The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พิธีขึ้นเปลเด็ก63112330004

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by iceice5441, 2021-09-29 23:49:05

พิธีขึ้นเปลเด็ก63112330004

พิธีขึ้นเปลเด็ก63112330004

ความทรงจาของผู้เฒ่าแห่งคาบสมุทร

เรื่อง พิธีขนึ้ เปลเดก็ จังหวัดนครศรีธรรมราช

จดั ทาโดย

นายปัญญวี มนต์แก้ว
นักศึกษาช้ันปี ท่ี ๑ รหัสนักศึกษา ๖๓๑๑๒๓๐๐๐๔
กลุ่มเรียน ๑๐ สาขาการจัดการวฒั นธรรมเชิงเศรษฐกจิ สร้างสรรค์

เสนอ

อาจารย์ มานะ ขนุ วชี ่วย
ประวตั ิศาสตร์นครศรีธรรมราช

รายงานฉบับนี้เป็ นส่วนหน่ึงของการเรียนวชิ า ประวตั ิศาสตร์นครศรีธรรมราช
นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสวิชา ๙๐๐๐๓๐๕
ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๓
มหาวิทยาลัยราชภฏั นครศรีธรรมราช



คานา

รายงานฉบบั น้ีจดั ทาข้นึ เพอ่ื ประกอบการเรียนรายวชิ า ประวตั ิศาสตร์นครศรีธรรมราช
นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหสั วิชา ๙๐๐๐๓๐๕ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ใหผ้ จู้ ดั ทา นกั ศกึ ษาไดศ้ ึกษาวถิ ีชีวติ
ความเป็นอยู่ ดา้ นพธิ ีกรรมความเชื่อท่ไี ดร้ บั การสืบทอดกนั มาต้งั แตส่ มยั โบราณ มีบทบาทสาคญั ต่อการ
ดาเนินชีวติ ในสงั คมชาวไทยภาคใต้ ท้งั ดา้ นความบนั เทิง การสื่อสาร ความรู้ รวมท้งั ขา่ วสารตา่ งๆสร้างสรรค์
โดยผา่ นกระบวนการการแสดงพน้ื บา้ นประเภทน้ีตลอดเร่ือยมา และเป็ นการอนุรักษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมภาคใต้
จงั หวดั นครศรีธรรมราช และสอดคลอ้ งกบั รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์นครศรีธรรมราช นครศรีธรรมราชศกึ ษา
ซ่ึงสามารถนาไปใชป้ ระกอบการเรียนการสอนของนกั ศกึ ษาและคณาจารย์

ท้งั น้ี เน้ือหา และข้นั ตอนพธิ ีกรรมการการข้นึ เปลของชาวอาเภอท่งุ สง จงั หวดั นครศรีธรรมราช ได้
มีการศึกษาและรวบรวมจากหนงั สือวถิ ีชีวติ ชาวใตป้ ระเพณีและวฒั นธรรม และจากผเู้ ชี่ยวชาญโดยตรง
ขอขอบพระคุณอาจารย์ และผเู้ ช่ียวชาญเป็ นอยา่ งสูง ท่ีทา่ นกรุณาใหค้ าแนะนาเพอ่ื แกไ้ ข ใหข้ อ้ เสนอแนะ
ตลอดการทางาน ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีคงมีประโยชน์ต่อผทู้ ่ีนาไปใชใ้ ห้เกิดผลสมั ฤทธ์ิตามความ
คาดหวงั

ผู้จดั ทา

นายปัญญวี มนตแ์ กว้

สารบญั หน้า

เร่ือง 1
3
พธิ ขี น้ึ เปล 4
พธิ เี ปิกปาก 6
พธิ ลี งล่างยา่ งงดนิ
การตงั้ แมซ่ ้อื และนาเดก็ ลงเปล 9
ลกั ษณะเปล
แหลง่ ขอ้ มลู 11



