รากฐานความเจริญ
อารยธรรมโบราณ
อารยธรรมตะวันออก
อารยธรรมจีน(Chinese civilization)
1.ตัวอักษรจีน (Chinese character)
สมัยราชวงศ์โจว มีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรเป็นแบบตัวบรรจงและเขียนง่ายขึ้น
สมัยราชวงศ์ฮั่น มีการใช้พู่กันและกระดาษ มีการเขียนตัวอักษรหวัดแกมบรรจงและตัวบรรจง
จากนั้นตัวอักษรและวิธีการเขียนก็ได้มีวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน
你好吗ตัวอย่างเช่น. How are you? คุณสบายดีไหม
Nǐ hǎo ma.
2.กระดาษและการพิมพ์
ประมาณ ค.ศ.105 ชาวจีน ชื่อไซลั่น(Sai Lun) ได้คิดวิธีการทำกระดาษขึ้นจากเยื่อ
ของพืช เช่น เยื่อจากต้นปอ ทำให้กระดาษได้กลายเป็นวัสดุสำคัญในการเขียน และพิมพ์
จีนได้เริ่มพัฒนาการพิมพ์ด้วยการเอาน้ำหมึกทาลงบนแผ่นไม้ที่แกะสลัก
สมัยราชวงศ์ซ่ง ใช้วิธิแกะตัวอักษรลงบนดินเหนียว ต่อมาเปลี่ยนเป็นไม้แท่ง
สมัยราชวงศ์หมิง ใช้วิธีแกะตัวอักษรลงบนแท่งทองแดง
จนถึงสมัยราชวงศ์ชิงมักนิยมพิมพ์หนังสือเป็นชุดใหญ่ ทำให้ความรู้ต่างๆ แพร่
หลายไปอย่างกว้างขวาง
ปัจจุบัน หนังสือ นิตยสาร เอกสารทางราชการ ล้วนใช้การพิมพ์ทั้งสิ้น
3.สถาปั ตยกรรม (Architecture)
กำแพงเมืองจีน
กระทั่งจิ๋นซีฮ่องเต้ (หรือ ฉินซื่อหวงตี้) ในช่วง 221 ปีก่อนคริสตกาล และเริ่ม
โครงการสร้างป้อม และแนวกำแพงของแคว้นต่างๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกำแพง
ยาวหนึ่งเดียวในที่สุด
กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี 1987 (พ.ศ. 2530 ในการประชุม
คณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 11 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส)
4.คณิตศาสตร์และการคำนวณ (mathematics)
ลูกคิด
รู้จักประดิษฐ์ลูดคิด(Soroban or Abarcus)เพื่อช่วยในการคำนวณตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น
วิวัฒนาการมาเป็นเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน
เครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์แบบโซลิดสเตตเครื่องแรกผลิตขึ้นใน
คริสต์ทศวรรษ 1960
นาฬิ กา นาฬิกาน้ำ (Water Clock)
นาฬิกาแดด (Sundial)
ประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาแดด ต่อมาชาวกรีกโบราณรู้จักพัฒนา
นาฬิกาควอตซ์ (Quartz Clock) นาฬิกาน้ำ ที่สามารถทำงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพยิ่งกว่านาฬิกาแดด
วิวัฒนาการจนมาเป็นนาฬิกาควอตซ์ที่ใช้ในปัจจุบัน
อารยธรรมอินเดีย (indian civilization)
1.ภาษาศาสตร์ (linguistics)
เป็นภาษาที่ใช้อยู่ในคัมภีร์พระเวท ซึ่งชาวอินเดียเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าประทาน จึงมี
ความศักดิ์สิทธิ์ มีการแต่งตำราว่าด้วยไวยากรณ์ขึ้นหลายเรื่อง เช่น นิรุกตะ ของยาสกะ
( ประมาณ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช )
ตัวอย่าง नमस्ते สวัสดี
Namastē
2.สถาปั ตยกรรม (Architecture)
สถาปัตยกรรมที่พบในประเทศอินเดียปัจจุบัน หยั่งรากมาจากประวัติศาสตร์ของชาติ
อินเดีย, วัฒนธรรมอินเดีย และ ศาสนาที่เกิดขึ้นในอินเดีย ซึ่งมีการวิวัฒนาการและพัฒนา
แตกต่างกันไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ได้รับอิทธิพลจากภายนอกในแต่ละยุค
ศรีรังคนาถสวามีมนเทียร หรือ ติรุวรังคัม
ศรีรังคนาถสวามีมนเทียร หรือ ติรุวรังคัม เป็นมนเทียรที่สร้างถวายพระศรีรังคนาถ คือ
ปางไสยาสน์ของพระวิษณุ มนเทียรนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมทราวิฑ ตั้งอยู่ในเมืองศรีรังคัม
เขตติรุจิรปัลลี รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดียและ มนเทียรได้รับการเชิดชูโดยนักบวชอาลวาร
(Alvar) ใน ทิพยประพันธ์ (Divya Prabhandha) และถือเป็นมนเทียรสำคัญใน 108 โบสถ์
พราหมณ์ "ทิพยเทศ" ที่สร้างถวายพระวิษณุ
3.จิตกรรม (Painting)
วิวัฒนาการมากจากการเขียนภาพบุคคลในศาสนาและพระมหากษัตริย์ จิตรกรรม
อินเดียเป็นคำที่มาจากตระกูลการเขียนหลายตระกูลที่เกิดขึ้นในอนุทวีปอินเดีย
“พระรามกับสีดาในป่า” แบบปัญจาบ ค.ศ. 1780
เป็นจิตรกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากจิตรกรรมเปอร์เซียทางตะวันตก จิตรกรรมในอินเดียตะวันออก
วิวัฒนาการในบริเวณตระกูลการเขียนของนาลันทา ที่เป็นงานที่ได้รับอิทธิพลจากตำนานเทพอินเดีย
สมัยคุปตะ และหลังสมัยคุปตะ เป็นสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของอินเดีย
ภาพจิตรกรรมบนผนังถ้ำอชันตะ
พบงานจิตรกรรมที่ ผนังถ้ำอชันตะ เป็นภาพเขียนในพระพุทธศาสนาแสดงถึงชาดกต่างๆ ที่
งดงามมาก ความสามารถในการวาดเส้นและการอาศัยเงามืดบริเวณขอบภาพ ทำให้ภาพแลดู
เคลื่อนไหว ให้ความรู้สึกสมจริง
4.นาฏศิ ลป์ และสังคีตศิ ลป์ (Dancing art)
เกี่ยวกับการฟ้อนรำ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเพื่อบูชาเทพเจ้าตามคัมภีร์พระเวท ส่วนบท
สวดสรรเสริญเทพเจ้าทั้งหลาย ถือเป็นแบบแผนการร้องที่เก่าแก่ที่สุดใน สังคีตศิลป์ของอินเดีย
แบ่งเป็นดนตรีศาสนา ดนตรีในราชสำนักและดนตรีท้องถิ่น เครื่องดนตรีสำคัญ คือ วีณา
หรือพิณ ใช้สำหรับดีด เวณุ หรือขลุ่ย และกลอง
Mohiniyattam
เป็นการแสดงที่มีการใช้ภาษาท่าในการสื่อความหมาย แสดงเพื่อเป็นการแสดง
ความเคารพต่อพระวิษณุ แหล่งกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย
อารยธรรมตะวันตก
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamian Civilization)
ชาวสุเมเรียน(Sumerian)ประดิษฐ์อักษรใช้ครั้งแรกบนโลกอักษลิ่มหรืออักษรคูนิฟอร์มชาว
สุเมเรียน แห่งอารยธรรมเมโสโปเตเมียเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก
ตัวอย่างการเทียบอักษรลิ่มกับภาษาอังกฤษ
