The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนที่๖ การกลายระดับยีน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suppakan20, 2019-12-14 03:50:07

แผนการสอน การกลายระดับยีน

แผนที่๖ การกลายระดับยีน

แผนการจดั การเรยี นรู้

รายวิชาชีววทิ ยาเพ่ิมเตมิ ๒ รหสั วิชา ว ๓๐๒๔๒ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวทิ ยา ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๒

จานวน ๑ คาบ (๕๕ นาท)ี แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๖ การกลายระดบั ยนี

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๔ โครโมโซมและสารพันธุกรรม ครผู ูส้ อน นางสาวศภุ กาญจน์ คงแก้ว

๑. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ัด

มาตรฐานการเรียนรสู้ าระชวี วทิ ยา

เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่

ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ

ของส่ิงมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของ

ส่ิงมชี วี ติ ความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวิต และอนุกรมวธิ าน รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวชีว้ ัด

ม.๔/๙ สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม

สาเหตกุ ารเกดิ มิวเทชัน รวมทงั้ ยกตัวอยา่ งโรคและกลุ่มอาการท่เี ปน็ ผลของการเกดิ มวิ เทชนั

๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

๑. อธิบายการกลายของสิ่งมชี ีวิตได้ (K)

๒. เขยี นลาดับกรดอะมิโนใหมใ่ นสายพอลเิ พปไทด์ทเี่ กิดการกลายของรหสั พันธุกรรมได้ (P)

๓. สนใจใฝ่รูใ้ นการศึกษา (A)

๓. สาระสาคญั

- มิวเทชันเป็นการเปล่ียนแปลงของลาดับหรือจานวนนิวคลีโอไทด์ใน DNA ซ่ึงอาจนาไปสู่

การเปล่ียนแปลงโครงสร้างและการทางานของโปรตีน ซ่ึงถ้าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดในเซลล์สืบพันธุ์

จะสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อๆไปได้ และทาให้เกิดความแปรผันทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต

การเกิดมวิ เทชันมีสาเหตุมาจากปัจจยั ต่างๆ เช่น รงั สี และสารเคมี

- การขาดหายไปหรือเพิ่มขึ้นของนิวคลีโอไทด์และการแทนท่ีคู่เบส เป็นการเกิดมิวเทชันระดับยีน

เช่น โรคโลหิตจางชนิดซิกเคลิ เซลล์ เป็นผลมาจากการแทนท่คี ู่เบส

๔. สาระการเรยี นรู้

การกลายระดบั ยนี (gene mutation) เปน็ การเปลี่ยนแปลงในระดบั นวิ คลีโอไทด์ แบ่งออกเปน็

- การแทนท่ีคู่เบส (base-pair substitution) เป็นการแทนที่คู่ของนิวคลีโอไทด์ แบ่งออกเป็น

การกลายแบบเงียบ (silent mutation) การเปลี่ยนแปลงของลาดับนิวคลีโอไทด์ แต่ถอดรหัสเป็นกรดอะมิโน

ชนิดเดิม การกลายแบบเปลี่ยนรหัส (missense mutation) การเปล่ียนแปลงของลาดับนิวคลีโอไทด์ที่ทาให้

เกิดการแปลรหัสเป็นกรดอะมิโนชนิดอื่น ซ่ึงอาจส่งผลกระทบต่อโปรตีนเช่นกัน การกลายเป็นรหัสหยุด

(nonsense mutation) การเปลี่ยนแปลงของลาดับนิวคลีโอไทด์ท่ีทาให้เกิดการถอดรหัสเป็นรหัสหยุด ทาให้

สายพอลเิ พปไทด์ส้นั กว่าปกติ และทาใหโ้ ปรตีนไมส่ ามารถทาหน้าทไ่ี ด้

- การเพิ่มข้ึนหรือขาดหายของนิวคลีโอไทด์ (insertion and deletion of nucleotide) ทาให้มีการ

จัดกลุ่มโคดอนไม่เหมือนเดิม จึงส่งผลต่อการแปลรหัสและถอดรหัส การกลายแบบน้ีเรียกว่า การกลายแบบ

เล่ือนกรอบ (frameshift mutation)

๕. สมรรถนะสาคัญทเ่ี กิดกับผเู้ รยี น

[ ⁄ ] ความสามารถในการสอ่ื สาร [ ⁄ ] ความสามารถในการคดิ

[ ] ความสามารถในการแก้ปัญหา [ ⁄ ] ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

[ ] ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

๖. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

[ ] รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ [ ] ซือ่ สัตยส์ จุ ริต [ ⁄ ] มวี นิ ยั

[ ⁄ ] ใฝเ่ รยี นรู้ [ ] อยู่อย่างพอเพียง [ ⁄ ] ม่งุ มนั่ ในการทางาน

[ ] รักความเปน็ ไทย [ ] มจี ิตสาธารณะ

๗. ชิน้ งาน/ภาระงาน

สมุดจดบันทกึ รายวชิ าชวี วิทยาเพมิ่ เติม ๒ , ใบงานท่ี ๖ การมิวเทชันระดับยนี

๘. การวัดและการประเมนิ ผล

หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑ์
(ชน้ิ งาน/ภาระงาน)

