เศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจาวนั 1
บทท่ี 1
ความรเู้ บื้องต้นเก่ยี วกบั เศรษฐศาสตร์
แผนการเรียนการสอน
1. ความหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์
2. ประวตั คิ วามเปน็ มาของวิชาเศรษฐศาสตร์
3. ความแตกต่างระหวา่ งวิชาเศรษฐศาสตร์จลุ ภาคและวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค
4. ชนิดของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์
5. ความสมั พันธ์ระหว่างวิชาเศรษฐศาสตรก์ ับศาสตร์อ่ืน ๆ
6. ความสำคญั ของวิชาเศรษฐศาสตร์
7. ความเปน็ มาของวชิ าเศรษฐศาสตรใ์ นประเทศไทย
8. ประโยชน์ของวชิ าเศรษฐศาสตร์
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ให้นิสติ สามารถ
1. บอกความหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์ได้
2. บอกถงึ ประวตั ิความเปน็ มาของวิชาเศรษฐศาสตร์ได้
3. บอกความแตกตา่ งระหวา่ งวิชาเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาคและวชิ าเศรษฐศาสตรม์ หภาคได้
4. อธบิ ายถงึ ชนดิ ของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ได้
5. อธิบายถึงความสมั พันธร์ ะหวา่ งวิชาเศรษฐศาสตร์กับศาสตรอ์ นื่ ๆ ได้
6. บอกความสำคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ได้
7. อธบิ ายความเปน็ มาของวชิ าเศรษฐศาสตรใ์ นประเทศไทยได้
8. อธิบายถึงประโยชน์ของวชิ าเศรษฐศาสตร์
กจิ กรรม
1. ฝกึ ทำแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท
2. อา่ นทบทวนและสรปุ สาระสำคญั
เศรษฐศาสตรใ์ นชวี ติ ประจำวนั 2
เศรษฐศาสตร์เป็นวชิ าทีศ่ ึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์เราที่อยใู่ นโลก ทุกคนล้วนมกี าร
ดำรง ชิวิตอยู่ด้วยปัจจัยสี่ที่มนุษย์เราขาดไม่ได้ นั้นคือ อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และมียา
รักษาโรค โดยธรรมชาตขิ องมนษุ ย์แล้วจะมีความต้องการอย่างไม่จำกัด ในคณะท่ีทรัพยากรมีอยู่อย่าง
จำกัด แม้นว่ามนุษย์จะเป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการขึ้นมาเพ่ือสนองความต้องการ แต่บ่อยครั้งที่เกิด
การขาดแคลนสินค้าและบริการ เมื่อความต้องการของมนุษย์อยู่ในภาวะท่ีมีมากกว่าทรัพยากรน้ัน
ด้วยพฤติกรรม ดังกล่าว จึงมีการศึกษาถึงกรรมวิธีในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด และมปี ระสทิ ธภิ าพมากทส่ี ดุ เทา่ ที่จะทำได้
ด้วยเหตุน้เี องจึงมีการศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจรงิ (Facts) และเกิดทฤษฎี (Theories) ตา่ งๆ
ข้นึ หลกั เกณฑ์และข้อเท็จจริงเหล่านี้ถูกรวบรวมขึ้นมาเรียกว่า “วิชาทางเศรษฐศาสตร์” ซึ่งจะเป็น
ศาสตร์ท่ีศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในการบริโภคสินค้าและบริการ ตลอดจนการผลิต การจัดการ
และจำแนกแจกจ่ายสินค้าและบริการเหล่าน้ัน รวมทั้งการกระจายรายได้ และการควบคุมพฤติกรรม
ต่างๆ ทางเศรษฐกิจ ศึกษาถึงความเป็นไมได้ในระบบเศรษฐกิจ รวมท้ังการพัฒนาและแก้ไขปัญหา
ตา่ งๆ ที่เกดิ ข้ึนในระบบเศรษฐกจิ
ดังน้ัน เม่ือจะทำการศึกษาถึงปัญหาต่างๆ ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพ่ือใช้ประโยชน์ใน
การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในระบบเศรษฐกิจ จึงต้องศึกษาถึงหลักการและทฤษฎีต่าง ๆ ทาง
เศรษฐศาสตร์ เพราะวิชาเศรษฐศาสตร์น้ันจะศึกษาถึงเร่อื งพฤติกรรมของมนุษย์และเศรษฐกิจควบคู่
กันไป การศึกษาถงึ เร่ืองเศรษฐกจิ จึงเปน็ การศึกษาในวิชาเศรษฐศาสตรน์ ่ันเอง
ความหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์
ความหมายในภาษาไทย หมายถึง “เศรษฐศาสตร์”เศรษฐ แปลว่า ดีเลิศ,ดีที่สุด,ยอดเย่ียม,
ประเสรฐิ
คำว่า ศาสตร์ มีความหมายกว้างมากแต่จะกล่าวโดยย่อเพียงว่า ศาสตร์ หมายถึง
“ความรู้”
เศรษฐศาสตร์ จึงหมายถึงหรือเป็นวิชาว่าด้วยการผลิต การจำหน่วยจ่ายแจกและการ
บรโิ ภค ใชส้ อยส่งิ ตา่ งๆ ของชมุ ชน1
ความหมายในภาษาอังกฤษ คือ Economics = มีรากศัพท์ มาจากภาษากริกว่า
Oikosnemein = oikos = nemein oikos = หมายถึง “บ้าน ” Nemein = หมายถึง “การ
จัดการ” ดังน้ัน ความหมายเดิมของคำว่า “เศรษฐศาสตร์” หรือ Economics คือวิชาการหรือ
ศาสตร์ที่เก่ียวข้องกับการจัดการครอบครัวหรือครัวเรือน (Household management) ส่วนคำว่า
เศรษฐกิจ มาจากภาษาอังกฤษว่า Economy ก็มีรากศพั ท์ เดยี วกนั กับ Economics ก็มีความหมาย
1 พจนานุกรม (ฉบบั นดั เรียน) ปรบั ปรุงใหม่ พมิ พท์ ่ีไอ.คิว เพรสเซ็นเตอร.์ ตลิง่ ชนั . กรุงเทพฯ 2552.
เศรษฐศาสตรใ์ นชีวติ ประจำวัน 3
คล้ายกัน แต่กล่าวโดยท่ัวไปเศรษฐศาสตร์เป็นหลักการศึกษาถึงด้านทฤษฎี หรือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้นในอดตี ปจั จบุ นั และอนาคตส่วนเศรษฐกิจเป็นการศกึ ษาถึงภาวการณ์ในการจัดการ หรอื ในการ
ดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นสำคัญ ต่อมาความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ได้รับการวิวัฒนาการจากนัก
เศรษฐศาสตร์แต่ละยุคแต่ละสมัยและวิชาเศรษฐศาสตร์อยู่ในแขนงของสังคมศาสตร์ (Soeial
Science) จึงยากท่ีจะมีบทนิยามให้แน่ชัดลงไปได้ว่าเศรษฐศาสตร์ คืออะไรทั้งนี้ข้ึนอยู่กับว่าจะมอง
สาระสำคัญของวิชานี้ไปในแง่ใดซึ่งจะเห็นได้จากคำนิยามที่นักเศรษฐศาสตร์ท้ังหลาย ท่านได้นำเสนอ
ไว้ในท่ีตา่ งๆ กัน ดังต่อไปนี้
ศาสตราจารย์ แอลเฟรด มาร์แซล (Alfred Marshall) แห่งมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์
ได้ให้คำนิยามไว้ในหนังสือหลักเศรษฐศาสตร์ (principles of Economics) ว่า เศรษฐศาสตร์ คือ
วิชาที่วา่ ดว้ ยการกระทำของมนุษย์ในการดำรงชีวิตธรรมดา ศกึ ษาว่ามนุษย์หารายได้มาได้อย่างไรและ
ใชจ้ ่ายไปอย่างไร ดังนั้นจึงเปน็ วิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเรื่องเกี่ยวกบั เศรษฐกิจประหนง่ึ และอกี ประการ
หน่งึ ซึง่ สำคัญกวา่ คอื เป็นส่วนหนึ่งของการศกึ ษาเรื่องมนษุ ย์
ศาสตราจารย์ ลีออนแนล รอบบิน (Lionel Robbins) ให้คำจำกัดความไว้ในหนังสือ
An Essay in the nature and significance of Economics Science เศรษฐศาสตร์ คือศาสตร์
ที่ศึกษาถึงการเลือกหาหนทางที่จะใช้ปัจจัยการผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัดเพ่ือให้บรรลุผลสำเร็จตาม
จดุ ประสงค์ที่มอี ย่มู ากมายนบั ไมถ่ ว้ น2
ศาสตราจารย์ พอล เอ. แซมมวลสัน (Pual A. Samuelsom) ให้คำจำกัดความไว้ใน
หนังสือเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ท่ีว่าด้วยวิธีการท่ีมนุษย์และสังคมโดยมีการใช้เงิน
หรือไม่ก็ตาม เลือกใช้ทรัพยากรการผลิตท่ีมีจำกัด ซ่ึงอาจนำทรัพยากรน้ีไปใช้อย่างอื่นได้หลายอย่าง
เพ่ือผลิตสินค้าต่างๆ เป็นเวลาต่อเนื่องกัน และจำหน่วยแจกจ่ายสินค้าเหล่านั้นไปยังประชาชนทั่วไป
และกลุม่ ชนในสงั คมเพื่อการบริโภคทง้ั ปัจจบุ ันและอนาคต3
ศาสตราจารย์ ปจั จัย บุนนาค และรองศาสตราจารย์ สมคิด แก้วสนธิ ให้คำจำกดั ความไว้
ในหนังสือ “จุลเศรษฐศาสตร์”ว่า เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาถึงการนำเอาทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่าง
จำกัดมาซื้อขายแลกเปล่ียนหรือนำมาประกอบกันผลิตเป็นสำคัญด้วยความประหยัดเพ่ือจำแนก
แจกจา่ ยไปบำบัดความตอ้ งการของมนุษย์ในสังคม4
2 Lionel C. Robbins “An Essay on the Nature and significance of Econ Science, London,
mcmillan. 1953.
