เปิดแฟ้ม
ประวัติศาสตร์
การปฏิวัติรั ส เ ซี ย
TIMELINE
การเกิดปฏิวัติรัสเซีย
ค.ศ. 1917
สมาชิกรัฐสภาหลวงเข้ายึดอำนาจ
การบริหารประเทศและจัดตั้งรัฐบาล
เฉพาะกาลขึ้น
ค.ศ. 1918
บอลเชวิกได้ร่วมลงนามใน
สนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์
กับเยอรมนีในเดือนมีนาคม
ค.ศ. 1923
การปฏิวัติรัสเซียสิ้นสุดลง
โดยส่งผลดังนี้
สิ้นสุดราชาธิปไตยรัสเซีย
สาธารณรัฐรัสเซียซึ่งมีอายุสั้น
ล่มสลาย
สถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยม
โซเวียตที่นำโดยบอลเชวิกในรัสเซีย
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้ นที่เดิมของ
ยูเครน เบลารุส เอเชียกลาง
และทรานคอเคเซีย
สิ้นสุดการมีส่วนร่วมของรัสเซีย
ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ก่อตั้งสหภาพโซเวียต
การปฏิวัติเดือนกุมภาพั นธ์
ประชาชนชาวรัสเซียไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ ทหาร ตำรวจ กรรมกร นักศึกษา
ปัญาชน รวมกันชุมนุมต่อต้านรัฐบาลได้ในที่สุด ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
(27 กุมภาพันธ์ตามปฏิทินสากล) เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่าพบนายทหาร
แทรกซึมปะปนกับฝูงชนที่ประท้วงต่อต้านสงคราม ในการนี้อะเล็กซานเดอร์ เคเรนสกี
(ALEXANDER KERENSKY) นักกฎหมายและหนึ่งในนักวิชาการที่อยู่ข้างประชาชน
ได้ฉวยโอกาสในการโจมตีและชี้ให้เห็นโทษของระบอบซาร์
การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์เริ่มต้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ (3 มีนาคมตามปฏิทิน
สากล) จากการนัดหยุดงานและชุมนุมใหญ่ของกรรมกรโรงงานพติลอฟ (PUITOY)
ซึ่งไม่เพียงเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเปโตรกราด ตามมาด้วยการเดินขบวนของ
กรรมกรหญิง ซึ่งตรงกับวันสตรีสากล ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ (8 มีนาคมตามปฏิทิน
สากล) จากนั้นก็ตามมาด้วยการนัดหยุดงานจากทุกอาชีพทั่วทั้งประเทศ คนงานหลาย
พั นคนหลั่งไหลไปตามถนนในกรุงเปโตรกราดเพื่ อแสดง
ความไม่พอใจรัฐบาล
ในขณะที่รัฐบาลรัสเซียเริ่มใช้มาตรการปันส่วนอาหาร โดยเฉพาะแป้ง
และขนมปัง ทำให้เกิดข่าวลือเรื่องการขาดแคลนอาหารจึงยิ่งทำให้เกิด
การจลาจลที่เกิดขึ้นทั่วกรุงเปโตรกราด แรงงานจากหลายแห่งเริ่ม
“สไตร์ค” เพื่อมาร่วมประท้วงกับผู้ชุมนุม ประชาชนชาวรัสเซียทั้งชาย
หญิงเดินขบวนชุมนุมเรียกร้องให้ยุติภาวะขาดแคลนอาหาร เรียกร้องให้
ยุติสงคราม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ (9 มีนาคมตามปฏิทินสากล)
ก็มีประชาชนมาร่วมชุมนุมกว่า 200,000 คน
รัฐบาลพยายามใช้กองกําลังเพื่ อแยกสลายการชุมนุมแต่ยิ่งกลับทำให้
เหตุการณ์ปานปลาย มีการชูคําขวัญ “ชาร์จงพินาศ” “สงครามจงพินาศ”
และ “ขนมปัง” ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ (11 มีนาคมตามปฏิทินสากล)
ทหารบางส่วนเริ่มขัดคำสั่งผู้บัญชาการและเข้าร่วมชุมนุมกับประชาชน
ในคืนนั้นซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงมีพระราชบัญชาให้รีบสลาย
การชุมนุมประท้วง ฝ่ายรัฐบาลได้จับกุมสมาชิกพรรคบอลเชวิค
ทางพรรคบอลเชวิคจึงออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นสู้
เพื่ อต่อต้านระบอบซาร์และเรียกร้องให้สถาปนารัฐบาลปฏิวัติ
เกิดอะไรขึ้นในการ
ปฏิวัติรอบแรกในปี 1917?
