The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Final Project การออกแบบจัดหน้าฯ
จัดทำโดย ปริญญา ขันธแพทย์ 631310344

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mentejuly, 2022-03-24 08:01:58

AWปริญญา

Final Project การออกแบบจัดหน้าฯ
จัดทำโดย ปริญญา ขันธแพทย์ 631310344

Food
Literacy

เรื่อง : ดวงพร ทรงวิศวะ ภาพ : มณีนุช บุญเรือง

Design Brief

Target Group Psychographics

Demographics - ผู้ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองอยู่
เพศ : หญิง ชาย และ LGBTQ+ เป็นประจำ
อายุ : 30 - 35 ปี (วัยทำงาน)
อาชีพ : พนักงานออฟฟิศ และ - ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ และ
โภชนการอาหาร
แม่บ้าน
รายได้ : 5000 - 15000 บาท
สถานภาพ : สมรส

What to Communicate

ให้ความรู้ในเรื่องของ "โภชนาปัญญา" ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้าใจให้แก่
ผู้อ่านในด้านของอาหาร

Support

ทักษะและความรู้ในด้านอาหาร และการรู้จักกับคำว่า โภชนปัญญา ซึ่งจะมี
วิธี และคำแนะนำในการกินอาหารที่ถูกต้องอยากมีปัญญา

How to Communicate

กระชับ เข้าใจง่าย เน้นให้เห็นภาพตาม ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

Photo by Parinya Mind Photo by Laura
/Fork Knife Swoon

https://www.forkknifeswoon.com
/superfood-green-drink

About Me

Parinya Khanthaphaet
"Mind"

นางสาวปริญญา ขันธแพทย์
รหัสนักศึกษา 631310344 Sect.01
ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2
อยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเมืองทองธานี ซิตี้แคมปัส
สาขานิเทศศาสตร์ วิชาเอก สื่อสารมวลชน

ช่องทางการติดต่อ

Email : [email protected]
Facebook : Parinya Mind
Instagram : wmindq



"ความสำคัญของโภชนปัญญา
และการมีความรู้ในอาหารที่ช่วยสร้างผลที่ดีกับโลกด้วยตัวเรา"

"Food Literacy

ไฟนีออนจากเพดานสาดส่องทั่วพื้นที่ที่ใช้จัดแสดงสินค้าสว่างจ้า พื้นที่
ซอยย่อยเป็นห้องเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพื่อตอบสนองความต้องการและสตางค์
ในธนาคารที่แตกต่างกัน แต่ละบูทตกแต่งอย่างสร้างสรรค์ด้วยของตกแต่ง
นานาชนิด ด้วยเป้าหมายคล้ายกันในการดึงดูดให้คนเข้ามาบูทสินค้าและบริการ
พร้อมกับข้อมูลสรรพคุณไม่รู้จบของผลิตภัณฑ์ นำเสนอให้คนนับร้อยนับพัน
ในพื้ นที่เดียว

หนึ่งในท่ามกลางบูทที่จัดตั้งสุดลูกหูลูกตา มีวงสนทนาที่มีเอ็นจีโอ
มากหน้าหลายตา หลากหน้าที่และบทบาท โบได้ยินเสียงบทสนทนาที่เต็ม
เปี่ ยมไปด้วยความหวัง ความมุ่งมั่น ดังมาไม่ขาดสาย หัวข้อพูดคุยก็ไม่
พ้นเรื่องราวยุ่งๆ บนโลกอันแสนจะวุ่นวาย ที่มีมากเกินกว่าจะนับด้วยนิ้ว
ของคนคนหนึ่งหมด โบรู้สึกทึ่งตรงที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร มนุษย์ก็
สร้างปัญหา สร้างประเด็น ให้เอ็นจีโอได้ทำงานอยู่เสมอ

" ปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน คือ คนสมัยนี้ไม่รู้กิน

1

Food Literacy

เสียงแว่วมาจากคนทำงานด้านอาหารเพื่อประเทศไทยยาวนานกว่า 20 ปี
เปลี่ยนทั้งเกษตรกรให้ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี พร้อมสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง
ทั่วประเทศ เป็นกระบอกเสียงขับเคลื่อนเรื่องนโยบายอาหารของประเทศ จน
กระทั่งทำงานกับภาคผู้บริโภค โดยการแบ่งปันองค์ความรู้ เรื่องราวที่เกี่ยว
เนื่องกับการกิน เพื่อให้คนในสังคมไทยรู้กินมากขึ้น

