1
รายงาน
เร่อื ง ประวัติมวยไทย Thai Boxing (กลมุ่ 2)
เสนอ
อาจารย์ ตแู วยโู ซะ กจู ิ
จัดทำโดย
นางสาว นูรีซาน เจะดะ ลำดบั ท่ี 20
รหัสนกั ศกึ ษา 6320117214
คณะศกึ ษาศาสตร์ สาขาวิชา สขุ ศึกษา
รายงานเลม่ น้เี ปน็ ส่วนหน่งึ ของรายวิชา 281-223 Thai Boxing
ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปตั ตานี
ก
คำนำ
รายงานประวัติศาสตร์มวยไทย เป็นสว่ นหนง่ึ ของรายวิชา 281-223 Thai Boxing โดยผจู้ ัดทำมุ่ง
หมายให้เกดิ ประโยชน์ต่อผทู้ ี่สนใจตอ่ เรอ่ื งประวัตคิ วามเป็นมาของกฬี ามวยไทย ซง่ึ มีความสำคญั ต่อการพัฒนา
ศิลปะการปอ้ งกันตวั โดยนำเสนอเร่ืองของ ประวัติมวยไทยในแต่ละยุคสมัย มวยไทยมรดกภมู ปิ ัญญาทาง
วฒั นธรรม เอกลักษณข์ องมวยไทย ผสานชัน้ เชงิ กบั รา่ งกายใหเ้ ปน็ อาวธุ ตำรบั มวยไทย 5 ตำรบั มวยไทย
เคร่อื งรางของขลงั มวยไทย วธิ กี ารฝึกมวยไทยอย่างถกู วิธีตอ้ ง ทักษะพน้ื ฐานมวยไทย ประโยชนข์ องมวยไทย
อนั จะทำใหผ้ ู้ทสี่ นใจสามารถนำความรู้ทไ่ี ด้ไปพัฒนาใหเ้ กิดประโยนชตอ่ ไปได้
ผจู้ ดั ทำหวังเป็นอยา่ งยิ่งวา่ รายงานเลม่ นจ้ี ะได้รวบรวมเนอ้ื หาที่เป็นขอ้ มลู ในดา้ นต่างๆ จากการสบื ค้น
ข้อมูล และเปน็ ประโยชน์แก่ผู้ได้อา่ น หากมีขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ัดทำขออภยั มา ณ ท่นี ้ีดว้ ย
นรู ซี าน เจะดะ
ผจู้ ัดทำ
สารบญั ข
เรือ่ ง หนา้ ที่
คำนำ ก
สารบญั ข
ประวตั ิมวยไทยในแต่ละยคุ สมัย 1
มวยไทยมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม 5
เอกลกั ษณข์ องมวยไทย ผสานชัน้ เชงิ กับร่างกายใหเ้ ปน็ อาวธุ 6
ตำรับมวยไทย 5 ตำรับมวยไทย 7
เคร่อื งรางของขลังมวยไทย 8
วธิ กี ารฝึกมวยไทยอย่างถกู วธิ ตี อ้ ง 9
ทักษะพืน้ ฐานมวยไทย 11
ประโยชน์ของมวยไทย 12
อ้างอิง 13
1
➢ ประวตั มิ วยไทย
ประวัติมวยไทย ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวยไทย เริ่มมีและใช้กันในการสงครามในสมัยก่อน ใน
ปจั จบุ นั มีการดัดแปลงมวยไทยมาใช้ในกองทพั โดยเรยี กวา่ “เลิศฤทธ”ิ์ ซ่ึงแตกต่างจากมวยไทยในปัจจุบันที่ใช้
เปน็ การกีฬา โดยมกี ารใช้นวมข้ึนเพ่ือป้องกนั การอนั ตรายที่เกิดข้นึ มวยไทยยังคงได้ชือ่ วา่ ศาสตร์การโจมตีท้ัง
แปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า (บางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี
หรือ ทศอาวุธ ซึ่งรวมการใชบ้ ั้นท้ายกระแทกโจมตีดว้ ย) มวยไทยสืบทอดมาจาก มวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเปน็
แต่ละสายตามท้องท่ีนัน้ ๆ โดยมสี ายสำคญั หลัก ๆ เชน่ มวยทา่ เสา (ภาคเหนือ) มวยโคราช (ภาคอีสาน) มวย
ไชยา (ภาคใต้) มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง) มวยพลศึกษามีคำกล่าวไว้ว่า “หมัดดีโคราช ฉลาด
ลพบรุ ี ทา่ ดีไชยา ไวกวา่ ทา่ เสา ครบเครอื่ งพลศึกษา”
ประวัตมิ วยไทยสมัยกรงุ สุโขทัย (ประมาณช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 1781-1918)
สมัยกรุงสุโขทัย มวยไทยถอื เป็นศาสตร์ชนั้ สูงทถี่ กู บรรจุไว้ในหลกั สูตรการศกึ ษาของกษัตรยิ ์ เพื่อฝึกให้
กษัตริย์เปน็ นักรบท่ีมีความกล้าหาญ มีสมรรถภาพร่างกายที่ดีเย่ียม ดังความปรากฏตามพงศาวดารว่า พ่อขนุ
ศรีอินทราทติ ย์ทรงสง่ เจ้าชายรว่ งโอรสองค์ที่สองไปฝึกมวยไทยที่สำนักสมอคอน แขวงเมืองลพบุรี หรือการที่
พ่อขุนรามคำแหงทรงนิพนธ์ตำหรับพิชัยสงคราม โดยมีความข้อความบางตอนกล่าวถึงมวยไทย ควบคู่ไปกับ
การใชอ้ าวธุ อย่างดาบ หอก มีด โล่ หรอื ธนูอีกดว้ ย
ประวตั มิ วยไทย สมยั กรุงศรอี ยธุ ยา (ประมาณช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 1893 – 2310)
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2147 – 2233) ยุคนี้บ้านเมืองสงบร่มเยน็ และเจริญรุ่งเรือง
พระองค์ทรงให้การสนับสนุนและส่งเสริมการกีฬาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมวยไทยที่นิยมกันจน
