“ตามรอยหลวงปู่ทวด” วิทยาลัยชุมชนสงขลา สถาบันอุดมศึกษาของรัฐกับพันธกิจสำ คัญเสริมสร้างแนวทาง การสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับชุมชนเพื่อร่วมเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ในปีงบประมาณ 2559 วิทยาลัยชุมชนสงขลาได้ศึกษาชุมชนเกี่ยวกับการศึกษาศักยภาพ ทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนพะโคะ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา สรุปได้ว่าชุมชนมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 4 ด้าน ได้แก่ 1) ศักยภาพด้าน บริบทชุมชน ประกอบด้วย ด้านประวัติความเป็นมา และลักษณะภูมิประเทศ 2) ศักยภาพ ด้านประเพณีวัฒนธรรม ประกอบด้วย ประเพณีรับเทียมดาหรือทำ ขวัญข้าว ประเพณีสรงน้ำ บูรพาจารย์ ประเพณีรดน้ำ ดำ หัวคนเฒ่าคนแก่ ประเพณีทอดผ้าป่าสามัคคีปิดทองหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำ ทะเลจืดและห่มผ้าพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ ศรีรัตนมหาธาตุ วัดพะโคะ ประเพณีวัน สารทเดือนสิบ และประเพณีชักพระและตักบาตรเทโว 3) ศักยภาพด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ และแหล่งโบราณคดี เช่น วัดนางเหล้า เป็นวัดที่มีความโดดเด่น ด้านสถาปัตยกรรมหลากหลาย เมื่อเข้าไปถึงจะมีพระพุทธรูปปางนาคปรกให้ประดิษฐาน อยู่ที่ประตูทางเข้าวัด มีรูปปั้นยักษ์ 2 ตน มีพญานาค มีกิเลน ซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่างศิลปะ ไทยจีน วัดพะโคะเป็นวัดหลวงที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ตั้งอยู่บนเขาพะโคะ เป็น วัดสำ คัญและมีบทบาทสำ คัญในสมัยที่เมืองพัทลุง (ที่สทิงพระ) เป็นศูนย์กลางการปกครอง ชุมชน ถ้ำ คูหากับพังพระ เป็นโบราณสถานที่สำ คัญในตำ บลชุมพลที่ปรากฏร่องรอยการใช้เป็น ที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู เป็นถ้ำ ที่เกิดจากการขุดของมนุษย์ มี 2 ถ้ำ และ 4) ศักยภาพด้านกลุ่มบุคคลและองค์กรชุมชน ได้แก่ กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านชุมพล หมู่ที่ 7 ตำ บล ชุมพล กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านคลองฉนวน หมู่ที่ 5 ตำ บลชุมพล กลุ่มกองทุนเงินล้านของแต่ละ หมู่บ้าน และกลุ่มคณะกรรมการการท่องเที่ยวฯ ตำ บลชุมพล นอกจากนี้จากการระดมสมอง ของความต้องการในการพัฒนาของชุมชนเพื่อรองรับการท่องเที่ยว แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ๑) ด้านการพัฒนาบุคลากร เช่น อบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ยุวมัคคุเทศก์ อบรมการเป็นเจ้าบ้าน ที่ดี อบรมกลุ่มอาชีพเพื่อการแปรรูปผลผลิต อบรมด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวของชุมชน/ การจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างจิตสำ นึกให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เป็นต้น ส่วนที่๑ วิทยาลัยชุมชนสงขลากับกระบวนการส่งเสริมการท่องเที่ยว ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 1
๒) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น พัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวตำ บลชุมพล ให้มีศูนย์จัดแสดง/ จำ หน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ประจำ ตำ บล มีรถรางนำชมแหล่งท่องเที่ยวตำ บลชุมพล ปรับปรุง ภูมิทัศน์ตามแหล่งท่องเที่ยวในตำ บล สร้างเพจโปรโมทตำ บลชุมพล เป็นต้น การศึกษา ศักยภาพทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนพะโคะ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัด สงขลา โดยใช้กระบวนการในการดำ เนินงานมีส่วนร่วมกับชุมชน และดำ เนินการศึกษาความ ต้องการของชุมชน เพื่อการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน กระบวนการดำาเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน กระบวนการทำ งานของวิทยาลัยชุมชนสงขลาในการทำ งานส่งเสริมการท่องเที่ยว ของชุมชน มีกระบวนการดำ เนินงาน ดังนี้ ๑. การสำ รวจและศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยเก็บรวบรวมข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นองค์ความรู้พื้นฐานและเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัย 2. การรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ภาคสนาม โดยใช้วิธี 2.1 การสัมภาษณ์ลงแถบบันทึกเสียงหรือจดบันทึกตามความเหมาะสม 2.2 การสังเกตวิถีชีวิตประจำ วันในการสัมภาษณ์ 2.3 การจัดเวทีชุมชนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สะท้อนข้อมูลให้ชุมชน 3. การจัดกิจกรรมพัฒนาให้องค์ความรู้แก่ชุมชนตามความต้องการ 4. การกระทำกับข้อมูล โดยนำ ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์สรุปสาระสำ คัญตาม ประเด็นที่กำ หนดไว้ และการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลเอกสารและจากการสัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่ไม่สมบูรณ์ เพื่อให้เนื้อหามีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 5. การวิเคราะห์ข้อมูลตามประเด็นที่กำ หนดไว้ 6. การนำ เสนอผลงานด้วยวิธีการบรรยายเชิงพรรณนา ภาพบรรยากาศการลงพื้นที่เพื่อศึกษาศักยภาพชุมชน 2 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ภาพบรรยากาศการลงพื้นที่เพื่อศึกษาศักยภาพชุมชนในแต่ละกลุ่มอาชีพ พื้นที่แหล่งโบราณสถาน ถ้ำ เขาคูหาและสถานที่อื่นๆ ที่เป็นทรัพยากร ทางการท่องเที่ยวที่สำ คัญของชุมชน การคืนข้อมูลสู่ชุมชน กระบวนการคืนข้อมูลสู่ชุมชน เป็นกระบวนการหนึ่งที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลจาก พื้นที่ภาคสนาม ซึ่งการคืนข้อมูลสู่ชุมชน ใช้วิธีการในการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้คืนข้อมูล สู่ชุมชน สรุปได้ดังนี้ ๑. กิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมสมองเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ศักยภาพทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชน มีการจัดกิจกรรมในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ ศาลาประชาคมตำ บลชุมพล หมู่ที่ ๕ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มีผลการดำ เนินงาน ดังนี้ ๑.๑ การระดมสมองในประเด็นทรัพยากรการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมเด่นๆ ในชุมชน โดยสามารถสรุปได้ ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑) แหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งโบราณสถานโบราณวัตถุ แหล่งท่องเที่ยว ทางธรรมชาติ ประกอบด้วย ชายหาดหรือชายฝั่งทะเล (ในหมู่ที่ ๑, ๒) วัดพะโคะ (ในหมู่ที่ ๕, ๖) โบราณสถานถ้ำ คูหา (ในหมู่ที่ ๕) เขาเศรษฐีหรือเขาผี (ในหมู่ที่ ๕) วัดนางเหล้า ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 3
(ในหมู่ที่ ๓) วัดศิลาลอย (ในหมู่ที่ ๔) ตะพังพระ (ในหมู่ที่ ๕) สำ นักสงฆ์นาเปล (ในหมู่ที่ ๗) ต้นยางไม้เท้า (ในหมู่ที่ ๗) บ้านทำ เจดีย์ (อยู่กลางทุ่งนา ไม่มีบ้านเรือน) แม่ทวดยายสำลี (พระลาก) ใช้เฉพาะในงานประเพณีลากพระของวัดพะโคะ บ้านสวนนาย (ในหมู่ที่ ๖ แต่ตั้งอยู่ ในที่ดินของเอกชน) เขาน้อย (ในหมู่ที่ ๓) (ในหมู่ที่ ๖) นอกจากนี้ยังมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ สำ คัญ ได้แก่ ภูมิปัญญาการนวดแผนไทยหรือแผนโบราณ ภูมิปัญญาการต่อกระดูก รวมทั้ง ภูมิปัญญาการผลิตเครื่องเงิน (ในหมู่ที่ ๗) ๒) กิจกรรมการท่องเที่ยว ที่มีทั้งประเพณีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ประเพณีตักบาตรเทโว ประเพณีชักพระหรือลากพระโบราณ ประเพณีการห่มผ้าพระธาตุ (ในวันพฤหัสบดีแรกของเดือนยี่) ประเพณีรับเทียมดาหรือทำขวัญข้าว ประเพณีแห่หมับ เดือน สิบ ประเพณีสมโภชหลวงปู่ทวด วันทำ บุญบูรพาจารย์(สรงน้ำ หลวงปู่ทวด) วันกตัญญูของตำ บล (เมษายน) ประเพณีการรำกลองยาวและรำ โนรา รวมทั้งบทเพลงกล่อมเด็กหรือเพลงร้องเรือ ๓) ผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นผลผลิตที่มาจากชุมชน เช่น ผลผลิตจากตาลโตนด ผลผลิตจากอาหารทะเล ขนมพื้นบ้านหลากหลายชนิด เป็นต้น มีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่สำ คัญ ได้แก่ ยำ หัวโหนด แกงหัวโหนด (ในหมู่ที่ ๓) ปลาหวาน ปลาเส้น ปลาเค็ม หอยเสียบดอง อาหารทะเลสด กะปิกุ้ง มันกุ้ง (ในหมู่ที่ ๑,๒) การสานชะลอมใบตาล (ในหมู่ที่ ๖) กล้วยฉาบ (ในหมู่ที่ ๓-๗) ข้าวซ้อมมือ ข้าวไรท์เบอร์รี่ กาแฟข้าว จมูกข้าว (ในหมู่ที่ ๓) จาวตาลเชื่อม ลูกตาลอบ วุ้นลูกตาลกรอบ ลูกตาลลอยแก้ว (ในหมู่ที่ ๓) มะม่วงแช่อิ่ม น้ำส้มโหนด ท็อฟฟี้น้ำผึ้งโหนด (ในหมู่ที่ ๓) ขนมดู (ในหมู่ที่ ๖) ขนมโก๋ (ในหมู่ที่ ๗) มะพร้าวน้ำ หอม (ในหมู่ที่ ๗) น้ำ ตาลแว่น น้ำ ตาลชงกาแฟ น้ำ ผึ้งโหนด (ในหมู่ที่ ๕) ลูกตาลสด (มีในทุกหมู่บ้าน) แป้งขนมจีน (ในหมู่ที่ ๖) ซึ่งมีรายละเอียดดังตารางที่แนบ ทรัพยากรการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ชุมชน - ชายหาด/ชายฝั่งทะเล (ม.๑,๒) - วัดพะโคะ (ม.