โบหันควับ ตาโต “รู้กิน… คืออะไรวะ” คิดในใจแบบดังมาก เธอผู้นั้น
เหมือนจะได้ยินความในใจจึงอธิบายต่อไปว่า “มันคือ Food Illiterate การอ่าน
ไม่ออก เขียนไม่ได้ ในการกิน”

คราวนี้โบทำหน้ายู่ยี่หนักกว่าเดิม จึงได้ประโยคต่อมา “เอาง่ายๆ เลยนะ
วางอาหารสักจานข้างหน้า แล้วระบุได้ว่าในจานมีอะไรบ้าง ผักชื่ออะไร ความรู้นี้
ขาดคนส่งทอดด้วยสังคมที่เปลี่ยนไป ทั้งการทำอาหารที่บ้านและการเปลี่ยนไป
ของระบบอาหาร”

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้โบได้ยินคำคำนี้ และฝังใจมาตลอด ลึกๆ แล้วถูกใจคำ
นี้มาก เพราะมันอธิบายปรัชญาความเชื่อทั้งหมดของโบ

2

Food Literacy

เมื่ออ่านบทความทั้งไทยและเทศ ก็ได้คำจำกัดความของ FOOD LITERACY
ซึ่งคลุมเครือและหลากหลายมากๆ จึงตีความได้หลายแบบในบริบทที่แตกต่าง
กัน คำนี้ถูกใช้ครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ. 1990 ในงานวางแผนและนโยบายด้าน
โภชนาการ และใช้ในบทความที่ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2001 แปลว่ามีการใช้คำนี้
มากว่า 30 ปีแล้ว
บทความภาษาไทยเองก็มีการสื่อคำว่า FOOD LITERACY โดยใช้คำว่า
‘ความรอบรู้ด้านอาหาร’ การจำกัดความคำว่า FOOD LITERACY ก็มักพ่วง
ด้วยส่วนประกอบย่อยๆ อย่างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐาน
ด้านอาหารและโภชนาการ ทักษะความสามารถด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นทักษะ
การเลือก การวางแผนจัดการอาการ การเตรียมและปรุงอาหาร ทักษะการกิน
รวมไปถึงทัศนคติและพฤติกรรมการกิน

3

Food Literacy

โภชนปัญญา

สรุปว่าโบขอเรียก FOOD LITERACY ว่า ‘โภชนปัญญา’ (แน่นอน เป็น
คำประดิษฐ์สุดๆ ไปเลย แต่คิดว่าครอบคลุม) โภชนปัญญา คือ มีปัญญาและ
ความสามารถเชื่อมโยงความรู้ด้านอาหารและโภชนการ ทักษะด้านอาหาร ทั้ง
การเลือกและทัศนคติที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แล้วแปลงทั้งหมดออกมา
เป็นพฤติกรรมการกิน รู้ว่าการที่เราเลือกกินอะไรและอย่างไร ส่งผลกระทบต่อ
ทั้งตัวเรา สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง

ทำไมต้องมีปัญญากิน

จำเป็นไหมที่ต้องกินอย่างมีปัญญา ถ้าถามโบ คำตอบคือจำเป็นมาก
แบบ ก ไก่ ล้านตัวก็ไม่พอ เพราะในฐานะคนกิน เรามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกินของเรา

ความไม่รู้กินนี้ เริ่มต้นด้วยไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในจาน เรื่องนี้ก็เกิดกับตัวเอง
สมัยทำงานใหม่ๆ เพิ่งจบหมาดๆ อยู่ในครัวฝรั่งที่กรุงเทพฯ แล้วมีเชฟฝรั่งชื่อ
ดังได้ดาวประดับบารมีหลายดวงมาทำดินเนอร์การกุศลในร้านที่ทำงานอยู่ โบ
ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงาน ช่วยหยิบของหาอุปกรณ์ให้เชฟ ปรากฏ
ว่าเชฟเดินตรงดิ่งมาหาโบ ซ้ายมีของเป็นแง่งๆ สีน้ำตาลอ่อน ส่วนอีกข้างถือ
ผักมีลักษณะเป็นแท่งๆ โผล่มาจากเหง้าดูเป็นตุ่มๆ