1

พธิ ีขึน้ เปลเดก็

พิธีข้ึนเปลเดก็ เกือบจะร้อยท้งั ร้อยหรือเดก็ ในตาบลนาโพธ์ิ ตอ้ งเคยผา่ นพธิ ีข้ึนเปลมา
ก่อน เดก็ เกิดมา ถา้ ยงั ไม่ไดข้ ้ึนเปลเดก็ คนน้นั จะนอนเปลไม่ไดเ้ ดด็ ขาด โบราณเกิดมา ๓ วนั ๗
วนั มากสุดก็ ๙ วนั กท็ าพิธีข้ึนเปลเลย ส่วนมากข้ึนเปลกนั ต้งั แต่แม่ยงั อยไู่ ฟ แต่ปัจจุบนั น้ีอาจจะ
๑๕ วนั ๑ เดือน ๓ เดือน ไม่น่าจะเกินน้ี ก็ตอ้ งทาพิธีข้ึนเปล เสียก่อน ก่อนท่เี ดก็ จะไดน้ อนเปล
บางคน ๑๕ วนั ก็ข้ึนเสียเลย เพราะ เดก็ จะไดน้ อนเปล ไม่ตอ้ งอมุ้ นานๆ แลว้ ทาไมตอ้ งข้ึนเปล
หลายคนคงสงสัย “การข้ึนเปล”มนั กต็ ิดกบั ความเชื่อเก่ียวกบั บรรพบรุ ุษ ตายาย อีกน้นั แหละ
โดยเฉพาะคนไหนท่ีนบั ถือตายายหมอเเหย (หมอตาแย) บา้ งก็เรียกวา่ ครูหมอแม่ทาน คือคนที่
นบั ถือตายยาย หรือ หมอแหยน้นั จะมีตน้ ตระกลู เป็นหมอแหย หรือเป็นหมอเองเลย ส่วนมาก
คนที่นบั ถือสงั เกตุไดง้ ่ายๆวา่ บา้ นไหนที่นบั ถือครูหมอแม่ทาน จะมีสอบราชท่ไี วต้ ามในครัว ๒
หนวยแลว้ เช่ือว่าจะเป็นท่อี ยขู่ องตายายหมอแหย หรือหมอแม่ทาน (แมเ่ ฒา่ ไดใ้ หข้ อ้ มลู วา่ ก่อน
ไปทาพธิ ีขึน้ เปลทกุ ครงั้ จะตอ้ งกาศแม่หนยุ้ ขา้ งครวั เสียกอ่ นโดยใชห้ มากพลู ๓ คา ตาง๓ บาท
เทียน ๑ เลม่ เพื่อใหแ้ มห่ นยุ้ หรอื หมอแมท่ านไดร้ บั รูว้ า่ จะไปทาพธิ ีใหเ้ ขามีอะไรก็อย่าขดั ขวาง)
ขอ้ ปฎิบตั ิกนั มายาวนานวา่ เดก็ เกิดมาแลว้ น้นั จะตอ้ งต้งั ตายายบนเรือนเสียก่อน เป็ นการบอก
กล่าวกบั พอ่ แม่ ป่ ูยา่ ตายาย และบรรพบุรุษทล่ี ่วงลบั ไปแลว้ ว่า บดั น้ีครอบครัวเรา ตระกูลเรา ได้
กาเนิดลูกหลานมาเพ่ิมอีกคนแลว้ บอกกล่าวใหพ้ วกเขารับรู้ แลว้ ช่วยปกปักษร์ ักษาเดก็ คนน้นั
ใหร้ อดปลอดภยั ไม่ข้ีโรค ไม่เจบ็ ไม่ป่ วย อีกประการหน่ึงกค็ ือ การข้ึนเปล เป็นเรื่องราวทค่ี น
โบราณเช่ือเหลือเกินวา่ เดก็ ทเ่ี กิดมายงั แดงๆอยนู่ ้นั ยงั ไม่รู้ภาษีภาษา เดก็ ทกุ คนท่เี กิดมาจะตอ้ งมี”
แม่ซ้ือ” แม่ซ้ือกเ็ ช่ือวา่ มีดว้ ยกนั ๔ องค์ อาจจะเป็นชายหรือหญิงกไ็ ดแ้ ลว้ แต่ความเชื่อเป็นผหี รือ
เทวดาที่คอยรักษาเดก็ อยู่ แม่ซ้ือจะรักษาเดก็ ต้งั แต่แรกเกิดจนถึง 12 ปี พอเดก็ รอดปลอดภยั แม่
ซ้ือกจ็ ะไปจากตวั เดก็ เช่ือกนั วา่ เดก็ จะตกเรือน จะหกลม้ เดก็ กไ็ ม่เจบ็ ไม่มีอนั ตรายเพราะมีแม่ซ้ือ
คอยรับไวต้ ลอด บางคน งูมาชูคอใกลๆ้ มนั ก็ไม่กดั เช่ือว่าเป็นเพราะแม่ซ้ือเป็นผรู้ ักษาอยู่ ฉน้นั
เชื่อว่าการข้ึนเปล ก็คือการบอกกล่าวต่อแมซ่ ้ือดว้ ยเช่นกนั
การข้ึนเปลเดก็ ก็ตอ้ งดูวนั ก่อน การดูวนั กส็ าคญั เดก็ คนน้ีเกิดวนั ไหนตอ้ งข้ึนเปลวนั ไหน.. คน
แก่ๆมกั เช่ือวา่ คนเรามกั จะเสียชีวิตไม่วนั เกิด กใ็ นวนั ข้ึนเปล พอใครป่ วยดว้ ยโรคชรากด็ ี ดว้ ย

