
ตามลาดับอักษร แล้วอธิบายความหมายของคาศพั ทน์ น้ั ๆ