๕,๖) - ถ้ำ คูหา,โบราณสถาน (ม.๕) - เขาเศรษฐี(เขาผี) (ม.๕) - วัดนางเหล้า - วัดศิลาลอย - ตะพังพระ - สำ นักสงฆ์นาเปล - ตักบาตรเทโว - ชักพระ,ลากพระโบราณ - ห่มผ้าพระธาตุพฤหัสฯ แรก ของเดือนยี่ - ประเพณีรับเทียมดา/ ทำ ขวัญข้าว - ประเพณีแห่หมับเดือนสิบ - สมโภชน์หลวงปู่ทวด - ยำ หัวโหนด,แกงหัวโหนด(ม.๓) - ปลาหวาน ปลาเส้น ปลาเค็ม หอยเสียบดอง อาหารทะเลสดๆ กะปิกุ้ง, มันกุ้ง (ม.๑,๒) - ชะลอมใบตาล (ม.๖) - กล้วยฉาบ (ม.๓-๗) - ข้าวซ้อมมือ, ข้าวไรท์เบอร์รี่, กาแฟข้าว, จมูกข้าว (ม.๓) 4 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ทรัพยากรการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ชุมชน - ต้นยางไม้เท้า - บ้านทำ เจดีย์ - แม่ทวดยายสำลี(พระลาก) เฉพาะประเพณีลากพระ - บ้านสวนนาย - เขาน้อย - ศูนย์ผลิตเครื่องเงิน - หมอนวดแผนโบราณ, หมอต่อกระดูก - วันทำ บุญบูรพาจารย์ (สรงน้ำ หลวงปู่ทวด) - วันกตัญญูของตำ บล(เมษายน) - รำกลองยาว,รำ โนรา - เพลงกล่อมเด็ก,เพลงร้องเรือ - จาวตาลเชื่อม,ลูกตาลอบ,วุ้น ลูกตาลกรอบ, ลูกตาลลอยแก้ว(ม.๓) - มะม่วงแช่อิ่ม,น้ำส้มโหนด, ท็อฟฟี่น้ำผึ้งโหนด (ม.๓) - ขนมดู (ม.๖) - ขนมโก๋ (ม.๗) - มะพร้าวน้ำ หอม (ม.๗) - น้ำ ตาลแว่น, น้ำ ตาลชงกาแฟ, น้ำผึ้งโหนด (ม.๕) - ลูกตาลสด (ทุกหมู่) - แป้งขนมจีน (ม.๖) ภาพการจัดกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมสมองทรัพยากรทางการท่องเที่ยวของชุมชน ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ ศาลาประชาคมประจำ ตำ บล ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๕ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา บรรยากาศการมีส่วนร่วมของชุมชนในเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน และการวิเคราะห์หาจุดเด่น/ทรัพยากรทางการท่องเที่ยวของชุมชน ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 5
ผลงานที่ได้ “สถานที่ท่องเที่ยวและแนวการจัดเส้นทางการท่องเที่ยว” ภาพแผนที่เส้นทางการท่องเที่ยวและชื่อนั้นสำ คัญไฉน “เราจะใช้ชื่อชุมชนอะไรดีหนอ..........” เมื่อชุมชนมีทุนทรัพยากรในชุมชนจำ นวนมาก มีความต้องการที่จะใช้เป็นจุดเด่นในการ พัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชน วิทยาลัยชุมชนสงขลาจึงตอบสนองความ ต้องการของชุมชนเพื่อเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็งตามพันธกิจของวิทยาลัยชุมชน จึงได้จัดกิจกรรม การพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวขึ้น กิจกรรมการพัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยว จัดขึ้นในวันที่ 8 กันยายน ๒๕๕๙ ณ ศาลาประชาคมประจำ ตำ บล ตั้งอยู่หมู่ที่ ๕ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ภาพบรรยากาศการพัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยว (8 ก.ย. 59) ผลที่ได้จากการพัฒนาโปรแกรมเป็นเส้นทางเพื่อลงพื้นที่สำ รวจเส้นทางท่องเที่ยว จำ นวน ๒ เส้นทาง ดังนี้ เส้นทางที่ 1 ประกอบด้วย จุดที่ 1. โรงงานน้ำ ตาลโตนด 2. เขาเศรษฐี 3. ถ้ำ คูหา 4. พังพระ 5. วัดศิลาลอย 6. วัดนางเหล้า 7. กลุ่มประมงชายทะเล 8. วัดชุมพลชายทะเล และ 9. ต้นยางไม้เท้า 6 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
จุดที่ ๑ โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ำ ตาลโตนด ผลิตภัณฑ์สามารถสร้างความประทับใจ ให้ผู้มาเยือนได้ จุดที่ ๒ เขาเศรษฐี ความประทับใจ เกี่ยวกับนิทาน เรื่องเล่า คำสาป ขุมทรัพย์ จุดที่ ๖ วัดนางเหล้า และสิ้นสุด จุดที่ ๙ ต้นยางไม้เท้าของหลวงปู่ทวด สำ หรับเส้นทางที่ ๑ ภาพบรรยากาศการลงพื้นที่สำ รวจ เส้นทางท่องเที่ยว (8 ก.ย. 59) ภาพจุดที่ สำ นักสงฆ์ต้นเลียบ ที่ฝังรกของหลวงปู่ทวด เส้นทางที่ 2 ประกอบด้วย จุดที่ 1 วัดพะโคะ 2. เขาน้อย 3. สำ นักสงฆ์นาเปล 4. สำ นักสงฆ์ต้นเลียบ 5. วัดดีหลวง และ 6. วัดชุมพล ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 7
เรื่องราว หรือ story การให้ความหมายของแต่ละสถานที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว โดยกลุ่มการท่องเที่ยวชุมชนพะโคะ ใช้ชื่อของกลุ่มว่า “ชุมชนท่องเที่ยวถิ่นกำ เนิดหลวงปู่ทวดวัดพะโคะ” เป้าหมายต้องหากลุ่มผู้ก่อการดีมาสักกลุ่มเพื่อขยายผลการจัดการท่องเที่ยวต่อไป 1. สำ นักสงฆ์นาเปล การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้ลูกเป็นเด็กเลี้ยงง่าย แข็งแรง เป็นเด็กดี.....” 2. วัดพะโคะ การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้ชีวิตและหน้าที่การงานมีความเจริญรุ่งเรือง.....” 3. เขาคูหา-พังพระ การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้ชีวิตและครอบครัวมีความสุข อุดมสมบูรณ์ ...” 4. สำ นักสงฆ์เขาเศรษฐี การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้มี ลาภ ทรัพย์สมบัติ ความร่ำ รวยมั่งคั่ง.....” 5. วัดชุมพล การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการมีญาติมิตร พวกพ้อง บริวารมาก....” 6. วัดนางเหล้า การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้มีบารมี ความยิ่งใหญ่....” 7. วัดศิลาลอย การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้ชีวิตดำ เนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ .....” 8. วัดชุมพลชายทะเล การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้การเดินทางมีความปลอดภัย...” 9. วัดดีหลวง การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้เป็นคนฉลาด มีการศึกษาดี มีความรู้ .....” 10. สำ นักสงฆ์ต้นเลียบ การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้ชีวิตมีรากฐานมั่นคง...” 11. ต้นยางไม้เท้า การให้ความหมาย เรื่องราว หรือ story “ต้องการให้ชีวิต มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชู......” ข้อเสนอแนะจากการลงพื้นที่เพื่อดูความเหมาะสมของสถานที่ท่องเที่ยว มีดังนี้ • บางสถานที่ควรปรับปรุงพัฒนาเพิ่มเติม เช่น ป้ายบอกสถานที่ ป้ายบอกข้อมูล ประวัติความเป็นมา และปรับสภาพแวดล้อมของสถานที่ • การให้ข้อมูลบางสถานที่ของคนในชุมชน มีข้อมูลไม่ตรงกัน ควรทำการศึกษา และจัดทำ ข้อมูลกลาง ที่ทุกคนยอมรับ • ควรพัฒนาโปรแกรมให้มีทางเลือก เช่น ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด หรือ ท่องเที่ยววิถีชุมชน เป็นต้น • สร้างมัคคุเทศก์ในชุมชนที่สามารถบรรยายให้ข้อมูล และเล่าเรื่องได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังประเด็นที่สำ คัญในเวทียังมีการเสนอให้นำ เรื่องราว (Story) เกี่ยวกับ ความหมายของแต่ละสถานที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวด ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งมีความโดดเด่น ที่จะใช้ในการดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ 8 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
เริ่มปีที่ ๒ กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชน ในปีงบประมาณ 2560 วิทยาลัยชุมชนสงขลาได้ดำ เนินกิจกรรมเพื่อการพัฒนา ศักยภาพของบุคลากรทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนพะโคะ อำ เภอสทิงพระ จังหวัด สงขลา ด้วยกิจกรรมพัฒนาหลักสูตรอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม ในวันที่ 19 เมษายน 2560 ณ ห้องประชุมจรัญ จารุวัฒนา สถาบันทักษิณคดีศึกษา ตำ บลเกาะยอ อำ เภอ เมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิให้เกียรติร่วมพัฒนาหลักสูตรทั้งหมด ทำ ให้ได้ หลักสูตรอบรมอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม ต่อมาในเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2560 ได้ดำ เนินการจัดกิจกรรมอบรมมัคคุเทศก์เพื่อการพัฒนาบุคลากรทางการ ท่องเที่ยวของชุมชน เพื่อพัฒนามัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็น มัคคุเทศก์นำ เที่ยว และพนักงานที่ขับรถสามล้อพ่วงหรือซาเล้งนำ เที่ยว สร้างอัตลักษณ์ของท่อง เที่ยวในชุมชน พร้อมทั้งทดลองนำ เที่ยว การบอกกล่าวเล่าเรื่อง ในแต่ละสถานที่สำ คัญ เช่น วัดพะโคะ ถ้ำ คูหา ตะพังพระ วัดเลียบ วัดดีหลวง และสำ นักสงฆ์นาเปล โดย กลุ่มท่อง เที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด ที่มีการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว เชื่อมโยงกับเครือข่ายแพประชา รัฐตำ บลคลองรี ซึ่งเป็นการร่วมมือกันเสริมสร้างศักยภาพบุคคล ตอบสนองต่อความต้องการ ของท้องถิ่นและการประกอบอาชีพซึ่งนำ ไปสู่การพัฒนาชุมชนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อัน ได้แก่ สำ นักงานพัฒนาชุมชนอำ เภอสทิงพระ องค์การบริหารส่วนตำ บลดีหลวง คลองรี และ ชุมพล รวมถึงองค์กรอื่น ๆ ในชุมชน วัดและสำ นักสงฆ์ในพื้นที่ กำ นันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ภาพบรรยากาศการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตรอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม ในวันที่ 19 เมษายน 2560 ณ ห้องประชุมจรัญ จารุวัฒนา สถาบันทักษิณคดีศึกษา ภาพการมีส่วนร่วมในการช่วยกันพัฒนาหลักสูตรเพื่อสร้างชุมชนท้องถิ่นสงขลาบ้านเราสู่ความเข้มแข็ง ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 9
ภาพบรรยากาศการอบรมอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม ณ อาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นายนิยม ชูชื่น ผู้อำ นวยการวิทยาลัยชุมชนสงขลา มาเยี่ยมห้องเรียนและให้โอวาท กลุ่มผู้เข้าร่วมอบรมอาสาสมัคร มัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ณ อาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดฯ 10 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ภาพบรรยากาศการอบรมอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม ณ พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา จัดโดย วิทยาลัยชุมชนสงขลา ภาพบรรยากาศการอบรมอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม วิทยากร ดร.อมรา ศรีสุชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิของกรมศิลปากร และ นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ อดีตผู้อำ นวยการสำ นักโบราณคดีฯ กำลังบรรยายในสถานที่จริงในการลงพื้นที่ภาคสนามที่ถ้ำ คูหาและวัดพะโคะ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา จัดโดย วิทยาลัยชุมชนสงขลา ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 11
ภาพบรรยากาศการทดลองนำ เที่ยวหลังการอบรมอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่นทางวัฒนธรรม โดยวิทยากร ดร. นราวดี บัวขวัญ ณ พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา จัดโดย วิทยาลัยชุมชนสงขลา ภาพการลงทะเบียนเข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการเป็นเจ้าบ้านที่ดีและการต้อนรับประทับใจ โดยวิทยากร อาจารย์ดวงธิดา พัฒโน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในวันอังคารที่ ๒๖ กันยายน 2560 ณ พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา จัดโดย วิทยาลัยชุมชนสงขลา ภาพบรรยากาศการทดลองนำ เที่ยว ด้วยการนั่งรถซาเล้งท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด จัดโดย วิทยาลัยชุมชนสงขลา 12 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ภาพบรรยากาศการเตรียมความพร้อมในการทดลองนำ เที่ยว “คณะกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนสงขลา” ในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ ภาพบรรยากาศอาสาสมัครมัคคุเทศก์ในภาระกิจการทดลองนำ เที่ยว “คณะกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนสงขลา” โดยใช้พาหนะรถซาเล้งหรือสามล้อพ่วงตามเส้นทาง ตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ภาพบรรยากาศกิจกรรมอบรมการผลิตของที่ระลึกในชุมชน “การสานหมวกด้วยใบมะพร้าว” โดยวิทยากร ครูชัย เหล่าสิงห์ การสานใบมะพร้าวให้เป็นหมวก พัด และของใช้ในครัวเรือน เมื่อวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2560 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 13
ปีที่ ๓ กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชน ต่อ..... จากการที่วิทยาลัยชุมชนสงขลาได้ร่วมประชุมระดมความคิดเห็นและความต้องการ ในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการท่องเที่ยวของชุมชน กลุ่มท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด ที่ห้องประชุมอาคารขึ้นลิฟต์ วัดพะโคะ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 11 มกราคม 2561 ปรากฏว่าได้มีการวางแผนงานการดำ เนินกิจกรรมในระยะหกเดือนแรก ของการทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนพะโคะ ดังนี้ 1) อบรมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี (กลุ่มเป้าหมายคือ แม่ค้าและผู้นำ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม 2561) โดยมีวิทยาลัยชุมชนสงขลา รับผิดชอบกิจกรรม 2) อบรมภาษาเพิ่มเติม (กลุ่มเป้าหมายคือ มัคคุเทศก์ ในช่วงเดือนมีนาคม 2561) โดยมีวิทยาลัยชุมชนสงขลา รับผิดชอบกิจกรรม 3) ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ณ วัดดีหลวง (ในช่วงเดือนมีนาคม 2561) โดยมีองค์การ บริหารส่วนตำ บลดีหลวง รับผิดชอบกิจกรรม 4) ปรับภูมิทัศน์ชุมชนท่องเที่ยว (ทุกเดือนๆ ละครั้ง) โดยมีทีมงานของกลุ่มการท่อง เที่ยวชุมชนพะโคะตามรอยหลวงปู่ทวด รับผิดชอบกิจกรรม 5) เปิดตัวหมู่บ้านท่องเที่ยว (12-15 เมษายน) โดยมีทีมงานของกลุ่มการท่องเที่ยว ชุมชนพะโคะตามรอยหลวงปู่ทวด รับผิดชอบกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายหน่วยงานต่างๆ 6) กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ถนนคนเดิน ตลาดวัฒนธรรม โดยมีทีมงาน ของกลุ่มการท่องเที่ยวชุมชนพะโคะตามรอยหลวงปู่ทวด รับผิดชอบกิจกรรม ร่วมกับเครือข่าย หน่วยงานต่างๆ ดังนั้น วิทยาลัยชุมชนสงขลาจึงได้ดำ เนินการจัดกิจกรรมแรกคือ กิจกรรมอบรม เชิงปฏิบัติการ การบริหารจัดการร้านค้า บุคลิกภาพและการแต่งกาย ในวันที่ 1-2 มีนาคม 2561 ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกอบการร้านค้าหน้าวัดพะโคะ คนขับรถซาเล้งและผู้นำชุมชน โดยมีเข้าร่วมจำ นวน 48 คน จากชุมชนที่เข้าร่วม 2 ชุมชน คือ ตำ บลดีหลวงและตำ บลชุมพล ได้รับมีการประสานงานวิทยากรจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ได้แก่ ผศ.สาทินี วัฒนกิจ และ อาจารย์วรสุดา ขวัญสุวรรณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ ผศ.ธันยาภรณ์ ดำจุติ คณะบริหารธุรกิจ เนื้อหาในการอบรม ดังนี้ วันที่ 1 มีนาคม 2560 เป็นการให้ความรู้ในด้านความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการ ออกแบบร้านค้าและบุคลิกภาพและการแต่งกาย โดย ผศ.สาทินี วัฒนกิจ และอาจารย์ กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการ การบริหารจัดการร้านค้า บุคลิกภาพและการแต่งกาย 14 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
วรสุดา ขวัญสุวรรณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีการให้ความรู้และนำ ปฏิบัติในการ ออกแบบร้านค้าและการแต่งกายที่สร้างอัตลักษณ์ชุมชน ให้กับแม่ค้าและสมาชิกกลุ่มท่องเที่ยว ตามรอยหลวงปู่ทวด จำ นวน 48 คน ชุมชนให้ความสนใจนำ วิทยากรไปช่วยดูสถานที่จริงเพื่อ จะได้ออกแบบให้เหมาะสม พร้อมนี้วิทยากรรับปากกับชุมชนว่าจะนำ นักศึกษามาช่วยเหลือ ชุมชนให้เป็นรูปธรรมต่อไป ส่วนในวันที่ 2 มีนาคม 2560 เป็นการให้ความรู้ในเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ร้านค้าและการแนะนำ รูปแบบในการออกแบบสินค้า ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม โดย ผศ.ธันยาภรณ์ ดำจุติ คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งจะดำ เนินการนำ นักศึกษาที่ลงทะเบียน เรียนในภาคฤดูร้อนลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ ให้ข้อเสนอแนะกับร้านค้าและชุมชนต่อไป กิจกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน กิจกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน จัดขึ้นในวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ อาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด(อาคารขึ้นลิฟต์) ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มีชาวบ้านที่เข้าร่วม จำ นวน ๒๙ คน และมีผู้อำ นวยการวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศ และผู้ติดตามอีกประมาณ ๔๐ คน มีชุมชน ๓ ชุมชน ได้แก่ ดีหลวง ชุมพล และคลองรี มาร่วม ต้อนรับคณะฯ ซึ่งจากการที่มีคณะผู้อำ นวยการวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศที่จะมาประชุมสัญจร ได้มาศึกษาดูงานที่กลุ่มท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด ตามเส้นทางการท่องเที่ยวตามรอยหลวง ปู่ทวด อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ที่วัดพะโคะ ถ้ำ เขาคูหา พังพระ วัดต้นเลียบ วัดดี หลวง และสำ นักสงฆ์นาเปล โดยใช้รถซาเล้งเป็นพาหนะในการเดินทาง และมีมัคคุเทศก์ บรรยายในแต่ละสถานที่ ที่สำ คัญที่วัดดีหลวงมีการสาธิตขนมพื้นบ้านตามประเพณีเดือนสิบ ได้แก่ ขนมเจาะหู(เบซัม) ขนมลา ขนมพอง และขนมโค ซึ่งเป็นขนมที่ชาวบ้านในแถบนี้มีความ เชื่อว่า เป็นขนมที่หลวงปู่ทวดชอบ ส่วนใหญ่ใช้ถวายหรือแก้บนต่อหลวงปู่ทวด ผลจากการสรุป ประสบการณ์พูดคุยกับกลุ่มผู้บริหารที่มาเยี่ยมชมให้ความเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมีการทำ กิจกรรมโครงการต่อเนื่องเห็นผลว่าสามารถสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ส่วนข้อเสนอแนะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหางบประมาณมาใช้ในการพัฒนาเอกสารประกอบการ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว รวมทั้งเรื่องกระบวนการทำ งานต้องอาศัยหลักการในการทำ งาน อาจจะยึดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายหลักการนำ มาบูรณาการใช้ในการทำ งาน เช่น หลักการ ปิดทองหลังพระของในหลวงรัชกาลที่ ๙ หลักการของ CBT ของการท่องเที่ยว กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ การวิเคราะห์และจัดทำ แผนกลยุทธ์การท่องเที่ยวของชุมชน จัดขึ้นวันที่ 21 - 23 พฤษภาคม 2561 ณ อาคารลิฟต์วัดพะโคะ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มีผู้เข้าร่วมจาก 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนท่องเที่ยวตามรอยหลวง ปู่ทวด ตำ บลชุมพล ตำ บลดีหลวง และชุมชนท่องเที่ยวแพประชารัฐตำ บลคลองรี มีผู้เข้าร่วม ทั้งสิ้น จำ นวน 40 คน ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 15
