เลม่ ท่ี
๕
โคลง ๔
ปางอภุ ัยภูเบศเบือ้ ง บูรพถ์ วัลย ราชยแ์ ฮ
เรยี บพริ ิยพลพรรค์ พร่งั พรอ้ ม
เจยี นจวบรววิ รรณ รางเรอื่ แลฤๅ
ทวยทชิ ากรน้อม นวบน้วิ เสนอทูล
เชญิ ไทย้ ูรยาตรเตา้ เตียงสนาน
ถวายมทุ ธาภิสติ ธาร เพรียกพร้อง
ศิวเวทวษิ ณบุ รรสาน สงั ข์โสรจ สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้อง เกริกหลา้ หวั่นไหว
ฯลฯ
ร่าย ฝ่ายชีพ่อวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เปิกโขลนทวารโดยกระทรวง
ปวงละว้าเซ่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แด่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม
ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอโสต โปรดโองการธใช้ ให้หม่ืนทิพเสนา
เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบ่ช้าบ่หึงถึงท่ีทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่า
มอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลม่านผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ
บ่รู้ก่ีส่ำสับสน เขาเอาตนหมนื่ หนึ่ง ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จ่ึงพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล
เยยี ใดกลจงึ่ พ่าย เขาจำหน่ายเหตสุ นอง ว่าเผือผองผาดฝา้ ย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ประทะทพั ดสั กร
เข้าราญรอนรุมรุก คลุกคลีกันหน่ันหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกคร้ัง ต้ังตนต่อบ่มิคง
ตรงตนต่อบ่มิหยุด เหลือจักยุทธ์จ่ึงลาด คร้ันพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ
แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมลุ ท่ัวทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดท้ังมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด
จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห็ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น
แต่งทัพซ้ันไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจ่ึงยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ
เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ
ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพล้ังเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน เราควรยกออกโรม
โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้
ธให้หมื่นทิพเสนา กับหม่ืนราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองน่า เร็วเร่งล่าอย่าร้ัง
ทวยพหลทั่วท้งั ทราบขอ้ บรรหาร ท่านนา
โคลง ๒ ไปบ่ ร่ อรั้งท้าย
บนานต่างตนผา้ ย
บมผี ู้อยตู่ า้ น
ถีเ่ ทา้ ผาดผัง มานา
ผนั หลงั แลน่ แผ่ผา้ น เห็นไทยผนั หนหี นา้
ตืน่ ตอ้ นแตกฉาน น่านนา
ต่อสู้สักตน หนึง่ นา เท่ห์กลไทยใชน่ ้อย
เร่งเตา้ ตีนตาม มานา
โคลง ๓ บเปน็ ทัพเป็นขบวนแท้
พวกพลทัพรามญั ไลล่ ำ้ ระสำ่ ระสาย ยงิ่ นา
ประมาทประมาณหม่นิ หม้ัน
ไปบห่ ยดุ ยงั้ ชา้ ชนื่ หน้ามาสรลม สรลอนนา
ไป่แจง้ การแหง่ เลห่ ์
ตา่ งเร่งติดเร่งต้อย
แลหลงั หลามเหลอื นบั
