The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา เรื่อง ประเด็นข้อพิพาท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by piryatatt.futurechm, 2020-01-21 03:33:05

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา เรื่อง ประเด็นข้อพิพาท

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา เรื่อง ประเด็นข้อพิพาท

ตัวอย่างคาพพิ ากษาศาลฎกี า เร่ือง ประเด็นข้อพพิ าท

คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 8898/2561

เดมิ จำเลยฟ้ องโจทก์ขอให้ศำลพพิ ำกษำวำ่ ทด่ี นิ พพิ ำทไม่ใช่ทีด่ ินสำธำรณประโยชน์ ตอ่ มำ
โจทก์ฟ้ องจำเลยขอให้ขบั ไลจ่ ำเลยออกจำกทีด่ นิ พพิ ำทซง่ึ เป็ นท่ีดนิ สำธำรณประโยชน์เป็ นคดีนี ้ คดี
นกี ้ ับคดดี งั กลำ่ วจงึ มปี ระเด็นข้อพิพำทว่ำ ท่ดี นิ พิพำทเป็ นทีด่ ินสำธำรณประโยชน์หรือไม่ แล้วในคดี
นีจ้ ึงวินิจฉัยต่อไปได้ว่ำจำเลยบุกรุกและทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เม่ือคดีดงั กล่ำวศำลชนั้ ต้น
วนิ ิจฉัยชขี ้ ำดว่ำ ทด่ี ินพิพำทเป็ นท่ีดินสำธำรณประโยชน์ท่ีประชำชนใช้ร่วมกัน อนั เป็ นสำธำรณ
สมบตั ขิ องแผ่นดนิ จงึ ต้องห้ำมมิให้ศำลดำเนนิ กระบวนพิจำรณำในประเด็นดงั กล่ำวซำ้ อีก ตำม ป.
วิ.พ. มำตรำ 144 วรรคหนึ่ง ฟ้ องโจทก์ในคดนี แี ้ ละกำรท่ศี ำลชนั้ ต้นดำเนินกระบวนพิจำรณำคดีนี ้
แล้วมีคำพพิ ำกษำ จึงเป็ นกำรดำเนินกระบวนพิจำรณำซำ้ ต้องห้ำมตำมบทบญั ญตั ิดงั กลำ่ ว และ
เมอ่ื ตำมประเดน็ ข้อพพิ ำทเป็ นกรณีท่เี ห็นได้ว่ำกำรชีข้ ำดตดั สินคดนี จี ้ ำต้องอำศยั คำชขี ้ ำดตดั สินคดี
ดงั กลำ่ วซึง่ จะต้องกระทำเสียก่อน

ดงั นนั้ ถ้ำศำลชนั้ ต้นได้เล่ือนกำรพิจำรณำคดนี ไี ้ ปจนกวำ่ คดดี งั กลำ่ วจะถึงทสี่ ดุ ตำม ป.วิ.พ.
มำตรำ 39 วรรคหนึ่ง ก็ย่อมทำให้ควำมยตุ ิธรรมดำเนินไปด้วยดี อย่ำงไรก็ตำม แม้ศำลชนั้ ต้น
ดำเนินกระบวนพิจำรณำคดีนีม้ ำ แต่เม่ือปรำกฏว่ำคดีดังกลำ่ วถึงที่สดุ แล้วโดยศำลฎีกำมีคำ
พิพำกษำวำ่ ทด่ี ินพพิ ำทเป็ นทด่ี นิ สำธำรณประโยชนท์ ป่ี ระชำชนใช้ร่วมกัน อนั เป็ นสำธำรณสมบัติ
ของแผ่นดิน คำพิพำกษำในคดดี งั กล่ำวย่อมผูกพนั โจทก์และจำเลยซึ่งเป็ นค่คู วำมตำม ป.วิ.พ.
มำตรำ 145 วรรคหนง่ึ จำเลยจะยกเร่ืองที่ดนิ พพิ ำทไม่ใช่ท่ีดินสำธำรณประโยชน์ขนึ ้ ต่อส้โู จทก์ อีก
ไม่ได้ ข้อเทจ็ จริงจึงรับฟังได้ว่ำทีด่ ินพิพำทเป็ นสำธำรณสมบตั ิของแผ่นดิน จำเลยไมม่ ีสิทธิ อยู่ใน
ทด่ี นิ พิพำท