จากการที่ได้ดำ เนินกิจกรรมในพื้นที่หลายกิจกรรม พร้อมการพูดคุยแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นกันพบว่าชุมชนมีความต้องการที่จะจัดทำแผนกลยุทธ์ในการท่องเที่ยวของชุมชน โดย ผ่านการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการบริหาร จัดการการท่องเที่ยวในอนาคต ชุมชนสามารถตั้งรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจึงต้องมีการ อบรมเชิงปฏิบัติการการวิเคราะห์และจัดทำแผนกลยุทธ์การท่องเที่ยวของชุมชน โดยวิทยากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยการพัฒนาการท่องเที่ยวในหลายชุมชนภาคเหนือ ภาคกลาง และประเทศลาว กระบวนการอบรม วันแรกเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยว การ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์จากตัวอย่างการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริม การท่องเที่ยวในชุมชนหลากหลายชุมชน และการแบ่งกลุ่มเพื่อระดมความรู้ความคิดในการ วิเคราะห์ชุมชนในด้านจุดเด่น จุดด้อย โอกาสและปัญหาอุปสรรค ในวันที่สองเป็นการ ลงพื้นที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางที่ชุมชนกำ หนด เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การ ท่องเที่ยวชุมชน และในวันที่สาม เป็นการสรุปข้อมูลเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ของชุมชน คณะผู้อำ นวยการวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศประชุมสัญจรถ่ายภาพร่วมกันหน้าโบสถ์วัดพะโคะ 16 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
บรรยากาศการเยี่ยมชมเส้นทางการท่องเที่ยว ตามรอยหลวงปู่ทวด อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา กิจกรรมอบรมให้ความรู้เรื่องบุคลิกภาพและการแต่งกายที่สร้างอัตลักษณ์ชุมชน โดยวิทยากร อ.วรสุดา ขวัญสุวรรณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 17
กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ การวิเคราะห์และจัดทำแผนกลยุทธ์การท่องเที่ยวของชุมชนโดยวิทยากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล จากมหาวิทยาลัยนเรศวรผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยการพัฒนาการท่องเที่ยว ในวันที่ 21 - 23 พฤษภาคม 2561 ณ อาคารลิฟต์วัดพะโคะ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มาถึงตอนนี้กิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนทั้งในตำ บลดีหลวงและชุมพล ในนาม “กลุ่มท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด” ได้มีความร่วมมือกันดำ เนินงานเพื่อการสร้างความ เข้มแข็งของชุมชนในด้านการท่องเที่ยวหลากหลายกิจกรรม ทั้งด้านการพัฒนาภูมิทัศน์สร้าง ความสะอาด บนท้องถนนที่ใช้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างชุมชน มีการปลูกต้นไม้ประดับ ประดาให้งดงามตา มีกิจกรรมตลาดนัดชุมชนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกชุมชน ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนนำ ไปสู่สายตาผู้คนในงานนิทรรศการต่าง ๆ ที่จัดโดยภาค รัฐและเอกชน ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการท่องเที่ยว ด้านความร่วมมือระหว่างชุมชนเอง ที่มีการจัดประชุมพูดคุยปรึกษาหารือกันบ่อยครั้ง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความ เข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับชุมชน 18 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
“ตามรอยหลวงปู่ทวด” กับ ๕ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์มหาสิริมงคลแห่งชีวิต ส่วนที่๒ ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ ไหว้พระเก่า เล่าอดีต สร้างบุญ เสริมบารมี บริเวณที่เรียกกันว่าคาบสมุทรสทิงพระนั้นคือ พื้นแผ่นดินที่อยู่รอบทะเลสาบสงขลา ทางด้านทิศตะวันออก เกิดจากการทับถมของซากหอยปะการัง และทรายที่คลื่นลมพัดเข้ามา ทำ ให้เกิดเป็นพื้นที่แนวสันทรายยาวตั้งแต่บริเวณเชิงเขาหัวเขาแดงอำ เภอสิงหนคร ผ่านอำ เภอ สทิงพระขึ้นไปจนถึงอำ เภอระโนด โดยลักษณะพื้นที่เป็นที่ลุ่มที่ดอนสลับกันไป ซึ่งพื้นที่บริเวณ นี้ยังเรียกชื่อหนึ่งว่า “แผ่นดินบก”เป็นแหล่งชุมชนโบราณแรกเริ่มประวัติศาสตร์กระจายตัวอยู่ โดยรอบ เป็นจุดแวะของเรือพ่อค้าวาณิช นักเดินเรือ ที่ได้นำ เอาศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อ และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เข้ามา ต่อมาได้พัฒนาเป็นเมืองท่าสำ คัญทางฝั่งทะเลตะวันออก ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูและเป็นศูนย์กลางการปกครองพุทธศาสนา คณะสงฆ์ลังกาชาติ หัวเมืองพะโคะ และเป็นแดนดินถิ่นกำ เนิดสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิตโหนด-นา-เล เนื่องด้วยมี แหล่งโบราณสถานและโบราณวัตถุที่มีความสำ คัญทางอารยธรรม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นแดนดินถิ่นกำ เนิดสมเด็จเจ้าพะโคะ หรือ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ตั้งอยู่บริเวณ ใกล้วัดพะโคะ ในรัศมี ๒ กิโลเมตร ในพื้นที่ตำ บลชุมพล และตำ บลดีหลวง อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา แผนที่ภาพกัลปนาวัดพะโคะ สมัยกรุงศรีอยุธยา (เขียนเมื่อ พ.ศ.๒๒๔๒ เพื่อแสดงเขตปกครองของวัดพะโคะ) ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 19
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๕ สถานที่เชิงประวัติศาสตร์ เสริมบุญบารมี เป็นมงคลต่อชีวิต ๑. ถ้ำ�เขาคูหา - ตระพังพระ ศาสนสถานอินดู ถ้ำขุดโบราณหนึ่งเดียวในประเทศไทย อายุประมาณ ๑,๒๐๐ ปี เสริมมงคลต่อชีวิต “ทางด้านความอุดมสมบูรณ์” ๒. วัดต้นเลียบ สถานที่ฝังรกของหลวงปู่ทวด เสริมมงคลต่อชีวิต “ทางด้านรากฐานชีวิตมั่นคง” ๓. วัดดีหลวง สถานที่บรรพชาสามเณรและศึกษาเล่าเรียนของหลวงปู่ทวดในวัยเยาว์ เสริมมงคลต่อชีวิต “ทางด้านการศึกษา การงาน การเงิน” ๔. สำ�นักสงฆ์นาเปล สถานที่ผูกเปลและพญางูคายแก้วคู่บารมีแก่หลวงปู่ทวด เสริมมงคล ต่อชีวิต “ทางด้าน สุขภาพแข็งแรง” ๕. วัดราชประดิษฐาน(วัดพะโคะ) สถานที่จำ พรรษาของหลวงปู่ทวด เสริมมงคลต่อชีวิต “ทางด้านเจริญรุ่งเรือง” จุดเริ่มต้นการเดินทาง คือ อาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด (อาคารลิฟท์ขึ้นวัดพะโคะ) ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดภายในวันเดียว การเดินทาง เดินทางโดยใช้พาหนะรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 1 คัน (รถซาเล้ง) นั่งได้ 2-3 คน ทริปครึ่งวัน ทริป ๑ วัน ๑. ถ้ำ เขาคูหา-ตระพังพระ ๑. ถ้ำ เขาคูหา-ตระพังพระ ๒. วัดต้นเลียบ ๒. วัดต้นเลียบ ๓. วัดดีหลวง ๓. วัดดีหลวง ๔. สำ นักสงฆ์นาเปล ๔. สำ นักสงฆ์นาเปล ๕. วัดพะโคะ (วัดราชประดิษฐาน) ๕. วัดพะโคะ (วัดราชประดิษฐาน) ๖. ชมวีถีตาลโตนด (การขึ้นตาล , การปาดตาล , การทำ น้ำ ตาลแว่น ) ๗. ชิม ชม ช๊อป สินค้าชุมชน ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด (อาคารลิฟท์วัดพะโคะ หรืออาคารพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด) นั่งซาเล้ง เที่ยวพะโคะ โละไปดีหลวง หมายเหตุ : ทริปครึ่งวัน ๒๕๐ บาท / ท่าน (มีอาหารว่าง) ทริป ๑ วันเต็ม ๓๕๐ บาท / ท่าน (มีอาหารกลางวัน) 20 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