ถวลิ ว่าพา่ ยจริงแล้
หมายละเลงิ ใจอาจ
เบาเรง่ เบาเชงิ ช้ัน
อา่ นมาถึงตอนที่ ๗ แลว้
เนอ้ื เรอื่ งเร่ิมเขม้ ขน้ แล้ว
แน่นอนเน้ือเรอ่ื งเร่มิ สนุกแลว้
ไปอา่ นกนั ต่อดีกว่านะ
พระนเรศวรทรงศึกษายทุ ธวิธเี อาชนะศึก
พระนเรศวรทรงโปรดให้พราหมณ์ทำพิธเี บกิ โขลนทวารเซ่นทรวงเทวดาและพธิ ี
แกผ่ ีสางทรงส่งพระแสงดาบอาญาสิทธิใ์ หห้ ลวงมหาวชิ ยั ทำพธิ ีตัดไม้ขม่ นาม
ทา่ นหม่ืนทพิ ยเ์ สนาไปดูสวิ ่า
เกิดอะไรขึน้ ถงึ เสยี งดงั เช่นน้ี
เกดิ อะไรขึ้นเนย้ี ะ
ร้พี ลกองทพั ไทยทั้งหมดเดินทพั มาถงึ โคกเผาขา้ วไดป้ ะทะกบั กองพมา่ ซึ่งมกี ำลงั มากกว่าไมส่ ามารถตา้ นทานได้
เจา้ จงไปกับข้า
หม่ืนทิพย์เสนาไดจ้ บั หมื่นคนหน่ึงกลบั มาเขา้ เฝา้ พระนเรศวร
เพราะเหตใุ ดเรา ร้พี ลท้ังหมดเดินทัพมาถงึ
จงึ แพก้ องทัพมอญ โคกเผาขา้ วได้ปะทะกบั
กองทัพมอญซ่ึงมรี ้ีพล
มากกว่าจงึ ไมส่ ามารถ
ตา้ นทานได้พะยะค่ะ
พวกท่านพอมวี ิธี ใหข้ ้าพเจา้ จัดทพั ไปถ่วง
ที่จะทำให้ชนะ เวลาขา้ ศกึ ไว้ แลว้ ให้
ข้าศกึ บา้ ง พระองคไ์ ปตง้ั มนั่ ท่ี
กรุงศรีอยุธยาใหข้ ้าศกึ
ออ่ นกำลงั จึงค่อย
เสดจ็ ยกทพั หลวง
ออกมาสู้พะยะค่ะ
แตว่ ่าฝา่ ยไทยกำลังแตกพ่ายมาหากส่งกองทพั ไปตา้ นทานก็
ต้องพลอยแตกชำ้ กลบั มาเป็นครง้ั ท๒่ี หากส่ังใหถ้ อยร่นลงมา
โดยลวงข้าศึกพม่าจะได้ประมาณไล่ตดิ ตามไมเ่ ป็นขบวนแลว้ ค่อย
ยกกำลงั ส่วนใหญ่ออกไปตีเหน็ จะได้ชัยชนะโดยง่าย
เป็นแผนการที่ดเี ยี่ยมพะยะคะ่
สมเดจ็ พระนเรศวรรบั สั่งให้หมน่ื ทิพย์เสนาไปแจง้ ขา่ วใหท้ พั หน้าได้รถู้ งึ แผนการทำศึก
พมา่ ลุยแหลก
ล่อมาทางน้ี
เลย
ทพั หน้าไทยเม่อื ได้รับคำสัง่ จงึ หนีถอยมาอย่างรวดเรว็ พวกพมา่ เหน็ เช่นนนั้ กไ็ ลต่ าม
กองทพั ไทยอย่างไมเ่ ป็นขบวนโดยไม่รู้เล่หก์ ล เพราะคดิ ว่าไทยแพ้จริงๆ จงึ บกุ ไลต่ าม
กองทพั ไทยด้วยความคึกคะนอง
คำศัพทค์ วรรู้
คำศัพท์ ความหมาย
ฉม
ยามสบิ เอ็ด กล่นิ หอม เครอ่ื งหอม
ประนงั ย้อยแง่ เวลาตหี า้ (ก่อนรุง่ )
พก มีคนอยรู่ วมกันน้อยคน
ย่าน แผ่นดิน พลกิ คว่ำ
วเิ ลปน์ ทอ้ ถอย
สมร การทา การลูบไล้ เคร่อื งลูบไล้
เสนดั รว่ มตาย การรบ ดวงใจ ผู้หญงิ
ห่ืน ปืน
อนสุ นธิ รน่ื ทะเยอทะยาน
ต่อเน่อื ง
รา่ ย ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขนุ ศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยขา่ วราชริปู ดูทัพชาว
ร่าย ฝ่ายกองตะเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร
จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอาอาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง
จงึ สมิงอะคร้านขนุ กอง รองสมงิ เป่อปลดั ทัพ กับสมงิ ซายม่วน ท้ังสามด่วนเดนิ พล พวกหพลหมู่มา้ หาร้อยมามองความ
ยลสยามยาตรทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสด็จ
เร็วระเห็จไปทูล แด่นเรศูรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ
ยกมายุทธ์แย้งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก
ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองท้ังเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหม่ืน ดูดาษดื่นทุง่ กวา้ ง คร้ันเจ้าชา้ งทรงสดับ
ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซ่ึงสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา
มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แตกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม
ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวยี งโดยสะดวก แล้วธส่ังพวกขุนพลเทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่
สามยามเสร็จ ตสี ิบเอด็ นาฬกิ า จกั ยาตราทพั ขนั ธ์ กนั เอารุ่งไวห้ นา้ เรว็ เรง่ จัดอย่าช้า พรุ่งเชา้ เราตี เทอญนา
โคลง ๔
เสนีถอ้ ยท่าน ทกุ ตน
ตา่ งเรง่ ตรวจเตรยี มพล ทกุ ผู้
พลหาญห่ืนหนรณ เรงิ รา่ น อยู่แฮ
คอยจักขบั เค่ียวสู้ เขน่ เส้ียนศึกสยาม
ครนั้ ยามสบิ เอด็ เวลา ลุเอย
องคอ์ ัครอุปราชา หนอ่ ไท้
โสรจสรงรสธารา รวยรน่ื ฉมนา
เฉลมิ วิเลปน์ลบู ไล้ เฟ่อื งฟุ้งเสาวคนธ์
ฯลฯ
ภเู บนทรบ์ า่ ยบาทขึ้น เกยหอ
ขค่ี ชช่ือพทั ธกอ กาจกล้า
บ่เขด็ บ่ขามขอ เขาเงอื ด เงื้อแฮ
มันตกติดหลงั หน้า เลือกเสอื้ งสา่ ยเสย
ฯลฯ
ร่าย ส่วนพระยาศรีไสนรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนท์ ทราบอนุสนธิส่ังไท้
ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีข่ีคช
ปรากฏช่ือมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมุล ขุนผู้คู่กำกับ
เปน็ ทัพหลงั พร่ังพฤนท์ ข่ีคชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร
เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา
ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ล่ำศาสตาครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนและสาร แสนยาหาญ
แน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ
ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขบั ทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟนั สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์
เอิกอึงเห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน
เง้ือดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปันกันออกโรมรณ
หนสู่ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร้า กล้าต่อกล้าชิงบ่ัน กลั่นต่อกล่ันชิงรอน
ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ด้ังต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเชนสู้
ตาวคู่คู่ตาวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รออลวนอลเวง ต่างเกรงบ่กลัว
ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร
ขานเสียงคึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโรม ทวนแทงโถมทวน
ทบหอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไล่ไขว่แคว้ง แย้งธนูเหน่ียวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเช่ียว
เร่ียวต่อเร่ียวหักแรง แขงต่อแขงหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด
ผลาญกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก ตามเต็มท่งเต็มเถื่อน