กลายเป็นอาชีพ และมีค่ายมวยต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย มวยไทยสมัยนี้ชกกันบนลานดิน โดยใช้เชือกเส้นเดยี ว
กั้นบริเวณเป็นสี่เหลีย่ มจัตุรัส นักมวยจะใชด้ ้ายดบิ ชุบแป้งหรือนำ้ มันดนิ จนแข็งพนั มือ เรียกวา่ มวยคาดเชือก
นยิ มสวมมงคลไว้ทศ่ี ีรษะ และผกู ประเจียดไว้ท่ีตน้ แขนตลอดการแขง่ ขัน การเปรยี บคู่ชกนัน้ เอาความสมัครใจ
ของทงั้ สองฝา่ ย ไมไ่ ดก้ ำหนดขนาดรูปร่างหรอื อายุ โดยมีกตกิ าง่าย ๆ วา่ ชกจนกวา่ อกี ฝ่ายจะยอมแพ้
ประวัติมวยไทยสมยั กรงุ ธนบุรี (ประมาณช่วงระหวา่ ง ปี พ.ศ. 2310 – 2325)
ตลอดระยะเวลา 14 ปีของกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310 – 2324) บ้านเมืองซึง่ อยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังจากพระ
เจ้าตากสินกอบกู้อิสรภาพคืนมาได้ การฝึกมวยไทยในสมยั น้ีจงึ ฝึกเพื่อราชการทหารและสงครามอย่างแท้จริง
การจัดชกมวยในสมัยกรงุ ธนบุรีนิยมนำนักมวยต่างถิน่ หรือศิษย์ต่างครมู าชกกัน โดยไม่มีกฎกติกาการแข่งขนั
อย่างเป็นรูปธรรมและไม่มีการกำหนดคะแนน จะทำการชกกันจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้ บนสังเวียนซึ่งเป็น
ลานดินบริเวณวัด คาดมงคลและนยิ มผกู ประเจียดเชน่ เดมิ
2
ประวัตมิ วยไทย สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ (ประมาณชว่ งระหว่าง ปี พ.ศ. 2325 – ปจั จุบนั )
• ประวัติมวยไทยสมัยรัชกาลที่ 1
พระองค์ทรงฝึกหัดมวยไทยมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และทรงสนพระทัยในการเสด็จทอดพระเนตรการ
แข่งขันชกมวยไทยอยู่เสมอ ในปี พ.ศ.๒๓๓๑ พ่อค้าชาวฝรงั่ เศสสองพน่ี อ้ งเดนิ ทางไปค้าขายทัว่ โลกด้วยเรือกำ
บั่น คนน้องเป็นนักมวยฝีมือดี เที่ยวพนันชกมวยมาหลายเมือง เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานครจึงได้ล่าม
กราบเรียนพระยาพระคลัง ขอชกมวยพนันกับคนไทยพระยาพระคลังได้นำความขึ้นกราบทูลรัชกาลที่ ๑
พระองคท์ รงตรัสปรกึ ษากับกรมพระราชวังบวรพระอนชุ า ซ่งึ เปน็ ผู้มีฝมี ือมวยไทย และคมุ กรมมวยหลวงอยู่ใน
ขณะนน้ั รับตกลงพนันกันเป็นเงนิ ๕๐ ช่งั
กรมพระราชวงั บวรคัดเลอื ก ทนายเลือกวังหน้าฝมี ือดี ช่อื หม่ืนผลาญตอ่ ส้กู ับนักมวยฝร่ังเศสครงั้ น้ี สงั เวียน
การแข่งขันจัดสร้างขึ้นที่สนามหลังวัดพระแก้ว โดยใช้เชือกเส้นเดียวผูกกับเสา ๔ ต้น สูงประมาณ ๗๐
เซนตเิ มตร ขึงกั้นบริเวณเป็นสเ่ี หลี่ยมจัตรุ ัส กวา้ งประมาณด้านละ ๒๐ เมตร ดา้ นหน้าปลกู พลับพลาที่ประทับ
กติกาการแข่งขันไม่มีการให้คะแนน ชกกันจนกว่าจะแพ้ชนะกันโดยเด็ดขาด เมื่อใกล้เวลาชกทรงตรัสสั่งให้
แตง่ ตัวหม่ืนผลาญ ดว้ ยการชโลมน้ำมนั ว่านยาตามร่างกาย ผกู ประเจียดเครือ่ งรางที่ต้นแขน แล้วให้ข่ีคอคนมา
ส่งถึงสังเวยี นเมอื การแข่งขันเร่มิ ขึ้น ฝรงั่ ไดเ้ ปรียบรูปร่างเข้าประชิดตวั พยายามจะปล้ำเพือ่ หกั คอและไหปลาร้า
หมื่นผลาญพยายามปดิ ป้อง ปัดเปดิ สลบั กับเตะถบี ชงิ ต่อยแลว้ ถอยวนหนยี ง่ิ ชกนานฝรั่งยง่ิ เสยี เปรยี บเพราะทำ
อะไรไม่ได้ ฝรั่งพ่ีชายเห็นว่าถ้าชกตอ่ ไปนอ้ งชายคงเสียเปรียบแน่จงึ ตัดสนิ ใจกระโดดเข้าไปขวางก้ันไมใ่ ห้หม่ืน
ผลาญถอยหนี การกระทำเหมือนชว่ ยกันจงึ เกิดมวยหมู่ระหว่างพวกฝรั่งกับพวกทนายเลือก ฝรงั่ บาดเจ็บหลาย
คน รัชกาลที่ 1 พระราชทานหมอยาหมอนวดไปรักษาพยาบาล เมื่อหายดีแล้วฝรั่งเศสสองพี่น้องก็ออกเรือ
กลับไป
• ประวัตมิ วยไทย สมัยรัชกาลที่ 2
สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ.2352-2367) เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงฝึก
มวยไทยที่สำนักวัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) จากสมเด็จพระวันตัต (ทองอยู่) ซึ่งเคยเป็นแม่ทัพเกา่
