The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

verb คือ_20240130_145056_0000

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Teacher Mussy, 2024-03-23 09:35:46

VERB M.4.3

verb คือ_20240130_145056_0000

Verb What is verb ? Verb คือ คำ หรือกลุ่มคำ ที่บอกถึงการกระทำ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ คำ กริยายังอธิบาย สถานะ หรือประสบการณ์อีกด้วย โดยทุกประโยคต้องมีกริยาอย่างน้อยหนึ่งคำ ถ้าไม่มีคำ กริยา แสดงว่าเป็น ประโยคที่ไม่สมบูรณ์ สรุป รุ ! Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท เกณฑ์การจำ แนกประเภทของ Verb มีด้วยกัน 2 เกณฑ์ คือ แบ่งประเภทของ Verb ตามความหมายของ Verb เอง และแบ่งประเภทของ Verb เมื่ออยู่ในประโยค โดยส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่มักจะเจอในข้อสอบจะเป็นการ จำ แนกประเภทของ Verb ในประโยคเสียมากกว่า ดังนั้นแล้ว Premier Prep จะมาอธิบาย Verb ว่ามีกี่ ประเภท ตามรูปแบบของ Verb ที่อยู่ในประโยค Verb แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ Finite verb (กริยาแท้) Non-finite verb (กริยาไม่แท้) Finite verb (กริยาแท้) Non-finite verb (กริยาไม่แท้) Finite verb หรือ คำ กริยาแท้ ทำ หน้าที่ แสดงอาการหรือการกระทำ ของประธาน ในประโยค ประโยคที่สมบูรณ์จะต้องมี กริยาแท้ที่เป็นกริยาหลักอย่างน้อย 1 ตัว และจะถูกผันรูปตาม Subject, Mood และ Tense ในประโยค Non-finite verb หรือ คำ กริยาไม่แท้ เป็นคำ กริยาที่ไม่ได้ทำ หน้าที่เป็นกริยา ของประโยค แต่อาจทำ หน้าเป็นประธาน กรรม ส่วนเติมเต็มของประโยค หรือ ส่วนขยาย และจะไม่ผันตาม Subject, Mood และ Tense


• ความหมาย Finite verb คืออะไร? Finite verb หรือ คำ กริยาแท้ ทำ หน้าที่แสดงอาการหรือการกระทำ ของประธานในประโยค ประโยคที่ สมบูรณ์จะต้องมีกริยาแท้ที่เป็นกริยาหลักอย่างน้อย 1 ตัว และจะถูกผันรูปตาม Subject, Mood และ Tense ในประโยค Finite verb ผันรูปตาม Subject กรณีที่ Subject เป็นเอกพจน์ Verb จะเติม -s / -es Tim loves playing football with his friends. Mom washes dishes after dinner. กรณีที่ Subject เป็นพหูพจน์ รวมถึง I รูป Verb จะคงรูปเดิม We brush our teeth twice a day. I eat cereal with milk for breakfast every day. Finite verb ผันรูปตาม Tense ทั้ง 12 Tenses Present tense Future tense Past tense Present simple (S. + V. 1 (-s/-es) Present continuous (S. + V. to be (is/am/are) + V. ing) Present perfect (S. + V. to have (has/have) + V. 3) Present perfect continuous (S. + V. to have (has/have) + been + V. ing) Past simple (S. + V.2) Past continuous (S. + V. to be (was/were) + V. ing) Past perfect (S. + V. to have (had) + V. 3) Past perfect continuous (S. + V. to have (had) + been + V. ing) Future simple (S. + will + V. inf) Future continuous (S. + will be + V. ing) Future perfect (S. + will have + V. 3) Future perfect continuous (S. + will have been + V. ing)