4



"Food Literacy

คิดในใจว่าฉิบหายแล้ว โปรดอย่าถามๆ ว่ามันคืออะไร มันจะเป็นข่า เป็น
ขิง เป็นอะไรหว่า ไม่ทันได้เดินหนี เชฟก็ประชิดตัวแล้ว เชฟก็ถามนี่อะไร รสชาติ
เป็นยังไง ใช้ยังไง อยู่ในจานไหน

" นั่นไง งานเข้าแล้วโบ

โมเมนต์นั้นอยากจะหายตัวได้ หรือแกล้งเป็นลมได้ บอกเชฟรอแป๊บ วิ่ง
ตามหาเชฟไทยในครัว หาคนช่วยตอบคำถาม อายสุดๆ แทบจะแทรกแผ่นดิน
หนี อันนี้ดอกแรก ไปกระตุกต่อมคิด ทำไมกูไม่รู้วะ จริงๆ คือทำไมไม่เคยอยาก
รู้ เหมือนอยากรู้ชื่อวัตถุดิบฝรั่งบ้าง มีงงตัวเองนิดหน่อย

6

Food Literacy

อีกทีตอนทำงานครัวที่ลอนดอน โบทำคนทั้งครัวงง ตอนนี้แยกขิง ข่า
หอม กระเทียม กระชาย โหระพา กะเพรา พอได้แล้ว ที่ครัวนี้วัตถุดิบจากไทยจะ
เข้าอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง และทุกคนในครัวต้องช่วยกันเก็บของเข้าตู้เย็นให้
เรียบร้อย ทุกครั้งก็มีผักพื้นบ้านติดกล่องมาด้วย แล้วเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน
ซึ่งไม่มีคนไทยเลย เราเป็นคนไทยคนเดียวถ้าไม่นับแฟนเชฟ เพื่อนทั้งหลายก็
จะหยิบถุงขึ้นมาแล้วถามว่า

“โบนี่ผักอะไร”



โบตอบ “ไม่รู้”



“แล้วนั่นล่ะ” ถามอีก



“นั่นก็ไม่รู้” โบตอบต่อ



“แล้วอันนี้”



“อันนี้ยิ่งไม่เคยเห็น” คิดในใจ ผักอะไรวะ ทำไมอยู่เมืองไทยไม่เคยเห็น



“โอเคๆ งั้นถุงนี้รู้ไหม”



“อืม ไม่แน่ใจ”



ทำตาละห้อยหน้าผักพื้นบ้านประดามีที่อยู่ข้างหน้า หมดปัญญาจะตอบ

7

Food Literacy

เพื่อนๆ พากันส่ายหัว แล้วสรุปได้ว่าไม่ต้องไปถามโบมัน เป็นคนไทยยัง
ไงเนี่ย ไม่รู้จักอะไรสักอย่าง โบถึงบางอ้อรอบสองว่า ความเบาปัญญามันเป็น
อย่างนี้นี่เอง แล้วโดยเฉพาะมันเป็นหน้าที่ของคนอาชีพอย่างโบ เราควรจะรู้
แต่ถึงแม้ว่าไม่ได้มีอาชีพเป็นคนทำอาหาร เรายังทำหน้าที่ของคนกินที่มีความ
รับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม เพราะมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราเห็นสภาพ
ที่เป็นจริงของสังคม และระดับของโภชนปัญญาของสังคมไทย

เมื่อสมัยเปิดร้านใหม่ๆ เคยพูดออกสื่อประมาณว่า “ถ้าแยกหอมกับ
กระเทียมไม่ออก ขอสัญชาติไทยคืนได้ไหม” คือพอตัวเองมีสถานะระดับโภชน
ปัญญาเพิ่มพูนมากอีกหน่อย แล้วหลุดคำพูดนี้หลุดปากออกไป เพราะใช้
บรรทัดฐานของตัวที่ว่า คนกินควรจะรู้ว่ากินอะไรอยู่ แต่แล้วเราก็ได้เห็นและ
เข้าใจมุมอื่นๆ จากปุถุชนผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Pantip ว่า