ครั้นเมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ 16 พรรษาก็เสร็จมาประทับในพระราชวังเดิม และทรงฝึกมวยไทย
เพิ่มเติมจากทนายเลือก อีกทั้งยังโปรดให้สรา้ งสนามมวยไว้ที่สนามหญ้าบริเวณวงั หลัง พร้อมทั้งเปลี่ยนคำวา่
รำหมดั เปน็ มวยไทย อีกด้วย
• ประวัตมิ วยไทยสมยั รชั กาลที่ 3
สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2367-2394) ในสมัยนี้ตามหัวเมืองตา่ ง ๆ ประชาชนก็
ยงั คง นิยมฝกึ มวยไทยและกระบ่ีกระบองกันอยู่ ดว้ ยเหตนุ ้ีเองท่ีทำให้ท้าว สรุ นารี หรอื คณุ หญิงโม ภรรยาเจ้า
เมอื งโคราช สามารถ คมุ ทัพตอ่ สู้เอาชนะ เจา้ อนวุ งศแ์ ห่งเวียงจันทนไ์ ด้
3
• ประวตั ิมวยไทย สมัยรัชกาลท่ี 4
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ.2394-2411) เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงแต่ง
องค์อย่าง กุมารชกมวยไทย และรำกระบี่กระบองแสดงในงานสมโภชพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
สมัยนี้เป็นยุคหัวเลี้ยวหัวต่อ ของอารยะธรรมตะวันตกที่เริ่มแพร่หลายมาในประเทศไทยทว่ามวยไทยก็ยังคง
เปน็ กฬี าประจำชาติอยู่
• ประวัตมิ วยไทยสมัยรชั กาลที่ 5
พระองคท์ รงฝึกมวยไทยจากสำนกั มวยหลวง ซึ่งมีปรมาจารย์หลวงพลโยธานโุ ยค ครูมวยหลวงเป็นผู้ถวาย
การสอน ทำให้พระองค์โปรดกีฬามวยไทยมาก เสด็จทอดพระเนตรการชกมวยหน้าพระที่นั่ง ทรงโปรดให้
ข้าหลวงหัวเมืองต่างๆ คัดนักมวยฝีมือดีมาชกกันหน้าพระที่นั่งเพื่อหานักมวยที่เก่งที่สุดเข้าเป็นทหารรักษา
พระองค์ สังกัดกรมมวยหลวง พระองค์ทรงเหน็ คุณค่าของกีฬาประจำชาติ จึงตรัสให้มีการแข่งขันมวยไทยข้ึน
ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความนิยมกีฬามวยไทยมากขึ้น นอกจากนีท้ รงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มี “มวยหลวง”
ตามหวั เมืองต่างๆ เพอ่ื ทำหนา้ ทฝี่ ึกสอน จดั การแข่งขนั และควบคมุ การแขง่ ขนั มวยไทย ปี พ.ศ.2430 รชั กาลที่
5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าใหต้ งั้ กรมศกึ ษาธิการขึ้น ใหม้ วยไทยเป็นวชิ าหนง่ึ ในหลักสูตรของโรงเรียนครูฝึกหัด
พลคกึ ษา และโรงเรียนนายร้อยพระจลุ จอมเกล้าในสมัยนเี้ ป็นทีย่ อมรับวา่ คือ ยคุ ทองของมวยไทย
• ประวัตมิ วยไทย สมยั รัชกาลที่ 6
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2453-2468) ระหว่างปี พ.ศ. 2457-2461 ประเทศ
ไทยไดส้ ง่ ทหารเข้าร่วมกบั ฝ่ายสมั พนั ธมิตรในสงครามโลกครั้งท่ี 1 ณ เมืองมาเซย์ ประเทศฝรั่งเศส โดยมีพลโท
พระยาเทพหัสดินเป็นแม่ทพั ในการนี้ท่านได้จัดแสดงมวยไทย ให้บรรดาทหารและประชาชนชาวยุโรปไดช้ ม
นบั เปน็ ครง้ั แรกท่มี วยไทยไดเ้ ผยแพร่ในทวปี ยุโรป ตอ่ มาในปี พ.ศ.2464 ภายหลังสงครามโลกครง้ั ที่ 1 กฬี ามวย
ไทยก็ยังคงเป็นทีน่ ยิ มของประชาชนอยา่ งไมเ่ ส่อื มคลาย และยคุ นกี้ ็ได้มสี นามมวยถาวรแห่งแรกท่ีจดั การแข่งขัน
มวยไทยเป็นประจำนัน่ คือบนสนามฟุตบอลภายในโรงเรียนสวนกุหลาบ จึงเรียกยคุ นวี้ ่า “สมัยสวนกหุ ลาบ”
• ประวัตมิ วยไทยสมยั รชั กาลท่ี 7
สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัว (พ.ศ. 2468-2477) ระหวา่ งปี พ.ศ. 2466 – 2472 พลโทพระ
ยาเทพหัสดินได้สรา้ งสนามมวยหลักเมอื งทา่ ช้างข้ึน บรเิ วณโรงละครแห่งชาติ ในปัจจุบนั โดยลกั ษณะของเวทีมี
เชือกกั้นเส้นใหญ่ขึ้นและแต่ละเส้นขึงตึงเป็นเส้นเดียวไม่เปิดช่องตรงมุม สำหรับขึ้นลงอย่างในยุคเก่าเพื่อ
ป้องกันมิให้นักมวยตกเวทีตรงช่องดังกล่าว ต่อมาในปี พ.ศ.2472 รัฐบาลได้มีคำสั่งให้ยกเลิกมวยคาดเชือก
ลุมพินีรว่ มกับมหรสพอ่ืนๆ โดยคัดเลือกเอานักมวยไทยฝีมือดีมาชกกันทุกวันเสาร์ และมีการสร้างเวทีมวยขึ้น
ตามอย่างมาตรฐานสากล คือ มีเชือกก้ันสามเส้น ใช้ผ้าใบปูพืน้ มีมุมแดงมุมน้ำเงนิ มีผู้ตัดสินให้คะแนน 2 คน
และผู้ตัดสินชี้ขาดการแข่งขันบนเวทอี กี 1 คน โดยกำหนดใหใ้ ชเ้ สียงระฆัง เปน็ สญั ญาณดว้ ยระฆังเป็นครั้งแรก
4
• ประวัติมวยไทย สมยั รชั กาลท่ี 8
สมยั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนนั ทมหิดล (พ.ศ.2477 – 2489) ระหวา่ งปี พ.ศ.2478 2484
คหบดีผมู้ ีชือ่ เสยี งในสมัยน้ันไดส้ รา้ งเวทมี วยข้นึ บริเวณท่ีดินของเจ้าเชต ช่อื สนามมวยสวนเจ้าเชต ปจั จุบัน
คือที่ตั้งกรมรักษาดินแดน การดำเนินการจดั การแขง่ ขันเป็นไปด้วยดี เน่อื งจากทหารเขา้ มาควบคุม เพื่อนำ
รายได้ไปบำรุงกิจการทหาร จดั การแขง่ ขนั กนั ตดิ ตอ่ หลายปี จงึ เลกิ ไปเพราะเกิดสงครามโลกครงั้ ที่ 2 หลัง
สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะสงบแต่ยังคงมีเครื่องบินข้าศึกบินลาดตระเวนอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน
จำเป็นต้องจัดการแข่งขนั ชกมวยไทยตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ในเวลากลางวนั เช่น สนามมวยพฒั นาการ
สนามมวยทา่ พระจันทร์ สนามมวยวงเวียนใหญ่ เนอ่ื งจากประชนยงั คงใหค้ วามสนใจมวยไทยอยู่
• ประวัตมิ วยไทยสมยั รัชกาลที่ 9
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมพิ ลอดุลยเดช (พ.ศ. 2489-ปัจจุบนั ) วนั ท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ.2488 สนาม
มวยเวทีราชดำเนินได้เปิดสนามทำการแขง่ ขนั ครั้งแรก มีนายปราโมทย์ พึ่งสุนทร เป็นนายสนามมวยคนแรก
พระยาจินดารักษ์เป็นกรรมการบริหารเวที ครูชิต อัมพลสิน เป็นโปรโมเตอร์ จัดชกเป็นประจำในวันอาทิตย์
เวลา 16.00 – 17.00 น. ใชก้ ตกิ าของกรมพลศกึ ษา ปี พ.ศ.2480 ชก 5 ยกๆ ละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที
ในระยะแรกชั่ง น้ำหนักตัวนักมวยด้วยมาตราส่วนเป็นสโตนเหมือนน้ำหนักม้าอีก 2 ปีต่อมา จึงเปลี่ยนเป็น
กิโลกรัม และปี พ.ศ.2494 สนามมวยเวทีราชดำเนินได้เร่ิมกอ่ สร้างหลงั คาอยา่ งถาวร
5
➢ มวยไทยมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม
มวยไทยเป็นมรดกทางภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม เป็นศลิ ปะการตอ่ ส้ปู อ้ งกนั ตวั ของชนชาตไิ ทยมาตั้งแต่ครั้ง
โบราณ เป็นการใช้อาวุธของร่างกาย 9 อย่าง หรือที่เรียกว่า นวอาวุธ ได้แก่ มือ 2 เท้า 2 เข่า 2 ศอก 2 และ
ศีรษะ 1 อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่ประเภทหนึ่งของโลก มวยไทยเป็นศิลปะการ
ป้องกนั ตวั และเปน็ ศาสตร์ท่ีชายชาติทหารจะตอ้ งฝึกใหค้ ล่องแคลว่ ดงั คำกลา่ วทว่ี ่ามวยนั้นเป็นมูลบทของวิชา
ยทุ ธ์ เพลงอาวธุ เปน็ มัธยม และพิชัยสงครามเปน็ มงกุฎ
มวยไทยเป็นศาสตรท์ ี่วา่ ด้วยการใชอ้ บุ าย ช้ันเชงิ ไหวพรบิ และวิชาเข้าต่อสูก้ ัน จึงปรากฏหลักฐานในพระ
ราชพงศาวดารว่า ในอดีต พระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถจะทรงเชี่ยวชาญการชกมวยเป็นอย่างย่ิง
ขณะเดียวกัน เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ขุนนางฝ่ายทหาร และสามัญชนจะฝึกฝนมวยไทยเพื่อป้องกันตัวและชาติ
บ้านเมืองเพราะการใช้อาวธุ เช่น กระบี่ กระบอง พลอง ดาบ ง้าว ทวน ประกอบกับมวยไทย จะทำให้การใช้
อาวธุ นัน้ เกิดประสิทธภิ าพสงสุด โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในการต่อสปู้ อ้ งกันตัวในระยะประชิด ในยามสงบ มวยไทย
จะเป็นการประลองพละกำลังและชั้นเชิงการต่อสู้จนกลายเป็นกิจกรรมทางสังคมมีการแข่งขันมวยในโอก าส
สำคญั ๆ ดังปรากฏในกฎหมายตราสามดวง หมวดอัยการเบด็ เสร็จท่กี ล่าวถึงการชกมวยไว้ว่า “…117 มาตราที่
หนง่ึ ชนทงั สองเปนเอกจิตเอกฉนั ท์ ตมี วยดว้ ยกนั กด็ ี แลปล า้ กนั ก็ดี และผหู้ น่งึ ต้องเจ็บปวดด้วยก็ดี ค่นหักถึง
แก่มรณภาพก็ดีท่านว่าหาโทษมิได้…” ดังนั้นมวยไทยจึงมีความสำคัญทั้งต่อบุคคล ชุมชน สังคม และ
ประเทศชาติ มีส่วนสำคญั ยิง่ ในการดำรงเอกราชของชาตไิ ทยตั้งแตอ่ ดีตจนถงึ ปจั จบุ นั
6
➢ เอกลกั ษณ์ของมวยไทย ผสานช้ันเชงิ กบั ร่างกายให้เป็นอาวุธ
เอกลกั ษณข์ องมวยไทยที่ทำให้มวยไทยมีความโดดเดน่ และถอื เป็นศิลปะชนั้ สูงคอื การใช้อวยั วะต่างๆ เป็น
ประดุจดังเกราะและอาวุธ ใช้ชั้นเชิงไหวพริบและวิชาเข้าต่อสู้กัน ไม่ใช่กำลังแต่เพียงอย่างเดียว กอปรด้วย
“ศาสตร์” อันได้แก่การเรียนรู้จดุ อ่อน จุดแข็งของร่างกายที่จะพิชิตและเอาชนะคูต่ ่อสู้ “ศิลป์” คือ ลักษณะ
การใช้นวอาวธุ อันมีรายละเอยี ดปลีกย่อยอย่างพิสดาร ทำให้มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มมี นต์ขลังและเปน็
การตอ่ สทู้ ่มี ชี ั้นเชิงเปน็ ท่ปี ระทบั ใจของคนทั้งโลกการฝึกมวยโบราณ แบ่งเป็น 3 ขนั้ ตอน
• เบ้ืองตน้ ฝึกให้รจู้ ักปอ้ งกันตวั เองใหป้ ลอดภัยก่อนท่จี ะคิดทำผู้อ่นื เรียกว่า ป้อง ปดั ปิด เปดิ
• ขน้ั กลาง ฝกึ เพื่อเปน็ นกั มวยต่อสู่บนสงั เวียน คือ เขา้ มวยเปน็ สามารถตอบโตแ้ กก้ ลับคู่ตอ่ สู้ได้ เรยี กว่า
ทมุ่ ทับ จกั หกั (ควกั นยั นต์ า)
• ขั้นสูง ฝึกเพื่อเป็นนักรบ เป็นครูอาจารย์ไว้ใช้ในราชการสงคราม ประจำกองทนายเลือกและกอง
อาจารย์ เป็นจารบุรุษ อาทมาฏ สอดแนม ทหารเอก ทหารรอง นายกอง แม่ทัพ คือเรียนวิชาฆ่าคน
(สงวนไว้ไมส่ อนพร่าเพรอ่ื ) เรียกว่าประกบ ประกบั จบั รัง้ เข้าข้างหลังหกั กา้ นคอ
7
➢ ตำรับมวยไทย 5 ตำรับมวยไทย
มวยไทยนนั้ มหี ลักการพน้ื ฐานเดยี วกัน คือ การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก และศีรษะ ก่อเกดิ กระบวนท่าทาง
ตา่ ง ๆ นับรอ้ ย ๆ กระบวนท่า โดยในแต่ละทอ้ งท่ีได้พฒั นาความสามารถและความถนดั ในเชงิ มวยที่แตกตา่ ง
กนั ซึง่ สะทอ้ นออกมาในลักษณะของความชำนาญในเชงิ มวยและเทคนคิ วธิ ี โดยเฉพาะการคาดเชือกมกี าร
เปรียบเปรยความสามารถเชงิ มวยของทอ้ งถ่ินตา่ งๆ ว่า “หมดั หนัก โคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดไี ชยา ไวกวา่ ท่าเสา
ครบเคร่อื งพลศึกษา”
1. มวยลพบุรี เปน็ มวยทีช่ กฉลาด รุกรับคล่องแคล่ววอ่ งไว ต่อยหมดั ตรงได้แม่นยำ เรยี กวา่ มวยเกย้ี ว
หมายถึงมวยท่ใี ช้ช้นั เชิงเขา้ ทำคู่ต่อสูโ้ ดยใชก้ ลลวงมากมาย เคลือ่ นตัวอย่เู สมอ หลอกลอ่ หลบหลกี ไดด้ ี
สายตาดี รกุ รับและออกอาวธุ หมดั เทา้ เขา่ ศอกไดอ้ ย่างรวดเรว็
2. มวยโคราช มกี ารแต่งกาย การคาดเชอื ก การจดมวย การฝึกซอ้ ม การรา่ ยรำ และรูปแบบวธิ กี ารชกที่
เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการชกหมดั วงกว้างหนักหน่วงเรยี กวา่ “หมัดเหวีย่ งควาย”
3. มวยไชยา เปน็ ศิลปะมวยประจำถ่ินอำเภอไชยา จังหวดั สุราษฎรธ์ านี มีชอื่ เสยี งมาแต่คร้ังสมัยรชั การท่ี
5 นอกจากการใช้หมดั เท้า เข่า ศอก แลว้ ยังมีวชิ าการตอ่ สเู้ ชน่ การ “ทมุ่ ทับ จับ หัก” การเรียนการ
สอนเร่ิมต้ังแตเ่ รียนปอ้ งกนั ตวั “ป้อง ปดั ปดิ เปดิ ” จากนั้นจึงเรียนลูกไม้มวยไทยต่าง ๆ ตา่ งจากมวย
ทั่วไปที่เนน้ การโจมตปี รมาจารยไ์ ชยาทีม่ ชี ่ือเสยี งคืออาจารย์เขตร ศรียาภัย
4. มวยท่าเสา อุตรดติ ถ์ มีความโดดเด่นในการจดมวยกว้างและใหน้ ำ้ หนกั ตวั ไปทางดา้ นหลัง เท้าหน้า
สัมผสั พนื้ เบาๆ ทำให้ออกมวยได้ไกล รวดเร็วและรนุ แรง หมัดหน้าหา่ งจากหนา้ สูงกว่าไหล่ หมดั หลัง
จะตำ่ และอีกมวยหนึง่ ในสายของพระยาพชิ ัยดาบหักนั้น เป็นทง้ั มวยอ่อนและแข็ง สามารถรกุ รบั ตาม
สถานการณ์ รวู้ ิธรี บั ก่อนรุก เรยี นแกก้ อ่ นผกู เรยี นรู้จดุ อ่อนจดุ แข็งของตนเองและคู่ตอ่ สู้
5. มวยพลศกึ ษา เปน็ มวยที่ฝกึ มาจากสายอน่ื ๆ บ้างแลว้ เมอื่ มาเรยี นตอ่ ที่สถาบันการพลศึกษา ได้
เรยี นรู้กลยทุ ธ์เพิ่มเตมิ โดยมอี าจารย์กมิ เสง็ ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยทมี่ ชี อ่ื เสยี ง มคี วามเช่ยี วชาญหมัด
ซึง่ ศกึ ษามาจากหม่อมเจ้าวบิ ลู ย์สวัสดิว์ งศ์ สวัสดกิ ุล ซึง่ ได้ทรงศกึ ษาการชกมวยสากลของประเทศไทย
จนได้ชื่อว่าเปน็ บดิ ามวยสากลของประเทศไทย นอกจากหมัดแล้วยงั เนน้ ความเร็ว จงั หวะเขา้ – ออก
อย่างแคลว่ คล่องว่องไว เรยี กไดว้ ่ามวยพลศกึ ษาเป็นมวยครบเคร่ือง
8
➢ เคร่อื งรางของขลงั มวยไทย
• เครื่องรางของขลัง หมายถึง วัตถุมงคลที่ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของนักมวย สามารถป้องกัน
อันตรายได้ ซึ่งนักมวยเชื่อว่าจะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด คุ้มกำลัง มีมงคล
สำหรับสวมศีรษะและประเจียดผูกติดกับต้นแขน ทำด้วยสายสิญจน์หรือผ้าดิบที่เกจิอาจารย์เป็น
ผเู้ ขยี นอักขระหวั ใจมนต์ คาถา และเลขยนั ต์ แล้วถักหรอื ม้วนพันด้วยดา้ ยหรือสายสญิ จน์ ห่อหุ้มด้วย
ผา้ ซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครบู าอาจารย์ อิทธฤิ ทธิ์ ความศักดิ์สทิ ธิแ์ ห่งพธิ ีกรรม อำนาจของไสยเวทย์
• มงคล คือ เครื่องผูกศีรษะ และมงคลสูงสุดของนักมวย หมายถึง ความมีลาภ เคราะห์ดี ความสุข
ความระมัดระวงั ถือเปน็ ความศกั ดส์ิ ิทธ์ิ เป็นของสงู เปน็ เครื่องรางของขลังที่สามารถป้องกันภัยให้กับ
นักมวยได้ มงคลมักทำจากด้ายหรือเชือกหรือผ้าดิบหลายชิ้นที่ลงอักขระ หัวใจมนตรา คาถา อาคม
และเลขยนั ตก์ ำกบั นำมาถกั และขนึ้ รปู เปน็ วงกลมใหก้ ระชบั ศีรษะ
• ประเจียด คอื เคร่อื งผูกแขน เปน็ เคร่ืองรางของขลงั อีกอย่างหน่งึ ของนกั มวย เชอื่ กนั ว่าเป็นเคร่ืองราง
ที่คมุ้ กันตวั นกั มวยไทย ทำด้วยเชอื กหรอื ผ้าลงเลขยันต์และอกั ขระมนตรา ส่วนมากทำจากผ้าดิบสีแดง
ใช้ผูกทต่ี ้นแขนหรือคลอ้ งคอกไ็ ด้
9
➢ วธิ ีการฝกึ มวยไทยอยา่ งถูกวธิ ีต้อง
1. การตงั้ ท่าจดมวย
การตั้งท่าจดมวย คือ การวางเข่า การวางมือ ให้ถูกต้องตามหลักการฝึก โดยการจดมวยจะต้องทราบ
เหลีย่ มมวย หรอื การแสดงการใช้มือและเท้าทีถ่ นัดออกมาใหเ้ ห็น นัน่ เอง มี 2 เหลี่ยม ได้แก่ เหล่ยี มซ้าย และ
เหลยี่ มขวา
2. การวางตำแหนง่ อวัยวะ
การวางตำแหนง่ ของอวัยวะทไ่ี ด้จดมวย คอื การกำหมดั วางเท้า มือ และลำตวั ซึ่งการกำหมดั ท่ถี ูกต้อง คอื
แบมือ ให้นิ้วมือทัง้ 4 เรียงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง 4 นิ้วเข้าหาอุ้งมอื แล้วกดทับด้วยนิว้ หัวแมม่ ือ ลงทาบ ใน
ลักษณะเฉยี งกบั น้วิ ชีแ้ ละนิว้ กลาง เพอ่ื ให้หมดั ท่กี ำกระชบั แนน่ โดยไมเ่ กร็ง
3. การใชห้ มัดในมวยไทย
การใช้หมัด ใน มวยไทย ( Muay Thai ) มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เริ่มจาก “หมัดตรง” คือ การใช้หมัดท่ี
ถนัดมุ่งไปยงั เป้าหมาย อาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว เอว และเท้ายนั พืน้ ให้ทกุ สว่ นประสานกนั
หมัดต่อมา “หมัดตัด” คือ การใช้หมัดเหวี่ยงในลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลม โดยเล็งไปที่บริเวณลำตัว
ใบหน้า หรือศีรษะของคูต่ ่อสู้ มที ง้ั หมัดเหวี่ยงสั้นหรือการเหวี่ยงวงแคบ และ หมดั เหวี่ยงยาว หรอื การเหว่ยี งวง
กวา้ ง
หมัดถัดมา “หมัดตวัด” คือ การใช้สันหมัดกดลงบริเวณอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขน
ออกไป พร้อมชกตวัดวงแคบ และ หมัดสุดท้าย “หมัดเสย” คือ การใช้หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู้โดยงอศอก เกร็ง
ขอ้ ศอก หงายหมดั แล้วยกขน้ึ สู่เป้าหมาย เชน่ ปลายคาง ด้งั จมกู หรอื ใบหนา้ คตู่ ่อสู้
4. การใชเ้ ทา้ ในมวยไทย
การใช้เท้า ใน มวยไทย ( Muay Thai ) จะแบ่งออกเป็น 2 ไม้ คือ การเตะ และ การถีบ ซึ่ง การเตะ คือ
การใชอ้ วัยวะสว่ นขาตัง้ แต่เอวลงไปจนถงึ ปลายเท้า แต่การแตะของ มวยไทย ( Muay Thai ) นิยมใช้หน้าแข้ง
เตะ เพราะเป็นส่วนที่แข็งเปรียบเสมอื นการหวดด้วยไม้ การเตะแบกแยกย่อยได้อีกเป็น เตะตรง เตะตัด เตะ
ตวัดหรือเตะเฉียง และกลับหลังเตะ ส่วนการถีบ คือ การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือ ส้นเท้า ปะทะคู่ต่อสู้
แบ่งยอ่ ยไดเ้ ปน็ ถบี ตรง ถีบขา้ ง กลับหลงั ถีบ กระโดดถบี ถีบจิก
5. การใช้เข่าในมวยไทย