บริเวณวัดต้นเลียบ สรีระร่างกายของหลวงปู่จำ เนียนอดีตเจ้าอาวาส สถูปฝังรกหลวงปู่ทวด วิหารหลวงปู่ทวด วัดต้นเลียบ วัดต้นเลียบเป็นปูชนียสถานที่ฝังรกหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด (บ้านเกิดและสถานที่ ฝังรกหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด) ตำ นานที่มีหลักฐานปรากฏอยู่จริงบนคาบสมุทรสทิงพระ สำ นักสงฆ์ต้นเลียบ มีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นโพธิ์ วัดขนาดโดยรอบแล้วลำ ต้น ประมาณ 21 เมตร เป็นต้นไม้ที่อายุยืนยาวมานานแต่อดีตกาลนับได้ 500 กว่าปี ปัจจุบันนี้ยืน เด่นตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขา ให้ร่มเงา และความร่มรื่นอยู่ภายในวัดต้นเลียบ ซึ่งถือกันว่าเป็นต้นไม้ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ในแถบภูมิภาคนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าจะลบหลู่ เป็นต้นไม้ที่สำ คัญในตำ นานเกี่ยวกับ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด ตามประวัติเล่ากันว่า เมื่อประมาณ ๔๐๐ ปี ที่ผ่านมามีครอบครัวคนยากจน คู่หนึ่งมีนามว่า นายหูและนางจันทร์ เป็นทาสในเรือนของ เศรษฐีปาน ได้ให้กำ เนิดบุตรชาย เมื่อวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง ช่วงประมาณปี พ.ศ.๒๑๒๓ นายหูได้นำ รกของลูกมาฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ แล้วกลับมาที่บ้านเห็นอาการลูกชายคืบคลานว่องไว เช่นจับปูใส่กระด้งจึงได้ตั้งชื่อว่า “เด็กชายปู” ปัจจุบันนี้ก็คือ วัดต้นเลียบ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ ตำ บล ดีหลวง อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา สถานที่แห่งนี้หากได้มากราบไหว้สักการะ บูชาจะช่วยเสริมสร้างบุญบารมีและเป็นมงคลต่อ ชีวิตในด้าน “ชีวิตมีรากฐานมั่นคง” ภายในวัดแห่งนี้ยังมีศาลาที่ประดิษฐาน ของหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่มีความสวยงาม หาก ต้องการจะให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข ต้องมาที่ศาลาแห่งนี้ และกราบสักการะหลวงปู่ทวด นอกจากนั้นยังมีสรีระร่างกายของหลวงปู่ จำ เนียนอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งท่านรู้วันมรณภาพ ล่วงหน้า และท่านได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ว่า อีกหนึ่งปี ท่านจะมรณภาพวันอาทิตย์ ก่อนเข้าพรรษา และห้ามเผาศพ ให้เก็บศพท่านไว้ ศพจะไม่เน่าเปื่อย แต่ไม่มีใครเชื่อ พอถึงวันอาทิตย์ ก่อนเข้าพรรษา ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ท่านก็มรณภาพจริง จึงได้เก็บศพไว้ตามพินัยกรรมที่ท่านได้เขียนเอาไว้ จนถึงปัจจุบันนี้ ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 21
อุโบสถวัดดีหลวง วัดดีหลวง วัดดีหลวงตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำ บลดีหลวง อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา สร้างขึ้นในสมัย อยุธยา ปรากฏหลักฐานในแผนที่กัลปนาวัดเมืองพัทลุง เรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดกะดีหลวง” วัดดีหลวงเป็นวัดที่หลวงปู่ทวดเคยบวชเป็นสามเณร ถือได้ว่าเป็นวัดสำ คัญวัดหนึ่งใน คาบสมุทรสทิงพระ ภายในวัดมีโบราณวัตถุสถานที่สำ คัญได้แก่ ศาลาเป็นศาลาไม้ทรงโถง เรียกว่า ศาลาอาจารย์แก้ว เป็นวัดสำ คัญอีกวัดหนึ่งในคาบสมุทรสทิงพระ ที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวด และ เป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองด้านสถาปัตยกรรม เป็นสำ นักเรียนใหญ่มาแต่โบราณ ปรากฏหลัก ฐานเล่าสืบต่อกันมาว่า วัดดีหลวงเป็นวัดที่เด็กชายปูเคยมาอาศัยกับสมภารจวง ซึ่งเป็นหลวงลุง เมื่ออายุได้ ๑๔ ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร และศึกษาวิชาต่างๆในวัดจนหมดสิ้น และได้ ไปเรียนต่อที่วัดสีหยัง และได้ศึกษาต่อไปจนถึงกรุงศรีอยุธยาตามลำ ดับ ภายในวัดมีโบราณสถาน ที่สำ คัญได้แก่ อุโบสถบรรพชาสามเณรปู พระประธานประจำอุโบสถหลังนี้เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนังเทพ ชุมนุม ด้านหน้าของชุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางเปิดโลกภายใต้เศวตฉัตร การสร้างพระพุทธรูป ที่มีซุ้มเรือนแก้วครอบลักษณะนี้นั้น สันนิฐานได้เลยว่า อุโบสถเดิมหลังนี้คงเป็นอุโบสถโล่งไม่มี ผนัง แต่ภายหลังได้มีการต่อเติมให้มีผนังเกิดขึ้น ราวยุคสมัยของ “อาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี” อดีต เจ้าอาวาส และชาวบ้านยังเรียกขานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า เป็นพระพุทธรูปนักเลง ประจำ อุโบสถวัดดีหลวง คือ เป็นพระพุทธรูปหิ้วนก !!! ส่วนด้านหน้าอุโบสถเป็นสถูปอาจารย์จวง ซึ่งเป็น หลวงลุงของหลวงปู่ทวด 22 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
สถานที่แห่งนี้หากได้มากราบไหว้สักการะบูชาจะช่วยเสริมสร้างบุญบารมี และเป็น มงคลต่อชีวิตในด้าน “มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ และประสบความสำ เร็จทางการศึกษา” นอกจากนั้นภายในวัดยังมีศาลาอาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี เป็นศาลาโถงไม้ทรงไทยสร้างผสมผสาน ระหว่างไม้กับปูน มีความวิจิตรงดงามอย่างลงตัว โดยศาลาหลังนี้คณะศิษย์ยานุศิษย์ ร่วมกัน สร้างถวาย เป็นพุทธบูชาเพื่อประดิษฐานสรีระสังขารของอาจารย์แก้ว พุทธฺมุณี อดีตเจ้าอาวาสวัดดีหลวง สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ ลักษณะเด่นคือ หน้าบันด้านหน้ามีมุขลดหลั่น หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นรูป พระภิกษุนมัสการโกศใส่ศพ หน้าบันมุมด้านข้างเป็นลายปูนปั้นรูปฤาษีและพระพิฆเณศ ส่วนด้านข้าง ทั้ง ๔ ด้าน สร้างเป็นเรือนยกพื้น ใช้เป็นเรือนสำ หรับพระสวดอภิธรรม ภายหลังด้านทิศตะวันตก ได้ปรับเปลี่ยนเป็นอาสงฆ์เพื่อสะดวกในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในปัจจุบัน ศาลาหลังนี้ ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีลักษณะสวยงาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง” พระพุทธรูปปั้นปางมารวิชัย ประจำอุโบสถ เจดีย์ ๕ ยอด มีอยู่รอบอุโบสถ ศาลาอาจารย์แก้ว พุทธมุณี สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 23
แผนที่เส้นทางท่องเที่ยว 24 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ตามรอยหลวงปู่ทวด ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 25
บริเวณหน้าถ้ำขุดมี ฐานโยนี ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ (ปัจจุบัน ศิวลึงค์ เก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา อำ เภอเมืองสงขลา) ถ้ำ เขาคูหา-ตระพังพระ ถํ้าเขาคูหา บริเวณใกล้วัดพะโคะ โดยปรากฏหลักฐานการตั้งของชุมชน มีการแกะสลักหิน ขุดเจาะหน้าผาเป็นถ้ำถึง ๒ ถ้ำ ด้วยกัน ถ้ำขุดเขาคูหาเป็นถ้ำขุดหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ในการขุดเพื่อใช้เป็น สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู ตามคติความเชื่อของชาวอินเดีย หรือ เรียกกันว่า “เทวลัย” ซึ่งสถานที่แห่งนี้เมื่อกำ หนดอายุตามหลักฐานที่ค้นพบ สันนิฐานว่ามีอายุช่วง พุทธศตวรรษที่ ๑๒ ประมาณ ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว โดยมีการขุดเจาะหินหรือหน้าผาเข้าไปเป็นถ้ำ - ถ้ำ ที่หนึ่ง ทางด้านทิศเหนือ ขุดเจาะเพื่อประกอบพิธีกรรมโดยมีการเจาะเป็นชั้น หรือเป็นแท่น เหนือชั้นขึ้นไปก็มีการเจาะเป็นช่อง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป หรือ รูปเคารพ ส่วนด้านข้างยังเซาะเป็นร่องตามขอบผนังถ้ำ จนถึงแอ่งที่ขุดไว้ด้านหน้าของถ้ำ ในการประกอบพิธีกรรมในถ้ำ นี้นั้น ผู้ทำ พิธีได้นำ น้ำ มาจากตระพังพระ คือสระทางด้านทิศ ตะวันออกของถ้ำ นำ น้ำ มาราดลดลงบนเทวรูป หรือ รูปเคารพที่ประดิษฐานไว้บนแท่นหินนั้น แล้วน้ำก็จะไหลตามล่องที่ขุดอยู่ขอบผนังถ้ำ ไปยังแอ่งด้านหน้าของถ้ำ ถือเป็นน้ำ ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คน จะนำ น้ำ นั้นไปใช้ตามความเชื่อต่อไป - ถ้ำ ที่สอง ทางด้านทิศใต้ มีขนาดเล็กกว่าถ้ำ ทางด้านทิศเหนือจุคนประมาณ ๒๐ คน ถ้ำ นี้มีเขียนภาพจิตกรรมผาผนังไว้บนผนังถ้ำ เป็นลักษณะสัญลักษณ์คำ ว่า “โอม” หรือ “อะอุมะ” ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าทางศาสนาฮินดูทั้ง ๓ องค์ “อะ” หมายถึงพระวิษณุ “อุ” หมายถึง พระศิวะ “มะ” หมายถึงพระพรหม ถ้ำ นี้จะใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสื่อถึงเทพเจ้า ชุมชนโบราณเขาคูหาแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก หาก ใครประสงค์ต้องการจะมีความอุดมสมบูรณ์ให้อธิษฐานถึงเทพเจ้าที่เขาคูหา ท่านก็จะได้รับ อานิสงค์ความอุดมสมบูรณ์จากคำอธิษฐานนั้น 26 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ร่องรอยของชั้นหินหน้าถ้ำ แสดงให้เห็นถึงการก่อตัวของเศษตะกอนดินผสมผสานกับเปลือกหอย สันนิษฐานได้ว่าในยุคโบราณบริเวณนี้เคยเป็นแหล่งน้ำ มาก่อน จุดเช็คอินบริเวณหน้าถ้ำขุดเขาคูหา ตระพังพระ “พังพระ”เป็นสระน้ำ ที่ขุดขึ้นเพื่อเก็บกักน้ำจืดเพื่อใช้อุปโภคและบริโภค พบบนพื้นที่ ของคาบสมุทรสทิงพระ โดยมีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยม มีจำ นวนกว่า ๓๐๐ ตระพัง ส่วนตระพังพระ นี้มีขนาดใหญ่กว่าที่อื่น และมีลักษณะที่แตกต่างจากตระพังอื่นๆ คือ มีเกาะอยู่ตรงกลางตระพัง และบนกลางเกาะนั้นได้ขุดค้นพบเทวรูป “พระอคัสตยะสำ ริด” เทพเจ้าในลัทธิไศว นิกายของ ศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นปางหนึ่งของพระศิวะ ลักษณะคล้ายกับฤๅษี ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา อำ เภอเมือง จังหวัดสงขลา จากการขุดพบโบราณวัตถุใน ตระพังพระแห่งนี้จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นสถานที่สำ คัญที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ฮินดูอย่างแน่นอนด้วยการนำ น้ำ จากตระพังพระมาประกอบพิธีกรรมที่ถ้ำ คูหาด้วย นอกจากนี้ ต่อมาบริเวณเกาะกลางตระพังแห่งนี้ พุทธศาสนิกชนยังได้ใช้เป็นสถานที่อุปสมบทพระภิกษุ ที่เรียกว่า “อุทกกะเสมา” ที่มีการกำ หนดอาณาเขตไว้ว่า “ในการวักน้ำ ทั้ง ๔ ด้าน ต้องไม่ให้ ถึงตลิ่ง ก็ถือว่าเป็นเขตทำสังฆกรรมได้” เพราะฉะนั้นสถานที่แห่งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นศาสนสถาน ที่สำ คัญของสองศาสนา ตระพังพระ จะมีเกาะอยู่ตรงกลางผืนน้ำ บางช่วงตระพังพระจะเต็มไปด้วยบัว จนมองไม่เห็นผืนน้ำ ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 27