เป็นเวลาราว 300 ปี ที่รัสเซียอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์
โรมานอฟอันทรงอำนาจ ทว่าพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 ซึ่งปกครองรัสเซีย
ในขณะนั้น ถูกมองว่าเป็นจักรพรรดิที่เลวร้าย
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ได้เกิดการจลาจลครั้งใหญ่ทั่วเมืองหลวง
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชาวเมืองต่างแค้นเคืองที่ต้องอยู่อย่างอดอยาก
พระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 ตัดสินพระทัยว่า ทรงไม่อาจปกครองรัสเซียได้อีก
ต่อไป เพราะเหล่าทหารจำนวนมากไม่ปฏิบัติตามบัญชาของพระองค์ที่ให้ควบคุม
จลาจล และทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ซึ่งถือเป็นจุดจบของราชวงศ์
โรมานอฟ
ในขณะนั้นมีประชาชนจำนวนหนึ่งเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้น
ปกครองประเทศ
สำหรับชาวรัสเซียแล้วพวกเขาหวังว่าเมื่อราชวงศ์โรมานอฟพ้ นไปแล้ว
จะสามารถลืมตาอ้าปากและได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม ทว่ารัฐบาลเฉพาะกาล
ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอีกหลายด้านที่ค้างคาได้ และนำไปสู่การปฏิวัติอีกเป็น
ครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม
หากมองในหลาย ๆ แง่ ถือได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งที่ 2 นี้
มีความสลักสำคัญมากกว่าครั้งแรก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของระบอบการเมือง
ที่ไม่เคยมีการทดลองใช้มาก่อน นั่นก็คือระบอบคอมมิวนิสต์
ซึ่งมีผู้นำคนแรกคือ นายวลาดิเมียร์ เลนิน
นายวลาดิเมียร์ เลนิน รู้ดีว่าชนชาวรัสเซียระทมทุกข์มากน้อยเพียงใด
เขาประกาศนโยบายแก้ปัญหาหลายอย่าง ภายใต้สโลแกน สันติภาพ ขนมปัง
และแผ่นดิน ที่ทำให้เขากลายเป็นที่นิยมในหมู่ชน
อำนาจในระบอบ
ซาร์ล่มสลาย
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ (12 มีนาคม ตามปฏิทินสากล) สมาชิก
ในสภาดูม่าบางส่วนไม่สามารถทนดูเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จึง
ได้ร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมาธิการชั่วคราวแห่งสภาดูมาขึ้นมา
นำโดย มิคาอิล โรดเซียนโก (MIKHAIL RODZIANKO) ประธาน
สภาดูมาซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก นักธุรกิจรายใหญ่ในมอสโคว์
และนายธนาคารในกรุงเปโตรกราด
เวลาต่อมาประชาชนบุกยึดสถานีรถไฟ คลังอาวุธ