การใช้เข่า ใน มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การใช้อวัยวะส่วนที่เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกขาส่วนบนกับ
กระดูกขาส่วนล่าง แล้วงอพับขา กระทุ้งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้ โดยการใช้เข่าของ ใน มวยไทย ( Muay
Thai ) นิยมพับปลายเท้าลงให้เกือบขนานกับลำแข้ง เพื่อความเร็วและความคล่องตัว มีทั้งเข่าตรง เข่าเฉียง
เข่าโคง้ เขา่ โยน เขา่ ลอย
10
6. การใชศ้ อกในมวยไทย
มาถงึ อาวุธสุดทา้ ย การใชศ้ อก ใน มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นหนงึ่ ในการใช้อาวุธทีร่ ุนแรงทีส่ ดุ และมีการ
หา้ มให้ใช้ในรายการมวยบางแห่ง การใชศ้ อกขนั้ พื้นฐานมีลกั ษณะดังนี้
- ศอกตี หรือ ศอกสับ ใช้วิธีการตีศอกจากบนสู่ล่าง เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงสง่
จากไหล่ ลำตวั และเท้า
- ศอกตัด คือ การตศี อกตัดขนานไปสเู่ ป้าหมาย
- ศอกงดั คอื การตศี อกจากกลาง งดั ข้ึนไปขา้ งบน ตรงเป็นมุมฉาก
- ศอกกระทุ้ง คือ การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ประชิดเข้ามา
ด้านหลงั
- ศอกกลับ คือ การหมนุ ตวั ตีศอก กลับไปทางด้านหลงั ตามจงั หวะทสี่ มั พันธ์กบั การเคล่ือนตามเทา้
- ศอกคู่ คือ การตศี อกด้วยแขนสองขา้ ง
ศลิ ปะการใชห้ มดั เทา้ เขา่ ศอก ของมวยไทย มวยไทย ( Muay Thai ) หากอยากชำนาญตอ้ งทำการฝึกฝน
อย่างสมำ่ เสมอ และถกู ทา่ ถูกวธิ ี เพ่อื ใหค้ ตู่ อ่ สูจ้ บั ทางได้ยาก
11
➢ ทักษะพน้ื ฐานมวยไทย
หลกั พื้นฐานในการฝึกทักษะ แม่ไมม้ วยไทย จำเป็นต้องมีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั พืน้ ฐานก่อน เพราะเป็น
ทักษะเบื้องต้นของการเรยี นแม่ไม้มวยไทยและกลมวย เพื่อนำไปสู่การมีทักษะในขั้นสูงต่อไป ซึ่งศิลปะการใช้
หมัด เท้า เข่า ศอก เป็นทักษะพื้นฐานของกีฬามวยไทย ที่มีอยู่มากมายหลายแบบ ซึ่งครูมวยต่างๆ ได้คิดค้น
ขนึ้ มาใชแ้ ละได้นำมาเขยี นหรอื บนั ทกึ ไว้เพือ่ ประโยชน์ ในการเรยี นการ สอนวิชามวยไทย
ในปจั จุบนั ผู้ทีจ่ ะศึกษาวิชามวยไทยเหลา่ นี้ จงึ ต้องยึดหลักคุณธรรมอยา่ งเครง่ ครดั และสำหรบั มวยไทย นั้น
ก็เป็นการตอ่ สู้ ในลกั ษณะมือเปลา่ ที่ใช้อวัยวะประจำ รา่ งกายของมนุษย์ ท้ังมือ เท้า เข่า ศอก ท่ีประกอบด้วย
เนือ้ หนังและกระดกู มาประยทุ ธ์ใชใ้ นการปอ้ งกันตัว
ด้วยท่วงทา่ ลีลาท่ี ทักษะมวยสากล มีลกั ษณะสวยงาม อ่อนโยนในการเคลอื่ นไหวเรอื นรา่ ง แต่เมอื่ เกิดการ
ปะทะต่อกรกับคู่ปรปักษ์ องค์ประกอบแห่ง ร่างกายดังกล่าวกลับมีความแขง็ แกร่ง เป็นอาวุธทีร่ ุนแรง ท้ังการ
รุกรับ การปกป้องตนเอง และการตอบโต้ สรา้ งความปวดเจ็บขนึ้ ได้อย่างน่าประหลาด โดยการกำหนดวิธีการ
แห่งการเคล่อื นไหวท่ี กล่าวถึงข้างตน้ นบั เนอ่ื งได้วา่ เป็นศลิ ปะการตอ่ สู้ช้ันสงู ท่เี กดิ ขึน้ จาก ภมู ิปญั ญาอัน ฉลาด
ลำ้ ลึกของบรรพบุรุษ แห่งชนชาติไทย และมกี ารสืบทอด ตอ่ เนื่องกันจาก รุ่นไปสรู่ ุ่น อนั ถอื ได้ว่าเป็นมรดก และ
เอกลักษณ์ของ บรรพชนที่ทรงคุณค่าสำคญั ตกตะกอนสบื ทอดอยูใ่ นหัวใจ ร่างกายของชายชาตรชี าวไทยจาก
อดตี มาจนถงึ ปัจจุบัน แม้ยุคสมัยแห่งกาลเวลาได้เคล่อื นคลอ้ ย ผนั แปรไปยาวนานเพียงไรก็ตาม มรดกแห่งการ
ต่อสู้ ลักษณะนีก้ ็ยังยืนยงเป็นเอกลกั ษณท์ ี่สงู ค่าของลูกหลานไทย ไมเ่ ส่อื มคลาย นอกจากนคี้ วามจำเป็นในการ
ปกป้องตนเองจากภยันตรายรอบข้าง และสายเลือดของความเป็นไทยยงั สรา้ งความนยิ มไปส่กู ลมุ่ สภุ าพสตรีนัก
สู้ชาวไทยเพ่ิมขึน้ รวมทัง้ มีการนำเผยแพร่ในเชงิ เอกลกั ษณ์วัฒนธรรมจนแพร่หลายเปน็ ทนี่ ยิ มของชนชาติต่างๆ
เกือบทั่วโลก ในกรอบของกีฬาและวฒั นธรรมทส่ี ามารถกอ่ ให้เกิดพฤตกิ รรมการ เรยี นรทู้ ี่ครอบคลุม
12
➢ประโยชนข์ องมวยไทย
1. มวยไทยช่วยพัฒนาการทางกายช่วยทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงมีสมรรถภาพในการปฎิบัติงานได้ดี มี