ตากเต็มเพื่อนเต็มพง ท่ียังคงบ่มีอยู่ ที่ยังอยู่บมิหยอน ต่างต่อกรฮึกฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา
ดาหนุนแน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะคึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงห่ัน
ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบ่มิแตก แยกยุทธ์แย้งบ่มิพัง ทวยหน้าหลัง
ต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด
บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขนเด็ด บ่อยากเข็ดอยากเกรง บ่อยากเยงอยากย่าน บัดมอญม่านมาหลาย
รายกันโอบกันอ้อม ล้อมกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผ่ออกรบบ่มิรอด ถอดถอยท้อรอรับ
มอญขยับยกตาม หลามเหลือลน้ พลเตา้ เสยี งปืนตึงตื่นเรา้ เรง่ ครืน้ เครงครกึ อย่นู า
โคลง ๒
พันลึกล่มล่ันฟา้ เฉกอสุนีผ่าหล้า
แหลง่ เพ้ียงพกพงั แลนา
ดงั ตรลบโลกแล้ ฤๅบร่ า้ งรแู้ พ้
ชนะผใู้ ดดาลฉงนนา
สองฝา่ ยหาญใชช่ า้ คอื สีหสีหกลา้
ต่อแกลว้ ในกลาง สมรนา
พระมหาอุปราชาทรงปรึกษาการศกึ แลว้ ยกทัพเขา้ ปะทะหน้าของไทย
ฝ่ายนายกองลาดตะเวน ซึ่งพระมหาอปุ ราชาใชใ้ ห้ขี่มา้ ตรวจดูกองทัพไทย คอยสงั เกตการณ์ แลว้ กจ็ ะกลบั ไป
กราบทลู พระมหาอปุ ราชา
กองทพั ของเราจะใชว้ ิธีการจโู่ จมหักเอาชัยเสยี แตแ่ รกเพื่อ
เบาแรง และล้อมกรงุ ศรอี ยธุ ยา แลว้ ชิงสมบัตมิ าภายหลงั
ใหเ้ ตรียมพลใหเ้ สร็จตงั้ แต่ ๓ นาฬกิ า พอ ๕ นาฬกิ า
ก็ยกทัพกะใหส้ ว่างกลางทงุ่ ร่งุ เชา้ จะไดต้ ที ันที
กองทัพไทยตง้ั อยทู่ คี่ ่ายหนอง
สาหรา่ ย สมเดจ็ พระนเรศวร และ
สมเด็จพระเอกาทศรถ เป็นผยู้ กทพั
มาเองมรี ี้พล ๑๘ หม่นื
เวลา ๗ นาฬิกา ณ โคกเผา
ข้าว
กองทพั ไทยไดป้ ะทะกบั กองทัพพม่า ทง้ั สองฝา่ ยตา่ งส้กู นั อยา่ งกลา้ หาญ พร่าผลวาาญวชีวติ ตายกนั
เกลือ่ นกลาด
คำศัพทค์ วรรู้
คำศัพท์ ความหมาย
ตระบัด ประเดี๋ยว บัดใจ ทนั ใด พลันไป
ปจั จามิตร ข้าศกึ
มทุ ราภสิ ิตธาร น้ำสรงในพิธีพราหมณ์สำหรับงานพระราชพิธีมงคล เรียกอีก ชื่อคอื น้ำมรุ ธาภเิ ษก
ละเลงิ เหลิงจนลืมตัวเพราะลำพองหรือคกึ คะนอง
สรวง สวรรค์
หยั มา้
โคลง ๔
เบ้อื งบรมจกั พรรดิเกล้า กษตั รา
เถลงิ พภิ พทวารา เกร่ินแกลว้
สถติ เกยรตั นราชา อาสนโ์ อ่ องคเ์ อย
คอยฤกษ์เบกิ ยุทธ์แผ้ว แผน่ พืน้ หาวหน
บัดดลวลาหกช้อื ชระอบั อย่แู ฮ
แห่งทิศพายพั ยล เยือกฟ้า
มลักแลกระลายกระลบั ลิวลง่ ไปเฮย
เผยผ่องภาณเุ มศจา้ แจม่ แจ้งแสงฉาน
คคั นานต์นฤราสรา้ ง ราคิน
คอื ระเบยี บรตั นอนิ ทนิล ดาดไว้
บรสิ ทุ ธิ์สร่างมลทนิ ถ่องโทษ อยู่นา
นักษัตรสวัสดิเดชได้ โชคช้ศี ภุ ผล
ฯลฯ
ร่าย เคล่ือนพลตามเกล็ดนาค ตากเต็มท่งแถวเถือ่ น เกลอ่ื นกล่นแสนยาทัพ ถบั ประทะไพริน
สว่ นหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก
อกึ เอกก้องกาหล เรง่ คำรนเรียกมนั ชันหูชหู างแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง
บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์ลมพาน ส่ำและสารแสนยา
ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทง้ั ทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทนั โทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้
