The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อารายธรรมเมโสโปเตเมีย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Cream, 2022-09-04 22:06:07

อารายธรรมเมโสโปเตเมีย ม.2/1

อารายธรรมเมโสโปเตเมีย

อารยธรรม

เมโสโปเตเมีย

วิชา ประวัติศาสตร์ ส22102

เสนอ ครูญานี อนันตอาจ

เมโสโปเตเมีย เป็นคำกรีกโบราณ ตามรูปศัพท์แปลว่า "ที่ระหว่างแม่น้ำ"
(meso = กลาง + potamia = แม่น้ำ) โดยมีนัยหมายถึง ดินแดนระหว่างแม่น้ำ
แม่น้ำไทกริสกับยูเฟรทีส ดินแดนดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "พระจันทร์เสี้ยวอัน
อุดมสมบูรณ์" (Fertile Crescent) ซึ่งเป็นดินแดนรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ทอดโค้ง
ขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรดอ่าวเปอร์เซีย

เมโสโปเตเมียเป็นดินแดนที่อากาศร้อนและกันดารฝน น้ำที่ได้รับส่วนใหญ่
เป็นน้ำจากแม่น้ำที่มาจากการละลายของหิมะบนเทือกเขาในอาร์มีเนีย น้ำจะพัด
พาเอาโคลนตมมาทับถมชายฝั่งทั้งสอง ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การ
เพาะปลูก การเอ่อล้นของน้ำอันเกิดจากหิมะละลายไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน
และบางครั้งทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ไร่นา ทรัพย์สิน และชีวิตผู้คน การกสิ
กรรมที่จะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องอาศัยระบบชลประทานที่มี
ประสิทธิภาพ

ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินใน
บริเวณนี้ แต่ความร้อนของอากาศก็เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่
ทำให้คนเหล่านั้นขาดความกระตือรือร้น เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทาง
ให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ ซึ่งเมื่ออยู่ไปนาน ๆ เข้าก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่น
ต่อไป[ต้องการอ้างอิง] พวกที่เข้ามารุกรานส่วนใหญ่มักจะมาจากบริเวณหุบเขา
ที่ราบสูงทางภาคเหนือ และตะวันออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนไม่อุดมสมบูรณ์
เท่าเขตลุ่มแม่น้ำ และยังมีพวกที่มาจากทะเลทรายซีเรียและอาระเบีย เรื่องราว
ของดินแดนแห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอารยธรรมของคนกลุ่มต่าง ๆ หลาย
กลุ่ม มิได้เป็นเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบต่อกันเป็นเวลายาวนานดังเช่น
อารยธรรมอียิปต์

ลักษณะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

เมโสโปเตเมียเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
เมโสโปเตเมีย แปลว่า ดินแดนระหว่างแม่น้ำ 5 สาย คือ แม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรทีส
( ปัจจุบันคือ ดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศอิรัก ) ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำทั้ง 2 สาย
เป็นพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
ทำให้กลุ่มชนต่างๆเข้ามาทำมาหากินและสร้างอารยธรรม
ขึ้น รวมทั้งถ่ายทอดอารายธรรมจากกลุ่มหนึ่งสู่กลุ่มหนึ่ง
ทำให้เกิดอารายธรรมแบบผสม

สําหรับแหล่งกาเนิดอารยธรรมแห่งแรกในเมโสโปเตเมีย คือ บริเวณซูเมอร์ ( Sumer )
และผู้สร้างอารายธรรมเริ่มแรกในบริเวณนี้ คือ ชาวซูเมเรีย เมื่อประมาณ ๔,๐๐๐ - ๒,๕๐๐
ปีก่อนคริสต์ศักราช

บริเวณซูเมอร์เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์จากดินตะกอนที่ทับถมอยู่บนฝั่งแม่น้ำ
แต่มีฝนตกน้อย พื้นที่ที่อยู่ห่างแม่น้ำจะแห้งแล้ง แต่บริเวณสองฝั่งแม่นำ้จะมีนำ้เอ่อท่วม ทำให้
มีความชุ่มชื้น บางแห่งมีนำ้ขัง สภาพเช่นนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสร้างสรรค์
อารยธรรมขึ้น เพราะชาวซูเมเรียได้คิดค้นหาวิธีแก้ปัญหาและเอาชนะธรรมชาติ โดยสร้างอ่าง
เก็บน้ำและเขื่อนกั้นน้ำ กล่าวได้ว่าเป็น ระบบการชลประทานครั้งแรกของโลก

นอกจากนี้ ชาวซูเมเรียยังรู้จักประดิษฐ์ล้อ ทำให้การขนส่งสินค้าไปแลกเปลี่ยนกับดิน
แดนมีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งยังสร้างวงล้อที่ประกอบกับเพลาเพื่อใช้กับเกวียนและ
รถศึก

การปกครอง

ชาวซูเมเรียมีการปกครองแบบนครรัฐ (City States) แต่ละนครรัฐประกอบด้วยบริเวณ
เมือง พื้นที่เกษตรกรรม และหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ บริเวณสำคัญของเมือง คือ วัดหรือสถานที่
ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ประทับของเทพเจ้า เรียกว่า ซิกกแรต (Ziggural) ซึ่งมีรูปร่างคล้าย
พีระมิด (Pyramid) ของอียิปต์ ชาวซูเมเรียเป็นชนชาติแรกที่รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษร โดย
พระได้คิดค้นวิธีการเขียน