Verb ผันตาม mood Finite verb ผันรูปตาม Mood ซึ่ง Mood คือลักษณะไวยากรณ์ที่สะท้อนทัศนคติของผู้พูด หรือเขียนประโยคนั้น ๆ เช่น บอกเล่า ถาม สั่ง สมมติ เป็นต้น ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท •Indicative mood •Imperative mood •Subjunctive mood Indicative mood เป็นลักษณะการพูดเชิงบอกเล่าหรือคำ ถาม จะผัน Verb ตาม Subject และ Tense ซึ่งก็คือประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำ ถามทั่วไปที่เราคุ้น เคยกันนั่นเอง Imperative mood เป็นลักษณะการพูดที่แสดงคำ สั่งจะมีการละ Subject ของประโยคคือ ซึ่งก็คือ You ไว้ในฐานที่เข้าใจ และกริยาจะอยู่ในรูปไม่ผัน Subjunctive mood เป็นลักษณะการพูดถึงสถานการณ์สมมติหรือเพื่อแสดงความ ปรารถนา ข้อเสนอแนะ หรือคำ สั่ง มักปรากฏคำ กริยาเหล่านี้ command, purpose, suggest, ask, insist, demand คำ กริยาอีก ตัวที่ตามมาในประโยคย่อยจะไม่ผันไปตาม Subject และ Tense


• ความหมาย Non-finite verb Non-finite verb หรือ คำ กริยาไม่แท้ เป็นคำ กริยาที่ไม่ได้ทำ หน้าที่เป็นกริยาของประโยค แต่อาจทำ หน้าเป็น ประธาน กรรม ส่วนเติมเต็มของประโยค หรือส่วนขยาย และจะไม่ผันตาม Subject, Mood และ Tense Non-finite verb แบ่งออกเป็น 3 ชนิดดังนี้ •Infinitive •Gerund •Participle 3 ชนิดของ Non-finite verb Infinitive Participle Gerund คำ กริยาไม่แท้ที่เป็น Infinitive คือคำ กริยารูปปกติโดยไม่ เติม s/-es ไม่ผันเป็นช่อง 2 หรือ 3 และไม่เติม -ing สามารถแบ่งออกกเป็น 2 ชนิดย่อยได้ดังต่อไปนี้ Gerund คือ คำ กริยาที่เติม -ing (V. ing) ทำ หน้าที่เสมือนคำ นามคือเป็นได้ทั้ง ประธาน (Subject) กรรมตรง (Direct Object) กรรมของคำ บุพบท (Object of a Preposition) และส่วนเติมเต็ม (Complement) ของประโยค Participle แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อย คือ Present participle (V. ing) และ Past participle (V. -ed / V. 3) ทำ หน้าที่เสมือนคำ คุณศัพท์ คือขยายคำ นามหรือคำ สรรพนามใน ประโยค Present participle (V.ing) หมายถึงคำ ที่ถูก ขยายนั้นทำ กริยา V.ing เอง (Active voice) แต่ ถ้าใช้รูป Past participle (V.3) หมายถึงคำ ที่ถูก ขยายนั้นถูกทำ กริยา V.3 (Passive voice) • Infinitive with to คือ คำ กริยารูป infinitive ที่มี to นำ หน้า ทำ หน้าที่เป็นคำ นาม คำ คุณศัพท์ หรือคำ กริยา วิเศษณ์ของประโยค • nfinitive without to คือกริยารูป Infinitive ที่ไม่มี to นำ หน้า รูปแบบที่มักพบเห็นคือโครงสร้างที่ตามหลังmodal verbs ( e.g. can, could, may, might, will, would, shall, should, must) ซึ่งจะได้เป็นกริยาแท้


สรุป Verb Verb คือ คำ หรือกลุ่มคำ ที่บอกถึงการกระทำ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทาง ร่างกายหรือจิตใจ คำ กริยายังอธิบายสถานะ หรือประสบการณ์อีก ด้วย โดยทุกประโยคต้องมีกริยาอย่างน้อยหนึ่งคำ ถ้าไม่มีคำ กริยา แสดงว่าเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ หลักการใช้ verb มันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 คำ กริยาคำ เดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต Verb หรือคำ กริยา เป็นคำ ที่ใช้บอกลักษณะของ “การกระทำ ” (Actions) หรือบอก “สภาพ” (State) Verb แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ Finite verb (กริยาแท้) Non-finite verb (กริยาไม่แท้) Non-finite verb แบ่งออกเป็น 3 ชนิดดังนี้ Infinitive Gerund Participle


Click to View FlipBook Version