อักษรคูนิฟอร์มถูกนำมาเผยแพร่ให้ผู้คนปัจจุบันได้รู้อีกครั้ง คือ กฎหมายฮัมมูราบีที่ถูกร่าง
กฎหมายโดยพระเจ้าฮัมมูราบี โดยใช้ตัวอักษรคูนิฟอร์มในการร่างกฎหมายฮัมมูราบีบน
ศิลาจารึก
กฎหมายฮัมมูราบีบนศิลาจารึก
อารยธรรมอียิปต์โบราณ
(egyptian civilization)
1.จิตกรรม (Painting)
ฟาโรห์
เป็นภาพที่เขียนไว้บนฝาผนังสุสานและวิหารต่างๆ สีที่ใช้ เขียนภาพทำจากวัสดุ
ทางธรรมชาติ ได้แก่ เขม่าไฟ สารประกอบทองแดง หรือสีจากดินแล้วนำมาผสม
กับน้ำและยางไม้
2.สถาปั ตยกรรม (Architecture)
พีระมิด
สุสานที่เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญแห่งยุคก็คือ พีระมิด พีระมิดในยุคแรกเป็น
แบบขั้นบันได หรือเรียกว่า มัสตาบา ต่อมามีการพัฒนา รูปแบบวิธีการก่อสร้าง
จนเป็นรูปพีระมิดที่เห็นในปัจจุบัน
อารยธรรมกรีก (Greek Civilization)
1.สถาปั ตยกรรม (Architecture)
งานก่อสร้างของกรีกไม่ใช่พรัราชวังที่หรูหราแต่เป็นวิหารสำหรับเทพเจ้า
นิยมสร้างบนดินหรือภูเขาเล็กๆซึ่งเรียกว่า อะโครโพลิสที่กรุงเอเธนส์ในปัจจุบัน ได้แก่ วิหา
รพาร์เธนอน
วิหารพาร์เธนอนที่เห็นอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเป็นรุ่นที่ 3 โดยมันถูกสร้างเมื่อปี 447
และไปแล้วเสร็จในปี 438 วิหารพาร์เธนอนแห่งนี้จึงเปลี่ยนเป็นสถานที่ทางศาสนาและ
วัฒนธรรมต่างๆ
2.จิตรกรรม (Painting)
งานจิตกรรมของกรีกที่หลงเหลืออยู่มาถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นวานจิตกรรมบน
ภาชนะของใช่ต่างๆที่ทำจากเครื่องปั้นดินเผา เช่น ไหเหล้า โถเหล้าชาวกรีกได้พัฒนา
ลวดลายคล้ายลายเรขาคณิตของเมโสโปเตเมีย
ภาพวาดประดับฝาผนังขนาดใหญ่โดยใช้ดินหรือกระเบื้องสีมาประดับ เรียกว่า โมเสก
ได้ถ่ายทอดไปยังจักรวรรดิโรมัน เป็นมรดกสืบมาจนถึงปัจจุบัน
5.คณิตศาสตร์ (mathematics)
ปิทาโกรัสแห่งซามอส เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีบทปิทาโกรัส
ตัวอย่างเช่น
ถ้า ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉากซึ่งมี มุม ACB เป็นมุมฉาก c แทนความยาวของด้าน
ตรงข้ามมุมฉาก a และ b แทนความยาวด้านประกอบมุมฉาก จะได้ความสัมพันธ์ระหว่าง
ความยาวของด้านทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก c2 = a2 + b2
ยูคลิดแห่งอะเล็กซานเดรีย ผู้คิดเรขาคณิตแบบยูคลิดเป็น
ผู้เขียนหนังสือชุด Elements ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมทฤษฎีบทในคณิตศาสตร์
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาง เรขาคณิต ) และการพิสูจน์โดย วิธีแบบสัจพจน์ ซึ่งได้รับความ
นิยมอย่างยิ่งจนเป็นตำราเรียนคณิตศาสตร์เล่มสำคัญในอดีตจนถึงศตวรรษที่ 19 ใน
หนังสือดังกล่าวยุคลิดพิสูจน์ทฤษฎีบทเกี่ยวกับเรขาคณิตที่ในปัจจุบันเรียกว่า เรขาคณิต
แบบยุคลิด จากสัจพจน์พื้นฐานเท่านั้น
อารยธรรมโรมัน (Roman civilization)
1.สถาปั ตยกรรม (Architecture)