จุดยุทธศาสตร์ และเผาสถานที่ราชการสําคัญ ๆ ในกรุงเปโตรกราด
เช่น ศาลแขวง สำนักงานใหญ่ของหน่วยตำรวจลับ รวมทั้ง
ปลดปล่อยนักโทษการเมืองให้เป็นอิสระ ในคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์
กรุงเปโตรกราดก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของฝ่ายปฏิวัติและ
มีการจัดตั้งสภาโซเวียตเปโตรกราดแห่งผู้แทนกรรมกรและทหาร
(PETROGRAD SOVIET OF WORKER’S AND SOLDIERS
DEPUTIES)
ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ (13 มีนาคมตามปฏิทินสากล) ซาร์นิโคลัสที่ 2
เดินทางออกจากแนวหน้าในสมรภูมิเพื่อมุ่งกลับกรุงเปโตรกราด ในตอนเย็นของ
วันที่ 1 มีนาคม (14 มีนาคมตามปฏิทินสากล) ซาร์นิโคลัสที่ 2 เสด็จฯ โดยรถไฟมาถึง
เมือง ปัสคอฟ (PSKOV) ในขณะเดียวกันนั้นหน่วยพิทักษ์พระราชวังอะเล็กซานเดอร์
ที่ซาร์สโกเอเซโล (TSARSKOE SELO) ได้ “ประกาศความเป็นกลาง”
หรือบางส่วนก็หนีออกจากกรุงเปโตรกราด
ซึ่งเป็นการละทิ้งราชวงศ์ของซาร์
ฝ่ายปฏิวัติที่ประกอบไปด้วย คณะกรรมาธิการชั่วคราวแห่งสภาดูมาและ
สภาโซเวียตเปโตรกราดจึงประกาศการสิ้นสุดอํานาจของรัฐบาลซาร์
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1917 และปกครองในระบอบสาธารณรัฐ
นิโคไล รุซสกี ผู้นำกองทัพ (NIKOLAI RUZSKY) วาซิลี โชล์กิน
(VASILY SHULGIN) และอะเล็กซานเดอร์ กุชคอฟ (ALEXANDER GUCHKOV)
สมาชิกสภาดูมาถวายคำแนะนำซาร์นิโคลัสที่ 2 ว่า การสละราชย์เป็นวิธีเดียวที่จะช่วย
กอบกู้ประเทศได้ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยสละราชบัลลังก์ให้แก่ ชาเรวิช อะเล็กเซย์
(TSAREVICH ALEXEI) พระราชโอรสเมื่อวันที่ 2 มีนาคม (15 มีนาคมตามปฏิทินสากล)
แต่ในเย็นวันเดียวกันนั้นก็ทรงเปลี่ยนพระทัยและแก้ไขคําสั่งโดยประกาศมอบราชบัลลังก์
ให้พระอนุชา แกรนด์ ดุกไมเคิล อะเล็กซานโดรวิช (GRAND DUKE MICHAEL
ALEXANDROVICH)
อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมาแกรนด์ดุกไมเคิลทรงปฏิเสธ ราชบัลลังก์
การปฏิเสธที่จะสืบราชสมบัติของแกรนด์ถูกไมเคิลจึงทําให้ราชวงศ์ โรมานอฟ
ซึ่งปกครองรัสเซียกว่า 300 ปีสิ้นสุดลง ซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระราชวงศ์ใน
เวลาต่อมาทรงถูกจับและกักบริเวณที่พระราชวังอะเล็กซานเดอร์ ที่ซาร์สโกเอเซโล
(TSARSKOE SELO) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเปโตกราดประมาณ 27 กิโลเมตร
เหตุแห่งการปฏิวัติ?