ปฏิมากรรมปูนปั้นจำลองเหตุการณ์เมื่อครั้งพญางูคายแก้วคู่บารมีหลวงปู่ทวด สำนักสงฆ์นาเปล 28 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 7 ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ ห่างจากวัดพะโคะประมาณ ๒ กิโลเมตร ตามตำ นานกล่าวว่า เมื่อคราวที่ตาหูและยายจันทร์ ได้ให้กำ เนิดบุตรชายหนึ่งคนชื่อว่าเด็กชายปู ในช่วงฤดูกาลเดือน ๔ นั้น ซึ่งเป็นฤดูกาลเกี่ยวข้าว เศรษฐีปานนั้นมีคำสั่งให้ลูกหนี้ไปเก็บเกี่ยวข้าว หนึ่งในนั้นเป็นครอบครัวของตาหูและยายจันทร์ด้วย จึงจำ ใจต้องพาลูกไปด้วย แล้วได้ผูกเปล ไว้กับต้นหม้าว(มะเม่า) จากนั้นลงไปเกี่ยวข้าว นางจันทร์ก็ขึ้นมาดูลูกอยู่บ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง จนถึงเวลาประมาณบ่ายแก่ๆ ได้ขึ้นมาให้นมลูก ปรากฏเห็นพญางูบองหลาตัวใหญ่ (งูจงอาง) พันอยู่รอบเปลของเด็กชายปูในขณะนั้น นางจันทร์ก็ตกใจมากจึงร้องเรียกเพื่อนบ้าน ให้มาขับไล่ แต่ทุกคนเห็นขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้ จึงไม่กล้าทำอันใดแก่พญางูตนนั้นทั้งสองจึงตัดสินใจนำ ดอกไม้ในอาณาบริเวณรอบๆ มาทำการขอขมาลาโทษ จากนั้นพญางูก็ได้คลายขดแล้วเลื้อย ออกจากเปลไป นางจันทร์เข้าไปดูลูกพบว่าบริเวณส่วนอกของลูกชาย มีฟองน้ำลายงูปรากฏอยู่ นางจันทร์คิดว่า พญางูคงจะกัดลูกชายแล้ว จึงเอามือไปปัดป้อง จึงได้ทราบว่าเป็นดวงแก้วและ ได้เก็บดวงแก้วนั้นไว้ ภายหลังเรื่องราวนี้ได้กล่าวขานเรื่อยมา จนกระทั่งทำ ให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันเป็นสำ นักสงฆ์ขนาดเล็ก ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติของท้องทุ่งนา และต้นตาลโตนด มีการสร้างปฏิมากรรมปูนปั้นจำ ลองเหตุการณ์เมื่อครั้งพญางูบองหลาตัว ใหญ่มาพันอยู่รอบเปลเด็กชายปู และคายแก้วคู่บารมี สถานที่แห่งนี้หากใครได้มากราบไหว้ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ จะช่วยเสริมสร้างบุญบารมีและเป็นมงคลต่อชีวิตในด้าน “เลี้ยงลูกง่าย เป็นเด็กดี และสุขภาพแข็งแรง”
วัดราชประดิษฐาน (วัดพะโคะ) วัดราชประดิษฐาน หรือวัดพะโคะ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๖ ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา วัดพะโคะ เป็นวัดหลวงที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ตั้งอยู่บนเขาพะโคะ เป็นวัดสำ คัญและมีบทบาทสำ คัญในสมัยที่เมืองพัทลุง (ที่สทิงพระ) เป็นศูนย์กลางการปกครอง ชุมชน ได้ถูกพวกโจรสลัดมาลายูรุกราน ทำลายเมือง และวัดวาอารามเสียหาย พระมหากษัตริย์ จึงใช้วัดพะโคะเป็นศูนย์กลางป้องกันการรุกราน มีหลักฐาน เรื่องพระราชที่กัลปนา แก่วัดพะโคะ และบรรดาวัดที่ขึ้นแก่วัดพะโคะ และในสมัยสมเด็จเจ้าพะโคะก็ได้ขอกัลปนาที่ดินให้กับ วัดพะโคะ โดยในครั้งนี้มีหลวงปู่ทวด เป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์จนดีขึ้น ที่วัดพะโคะจะมีโบราณสถาน โบราณวัตถุ ประดิษฐานอยู่มากมาย ได้แก่ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ระหว่าง พ.ศ. ๒๐๙๑ ถึง พ.ศ.๒๑๑๑ พระยาดำธำ รงกษัตริย์ (บางแห่งกล่าวว่าพระยา ธรรมรังคัล) ได้นิมนต์ พระมหาอโนมทัสสี พระณไสยมุย และ พระธรรมกาวา ให้ไปเอากระบวน พระมหาธาตุเมืองลังกา และมาสร้างเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ สูงหนึ่งเส้นห้าวา ต่อมามีโจรสลัด เข้าโจมตีหลายครั้ง จนกระทั่งเป็นวัดร้างอยู่ช่วงหนึ่ง จนมาถึง ในสมัยสมเด็จพระราชมุนีราม คุณูปรมาจารย์ (สมเด็จเจ้าพะโคะ ) ได้บูรณะวัดพะโคะ เนื่องจากได้รับการพระราชอุปถัมภ์จาก พระเจ้าอยู่หัวสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้บูรณะพระเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นเจดีย์ทรง ลังกาอยู่บนฐานจัตุรัสขนาดใหญ่ ๓ ชั้น สูง ๑ เส้น ๕ วา พร้อมกับหล่อยอดพระเจดีย์ด้วยเบ็ญ จะโลหะยาว ๓ วา ๓ ศอก ออกมาแต่กรุงศรีอยุธยา และในคราเดียวกันนั้น สมเด็จเจ้าพะโคะ ได้นำ ดวงแก้วคู่บารมีบรรจุไว้บนยอด พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุอีกด้วย ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 29
พระพุทธไสยาสน์ หรือ พระโคตะมะ ศาลาตัดสินความ พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธไสยาสน์ของวัดพะโคะ เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพานขนาดใหญ่ ประทับ บรรทมหันศีรษะไปทางทิศเหนือตามคตินิยมทางพระพุทธศาสนา มีขนาดความยาว ๑๘ เมตร กว้าง ๒.๕๐ เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ฝีมือช่างท้องถิ่น กล่าวกันว่า “ผแดงศรีทิรม” ได้ขอที่บนเขาวัดราชประดิษฐาน สร้างพระพุทธไสยาสน์แล้วได้ถวายพระนามว่า พระพุทธโคตรมะ หรือ พระโคตรมะ ต่อมาชาวบ้านได้เรียกวัดนี้ว่า วัดพระโคตะมะ จนกระทั่ง ภายหลังได้เรียกเพี้ยนมาเป็น วัดพะโคะ จนถึงปัจจุบัน เป็นโบราณสถานสมัยกรุง ศรีอยุธยา มีลักษณะเป็นศาลาทรงโถง ก่ออิฐถือปูนฝีมือช่างท้องถิ่นภาคใต้ ภายในได้ประดิษฐานพระพุทธรูปปูน ปั้นปางมารวิชัย ๓ องค์ ศาลาแห่งนี้ยังมีบทบาทสำ คัญ ทางการปกครองอีกด้วย เพราะเคยใช้ ศาลาแห่งนี้ เป็นสถานที่ถือน้ำ พิพัฒน์ สัตยาของคณะขุนนางและเมื่อมีคดี ความใดก็จะมาตัดสินกันที่นี่ จึงได้เรียก กันว่า“ศาลาตัดสินคดีความ” มาจน ทุกวันนี้ ศาลาตัดสินความ 30 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
บ่อน้ำซักจีวร ตั้งอยู่ที่วัดพะโคะ หมู่ที่ 6 ตำ บลชุมพล อำ เภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เป็นบ่อน้ำ ขุด จากหิน มีน้ำซึมออกมาตลอดทั้งปี ตามความเชื่อถือว่าเป็นบ่อน้ำ ที่หลวงปู่ทวดใช้สำ หรับซักจีวร ของท่าน นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำ ศักดิ์สิทธิ์ ใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ วิหารรอยพระพุทธบาท เป็นสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทข้างซ้าย ปรากฏอยู่บนแผ่นหิน ซึ่งมี ๒ คติ ความเชื่อด้วยกัน ๑) เชื่อว่ารอยนี้เป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามีมาก่อนสมเด็จเจ้า พะโคะ เพราะเคยปรากฏชื่อเขาแห่งนี้ว่า เขาพระพุทธบาท และ ๒) ชาวบ้านเชื่อว่ารอยนี้เป็น รอยที่สมเด็จเจ้าพะโคะ แสดงอิทธิปาฏิหารย์เหยียบไว้ก่อนจะโละหายไปจากวัดพะโคะ ภายในวิหารหลังนี้ ยังประดิษฐานรูปเคารพของสมเด็จเจ้าพะโคะทั้งปางสมาธิและปางธุดงค์ บ่อน้ำซักจีวรหลวงปู่ทวด วิหารรอยพระพุทธบาท ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 31
เจดีย์แก้วบรรจุลูกแก้วคู่บารมีหลวงปู่ทวดปู่ทวด ดวงแก้วคู่บารมีหลวงปู่ทวด ลูกแก้ว : คู่บารมีหลวงปู่ทวด ลูกแก้วดวงนี้ ถือได้ว่าเป็นโบราณวัตถุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บารมีแห่งสมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงปู่ทวด) ตามตำ นานเล่าว่า ในคราวที่หลวงปู่ทวดยังเป็นทารกนั้น พ่อแม่ของท่านไปเกี่ยวข้าว และได้ผูกเปลให้ท่านนอนใต้ต้นมะเม่าแล้วลงไปทำ นา ปรากฏว่ามีพญางูบองหลา หรืองูจงอาง มาพันอยู่รอบเปล แล้วได้คายดวงแก้วไว้ให้ในเปล หลังจากได้ดวงแก้วมา ทำ ให้ครอบครัวก็มี แต่ความสุขคิดสิ่งใดก็สมความปรารถนาทุกประการ สำ หรับดวงแก้วนี้ ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ คู่บารมีสมเด็จเจ้าพะโคะ เมื่อครั้งที่สมเด็จเจ้าพะโคะบูรณปฏิสังขรณ์ องค์พระเจดีย์ได้นำ ดวงแก้วคู่บารมีบรรจุไว้ บนยอดสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุอีกด้วย ครั้นต่อมาหลังจากสมเด็จเจ้าพะโคะจาก วัดพะโคะไปแล้ว ฟ้าผ่ายอดเจดีย์ดวงแก้วตกลงมาอยู่ใกล้ๆ เจดีย์ ภายหลังเด็กๆ พบเจอลูกแก้ว เข้าจึงนำกลับไปบ้าน เมื่อถึงประตูชัยเกิดมีงูใหญ่ขัดขวางไว้ เด็กก็นำลูกแก้วเข้าไปคืนให้แก่เจ้า อาวาส ปัจจุบันลูกแก้วดวงนี้ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์แก้ว ณ กุฏิเจ้าอาวาส หากท่านได้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดราชประดิษฐาน (วัดพะโคะ) วัดโบราณ สมัยอยุธยาตอนต้น หลวงปู่ทวดเป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์ จะช่วยเสริมมงคลต่อชีวิตให้ประสบ ความสำ เร็จในชีวิต และเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน 32 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ประวัติหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงปู่ทวด เป็นที่รู้จักของชาวไทยทุกภูมิภาคในฐานะพระ ศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้า จนได้สมญานามว่า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำ ทะเลจืด” ประวัติอันพิสดารของท่านมีการเล่าสืบต่อกันมาจากอดีตไม่รู้จบสิ้น ยิ่งนานวันก็ยิ่งซับซ้อนและ ขยายวงกว้างออกไปกลายเป็นความเชื่อ ความศรัทธาอย่างฝังใจ นับได้ว่าท่านมีอิทธิพลต่อ จิตใจของกลุ่มชนในระดับสูงตลอดระยะเวลาร่วม ๔ ศตวรรษมาแล้ว ทารกอัศจรรย์ เมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่ผ่านมาในตอนปลายรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา แห่งกรุง ศรีอยุธยา ณ บ้านสวนจันทร์ บริเวณวัดเล็ก เมืองสทิงพระ ได้มีทารกเพศชายผู้หนึ่งถือกำ เนิด จากครอบครัวเล็กๆ ของนายหู นางจันทร์ ฐานะยากจนแร้นแค้น แต่มีจิตอันเป็นกุศล ชอบ ทำ บุญสุนทานยึดมั่นในศีลธรรมอันดี เมื่อวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พุทธศักราช ๒๑๒๓ ทารก น้อยผู้นี้มีนามว่า “ปู” หลังจากคลอดนายหูนำ รกไปฝังไว้บริเวณโคนต้นเลียบ (ปัจจุบันเป็นที่ ตั้งของวัดต้นเลียบ) ในขณะเยาว์วัย ทารกผู้นั้นยังความอัศจรรย์ให้แก่บิดามารดาตลอดจนญาติ พี่น้องทั้งหลาย ด้วยอยู่มาวันหนึ่งเศรษฐีปานเกณฑ์ลูกหนี้ทั้งหลายไปเกี่ยวข้าว รวมถึงครอบครัว ของ นายหู นางจันทร์ จึงนำลูกน้อยไปด้วยและได้ผูกเปลไว้ใต้ต้นมะม่าว มีงูตระบองสลาตัว ใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปลที่ทารกน้อยนอนหลับอยู่ และงูใหญ่ตัวนั้นไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ เปลที่ทารกน้อยนอนอยู่เลย จนกระทั่งบิดามารดาของเด็กเกิดความสงสัยว่า พญางูตัวนั้นน่า จะเป็นเทพยดาแปลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ในบารมีของลูกเราเป็นแน่แท้ จึงรีบหาข้าวตอก ดอกไม้และธูปเทียนมาบูชาสักการะ งูใหญ่จึงคลายลำ ตัวออกจากเปลน้อย เลื้อยหายไป ต่อมา เมื่อพญางูจากไปแล้ว บิดามารดาทั้งญาติต่างพากันมาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็ปรากฏว่า ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 33
เด็กชายปูยังคงนอนหลับอยู่เป็นปกติ แต่เหนือทรวงอกของทารกกลับมีดวงแก้วดวงหนึ่งมีแสง รุ่งเรืองเป็นรัศมีหลากสี ตาหู นางจันทร์จึงเก็บรักษาไว้ นับแต่บัดนั้นฐานะความเป็นอยู่การทำ มาหากินก็จำ เริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำ ดับอยู่สุขสบายตลอดมา สามีราโม เมื่อกาลล่วงมานานจนเด็กชายปูอายุได้เจ็ดขวบ บิดาได้นำ ไปฝากสมภารจวง (หลวง ลุง,พี่ชายของนางจันทร์) ณ วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือเด็กชายปูมีความ เฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ 15 ปี ก็บรรพชา เป็นสามเณร และได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) เดินทางไปศึกษาต่อที่ นครศรีธรรมราช ณ วัดเสมาเมือง กับพระครูกาเดิม ครั้นอายุครบ ๒๑ ปี จึงได้ทำการอุปสมบท เป็นพระภิกษุ แบบอูทกเสมา ณ คลองท่าแพ โดยพระมหาเถระปิยทัสสีเป็นพระอุปัฌชาได้รับ ฉายาว่า “สามีราโม ธมฺมิโก” แต่คนทั่วไปเรียกท่านว่า “เจ้าสามีราม” ระหว่างนั้นท่านมีความ ประสงค์จักไปศึกษาต่อที่กรุงศรีอยุธยา เหยียบน้ำทะแลจืด ครั้งที่ ๑ พระครูกาเดิมจึงฝากให้อาศัยเรือสำ เภาของนายอิน ชาวสทิงพระ ในขณะที่เรือเดิน ทางถึงเมืองชุมพร เกิดคลื่นทะเลปั่นป่วน เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ต้องทอดสมออยู่ ถึงเจ็ดวัน ทำ ให้เสบียงอาหารและน้ำ หมดบรรดาลูกเรือตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดเหตุอาเพศใน ครั้งนี้เพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะและได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลง เรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในทะเลก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำ ทะเล บริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วง เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำ ขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่า เป็นน้ำ จืด จึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำ เภาอินจึงนิมนต์ให้ท่านขึ้นสำ เภาอีก และตั้งแต่ นั้นมาเจ้าสามีรามก็เป็นชีต้นหรืออาจารย์สืบมา เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยา ก็ได้ไปพำ นักอยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะที่ วัดลุมพลีนาวาส ต่อ มาได้ไปพำ นักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช ได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ ที่นั้นจน เชี่ยวชาญจึงทูลลาสมเด็จพระสังฆราชไปจำ พรรษาที่วัดราชนุวาส เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๑๔๙ ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ รบด้วยปัญญา กระทั่งวันหนึ่งถึงกาลเวลาที่ชื่อเสียงของหลวงปู่ทวดหรือเจ้าสามีรามจะระบือลือลั่น ไปทั่วกรุงสยาม จึงได้มีเหตุพิสดารอุบัติขึ้นในรัชสมัยของพระเอกาทศรถ กล่าวคือ สมัยนั้นพระ เจ้าวัฏฏะคามินี แห่งประเทศลังกา ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรแหลมทองทางภาคใต้ 34 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
คิดแก้มือด้วยการท้าพนันแปลธรรมะ และต้องการจะแผ่พระบรมเดชานุภาพมาทางแหลมทอง ใคร่จะได้กรุงศรีอยุธยามาเป็นประเทศราช แต่พระองค์ไม่ปรารถนาให้เกิดศึกสงครามเสียชีวิต แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงทรงวางแผนการเมืองด้วยสันติวิธี คิดหาทางรวบรัดเอากรุง ศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นด้วยสติปัญญาเป็นสำ คัญ เมื่อคิดได้ดังนั้น พระเจ้ากรุงลังกาจึงมีพระบรม ราชโองการสั่งให้พนักงาน ท้องพระคลังเบิกจ่ายทองคำ บริสุทธิ์แล้วให้ช่างทองประจำ ราชสำ นัก ไปหล่อ ทองคำ เหล่านั้นให้เป็นตัวอักษรบาลีเล็กเท่าใบมะขาม ตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์ จำ นวน ๘๔,๐๐๐ ตัว จากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พราหมณ์ผู้เฒ่าอันมีฐานะเทียบเท่าปุโรหิตจำ นวน เจ็ดท่านคุมเรืองสำ เภาเจ็ดลำ บรรทุกเสื้อผ้าแพรพรรณ และของมีค่าออกเดินทางมายังกรุง ศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของพระองค์ เมื่อพราหมณ์ทั้งเจ็ดเดินทางลุล่วงมาถึงกรุงสยามแล้วก็เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์น ของกษัตริย์ตนแก่พระเจ้าเอกาทศรถ มีใจความในพระราชสาส์นว่า พระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้ พระเจ้ากรุงสยามทรงแปลและเรียบเรียงเมล็ดทองคำ ตามลำ ดับให้เสร็จภายในกำ หนดเจ็ดวัน นับแต่วันที่ได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้นไป ถ้าทรงกระทำ ไม่สำ เร็จตามสัญญาก็จะยึดกรุง ศรีอยุธยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และทางกรุงสยามจะต้องส่งดอกไม้เงิน ดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกาตลอดไปทุกๆ ปีเยี่ยงประเทศราชทั้งหลาย พระสุบินนิมิต เมื่อพระเอกาทศรถทรงทราบความ ดังนั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้สังฆการีเขียน ประกาศนิมนต์พระราชาคณะและพระเถระทั่วพระมหานคร ให้กระทำ หน้าที่เรียบเรียงและแปล ตัวอักษรทองคำ ในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดสามารถเรียบเรียงและแปลอักษรทองคำ ในครั้งนี้ ได้จนกาลเวลาลุล่วงผ่านไปได้หกวัน ยังความปริวิตกแก่พระองค์และไพร่ฟ้าประชาชนต่างพา กันโจษขานถึงเรื่องนี้ให้อื้ออึงไปหมด ครั้นราตรีกาลยามหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระบรรทมทรงสุบินว่า ได้มีพระยาช้างเผือกลักษณะบริบูรณ์เฉกเช่นพระยาคชสารเชือกหนึ่ง ผายผันมาจากทางทิศ ทักษิณ (ใต้) เยื้องย่างเข้ามาในพระราชนิเวศน์แล้วก้าวเข้าไปยืนผงาดตระหง่านบนพระแท่น พลางเปล่งเสียงโกญจนาทกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงที่โกญจนาทด้วยอำ นาจของพระยาคชสาร เชือกนั้นยังให้พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นจากพระบรรทม รุ่งเช้าเมื่อพระองค์เสด็จออกว่าราชการ ได้ทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้ โหรหลวงฟังและได้รับการกราบถวายบังคมทูลว่า เรื่องนี้หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ และพระบรมเดชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศเป็นที่เกรงขามแก่อริราชทั้งปวง ทั้งจะมี พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจากทางทิศทักษิณ(ใต้)มาช่วยขันอาสาแปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคำ ปริศนาได้สำ เร็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ฟังดังนั้นจึงค่อยเบาพระทัย และรับสั่งให้ข้าราชบริพารทั้งมวล ออกตามหาพระภิกษุรูปนั้นทันที ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 35
