The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทรงกลมฟ้า (Celestial Sphere)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุเมธาวี ขันทอง, 2022-09-30 10:39:16

ทรงกลมฟ้า (Celestial Sphere)

ทรงกลมฟ้า (Celestial Sphere)

ทรงกลมฟา้ (Celestial Sphere)





ทรงกลมฟา้ (Celestial Sphere) คอื ทรงกลมสมมติขนาดใหญท่ ี่ครอบโลกไว้ โดยมผี ้สู ังเกตเป็นจดุ ศนู ย์กลาง ซึง่
ดาวฤกษ์ ดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ และวัตถทุ ้องฟา้ อน่ื ท่ีเราสังเกตบนท้องฟา้ จะเสมอื นอยู่บนผิวทรงกลมฟา้

การระบุตาแหนง่ ของวัตถุทอ้ งฟ้าบนทรงกลมฟ้า

การระบตุ าแหน่งของวตั ถุทอ้ งฟา้ บนทรงกลมฟา้ มี 2 วิธี ไดแ้ ก่
1. การระบุตาแหน่งวตั ถทุ อ้ งฟา้ ตามระบบพิกดั ขอบฟ้า (Horizontal coordinate system)
2. การระบุตาแหน่งวัตถุทอ้ งฟ้าตามระบบศูนยส์ ตู ร (Equatorial coordinate system)

12

การระบุตาแหนง่ วัตถทุ อ้ งฟา้ ตามระบบพกิ ดั ขอบฟ้า (Horizontal coordinate system)

เป็นวิธีการระบตุ าแหน่งดาวแต่จะขน้ึ อยู่กบั เวลาและละติจดู ของผู้สงั เกต

จดุ เหนือศรษี ะ องคป์ ระกอบของการระบตุ าแหน่งวตั ถทุ ้องฟ้าตามระบบพกิ ัดขอบฟ้า ไดแ้ ก่
จดุ ใต้เทา้
1. ขอบฟา้ (horizon) คอื รอยตอ่ ระหว่างพนื้ ดนิ กบั ทอ้ งฟา้ ซง่ึ ต้องมกี ารกับกาทศิ ทง้ั ส่ี
เส้นเมรเิ ดียน 2. ระนาบขอบฟ้า คือ ระนาบท่ีแบ่งทรงกลมฟ้าเป็นสองซีกผ่านจุดศูนย์กลางของทรงกลม

ด้วยเสน้ ขอบฟ้า
3. ทิศหลัก คือ จุดสาคัญบนเส้นขอบฟ้า 4 จุดซึ่งใช้อ้างอิงทิศทางในการสังเกต ได้แก่ ทิศ

เหนอื ทิศใต้ ทศิ ตะวันออก ทิศตะวันตก
4. ทิศเหนอื คือ จุดบนเสน้ ขอบฟา้ ทีอ่ ยใู่ นทศิ ทางของขว้ั เหนอื ภูมิศาสตรห์ รือขัว้ โลกเหนือ
5. ทศิ ตะวันออก คือจดุ บนเสน้ ขอบฟ้าท่อี ยู่หา่ งจากทิศเหนือวดั ตามเข็มนาฬิกาไป 90 องศา
6. ทศิ ใต้ คือ จุดบนเสน้ ขอบฟ้าทอ่ี ยู่หา่ งจากทิศเหนือวัดตามเข็มนาฬกิ าไป 180 องศา

7. ทิศตะวันตก คือ จุดบนเสน้ ขอบฟา้ ทีอ่ ยูห่ ่างจากทศิ เหนือวัดตามเข็มนาฬกิ าไป 270 องศา

8. จุดเหนือศรี ษะ (zenith) คือ จดุ สูงสุดของทอ้ งฟ้าและอยู่เหนือศรี ษะของผูส้ งั เกต
9. จดุ ใต้เทา้ หรือ จดุ ดิง่ (nadir) คือ จุดท่อี ยู่ตรงขา้ มจดุ เหนือศีรษะ หรอื อยู่ตา่ กวา่ เท้า
10. เมริเดยี น (meridian) คือ เส้นวงกลมใหญท่ ่ีลากตั้งฉากกับเส้นขอบฟา้ → ผ่านทิศเหนือ