มีเหตุผลอยู่หลายประการ ส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับการบริหาร
ปกครองประเทศในขณะนั้นชาวรัสเซียจำนวนมากรู้สึกว่าชีวิตเต็มไป
ด้วยความยากลำบากและไม่เป็นธรรม พวกเขารู้สึกได้ว่าคนกลุ่มน้อยที่
ร่ำรวยและทรงพลังนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่หมู่คนยากจนกลับสิ้นไร้
ทรัพย์สิน ชาวบ้านรู้สึกด้วยว่าพระเจ้าซาร์ไม่ได้พยายามนำ
ความเป็นธรรมมาสู่ปวงชน
และเพื่อให้เข้าใจถึงเหตุการณ์ในช่วงปี 1917 ได้ถ่องแท้มากขึ้น
เราอาจต้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นในปี 1905
วันอาทิตย์ทมิฬ
(BLOODY SUNDAY)
ในปี 1905 ชาวบ้านไปรวมตัวกันประท้วงต่อต้านพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2
ที่ด้านนอกพระราชวังฤดูหนาวในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเรียกร้องสิทธิที่พึงมี
รวมทั้งให้ดูแลความเป็นอยู่และสภาพการจ้างงาน
แม้การประท้วงครั้งนั้นจะดำเนินไปอย่างสงบ แต่กลุ่มผู้ประท้วงกลับถูก
กองกำลังรักษาพระองค์ทำร้าย เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์
รัสเซียว่าเป็นเหตุการณ์วันอาทิตย์ทมิฬ
ชาวบ้านจำนวนมากพากันตำหนิว่าพระเจ้าซาร์ทรงสั่งให้ทำร้ายประชาชน
ดังนั้นเพื่อเรียกความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมา พระเจ้าซาร์ทรงจัดตั้งสภา
ดูมาขึ้น ทำหน้าที่ดูแลประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรมและมีพลังมากขึ้น
อย่างไรก็ดี องค์จักรพรรดิมิได้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ และทรงสั่งยุติ
การทำหน้าที่ของสภาดูมา เมื่อองค์กรแห่งนี้ดำเนินการในสิ่งที่ไม่ทรงปรารถนา
ในเวลาเดียวกัน สภาดูมาเองก็มีอำนาจอยู่เพียงน้อยนิด
เกิดอะไรขึ้นหลังรัสเซียปกครอง
ด้วยระบอบคอมมิวนิสต์?
หลังจากคอมมิวนิสต์กุมอาจการปกครองในรัสเซียแล้ว
รัสเซียและอีกหลายชาติภายใต้การปกครองได้รับการเรียก
ชื่อใหม่ว่าเป็นสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต
(THE UNION SOVIET SOCIALIST REPUBLICS-USSR)
หรือที่รู้จักกันว่าสหภาพโซเวียต
ในยุคนั้นถือได้ว่ารัสเซียมีอำนาจและบทบาทสำคัญต่อ
ภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก โดยหลังจากการปฏิวัติเมื่อ
เดือนตุลาคม หลายชาติรวมทั้งจีน เกาหลีเหนือและคิวบา
ต่างหันมายึดแนวทางการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
สงคราม ความยากจน
และความหิวโหย
ตลอดเวลา 10 ปี จากนั้น รัสเซียภายใต้การปกครองของ
พระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 ยังตกอยู่ในห้วงแห่งปัญหาในปี 1914 เยอรมนี
ประกาศสงครามกับรัสเซีย นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งขยายวงกว้าง
หลายชาติประกาศตัวเข้าร่วม
ในส่วนของรัสเซียนั้นสูญเสียกองทหารไปจำนวนมาก และต้องพ่าย
แพ้ในการสู้รบหลายสมรภูมิ ในขณะที่กองกำลังขาดแคลนทั้งเสบียง
และยุทโธปกรณ์
ในรัสเซียเองชาวบ้านต้องเผชิญกับความอดอยาก หิวโหย ท่ามกลาง
สภาพอากาศหนาวเหน็บและราคาอาหารที่พุ่งสูงลิ่ว ไม่นับรวมปัญหาอื่น ๆ
อีกหลายประการ
ขณะนั้นพระเจ้าซาร์ตัดสินพระทัยที่จะเป็นผู้นำทัพไปสู้รบในแนวหน้า
โดยมอบให้พระมเหสี ซารินา อเล็กซานดรา เป็นผู้สำเร็จราชการแทน
พระองค์ แต่การตัดสินพระทัยดังกล่าวไม่ได้รับการขานรับจากประชาชน
เพราะซารินา อเล็กซานดรา ทรงมีเชื้อสายเยอรมันซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าพึงใจ
ของชาวรัสเซีย
นอกจากนี้พระนางยังถูกมองว่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสปูติน
บุรุษลึกลับที่เข้าไปมีอิทธิพลในราชวงศ์โรมานอฟ โดยรัสปูตินนั้นเป็นที่ชัง
ทั้งในหมู่คนยากจนและร่ำรวย
ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวชาติคอมมิวนิสต์และประเทศอื่น ๆ
อาทิ สหรัฐฯ ก็มีความบาดหมางกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ความตึงเครียด
ทางการเมืองและการทหารที่เกิดขึ้นนั้น นำโลกให้อยู่ในภาวะ
สงครามเย็น เป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งยุติลงในปี 1991
ขณะที่การคงอยู่ของสหภาพโซเวียตในฐานะชาติคอมมิวนิสต์
ดำรงอยู่ในปี 1922 จนถึงปี 1991 ปัจจุบันรัสเซียปกครองด้วย
ระบอบสาธารณรัฐ มีผู้นำคือประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
หลังการปฏิวัติ
เดือนกุมภาพั นธ์
การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917 ซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
โดยได้มีการวางแผน และเตรียมการกันมาก่อนสิ้นสุดลงด้วย
ชัยชนะของประชาชนและนับเป็นการปฏิวัติที่นองเลือดน้อยมาก
ข่าวชัยชนะของการปฏิวัติในกรุงเปโตรกราดที่แพร่สะพั ดไปทั่ว
ประเทศ ทําให้เกิดการเคลื่อนไหวปฏิวัติที่นครมอสโก ครอนด์สตัดท์
(KRONSTADT) และเมืองอื่น ๆ และต่างมีชัยชนะ ทั้งทําให้
นักปฏิวัติรัสเซียที่ลี้ภัยนอกประเทศเร่งรีบกลับสู่รัสเซีย
เมื่อเยอรมนีในเวลาต่อมาได้จัดขบวนรถไฟตู้ปิดให้เลนินและแกนนําของ
บอลเชวิคอีก 18 คน เดินทางกลับรัสเซียโดยใช้เส้นทางผ่านเยอรมนี
และฟินแลนด์ เยอรมนีคาดหวังว่าการกลับเข้าประเทศของเลนินจะช่วยทําให้
สถานการณ์ภายในรัสเซียเลวร้ายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวรบในสงคราม
ของฝ่ายเยอรมนี เลนินเดินทางถึงรัสเซียในวันที่ 3 เมษายน แล้วเสนอรายงาน
ซึ่งเรียกกันว่า “นิพนธ์เดือนเมษายน” (APRIL THESIS) ว่าด้วยการก้าวจาก
การปฏิวัติประชาธิปไตยชนชั้นนายทุน เลนินชูคําขวัญว่า “สันติภาพ ที่ดิน และ
ขนมปัง” และได้รับความนิยมจากประชาชนสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นรัสเซียก็ตกอยู่ในสภาวะความผันผวนทางอำนาจ ระหว่าง
รัฐบาลเฉพาะกาลที่ได้รับการตั้งขึ้นโดยคณะกรรมาธิการชั่วคราวแห่งสภาดูมา
กับพรรคบอลเชวิค ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติครั้งที่สองของปี ค.ศ. 1917
ในเดือนตุลาคม (ประมาณเดือนพฤศจิกายนตามปฏิทินสากล) ซึ่งเป็นปฏิวัติ
ของพรรคบอลเชวิคในการสืบทอดเจตนารมแห่งการปฏิวัติตามทฤษฎีมาร์กซ์
และในที่สุดก็นำรัสเซียเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมได้สำเร็จ
ปฏิวัติรัสเซียปี 1917 ส่งผล
กระทบต่อประเทศไทยอย่างไร
จากการอ่านการปฏิวัติฝรั่งเศสทางคณะผู้เขียนได้เล็งเห็น
ถึงความคลายยกันของการปฏิวัติฝรั่งเศสและการปฏิวัติ
ของไทย พ.ศ.2475 เนื่องจากนักศึกษาไทยที่มาศึกษาที่
ฝรั่งเศส จำนวน 7 คน ได้นัดประชุมกันและได้กำหนด
หลักการไว้ 3 ประการ
ประการแรก ทำการเปลี่ยนการปกครองให้มี
รากฐาน เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ โดยงดเว้น
การมีประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ภายใด้
รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐโดยเด็ดขาด
ประการที่สอง กำหนดยึดอำนาจด้วยการปฏิวัติ
ไม่ใช่การก่อการจลาจล งดเว้นการนองเลือด
และไม่ประหัตประหารกันเองอย่างกบฏในฝรั่งเศส
ประการที่สาม ร่วมมือกันทำการปกครองบริหาร
ประเทศชาติด้วยความสุจริตใจ งดเว้นการแสวงหา
และสร้างสรรค์ความมั่นคงเป็นประโยชน์ส่วนตัว
ในการประชุมครั้งแรกนี้คณะผู้ริเริ่มเปลี่ยนแปลง
การปกครองมีความมุ่งหมายเพี ยงให้มีรัฐธรรมนูญ
ตามระบอบประชาธิปโตยเป็นจุดหมายปลายทาง
ปฏิวัติรัสเซียปี 1917 ส่งผล
กระทบต่อมนุษยชาติอย่างไร
ความพ่ายแพ้ของการปฏิวัติเยอรมัน 1923 มีผลกระทบล้นฟ้าใน
รัสเซีย มันนำไปสู่การเสียขวัญและการปรับตัวไปในทิศทางของฝ่ายขวา
การรณรงณ์ของสตาลินในการต่อต้านตรอทสกีในปี 1923 ทำได้
เพราะเลนินป่วยหนักและทำอะไรไม่ได้ แต่ตรอทสกีเองอธิบายความสำเร็จ
ของสตาลิน ว่ามาจากการที่การปฏิวัติรัสเซียถูกทอดทิ้งอยู่โดดเดี่ยว
กลางกระแสทุนนิยมโลก ฉนั้นการมองรัสเซียในสมัยนั้นว่าเป็น
“รัฐกรรมาชีพเสื่อมโทรม” ของตรอทสกีน่าจะถูกต้องสำหรับยุคนั้น
ในช่วงเวลาที่รัสเซียถูกรุกรานและเกิดสงครามกลางเมือง
หลังการปฏิวัติ รัฐโซเวียดถูกกองทัพจากเยอรมัน อังกฤษ สหรัฐ
ฝรั่งเศส อิตาลี่ ญี่ปุ่น โรเมเนีย ฟินแลนด์ แลทเวีย ลิทูเอเนีย
และเตอรกี โจมตีดินแดน กองทัพทั้งหมดเหล่านี้และกองทัพรัสเซีย
ขาวไม่สามารถเอาชนะกองทัพแดงได้ แต่รัฐปฏิวัติโซเวียดก็เอาชนะ
รัฐทุนนิยมทั่วโลกไม่ได้เหมือนกัน ฉะนั้นในที่สุดแรงกดดันจาก
กระแสทุนนิยมโลกสามารถหล่อหลอมรัฐสตาลินไปในรูปแบบที่คล้าย
รัฐในโลกทุนนิยมได้ ดังนั้นกฏการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่ผลัก
ดันเศรษฐกิจและกองทัพรัสเซียเหมือนกฎการเคลื่อนไหว
เปลี่ยนแปลงของทุนนิยมโลก
เมื่อสตาลินประกาศ ในปี 1928 ว่าในระยะเวลา 15 หรือ 20 ปี ข้างหน้า
รัสเซียจะพัฒนาให้ทันประเทศตะวันตก ก็แปลว่ารัสเซียจะใช้เวลาเพียงระยะ
อันสั้นเท่านั้น เพื่อทำในสิ่งที่อังกฤษต้องใช้เวลา 100 ปีของการปฏิวัติ
อุตสาหกรรม ในอังกฤษก่อนที่จะมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ ชนชั้น
ปกครองต้องใช้มาตรการต่างๆเป็นเวลา 300 ปีเพื่อทำลายสิทธิการใช้ที่ดิน
ของชาวนารายย่อย ในรัสเซียสิทธิการใช้ที่ดินของชาวนารายย่อยถูกทำลาย
ในเวลาเพียง 3 ปี โดยมาตรการที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นการสร้าง “กรรมสิทธิ์
ร่วม"
เมื่อสตาลินเริ่มสร้างโครงสร้างอุตสาหกรรมหนักทางทหาร เขาต้อง
เริ่มต้นจากพื้นฐานที่ด้อยกว่าประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่ง แต่เขามีเป้า
หมายในระดับเดียวกัน ถ้าเยอรมันภายใต้พวกนาซีมีรถถังและเครื่องบิน
กองทัพที่สตาลินสร้างไม่สามารถสะท้อนระดับการพั ฒนาของระบบการผลิต
รัสเซียได้ (เช่นในปี1928ชาวนาไม่มีรถไถนาและต้องใช้ไถที่ทำด้วยไม้) แต่
ต้องสะท้อนระดับการผลิตของเยอรมันผู้เป็นคู่แข่ง
การพั ฒนาอุตสาหกรรมรัสเซียเน้นอุตสาหกรรมหนักเพื่ อผลิต
อาวุธ ชิ้นงานการวิจัยของผมชิ้นหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากคือ
การเปรียบเทียบการผลิตภายใต้แผนการผลิตทุกห้าปี (ในรัสเซียเอง
สมัยสตาลินคงไม่มีใครกล้าทำ) ถ้าดูอุตสาหกรรมหนักเช่นเหล็กกล้า
เป้าหมายการผลิตในห้าปีแรกคือ 10.4 ล้านตัน ห้าปีที่สอง 17 ล้าน
ห้าปีที่สาม 28 ล้าน ห้าปีที่สี่(ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง) 25.4 ล้าน
และห้าปีที่ห้า 44.2 ล้าน สิ่งที่ชัดเจนก็คือการผลิตมุ่งจะพุ่งสูงขึ้น
อย่างรวดเร็ว กรณีไฟฟ้า ถ่านหิน และ เหล็กธรรมดา ก็เช่นกัน
1. นางสาวณฤดี กิตติสุขมงคล ม.6.8 เลขที่ 1
2. นางสาวธัญรักษณ์ โรจนวุฒิพงศ์ ม.6.8 เลขที่ 2
3. นางสาวอัญชสา เหลืองอุไร ม.6.8 เลขที่ 3
4. นางสาวอารยา งาเจือ ม.6.8 เลขที่ 35
บรรณานุกรม
1.บีบีซี. 2560. การปฏิวัติรัสเซีย. [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา HTTPS://WWW.BBC.COM/THAI/INTERNATIONAL-
41968313 (12 สิงหาคม 2565)
2. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. 2550. การปฏิวัติรัสเซีย. [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา HTTPS://TH.WIKIPEDIA.ORG/WIKI/การปฏิวัติรัสเซีย
(12 สิงหาคม 2565)
3. สัญชัย สุวังบุตร และอนันต์ชัย เลาหะพันธุ. 2555. ชัยชนะของประชาชน
ในการปฏิวัติต่อการปกครองระบอบซาร์แห่งรัสเซีย [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา HTTPS://WWW.SILPA-
MAG.COM/HISTORY/ARTICLE_28972 (12 สิงหาคม 2565)