โคลอสเซียม(Colosseum) สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของเวสปาเรียน
จักรพรรดิโรม พระองค์เริ่มครองราชย์ในปี ค.ศ. 69 และด้วยความต้องการที่จะหล่อหลอม
ราชวงศ์ขึ้นใหม่สำหรับตระกูลของพระองค์ จึงริเริ่มการก่อสร้าง Mega Projectขึ้น และ
โคลอสเซียมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
ทำให้โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬาของโรมที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดเท่าที่มีการสร้างขึ้น และสร้าง
เสร็จในปี ค.ศ. 80 เพื่อใช้แทนสนามกีฬาไม้ซึ่งถูกเผาไปในรัชสมัยของ จักรพรรดิเนโรด้วย
โคลอสเซียมได้รับการออกออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมเพื่อที่ผู้
ชมจะได้ใกล้ชิดกับนักกีฬา และสนามประลองแห่งนี้ยังมีทางระบายน้ำที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำขังใน
สนามหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันด้วย
ตัวอย่างเช่น “Maracana” หนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สนามมารากานังสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ค.ศ.1950 สามารถจุ
ผู้ชมในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศได้มากถึง 199,854 คน
2.วิศวกรรม (Engineering)
ถนน
สร้างถนนคอนกรีตที่มีความแข็งแรงทนทานสองข้างถนนมีท่อระบายน้ำและมีหลักบอกระยะทาง
ถนนที่ยังใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ ถนนแอปเพียน(Appian Ways) ในประเทศอิตาลี
ท่อส่ งน้ำ
สร้างท่อส่งน้ำหลายแห่งเพื่อนำน้ำจากภูเขาไปสู่เมืองใกล้เคียง
ท่อส่งน้ำที่ยังใช้ในปัจจุบัน เช่น ท่อส่งน้ำที่เมืองนีมส์ ประเทศฝรั่งเศส
3.ปฏิทิน (calendar)
เดิมชาวโรมันใช้ปฏิทินจันทรคติ ปีหนึ่งมี 10 เดือน จนกระทั่ง Julius Caesar
(100-44 ก่อนคริสต์ศักราช) ให้ใช้ปฏิทินจูเลียนซึ่งเป็นแบบสุริยคติ และให้เพิ่มวันในเดือน
กุมภาพันธ์ทุก 4 ปี
ปฏิทินจูเลียนใช้มานานถึง 1,600 ปี จึงมีการปรับปรุงเป็นปฏทินเกรกอเรียนใน ค.ศ. 1582
4.กฎหมาย (law)
มีการตรากฏหมายสิบสองโต๊ะ (Law of the Twelve Tables) เพื่อให้ความยุติธรรม
แก่ชาวโรมันอย่างทัดเทียมกันในช่วง 450 ปีก่อนคริสต์ศักราช
จากนั้นกฎหมายโรมันก็วิวัฒนาการเป็นระบบมากขึ้นและใช้บังคับประชาชนทั่วไปใน
จักรวรรดิ และให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนมากขึ้น ประมวลกฎหมายโรมันนี้เป็นรากฐาน
ของประมวลกฎหมายของประเทศต่างๆ เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส
จัดทำโดย
นายดุษฎี เลรักมาน ม.6/4 เลขที่ 3
นายพัทธดลย์ สำแดง ม.6/4 เลขที่ 7
นางสาวณัฐธิดา ร่มสุข ม.6/4 เลขที่ 13
นางสาวภานุชนาถ ทองแม้น ม.6/4 เลขที่ 16
นางสาวอทิตยา ทองคำ ม.6/4 เลขที่ 17
นางสาวอภิสรา ร่มสุข ม.6/4 เลขที่ 18
เสนอ
นางสาวประดับ แก้วเกาะสะบ้า