→ จุดเหนือศรี ษะ → ทศิ ใต้ → และจดุ ใตเ้ ท้า

ทากจิ กรรมท่ี 1

องค์ประกอบของการระบุตาแหนง่ วัตถุทอ้ งฟ้าตามระบบพกิ ัดขอบฟ้า ไดแ้ ก่

11. มุมทิศ (azimuth) เป็นค่าของมุมท่ีวัดจากทิศเหนือไปทางทิศตะวันออกตาม
แนวเส้นขอบฟ้าถึงเส้นวงกลมดิ่งท่ีลากผ่านดาวมาต้ังฉากกับขอบฟ้า มุมทิศมีค่าต้ังแต่
0-360 องศา
12. มุมเงย (altitude) เป็นค่ามุมท่ีวัดจากจุดที่เส้นวงกลมด่ิงตัดกับเส้นขอบฟ้าไป
ตามแนวเส้นวงกลมดิ่งจนถึงตาแหน่งดาว โดยมุมเงยมีค่าต้ังแต่ 0 ถึง 90 องศา เม่ือ
ดาวอยเู่ หนอื กวา่ ขอบฟ้า และ 0 ถงึ -90 เม่ือดาวอยตู่ ่ากวา่ ขอบฟ้า

วิธีการระบตุ าแหน่งของดาวในระบบพิกัดขอบฟ้าเปน็ การระบุตาแหน่งของดาวโดย
เทียบกบั ขอบฟ้าของผ้สู งั เกตโดยอาศยั มุมทศิ และมุมเงย การระบุค่ามุมทศิ มุมเงย
สามารถทาไดต้ ามข้นั ตอนดงั นี้

1. จากตาแหนง่ ของดาวในรูป ลากเส้นจากจุดเหนอื ศีรษะมาตามทรงกลมฟ้า
ผา่ นตาแหน่งดาวลงมาให้ต้ัง ฉากกบั เสน้ ขอบฟ้า ซึ่งเสน้ น้เี รยี กวา่ เส้นวงกลมด่งิ

2. วัดมุมจากตาแหนง่ ทิศเหนือไปทางทิศตะวันออกตามแนวเสน้ ขอบฟา้ จนถงึ
จดุ ทเ่ี ส้นวงกลมด่งิ สัมผัส กบั ขอบฟา้ มมุ ท่ไี ดค้ ือ มมุ ทศิ (azimuth)

3. วดั ค่ามุมจากจดุ ที่เสน้ วงกลมดิ่งตัดกับเส้นขอบฟา้ ไปตามเสน้ วงกลมดิ่งจนถึง
ตาแหน่งดาวท่ีกาหนด มมุ ทีไ่ ดค้ ือ มมุ เงย (altitude)

4. นาคา่ มมุ ทศิ และมุมเงยระบุตาแหนง่ ของดาวตามระบบพิกัดขอบฟา้ โดยใช้
สญั ลกั ษณ์ดังน้ี (มมุ ทศิ , มุมเงย) เชน่ จากรูปดาวดวงนี้มีพิกดั (120o , 60o )

หมายเหตุ ในกรณีท่ีมุมเงยของดาวอย่ตู ่ากวา่ ขอบฟ้าจะใช้เครอื่ งหมายเปน็ ลบ

ลองทาดู จากภาพให้ระบุพกิ ดั ดาว A B และ C ในระบบพิกัดขอบฟา้ ใหถ้ กู ตอ้ ง

พกิ ัดดาว A (120o, 67.5o)
พกิ ดั ดาว B (60o, 45o)
พกิ ดั ดาว C (180o, 22.5o)

