- ส ุ คติสถาน : สถานท ี � กอ ่ ให ้ เกิดส ุ ข
- ๑ -
- ๒ -
- ๓ - สุคติสถาน : สถานที�ก่อให้เกิดสุข ๑. มูลเหตุจูงใจ สู่การสร้างสุคติสถาน จากการที�พระพรหมมังคลาจารย์(หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ) เป็ น ต้นแบบของชาวพุทธที�ยึดมั�นในคําสอนตามหลักพุทธศาสนาและพิธีกรรมที�ถูกต้อง ที�ได้ทําสืบๆต่อกันมาจนกลายเป็นแนวทางปฏิบัติ และ ท่านได้ปรับเปลี�ยน พิธีกรรม ภายในวัดชลประทานรังสฤษด� ิให้เป็น วิถีธรรม ที�ถูกต้องดีงามสืบมา พระราชวัชรธรรมภาณี (สง่า สุภโร) เจา้อาวาสวดัชลประทานรงัสฤษด� ิ รูปปัจจุบันในฐานะลูกศิษย์ของหลวงพ่อฯ ได้ดําเนินรอยธรรมสืบสานต่อจากหลวง พ่อปัญญานันทภิกขุ โดยการพัฒนาพื� นที�ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที�สุด เพื�องาน ด้านสาธารณสงเคราะห์ นําไปสู่การพัฒนาศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนธรรม และงานด้านเผยแผ่ ให้เข้าสู่ครรลองของพระธรรมวินัยและ ดําเนินคู่ไปกับยุคสมัยได้อย่างเหมาะสม งดงาม
- ๔ -
- ๕ - ในช่วงเวลาที�ผ่านมา ได้มีผู้ศรัทธามาจัดงานศพที�วัดชลประทานฯ เป็น จํานวนมาก จนศาลาที�ใช้บําเพ็ญกุศลศพไม่เพียงพอ และต้องใช้เตาเผาศพทุกวัน อีกทั�งอายุของเมรุที�มีอยู่เดิมมากกว่า ๓๐ ปีแล้ว ยิ�งยุคของภัยพิบัติจากโรคระบาด จากเชื� อไวรัส COVID �� ใน พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๔๖๔ ทําให้เตาเผาต้องรับภาระหนัก ขึ� นเป็นปีละ ๘๐๐ -๙๐๐ ศพ ในที�สุดเตาเผาระเบิด ต้องซ่อมไป เผาไปด้วย ทํา ให้เกิดปัญหาขึ� น จากนั�นได้พิจารณาโดยรอบแล้ว จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารวัด และลงมติว่า ควรจะมีการสร้างสถานที�สักแห่งหนึ�งขึ� นในวัดเพื�อรองรับกิจกรรม เหล่านี� การพิจารณายังรวมไปถึง การออกแบบในองค์รวม คํานึงถึงผู้ใช้ ทั�งผู้เป็ น เจ้าภาพและผู้ร่วมงาน ให้ได้ประโยชน์และคุณค่าอย่างแท้จริง
- ๖ - ๒. วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพื�อบริการประชาชนในการใชพ้�ืนทบี�าํเพญ ็ บญุกุศล ๒.๒ เพื�อบริการคณะสงฆ์ในด้านสาธารณูปการ ๒.๓ เพื�อบริการด้านสาธารณะสงเคราะห์แก่สังคม ๓. กลุ่มเป้าหมาย ๓.๑ ประชาชนคนทวั�ไปที�ตอ้งการใชพ้�ืนทวี�ดัจดักิจกรรมบาํเพญ ็ บุญกุศล ๓.๒ พุทธบริษัทที�มีความสนใจ การจัดงานศพแบบเป็ นระเบียบ เรียบง่าย ประหยัด เป็ นประโยชน์ และถูกต้องตามธรรมวินัย ๔. เวลาเปิ ดทําการ เวลา o๗.oo - ๒o.oo น.
- ๗ - หลักการการดําเนินการและการปฏิบัติ๕ ข้อ ตามแนวทางหลวงพ่อปัญญาฯ ใน ๕ เรื�องคือ เป็ นระเบียบ เรียบง่าย ประหยัด เป็ นประโยชน์ และถูกต้องตามพระธรรมวินัย และหลักการที�สําคัญอีก ประการหนึ�งคือ ตัดส่วนเกิน เจริญส่วนขาด จึงเป็นที�มาของการสร้าง สุคติสถาน บ้านหลังสุดท้ายของผู้วายชนม์ขึ� น ๑. ความเป็ นระเบียบ การจัดพิธีบําเพ็ญกุศลศพของวัดชลประทานฯ มีระเบียบปฏิบัติดังนี� ๑.๑ ไม่มีการจัดเลี� ยงอาหารในศาลาบําเพ็ญกุศล เนื�องจากทางวัดมี บริการอาหารฟรีที�โรงทานทุกวัน ตั�งแต่ ๑๖.๐๐ - ๑๘.๓๐ น. ๑.๒ ปลอดอบายมุขทุกชนิด