2

โรคปัจจุบนั กด็ ี มกั จะตอ้ งระแวกระวงั กนั มากในวนั ข้ึนเปลของเขา เพราะเชื่อวา่ คนป่ วยอาจจะ
เสียชีวติ ในวนั ข้ึนเปลของตนเอง การข้ึนเปลพอนดั วนั ไดแ้ ลว้ กต็ อ้ งหาหมอแม่ทานในสาย
ตระกลู น้นั ๆ มาทาพิธีทบ่ี า้ น
หมอแม่ทานกค็ ือ คนทเี่ ป็นผูน้ บั ถือตายายหมอแหยมาจากบรรพบรุ ุษ หรือคนที่เคยทาคลอดมา
ก่อน เป็นผปู้ ระกอบพธิ ีกรรมและต้งั ตายาย ทาพธิ ีพาเดก็ ข้ึนเปล คนอน่ื ๆจะทาโดยพละการไม่ได้
และคนที่จะมาข้ึนเปล กต็ อ้ งเป็ นผหู้ ญิงดว้ ย เพราะเชื่อว่า ตายายหมอแหย มกั จะอยกู่ บั ผหู้ ญิง
วนั ข้ึนเปล พอ่ แม่ญาติๆ จะตอ้ งเปรียมเครื่องเซ่นท้งั คาวหวาน โดยจะมี
ราดครู ๑ ท่ี (หมากพลู ๙ คา ดอกไม๙้ ดอก เงิน๙บาท เทียน๑เล่ม)
ราดเกิด๓ที่ (หมากพลู๓คา เงิน๓บาท ดา้ ยริ้ว๑ริ้ว ขา้ วสาร๑หยบิ มือ)
ขา้ วสิบสอง ๒ ชุด
ไก่ตม้ ๒ ตวั
ขนมโค ๒ ถว้ ย
ขนมแดง ขนมขาว ๒ ถว้ ย
แกงจืดแกงเผด็ ๔ ถว้ ย(อยา่ งละ๒ถว้ ย)
ปลาสม้ ตม้ ยา ๒ ถว้ ย
เหลา้ ขาว ๑ ขวด
มะพร้าวออ่ น ๑ลูก
ผา้ คู่๑คู่ ชาย/หญิง
เครื่องเฉ้ียน๑ชุด
บหุ ร่ี๓มวน
ขา้ วเปล่า๖ถว้ ย
ไข่ตม้ ๓ลูก
ขา้ ววเหนียวราดน้ากะทิ ๒ ถว้ ย
(แม่เฒ่าไดใ้ หข้ อ้ มูลว่าทาไมตอ้ งอยา่ งละ ๒ ท่ี เน่ืองจากจะแบง่ เป็นฝ่ ายหมอตาแหย ๑ ชุด และ
ครูหมอตายาย๑ชุด)เครื่องบชู าต่างๆข้ึนอยกู่ บั ตระกูลน้นั ๆ พอถึงเวลา หมอกเ็ ชิญครูหมอ เชิญ
เทวดา เชิญครู กาดถึงบรรพบุรุษ ท่ีตนนบั ถือใหม้ ารับรู้ ใหม้ าอยใู่ นพิธี ก่อนจะเอาเดก็ ข้ึนนอน
ในเปลก็ทาการเซ่น ใหก้ ิน ใหต้ ายายมารับ