67.5o 45o 60o
22.5o
120o
180o

ทากจิ กรรมท่ี 2

ผลการทากจิ กรรม พกิ ดั ดาว B มมุ ทศิ 180 องศา มมุ เงย 45 องศา
พิกดั ดาว A มมุ ทศิ 45 องศา มมุ เงย 60 องศา

มมุ เงย
มมุ ทศิ

ผลการทากจิ กรรม ดาว D มุมทศิ 90 องศา มมุ เงย - 30 องศา
ดาว C มมุ ทศิ 0 องศา มุมเงย 15 องศา
ใต้ ตะวันออก เหนือ
มุมเงย
มมุ ทิศ

ผลการทากจิ กรรม
ดาว E มุมทิศ 270 องศา มมุ เงย 10 องศา

เหนือ มมุ ทิศ
มมุ เงย
ตะวนั ตก

คาถามทา้ ยกจิ กรรม

1. ดาวดวงใดท่ีปรากฏเหนอื ขอบฟา้ ทราบไดอ้ ยา่ งไร

คาตอบ ดาว A B C และ E เพราะมมุ เงยมีค่าเปน็ บวก

คาถามท้ายกจิ กรรม

2. ดาวดวงใดทย่ี งั ไม่ปรากฏเหนอื ขอบฟ้า ทราบได้อยา่ งไร

คาตอบ ดาว D เพราะคา่ มมุ เงยตดิ ลบ แสดงว่าดาวอยู่ใต้ขอบฟ้า

คาถามทา้ ยกจิ กรรม

3. ดาว D กาลังจะขึน้ หรือกาลังจะตกหรอื ตกลับขอบฟา้ ไปแลว้ ทราบได้อย่างไร

คาตอบ กาลังจะข้ึนจากขอบฟ้า เพราะยงั อย่ใู ตข้ อบฟ้าทางทิศตะวันออก

ตะวนั ออก

คาถามท้ายกจิ กรรม

4. ถ้าผู้สงั เกตหนั หนา้ ไปทางทศิ ใต้จะพบดาวดวงใด

คาตอบ พบดาว B เพราะดาว B มมี ุมทศิ 180 องศา

คำถำมทำ้ ยกิจกรรม

5. ดาว E กาลงั จะขึ้นหรอื กาลงั จะตกหรือตกลบั ขอบฟา้ ไปแลว้ ทราบได้อยา่ งไร
คาตอบ กาลงั จะตก เพราะยงั อย่เู หนอื ขอบฟา้ ทางทิศตะวนั ตก

คาถามท้ายกจิ กรรม

6. การระบุตาแหนง่ ดาวในระบบพกิ ัดของฟา้ ใชค้ า่ อะไรบา้ ง
คาตอบ ใชค้ ่า มุมทิศ และ มมุ เงย

คาถามท้ายกจิ กรรม

7.การวดั มุมทิศและมมุ เงยมีวิธกี ารวดั อยา่ งไร

คาตอบ มมุ ทศิ วัดจากทศิ เหนอื ไปทางทศิ ตะวันออกตาม คาตอบ มุมเงย วัดจากจุดที่เส้นวงกลมดิง่ ตดั กบั เส้น
แนวเสน้ ขอบฟ้าถึงเส้นวงกลมดิ่งท่ลี ากผา่ นดาวมาตั้งฉาก ขอบฟ้าไปตามเสน้ วงกลมด่งิ จนถงึ ตาแหนง่ ดาว มคี า่
กับขอบฟา้ มีคา่ ตง้ั แต่ 0-360 องศา ตงั้ แต่ 0-90 องศา และมีค่าตดิ ลบเมอื่ ดาวอยตู่ า่ กว่า
ขอบฟ้า
จดุ เหนอื ศรีษะ
จุดเหนอื ศรษี ะ

