งานวิจยั ในชัน้ เรียน
เร่อื ง การพฒั นาสมาธขิ องนักเรียนโดยการใช้เทคนิคบรหิ ารสมอง (Brain Gym)
วชิ าคณติ ศาสตร์ นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ปีการศกึ ษา 2561
ผู้วิจัย
นางสาวฐติ มิ า แก้วพวง
ตาแหน่ง ครผู ูช้ ว่ ย
โรงเรยี นดมี ากอปุ ถมั ภ์
ตาบลไทรใหญ่ อาเภอไทรนอ้ ย จังหวดั นนทบรุ ี
สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต 2
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ช่ืองานวจิ ัย การพฒั นาสมาธขิ องนักเรยี นโดยการใช้เทคนคิ บรหิ ารสมอง (Brain Gym)
วชิ าคณิตศาสตร์ นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ปกี ารศกึ ษา 2561
ชอื่ ผ้วู ิจัย นางสาวฐิติมา แก้วพวง
ปีการศกึ ษา 2561
ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5
ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา
เดก็ ในวยั ประถม มีความจาเปน็ จะตอ้ งได้รับการเรียนรูแ้ ละมปี ระสบการณ์ท่ีดี เพราะถือเปน็ วยั ท่ีกาลังมีการ
พฒั นาการด้านตา่ งๆ ทัง้ ทางร่างกาย อารมณ์ สังคมและสตปิ ญั ญา ซงึ่ พัฒนาการทางด้านการเรียนรูน้ น้ั เกดิ มาจาก
การได้รับประสบการณ์เพ่ิมมากขึ้น เด็กในวัยประถมเป็นวัยท่ีไม่อยู่นิ่ง ชอบเคล่ือนไหวตลอดเวลา ช่างสังเกต
มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเร่ืองที่เรียน หรือสิ่งที่ครูกาลังได้เป็นระยะเวลาท่ีส้ัน ประกอบกับในยุคปัจจุบันเด็กได้รับการ
กระตุน้ จากสอื่ เทคโนโลยมี ากเกนิ ไป ทาใหเ้ ดก็ มีสมาธิสน้ั การฝึกสมาธเิ ปน็ พน้ื ฐานในการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะ
ด้านอน่ื ๆ เพื่อส่งผลใหก้ ารเรยี นในอนาคต และการทากจิ กรรมต่างๆ ใหส้ าเรจ็ ลุล่วงไปดว้ ยดี
ผู้วิจัยมีความสนใจจะศึกษาเทคนิคการบริหารสมองนี้มาเป็นหัวข้อในการจัดทาวิจัยเร่ือง การพัฒนาสมาธิ
ของนักเรียนโดยการใช้เทคนิคบริหารสมอง (Brain Gym) วิชาคณิตศาสตร์ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5
ปีการศึกษา 2561 เพือ่ สมาธขิ องนกั เรยี น และเพมิ่ ศกั ยภาพในการเรียนรขู้ องนกั เรยี นให้ดขี ึ้น
วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือพัฒนาสมาธิของนักเรียน จากการจัดการเรียนรู้โดยการใช้เทคนิคบริหารสมอง (Brain Gym)
วิชาคณติ ศาสตร์ นกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศกึ ษา 2561
2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2561 ท่ีมีต่อการจัดการเรยี นรู้
โดยการใชเ้ ทคนคิ บริหารสมอง (Brain Gym) วชิ าคณิตศาสตร์
ระยะเวลา
เดอื น พฤศจิกายน 2561 – มกราคม 2562
กลุม่ เปา้ หมาย
นักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5 จานวน 7 คน
วิธดี าเนินงาน
1. สังเกตและบันทึกพฤติกรรมของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ก่อนทาการจัดการเรียนรู้โดยการใช้
เทคนคิ บรหิ ารสมอง (Brain Gym) ด้วยการใชใ้ บงานถอดบทเรยี นตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
2. ครูสนทนาตกลงกตกิ าในการทากิจกรรมบรหิ ารสมอง
3. ดาเนินกจิ กรรมบริหารสมอง เชน่ การทาทา่ ประกอบเพลง การเล่นเกมลับสมอง อยา่ งสม่าเสมอ
4. สังเกตและบันทึกพฤติกรรมของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 หลังทาการจัดการเรียนรู้โดยการใช้
เทคนิคบริหารสมอง (Brain Gym) ด้วยการใชใ้ บงานถอดบทเรยี นตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
5. นาผลงานกอ่ นการทากิจกรรม และหลังการทากิจกรรมมาเปรียบเทียบ
6. สรปุ ผล และเสนอแนะ
เรมิ่ ตน้
สงั เกตและบนั ทึกพฤตกิ รรมของนกั เรียน ก่อนทากิจกรรมบรหิ ารสมอง
ครสู นทนาตกลงกติกาในการทากจิ กรรมบริหารสมอง
ดาเนนิ กจิ กรรมบริหารสมอง
สังเกตและบนั ทึกพฤตกิ รรมของนักเรียน หลงั ทากจิ กรรมบริหารสมอง
เปรยี บเทยี บผลงานก่อนการทากิจกรรม และหลังการทากิจกรรม
สรปุ ผล และเสนอแนะ
จบการทางาน
ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ
1. นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 5 มีสมาธใิ นการเรียนดีขน้ึ
2. นกั เรียนมีความพรอ้ มในการรับความรู้มากข้นึ
3. เพิ่มศักยภาพในการเรียนรูข้ องนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 วิชาคณิตศาสตร์
ข้ันตอนการดาเนนิ งาน ระยะเวลา มกราคม
ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน พฤศจิกายน ธนั วาคม
1. ศึกษาสภาพปญั หา
2. ศึกษาเอกสารและแนวคิดทฤษฎี
3. ดาเนนิ การจดั กจิ กรรม
4. สังเกตและบนั ทึกผล
5. สรุปรวบรวมผล
เครื่องมอื ท่ีใช้ในการวิจัย
ในการทาวจิ ัยครั้งน้ผี วู้ ิจยั ได้ทากิจกรรมดังนี้
1. การจดั กิจกรรมเทคนิคบริหารสมอง (Brain Gym) เช่น การทาท่าทางประกอบเพลง การเลน่ เกมลับสมอง
2. ใบงานถอดบทเรียนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงกอ่ นทากิจกรรม และหลงั ทากจิ กรรม
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยทาการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบบันทึกการประเมินใบงานถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาเศรษ ฐกจิ
พอเพียงเด็กนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู
เม่ือวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบบันทึกการทากิจกรรม และการประเมินใบงานถอดบทเรียนตามหลักปรัชญา
เศรษฐกจิ พอเพยี งเดก็ นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 พบว่า นกั เรียนจานวน 7 คน สมาธใิ นการเรียนดีข้นึ สามารถ
ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายเสร็จตามเวลาท่ีกาหนด
ปัญหาและอุปสรรค
1. กิจกรรมบริหารสมอง เป็นกิจกรรมท่ีสนุกสนานและสร้างความผ่อนคลายให้แก่นักเรียน บางครั้งอาจ
ส่งเสียงดังรบกวนห้องเรยี นอื่นได้
2. การทากิจกรรมบรหิ ารสมอง ตอ้ งมบี รรยากาศท่ีเอ้ืออานวย
3. ควรศึกษาเรอ่ื งการทางานของสมองและเทคนิคการบริหารสมองแบบต่างๆ ให้มีความเข้าใจ ชัดเจนมาก
ยงิ่ ขึน้ เพอ่ื จะได้สามารถออกแบบกจิ กรรมไดด้ ียิ่งขึ้น
4. ควรเพิม่ ระยะเวลาในการทากิจกรรมบรหิ ารสมองใหม้ ากข้ึน
แนวทางแก้ไข
1. บอกกล่าว และขอความอนเุ คราะห์จากบุคลากรในโรงเรียน ในระหวา่ งที่ดาเนินกิจกรรมบรหิ ารสมอง
2. จดั สภาพแวดลอ้ มให้เอือ้ ตอ่ การดาเนนิ กจิ กรรมบริหารสมอง
3. ศึกษาและทาความเขา้ ใจ เร่อื งการทางานของสมองและเทคนคิ การบริหารสมองแบบตา่ งๆ
4. ศึกษาระยะเวลาในการทาเทคนิคบริหารสมองว่าความใช้เวลาในการทาจานวนกี่ครัง้ ต่อการเรียนตลอด
ภาคการศกึ ษา เพอ่ื ชว่ ยเพ่มิ ศกั ยภาพในการเรียนรู้ของนกั เรยี นได้มากท่ีสุด
ภาพการจัดการเรยี นการสอนโดยใช้เทคนคิ บริหารสมอง
กจิ กรรมเกมฝึกสมาธิ เกมจบี -แอล
กจิ กรรมทาท่าทางประกอบเพลง มอื มอื มอื