3 Samuelsson, Paul A. and Nordhaus, William D. (1998). Economics. (12 th ed). New
York :
4 ปัจจัย บุนนาค และสมคิด แก้วสนธิ. จุลเศรษฐศาสตร์. กรุงเทพมหานคร. โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย. 2535. หนา้ 2-3.
เศรษฐศาสตร์ในชวี ิตประจำวนั 4
ศาสตราจารย์ ดร.อุทิศ นาคสวัสด์ิ ท่านให้คำนิยามในหนังสือ หลักและทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์ กล่าววา่ “วิชา เศรษฐศาสตร์เป็นการศกึ ษาถงึ วิธกี ารที่นำระบบเศรษฐกจิ มาทำการผลิต
สิง่ ของและบริการ เพ่ือบำบัดความต้องการของมนุษย์และจำแนกแจกจ่ายสิ่งของและบริการเหล่านั้น
ไปยงั บคุ คลท่ตี ้องการ”5
ประยูร เถลิงศรี เขียนไว้ในหนังสือ หลักเศรษฐศาสตร์ว่า “วิชาเศรษฐศาสตร์เป็นวิชา
สังคมศาสตร์ที่เก่ียวกับการศึกษาว่ามนุษย์เลือกตัดสินใจอย่างไรในการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ไม่เพียงพอ
เพื่อผลิตส่ิงของและบริการและแบ่งปันส่ิงของบริการเหล่านั้นเพื่ออุปโภคและบริโภคระหว่างบุคคล
ต่างๆ ในสังคมทั้งในเวลาปจั จบุ นั และในอนาคต”
รองศาสตราจารย์ ดร. มนูญ พาหิระ เขียนไว้ในหนังสือทฤษฎีราคาว่า เศรษฐศาสตรเ์ ป็น
วิชาที่ศึกษาในเร่ืองที่เก่ียวกับการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจมาทำการผลิตสินค้าและ
บริการ เพอื่ สนองหรอื บำบัดความตอ้ งการของมนุษย์
นอกจากนีก้ ็ยังมีผนู้ ิยามแตกตา่ งกันออกไปอีกมาก เชน่
เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตรท์ ่ีจดั การเก่ียวกบั ความสุขทางวัตถขุ องมนุษย์ เปน็ การศึกษาความ
ม่ันคง (Wealth) เป็นวิชาว่าด้วยการกระทำของมนุษย์ในการดำรงชีวิตตามปกติ เป็นการศึกษาถึง
สวัสด์ิการทางเศรษฐกิจ เป็นการศึกษามนุษย์ในการประกอบธุรกิจตามปกติ การหาเลี้ยงชีพและการ
ดำรงชีวติ
แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงเหล่าน้ัน พยายามใช้ถ้อยคำให้กะทัดรัด เพ่ืออธิบาย
ความหมายของคำว่าเศรษฐศาสตร์ให้ถูกต้องแต่อย่างไรก็ดี ไม่มีคำอธิบายศัพท์ใดที่ได้รับการยอมรับ
วา่ ถูกต้องสมบูรณ์ สามารถยึดถือเป็นบรรทัดฐานได้จรงิ เนื่องจากการกำหนดส่งิ ท่ีเป็นนามธรรมทำได้
ยากย่งิ 6
ประวัตคิ วามเปน็ มาของวิชาเศรษฐศาสตร์
การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ ในระยะเริ่มแรกจะมีประปนอยู่ในหลักของจริยธรรม ปรัชญา
และคำสอนหรือข้อเขียนต่างๆ เช่น หลักปรัชญาของโสคราตีส (So creates) เพลโต (Plato) และ
อริสโตเติล (Aristotle) รวมทั้งคำสอนในพระพุทธศาสนา คริสต์ และอิสลาม เป็นต้น โดยพยายาม
สอดแทรกแนวความคิดให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ท่ีดี และมีความสุข แต่
แนวความคดิ เหลา่ น้ียงั ไมเ่ ป็นกฏเกณฑ์ หรือหลักการทางทางเศรษฐศาสตร์ เพราะโดยมากจะเปน็ ไป
5 อทุ ิศ นาคสวัสดิ์. หลักและทฤษฎเี ศรษฐศาสตร์จลุ ภาค. ภาคหน่ึง. วา่ ดว้ ยเศรษฐศาสตร์จุลภาค. (พิมพ์
ครั้งที่ 4) พระนคร. พุทธอปุ ถมั ภก์ ารพมิ พ์. 2513. (บทที่ 1)
6 ปรดี า นาคเนาวทิม. เศรษฐศาสตร์จุลภาค 1. สำนกั พมิ พม์ หาวิทยาลยั รามคำแหง. 2541. หนา้ 5.
เศรษฐศาสตร์ในชวี ติ ประจำวัน 5
ในแนวทางปรัชญา ศีลธรรม ความยุติธรรม และการปกครอง แนวทางแห่งความคิดท่ีเป็นบ่อเกิด
แห่งวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ เกดิ ขึ้นในถำ้ กลางความคดิ ของนักปรชั ญาเหลา่ น้ี เชน่
แนวคิดของ เพลโต (Plato) นักปรัชญาชาวกรกี มีแนวความคิดในในเรื่อง “การแบ่งงาน
กันทำ” (Division of Labor) เน่ืองจากความสามารถของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นมนุษย์
ควรจะแบ่งงานกันทำตามความเหมาะสม และความสามารถของตนเอง จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อย
ท่สี ุด และได้ผลผลติ มากท่สี ุด
แนวคิดของ อริสโตเติล (Aristotle) นักปรัชญาชาวกรีก มีแนวความคิดในเรือ่ ง “ความ
ม่งั คั่ง” มอี ยู่ 2 ชนดิ คือ
“ความมั่งค่ังท่ีแท้จริง” จะมีอยู่ตามธรรมชาติ มนุษย์ไม่ต้องสร้างข้ึน ได้แก่ ที่ดิน แม่น้ำ
แรธ่ าตุ และอากาศ เปน็ ตน้
“ความมั่งค่ังที่จะต้องแสวงหา” เป็นสิ่งท่ีมนุษย์สร้างข้ึนหรือประดิษฐ์คิดค้าข้ึนเพื่อ
สนองตอบความต้องการของมนุษย์ ได้แก่ สินค้าและบริการต่าง ๆ ซึ้งสินค้าที่ผลิตข้ึนมาน้ันจะมี
มลู คา่ ในการใช้งานและมลู ค่าในการแลกเปล่ยี น เป็นต้น
แนวคิดของ โทมัส อกิแนนส์ (Thomas Aquinas) นักบวชในคริสต์ศาสนา ชาว
อติ าเลย่ี น มแี นวความคิดในเรื่อง “ราคายุติธรรม” สินค้าชนิดหนึง่ ควรจะมรี าคา หรือ มูลค่าเท่ากับ
สินคา้ ทน่ี ำมาแลกเปล่ียนกนั มลู คา่ ของสนิ คา้ ควรจะเทา่ กับต้นทุนการผลิต จงึ จะเกิดความยุตธิ รรม7
วิวัฒนาการของวิชาเศรษฐศาสตร์อาจแบ่งตามประวัติหรือตามยุคตามสมัยแบ่งออกเป็น 4
สำนัก
1. สำนักกอ่ นคลาสสิก เป็นชว่ งทว่ี ิชาเศรษฐศาสตรย์ งั ไมม่ ีขอบเขตเน้ือหาท่ชี ัดเจนแน่นอน
และแนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์เป็นเพียงแนวคิดที่เกิดจากการสรุปความเห็นโดยอาศัยหลักตรรกวิทยา
ของผสู้ นใจศกึ ษาปรากฏการณท์ างเศรษฐกิจเทา่ นน้ั นกั เศรษฐศาสตรท์ ่ีมชี ่อื เสียงในสำนักน้คี ือ
โธมสั มัน (Thomos mun) เป็นชาวองั กฤษจะสนใจต่อนโยบายการค้าระหวา่ งประเทศ
นิยมลัทธิพาณิชย์นิยม (Mercantilism) ในคริสตศักราชท่ี 13-16 ซ่ึงเป็นยุคที่การค้าทาง
ยุโรปเจริญรุ่งเรืองและในคริสตศักราชท่ี 16-17 มีการปฏิวัติทางการค้า มีผลทำให้การค้าระหว่าง
ประเทศขยายตัวไปมากเป็นการค้าระหว่างทวีป หน่วยการผลิตจึงมีขนาดใหญ่ข้ึน ใช้ทุนมากข้ึน
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป โดยเร่ิมที่ประเทศอังกฤษก่อนในปี ค.ศ. 1760
ลัทธพิ าณชิ ยน์ ยิ มไดร้ ับความนิยมเรื่อยมาจนจึงคริสตศ์ ตวรรษ ที่ 18 จงึ เร่ิมเส่ือมความนิยมลง
7 ทับทิม วงส์ประยูร. และคณะ. หลักเศรษฐศาสตร์. (พิมพ์คร้ังที่ 1) บริษัท ธรรมสาร จำกัด. 2550.
หน้า 3-4
เศรษฐศาสตรใ์ นชวี ิตประจำวนั 6
ฟรังซัวส์ เคาสเนย์ (Francois Quesney) นักธรรมชาตินิยม (Thysiocrat) ท่านเป็น
ชวาฝรังเศสให้ความสนใจต่อการพัฒนาประเทศในด้านธรรมชาติ เช่น ที่ดิน ป่าไม้ และแร่ธาตุต่างๆ
เป็นตน้
2. สำนกั คลาสสิก (Classical School) เป็นช่วงเวลาทีว่ ชิ าเศรษฐศาสตร์มขี อบเขตเน้อื หา
ท่ีชัดเจนมากข้ึน มีวิธีการศึกษาท่ีเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ในสำนักนี้ยังมีความเห็น
ว่าในการศึกษาปัญหาเศรษฐกิจนั้น จำเป็นจะต้องศึกษาเพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาของสังคมให้ได้ฉะนั้น
การศึกษาจึงต้องอาศัยข้อมูลด้านต่างๆ เช่น ด้านกฎหมายการเมือง ศาสนา วัฒนธรรม ด้วยเหตุน้ีใน
สมัยนั้นวิชาเศรษฐศาสตร์จึงมีช่ือ เรียกว่า เศรษฐศาสตร์การเมือง (Political Economics)ในช่วง
ระยะเดียวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ได้มีนักเศรษฐศาสตร์ท่ีมีชื่อเสียงในสำนักนี้ได้แก่ อดัม สมิธ
(Adam Smith, 1723-1790) ชาวสก็อตแลนด์ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นบิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์
ท่านผู้นี้ได้เขียนหนังสือ ชื่อ An Inquiry into the Nature and causes of “the Wealth of
Nations” ข้ึน เม่ือปี1776 หรือ พ.ศ.2319 หนังสือเล่มน้ีถือว่าเป็นตำราทางเศรษฐศาสตร์ที่ได้
มาตรฐานเล่มแรกของโลก สมธิ (Adam Smith) เสนอว่าประเทศตา่ งๆ จะเจรญิ ม่ังคัง่ ทางเศรษฐกิจ
ได้โดยปล่อยให้เอกชนประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามความถนัด ถ้ามีการแบ่งงานกันทำแล้วจะ
เกดิ ความชำชาญเฉพาะอย่าง แต่ละคนก็ผลิตได้มากขึ้น ขอเพยี งแต่วา่ รัฐต้องจำกดั บทบาทของตนให้
น้อยท่สี ุด เข้าทำนองทว่ี า่ รัฐบาลที่ดีที่สุดก็คอื รัฐบาลทปี่ กครองน้อยที่สดุ ประชาชนทุกคนมกี รรมสิทธ์ิ
ในการเป็นเจ้าของทรัพยส์ ินและปัจจัยการผลิตต่างๆ ประชาชนมสี ิทธิเสรภี าพที่จะเลือกผลติ อะไรก็ได้
เลือกบริโภคอะไรก็ได้เลือกประกอบอาชีพอะไรก็ได้ นักเศรษฐศาสตร์ในสำนักนี้เช่ือว่าถ้าปล่อยให้ทุก
คนทำในส่ิงที่ดีท่ีสุด แล้วในท่ีสุดระบบเศรษฐกิจก็จะดีเองคือมีความเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจ
นอกจากน้ียังมนี ักเศรษฐศาสตร์ท่มี ชี ่อื อนื่ ๆ เช่น
นกั เศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษในระยะเดียวกันที่ถอื วา่ ได้ร่วมวางรากฐานวิชาเศรษฐศาสตร์ ก็
คือ เดวิด ริคาร์โด (David Ricardo, (1772-1823 ) ซึ่งได้เน้นในเร่ืองการจำแนกแจกจ่ายหรือการ
วิภาครายได้ เช่น ค่าจ้าง ค่าเช่า ดอกเบ้ีย และกำไร รวมตลอดถึงภาษีอากร โรเบิรต์ มัลธัส
(Robert Malthus, 1766-1834) ได้เน้นเร่ืองทฤษฎีประชากร ซ่ึงบุคคลเหล่าเหล่านี้ถูกจัดว่าเป็นนัก
เศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิค (Classical school) โดยมี อดัม สมิธ เป็น หัวหน้า แนวคิดของพวก
เขาได้เสริมสร้างบรรยากาศในการปฏิวัตอุตสาหกรรมและระบบทุนนิยม (Capitalism) นัก
เศรษฐศาสตรร์ ุ่นหลัง กถ็ อื แนวคดิ ของนกั เศรษฐศาสตร์คลาสสคิ เปน็ หลักสำหรับสร้างเตมิ เสริมตอ่ จน
เกิดทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่สมบูรณ์ขึ้นในเวลาต่อมาและจอห์น สจ๊วด มิลล์ (John Stuart Mill) นัก
เศรษฐศาสตร์ในสำนกั เดียวกันมีความเชือ่ ในระบบเศรษฐกจิ เสรนี ยิ ม หรือทนุ นิยมอยู่ด้วย
3. สำนักสังคมนิยม เป็นสำนักท่ีมีแนวคิดของกลุ่มที่แตกต่างจากกลุ่มคลาสสิกในประเด็น
สำคัญ คือ นักสังคมนิยมให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายรายได้มากกว่าความเจริญเติบโตของ
เศรษฐศาสตร์ในชวี ิตประจำวนั 7
ประเทศนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในสำนักสังคมนิยมนี้ได้แก่ Karl Marx (1818-1883) นัก
เศรษฐศาสตร์ทม่ี ีช่ือในสำนักนีเ้ หน็ ว่าถา้ เราปล่อยให้ทุกคนมีอิสรเสรีภาพทจ่ี ะเลือกประกอบอาชีอะไรก็
ไดต้ ามชอบเหมือนระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยมจะก่อใหเ้ กิดการเอาเปรยี บซึง่ กันและกันมากยิ่งขึน้ คน
ท่ีอ่อนแอกว่าจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนท่ีแข็งแรงกว่า เข้าลักษณะทำนองท่ีว่า “ใครมือยาวสาว
ได้สาวเอา” ทำให้เกดิ การกระจายรายได้ไม่เป็นธรรม นอกจากนรี้ ะบบทุนนยิ มซ่ึงเช่ือวา่ เมื่อทุกคนทำ
ในส่ิงท่ีตนคิดว่าดีท่ีสุดแล้วระบบเศรษฐกิจก็จะดีเองและจะมีความเจริญเติบโต ของระบบเศรษฐกิจ
อาจนำซึ่งความยุ่งยากต่างๆ เกิดขึ้น เช่น ปัญหาจราจร ปัญหาความยากจน ปัญหาราคาสินค้าแพง
เป็นต้น นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจปัญหาส่ิงแวดล้อมเสื่อมโทรม อากาศเป็น
พิษ น้ำเน่า เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรเข้ามามีอำนาจในการจัดสรรให้มีความยติธรรมในระบบและ
รัฐบาลควรเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในการเข้ามาแบ่งปันทรัพย์สินและเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทุกชนิด
รฐั บาลจะเป็นผู้ตัดสนิ ใจ โดยการวางแผนใช้อำนาจบังคับจากส่วนกลางว่าควรผลิตอะไร ผลิตอย่างไร
ผลิตเพ่อื ใคร ผลผลิตทผ่ี ลิตขึ้นควรจะถูกจัดสรรให้ประชาชนต่างๆ ดว้ ยวิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม
4. สำนักนี-โอคลาสสิก เป็นช่วงที่วิชาเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าเป็นวิชาเศรษฐศาสตร์บริสุทธิ์
(pure Economics) กล่าวคือในการศึกษาปัญหาเศรษฐกิจจะไม่มีการนำตัวแปรท้ังหมดในสังคมมา
พิจารณ าแต่จะมุ่งพิจารณ าเฉพาะตัวแป รทางเศรษฐศาสตร์เท่ าน้ัน น อกจากนั้ นยังได้นำเอาวิชา
คณิตศาสตร์มาใช้เป็นเคร่ืองมือในการวิเคราะห์และอธิบายปัญหาและทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาก
ยงิ่ ข้ึน
นักเศรษฐศาสตร์ที่มีช่ือในสำนักนี-โอคลาสสิก ได้แก่ Alfred Marshall (1842-1924) ในปี
1890 อัดฟรด มาร์แซลล์ ท่านได้เขียนหนังสือช่ือ “The Principles of Economics” และในปลาย
ศตวรรษที่ 19 ในช่วงปี ค.ศ.1936 John Maynard Keynes ท่านได้เขียนหนังสือ The General
theory Employment, Interest and money และ ในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 19 อุตสาหกรรมใน
ยุโรปได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ประชากรของภาคการเกษตรได้อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองอุตสาหกรรม
จำนวนมาก จนเกดิ ปญั หาคา่ แรงงานกรรมกรปัญหาการว่างงานและปญั หาสนิ ค้าลน้ ตลาดในช่วงนีจ้ งึ มี
การเสนอทฤษฎีค่าจ้างแรงงานโดย คาร์ล มาร์ค (Karl Marx) ได้เสนอทฤษฎีจ้างแรงงาน โดยให้
ความสำคัญกับแรงงานมากกว่าเครื่องจักเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการการเมอื งในสมัยนั้น โดยได้
กลา่ ว นายทนุ เปน็ ผขู้ ุดรีดแรงงานจากกรรมกรเพอ่ื สะสมทนุ 8
การแบ่งขอบข่ายของวชิ าเศรษฐศาสตรอ์ อกเป็น เศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตรม์ ห
ภาค เริ่มขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดย อัดเฟรด มาร์แซล (Alfred Marshall) ท่านได้
เสนอทฤษฎีว่าด้วยการผลิตซ่ึงถือว่าเป็นต้นแบบของเศรษฐศาสตร์จุลภาคและต่อมาในช่วงปี ค.ศ.
1930 ได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทั่วโลก ประเทศต่างๆ ต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงานใน
8 อภินนั ท์ จันตะน.ี เศรษฐศาสตร์ 1. สำนักพิมพ์ พิทักษ์อกั ษร. 2544. หน้า 3.
เศรษฐศาสตรใ์ นชวี ิตประจำวัน 8
ระยะเวลาดงั กล่าว นักเศรษฐศาสตร์ ช่ือว่า จอห์น เมย์นาร์ค เคนส์ (John Maynard Keynes) ได้
เสนอทฤษฎีว่าด้วยการจ้างงาน ซึ่งถือว่าเป็นที่มาของเศรษฐศาสตร์มหภาค การใช้นโยบายการคลัง
และการเงินของรัฐบาลเพ่ือแก้ไขปัญหาการว่างงานจงึ ทำให้เกดิ แนวความคิดใหมใ่ นรปู ของเสรนี ยิ มท่มี ี
รฐั บาลเข้าไปเกี่ยวข้องในระบบเศรษฐกิจเพ่ือช่วยรักษาระดับเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมแบบ
ใหม่นี้ เรียกว่า ระบบเสรีวิสาหกิจ ด้วยเหตุนี้ขอบข่ายของวิชาเศรษฐศาสตร์จึงแยกออกเป็ น
เศรษฐศาสตร์ส่วนย่อยศึกษาในรูปของบุคคลและหน่วยธุรกิจ เรียกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาคและ
เศรษฐศาสตร์ส่วนรวมศกึ ษาเรื่องการมีงานทำ รายได้ประชาชาติและการคา้ ระหว่างประเทศเรียกว่า
เศรษฐศาสตร์มหภาค
ความแตกตา่ งระหวา่ งวิชาเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาคและวชิ าเศรษฐศาสตรม์ หภาค
เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Micro Economics) เป็นการศึกษาถึงพฤติกรรมของหน่วยทาง
เศรษฐกิจหน่วยย่อย ๆ (economic unit) หน่วยใดหน่วยหน่ึงโดยเฉพาะ ตลอดท้ังเป็นการศึกษาถึง
พฤติกรรมทางเศรษฐกิจของแต่ละหน่วยน้ัน ๆ อย่างเป็นเอกเทศ ในที่นี้หมายถึง การศึกษาถึง
พฤติกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของบุคคลหนึ่ง ๆ หน่วยผลิตหน่ึง ๆ อุตสาหกรรมหน่ึงๆ ตลอดจน
สินค้าใดสินค้าหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น ทำไมบุคคลหน่ึงๆ จึงมีพฤติกรรมในการบริโภค
เช่นนั้น ทำไมหน่วยผลิตหน่ึงๆ จึงได้กำไรดีหรือขาดทุน ทำไมอุตสาหกรรมหนึ่งๆ จึงเจริญรุ่งเรือง
หรือซบเซา ทำไมสินค้าหน่ึงๆ จงึ มรี าคาเพ่มิ ข้นึ หรอื ลดลง
เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macro Economics) มุ่งศึกษามวลรวม เป็นการศึกษาถึง
พฤติกรรมและปรากฏการณท์ างเศรษฐกิจของระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวม เช่น วิเคราะห์อุปสงค์มวล
รวม Aggregate demand ของผบู้ รโิ ภคอุปทานมวลรวม Aggregate Supply ของผู้ผลติ ผลิตภัณฑ์
มวลรวมประชาชาติ หรอื ดกู ารจา้ งงานท้งั หมดในประเทศ ระดบั ราคาเฉลยี่ โดยท่ัวไป ระดับการบริโภค
การออม การลงทุนรายได้ประชาชาติ การสง่ ออก การนำเข้า เปน็ การดูภาพรวมๆ มีการเปรียบเทียบ
เหมือนการพิจารณาครอบครัวแตล่ ะครอบครัว (จลุ ภาค) กับทง้ั ประเทศ (มหภาค) วา่ ครอบครัวแต่ละ
ครอบครัวว่าผลิตอะไรนำเข้าส่งออกอยา่ งไร เปน็ ตน้
ชนิดของทฤษฎเี ศรษฐศาสตร์
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์โดยทว่ั ไป อาจแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ คือ
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ตามที่เป็นจริง (Positive economics) เป็นทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ท่ี
อธิบายถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจที่เคยเกิดข้ึนในอดีต (what was) ท่ีกำลังเกิดขึ้น (what
is) และที่จะเกิดข้ึนในอนาคต (what will be)การศึกษาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในลักษณะน้ีเป็น
การศึกษาโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้รู้ถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ว่าอะไรคืออะไร โดยไม่ได้ประเมินถึงผล
เศรษฐศาสตรใ์ นชีวิตประจำวัน 9
ของปรากฏการณ์นั้นว่าเป็นส่ิงที่ดีหรือไม่ เป็นท่ีพึงพอใจของสังคมหรือไม่ ตัวอย่างเช่น การศึกษาถึง
ทฤษฎีของผู้ผูกขาดสนิ ค้าตามที่เป็นจริง จะเป็นการศกึ ษาในลักษณะท่ีว่า การผูกขาดสินค้ามั่นเกิดขึ้น
ได้อย่างไร และในกรณีที่มีการผูกขาดสินค้า ผู้ผลิตจะตัดสินใจผลิตสินค้าจำนวนเท่าใดและกำหนด
ราคาสินค้าเท่าใดขายได้และ จึงจะได้รับกำไรสูงสุด เป็นต้น ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์โดยทั่วๆ ไปจะมี
ลกั ษณะเปน็ ทฤษฎเี ศรษฐศาสตรต์ ามทเี่ ปน็ จรงิ
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ตามท่ีควรจะเป็น (Normative economics) เป็นทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์ท่ีมุ่งพจิ ารณาถึงผลของปรากฏการณต์ ่างๆ ว่าเปน็ ส่ิงท่ดี ีหรือไม่ เปน็ ทพี่ ึงพอใจของสังคม
หรือไม่หากไม่เป็นท่ีพึงพอใจของสังคมทำอย่างไรจึงจะเป็นที่พึงพอใจของสังคมได้ดังนั้นการศึกษา
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในลักษณะนี้จึงเป็นการศึกษาในแง่ของการประเมินผลของปรากฏการณ์ต่างๆท่ี
เกิดขนึ้ ตัวอย่างเช่นในการศึกษาทฤษฎขี องผู้ผกู ขาดสนิ คา้ ตามท่ีควรจะเป็นจงึ เปน็ การศกึ ษาในลักษณะ
ทวี่ ่าการผกู ขาดสินคา้ มีผลดีผลเสียตอ่ ระบบเศรษฐกิจอยา่ งไรถ้าการผูกขาดมผี ลเสยี ต่อระบบเศรษฐกิจ
ต้องมีการควบคุมอย่างไรเป็นต้นจะเห็นได้ว่าการศึกษาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในลักษณะน้ีเป็นเรื่องที่
ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจแตกต่างกันได้ ดังนั้น เราจึงไม่อาจสรุปผลของทฤษฎี
ตามทค่ี วรจะเปน็ ใหแ้ นน่ อนลงไปได้
จะเห็นไดว้ ่าทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ตามที่เปน็ จริงและทฤษฎเี ศรษฐศาสตร์ตามท่ีควรจะเป็นจะ
มีความแตกต่างกันในแง่ที่ว่าทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ตามท่ีเป็นจริงสามารถพิสูจน์ความถูกต้องได้โดย
พิจารณาจากข้อเท็จจริงท่ีเกิดขึ้นในอดีตปัจจุบันและที่จะเกิดข้ึนในอนาคตแต่ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์
ตามท่คี วรจะเปน็ ไม่สามารถพิสูจน์ความถกู ต้องโดยอาศยั ข้อเท็จจริงได้9
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งวิชาเศรษฐศาสตรก์ ับศาสตรอ์ นื่ ๆ
วชิ าเศรษฐศาสตร์เป็นสาขาวิชาของสังคมศาสตรท์ ่ีศึกษาถึงพฤตกิ รรมของมนษุ ย์ในด้านการ
ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจำกัดนำทรัพยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมีการนำ
ทรัพยากรมาผลติ อยา่ งไรใหเ้ กดิ การผลติ อย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น วชิ าเศรษฐศาสตร์มี
ความสัมพนั ธก์ บั ศาสตรอ์ ื่นๆ ทมี่ คี วามเกี่ยวเน่อื งกัน ดังตอ่ ไปน้ี
เศรษฐศาสตร์มีความสัมพันธ์เก่ียวข้องกับการศึกษา เช่น เราต้องวางแผนว่าเราควรจะ
ผลิตนักเรียนระดับใด ประถม หรือ มัธยม สายอาชีพ ถ้าเป็นสายอาชีพควรเน้นสายอาชีพใดเพื่อให้
นักเรียนสายอาชีพเม่ือจบไปแล้วสามารถนำความรู้มาประกอบอาชีพได้ ถึงจะเน้นสายสามัญเพื่อ
วางรากฐานให้นักเรียน เพ่ือท่ีจะเรียนต่อข้ันอุดมศึกษา ซ่ึงจะต้องมีการวางแผนในการใช้งบประมาณ
และวางแผนการศึกษาใหส้ อดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน
9 รัตนา สายคณิต. และคณะ เศรษฐศาสตร์เบ้ืองต้น. พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ. : พิมพ์ที่โรง
พมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ.์ 2547. หนา้ 12-13
เศรษฐศาสตร์ในชวี ติ ประจำวัน 10
เศรษฐศาสตรส์ ัมพันธ์กับการบริหารธุรกิจวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เก่ียวข้องกับการ
ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในการผลิตการบริโภคการจำหน่ายจ่ายแจกการดำเนินกิ จกรรมทาง
เศรษฐกิจทำให้เกิดปัญหาท่ีเกิดขึ้นตามมาก็คือการขนส่งการค้าการเงินการธนาคารและอ่ืนๆ
วตั ถุประสงค์ ของการดำเนินธรุ กิจกำไรสูงสุดทำอย่างไรจึงจะผลิตได้มากท่ีสุดและจะหาตน้ ทุนทตี่ ่ำมา
จากไหน น่ันคอื นักบริหารธุรกจิ ตอ้ งการบริหารธุรกจิ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ นกั บริหารจำเป็นตอ้ งมีความรู้
ทางเศรษฐศาสตรเ์ พอื่ วางแผนการผลิต การตลาด และราคา เพ่อื ให้ผลิตได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ และ
เสียต้นทุนน้อยท่ีสุดเพอ่ื ให้ได้กำไรสูงสุดนอกจากน้ันต้องมีความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกจิ ใน
ประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับภาวการณ์การเงิน การค้า การขนส่ง การธนาคาร และการลงทุน
เพื่อนำความรู้และเคร่ืองมือทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้และวางแผนการผลิต การจำหน่ายของ
ธรุ กิจ เพื่อใหธ้ รุ กิจบรรลุเปา้ หมายตามกำหนดไว้
เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับรัฐศาสตร์นักปกครองมีหน้าที่ปกครองประชาชนให้มีความ
ปลอดภัย และมีความม่ันคงในทางด้านเศรษฐกิจ ถ้าหากประชาชนไม่มีความม่ันคงทางด้านเศรษฐกิจ
รายได้ต่ำ การว่างงานมีมาก อาจทำให้เกิดปัญหาโจรผู้ร้าย อาชญากรรม ตามมา เพราะฉะน้ันนัก
รฐั ศาสตร์จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ว่าทำอย่างจึงจะทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี
เพื่อให้ประชาชนมีความปลอกภัยและมีความม่ันคงนักรัฐศาสตร์จำเป็นต้องใช้วิชาเศรษฐศาสตร์และ
วิชารัฐศาสตร์เพ่ือบริหารประเทศให้มีความเจริญเติบโตและมีเสถียรภาพพร้อมทั้งการเมืองมีความ
มนั่ คงควบคกู่ ันไปซง่ึ ในระยะต่อมาจึงได้มีวชิ าวา่ ด้วย“เศรษฐศาสตรก์ ารเมือง”(Political Economy)
เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับนิติศาสตร์วิชานิติศาสตร์เป็นเรื่องการออกกฎหมายมาบังคับให้
ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขวิชาเศรษฐศาสตร์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับวิชานิติศาสตร์ท้ังน้ี
เพราะปัญ หาทางเศรษฐกิจบางอย่างต้องอาศัยกฎหมายมาสนับสนุนเพื่อ ควบคุมสถานการณ์ ทาง
เศรษฐกิจ เช่น กรณีเม่ือเกิดภาวะเงินเฟ้อ ราคาสินค้าโดยท่ัวไปสูงข้ึน ค่าของเงินลดลง ผู้มีรายได้
ประจำจะเดือดร้อนเพราะฉะน้ันทางรัฐบาลจำเปน็ ตอ้ งออกกฎหมายมาควบคมุ ราคาสินคา้ หรอื ประกัน
ราคาสนิ ค้า
เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับจิตวิทยาและสังคมวิทยาวิชาจิตวิทยาและสังคมวิทยาเป็นวิชาที่
ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม และแรงจงู ใจของมนุษย์ วิชาเศรษฐศาสตรเ์ ก่ียวข้องสัมพันธก์ ับวชิ าจิตวิทยา
และสังคมวิทยาในรูปการแสดงพฤติกรรมทางด้านเศรษฐศาสตร์เช่นพฤติกรรมของผู้บริโภคพฤติกรรม
ของผ้ผู ลิตวิชาจิตวทิ ยาและสังคมวิทยาช่วยทำให้นักเศรษฐศาสตร์เข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์เก่ียวกับ
มูลเหตจุ งู ใจ และพฤตกิ รรมทางเศรษฐกิจ
เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์วิชาประวัติศาสตร์ศึกษาถึงความเป็นมาเร่ืองราว
เหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตท่ีเก่ียวกับสังคมศาสตร์ประวัติศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือท่ีจะช่วยในการศึกษา
วิชาเศรษฐศาสตรใ์ หเ้ ข้าใจไดด้ ียงิ่ ขึ้น เพราะหากไดศ้ ึกษาประวัติลัทธเิ ศรษฐกิจให้เข้าใจ ก็จะสามารถรู้
เศรษฐศาสตร์ในชีวติ ประจำวัน 11
ถงึ ภาวะเศรษฐกจิ ในยคุ ต่าง ๆ ทีผ่ ่านมาได้และนำมาประยกุ ต์ใชก้ บั ภาวะเศรษฐกิจในปจั จุบัน และชว่ ย
ใหพ้ ยากรณ์เหตุการณใ์ นอนาคตได้ดีย่ิงข้ึน
เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับภูมิศาสตร์วิชาภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเร่ืองสภาพดิน
ฟา้ อากาศ สถานทตี่ ้ัง ทรพั ยากร ส่งิ เหล่านม้ี ีประโยชนอ์ ย่างมากในการนำมาพจิ ารณาเกี่ยวกับการผลิต
ในระบบเศรษฐกิจว่าควรจะผลิตอะไรจึงจะสนองความต้องการของผู้บริโภคและผลิตแล้วจะส่งไปยัง
ชนกลุ่มใด ทั้งนีจ้ ะตอ้ งคำนึงถงึ สภาพภมู อิ ากาศแตล่ ะทอ้ งถิน่ เปน็ สำคัญ
เศรษฐศาสตร์สัมพันธ์กับวิชาคณิตศาสตร์วชิ าเศรษฐศาสตร์ในสมัยแรกเรม่ิ น้ันได้ใช้วธิ ีการ
อธิบายหรือพรรณนาเกี่ยวกับภาวการณ์ต่างๆท่ีเกิดข้ึนและท่ีอาจเกิดขึ้นในอนาคตแต่ต่อมาได้มีการ
น ำ เอ า ห ลั ก ก า ร ท า ง วิ ช า ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ เข้ า ม า ใช้ ใน ก า ร ค ำ น ว ณ เพื่ อ ให้ เข้ า ใจ ก ฎ แ ล ะ ท ฤ ษ ฎี ท า ง
เศรษฐศาสตร์ให้ง่ายยิ่งข้ึนจึงเกิดเศรษฐศาสตร์จุลภาคขึ้นวิชาเศรษฐศาสตร์นอกจากจะเก่ียวข้องกับ
ศาสตร์ต่างๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว วิชาเศรษฐศาสตร์ยังมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อ่ืนๆ อีก เช่น
สถิติการเกษตร เปน็ ต้น การศกึ ษาวิชาเศรษฐศาสตร์ในปัจจบุ ันนยิ มเอาหลกั ของคณติ ศาสตรแ์ ละสถิติ
ขัน้ สงู มาอธบิ ายทฤษฎี และวิเคราะห์แนวโนม้ ทางเศรษฐศาสตร์เรยี กว่า “วชิ าเศรษฐมติ ิ”10
ความสำคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์
จากภาวะเศรษฐกิจในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่ได้เผชิญอยู่ในปัจจุบันน้ีคือปัญหาความ
ยากจน รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ปัญหาการว่างงาน ปัญหาการลงทุน ปัญหาความขาดแคลน
ปัญหาการมีอยู่จำกดั 11ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติบางชนิดทจี่ ะนำมาใช้ในการผลิตหมดไปไม่สามารถที่
จะหามาทดแทนได้ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่มีผลทำให้สภาวะทางสังคมเปล่ียนแปลง
ไปแต่การเปลยี่ นแปลงดังกลา่ วกเ็ ป็นการปรับตวั ของมนษุ ย์เพ่อื ให้เข้ากับสภาพแวดลอ้ มท่ีเปลย่ี นแปลง
ไป ดังน้ัน การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์จึงได้จำแนกออกตามความสำคัญในด้านต่างๆ ดังน้ี
วิชาเศรษฐศาสตร์เก่ียวข้องกบั ตัวบุคคลวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นเร่ืองราวท่ีเก่ียวข้องกับชีวิต
ประจำวันของมนุษย์ทุกคนในสังคมไม่ว่าอดีตที่ผ่านมาและอนาคตที่จะมาถึงจะเป็นปัญหาการใช้
จ่ายเงินเพ่ือเลือกซื้อสินค้าสำหรับการบริโภค ปัญหาการว่างงาน ปัญหาค่าจ้างแรงงาน ปัญหาเงินฝืด
เงนิ เฟ้อปัญหาการข้ึนลงของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งปัญหาเหลา่ น้ียอ่ มมีความสำคัญและต้องการ
10 อภินันท์ จันตะนี และคณะ. เศรษฐศาสตรเ์ บอ้ื งต้น พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑ กรงุ เทพฯ : หา้ งหนุ้ ส่วนจำกดั วิ.เค.
พริ้นติ์, ๒๕๓๖. หน้า ๖-๘ อ้างในหนังสือ. กฤตยา ตติรังสรรค์สุข “เศรษฐศาสตร์มหาภาคเบ้ืองตน้ ” พิมพ์คร้ังที่
๒ กรงุ เทพฯ: สำนกั พิมพแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. หนา้ ๒๔-๒๖,
11 “ความขาดแคลน” กับการ “มีอยู่จำกัด” ต่างกัน คือ ความขาดแคลน เป็นสภาพที่เกิดจากความ
ตอ้ งการใชม้ ากกว่าสง่ิ ท่มี ีอยู่ แตก่ ารมีอยู่จำกดั นั้นอาจจะมีความขาดแคลนเกดิ ขึ้นหรอื ไม่กไ็ ด้ข้นึ อยู่กบั ความต้องการ
ใชข้ ณะน้นั ว่ามนี ้อยกว่าหรือมากกว่าสิง่ ทีม่ ีอยจู่ ำกดั นั้น.