มมุ เงย
มุมทศิ มุมทิศ

สรุปผลทากจิ กรรม จดุ เหนือศรีษะ

➢ การระบุตาแหนง่ ของดาวในระบบพิกัดขอบฟ้าจะบอก มมุ เงย
ตาแหน่งโดยใช้พกิ ัดของมุมทิศ และ มุมเงย มุมทิศ

➢ โดยมุมทิศ เป็นค่าของมุมท่ีวัดจากจุดทิศเหนือไปทาง
ตะวันออกตามแนวเส้นขอบฟ้าถึงจุดท่ีวงกลมด่ิงตั้ง
ฉากกับขอบฟ้า มมุ ทศิ มีคา่ ไดต้ ัง้ แต่ 0-360 องศา

➢ ส่วนมุมเงย เป็นค่าของมุมท่ีวัดจากเส้นขอบฟ้าไปตาม
วงกลมดิง่ จนถงึ ตาแหน่งดาว มมุ เงยมคี ่าไดต้ ้ังแต่ 0-90
องศา และในกรณีที่ดาวอยู่ต่ากว่าขอบฟ้าจะใชค้ ่าเป็น
ลบ

☺ นกั เรียนคดิ วา่ คา่ มมุ ทศิ และมมุ เงยของดาวดวงหน่งึ บนทอ้ งฟา้ จะเปลี่ยนแปลงไดห้ รือไม่ ขึ้นอยู่กบั ปจั จยั ใด

กจิ กรรมเพิม่ เตมิ การระบุพิกดั ของดาวในระบบพิกดั ขอบฟ้าเมือ่ เวลาและตาแหน่งในการสงั เกตเปลยี่ นแปลง
คา่ มุมทศิ และมมุ เงยของดาวดวงหนึง่ บนทอ้ งฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไปตาม “เวลา”

ผสู้ งั เกตอยู่ท่เี สน้ ศนู ย์สตู ร

ตาแหนง่ ผู้ ตาแหนง่ ดวงอาทิตย์ เวลา มุมทิศ มุมเงย พิกดั
สงั เกต โดยประมาณ

ขอบฟา้ ดา้ นตะวันออก

ศนู ย์สตู ร จุดเหนอื ศีรษะ

ขอบฟา้ ด้านตะวันตก

ทากิจกรรม

ผลการทากจิ กรรม 06.00 นาฬกิ า 90๐ 0๐ (90๐, 0๐)

เหนอื
ใต้

ตะวันออก
ดวงอาทติ ย์

ผลการทากจิ กรรม 06.00 นาฬิกา 90๐ 0๐ (90๐, 0๐)
12.00 นาฬกิ า - 90๐ ( - , 90๐)
ดวงอาทติ ย์
เหนือ

ใต้
ตะวันออก

ผลการทากจิ กรรม

06.00 นาฬิกา 90๐ 0๐ (90๐, 0๐)
12.00 นาฬิกา - 90๐ ( - , 90๐)
18.00 นาฬกิ า 270๐
0๐ ( 270๐ , 0๐)

ดวงอาทติ ย์ เหนือ สรปุ ผลการทากจิ กรรม
ใต้ ตะวันออก คา่ มุมทิศและมมุ เงยของดวงอาทิตย์จะเปล่ียนแปลงไปตามเวลา

ค่ามุมทศิ และมุมเงยของดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้าจะเปลีย่ นแปลงไปตาม “ละตจิ ดู ”

ผสู้ ังเกตอยลู่ ะติจดู ต่างๆ ดาว A

ดาว A
ดาว A

ทากิจกรรม

ผลการทากจิ กรรม 0o 0o (0o, 0o)