ไร้พิริยแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสด็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียร
หมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร
ไล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งค่ังคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง
ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพกิ พังพา่ ยบ่ายตน ปนปะไปไขว่ควา้ ง ชา้ งศึกไดก้ ลนิ่ มัน
หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเช่ียว เรียวรณรงค์เริงแรง
แทงถีบฉัดตะลุมบอน พมา่ มอญตายกลาด ขา้ ศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดง่ั พรรษาซ้อง ไป่ตกตอ้ งตนสาร
ธุมาการเกดิ กระลบ อบอลเวงฟากฟา้ ดูบ่รู้จกั หนา้ หนึ่งสิน้ แสงไถง แลนา
โคลง ๔ สมมตุ ิ
จ่งึ ไทเทเวศอ้าง เกศหลา้
ยายง่ิ ยศแฮ
มิง่ มหิศวรมกฎุ เฟ่ืองดา้ วดนิ ไหว
เถลงิ ภพแผ่นอยธุ โชยงการ
แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า ฉชัน้
กมลาสน์ แลนา
ภวู ไนยผายโอษฐ์อนื้ สดับถ้อยตูแถลง
แกเ่ ทพทกุ ถ่นิ สถาน มาอุบตั ิ
โสฬสพรหมพิมาน สบื เชือ้
เชิญชว่ ยชมุ โสตซน้ั ตรเั ยศ ยืนนา
กอ่ สรา้ งแสวงผล
ซ่ึงแสร้งรงั สฤษฏ์ให้ นภา ดลฤๅ
ในประยูรเศวตฉัตร มดื มว้ ย
หวังผดุงบวรรัตน ทวยเศิก สมรแฮ
ทำนุกพระศาสน์เกอ้ื ดง่ั นีแ้ หนงฉงาย
โอษฐ์พระ
กลใดไป่ชว่ ยแผว้ ตืน่ ฟ้า
ใสสรวา่ งธุมา พานพดั หาวแฮ
มลักเล็งเหลา่ พาธา จรสั ดา้ วแดนสมร
เห็นตระหนกั เนตรด้วย ธำรง สารแฮ
เทริดเกล้า
พอวายวรวากย์อา้ ง อุปราช แลฤๅ
ดาลมหาวาตะ แตต่ ง้ั ตาแสวง
ทรหงึ ทรหวลพะ ทฤษฎี แลนา
หอบธุมางค์จางจา้ หนง่ึ ไสร้
เรียงคัง่ ขเู ฮย
ภธู รเมลิ อมิตรไท้ ขอ่ ยชี้เฌอนาม
ครบสบิ หกฉตั รทรง คะเนนึก อยู่นา
บจ่ วนบจ่ วบองค์ นักโนน้
พลางเร่งขับคชเตา้ แลหลาก หลายแฮ
เพง่ เพีย้ งพศิ วง
โดยแขวงขวาทศิ ท้าว
บดั ธเหน็ ขุนกรี
เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์
หนแห่งฉายาไม้
ป่ินสยามยลแทท้ ่าน
ถวิลว่าขุนศึกสำ
ทวยทัพเทยี บพนั ลึก
ครบเคร่ืองอปุ โภคโพน้
โคลง ๒ ขบั ชคเชนทร์บ่ายหนา้
สองสุรยิ พงศ์ ผ่านหลา้ พักตร์ท่านผอ่ งฤๅเศร้า
โซรมปนื ไฟไปต่ ้อง
แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา
ไป่เกรงประภาพเท่าเผา้
สเู่ สีย้ นไป่หนี หนา้ นา
ไพรีเรง่ สาดซอ้ ง
ตืน่ เตา้ แตกฉาน ผา้ นนา
เป็นไงบา้ งอ่านมาถึงตอนนแ้ี ล้ว
ตอนแรกก็ลนุ้ นิด ๆ เกรงว่าพระนเรศวร
และพระเอกาทศรสจะเป็นอันตราย
แตส่ มเดจ็ พระนเรศวรก็มไี หวพริบดีมาก ๆ
ทัพหลวงเคลอื่ นพลช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝา่ เข้าไป
ในกองทพั ข้าศกึ
พระนเรศวรเหน็ พมา่ ตีโต้ตอบกลับมาโดยขาดการระวังตวั จึงมคี ำสง่ั ใหก้ องทัพ
ทง้ั หมด เข้ารุมตีขา้ ศกึ ทกุ ด้านโดยพรอ้ มเพรียงกันหวงั ให้แตกย่อยยับ
พระนเรศวรและสมเด็จเอกาทศรถทรงเคล่ือนทัพตามเกร็ดนาคอันเกร็ดนาคนี้ตำรา
พิชัยสงครามกล่าวให้ตั้งทัพตามหัวนาค เคล่ือนทัพไปทางหางนาค การเคล่ือนที่ทัพ
เชน่ นี้ คอื การเคลื่อนทพั ตามเกร็ดนาค
เสียงฆ้องกลองรบและเสียงปืนท่ีดังสนั่น จนทำให้ช้างตกมัน ว่ิงถลันเข้าไปในทัพหน้าของ
พม่า ทั้งถีบทั้งเตะ ตะลุมบอนทหารพม่าตายเกล่ือนกลาด บางส่วนก็ยิงปืน บางส่วนก็ยิงธนูใส่เกิด
ควันกลบท้องฟ้ามืดมิด แม้เบ้ืองหน้าจะเต็มไปด้วยข้าศึกมากมาย แต่ท้ังสองพระองค์ก็มิได้หวั่นเกรง
ทรงไสช้างเข้าหาใช้ง้าวฟาดฟันจนทหารตาย ทหารพม่าตา่ งพากันโต้ตอบระดมยิงปนื ใสท่ ง้ั สองพระองค์
ราวกับห่าฝน ฉับพลันก็เกิดลมกรรโชก พัดจนฝุ่นตลบท้องฟ้ามืดดับราวกับเวลาค่ำคืนท้ังสองฝ่าย
มองเหน็ กันอยา่ งเลอื นลาง
พระพรหมทกุ ช้นั ฟ้า
ปณิธานของพระองคท์ ี่
ไดม้ าจากการสบื วงศ์
กษตั รยิ ์และม่งุ หวงั ท่ีจะ
ทำนบุ ำรุงพระบวรพทุ ธ
ศาสนา ช่วยปกปกั ษ์
รักษาข้าพระองค์ดว้ ยเถิด
หลงั คำอธิษฐานส้ินกบ็ งั เกิด
ลมพดั ไลเ่ มฆกระจดั กระจาย
ใหท้ อ้ งฟ้าสวา่ งอีกครงั้
คำศัพทค์ วรรู้
คำศัพท์ ความหมาย
กระลงึ กระลอก ถือกลอก
ฉชั้น สววรรค์ ๖ ชนั้ คือ จาตมุ หาราชกิ ดาวดงึ ส์ ยามะ ดุสติ นมิ านรดี ปรนิมวสตตี
โซรม รุมกัน ชว่ ยกัน
ทรหงึ ทรหวล นาน เสยี งเอด็ องึ เสียงดังปั่นป่วน
เทรดิ เครอื่ งประดับศีรษะ ยอดสนั้ ไม่สูงอย่างชฎา รูปมงกฎุ มีกรอบหนา้
ธุมางค์ ควนั ฝุ่น
นกั ษัตร ดาวฤกษ์
พริ ิยะ ทหาร นักรบ คนกล้า
ไพรทิ ร์ ข้าศึก
ภาณเุ มศ ดวงอาทิตย์
รังสฤษฏ์ สร้าง แต่งตั้ง
วลาหก เมฆ
สวัสดิ ความดี ความงาม ความเจริญ
เสี้ยน ขา้ ศึก
ใบกจิ กรรมที่ ๕.๑ คะแนนเตม็ ๕ คะแนน
คะแนนที่ได.้ .................
การถอดความตอนท่ี ๗ พระมหาอปุ ราชา
ทรงปรกึ ษาการศกึ แล้วยกทัพเข้าปะทะหน้าของไทย
คำช้แี จง: ให้นักเรียนถอดคำประพันธจ์ ากการอ่านเน้ือเรื่องลลิ ติ ตะเลงพา่ ยตอนที่ ๗ พระมหาอปุ ราชา
ทรงปรึกษาการศึกแลว้ ยกทัพเขา้ ปะทะหน้าของไทย
ตอนท่ี ๗ พระมหาอุปราชาทรงปรกึ ษาการศกึ แลว้ ยกทพั เข้าปะทะหน้าของไทย
ถอดความได้ว่า…………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
ใบกิจกรรมท่ี ๕.๒ คะแนนเต็ม ๕ คะแนน
คะแนนทไี่ ด.้ .................
การถอดความตอนที่ ๘ พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวิธเี อาชนะข้าศึก
คำช้ีแจง: ให้นักเรียนถอดคำประพันธ์จากการอา่ นเน้ือเรื่องลลิ ติ ตะเลงพ่ายตอนที่ ๘ พระนเรศวรทรงปรึกษายทุ ธวธิ ี
เอาชนะข้าศึก
ตอนท่ี ๘ พระนเรศวรทรงปรกึ ษายุทธวิธีเอาชนะข้าศึก
ถอดความได้วา่ …………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
ใบกิจกรรมท่ี ๕.๓ คะแนนเตม็ ๕ คะแนน
คะแนนที่ได้..................
การถอดความตอนที่ ๙ ทัพหลวงเคลอื่ นพล ช้างทรงพระนเรศวร
และพระเอกาทศรถฝ่าเขา้ ไปในกองทัพข้าศกึ
คำช้แี จง: ให้นักเรียนถอดคำประพันธจ์ ากการอา่ นเนอ้ื เร่ืองลลิ ิตตะเลงพา่ ยตอนท่ี ๙ ทัพหลวงเคล่อื นพล ชา้ งทรง
พระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝา่ เข้าไปในกองทัพข้าศึก
ตอนที่ ๙ ทพั หลวงเคลอื่ นพล ชา้ งทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถ
ฝ่าเขา้ ไปในกองทพั ขา้ ศกึ
ถอดความได้ว่า…………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………