เป็นภาพบนแผ่นดินเหนียวโดยเขียนด้วยปากกาที่ทำจากต้นอ้อ ตรงปลายทำเป็นรูป
สามเหลี่ยม เมื่อเขียนลงบนแผ่นดินเหนียวจะทำให้เกิดลักษณะคล้ายรูปลิ่ม จึงเรียกว่า
อักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรือ อักษรลิ่ม เมื่อเขียนเสร็จแล้วจึงนำแผ่นดินเหนียวไป
ผึ่งแดดหรือเผาไฟให้แห้ง และเมื่อชนชาติอื่นเข้ามาอาศัยอยู่ในเมโสโปเตเมียก็ได้ใช้
อักษรคูนิฟอร์มของชาวซูเมเรียสืบต่อมา

(อักษรคูนิฟอร์ม)

ศาสนาและความเชื่อ

ชาวซูเมเรียนับถือเทพเจ้าหลายองค์ มีการบูชาเทพเจ้าของตัวเอง และไม่เชื่อเรื่อง
วิญญาณเป็นอมตะ ถูกถ่ายทอดออกมาทางวรรณกรรมเรื่อง มหากาพย์กิลกาเมช ซึ่งเป็น
วรรณกรรมเรื่องแรกของโลก

ผลงานการสร้างสรรค์ที่สำคัญของชาวซูเมเรียยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น ทำปฏิทิน
เป็นการคิดค้นวิธีการคิดเลขด้วยวิธีบวก ลบ คูณใช้ก่อสร้าง เพราะบริเวณที่ชาวซูเมเรีย
อาศัยอยู่ขาดแคลนหินและไม้สำหรับก่อสร้าง แต่ใช้ดินเหนียวแทน

เมื่อชาวซูเมเรียเสื่อมอำนาจ ผู้ที่สืบทอดอำนาจต่อมา คือ พวกอัคคาเดียน มีกษัตริย์ คือ
พระเจ้าซาร์กอนที่ ๑ และต่อมาก็ถูกพวกอะมอไซต์เข้าครอบครอง กษัตริย์ที่สำคัญ คือ
พระเจ้าฮัมมูราบีตั้งอาณาจักรบาบิโลนขึ้นเมื่อ ๑,๗๖๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช มีเมืองหลวง
อยู่ที่กรุงบาบิโลน และมีอำนาจปกครองพื้นที่ทั้งหมดทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมีย ผลงาน
สำคัญที่พระเจ้าฮัมมูราบีทรงสร้างไว้ คือ ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี นับเป็นประมวล
กฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดของโลก

หลังจากสมัยพระเจ้าฮัมมูราบี อาณาจักรเกิดความแตกแยก เพราะมีชนกลุ่มใหม่
รุกรานเพื่อยึดครองดินแดนเมโสโปเตเมีย แต่อารยธรรมของชาวซูเมเรียและชาวบาบิโลน
ยังคงสืบทอดต่อกันมา

แม้ว่า ดินแดนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอารยธรรมเมโสโปเตเมียจะมี
ความเจริญรุ่งเรือง ทางด้านศาสนาและความเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์มาตั้งแต่สมัยโบราณ
แต่อิทธิพลด้านศาสนาและความเชื่อของอารยธรรมเมโสโปเตเมียก็ไม่มีผลมาถึงชาวเอเชีย
ในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้นับถือศาสนาอิสลาม
ศาสนายูดาห์ และคริสต์ศาสนา ซึ่งมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าองค์เดียว

อักษรศาสตร์

แม้ว่าชาวซูเมเรียในเมโสโปเตเมียจะเป็นชนกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์มหรือ
อักษรลิ่ม แต่ไม่มีหลักฐานว่าความเจริญทางด้านอักษรศาสตร์ของชาวเมโสโปเตเมียมี
อิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การรู้จักจดบันทึกของชาวเมโสโปเตเมีย ก็ทำให้ความรู้ด้านต่างๆในอดีต
ได้รับสืบทอดต่อกันมา

จัดทำโดย

ด.ช.แทนคุณ อิงคนินันท์ เลขที่ 7
ด.ช.ธีทัต หวังซื่อกุล เลขที่ 9

ด.ช.นิพพิชฌน์ ดีจักรวาล เลขที่ 13
ด.ช.ปดลเดช ลอยล่อง เลขที่ 14
ด.ช.ปธานิน พิศมัย เลขที่ 15
ด.ช.ภูมิณภัท พฤทธิ์ธนัตพร เลขที่ 18
ด.ญ.ชนิภรณ์ นาคสิทธิ์ เลขที่ 23
ด.ญ.ธนัชญา เศรษฐอนุกูล เลขที่ 27
ด.ญ.พรปวีณ์ หงส์ธนนันท์ เลขที่ 30
ด.ญ.พาขวัญ จันทรศัพท์ เลขที่ 31
ด.ญ.ศิริกัญพร วงศ์แก้วโพธิ์ทอง เลขที่ 34
ด.ญ.สุทธิกานต์ ครองสุขศิริชัย เลขที่ 36


Click to View FlipBook Version