อักษรเจ็ดตัว ต่อมาสังฆการีได้พยายามเสาะแสวงหาจนไปพบ “เจ้าสามีราม” ที่วัดราชานุวาส และเมื่อได้ไต่ถามได้ความว่าท่านมาจากเมืองตะลุง (พัทลุงในปัจจุบัน) เพื่อศึกษาพระธรรม วินัย สังฆการี จึงเล่าความตามเป็นจริงให้เจ้าสามีรามฟังทั้งได้อ้างตอนท้ายว่า “เห็นจะมีท่าน องค์เดียวที่ตรงกับพระสุบินของพระเจ้าอยู่หัว จึงใคร่ขอนิมนต์ให้ไปช่วยแก้ไขในเรื่องร้ายดัง กล่าวให้กลายเป็นดี ณ โอกาสนี้” ครั้นแล้วเจ้าสามีรามก็ตามสังฆการีไปยังที่ประชุมสงฆ์ ณ ท้องพระโรง พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้พนักงานปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันควร พราหมณ์ ทั้งเจ็ดคนได้ประมาทเจ้าสามีรามโดยว่า เอาเด็กสอนคลานมาให้แก้ปริศนา เจ้าสามีรามก็แก้ คำ พราหมณ์ว่า กุมารเมื่อออกมาแต่ครรภ์พระมารดา กี่เดือนกี่วันจึงรู้คว่ำ กี่เดือนกี่วันจึงรู้นั่ง กี่เดือนกี่วันจึงรู้คลาน จะว่ารู้คว่ำแก่ หรือจะว่ารู้นั่งแก่ หรือจะว่ารู้คลานแก่ ทำ ไมจึงว่าเราจะแก้ ปริศนาธรรมมิได้ พราหมณ์ก็นิ่งไปไม่สามารถตอบคำถามท่านได้ จากนั้นจึงรีบนำ บาตรใส่ อักษรทองคำ เข้าไปประเคนแก่เจ้าสามีราม ท่านรับประเคนมาจากมือพราหมณ์แล้วนั่งสงบจิตอธิษฐานถึงคุณพระศรีรัตนไตร คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ครั้นแล้วท่านก็คว่ำ บาตรเทอักษรทองคำ เริ่มแปลปริศนาธรรมทันที ด้วยอำ นาจบุญญาบารมี กฤษดาภินิหารของท่านที่ได้จุติลงมาเป็นพระโพธิสัตว์โปรดสัตว์ใน พระพุทธศาสนา กอปรกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย เดชะบุญญาบารมี ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยาดาทั้งหลายจึงดลบันดาลให้ท่านเรียบเรียงและแปล อักษรจากเมล็ดทองคำ ๘๔,๐๐๐ ตัว เป็นลำ ดับโดยสะดวกไม่ติดขัดประการใดเลย ขณะที่ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้ว ปรากฏว่าเมล็ดทองคำ ตัวอักษร ขาดหายไปเจ็ดตัวคือ ตัว สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ทั้งเจ็ด พราหมณ์ ทั้งเจ็ดก็ยอมจำ นน จึงประเคนเมล็ดทองคำ ที่ตนซ่อนไว้นั้นให้ท่านแต่โดยดี ปรากฏว่าท่านแปล พระไตรปิฎกจากเมล็ดทองคำสำ เร็จบริบูรณ์เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น พระราชมุนี สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง ทรงมีรับสั่งถวายราชสมบัติให้ แก่เจ้าสามีรามให้ครอง ๗ วัน แต่ท่านก็มิได้รับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณะ พระองค์ก็จน พระทัยแต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้ง นี้ จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าสามีรามเป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์” ในเวลา นั้น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์หรือหลวงพ่อทวดได้ไปจำ พรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่เป็นเวลาหลายปี ด้วยความสงบร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา 36 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
โรคห่าเหือดหาย ต่อจากนั้น กรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาดไปทั่วเมือง ประชาราษฎรล้มป่วยเจ็บตาย ลงเป็นอันมาก ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนเป็นยิ่งนัก สมัยนั้นหยูกยาก็ไม่มี นิยมใช้รักษา ป้องกันด้วยอำ นาจคุณพระศรีรัตนตรัยพระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตกกังวลมากเพราะไม่มีวิธีใดจะ ช่วยรักษาและป้องกันโรคนี้ได้ ทรงระลึกถึงพระราชมุนีฯ มีรับสั่งให้อำ มาตย์ไปนิมนต์ท่านเจ้าเฝ้า ท่านได้ช่วยไว้อีกครั้งโดยรำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยและดวงแก้ววิเศษ แล้วทำ น้ำ พระพุทธมนต์ ประพรมแก่ประชาชนทั่วทั้งพระนคร โรคห่าก็หายขาดด้วยอำ นาจ คุณความดีและคุณธรรมอัน สูงส่ง ทำ ให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชมีนามว่า “พระสังฆราช คูรูปาจารย์” และทรงพอพระราชหฤทัยในองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงมีรับสั่งว่า “หากสมเด็จเจ้าฯ ประสงค์สิ่งใด หรือจะบูรณะวัดวาอารามใดๆ ข้าพเจ้าจะอุปถัมภ์ทุกประการ” กลับสู่ถิ่นฐาน ครั้นกาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเด็จเจ้าฯได้เข้าเฝ้า ถวายพระพรทูลลาจะกลับ ภูมิลำ เนาเดิม พระองค์ทรงอาลัยมาก ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า “สมเด็จอย่าละทิ้งโยม” แล้วเสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าฯ จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแผ่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง ผ่านที่ไหน มีผู้เจ็บป่วยก็ทำ การรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นสถาน ศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้ ได้แก่ที่บ้านโกฏิ อำ เภอ ปากพนัง ที่หัวลำ ภูใหญ่ อำ เภอหัวไทร และอีกหลายแห่ง สมเด็จเจ้าพะโคะ ต่อจากนั้น ท่านก็ได้ธุดงค์ไปจนถึงเขตเมืองสทิงพระ ได้เห็นวัดพะโคะ ทรุดโทรมมาก เนื่องจากถูกข้าศึกทำลายโจรกรรม มีสภาพเหมือนวัดร้าง ท่านจึงปรึกษากับท่านอาจารย์จวง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ แล้วได้ขอพระราชทานการบูรณะจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงทราบ ยินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง โปรดให้นายช่างผู้ชำ นาญ ๕๐๐ คน (นายช่างได้มาตั้งบ้านอยู่ทางทิศตกของวัดพะโคะเรียกกันว่า “หมู่บ้านทำ เจดีย์”) และทรง พระราชทานสิ่งของต่างๆ และเงินตราเพื่อการนี้เป็นจำ นวนมาก ใช้เวลาประมาณ ๓ ปี จึงแล้วเสร็จ เหยียบน้ำทะเลจืดครั้งที่๒ ขณะที่สมเด็จเจ้าฯ จำ พรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนว่า ท่านมีอายุกาลถึง ๘๐ ปีเศษ อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำ ตัวไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น ๓ คด ชาวบ้านเรียกว่า “ไม้เท้า ๓ คด” ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลชุมพล ขณะที่ท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลียบชายฝั่งมา ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 37
พวกโจรจีนเห็นท่านเดินอยู่คิดเห็นว่าท่านเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจร จึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรือลำ นั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจนหมดความ สามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน ในที่สุดน้ำ จืดที่นำ มาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น จึงขาดน้ำ จืดดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อน กระวนกระวายด้วยกระหายน้ำ เป็นอย่างมาก สมเด็จเจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อน ของพวกโจรถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำ ลงแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบน ผิวน้ำ ทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกโจรจีนไปได้ เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำ ทะเลแล้วก็สั่งให้พวกโจรตักน้ำ ตรงนั้นมาดื่มชิมดู พวก โจรจีนแม้จะไม่เชื่อก็จำ เป็นต้องลองเพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำ ทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำ จืดเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรจีนได้เห็นประจักษ์ใน คุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบ ไหว้ขอขมาโทษแล้วนำ ท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป เมื่อสมเด็จเจ้าฯ ขึ้นจากเรือเดินกลับวัด ถึงที่แห่งหนึ่งท่านหยุดพักเหนื่อย ได้เอา “ไม้เท้า ๓ คด” พิงไว้กับต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาต้นยางสองต้นนั้นสูงใหญ่ขึ้น ลำ ต้นและกิ่งก้านสาขาเปลี่ยนไปจากสภาพเดิกกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้า ทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่าต้นยางไม้เท้า ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งปรากฏอยู่ถึงทุกวันนี้ 38 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด
ผลิตภัณฑ์เด่นในชุมชน ผลิตภัณฑ์เด่นในชุมชนมีมากมายหลายอย่างที่สำ คัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด ผลิตภัณฑ์จากทะล ผลิตภัณฑ์จากผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากข้าว มีดังต่อไปนี้ ผลิตภัณฑ์ตาลโตนด - ลูกตาลสด - น้ำ ตาลสด - จาวตาลเชื่อม - ลูกตาลอบ - วุ้นลูกตาลกรอบ - ลูกตาลลอยแก้ว - น้ำ ตาลแว่น - น้ำ ตาลชงกาแฟ - น้ำผึ้งโหนด - ท็อฟฟี่น้ำผึ้งโหนด - ยำ หัวโหนด - แกงหัวโหนด - น้ำส้มโหนด - จักสาน/ดอกไม้ประดิษฐ์ จากใบตาล ผลิตภัณฑ์ผลไม้/ขนม - มะพร้าวน้ำ หอม - กล้วยฉาบ - มะม่วงแช่อิ่ม - ขนมดู - ขนมโก๋ - กาละเม ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด 39
ผลิตภัณฑ์จากข้าว - ข้าวซ้อมมือ , ข้าวไรท์เบอร์รี่ , กาแฟข้าว , จมูกข้าว แป้งขนมจีน ผลิตภัณฑ์จากทะเล - ปลาแห้ง - ปลาหวาน - ปลาเส้น - ปลาเค็ม - หอยเสียบดอง - กะปิ - มันกุ้ง สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง - วัดชุมพล - วัดชุมพลชายเล - เขาเศรษฐี(เขาผี) - วัดนางเหล้า - วัดศิลาลอย(วัดกระ) - ต้นยางไม้เท้า - ล่องแพคลองรี - วัดท่าคุระ - อุทยานนกน้ำ คูขุด - หาดมหาราช - วัดจะทิ้งพระ - วัดชะลอน - โหนดทิ้ง - โกเมนทร์บาติก 40 ท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวด