เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ Unit 2 : เทคนิควิธีการออกแบบลวดลายผ้า
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ Unit 2 เทคนิควิธีการออกแบบลวดลายผ้า การออกแบบลวดลาย เป็นศิลปะประยุกต์แขนงหนึ่งที่สร้างสรรค์องค์ประกอบทางศิลปะ ให้ปรากฏเป็นรูปแบบในลักษณะลวดลาย เพื่อเสริมแต่โครงสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้มีคุณค่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม ที่มีอยู่ (ประเสริฐ ศิลรัตน, 2538 : 4) และพีนาลิน สาริยา (2549 : 83) ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการ ออกแบบลวดลายผ้า (Concept of Text title Design) ไว้ว่า การออกแบบลวดลายผ้าควรมีความ สอดคล้องกับขนาดความกว้างของหน้าผ้า และจัดวางลวดลายผ้าให้ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน ลวดลาย สามารถต่อกันได้ตามความยาวผ้า ในการออกแบบลวดลายผ้าส่วนใหญ่จะเป็นการออกแบบ ลวดลายซ้ำๆ กัน (Repetition) หรือการจัดวางลวดลายต้นแบบแล้วผูกลายให้เกิดลวดลายซา ๆ กัน ตามขั้นตอน แนวทางในการออกแบบลวดลายผ้าที่สำคัญ คือ ต้องออกแบบลวดลายให้ครบ 1 ช่วง ลาย (Repeat) และลวดลายนั้นต้องต่อทั้ง 4 ด้านอย่างลงตัวพอดี โครงสร้างของผ้าทอ ลวดลายของผ้าทอมีมากมายหลากหลายรูปแบบซึ่งแต่ละแบบอาจมีวิธีการและเทคนิค การทอที่แตกต่างกัน แต่เราอาจจะสามารถแบ่งกลุ่มของลวดลายทอออกตามโครงสร้างของผ้าได้ 3 แบบได้แก่ 1. การทอลายขัด (Plain Weaving) การทอลายขัด เป็นการทอขัดกันธรรมดาโดยจะใช้ตะกอควบคุมเส้นด้ายยืนเพียง 2 ตะกอ โดยให้ด้ายพุ่งสอดสลับขึ้น-ลงด้ายยืนครั้งละ 1 เส้น โดยลอด 1 เส้น ข้าม 1 เส้นสลับกัน ไปเรื่อย ๆ ทั้งผืน เส้นด้ายที่อยู่ด้านบนจะเรียกว่า เส้นลอย (Float) การทอแบบลายขัดนี้ ผิวหน้าผ้า ที่ได้จะเรียบแน่นและจะมีลักษณะเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน การทอลายขัดยังสามารถประยุกต์รูปแบบ การทอได้อีกหลายวิธีเพื่อสร้างลวดลายทอให้มีความแตกต่างออกไป วิธีที่นิยมได้แก่การทอลายขัด สานตะกร้า (Basket Weaving) คือการกำหนดให้ด้ายยืนและด้ายพุ่งมีการสานขัดกันมากกว่า 1 เส้น เช่น ด้ายยืน 2 เส้นสานขัดกันกับด้ายพุ่ง 3 เส้น สลับกันไป เป็นต้น เนื้อผ้าที่ได้จะไม่แน่นเท่ากับ แบบลายขัดเรียบ แต่ผ้าจะยืดตัวได้ง่ายกว่า และมีความทิ้งตัวในแนวตรงได้ดี
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ 2. การทอลายสอง (Twill Weaving) เป็นการทอให้เส้นลอย(Float) เรียงกันเป็นแนวทแยงมุมโดยแนวของเส้นลอยจะทแยง มุมไปทางขวาหรือซ้ายก็ได้หรืออาจจะทแยงทั้งแนวซ้ายและขวาแล้วไปบรรจบกันคล้ายก้างปลา ก็ จะเรียกว่าลายสองก้างปลา(Herring bone) การทอลายสองสำหรับผ้าฝ้ายจะนิยมทอให้เกิดมุม ทแยงไปทางซ้าย โดยให้เกลียวของด้ายยืนมีแนวตรงกันข้ามกับแนวการทแยงของลายสอง การทอ ลายสองที่ง่ายที่สุดจะใช้เพียง 3 ตะกอแต่ถ้าลวดลายซับซ้อนมากอาจต้องใช้ถึง 15–18 ตะกอ ผ้าลายสองส่วนใหญ่จะมีลายสองด้านของผ้าแตกต่างกัน หากด้ายยืนเป็นด้ายลอยที่ด้านถูกของผ้า ผ้าอีกด้านก็จะมีด้ายพุ่งเป็นด้ายลอย แต่ถ้าหากทอโดยใช้จำนวนด้ายพุ่งข้ามและลอดใต้ด้ายยืนใน จำนวนที่เท่ากันจะทำให้เกิดลายทั้งสองด้านที่เหมือนกันโดยเรียกว่า ผ้าลายสองสองหน้า (Even sided twill) 3. การทอต่วน (Satin Weaving) การทอต่วนจะมีเส้นลอย(Float) ที่มีความยาวมาก โดยการทอต่วนจะกำหนดให้เส้นด้าย พุ่ง พุ่งข้ามไปบนเส้นด้ายยืนระหว่าง 4 ถึง12 เส้นแต่จะลอดเพียงเส้นเดียว แล้วก็จะข้ามไปอีก หลายเส้นแล้วลอดอีกหนึ่งเส้นสลับต่อเนื่องกันไป การทอต่วนจะใช้ตะกออย่างต่ำสุด 5 ตะกอ ผ้า ต่วนจะมีด้านถูกและผิดของผืนผ้าที่แตกต่างกันชัดเจน เทคนิควิธีการออกแบบลวดลายผ้าทอมือด้วยคอมพิวเตอร์ สำหรับการคิดค้นหาวิธีการเพื่อช่วยในการออกแบบลายทอผ้าและได้มีการพัฒนาเทคนิค การออกแบบที่สำคัญขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับการออกแบบลายทอโดยเฉพาะ โดยจำลองลักษณะ การทำงานของกี่ทอผ้ามาไว้ในตารางโดยจะแบ่งกลุ่มของตารางออกเป็นส่วนๆ และมีหน้าที่แตกต่าง กัน ดังภาพ
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ ภาพที่ 2.1 ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มตารางเพื่อการออกแบบลวดลายผ้า ที่มา : เผ่าภิญโญศ์ฉิพะเนาว์และจักรภพ ใหม่เสน (2555) วิธีการใช้งานตารางดังกล่าวแบบคร่าวๆ เราจะเริ่มจากการก าหนดสีของเส้นด้ายยืนก่อน โดยการระบายสีลงไปในช่องตารางก าหนดสีด้ายยืนทางด้านบน จากนั้นกำหนดรูปแบบของการ ร้อยตะกอโดยทำเครื่องหมายลงบนตารางก าหนดตะกอซึ่งแถวแนวนอนล่างสุดนับเป็นแผงตะกอ ที่ 1 ไล่ขึ้นไปตามลำดับและตารางแนวตั้งขวามือคือตำแหน่งของด้ายยืนเส้นที่ 1 เราจะทำการเลือก ว่าจะร้อยเข้ากับตะกอไหนด้วย การทำเครื่องหมายลงไปในช่องของตะกอ ในแต่ละแถวจะทำ เครื่องหมายได้เพียงช่องเดียวก็คือด้ายยืนหนึ่งเส้นจะร้อยได้เพียงตะกอเดียว ดังภาพ ภาพที่ 2.2 ตัวอย่างการร้อยตะกอให้เป็นแนวทแยงโดยเริ่มจากตะกอ 1,2, 3 และ 4 ที่มา : เผ่าภิญโญศ์ฉิพะเนาว์และจักรภพ ใหม่เสน (2555)
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ ทฤษฎีสีกับการออกแบบ ความหมายสี สีมีบทบาทสำคัญในการรับรู้ทางสายตาของเรา เนื่องจากมันมีอิทธิพลต่อปฏิกิริยา เกี่ยวกับรอบตัวเรา ความเข้าใจพื้นฐานของการรับรู้สีและจิตวิทยาในการออกแบบกราฟฟิกและ เว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ชมเกิดปฏิกิริยาที่เหมาะสม สีเป็นเครื่องมือที่สามารถสื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง สถานที่กับเวลา สีเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความหมายขององค์ประกอบในหน้าเว็บเพจ ประโยชน์ของสีในรูปแบบต่างๆ พจน์ศิรินทร์ ลิมปินัน่ทน์ (2561) กล่าวไว้ดังนี้ 1. สีสามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจ ผู้อ่านจะมีการ เชื่อมโยงความรู้สึกกับบริเวณของสีในรูปแบบที่คาดหวังได้การเลือกเฉดสีและตำแหน่งของสีอย่าง รอบคอบในหน้าเว็บ สามารถนำทางให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาในบริเวณต่างๆ ตามที่กำหนดได้วิธีนี้จะ เป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อต้องการให้ผู้อ่านให้ความสนใจกับส่วนใดส่วนหนึ่งในเว็บไซต์เป็นพิเศษ เช่น ข้อมูลใหม่ โปรโมชั่นพิเศษ หรือบริเวณที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจมาก่อน 2. สีช่วยเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน ผู้อ่านจะมีความรู้สึกว่า บริเวณที่มีสีเดียวกันจะมีความสำคัญเท่ากัน วิธีการเชื่อมโยงแบบนี้ช่วยจัดกลุ่มของข้อมูลที่มี ความสัมพันธ์อย่างไม่เด่นชัดเข้าด้วยกันได้ 3. สีสามารถนำไปใช้ในการแบ่งบริเวณต่างๆ ออกจากกัน ทำนองเดียวกับการเชื่อมโยง บริเวณที่มีสีเหมือนกันเข้าด้วยกัน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการแบ่งแยกบริเวณที่มีสีต่างกันออกจาก กัน 4. สีสามารถใช้ในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่านสายตาผู้อ่านมักจะมองไปยังสีที่มี ลักษณะเด่น หรือผิดปกติเสมอ การออกแบบเว็บไซต์ด้วยการเลือกใช้สีอย่างรอบคอบ ไม่เพียงแต่ จะกระตุ้นความสนใจของผู้อ่านเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อ่านอยู่ในเว็บไซต์ได้นาน ยิ่งขึ้น ส่วนเว็บไซต์ที่ใช้สีไม่เหมาะสม เสมือนเป็นการขับไล่ผู้ชมไปสู่เว็บอื่นที่มีการออกแบบที่ดีกว่า 5. สีสามารถสร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจ และกระตุ้นความรู้สึกตอบสนองจาก ผู้ชมได้นอกเหนือจากความรู้สึกที่ได้รับจากสีตามหลักจิตวิทยาแล้ว ผู้ชมยังอาจมีอารมณ์และ ความรู้สึกสัมพันธ์กับสีบางสีหรือบางกลุ่มเป็นพิเศษ
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ 6. สีช่วยสร้างระเบียบให้กับข้อความต่างๆ เช่น การใช้สีแยกส่วนระหว่างหัวเรื่องกับตัว เรื่อง หรือการสร้างความแตกต่างให้กับข้อความบางส่วน โดยใช้สีแดงสำหรับคำเตือน หรือใช้สีเทา สำหรับสิ่งที่เป็นทางเลือก 7. สีสามารถส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ ได้ด้วยการใช้สีที่เป็น เอกลักษณ์ขององค์กรมาเป็นโทนสีหลักของเว็บไซต์ 8. การเลือกชุดสีมาใช้ในเว็บไซต์นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลหรือความ ต้องการขององค์กร รวมทั้งความเข้าใจหลักการใช้สีเบื้องต้น จากการเลือกใช้สีชุดใดชุดหนึ่งจากชุด สีพื้นฐานอื่นๆได้อย่างเหมาะสมกับลักษณะของเว็บไซต์ ระบบสีในงานกราฟิกและที่ใช้กับภาพกราฟิก สีในธรรมชาติและสีที่สร้างขึ้น จะมีรูปแบบการมองเห็นของสีที่แตกต่างกัน ซึ่งรูปแบบการ มองเห็นสีที่ใช้ในงานด้านกราฟิกทั่วไปนั้น มีอยู่ด้วยกัน 4 ระบบ ได้แก่ 1. ระบบสีRGB ตามหลักการแสดงสีของทีวีสีหรือจอมอนิเตอร์ 2. ระบบสีCMYK ตามหลักการแสดงสีของเครื่องพิมพ์ 3. ระบบสีHSB ตามหลักการมองเห็นสีของสายตามนุษย์ 4. ระบบสีLAB ตามหลักการแสดงสีที่ไม่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ใดๆ สามารถใช้กับสีที่เกิด จากอุปกรณ์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์หรือเครื่องพิมพ์ ระบบสีRGB
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ RGB ย่อมาจาก red, green และ blue คือระบบสีของแสง เกิดจากการหักเห ของแสงกลายเป็นสีรุ้ง ด้วยกัน 7 สี แม่สีของแสงมีด้วยกัน 3 สีคือ สีแดง(R), สีเขียว(G), สี น้ำเงิน(B) และแต่ละแม่สีเมื่อรวมกันก็จะได้สีดังนี้ – สีแดง+สีเขียว = สีเหลือง Yellow – สีเขียว+น้ำเงิน = สีฟ้า Cyan – สีแดง+สีน้ำเงิน = สีแดงอมชมพู่ Magenta ระบบสีRGB จะการแสดงผลออกมา เป็นรูปแบบการรับแสงแสดงผลด้วยแสงที เป็นแม่สีได้แก่ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น จอภาพ,สแกนเนอร์, กล้องดิจิตอลหรือ ตัวอย่างการงานที่เหมาะกับการใช้ระบบสีRGB เช่น ในการออกแบบ web site หรือ web design จะใช้ระบบสีRGB เพื่อให้ได้ภาพที่แสดงผลบนน่าจอมีความสวยงาม ใกล้เคียงกับสีที่ตาเรามองเห็น ระบบสีCMYK CMYK ย่อมาจากคำว่า Cyan Magenta Yellow และ Black เป็นระบบสี มาตรฐานที่เหมาะกับงานพิมพ์ พิมพ์ออกทางกระดาษหรือวัสดุผิวเรียบอื่น ๆ โดยทำการแก้ไข จุดบกพร่องของระบบสี RGB ที่เครื่องพิมพ์ ไม่สามารถพิมพ์สีบางสีออกไปได้ ซึ่งประกอบด้วยสี หลัก 4 สี ได้แก่ สีฟ้า สีชมพูม่วง สีเหลือง และสีดำ เมื่อนำสีทั้งหมดมาผสมกันจะเกิดเป็นสีดำ จึงเรียกระบบสีนี้ว่า Subtractive Color หลักการเกิดสีของระบบ
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ ระบบสีHSB เป็นระบบสีแบบการมองเห็นของสายตามนุษย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ Hue เป็นสีต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาจากวัตถุแล้วเข้าสู่สายตา ทำให้เราสามารถ มองเห็นวัตถุเป็นสีต่าง ๆ ได้ ซึ่งแต่ละสีจะแตกต่างกันตามความยาวของคลื่นแสงที่มากระทบ วัตถุและสะท้อนกลับมาที่สายตา ค่า Hue ถูกวัดโดยตำแหน่งการแสดงสีบนมาตรฐานวงล้อของ สี (Standard Color Wheel) ซึ่งถูกแทนค่าสีด้วยองศา 0 ถึง 360 องศา แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว มักจะเรียกการแสดงสีนั้น ๆ เป็นชื่อของสีเลย เช่น สีแดง สีม่วง สีเหลือง Saturation เป็นการกำหนดค่าความสดของสี โดยค่าความสดของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 หากกำหนด Saturation เป็น 0สีจะมีความสดน้อย แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสด มากค่าสีจะถูกวัดโดยตำแหน่ง การแสดงสีบน Standard Color Wheelค่าของ Saturation จะ เพิ่มขึ้นจากจุดกึ่งกลางจนถึงเส้นขอบโดยค่าที่ เส้นขอบจะมีสีที่ชัดเจนและอิ่มตัวที่สุดที่ 100 Brightness เป็นระดับความสว่างและความมืดของสี โดยค่าความสว่างของสี จะเริ่มที่ 0 ถึง 100 หาก กำหนดค่า 0 ความสว่างจะน้อยซึ่งจะเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดค่า 100 สี จะมีความสว่างมากที่สุด
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ ระบบสี LAB เป็นมาตรฐานสำหรับการวัดค่าแบบครอบคลุมทุกสีในระบบสี RGB และ CMYK สามารถใช้กับสีที่ เกิดจากอุปกรณ์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนประกอบของระบบสีนี้ ได้แก่ L (Luminance) เป็นค่าความสว่าง จะมีค่าตั้งแต่ 0 (สีดำ) ไปจนถึงค่า 100 (สีขาว) A แสดงการไล่สีจากสีเขียวไปยังสีแดง B แสดงการไล่สีจากสีน้ำเงินไปยังสีเหลือง หลักการใช้สี การใช้สีกับงานออกมานั้น อยู่ที่นักออกแบบมีจุดมุ่งหมายใด ที่จะสร้างความสนใจ ความ เร้าใจต่อผู้รับชม เพื่อให้เข้าถึงจุดหมายที่ตนต้องการ หลักของการใช้มีดังนี้
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ 1. การใช้สีวรรณะเดียว ความหมายของสีวรรณะเดียว (tone) คือกลุ่มสีที่แบ่งออกเป็นวงล้อของสีเป็น 2 วรรณะ คือ วรรณะร้อน (warm tone) ซึ่งประกอบด้วย สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง สี เหล่านี้ให้อิทธิพล ต่อความรู้สึก ตื่นเต้น เร้าใจ กระฉับกระเฉง ถือว่าเป็นวรรณะร้อน วรรณะเย็น (cool tone) ประกอบด้วย สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง สีเหล่านี้ ดูเย็นตาให้ความรู้สึก สงบ สดชื่น (สีเหลืองกับสีม่วงอยู่ได้ทั้งสองวรรณะ) การใช้สีแต่ละครั้งควรใช้สีวรรณะเดียวในภาพทั้งหมด เพราะจะทำให้ภาพความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน(เอกภาพ) กลมกลืน มีแรงจูงใจให้คล้อยตามได้มาก 2. การใช้สีต่างวรรณะ หลักการทั่วไป ใช้อัตราส่วน 80% ต่อ 20% ของวรรณะสีคือ ถ้าใช้สีวรรณะร้อน 80% สีวรรณะเย็นก็20% เป็นต้น ซึ่งการใช้แบบนี้สร้างจุดสนใจของผู้ดูไม่ควรใช้อัตราส่วนที่เท่ากัน เพราะจะทำให้ไม่มีสีใดเด่น ไม่น่าสนใจ 3. การใช้สีตรงกันข้าม สีตรงข้ามจะทำให้ความรู้สึกที่ตัดกันรุนแรง สร้างความเด่น และเร้าใจได้มากแต่หากใช้ ไม่ถูกหลัก หรือ ไม่เหมาะสม หรือใช้จำนวนสีมากสีจนเกินไป ก็จะทำให้ความรู้สึกพร่ามัว ลายตา ขัดแย้ง ควรใช้สีตรงข้าม ในอัตราส่วน 80% ต่อ20% หรือหากมีพื้นที่เท่ากันที่จำเป็นต้องใช้ควรนำ สีขาว หรือสีดำ เข้ามาเสริม เพื่อ ตัดเส้นให้แยกออก จาก กันหรืออีกวิธีหนึ่งคือการลดความสด ของสีตรงข้ามให้หม่นลงไป สีตรงข้ามมี6 คู่ได้แก่
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ การใช้สีตัดกัน ควรคำนึงถึงความเป็นเอกภาพด้วย วิธีการใช้มีหลายวิธีเช่น ใช้สีให้มี ปริมาณต่างกัน เช่น ใช้สีแดง 20 % สีเขียว 80% หรือ ใช้เนื้อสีผสมในกันและกัน หรือใช้สีหนึ่งสีใด ผสมกับสีคู่ที่ตัดกัน ด้วยปริมาณเล็กน้อยรวมทั้งการเอาสีที่ตัดกันมาทำให้เป็นลวดลายเล็ก ๆ สลับกัน ในผลงานชิ้นหนึ่ง อาจจะใช้สีให้กลมกลืนกันหรือตัดกันเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะ ใช้พร้อมกันทั้ง 2 อย่างทั้งนี้แล้วแต่ความต้องการ และความคิดสร้างสรรค์ของเรา ไม่มีหลักการ หรือรูปแบบที่ตายตัว ในงานออกแบบ หรือการจัดภาพ หากเรารู้จักใช้สีให้มีสภาพโดยรวมเป็น วรรณะร้อน หรือวรรณะเย็น สามารถควบคุม และสร้างสรรค์ภาพให้เกิดความประสานกลมกลืน งดงามได้ง่ายขึ้น เพราะสีมีอิทธิพลต่อ มวล ปริมาตร และช่องว่าง สีมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดความ กลมกลืน หรือขัดแย้งได้สีสามารถขับเน้นให้ให้เกิดจุดเด่น