- ๘ - ๒. ความเรียบง่าย โนหรีด โนโฟม คือ ทางวัดไม่อนุญาตให้เจ้าภาพและแขกนําพวงหรีดมา ร่วมงาน เนื�องจากสิ� นเปลืองโดยใช่เหตุ เป็นขยะมลภาวะ และนโยบายรณรงค์รักษ์ โลกรักษ์สิ�งแวดล้อม ๓. ประหยัด ๓.๑ ประหยัดเวลา การจัดงานบําเพ็ญกุศลเสร็จเวลาภายใน ๑ ชม. ๓.๒ ประหยัดค่าใช้จ่ายตามนโยบาย ของวัดไม่ให้ฟุ่ มเฟือย ตามแนวคิดที�ว่า “ ลดส่วนเกิน เจริญส่วนขาด ” ๓.๓ มีการบริการหีบศพฟรีสําหรับผู้ยากไร้ ๓.๔ มีการบริการเผาผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ ฟรี
- ๙ - ๔. เป็ นประโยชน์ ๔.๑ ผู้มาร่วมงานได้ฟังธรรมและรักษาศีล ๔.๒ ผู้มาร่วมงานได้ธรรมสังเวชจากการฟังธรรม ๔.๓ ผู้มาร่วมงานได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ ๕. ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ๕.๑ ไม่มีการแห่ศพรอบเมรุก่อนเผา ๕.๒ ไม่มีการเปิดหีบดูหน้าศพก่อนเผา ๕.๓ ไม่มีการโปรยทานในวันเผา ๕.๔ ไม่มีนโยบายการบวชหน้าไฟ
- ๑๐ - สรุป กิจกรรมโครงการฯ โดยประเมินผ่านสุคติสถาน พิธีกรรมในการจัดงานบําเพ็ญกุศลศพ ของวดัชลประทานรังสฤษด� ิมี หลักการในการขับเคลื�อนงานโดยมุ่งเน้นไปด้านสาธารณสงเคราะห์ สาธารณูปโภค และการเผยแผ่ธรรม เพื�อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักไตรสิกขา ศีล สมาธิ และปัญญา ขับเคลื�อนผ่านโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เพื�อปลูกฝัง ศีลธรรมแก่ผู้ที�มาร่วมงานบําเพ็ญกุศล ให้ไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบายของ ภาครัฐ เพื�อลดปัญหาความขัดแย้งทางสังคม สร้างความมั�นคง ความไว้เนื� อเชื�อใจ ในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขยั�งยืนตลอดไป
- ๑๑ - องค์ประกอบ สุคติสถาน : สถานที�ก่อให้เกิดสุข อาคารสุคติสถาน คือบ้านหลังสุดท้ายของผู้วายชนม์ เป็นอาคารสูง ๔ ชั�น มี ลักษณะเป็นอาคารคู่ ๒ อาคาร ประกอบด้วยชั�นดาดฟ้า ๑ ชั�น ในเนื� อที� ๘๐๐ ตาราง เมตร ประกอบด้วย ๑๐ ห้องสวด ๑ ห้องฌาปนกิจ และ ๒ เตาเผา อาคาร ๑ ช� นั๑ เป็นสํานักงาน / จุดประชาสัมพันธ์ / ห้องคอลโทรล / ห้องพักรับรอง ช� นั๒ เป็นสํานักงานฝ่ ายการเงิน และห้องพักรับรอง ช� นั๓ เป็นห้องพักรับรอง ช� นั๔ เป็นห้องพักรับรอง อาคาร ๒ ช� นั๑ เป็นห้องสวด ๑-๓ คือ อนิจจตา ทุกขตา และอนัตตตา ชั�น ๑ นี� เรียกว่า “ยุคก่อนประวัติศาสตร์ หรือยุคดึกดําบรรพ์” ช� นั๒ เป็นห้องสวด ๔-๖ คือ ธัมมัฏฐิตตา ธัมมนิยามตา และ อิทัปปัจจยตา ชั�น ๒ นี� เรียกว่า “ยุคเหล็กหรือยุคสําริด” ช� นั๓ เป็นห้องสวด ๗-๙ คือ สุญญตา ตถตา และอตัมมยตา ชั�น ๓ นี� เรียกว่า “ยุควัฒนธรรม” ช� นั๔ เป็นห้องฌาปนกิจจุคนได้ประมาณ ๕๐๐ คน / ห้องสวด ๑๐ คือ กัลยาณมิตตตา หลังห้องฌาปนกิจ มีเตาเผาทันสมัย ๒ เตา ชั�น ๔ นี� เรียกว่า “ยุคศาสนา”
- ๑๒ - คิดดูใหดี คิดดูใหดี! รางกายนี้เปลี่ยนแปลงไปสูความแตกดับ อยูทุกเวลานาที ถาไมใชใหเปนประโยชน แลวจะมีคามีราคา ที่ตรงไหน! -ปญญานนัทภกิข-ุ - ๑๒ -
- ๑๓ - คณะกรรมการฝ่ ายสุคติสถาน (บ้านหลังสุดท้าย อยู่ดี-ไปดี มีศีล ๕) ๑.พระมหามานพ ป�ฺญาวชิโร ประธานกรรมการ ๒.นางสาวกาญจนา วรธรรม รองประธานกรรมการ ๓.พระปลดัทวีศกัด� ิชุติมนฺโต กรรมการ ๔.พระครูสังฆรักษ์สมเกียรติ สมกิตฺติ กรรมการ ๕.พระธีระภัทร์ จิรภทฺโร กรรมการ ๖.พระมหาณฐัสทิธ� ิวรป�ฺโญ กรรมการ ๗.พระมหาชนานนท์ ฐิตเมโธ กรรมการ ๘.พระรัฐพล ธมฺมพโล กรรมการ ๙.ดร.ฉลอง ช่วยธานี กรรมการ ๑๐.นางสาวประกอบ นวลทอง กรรมการ ๑๑.นายอนุสรณ์ ทองคําชุม กรรมการ ๑๒.พระภูวณัฐสร์ มุนิจโร ดร. กรรมการและเลขานุการ - ๑๓ -
- ๑๔ -