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 8722/2561

โจทก์ฟ้ องว่ำโจทก์เป็ นผู้มสี ทิ ธิครอบครองในที่ดินพิพำท ตอ่ มำจำเลยทงั้ สำมบุกรุกเข้ ำไป
ล้อมรวั้ และรือ้ บ้ำนของโจทก์ซ่งึ ปลกู อย่ใู นทด่ี ินพิพำท โจทก์ห้ำมปรำมแล้วแต่จำเลยทงั้ สำมไม่ฟัง
ทำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บงั คบั จำเลยทงั้ สำมและบริวำรออกไปจำกทดี่ นิ ของโจทก์และ
ให้ร่วมกนั ชดใช้คำ่ เสียหำย จำเลยทงั้ สำมให้กำรว่ำที่ดนิ พิพำทไม่ใชข่ องโจทก์แต่เป็ นของ ช. เป็ น
ของจำเลยที่ 3 โดยซอื ้ มำจำก ช. ตำมคำให้กำรของจำเลยทงั้ สำมจึงไม่มีปัญหำเรื่องกำรแย่งกำร
ครอบครองทด่ี นิ พิพำทของโจทก์ จึงไม่มกี ำรอ้ำงสิทธิตำม ป.พ.พ. มำตรำ 1375 วรรคสอง เพรำะ
กำรแย่งกำรครอบครองจะเกิดขนึ ้ ได้ก็แต่ในทด่ี ินของผ้อู น่ื เท่ำนนั้ กำรที่จำเลยทงั้ สำมยกเหตเุ ป็ นข้อ
ต่อส้วู ำ่ ทดี่ นิ พพิ ำทเป็ นของจำเลยท่ี 3 จึงไม่ก่อให้เกิดประเดน็ ข้อพิพำทวำ่ โจทก์ฟ้ องเอำคืนซ่ึงกำร
ครอบครองเกิน 1 ปี หรือไม่

กำรทโี่ จทก์ฟ้ องเรียกค่ำเสียหำยจำกจำเลยทงั้ สำมโดยกล่ำวหำว่ำจำเลยทงั้ สำมร่วมกันบุก
รกุ เข้ำไปในเขตที่ดินและรือ้ บ้ำนพิพำทกับตดั โค่นทำลำยพชื ผลอำสนิ ของโจทก์ท่ปี ลกู ไว้รอบบ้ ำน
แล้วล้อมรวั้ รอบเขตท่ีดนิ และบ้ำนพิพำทไม่ให้โจทก์และครอบครัวอยู่อำศยั ใช้ประโยชนใ์ นท่ดี ินและ
บ้ ำนพิพำทซ่ึงเป็ นทรัพย์สนิ ของโจทก์ เป็ นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยทงั้ สำมร่วมกันกระทำผิดทำง
อำญำฐำนบกุ รกุ และทำให้เสยี ทรัพย์กับควำมผิดทำงแพ่งฐำนละเมดิ รวมกนั มำ โจทก์จึงอำศยั มูล
คดีอำญำฐำนบุกรุกและทำให้เสยี ทรัพย์ฟ้ องจำเลยทงั้ สำมให้รับผิดทำงแพง่ ฐำนละเมดิ ได้ ฟ้ อง
โจทก์คดีนีจ้ ึงเป็ นคดีแพ่งที่เกี่ยวเน่ืองกับคดีอำญำ และกำรท่ีโจทก์เคยฟ้ องจำเลยทงั้ สำมเป็ น
คดอี ำญำฐำนบกุ รกุ และทำให้เสียทรัพย์แล้วถอนฟ้ องไปก่อนท่ีโจทก์จะฟ้ องจำเลยทงั้ สำมเป็ นคดีนี ้
ซ่ึงมีผลให้ค่คู วำมกลบั ส่ฐู ำนะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีกำรย่ืนฟ้ องทำงอำญำตำม ป.วิ.พ. มำตรำ
176 ประกอบ ป.วิ.อ. มำตรำ 15 จึงไมม่ คี ดอี ำญำค้ำงพิจำรณำอย่ใู นศำลและศำลยงั มิได้ มีคำ
พพิ ำกษำในส่วนอำญำ เม่ือมลู คดนี ถี ้ ือว่ำยังไม่มผี ้ใู ดฟ้ องจำเลยทงั้ สำมทำงอำญำ สทิ ธิของโจทก์
ซงึ่ เป็ นผ้เู สยี หำยท่จี ะฟ้ องทำงแพง่ เน่ืองจำกควำมผิดทำงอำญำย่อมต้องบังคบั ตำมกำหนดเวลำ

ดงั ทีบ่ ัญญตั ไิ ว้ในประมวลกฎหมำยเร่ืองอำยคุ วำมฟ้ องคดีอำญำตำม ป.วิ.อ. มำตรำ 51 วรรคหน่ึง
ประกอบ ป.พ.พ. มำตรำ 448 วรรคสอง

เม่ือควำมผิดทำงอำญำท่โี จทก์บรรยำยฟ้ องมำเป็ นกรรมเดยี วผิดกฎหมำยหลำยบทและ
ควำมผิดฐำนบกุ รุกทไ่ี ด้ร่วมกนั กระทำควำมผิดตงั้ แต่สองคนขึน้ ไปมกี ำหนดโทษจำคกุ สงู ที่สดุ ไม่
เกิน 5 ปี ตำม ป.อ. มำตรำ 365 (2) อำยุควำมฟ้ องคดีอำญำจึงมีกำหนด 10 ปี ตำม ป.อ.
มำตรำ 95 (3) จึงต้องใช้กฎหมำยบทท่ีมีโทษหนกั ทสี่ ดุ บังคบั แก่คดีนตี ้ ำม ป.อ. มำตรำ 90 และ
เมื่อคำนวณนบั แตว่ นั กระทำผิดถึงวนั ฟ้ องยังไม่เกิน 10 ปี คดโี จทก์จึงไมข่ ำดอำยคุ วำม

กรณีไมม่ กี ำรฟ้ องคดีอำญำย่อมไม่มีข้อเทจ็ จริงตำมท่ปี รำกฏในคำพพิ ำกษำคดีส่วนอำญำ
อนั ถึงที่สดุ ทจี่ ะให้นำไปถือตำมในกำรพิพำกษำคดีส่วนแพง่ ตำม ป.วิ.อ. มำตรำ 46 คำพพิ ำกษำ
คดีส่วนแพ่งคดีนีจ้ ึงต้องเป็ นไปตำมบทบัญญัติแห่งกฎหมำยอันว่ำด้วยควำมรับผิดของบคุ คล
ในทำงแพง่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่ำจำเลยต้องคำพิพำกษำว่ำได้กระทำควำมผิดทำงอำญำหรื อไม่
และในกำรพพิ ำกษำคดี ข้อควำมรบั ผิดเพอื่ ละเมิดและกำหนดค่ำสินไหมทดแทนนนั้ ศำลไม่จำต้อง
ดำเนินกำรตำมบทบญั ญัติแหง่ กฎหมำยลกั ษณะอำญำอนั ว่ำด้วยกำรที่จะต้องรับโทษ และไม่
จำต้องพิเครำะห์ถึงกำรทผ่ี ้กู ระทำผิดต้องคำพพิ ำกษำลงโทษทำงอำญำหรือไมต่ ำม ป.ว.ิ อ. มำตรำ
47 วรรคหน่งึ และ ป.พ.พ. มำตรำ 424

เมื่อข้อเท็จจริงรบั ฟังได้วำ่ ท่ีดินและบ้ำนพิพำทเป็ นของโจทก์ และไมป่ รำกฏว่ำจำเลยทงั้ สำม
สำมำรถอ้ำงสิทธิใดๆ ทีจ่ ะก้ำวล่วงเข้ำไปในเขตทด่ี ินและบ้ำนพพิ ำทเพ่ือกระทำกำรใดอนั เป็ นกำร
กระทบกระเทือนสิทธิเหนอื ทรัพย์สินดงั กลำ่ วของโจทก์โดยไมไ่ ด้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ กำรท่ี
จำเลยทงั้ สำมยอมรับตำมฟ้ องว่ำ ได้เข้ำไปในเขตทดี่ ินและรือ้ บ้ ำนพิพำทแล้วล้อมรวั้ ที่ดินพิพำท
ไมใ่ ห้โจทก์และครอบครัวอย่อู ำศยั ใช้ประโยชน์จำกผลผลิตทจ่ี ะได้จำกยำงพำรำและปำล์มซ่ึงโจทก์
ปลกู ไว้ในเขตทด่ี นิ และบ้ำนพิพำท กำรกระทำของจำเลยทงั้ สำมจึงเป็ นกำรจงใจกระทำกำรโดยไม่

สุจริต ทงั้ ส่งผลโดยตรงให้ทรัพย์สินของโจทก์ได้รับควำมเสียหำยและไม่ได้ใช้ประโยชน์จำก
ทรัพย์สินนนั้ อนั เป็ นควำมผิดฐำนละเมดิ ต่อโจทก์ตำม ป.พ.พ. มำตรำ 420


Click to View FlipBook Version