อธบิ ายการกลายของ ตรวจสมุดจดบันทึก สมดุ จดบันทึกของ ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ระดับดีข้ึน

สง่ิ มชี ีวิตได้ (K) นักเรยี น ไป ตามเกณฑ์ประเมินแบบ

คุณภาพ

เขียนลาดบั กรดอะมิโนใหม่ ตรวจใบงานที่ ๖ การ ใบงานท่ี ๖ การมวิ ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดับดีข้ึน

ในสายพอลิเพปไทดท์ เ่ี กิด มวิ เทชันระดับยีน เทชนั ระดบั ยีน ไป ตามเกณฑ์ประเมินแบบ

การกลายของรหสั คุณภาพ

พนั ธกุ รรมได้ (P)

สนใจใฝร่ ้ใู นการศึกษา (A) ขานช่ือนกั เรียน แบบลงเวลาการเข้า ผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ระดับดีข้ึน
เรยี น ไป ตามเกณฑ์ประเมินแบบ

คุณภาพ

๙. เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ดมี าก (๓) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พอใช้ (๑)
เนอ้ื หาครบถว้ น ดี (๒) เนือ้ หาไม่ครบ และ
ชิน้ งาน/ภาระงาน ถูกต้อง และตรง ไม่ถูกต้อง แต่ตรง
เนื้อหาไมค่ รบ แต่
อธิบายการกลายของสิง่ มชี วี ิตได้ ประเด็น ถกู ต้อง และตรง ประเดน็
(K)
เนื้อหาครบถ้วน ประเด็น
เขยี นลาดับกรดอะมโิ นใหมใ่ นสาย ถูกต้อง และตรง
พอลิเพปไทด์ท่ีเกิดการกลายของ เนือ้ หาไม่ครบ แต่ เน้อื หาไมค่ รบ และ
รหัสพันธุกรรมได้ (P) ประเด็น ถกู ต้อง และตรง ไม่ถูกตอ้ ง แต่ตรง

ประเด็น ประเดน็

สนใจใฝ่รใู้ นการศึกษา (A) เขา้ เรียนตรงเวลา เข้าเรียนสาย ๑๐ เข้าเรยี นสายเกิน
นาที ๑๐ นาที

๑๐. การจดั การเรยี นรู้
ขั้นท่ี ๑ สร้างความสนใจ (Engagement) (๕ นาที)
๑. ครูนารูปภาพ เกง้ และเกง้ เผือก มาแสดง

โดยครใู ช้คาถาม ดังน้ี
- ลกั ษณะของเกง้ เผอื กลักษณะใดที่ผิดไปจากปกติและลักษณะใดบา้ งท่เี หมือนกนั
(เก้งเผือก ลักษณะท่ีต่างไปจากปกติ เช่น สีขนเป็นสีขาว สีของดวงตาเป็นสีแดง เก้งเผือกลักษณะท่ีเหมือนกัน
เช่น หนา้ ตา รูปร่าง)
- ลกั ษณะทผ่ี ดิ ปกตินีส้ ามารถถา่ ยทอดไปยงั รุน่ ต่อไปได้หรือไม่
(ลกั ษณะเผือกน้สี ามารถถ่ายทอดไปยังรุน่ ต่อไปได้)
- นกั เรียนเคยเหน็ สตั ว์ที่มลี ักษณะเผือกบอ่ ยหรอื ไม่
(ข้นึ อยู่กบั คาตอบของนักเรยี น)
๒. ครูกล่าวว่า วนั น้นี ักเรยี นจะไดเ้ รียนรเู้ รอ่ื ง มิวเทชนั จากการทากิจกรรมการเกิดมวิ เทชนั ระดบั ยีน

ข้นั ที่ ๒ สารวจและคน้ หา (exploration) (๑๐ นาที)
๑. ครูใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุม่ ๕ กล่มุ และให้ตัวแทนกลุม่ ออกมารบั ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การเกิดมวิ เทชันระดบั ยนี
๒. ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาวธิ กี ารทากิจกรรมตามที่ปรากฏในใบกิจกรรม จนนกั เรยี นเข้าใจอย่างชดั เจน
๓. ครใู ห้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ กอ่ นทากิจกรรม โดยครูถามคาถาม ดงั นี้

- นกั เรียนคิดวา่ มวิ เทชนั ระดบั ยนี เกิดจากสาเหตุใด
(ขึน้ อยู่กับคาตอบของนักเรยี น)
๔. ครใู ห้นกั เรยี นลงมือทากิจกรรมการเกิดมวิ เทชันระดบั ยีน พร้อมบันทึกผลลงใบกิจกรรม
ขน้ั ที่ ๓ อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) (๓๐ นาที)
๑. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน
๒. ครใู ห้นกั เรยี นสังเกตผลการทากจิ กรรมของนักเรยี นแต่ละกลุ่ม จากนั้นถามคาถามเพือ่ ให้นักเรยี น
ตอบและอภิปรายรว่ มกบั ครู ดังน้ี
- การเกดิ มิวเทชนั แบบการแทนที่คเู่ บส ทาให้เกดิ ผลเสยี เสมอไปหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
(ไม่เสมอไป ถา้ มกี ารแทนท่ีค่เู บสแล้วไดก้ รดแอมิโนชนดิ เดิม จะไม่มีผลตอ่ ฟโี นไทป์ของสิ่งมีชวี ิตนั้น)
- ผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์มีลาดับของกรดแอมิโนในฮีโมโกลบินสายบีตาแตกต่างจากคนปกติ
อยา่ งไร
(แตกต่างกันคือ กรดแอมิโนตาแหน่งที่ ๖ ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบินในคนปกติเป็นกรดกลูตา
มิก ส่วนในคนทีเ่ ป็นโรคโลหติ จางชนิดซกิ เคลิ เซลลจ์ ะเปน็ วาลีน)
- ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของโรคโลหิตจางชนิดซกิ เคลิ เซลลเ์ ก่ยี วขอ้ งกับ DNA และโปรตีนอยา่ งไร
(เม่ือเบสของ DNA เปลี่ยนไป การสังเคราะห์โปรตีนฮีโมโกลบินจะผิดปกติ ทาให้คนที่มีลักษณะทางพันธุกรรม
เชน่ นี้เป็นโรคโลหติ จางชนดิ ซิกเคลิ เซลล์)
- การทากจิ กรรมนีส้ รุปผลไดว้ ่าอย่างไร
(จากการทากิจกรรมพบว่ามิวเทชัน หรือการกลาย คือ การเปลี่ยนแปลงลาดับ และจานวนเบสใน DNA และ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมซึ่งอาจมีผลทาให้ลักษณะ หรือฟีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนไป และ
สามารถถ่ายทอดลักษณะไปยังรุ่นต่อ ๆ ไปได้ ผู้ป่วยโรคโลหิตจากชนิดซิกเคิลเซลล์จะมีลาดับของกรดแอมิโน
ในฮีโมโกลบินสายบีตาแตกต่างจากคนปกติ คือ กรดแอมิโนตาแหน่งท่ี ๖ ของพอลิเพปไทด์ สายบีตาของ
ฮีโมโกลบินในคนปกติเป็นกรดกลูตามิก ส่วนในคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์จะเป็นวาลีน และเม่ือ
เบสของ DNA เปลย่ี นไป การสงั เคราะห์โปรตีนฮโี มโกลบินจะผดิ ปกติ ทาให้คนที่มีลักษณะทางพนั ธุกรรมเช่นนี้
เปน็ โรคโลหติ จางชนิดซิกเคลิ เซลล์)
๓. ครนู านักเรียนสรปุ เพอื่ ใหเ้ กดิ มโนทัศน์เกีย่ วกบั มิวเทชันระดบั ยนี โดยใช้สื่อการสอนเรื่อง มวิ เทชันระดับยีน
ดังน้ี
การกลายพันธุ์ระดบั ยนี แบ่งเปน็ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ
๑. การแทนท่คี ูเ่ บส (Base – pair Substitution)

๒. การเพ่ิมขึน้ ของนวิ คลโี อไทด์ (Insertion) หรือการขาดหายไปของนิวคลีโอไทด์ (Deletion)
การแทนที่คู่เบส (Base - pair Substritution) การเกิดมิวเทชันในลักษณะเช่นนี้ อาจมีผลต่อการ

แสดงของลักษณะทางพันธุกรรมหรือไม่ก็ได้ เน่ืองจากโคดอน หลายชนิดเป็นรหัสของกรดแอมิโนชนิด
เดียวกันได้ เช่น CUU CUC CUA และ CUG หากมีการเกิดมิวเทชันเฉพาะท่ีที่มีการเปลี่ยนรหัส CUC ซึ่งเป็น
รหัสของลิวซนี ใหก้ ลายเป็น CUG การเกิดมิวเทชันดงั กล่าว ยอ่ มไม่มีผลตอ่ ลกั ษณะของส่ิงมีชีวิตนั้น เพราะยงั มี
การสรา้ งสายพอลิเพปไทด์ทีม่ ลี าดับกรดแอมโิ นเช่นเดิม

การเกิดมิวเทชันเฉพาะท่ีแบบการแทนท่ีคู่เบส เมื่อเกิดการแทนท่ีของคู่เบสแล้ว มีผลทาให้รหัส
พันธุกรรมเปลย่ี นไปเปน็ รหัสพันธุกรรมของกรดแอมิโนต่างชนิดกนั กจ็ ะทาใหไ้ ด้สายพอลิเพปไทดท์ ี่มีลาดับของ
กรดแอมิโนแตกต่างไป การเปล่ียนแปลงของลาดับกรดแอมิโนท่เี กิดขึ้นนี้ หากบริเวณดังกล่าวมีความสาคัญตอ่
การเกิดรูปร่างของโปรตีน หรือมีความจาเพาะต่อการทางานของโปรตีนชนิดน้ัน ย่อมมีผลต่อฟีโนไทป์ของ
ส่ิงมีชีวิตนั้น ตัวอย่างเช่น สาเหตุหน่ึงของการเกิดโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ท่ีกล่าวขึ้นข้างต้น มีการเกิด
มิวเทชันเฉพาะท่ีที่โคดอน ท่ีเป็นรหัสพันธุกรรมของกรดแอมิโนตาแหน่งท่ี ๖ ของสายบีตาสายหนึ่งของ
ฮีโมโกลบิน

การเพ่ิมข้ึนของนิวคลีโอไทด์ (Insertion) หรือการขาดหายไปของนิวคลีโอไทด์ (Deletion) การเกิด
มวิ เทชนั นเ้ี ป็นการท่ีมีการเพิ่มขึ้นของคู่นิวคลโี อไทด์ หรือการขาดหายไปของคู่นวิ คลโี อไทด์ในบางตาแหน่งของ
ยีน การเกิดมิวเทชันในลักษณะน้ี ๑ - ๒ นิวคลีโอไทด์มักมีการเปล่ียนแปลงในการทางานของพอลิเพปไทด์
อย่างชัดเจน เน่ืองจากการเพ่ิมขึ้นหรือลดลงของนิวคลีโอไทด์ในบริเวณท่ีเป็นโคดอน ๑ – ๒ นิวคลีโอไทด์
จ ะ มี ผ ล ท า ใ ห้ ล า ดั บ ก ร ด แ อ มิ โ น ต้ั ง แ ต่ ต า แ ห น่ ง ที่ มี ก า ร เ พิ่ ม ข้ึ น ห รื อ ล ด ล ง ข อ ง โ ค ด อ น เ ป ลี่ ย น ไ ป ทั้ ง ห ม ด
เรียกการเกิดมิวเทชันเชน่ นว้ี า่ เฟรมชฟิ ท์ มิวเทชนั (frameshift mutation)
ข้นั ท่ี ๔ ขยายความรู้ (elaboration) (๕ นาท)ี

ครูให้นักเรยี นยกตัวอย่างโรคทเ่ี กิดจากการมิวเทชนั ระดับยนี
ข้ันท่ี ๕ ประเมนิ (Evaluation) (๕ นาที)

๑. ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ

๒. นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง
๑๑. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

๑. ใบงานท่ี ๖ การเกิดมวิ เทชันระดบั ยนี
๒. หนังสือเรียนรายวชิ าชีววิทยาเพิ่มเตมิ เลม่ ๒
๓. สอ่ื การเรียนรอู้ ิเล็กทรอนกิ ส์ เร่อื ง การเกดิ มวิ เทชนั ระดบั ยีน
๔. สอ่ื การสอนเรอ่ื ง มิวเทชันระดับยนี

ใบงานที่ ๖

การเกดิ มิวเทชันระดับยีน

คาช้แี จง ให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ปฏิบตั ดิ ังน้ี

๑. อ่านวธิ ีทากจิ กรรมการทดลองให้เขา้ ใจ ๒. ตอบคาถามก่อนทากิจกรรม

๓. ทากจิ กรรมและบนั ทกึ ผล ๔. ตอบคาถามหลังทากจิ กรรม

วธิ ีทา

๑. ให้นกั เรียนเขียนบอกส่ิงท่แี ตกต่างกันระหว่างภาพ A และ ภาพ B

คาถามกอ่ นทากิจกรรม
๑. นักเรียนคดิ วา่ มวิ เทชันระดบั ยนี เกดิ จากสาเหตใุ ด
..............................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................... .....................................
..............................................................................................................................................................................
บนั ทึกผลการทากจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

คาถามหลงั กจิ กรรม
๑. การเกดิ มิวเทชันแบบการแทนท่คี เู่ บส ทาใหเ้ กิดผลเสยี เสมอไปหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
................................................................................................................................................................ ..............
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
๒. ผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์มีลาดับของกรดแอมิโนในฮีโมโกลบินสายบีตาแตกต่างจากคนปกติ
อย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
๓. ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของโรคโลหิตจางชนดิ ซกิ เคลิ เซลล์เก่ยี วข้องกบั DNA และโปรตีน อย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
สรุปผลการทากิจกรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................. .............

ใบงานที่ ๖

การเกิดมวิ เทชนั ระดับยีน

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ปฏิบตั ิดงั นี้

๑. อ่านวธิ ีทากจิ กรรมการทดลองให้เขา้ ใจ ๒. ตอบคาถามก่อนทากิจกรรม

๓. ทากจิ กรรมและบันทึกผล ๔. ตอบคาถามหลังทากจิ กรรม

วธิ ีทา

๑. ให้นักเรียนเขยี นบอกส่งิ ท่ีแตกตา่ งกนั ระหว่างภาพ A และ ภาพ B

คาถามกอ่ นทากิจกรรม
๑. นักเรียนคดิ วา่ มิวเทชันระดับยีน เกดิ จากสาเหตุใด
(ขึ้นอยกู่ บั คาตอบของนกั เรยี น)
บันทึกผลการทากจิ กรรม

จากภาพ A และ ภาพ B จะมจี ุดที่แตกต่างกนั คือ ตาแหนง่ ของกรดกลูตามกิ ในสายพอลเิ พปไทด์ของ
คนปกติ เปลี่ยนไปเป็นวาลีนในสายพอลิเพปไทด์ของคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ และเม่ือย้อนข้ึน
ไปดูในระดับของ DNA จะเห็นวา่ เกดิ การเปลี่ยนแปลง ของเบส 1 ตาแหน่ง เทา่ นน้ั จากเดมิ เปน็ เบสไทมีน (T)
เปลี่ยนไปเป็นเบสอะดีนีน (A) จึงทาให้รหัสพันธุกรรม (Codon) เปลี่ยนไป เมื่อเกิดการแปลรหัสพันธุกรรม
กรดแอมิโนท่ีเกิดข้ึนจงึ เปลย่ี นไป ซึ่งการเปล่ยี นแปลงลกั ษณะนี้จะเรยี กวา่ การเกิดมิวเทชนั ระดบั ยนี
คาถามหลงั กจิ กรรม
๑. การเกิดมิวเทชนั แบบการแทนท่คี ู่เบส ทาใหเ้ กิดผลเสียเสมอไปหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
ไมเ่ สมอไป ถา้ มีการแทนท่ีคู่เบสแล้วได้กรดแอมิโนชนิดเดิม จะไมม่ ผี ลตอ่ ฟีโนไทปข์ องส่งิ มชี ีวติ นนั้
๒. ผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์มีลาดับของกรดแอมิโนในฮีโมโกลบินสายบีตาแตกต่างจากคนปกติ
อย่างไร

แตกตา่ งกันคือ กรดแอมิโนตาแหน่งท่ี 6 ของพอลิเพปไทดส์ ายบีตาของฮโี มโกลบินในคนปกติเปน็ กรดกลูตามิก
ส่วนในคนทีเ่ ป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคลิ เซลล์จะเปน็ วาลีน
๓. ลกั ษณะทางพันธุกรรมของโรคโลหิตจางชนดิ ซิกเคิลเซลล์เกีย่ วขอ้ งกบั DNA และโปรตีน อย่างไร
เมื่อเบสของ DNA เปล่ียนไป การสังเคราะห์โปรตีนฮีโมโกลบินจะผิดปกติ ทาให้คนที่มีลักษณะทางพันธุกรรม
เชน่ น้ีเปน็ โรคโลหติ จางชนิดซิกเคิลเซลล์
สรปุ ผลการทากิจกรรม

จากการทากิจกรรมพบว่ามิวเทชัน หรอื การกลาย คือ การเปลยี่ นแปลงลาดับ และจานวนเบสใน DNA
และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโครโมโซมซึ่งอาจมีผลทาให้ลักษณะ หรือฟีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตเปล่ียนไป
และสามารถถ่ายทอดลักษณะไปยังรนุ่ ต่อ ๆ ไปได้ ผปู้ ว่ ยโรคโลหติ จากชนิดซกิ เคิลเซลลจ์ ะมีลาดับของกรดแอมิ
โนในฮีโมโกลบินสายบีตาแตกต่างจากคนปกติ คือ กรดแอมิโนตาแหน่งท่ี 6 ของพอลิเพปไทด์ สายบีตาของ
ฮีโมโกลบินในคนปกตเิ ปน็ กรดกลูตามิก สว่ นในคนทีเ่ ปน็ โรคโลหิตจางชนดิ ซิกเคิลเซลลจ์ ะเปน็ วาลีน และ
เมื่อเบสของ DNA เปล่ียนไป การสังเคราะห์โปรตีนฮีโมโกลบินจะผิดปกติ ทาให้คนท่ีมีลักษณะทางพันธุกรรม
เชน่ น้ีเปน็ โรคโลหติ จางชนิดซกิ เคิลเซลล์

ใบงานเรื่อง การกลายระดับยนี จากการแทน่ ทีค่ ่เู บส

คาชี้แจง : ตอบคาถามเก่ยี วกับการกลายจากการแทนทค่ี ู่เบส

กาหนดให้ DNA ปกติ มลี าดับเบส ดงั น้ี
5’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGAACCTTAACTTGCA 3’

จงตอบคาถามต่อไปน้ี

๑. หากเบส G ในตาแหน่งที่ ๑๗ ถกู แทนที่ด้วยเบส A จัดเปน็ การกลายรปู แบบใด และมกี ารเปลยี่ นแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลิเพปไทดอ์ ย่างไร (ไม่คานงึ ถึงรหัสเร่ิมต้น)
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

๒. หากเบส C ในตาแหน่งท่ี ๓๐ ถูกแทนท่ีดว้ ยเบส T จดั เปน็ การกลายรูปแบบใด และมีการเปลีย่ นแปลงของ
กรดอะมโิ นในสายพอลเิ พปไทดอ์ ย่างไร (ไมค่ านึงถึงรหสั เรมิ่ ต้น)
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

๓. หากเบส G ในตาแหน่งที่ ๔๐ ถูกแทนท่ีดว้ ยเบส A จดั เปน็ การกลายรูปแบบใด และมีการเปล่ียนแปลงของ
กรดอะมโิ นในสายพอลเิ พปไทดอ์ ยา่ งไร (ไมค่ านึงถึงรหัสเร่ิมตน้ )
...........................................................................................................................................................................
................................................................................................................................. ..........................................
...........................................................................................................................................................................
..........................................ใ..บ...ง..า..น..เ..ร..อ่ื ..ง...ก...า..ร..ก..ล...า..ย..ร..ะ..ด...ับ...ย..นี...จ..า..ก...ก..า..ร..แ...ท..น่...ท...่คี ..เู่..บ..ส................................................
...........................................................................................................................................................................

คาชแ้ี จง : ตอบคาถามเก่ยี วกับการกลายจากการแทนทคี่ ู่เบส

กาหนดให้ DNA ปกติ มลี าดับเบส ดังนี้
3’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGTTCCTTAACTT 5’

จงตอบคาถามต่อไปน้ี

๑. หากเบส G ในตาแหน่งท่ี ๑๗ ถูกแทนทีด่ ว้ ยเบส A จดั เปน็ การกลายรูปแบบใด และมกี ารเปลีย่ นแปลงของ
กรดอะมโิ นในสายพอลิเพปไทดอ์ ยา่ งไร (ไมค่ านึงถงึ รหัสเริ่มตน้ )
.D..N...A....ส..า..ย..ใ..ห...ม..่ .:...3..’...G..T...A..G...G..T...T..G...C..C...G..T...C..A...A..T..A...G..C...T..A...A..G...G..T...T..T..C...T..C...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G..T...T..C...C..T...T..A..A...C..T..T......5..’.........
.m...R...N..A...............:..5..’...C...A..U...C...C..A...A..C..G...G...C..A...G..U...U...A..U...C...G...A..U...U...C..C...A..A...A..G...A..G...U...C..A..G...G...U...A..A..C...C..A...A..G...G...A..A...U..U...G...A..A....3...’....
.พ...อ..ล..ิเ.พ...ป...ไ.ท...ด..์...:..H...i.s..-.P..r..o..-..T..h..r..-.A...l.a..-.V...a..l.-.I.l..e..-.A...s.p...-.S..e...r.-.L...y..s.-..G..l..u..-.S..e...r.-..G..l.y..-..A..s..n..-..G..l..n..-.G...l.y..-..I.l.e..-..G..l.u..........................
.ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ต..า..แ...ห..น...่ง..ท..่ี..๕....จ...ะ..เ.ป...ล..่ีย...น..จ...า..ก..ท...ร..ีโ.อ...น..ีน.....(.T..h...r.)..เ..ป..็น...ไ..อ..โ..ซ..ล..ิว..ซ...ีน....(.I.l.e...)..เ..ร..ีย..ก..ว..่า....ก..า..ร..ก...ล..า..ย..แ...บ..บ...เ.ป...ล..ี่ย...น..
.ร..ห..สั......................................................................................................................................................................

๒. หากเบส C ในตาแหนง่ ที่ ๓๐ ถกู แทนทดี่ ว้ ยเบส T จดั เปน็ การกลายรปู แบบใด และมีการเปลยี่ นแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทด์อย่างไร (ไมค่ านึงถึงรหัสเรม่ิ ตน้ )
...D..N...A....ส..า..ย..ใ..ห...ม..่ .:...3..’...G..T...A..G...G..T...T..G...C..C...G..T...C..A...A..T..G...G...C..T..A...A..G...G...T..T..T...C..T..T...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G...T..T..C...C..T...T..A..A...C..T...T.....5..’.......
...m...R...N..A...............:..5..’...C...A..U...C...C..A...A..C...G..G...C..A...G..U...U...A...C..C...G..A...U..U...C...C..A...A..A...G..A...A..U...C...A..G...G..U...A...A..C...C..A...A..G...G..A...A..U...U...G...A..A....3..’...
...พ...อ..ล..ิเ.พ...ป...ไ.ท...ด..์...:..H...i.s..-.P...r.o..-..T..h..r..-.A...l.a..-.V...a..l.-.I.l..e..-.A...s.p...-.S..e...r.-.L...y..s.-..G..l..u..-.S..e...r.-.G...l.y..-..A..s..n..-..G..l..n..-.G...l.y..-..Il..e..-.G...l.u........................
...ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ต..า..แ..ห...น...ง่ .ท...ี่.๑...๐....ไ..ม..่ม...กี ..า..ร..เ.ป...ล..ย่ี...น..แ...ป..ล...ง...เ.ร..ยี ..ก...ว..่า...ก..า..ร..ก...ล..า..ย..แ...บ..บ...เ.ง..ยี..บ..................................................
...........................................................................................................................................................................

๓. หากเบส G ในตาแหนง่ ที่ ๔๐ ถกู แทนที่ด้วยเบส A จดั เป็นการกลายรูปแบบใด และมีการเปล่ยี นแปลงของ
กรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทดอ์ ยา่ งไร (ไมค่ านงึ ถงึ รหสั เรม่ิ ต้น)
.D...N..A....ส..า..ย...ใ.ห...ม..่..:..3..’...G...T..A..G...G...T..T..G...C..C...G..T...C..A...A..T...G..G...C..T...A..A...G..G...T..T..T...C..T...C..A...G..T...C..C...A..T..T...G..A...T..T..C...C..T...T..A...A..C..T...T.....5..’.........
.m....R..N...A..............:..5...’...C..A..U...C...C..A...A..C...G..G...C..A...G...U..U...A...C..C...G..A...U...U..C...C..A...A..A...G..A...G...U..C...A..G...G...U..A...A..C...T..A...A..G...G..A...A..U...U...G...A..A....3..’.....
.พ...อ..ล..เิ..พ..ป...ไ..ท..ด...์ ..:...H..i.s..-.P...r.o..-..T..h...r.-.A...l.a..-.V...a..l.-..Il..e..-.A...s..p..-.S...e..r.-..L..y..s..-.G...l.u..-.S...e..r.-..G..l..y..-.A..s..n......................................................
.ก..ร..ด...อ..ะ..ม...โิ .น...ต..า..แ..ห...น...่ง.ท...ี่..๕....จ..ะ..เ.ป...ล..ยี่...น..ก...ล..ูต..า..ม...ีน....(.G...l.n..)...เ.ป...็น..ร..ห...สั ..ห...ย..ดุ....(.U...A..A...)..เ..ร..ีย..ก..ว..่า....ก..า..ร..ก..ล...า..ย..เ.ป...็น..ร..ห...สั ..ห...ย..ดุ.........
..................ใ..บ..ง..า..น...เ.ร..อ่ื...ง...ก...า..ร..ก..ล...า..ย..ร..ะ..ด...ับ..ย...นี ..จ...า..ก..จ...า..ก..ก...า..ร..เ.พ...่ิม...ข..น้ึ...ห...ร..ือ..ข...า..ด..ห...า..ย..ข...อ..ง..น...วิ ..ค...ล..ีโ..อ..ไ..ท..ด...์ .....................

คาชีแ้ จง : ตอบคาถามเกี่ยวกับการกลายจากการเพิ่มข้นึ หรอื ขาดหายของนวิ คลโี อไทด์

กาหนดให้ DNA ปกติ มลี าดับเบส ดังน้ี
3’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGTTCCTTAACTT 5’

จงตอบคาถามต่อไปนี้

๑. หากมีการเพิ่มขึน้ ของเบส C ระหวา่ งนวิ คลโี อไทด์ตาแหน่งที่ ๕ และ ๖ (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)
จะมกี ารเปลีย่ นแปลงของกรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทด์อย่างไร (ไม่คานงึ ถึงรหสั เริ่มตน้ )
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

๒. หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส G ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตาแหน่งที่ ๒๔(จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ) จะมี
การเปลยี่ นแปลงของกรดอะมโิ นในสายพอลิเพปไทดอ์ ย่างไร (ไมค่ านงึ ถึงรหัสเร่มิ ต้น)
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

๓. หากมีการเพ่ิมขึ้นของเบส A ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตาแหน่งที่ ๑๑ และ ๑๒ (จากด้าน 3’ ของสาย DNA
ปกติ) และการลดลงของเบส C ในวคลีโอไทด์ตาแหน่งท่ี ๒๘(จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)จะมีการ
เปลี่ยนแปลงของกรดอะมโิ นในสายพอลิเพปไทด์อยา่ งไร (ไม่คานึงถงึ รหสั เรม่ิ ตน้ )
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................. ..........
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

ใบงานเรื่อง การกลายระดับยีนจากจากการเพิม่ ข้นึ หรอื ขาดหายของนิวคลโี อไทด์

คาชแ้ี จง : ตอบคาถามเกีย่ วกับการกลายจากการเพมิ่ ขึน้ หรอื ขาดหายของนิวคลีโอไทด์

กาหนดให้ DNA ปกติ มลี าดบั เบส ดังนี้
3’ GTAGGTTGCCGTCAATGGCTAAGGTTTCTCAGTCCATTGGTTCCTTAACTT 5’

จงตอบคาถามต่อไปนี้

๑. หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส C ระหว่างนวิ คลโี อไทดต์ าแหน่งท่ี ๕ และ ๖ (จากดา้ น 3’ ของสาย DNA ปกติ)
จะมีการเปล่ียนแปลงของกรดอะมโิ นในสายพอลเิ พปไทด์อย่างไร (ไมค่ านงึ ถงึ รหัสเริม่ ต้น)
..D...N..A....ส..า..ย..ใ..ห...ม..่.:...3..’...G..T...A..G...G..C...T..T...G..C...C..G...T..C...A..A...T..G...G..C...T..A..A...G...G..T...T..T..C...T..C...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G..T...T..C...C..T..T...A..A...C..T...T.....5..’.....
..m....R..N..A...............:..5...’..C...A..U...C...C..G...A..A...C..G...G..C...A..G...U...U...A..C...C..G...A..U...U...C...C..A..A...A..G...T..G...U...C..A...G..G...U...A..A...C..C...A..A...G..G...A..A...U...U...G..A...A...3...’.
..พ...อ..ล..ิเ..พ..ป...ไ.ท...ด...์ ..:...H..i.s..-.P...r.o..-..A..s..n..-..G..l..y..-.S..e...r.-.T..y...r.-.A...r.g..-.P...h..e..-..G..l..u..-.A...g..n..-.V...a..l.-..A..g..n..-..S..t.o...p...............................................
..ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ต..า..แ...ห..น...่ง..ท...ี่ .๓....จ..ะ...เ.ป...ล..่ีย..น...จ..า..ก...ท..ร..ีโ..อ..น...ีน....เ.ป...็น..แ...อ..ส...พ..า..ร..า..จ...ีน....ร..ว..ม..ถ...ึง..ก..ร..ด..อ...ะ..ม..ิโ..น...ใ.น...ล..า..ด...บั ..ถ...ัด..ไ..ป...แ...ล..ะ..จ...ะ
..เ.จ..อ...ร..ห..ัส...ห..ย...ดุ ..ก..า..ร..ส...ัง..เ.ค..ร..า..ะ..ห...เ์.ร..็ว..ก...ว..า่ ...D...N..A....ส...า..ย..ป...ก..ต..ิ..........................................................................................

๒. หากมีการเพ่ิมข้ึนของเบส G ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตาแหน่งที่ ๒๔ (จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ) จะมี
การเปล่ียนแปลงของกรดอะมโิ นในสายพอลเิ พปไทด์อย่างไร (ไมค่ านงึ ถงึ รหสั เริม่ ตน้ )
.D...N...A...ส...า..ย..ใ..ห..ม...่ .:..3..’...G...T..A...G..G...T..T...G..C...C..G...T..C...A..A...T..G...G..C...T..A..A...G...T..T..T...C..T..C...A..G...T..C...C..A...T..T..G...G...T..T..C...C..T...T..A..A...C...T..T....5..’............
.m....R..N...A...............:..5..’...C..A...U...C..C...A..A...C..G...G..C...A..G...U...U...A..C...C..G...A..U...U...C..A...A..A...G..A...G..U...C...A..G...G...U..A...A..C...C..A...A..G...G..A...A..U...U...G...A..A....3..’.......
.พ...อ..ล...ิเ.พ...ป..ไ..ท...ด..์...:..H...i.s.-..P..r.o...-.T...h..r.-..A..l.a...-.V..a..l..-.T..h...r.-.A...s..p..-..S..e..r.-..L..y..s..-.S..e...r.-.G...l.n...-.V..a...l.-.T..h...r.-..L..y..s..-.G...l.u..-..P..h..e.......... ...................
.ก...ร..ด..อ..ะ...ม..ิโ..น..ต...า.แ...ห..น...่ง..ท..ี่..๑...๐....จ..ะ..เ..ป..ล...ยี่ ..น...จ..า..ก..ก..ร..ด...ก..ล...ูต..า..ม..ิก....เ.ป...็น...ซ..ีร..นี....ร..ว..ม...ถ..ึง..ก..ร..ด..อ...ะ..ม..ิโ..น..ใ..น..ล...า..ด..ับ...ถ..ัด...ไ.ป....................
...........................................................................................................................................................................

๓. หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส A ระหว่างนิวคลีโอไทด์ตาแหน่งท่ี ๑๑ และ ๑๒ (จากด้าน 3’ ของสาย DNA
ปกติ) และการลดลงของเบส C ในวคลีโอไทด์ตาแหน่งที่ ๒๘(จากด้าน 3’ ของสาย DNA ปกติ)จะมีการ
เปลยี่ นแปลงของกรดอะมโิ นในสายพอลเิ พปไทด์อยา่ งไร (ไม่คานึงถึงรหัสเรมิ่ ตน้ )
D...N..A....ส...า..ย..ใ.ห...ม..่..:..3..’...G...T..A...G..G...T..T..G...C...C..G...A..T..C...A..A...T..G...G..C...T..A...A..G...G..T...T..T..T...C..A...G..T...C..C...A..T..T...G..G...T..T...C..C...T..T..A...A..C...T....5..’.............
m....R..N...A..............:...5..’...C..A...U...C..C...A..A..C...G...G..C...U...A..G...U..U...A...C..C...G..A...U...U...C..C...A..A...A..A..G...U...C..A...G..G...U...A..A...C..C...A..A...G..G...A..A...U...U...G..A...A....3..’.....
พ...อ..ล...ิเ.พ...ป..ไ..ท..ด...์ ..:...H...is..-..P..r.o...-.T..h...r.-.A...l.n...-.S..e..r..-.T..h...y..-.A...r.g..-.P...h..e..–...G..l.n...-.L..y..s..-..S..e..r.-..G..l..y..-.A...s.n...-.G...l.y..-.I.l..e..-.G...l.u..............................
ก...ร..ด..อ..ะ..ม...โิ .น...ต..า..แ...ห..น...่ง..ท..ี่..๕....จ..ะ..เ..ป..ล...ีย่ ..น...จ..า..ก..ว..า..ล...นี ....เ.ป..็น...ซ..รี..ีน....ร..ว..ม...ถ..ึง..ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น...ใ.น...ล..า..ด...บั ..ถ...ดั ..ไ..ป...................................
...........................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version