และการรวมกันให้เกิดเป็นหน่วยเดียวกัน ได้เราในฐานะผู้ใช้สีต้องนำหลักการต่างๆ ของสีไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้อง กับเป้าหมายในงาน ของเรา เพราะสีมีผลต่อการออกแบบ คือ 1. สร้างความรู้สึก สีให้ความรู้สึกต่อผู้พบเห็นแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์และภูมิหลังของแต่ละคนสีบางสีสามารถรักษาบำบัดโรคจิตบางชนิดได้การใช้สี ภายใน หรือภายนอกอาคาร จะมีผลต่อการ สัมผัส และสร้างบรรยากาศได้ 2. สร้างความน่าสนใจ สีมีอิทธิพลต่องานศิลปะการออกแบบ จะช่วยสร้างความ ประทับใจ และความน่าสนใจเป็นอันดับแรกที่พบเห็น 3. สีบอกสัญลักษณ์ของวัตถุซึ่งเกิดจากประสบการณ์ หรือภูมิหลัง เช่น สีแดง สัญลักษณ์ของไฟหรืออันตราย สีเขียวสัญลักษณ์แทนพืช หรือความปลอดภัย เป็นต้น 4. สีช่วยให้เกิดการรรับรู้และจดจำ งานศิลปะการออกแบบต้องการให้ผู้พบเห็นเกิด การจดจำ ในรูปแบบ และผลงานหรือเกิดความประทับใจ การใช้สีจะต้องสะดุดตา และมีเอกภาพ ความรู้สึกของสี สีต่างๆ ที่เราสัมผัสด้วยสายตา จะทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นภายในต่อเรา ทันทีที่เรามองเห็นสี ไม่ว่าจะเป็น การแต่งกาย บ้านที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ต่างๆ แล้วเราจะ ทำอย่างไร จึงจะใชสี้ได้อย่าง เหมาะสม และสอดคล้องกับหลักจิตวิทยา เราจะต้องเข้าใจว่าสีใดให้ความรู้สึก ต่อมนุษย์อย่างไร ซึ่งความรู้สึกเกี่ยวกับสีสามารถจำแนกออกได้ดังนี้
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ สีแดง ให้ความรู้สึกร้อน รุนแรง กระตุ้น ท้าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้น เร้าใจ มีพลัง ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ความรัก ความสำคัญ อันตราย สีแดงชาด จะทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ สีส้ม ให้ความรู้สึก ร้อน ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึกคะนอง การปลดปล่อย ความเปรี้ยว การระวัง สีเหลือง ให้ความรู้สึก แจ่มใส ความร่าเริง ความเบิกบานสดชื่น ชีวิตใหม่ ความสด ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย อำนาจบารมี สีเขียว ให้ความรู้สึกงอกงาม สดชื่น สงบ เงียบ ร่มรื่น ร่มเย็น การพักผ่อน การ ผ่อนคลาย ธรรมชาติความปลอดภัย ปกติความสุข ความสุขุม เยือกเย็น สีเขียวแก่ จะทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าใจความแก่ชรา สีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกสงบ สุขุม สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด รอบคอบ สง่างาม มีศักดิ์ศรีสูงศักดิ์เป็นระเบียบถ่อมตน สีฟ้า ให้ความรู้สึก ปลอดโปร่งโล่ง กว้าง เบา โปร่งใส สะอาด ปลอดภัย ความสว่าง ลมหายใจ ความเป็นอิสระเสรีภาพ การช่วยเหลือ แบ่งปัน สีคราม จะทำให้เกิดความรู้สึกสงบ สีม่วง ให้ความรู้สึก มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้นลับ ซ่อนเร้น มีอำนาจ มีพลังแฝงอยู่ ความรัก ความเศร้า ความผิดหวัง ความสงบ ความสูงศักดิ์ สีน้ำตาล ให้ความรู้สึกเก่า หนัก สงบเงียบ สีขาว ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์ สะอาด ใหม่ สดใส