ศนู ย์สูตร

ดาว A

ผลการทากจิ กรรม ละตจิ ูด 45 0o 45o (0o, 45o)
องศาเหนือ
ดาว A

ผลการทากิจกรรม

ละตจิ ดู 45 0o - 45o (0o, -45o)
องศาใต้

ดาว A

คาถามทา้ ยกจิ กรรม

1.เมือ่ ผสู้ งั เกตอย่ทู ลี่ ะติจดู แตกต่างกนั มุมทิศและมุมเงยของดาวดวงเดียวกนั มีค่าเหมือนหรือแตกตา่ งกนั
อย่างไร
คาตอบ จากกิจกรรมพบว่าค่าพิกัดของของดาว A มุมทศิ จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ค่ามุมเงยเพิม่ ข้นึ ตามตาแหน่งละตจิ ูด
ของผู้สงั เกต เน่อื งจากดาว A อยู่ตรงกบั ขว้ั ฟ้า

หมายเหตุ โดยทว่ั ไปแลว้ เม่อื ผสู้ ังเกตอยทู่ ่ีละตจิ ูดแตกตา่ งกนั คา่ มุมทศิ และมมุ เงยของดาวจะเปลย่ี นไป

2. จากกิจกรรมคา่ มุมเงยของดาว A สมั พันธ์กบั ตาแหน่งละติจดู ของผูส้ งั เกตหรือไม่ อย่างไร

คาตอบ สมั พันธก์ นั เน่ืองจากดาว A เป็นดาวท่ีอยู่ตรงทศิ เหนอื (ขวั้ ฟ้าเหนอื ) คา่ มมุ เงยของดาวมคี า่
เทา่ กับละตจิ ดู ของผสู้ ังเกต

สรุปผลทากจิ กรรม

จากกิจกรรมพบวา่ พิกดั ของดวงอาทติ ย์ในระบบพิกัดขอบฟ้าเปล่ียนไปตามเวลา ทสี่ ังเกต และผสู้ งั เกตอยทู่ ี่
ละติจูดท่ีแตกตา่ งกนั พกิ ัดของดาวดวงเดยี วกนั จะเปลยี่ นแปลงไปดว้ ย ดังน้ันการระบุตาแหน่งของดาวในระบบ
พิกัดขอบฟา้ จึงมคี ่าเปล่ียนแปลงไปตามเวลาและตาแหนง่ ละติจดู ของผสู้ งั เกต

ผ้สู ังเกต

้ผู ัสงเกต เส้นศูนยส์ ตู ร เส้นศนู ย์สตู ร เสน้ ศูนยส์ ูตร
เส้นขอบ ้ฟาศนู ย์สตู ร
ละตจิ ูด 45 องศาเหนือ ขั้วโลกเหนอื

การระบตุ าแหนง่ วตั ถทุ อ้ งฟา้ ตามระบบศูนยส์ ตู ร (Equatorial coordinate system)

องคป์ ระกอบของการระบุตาแหน่งวตั ถุทอ้ งฟา้ ตามระบบพกิ ัดระบบศูนย์สูตร ไดแ้ ก่
1. เส้นศนู ย์สตู รฟ้า (celestial equator) หมายถงึ เส้นวงกลมใหญซ่ ึ่งเกดิ จากการ
ขยายเสน้ ศูนยส์ ตู รโลกออกไปถึงทรงกลมฟา้ โดยแบ่งทรงกลมฟา้ ออกเป็นสองสว่ นเท่ากัน
คือซีกฟา้ เหนือและซกี ฟ้าใต้
2. ข้วั ฟา้ เหนือ (north celestial pole) หมายถึง ข้ัวของทรงกลมฟา้ ท่ีอยหู่ ่างจากเส้น
ศูนยส์ ตู รฟ้าไปทางซกี ฟ้าเหนือ 90 องศา
3. ข้วั ฟ้าใต้ (south celestial pole) หมายถงึ ข้ัวของทรงกลมฟา้ ทีอ่ ยหู่ า่ งจากเส้นศนู ย์
สตู รฟ้าไปทางซีกฟา้ ใต้ 90 องศา
4. วงกลมชวั่ โมง (hour circle) หมายถงึ วงกลมใหญ่ทล่ี ากจากขว้ั ฟา้ เหนอื ผา่ นวตั ถุ
ทอ้ งฟา้ ทส่ี งั เกต เส้นศูนย์สตู รฟา้ และ ขัว้ ฟ้าใต้ การบอกตาแหน่งของวตั ถทุ อ้ งฟา้ ในระบบ
พิกัดศนู ยส์ ตู ร เปน็ การบอกพกิ ัดของดาวโดยใช้เส้นศนู ย์ฟ้าเป็นหลัก สามารถบอกเป็นคา่
มมุ ไรต์แอสเซนชนั และเดคลเิ นช่นั