“ผมเป็นนักบัญชี ผมไม่จำเป็นต้องรู้ว่า อันไหนหอม อันไหมกระเทียม
ผมรู้ว่า อันไหน Debit อันไหน Credit ลง Ledger ยังไง ผมไม่ใช่พ่อครัวจะได้
ต้องรู้เรื่องอาหาร” ทัศนคติแบบนี้เป็นทัศนคติธรรมดาที่เราพบเจอในสังคม
ซึ่งสนับสนุนให้เรื่องโภชนปัญญาเป็นเรื่องเฉพาะทาง

8

Food Literacy

ประเด็นสาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ทำอาชีพอะไร แต่ประเด็นอยู่ที่เรายังต้องกิน
เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และการตัวเลือกของเราในการกินนี้ส่งผลกระทบยิ่ง
ใหญ่กว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เพราะผลกระทบนั้นมันช่างบูรณาการ
เพราะตัวเลือกของเรา หลอมรวมวัฒนธรรม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ให้เป็น
เรื่องเดียวกันโดยไม่ต้องพยายาม

9

Food Literacy

ขยี้ให้เคลียร์

ถ้างั้น การที่เราไม่รู้จักชื่อของวัตถุดิบที่เรากินอยู่ มันส่งผลกระทบอะไร
ได้บ้าง

เราไม่รู้ว่าของที่เรากิน ดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพของเราแค่ไหน กินได้มากหรือ
น้อยเพียงใด กินอย่างไรเพื่อให้ร่างกายเราได้รับประโยชน์สูงสุดจากคุณค่า
ทางโภชนาการ
เราจะไม่รู้ว่ากินเมื่อไหร่อร่อยที่สุด ฤดูไหนใช่ เอามาทำอะไรอร่อย และต้อง
กินของที่ไหน
เราไม่รู้ว่าของที่เรากินผ่านระบบอาหารแบบไหนมา ผลิตในระบบอินทรีย์
หรือผลิตในระบบเกษตรเคมี รายย่อยผสมผสานหรือปลูกแบบ
อุตสาหกรรมเชิงเดี่ยว ทิ้งร่องรอยสารเคมีให้ตกค้างไว้ที่ใดบ้าง ไม่ว่าจะดิน
ฟ้า หรือน้ำ
เราไม่รู้ว่าเวลาเราเลือกกินอะไรบ้างอย่าง เราเอาเปรียบใครอยู่ไหม ผู้ผลิต
ได้รับค่าตอบแทนอย่างยุติธรรมไหม ได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม
และเข้าถึงสิทธิพื้ นฐานของมนุษยชนหรือไม่
เราไม่รู้ว่าวัตถุดิบนี้คืออะไร ไม่รู้จักจึงไม่กิน ทำให้มีผู้ปลูกลดลงหรือฟันทิ้ง
หมด ทำให้พันธุ์ค่อยๆ หายไป ก่อให้เกิดความสูญเสียทางความหลาก
หลายทางชีวภาพ และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของคนใน
สังคม (อันนี้ศัพท์ยาก จะพยายามเล่าเรื่องนี้ให้ไว้ในบทความต่อไป)

10

Food Literacy

เมื่อเราไม่รู้จักชื่อ ที่มา และวิธีการใช้ เราก็ไม่รู้จักกิน เพราะไม่คุ้นเคย และ
อาจทำให้อาหารจานนั้นๆ หายไปจากสังคม ซึ่งเป็นการสูญเสียวัฒนธรรม
และภูมิปัญญาด้านอาหาร
ด้วยระดับโภชนปัญญาที่ไม่สูงมากนัก ทำให้เราอาจตกเป็นเหยื่อการทำการ
ตลาดอาหารที่มุ่งเน้นผลกำไรขององค์กรสูงสุด ถูกชักจูงโดยผู้ที่เรียกตัว
เองว่าฟูดดี้ หรืออินฟลูเอ็นเซอร์เรื่องอาหาร ที่สนใจรายได้และชื่อเสียง
จากปริมาณยอดดูหรือสมาชิก มากกว่าผลกระทบทางลบต่อระบบผลิต
อาหาร วิถีชีวิตของผู้ผลิต และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั่งยืน
รวมไปถึงผลกระทบต่อสุขภาพของเราคนกินด้วย