เศรษฐศาสตรใ์ นชีวิตประจำวนั 12
ผู้ท่ีมีความรู้ความเข้าใจเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องวิชาเศรษฐศาสตร์อาจช่วยให้
ผู้เรยี นเขา้ ใจปัญหาเหล่านี้ได้ดกี ว่าผู้ทไ่ี มม่ คี วามรใู้ นดา้ นเศรษฐศาสตร์
วิชาเศรษฐศาสตร์เก่ียวข้องกับประชาชนของประเทศการเรียนรู้หลักและทฤษฎีทาง
เศรษฐศาสตร์ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงกลไกการทำงานของระบบเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้นเข้าใจถึงบทบาท
และหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆในระบบเศรษฐกิจ เช่น ภาคครัวเรือนภาคธรุ กิจและองค์กรของรัฐบาล
ซ่ึงความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่น้ีจะช่วยให้เข้าใจถึงนโยบายและแนวทางที่ทุกคนต้องปฏิบัติ
เพอ่ื ใหท้ กุ ฝ่ายไดร้ ับสง่ิ ท่ีดที ่สี ดุ มีประโยชน์มากที่สดุ ทง้ั สว่ นตัวและส่วนรวมของประเทศ
วิชาเศรษฐศาสตร์เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร ผู้บริหารงานทุกระดับ เช่นผู้จัดการหน่วยธุรกิจ
หรือผู้บริหารประเทศควรมีความร้คู วามเข้าใจทางด้านวชิ าเศรษฐศาสตร์เพราะการตดั สินใจอะไรต่างๆ
จำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เพื่อการจัดการและนำไปวิเคราะห์ หรือใช้ประกอบการ
กระทำในสง่ิ น้นั ๆการมีความรู้ทางด้านวชิ าเศรษฐศาสตร์จะชว่ ยให้สามารถหาข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ
ทางการผลิตทางการจำหนา่ ยและทางการบริโภคไดด้ ีย่ิงข้ึน อันจะมีประโยชน์แก่การบริหารงานต่างๆ
ในหน่วยงานของตน
วิชาเศรษฐศาสตร์เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศ ความรู้ทางด้านวิชา
เศรษฐศาสตร์จะช่วยให้สามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศได้ดมี ีประสิทธิภาพเช่นทางด้านการค้า
ระหว่างประเทศ การลงทุนจากต่างประเทศจะต้องมีการจัดตั้งกฎข้อบังคับต่างๆ เช่น การค้าเสรี
(FGA) การต้ังกำแพงภาษีการตั้งเง่ือนไขการค้าการใช้ทรัพยากรธรรมชาติการให้สัมปทานและการ
ส่งเสริมกิจกรรมบางอย่างจำเป็นที่ฝ่ายผู้บริหารระดับสูงต้องมีความรู้ ทางด้านเศรษฐศาสตร์เป็น
พน้ื ฐาน เพอื่ ที่จะช่วยให้มีการตดั สินใจและการวนิ ิจฉัยส่งิ ต่างๆ ได้ดยี ิง่ ขึน้
วิชาเศรษฐศาสตร์ช่วยให้ประเทศมีความมั่นคงถ้าหากรัฐบาลมีการบริหารทรัพยากรอัน
จำกัดด้วยความรอบคอบและด้วยความรทู้ ี่ไดจ้ ากการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ย่อมนำมาซึ่งความม่ังคั่ง
ให้แก่ประเทศและช่วยให้ทรัพยากรท่มี อี ยนู่ ั้นให้ใชไ้ ปไดน้ านย่ิงขึน้
วิชาความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการวางแผนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละ
ประเทศในปัจจุบันได้มีการวางเป้าหมายไวห้ ลายด้วยกัน เช่น กำหนดอตั ราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
การกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาคการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์หรือคุณภาพชีวิตซึ่งการดำเนินงานเพ่ือให้
บรรจเุ ป้าหมาย ลว้ นแต่มกี ารนำหลกั การทางเศรษฐศาสตร์มาใช้ทง้ั ส้นิ 12
12 จรูญ โกสีย์ไกรนิรมล และคณะ. เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น. (ปรับปรุง พ.ศ.2546 พิมพ์คร้ังที่ 2)
กรงุ เทพฯ: พิมพ์ท่ี บริษทั ไทยรม่ เกล้า จำกัด อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี. หนา้ ท่ี 13-14
เศรษฐศาสตร์ในชวี ติ ประจำวนั 13
ความเป็นมาของวชิ าเศรษฐศาสตรใ์ นประเทศไทย
ประเทศไทยได้ดำเนินกิจการเก่ียวกับเศรษฐกิจมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยโดยหลักศิลาจารึกเม่ือ
คร้ังพ่อขุนรามคำแหงได้ปกครองเมืองสุโขทัยพระองค์ทรงตรัสไว้ว่าเมืองสุโขทัย “ในน้ำมีปลาในนามี
ข้าว เจา้ เมืองบ่เอาจงั กอบในไพร่ลู่ทาง จงู วัวไปค้า ข่มี ้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างคา้ ใครจักใคร่ค้า
ม้าค้าใครจักใคร่ค้าเงินค้าไพร่ฟ้าหน้าใส”ซ่ึงแสดงได้ว่าพลเมืองท่ีอยู่ภายใต้ปกครองของพระองค์มี
อิสรเสรีในการท่ีจะค้าขายได้โดยไม่มีข้อห้ามหรือข้อยกเว้นโดยเมืองสุโขทัยในสมัยพ่อขุนรามคำแหง
มหาราชน้ันมีความอุดมสมบูรณ์ประชาชนทำการค้าอย่างอิสรเสรีและไม่มีการจักเก็บภาษีอากรด้วย
พรอ้ มท้ังทำการค้ากับประเทศจีนอกี ด้วย
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาและต้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ประเทศไทยได้ทำการค้ากับต่าง
ประเทศได้รับเอาแนวคิดและวิทยาการทางเศรษฐศาสตร์เข้ามาจากต่างประเทศที่เก่ียวกับ ด้าน
การเงิน การธนาคาร การคลงั และการค้า เปน็ ต้น แตย่ ังมไิ ด้รวมรวบไว้เป็นหลักเกณฑ์ท่ีถูกต้อง
ตามหลกั การวิธที างวิทยาศาสตร์ จนกระท่งั ในปี พ.ศ.2454 พระยาสรุ ิยานุวัตร ท่านได้เรียบเรยี งและ
พิมพ์หนังสือเศรษฐศาสตร์เลม่ แรกของประเทศไทย ช่อื ทรพั ยศาสตร์เบื้องต้นทา่ นไดอ้ ธบิ ายถงึ ทฤษฎี
มูลค่าของนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มคลาสสิกและยกตัวอย่างจากประเทศไทยประกอบแต่รัฐบาลในสมัย
นัน้ ขอรอ้ งมใิ ห้นำออกเผยแพร่
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ.2475จึงได้นำมาปรับปรุงและพิมพ์ออกมาใหม่
ให้ ชื่อใหม่ว่า เศรษฐศาสตร์วิทยาภาคต้น เล่ม 1 ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ภาค ภาคหนึ่งวา่ ด้วย การสร้าง
ทรัพย์ ภาคสองว่าด้วยการแบ่งปันทรัพย์ การกระจายรายได้ ซ่ึงศึกษาถึง ค่าเช่า ท่ีดิน ค่าแรงงาน
กำไรการร่วมทุนร่วมแรงผลประโยชน์ ในขณะเดียวกัน กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ได้เขียน
และพิมพ์หนังสือข้ึนในปีพ.ศ.2459ชื่อ ตลาดเงินตรา (Money Market) แต่การศึกษาวิชาด้าน
เศรษ ฐ ศาส ต ร์ใน ระย ะน้ั น ยั งไม่ได้ ศึก ษ าอย่ างจ ริงจั งแล ะแพ ร่ ห ล าย ต่ อม า ปี พ .ศ.2477 ได้ จั ด ตั้ ง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นจึงได้ศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์กันอย่ างแพร่หลายและมีผู้
แปลหนังสือ The Principles of political economy ของท่านศาสตราจารย์ Charle Gide เป็น
ภาษาไทยโดยพิมพ์ออกเผยแพร่ ในปี พ.ศ.2479 ในขณะนั้น พระสารสาสน์พลขันธ์ ได้เขียนตำรา
เศรษฐศาสตร์ข้ึน 2 เล่ม คือ เศรษฐศาสตรว์ า่ ดว้ ยเศรษฐกิจการคา้ กับ เศรษฐศาสตรว์ า่ ด้วยการเงิน
และได้พิมพ์ออกเผยแพร่ในปี พ.ศ.2480 และ 2481 เพ่ือใช้ในการสอนโดยใช้สำนวนธรรมดาที่คน
ท่ัวไปอ่านแล้วเข้าใจได้ พร้อมท้ังมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้คนไทยต่ืนตัวในการค้าขาย แต่ในระยะ
ชว่ งของสงครามโลกคร้ังที่สองการศึกษาวชิ าเศรษฐศาสตร์ได้หยุดชะงักลง หลงั สงครามได้สงบลงแล้ว
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองได้แยกหลักสูตรเศรษฐศาสตรอ์ อกไปต้ังเป็นคณะซึ่งขณะนั้นมี
4 คณะ เช่น คณะเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น ได้จัดการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาตรีและ
ปริญญาโทโดยตรงต่อมาท่ีจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทำการสอนวิชา
เศรษฐศาสตรใ์ นชีวติ ประจำวนั 14
เศรษฐศาสตร์ และในปัจจุบันมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งก็มีการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยเน้น
ทางด้านอาชีพมากขึน้
ในสมัยท่ีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีท่านได้มีการวางแผนพัฒนาการ
เศรษฐกิจฉบับแรกขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 250413 ซ่ึงได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนนักเศรษฐศาสตร์เข้า
มาร่วมงานในด้านการวางแผนเศรษฐกิจทั้งการลงทุนภาครัฐบาลและเอกชนและชักชวนช าว
ตา่ งประเทศมาลงทนุ ในประเทศไทยมากขน้ึ โดยมผี ู้เชย่ี วชาญทางด้านเศรษฐกิจและสงั คมเขา้ มารวมใน
คณะกรรมการต่างๆ ท้ังนี้เพ่ือดำเนินงานด้านพัฒนาเศรษฐกิจดังเช่นการนำความรู้และวิชาการ
ทางด้านเศรษฐศาสตรก์ ารเงินการคลังมาใช้ประกอบการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง
ของประเทศโดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับวิธีทางเศรษฐศาสตร์มากขึ้น โดยได้จัดตั้งหน่วยงานด้าน
เศรษฐกิจข้ึน เช่น การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสำนักงานคณะกรรมการ
ตรวจสอบการปฏิบัติเก่ียวกับภาษีอากรและรายได้อ่ืนๆ ของรัฐบาล และสำนักงานงบประมาณ เป็น
ต้น ก็เพ่ือปรับปรุงระบบการคลัง การผลิตและภาษีอากรของประเทศข้ึนตามแนวความคิดของนัก
เศรษฐศาสตร์
ดังน้ัน วิชาเศรษฐศาสตร์ในปัจจุบัน จึงได้แพร่หลายโดยท่ัวไป กล่าวคือนอกจากจะมีการ
สอนตามมหาวทิ ยาลัยของรฐั และเอกชนแล้วตามโรงเรยี นมธั ยมและวิทยาลยั พาณชิ ย์ก็มกี ารสอนทั่วไป
และมหาวิทยาลัยราชภัฎท้ัง 41 แห่ง ได้กำหนดให้เป็นวิชาบังคับเรียนในสายคณิตศาสตร์ สายวิชา
วิทยาศาสตรแ์ ละสายวิชาครุศาสตร์ ทั้งระดับอนุปริญญาและระดับปริญญาตรี จึงเป็นท่ีคาดหมายใน
อนาคตอันใกล้นี่ว่าวิชาเศรษฐศาสตร์นับวันจะมีความสำคัญย่ิงข้ึนเพราะทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด
แต่ความต้องการของมนุษย์เพิ่มข้ึนไม่มีขีดจำกัดจึงจำเป็นจะต้องนำหลักการและทฤษฎีทาง
เศรษฐศาสตร์มาเป็นเครอ่ื งมือในการจดั สรรทรัพยากรอยา่ งประหยดั และเกดิ ประโยชน์สงู สดุ
ประโยชนข์ องวชิ าเศรษฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาท่ีสอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของบุคคลท่ัวไปไม่วา่ บคุ คลน้ันจะอยู่
ในฐานะอะไรดังน้ันการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ย่อมจะทำให้ได้ประโยชน์ในแง่ที่ช่วยให้เข้าใจ
สถานการณ์ต่างๆทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนย่ิงข้ึนซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในการแก้ปัญหา
ต่างๆ ทางเศรษฐกจิ ใหบ้ รรลุเป้าหมายท่ีกำหนดไว้
ในฐานะผู้บริโภคความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถประมาณการและวาง
แผนการใช้จ่ายของครอบครัวเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้รับความสุขสบายมากขึ้น เช่น ช่วยในการ
13 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 1 “เสนาะ อุนากูล” อดีตเลขาธิการสภาพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่าเป็นแผนท่ีมีผลในการปรับทิศทางของประเทศมากท่ีสุด เพราะมีการระดมทั้ง
นักวชิ าการและข้าราชการทมี่ ีชอ่ื เสียง ในหลายสมัยเขา้ ดว้ ยกนั มาช่วยกันรา่ งแผน.