การระบตุ าแหน่งวตั ถุท้องฟ้าตามระบบศนู ย์สตู ร (Equatorial coordinate system)

เปน็ วธิ กี ารระบตุ าแหน่งดาวดวงเดียวกันให้มคี า่ เทา่ กนั ไม่วา่ ผ้สู งั เกตจะอย่ตู าแหน่งละติจดู ใด หรอื ช่วงเวลาใด

การระบตุ าแหนง่ วตั ถทุ อ้ งฟา้ ตามระบบศูนยส์ ตู ร (Equatorial coordinate system)

องคป์ ระกอบของการระบตุ าแหน่งวตั ถุท้องฟา้ ตามระบบพกิ ัดระบบศนู ย์สูตร ไดแ้ ก่
5. ไรต์แอสเซนชนั (right ascension; RA) คือ มมุ ท่ีวดั จากจดุ 0 ชว่ั โมง ไปตามแนว
เสน้ ศนู ยส์ ตู รฟ้าตามการหมนุ รอบตัวเองของโลก (ไปทางทศิ ตะวนั ออก) จนถงึ วงกลม
ช่ัวโมงทีผ่ ่านดาว

หนว่ ยของไรต์แอสเซนชัน เป็นหน่วยเวลา ชัว่ โมง นาที และวนิ าที ( 1 ช่ัวโมง
เท่ากบั 15 องศา) แบ่งเป็น 0-24 ชว่ั โมง เช่น คา่ ไรต์แอสเซนชัน 4 ชว่ั โมง สามารถเขยี น
เปน็ สญั ลักษณ์ไดด้ ังนี้ 4h
6. เดคลิเนชนั (declination; dec) คือ มุมที่วดั จากเส้นศูนย์สูตรฟ้าตามแนววงกลม
ชวั่ โมงไปจนถึงดาว

จะมีคา่ ต้ังแต่ 0 องศาถึง +90 องศาเมื่อวดั ไปทางขัว้ ฟา้ เหนอื (Nort
celestial pole : NCP) และเมื่อวดั ไปทางข้ัวฟา้ ใต้ (South celestial pole : SCP)
จะมคี ่าตง้ั แต่ 0 องศา ถงึ -90 องศา

เช่น ดาวมีค่าเดคลเิ นชั่น 60 องศาเหนือเสน้ ศนู ยส์ ูตรฟา้ สามารถ
เขียนเป็นสัญลกั ษณ์ไดด้ ังนี้ + 60 o

วิธกี ารระบุตาแหน่งของดาวในระบบศูนยส์ ูตร เปน็ การระบตุ าแหน่งของดาวโดยเทยี บกับศนู ย์สตู รของผูส้ งั เกตโดย
อาศัยคา่ ไรต์แอสเซนชัน (right ascension; RA) และเดคลิเนชนั (declination; dec) สามารถทาไดต้ ามขัน้ ตอนดงั นี้

1. จากตาแหนง่ ของดาวในรูป ลากเสน้ จากจดุ ข้วั ฟ้าเหนือมาตามทรงกลมฟา้
ผา่ นตาแหน่งดาวลงมาให้ตงั้ ฉากกบั เส้นศูนยส์ ูตรฟ้า

2. วดั มมุ จากตาแหน่ง 0h ไปทางทิศตะวันออกตามแนวเสน้ ศูนย์สตู รฟ้าจนถงึ จุด
ท่เี ส้นวงกลมดง่ิ สมั ผสั กบั เส้นศนู ย์สูตรฟา้ มมุ ที่ไดค้ ือ ไรตแ์ อสเซนชัน (right
ascension; RA)

3. วดั ค่ามุมจากจุดทเ่ี ส้นวงกลมด่งิ ตัดกับเสน้ ศนู ย์สตู รฟา้ ไปตามเส้นวงกลมด่งิ
จนถึงตาแหน่งดาวทกี่ าหนด มมุ ทีไ่ ดค้ อื เดคลิเนชัน (declination; dec)

4. นาคา่ ไรต์แอสเซนชัน (right ascension; RA) และเดคลิเนชัน (declination;
dec) ระบตุ าแหน่งของดาวตามระบบพิกดั ศูนย์สตู ร โดยใชส้ ญั ลักษณด์ ังน้ี (ไรตแ์ อ
สเซนชนั , เดคลิเนชัน) เชน่ จากรปู ดาวดวงน้ีมีพิกัด (3h , 60o )

หมายเหตุ ในกรณีที่มุมเงยของดาวอยู่ตา่ กวา่ ขอบฟา้ จะใช้เครอื่ งหมายเป็นลบ

ทากิจกรรม

ผลการทากจิ กรรม แบบจาลองของผสู้ ังเกตที่ศูนย์สตู ร

พิกัดของดาว A (0h, 0 o) พกิ ดั ของดาว B (6h, +30 o)

ดาว B
ดาว A

ผลการทากจิ กรรม แบบจาลองของผ้สู งั เกตทศี่ นู ยส์ ตู ร

พิกัดของดาว C (6h, +80 o) พิกัดของดาว D (12h, +45 o)

ดาว C ดาว D

ผลการทากิจกรรม แบบจาลองของผู้สังเกตท่ศี นู ยส์ ตู ร

พกิ ัดของดาว E (0h, -30 o) พกิ ัดของดาว F อยหู่ ่างไปทางทศิ ตะวนั ออกจากจดุ เริ่มต้น 12
ช่วั โมง และอยู่กึ่งกลางระหวา่ งขัว้ ฟ้าใตก้ ับระนาบศนู ยส์ ตู รฟ้า

ดาว E ดาว D
ดาว F

ผลการทากจิ กรรม แบบจาลองของผู้สงั เกตที่ละตจิ ูด 45 องศาเหนือและที่ตาแหนง่ ละตจิ ูด 45 องศาใต้

ดาวในระบบพิกัดศนู ย์สตู รจะเปลย่ี นแปลงตามเวลาและตาแหน่งของผู้สงั เกตหรือไม่

ตอบ ดาวในระบบพิกัดศนู ยส์ ตู รจะระบุพิกดั เปน็ คา่ ไรตแ์ อสเซนชนั และเดคลเิ นชันในการบอกตาแหนง่ ท้งั นี้พิกัดของดาวใน
ระบบพกิ ดั ศูนย์สตู รจะไมเ่ ปลย่ี นไปตามเวลาและตาแหนง่ ละติจดู ของผู้สงั เกต จึงเหมาะสมในการนามาใชบ้ อกตาแหน่งของ
วตั ถทุ ้องฟ้าบนทรงกลมทอ้ งฟา้ และบอกพกิ ัดของดาวในบญั ชดี าวหรอื แผนที่ดาว

ไรตแ์ อสเซนชนั

เดคลิเนชนั

กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ ให้พจิ ารณาคา่ ไรตแ์ อสเซนชันและเดคลเิ นชันของดาวที่กาหนด แลว้ ระบุตาแหนง่ ดาว A-G
บนแผนท่ีดาว โดยใหน้ กั เรยี นระบุตาแหน่งดาวท่ีกาหนดตามระบบพกิ ัดศูนยส์ ตู รลงในแผนท่ดี าว

ดาว A

ดาว B

ดาว D ดาว C ดาว G

ดาว F
ดาว E


Click to View FlipBook Version