เอาแค่ 7 ข้อเบาๆ ว่าทำไมถึงสำคัญมากที่เราจะต้องมีความรอบรู้ด้าน
การกิน ทำไมเราต้องยกระดับและเพิ่มพูนโภชนปัญญาของเราอยู่เสมอ

11

Food Literacy

How To เพิ่มระดับโภชนปัญญา

ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับของที่เราจะกิน แล้วถาม (ชื่อ) อะไร (ออก) เมื่อไหร่
(ผลิต) ที่ไหน (ผลิต) อย่างไร ใคร (ผลิต)
เชื่อมโยงข้อมูลและองค์ความรู้ เพื่อประมวลข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้
ปัจจุบันเฟกนิวส์เยอะ เริ่มหาความรู้ที่จากแหล่งที่เชื่อถือได้ แม้แต่บทความ
ตีพิมพ์บางครั้งก็มีอคติ
ตัดสินใจเลือกของที่เราจะกินได้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และบริบทของ
ตัวเอง เดินทางสายกลาง ไม่ต้องสุดโต่งมาก จะได้ทำได้อย่างยั่งยืน

แม้ว่าจะมีคำถามลอยมาอีก “ถ้าเราสุขภาพไม่ดีจะหนักหัวใคร ปากกู
ร่างกายกู เงินก็เงินกู จะทำไม” ก็ไม่ได้หนักหัวใคร แต่อาจจะหนักโลกที่ต้องใช้
ร่วมกัน

ถ้าเราสุขภาพไม่ดี ก็อาจยากที่จะสร้างประโยชน์ให้สังคม และอาจเป็น
ภาระให้คนอื่นทั้งครอบครัวและไม่ใช่ครอบครัว แม้ว่าเราจะมีสตางค์จ้างเขา
แถมเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์จำนวนมากก็ผลิตจากพลาสติก (ซึ่งไม่
ได้ว่าอะไร) และแร่ธาตุมากมาย น่าจะดีกว่าถ้าเราสามารถเก็บทรัพยากรเหล่านี้
ไว้ใช้กับการเจ็บป่วยที่ไม่ได้เกิดจากการเลือกกินของเรา

12

Food Literacy

คราวหน้า ถ้ามีใครถามว่ามีปัญญากินไหม



เราจะตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “มี”



นอกจากปัญญาแล้ว ยังมีความรับผิดชอบชั่วดีในการการกินอีกด้วย

13

Writer

ดวงพร ทรงวิศวะ

ดวงพร ทรงวิศวะ เกิดและโตที่กรุงเทพฯ จบการศึกษาทางด้านโภชนศาสตร์จาก
ประเทศออสเตรเลีย อาหาร ประวัติศาสตร์ นโยบายการเมือง วัฒนธรรม ภูมิปัญญา
ท้องถิ่น การทำเกษตร และเรื่องราวของสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่เชฟโบสนใจและนำมา
ประยุกต์ใช้กับการปรุงอาหารที่โบ.ลาน เชฟโบได้รับเกียรติเป็นเชฟหญิงที่ดีที่สุดของ
เอเชีย เมื่อปีพุทธศักราช 2556 หลังจากเปิดโบ.ลานได้ 4 ปี ทุกวันนี้เชฟยังมีความสุข
กับการค้นหาสูตรอาหารที่คนหลงลืม ชิมรสชาติของพืชผักพื้นบ้าน และตีความอาหาร
ไทยไปในทิศทางต่างกันตามแต่ละกรณี

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่
ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล

การใช้ข้อมูล และภาพจากลิงค์
https://readthecloud.co/food-literacy/

เพื่อการฝึกปฏิบัติการออกแบบจัดหน้าฯ
มิได้มีเจตนาลอกเลียนงาน หรือทำซ้ำแต่อย่างใด

เน้นย้ำเพื่อการศึกษาเท่านั้น




Click to View FlipBook Version