ทรวดทรงดี มีบุคลกิ ภาพที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำ มีทรวดทรงสง่างามสมชายชาตรี
2. มวยไทยช่วยพัฒนาการทางอารมณ์ การออกกำลังกาย การฝึกซ้อม การแสดงศิลปะมวยไทย และการ
แข่งขัน จะพบทั้งความผิดหวัง และความสมหวังรวมทั้งความเจ็บปวดทางด้านร่างกาย ดังนั้นนักกีฬามวย
ไทย จึงต้องมีความอดทน อดกลั้น เป็นอย่างดีจึงจะสามารถเป็นนักกีฬามวยไทยที่ดีได้ นักกีฬาที่มี
ประสบการณก์ ับการพา่ ยแพ้ และการชนะจากการแข่งขันบ่อย ๆ จะมอี ารมณม์ ั่นคงสงู และมีความเช่ือม่ัน
ตนเอง
3. มวยไทยชว่ ยพัฒนาการทางด้านสงั คม มวยไทย เปน็ ศลิ ปวัฒนธรรมด้านหนง่ึ ผฝู้ ึกหัดมวยไทย และนักกีฬา
มวยไทยก็เสมือนผู้รักษา ทำนบุ ำรุง และดำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกลกั ษณข์ องชาตไิ ทย ทง้ั เป็นเครื่องยดึ เหน่ียว
โน้มน้าวให้ชาวไทยรักหวงแหนและสามัคคีในหมู่คณะ อนั เป็นสว่ นหนึง่ ทีจ่ ะส่งเสริมให้ประเทศชาติ มีความ
มนั่ คงสบื ไป นอกจากนี้ยังเปน็ ประโยชน์ตอ่ เยาวชนทีใ่ ชเ้ วลาวา่ งในการฝึกซอ้ มมวยไทย เพราะนอกจากจะได้
รู้จักออกกำลังกาย และเรียนรู้ศิลปะมวยไทยไปพร้อม ๆ กันแล้ว ยังสร้างความอบอุ่น ความมีน้ำใจเป็น
นกั กฬี า รู้จกั ใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่ประพฤตติ นเปน็ อันธพาล เปน็ นกั เลง ไม่ตดิ ยาเสพตดิ มวยไทย
จึงเป็นส่วนช่วยขัดเกลานิสัยใจคอให้เยาวชนไม่ประพฤติผิดหันมาทำความดี อันเป็นทางที่จะช่วยพัฒนา
สงั คมให้เจรญิ ก้าวหน้า ต่อไป
4. มวยไทยชว่ ยพัฒนาการทางดา้ นจติ ใจ เน่อื งจากมวยไทยเปน็ ศิลปะวฒั นธรรม ดังน้ัน ขบวนการของมวยไทย
จึงมีการขึ้นไหวค้ รู ครอบครู ไหว้ครู การนับถือผู้ประสิทธิว์ ิทยาการทางมวยไทย ให้การเคารพนบั ถือผู้ที่มี
คุณวุฒิภาวะสูงกว่า การรู้จักเสียสละ กำลังกาย กำลังใจเพื่อคนอื่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความยุติธรรม มี
มารยาท มีระเบียบ วนิ ัย กลา้ หาญ อดทน มีนำ้ ใจเปน็ นกั กีฬารู้แพร้ ู้ชนะรอู้ ภัย มีสตปิ ญั ญา ไหวพริบในการ
แกป้ ัญหาเฉพาะหน้า จะเห็นไดว้ ่านักมวยทั่วไปเมื่อจะฝกึ ซอ้ มทกุ ครง้ั จะทำการระลึกนึกถึง บดิ า มารดา ครู
บาอาจารย์ โดยการประนมมือไหว้อุปกรณ์การฝึกซ้อม ไหว้ผู้ล่อเป้า หรือคู่ซ้อม เมื่อเวลาแข่งขันก็จะไหว้
หรือโคง้ ใหค้ ู่ตอ่ สแู้ ละกราบไหว้ท่มี ุมของตนเอง เม่ือเวลาเสรจ็ สิ้นการแขง่ ขันกจ็ ะไปแสดงความเสยี ใจกับฝ่าย
ของผู้แพ้ ส่วนผู้แพ้ก็แสดงความรู้สึกให้อภัย ซึ่งการกระทำดงั กล่าวนี้ เป็นมารยาทอันดงี ามของมวยไทยที่
ปฎิบัตกิ ันมาเป็นเวลาช้านาน
5. มวยไทยช่วยสร้างเสริมคุณธรรม จากประวัติศาสตรท์ ำให้เห็นเด่นชัดว่า การฝึกมวยไทยนั้น สามารถสร้าง
เสริมคุณธรรมและจริยธรรมด้านต่าง ๆ ให้เกิดในตัวนักมวยไทย เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ดังเช่น นายทอง
ดี ฟนั ขาว (พระยาพชิ ัย) แสดงความจงรกั ภักดีต่อพระเจา้ ตากสนิ มหาราช และเด็กชายบญุ เกิด ที่เรียนมวย
ไทยกับ นายทองดี ฟันขาว (พระยาพิชัย) ได้เฝ้าติดตามรับใช้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระยาพิชัย
จนกระทั่งเสียชีวิตในสนามรบเพอื่ ปกป้องคมุ้ ครองพระยาพิชัย
13
อา้ งอิง :
1. ประวัติมวยไทยในแต่ละยคุ สมยั
https://www.educatepark.com/story/history-of-muay-thai/
2. วิธีการฝึกมวยไทยอย่างถูกวธิ ตี ้อง
https://jaroenthongmuaythaisrinakarin.com/blog/read/51
3. ทกั ษะพ้ืนฐานมวยไทย
https://www.ufaboxing.com/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0
%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B
2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%
B8%A2
4. ประโยชน์ของมวยไทย
http://khundon.blogspot.com/2010/10/blog-post_2847.html
1