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ สีดำ ให้ความรู้สึกหนัก หดหู่ เศร้าใจ ทึบตัน สีชมพูให้ความรู้สึก อบอุ่น อ่อนโยน นุ่มนวล อ่อนหวาน ความรัก เอาใจใส่ วัยรุ่น หนุ่มสาว ความน่ารัก ความสดใส สีไพล จะทำให้เกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวย ความเป็นหนุ่มสาว สีเทา ให้ความรู้สึก เศร้า อาลัย ท้อแท้ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความ สงบ ความเงียบ สุภาพ สุขุม ถ่อมตน สีทอง ให้ความรู้สึก ความหรูหรา โอ่อ่า มีราคา สูงค่า จากความรู้สึกดังกล่าว เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ไในชีวิตประจำวันได้ในทุกเรื่อง และ เมื่อต้องการสร้างผลงาน ที่เกี่ยวกับการใช้สีเพื่อที่จะได้ผลงานที่ตรงตามความต้องการในการสื่อ ความหมาย และจะช่วยลดปัญหาในการตัดสินใจที่จะเลือกใช้สีต่างๆได้เช่น 1. ใช้ในการแสดงเวลาของบรรยากาศในภาพเขียน เพราะสีบรรยากาศในภาพเขียนนั้นๆ จะแสดงให้รู้ว่า เป็นภาพตอนเช้า ตอนกลางวัน หรือตอนบ่าย เป็นต้น 2. ในด้านการค้า คือ ทำให้สินค้าสวยงาม น่าซื้อหา นอกจากนี้ยังใช้กับงานโฆษณา เช่น โปสเตอร์ต่างๆ ช่วยให้จำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น 3. ในด้านประสิทธิภาพของการทำงาน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ถ้าทาสีสถานที่ทำงาน ให้ถูกหลักจิตวิทยา จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าทำงาน คนงานจะทำงานมากขึ้น มี ประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น 4. ในด้านการตกแต่ง สีของห้อง และสีของเฟอร์นิเจอร์ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความสว่าง ของห้อง รวมทั้งความสุขในการใช้ห้อง ถ้าเป็นโรงเรียนเด็กจะเรียนได้ผลดีขึ้น ถ้าเป็นโรงพยาบาล คนไข้จะหายเร็วขึ้น
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์ บรรณานุกรม ณรงค์ฤทธิ์ มะสุใส และคณะ. (2561). การออกแบบลายผ้าทอมือ สาหรับสร้างสรรค์แฟชั่นร่วม สมัยจากภูมิปัญญากลุ่มวิสาหกิจชุมชนตาบลกุดหว้า ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์. มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์. เผ่าภิญโญศ์ฉิพะเนาว์และจักรภพ ใหม่เสน. (2555). การออกแบบลายทอผ้าด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์. สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์. (2561). เอกสารประกอบการสอนรายวิชาการออกแบบและพัฒนา เว็บไซต์. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
เอกสารประกอบการเรียน : หลักสูตรฝึกอบรมความรู้และฝึกทักษะการออกแบบลวดลายจากทุนวัฒนธรรมชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อาจารย์พจน์ศิรินทร์ ลิมปินันทน์ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ และ ผศ.นุชนาถ มีนาสันติรักษ์