เศรษฐศาสตรใ์ นชวี ิตประจำวัน 15
ตัดสนิ ใจวา่ ภายใตส้ ถานการณท์ ่เี ป็นอยู่ในปจั จุบัน ควรเลือกซ้ือสินค้าชนดิ ใดบ้าง และควรเก็บออมไว้
เท่าอย่างไร จึงจะทำให้ครอบครัวได้รับความพอใจสูงสุด ในฐานะผู้ผลิต ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะ
ช่วยในการตัดสินใจเก่ียวกับการค้าและการลงทุน เช่น ควรลงทุนในกิจการใดเม่ือใดหรือควรจะผลิต
สินค้าชนิดใดในปริมาณและราคาเท่าใดหรือควรเลือกใช้เทคนิคการผลิตอย่างไรจึงจะเสียต้นทุนต่ำ
ที่สุดและได้รับกำไรสูงสุดในฐานะบุคคลท่ัวไปท่ีเป็นเจ้าของทรัพยากรและแรงงานท่ีสามารถนำไปใช้
ผลิตสินค้าและบริการได้หลายๆ ชนิด ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยในการตัดสินใจว่า ควรจัดสรร
ทรพั ยากรและแรงงานไปในการผลิตสินค้าและบริการใดจึงจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดเช่นคนงานควร
เลือกทำงานอะไรดีทำก่ีช่ัวโมงพักผ่อนก่ีช่ัวโมงจึงจะมีรายได้สูงสุดโดยไม่ทำให้สุขภาพทรุดโทรม
เจ้าของเงนิ ทุนควรนำเงนิ ออกให้กู้ยืมหรือฝากธนาคาร เจ้าของที่ดินควรนำทด่ี ินไปใช้สร้างตกึ แถวหรือ
สร้างบ้านเรือนให้เช่าเม่ือไรจึงจะได้ค่าเช่าสูงสุดความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยใ ห้เกษตรกรเข้าใจ
ปัญหาในการเพาะปลูกได้มากข้ึนเพราะการทำเกษตรแต่ละครั้งควรใช้ทรัพยากรเท่าไรและใช้อย่างไร
ใหไ้ ดป้ ระโยชน์มากท่สี ุด ในการผลติ เช่นการทำการเกษตรแต่ละแปรควรใช้แรงงานเทา่ ไรจึงจะค้มุ ทุน
เมื่อเกษตรกรรู้ถึงปัญหาการเพาะปลูกจะทำให้เกษตรกรรู้ว่าควรแก้ไขปัญ หานั้นอย่างไรดีเป็นต้น
นอกจากน้ี ในฐานะผ้บู ริหารประเทศหรือรัฐบาล ความร้ทู างเศรษฐศาสตรจ์ ะชว่ ยให้เข้าใจปัญหาทาง
เศรษฐกิจของประเทศตลอดจนรู้ถึงแนวทางท่ีจะแก้ไขปัญหาน้ันๆ ได้ถูกต้อง ทั้งยังมีส่วนช่วยในการ
กำหนดนโยบายเศรษฐกิจตลอดจนการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเหมาะสม เช่น เมื่อ
รัฐบาลร้ถู งึ ปัญหาความยากจนในชนบท ทำให้รฐั บาลรู้ว่าควรแกไ้ ขปัญหานั้นอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลท่ัวไป แต่การที่
จะนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ไปใช้ให้ได้ผลจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เป็ นอยู่ในขณะนั้น
ด้วย เช่นการท่ีจะนำมาตรการลดค่าของเงินมาใช้แก้ปัญหาดุลการค้าจะได้ผลตามที่คาดหมายหรือไม่
น้ัน ข้ึนอยู่กับปัจจัยมากมาย อาทิเช่น สินค้านั้นมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด ประเทศที่ส่ังซื้อมี
สินคา้ เหล่าน้นั เพียงพอหรือยงั รายได้ของประชากรของประเทศท่ีซ้ือขายกบั เราสูงต่ำแคใ่ หนและกำลัง
ผลิตในประเทศเราอาจเพิ่มได้มากน้อยเพียงใดหากมีผู้ต้องการซื้อสินค้าจากเรามากข้ึนๆจะเห็นได้ว่า
ปัจจัยต่างๆท่ีกล่าวถึงต่างก็มีส่วนที่จะทำให้การลดค่าเงินได้ผลหรือไม่ได้ผลดังนั้นก่อนที่จะนำ
มาตรการน้ีมาใช้ จึงต้องคำนึงปัจจัยเหล่านี้เสียก่อน และถ้าเห็นว่าปัจจัยต่างๆ เหล่าน้ันเอ้ืออำนวย
ให้การลดค่าของเงินได้ผลดี จึงควรตัดสินใจเลือกใช้มาตรการดังกล่าว14 และประโยชน์ท่ีผู้ศึกษาวิชา
เศรษฐศาสตรค์ วรรอู้ ีกดา้ น คอื
14 รัตนา สายคณิต และคณะ, เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น.พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ. : พิมพ์โรงพิมพ์แห่ง
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . 2547. หน้า 13-14
เศรษฐศาสตรใ์ นชีวติ ประจำวนั 16
1. ทำใหเ้ กิดความร้แู ละเขา้ ใจต่อปัญหา ปรากฏการณต์ า่ งๆ ทางเศรษฐกิจทเี่ กิดข้ึนในสังคม
ที่เราอาศัยอยู่และสามารถอธบิ ายสภาพการณ์ตา่ งๆได้เช่น ทำไมต้องมีการควบคุมราคาสินค้าหรอื การ
ประกนั ราคาพืชผล หรอื ทำไมตอ้ งมกี ารรบั จำนำข้าวเปลอื กเปน็ ตน้
2. สามารถทำนาย หรอื คาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ภายใตค้ วามเป็นไปของ
สถานการณ์ต่างๆ ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น ถา้ ในฤดปู ลกู ข้าวในปหี นึ่งๆ เกิดภาวะฝนแล้ง ในช่วง
ระยะเวลาต่อไปจะเกิดภาวะขาดแคลนข้าวหรือมีข้าวออกสู่ตลาดลดน้อยลงคาดไว้ว่าราคาข้าวจะ
สูงขึ้นทำให้ระดับราคาโดยทั่วไปสูงขึ้นหรือการส่งข้าวออกต่างประเทศลดน้อยลงทำให้รายได้จากการ
ส่งออกลดลงเกิดการขาดดุลการคา้ มากข้นึ เป็นตน้
3. ช่วยให้สามารถหาทางป้องกันมิให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาทาง
เศรษฐกิจของประเทศให้สำเร็จไปได้ดว้ ยดีโดยอาศัยความรู้และเคร่ืองมือทางเศรษฐศาสตร์เช่นปัญหา
การขาดดลุ การค้า การนำเข้าและส่งออก ดลุ การชำระเงิน เงินเฟ้อ
4. ช่วยกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการท้ังในระดับรัฐบาลและ
ธุรกิจเอกชนเน่ืองจากเศรษฐศาสตร์มีคุณค่าในเชิงปฏิบัติ เช่น การเพิ่มความเจริญเติบโตให้กับ
เศรษฐกิจต้องเพ่ิมการลงทุนต้องออมเท่าไรการบริโภคจะให้เพ่ิมหรือลดใช้เครื่องมือทางนโยบายการ
คลังภาษีความเข้าใจถึงการดำเนินงานทั้งหมดของระบบเศรษฐกิจจะช่วยให้การกำหนดนโยบายได้ดี
ขึ้นและเหมาะสมกับสถานการณ1์ 5
เศรษฐศาสตร์เป็นสาขาวิชาหน่ึงของสังคมศาสตร์ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกวิธีการจัดสรร
ทรัพยากรท่ีมีอยอู่ ย่างจำกัดไปในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของมนษุ ย์ที่มี
ไม่จำกัดให้เกดิ ประโยชนม์ ากทส่ี ดุ
นักเศรษฐศาสตรผ์ ้มู ชี อ่ื เสยี งหลาย ๆ คนพยายามใช้ถ้อยคำกะทดั รดั เพ่ืออธิบายความหมาย
ของเศรษฐศาสตร์ให้ถูกต้องแต่อย่างไรก็ดีไม่มีคำอธิบายศัพท์ใดเลยที่ได้รับการยอมรับวาถูกต้อง
สมบรู ณ์ สามารถยดึ ถอื เป็นบรรทัดฐานได้จริงๆเน่อื งจากการกำหนดส่งิ ทีเ่ ป็นนามธรรมทำได้ยากย่ิง
การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ในระยะเริ่มแรกจะมีประปนอยู่ในหลักของจริยธรรมปรัชญา
และคำสอนหรือข้อเขียนต่างๆ เช่น หลักปรัชญาของโสคราตีส (So creates) เพลโต (Plato) และ
อริสโตเติล (Aristotle)รวมทั้งคำสอนในพระพุทธศาสนา คริสต์ และอิสลาม เป็นต้น โดยพยายาม
สอดแทรกแนวความคิดให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีความสุข แต่
แนวความคิดเหล่าน้ียังไม่เป็นกฎเกณฑ์ หรือหลักการทางทางเศรษฐศาสตร์ เพราะโดยมากจะเป็นไป
15 สมุ ล มานสั ฤดี. หลกั เศรษฐศาสตร์ 1. (พิมพ์ครัง้ ที่ 2 ) กรงุ เทพฯ. สำนกั ต้นตำรบั . 2542 หนา้ 3.
เศรษฐศาสตรใ์ นชวี ิตประจำวัน 17
ในแนวทางปรัชญา ศีลธรรม ความยุติธรรม และการปกครอง แนวทางแห่งความคิดท่ีเป็นบ่อเกิดแห่ง
วิชาการทางเศรษฐศาสตร์
ประเทศไทยได้ดำเนินกิจการเก่ียวกับเศรษฐกิจมาต้ังแต่สมัยสุโขทัยโดยหลักศิลาจารึกเมื่อ
คร้ังพ่อขุนรามคำแหงได้ปกครองเมืองสุโขทัยพระองค์ทรงตรัสไว้ว่าเมืองสุโขทัย “ในน้ำมีปลา ในนามี
ข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจังกอบในไพร่ลู่ทาง จูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้า
ค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ไพร่ฟ้าหน้าใส” ซึ่งแสดงได้ว่าพลเมืองที่อยู่ภายใต้ปกครองมีอสิ รเสรี ในการ
ที่จะค้าขายได้โดยไม่มีข้อห้าม โดยเมืองสุโขทัยในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชน้ัน มีความอุดม
สมบูรณ์ ประชาชนทำการค้าอย่างอิสรเสรีและไม่มีการจักเก็บภาษีอากรด้วยพร้อมทั้งทำการค้ากับ
ประเทศจีนอีกด้วยเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาท่ีสอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของบุคคลท่ัวไปไม่ว่าบุคคล
นัน้ จะอยใู่ นฐานะอะไรดงั นน้ั การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ย่อมจะทำให้ได้ประโยชนใ์ นแง่ทชี่ ่วยให้เข้าใจ
สถานการณ์ต่างๆ ทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนย่ิงขึ้น ซึ่งจะเป็นพ้ืนฐานในการตัดสินใจในการ
แกป้ ญั หาตา่ งๆ ทางเศรษฐกจิ ให้บรรลเุ ป้าหมายทก่ี ำหนดไว้
สรุปทา้ ยบท
เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาท่ีสอดแทรกอยู่ในชีวติ ประจำวันของบุคคลท่ัวไปไม่ว่าบคุ คลน้ันจะอยู่
ในฐานะอะไรดังนั้นการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ย่อมจะทำให้ได้ประโยชน์ในแง่ท่ีช่วยให้เข้าใจ
สถานการณ์ต่างๆทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนย่ิงข้ึนซ่ึงจะเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในการแก้ปัญหา
ต่างๆ ทางเศรษฐกจิ ให้บรรลุเปา้ หมายท่ีกำหนดไว้
ในฐานะผู้บริโภคความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยใหผ้ ู้บริโภคสามารถประมาณการและวาง
แผนการใช้จ่ายของครอบครัวเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้รับความสุขสบายมากข้ึน เช่น ช่วยในการ
ตดั สนิ ใจว่า ภายใตส้ ถานการณท์ ี่เป็นอยใู่ นปัจจบุ ัน ควรเลือกซ้ือสนิ ค้าชนิดใดบ้าง และควรเก็บออมไว้
เท่าอย่างไร จึงจะทำให้ครอบครัวได้รับความพอใจสูงสุด ในฐานะผู้ผลิต ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะ
ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการค้าและการลงทุน เช่น ควรลงทุนในกิจการใดเม่ือใดหรือควรจะผลิต
สินค้าชนิดใดในปริมาณและราคาเท่าใดหรือควรเลือกใช้เทคนิคการผลิตอย่างไรจึงจะเสียต้นทุนต่ำ
ท่ีสุดและได้รับกำไรสูงสุดในฐานะบุคคลท่ัวไปท่ีเป็นเจ้าของทรัพยากรและแรงงานที่สามารถนำไปใช้
ผลิตสินค้าและบริการได้หลายๆ ชนิด ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยในการตัดสินใจว่า ควรจัดสรร
ทรัพยากรและแรงงานไปในการผลิตสินค้าและบรกิ ารใดจึงจะได้รับผลตอบแทนสงู สุดเช่นคนงานควร
เลือกทำงานอะไรดีทำก่ีชั่วโมงพักผ่อนก่ีชั่วโมงจึงจะมีรายได้สูงสุดโดยไม่ทำให้สุขภาพทรุดโทรม
เจ้าของเงนิ ทนุ ควรนำเงินออกให้กู้ยืมหรือฝากธนาคาร เจ้าของท่ีดินควรนำทด่ี ินไปใช้สร้างตึกแถวหรือ
สร้างบ้านเรือนให้เช่าเม่ือไรจึงจะได้ค่าเช่าสูงสุดความรู้ทางเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้เกษตรกรเข้าใจ
ปัญหาในการเพาะปลูกได้มากข้ึนเพราะการทำเกษตรแต่ละครั้งควรใช้ทรัพยากรเท่าไรและใช้อย่างไร
เศรษฐศาสตรใ์ นชีวติ ประจำวัน 18
ให้ได้ประโยชนม์ ากทีส่ ุด ในการผลติ เช่นการทำการเกษตรแต่ละแปรควรใช้แรงงานเทา่ ไรจึงจะค้มุ ทุน
เมื่อเกษตรกรรู้ถึงปัญหาการเพาะปลูกจะทำให้เกษตรกรรู้ว่าควรแก้ไขปัญหานั้นอย่างไรดีเป็นต้น
นอกจากน้ี ในฐานะผ้บู รหิ ารประเทศหรือรัฐบาล ความรทู้ างเศรษฐศาสตรจ์ ะช่วยให้เข้าใจปญั หาทาง
เศรษฐกิจของประเทศตลอดจนรู้ถึงแนวทางท่ีจะแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้ถูกต้อง ทั้งยังมีส่วนช่วยในการ
กำหนดนโยบายเศรษฐกิจตลอดจนการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเหมาะสม เช่น เม่ือ
รัฐบาลรถู้ ึงปัญหาความยากจนในชนบท ทำใหร้ ฐั บาลรวู้ า่ ควรแกไ้ ขปญั หานน้ั อยา่ งไรดี
เศรษฐศาสตร์ในชีวติ ประจำวัน 19
คำถามทา้ ยบท
1. จงอธิบายถึงความหมายของวชิ าเศรษฐศาสตร์
2. จงบอกถึงประวตั คิ วามเปน็ มาของวชิ าเศรษฐศาสตร์
3. จงอธบิ ายถึงความแตกต่างระหว่างวชิ าเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาคและวิชาเศรษฐศาสตรม์ หภาค
4. ชนดิ ของทฤษฎเี ศรษฐศาสตร์มีเทา่ ไร อะไรบา้ ง
5. จงอธบิ ายถงึ ความสัมพันธ์ระหว่างวิชาเศรษฐศาสตร์กบั ศาสตร์อนื่ ๆ
6. ความสำคญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์มผี ลตอ่ การดำเนินชีวติ อยา่ งไร
7. ความเปน็ มาของวิชาเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทยมีมาอย่างไร
8. ประโยชน์ของวิชาเศรษฐศาสตร์มอี ะไรบ้าง
เศรษฐศาสตรใ์ นชวี ิตประจำวัน 20
อ้างองิ ประจำบท
จรญู โกสีย์ไกรนริ มล และคณะ. “เศรษฐศาสตรเ์ บ้ืองต้น” (ปรบั ปรุง พ.ศ.2546 พมิ พ์คร้งั ท่ี 2)
กรงุ เทพฯ: พมิ พ์ที่ บริษัท ไทยร่มเกลา้ จำกัด อ.บางใหญ่ จ.นนทบรุ ี.
ทับทิม วงสป์ ระยูร. และคณะ. หลกั เศรษฐศาสตร.์ (พมิ พค์ รงั้ ที่ 1) บริษทั ธรรมสาร จำกัด. 2550.
ปัจจัย บุนนาค และสมคดิ แกว้ สนธิ. จลุ เศรษฐศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร. โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย. 2535.
ปรดี า นาคเนาวทมิ . เศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค1. สำนักพมิ พม์ หาวิทยาลัยรามคำแหง. 2541.
แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติฉบับที่1 “เสนาะ อนุ ากูล” อดีตเลขาธกิ ารสภาพฒั นา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตวิ ่าเปน็ แผนทีม่ ผี ลในการปรับทศิ ทางของประเทศมากท่ีสดุ
เพราะมีการระดมท้งั นักวิชาการและข้าราชการท่ีมีชื่อเสียงในหลายสมยั เขา้ ดว้ ยกนั มา
ชว่ ยกนั รา่ งแผน.
พจนานกุ รม (ฉบบั นดั เรยี น) ปรับปรุงใหม่ พิมพ์ทีไ่ อ.ควิ เพรสเซน็ เตอร์. ตลิง่ ชนั . กรงุ เทพฯ 2552.
รตั นา สายคณติ . และคณะ เศรษฐศาสตร์เบอื้ งตน้ . พิมพ์ครงั้ ที่ 3 กรงุ เทพฯ. : พิมพ์ทโี่ รง
พมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณ.์ 2547.
รตั นา สายคณิต และคณะ, เศรษฐศาสตรเ์ บอ้ื งต้น. พมิ พค์ ร้ังท่ี 3 กรงุ เทพฯ. : พิมพ์โรงพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . 2547.
สมุ ล มานสั ฤด,ี หลกั เศรษฐศาสตร์ 1. (พมิ พ์คร้งั ที่ 2 ) กรุงเทพฯ. สำนกั ต้นตำรบั . 2542.
อภินันท์ จนั ตะนี. เศรษฐศาสตร์ 1. สำนักพิมพ์ พทิ ักษ์อักษร. 2544.
อภนิ นั ท์ จันตะนี และคณะ. เศรษฐศาสตร์เบือ้ งต้น. พิมพ์คร้งั ท่ี ๑ กรงุ เทพฯ : หา้ งหุน้ สว่ น
จำกัด ว.ิ เค. พริน้ ติ์, ๒๕๓๖.
พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๒ กรงุ เทพฯ: สำนักพมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๔๑. หนา้ ๒๔-๒๖,
อทุ ศิ นาคสวสั ดิ์. หลกั และทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จลุ ภาค. ภาคหนึง่ . ว่าด้วยเศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค.
(พมิ พค์ รั้งที่ 4) พระนคร. พทุ ธอุปถัมภ์การพิมพ.์ 2513. (บทท่ี 1)
Lionel C. Robbins “An Essay on the Nature and significance of Econ Science, London,
mcmillan. 1953.
Samuelsson, Paul A. and Nordhaus, William D. (1998). Economics. (12 th ed). New
York :