3

ภาพประกอบท่ี ๑.การต้งั เคร่ืองบูชาตายายซ่ึงทาก่อนการข้ึนเปล
เม่ือเสร็จพิธีต้งั ตายาย ก็มีการใชม้ ีดลงคาถากากบั (ใชท้ ามีดครัวกไ็ ด)้ เพอ่ื พลิกหวั ไก่หรือส่วน
ต่างๆเพอ่ื ตดั ขาดวา่ วนั น้ีทาใหก้ ินแลว้ อยา่ ขดั อยา่ ขอ้ ง ท้งั ตายายฝ่ ายพอ่ ฝ่ ายแม่ กินเสร็จแลว้ ให้
หลบไปตามท่ตี ามทางที่ท่านมา โดยมื คาถาวา่ “พุทธงั ตดั ขาด ธมั มงั ตดั ขาด สงั ฆงั ตดั ขาด ขอให้
หายขาดดว้ ย นะ โม พทุ ธา ยะ” จากน้นั จะเป็นการทาพธิ ีเบิกปาก

พธิ ีเบิกปาก

เป็นพธิ ีสาคญั พธิ ีหน่ึงท่คี นโบราณถือว่าเป็นเร่ืองสาคญั วา่ พระพุทธรูปท้งั หล่อและป้ันทุก
องคย์ งั ตอ้ งทาพธิ ีเบิกเนตร อนั ถือวา่ เป็ นพิธีสาคญั ท่สี ุดอยา่ งหน่ึงของพระพทุ ธรูป มิฉะน้นั จะไม่
ถูกตอ้ งตามตาราวา่ เป็นศิริมงคลเป็นสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิที่ควรเคารพบชู าคือเสมือนพระองคท์ รงส่อง
เนตรดูสรรพสตั วว์ า่ ทกุ ผทู้ ุกนามอยเู่ ยน็ เป็นสุขดีหรือไฉน พระองคเ์ ป็นที่พ่ึง ถา้ เดือดร้อนเป็น
ทุกข์ พระองคก์ จ็ ะบาบดั ปัดเป่ าทรงรับรู้ความทุกขท์ ้งั ปวง ถา้ ไม่เบกิ เนตรก็เปรียบเสมือนคนคน

4

หลบั จะไม่สามารถเห็น หรือล่วงรู้ว่าพทุ ธศาสนิกชนเป็นสุขหรือทุกขอ์ ยา่ งไรได้ มนูษยก์ ็
เช่นเดียวกนั ถือว่าปากเป็นส่วนสาคญั ทสี่ ุดเพราะปากเป็นเอกเลขเป็นโทดงั ท่โี บราณท่านกล่าว
สอนไว้ คือปากคนน้นั จะพูดใหด้ ีใหร้ ้ายก็ได้ อยา่ งท่มี กั พูดกนั วา่ “พดู ดีเป็นเงินเป็นทอง พูดไม่ดี
เสียขา้ วเสียของ”และคาอ่ืนๆหลายคา คนโบราณจึงถือวา่ ปากสาคญั นกั หนา จึงตอ้ งทาพธิ ีเปิ ด
ปากเดก็ เม่ือแรกเกิดเสมอ

แม่ทานหรือหมอจะเป็นผูท้ าพธิ ีเปิ ดปากเดก็ คืออมุ้ เดก็ วางวางลงบนตกั เพื่อป้อนขา้ วปลา
อาหาร โดยใชข้ า้ วบดใหล้ ะเอียดใส่น้าตาลหรือน้าผ้งึ ใส่ปากเดก็ เวลาป้อนใชห้ นามหรือเขม็ ๓
เล่ม จิม้ ขนมหวานหรือน้าตาลแว่น หรือ ขา้ วผสมน้าตาลหรือน้าผ้งึ ใส่ปากเดก็ พร้อมกบั วา่ คาถา
เร่ิมดว้ ยต้งั นะโม๓จบ “ใหพ้ ีเหมือนฟัก ใหห้ นกั เหมือนแตง เรี่ยวแรงเหมือนพระแสงนารายณ์ พี่
นอ้ งท้งั หลายไดพ้ ่งึ อยา่ เม่อ อยา่ เค่อ ใหป้ ัญญมปัญญา ใหห้ วั ใจเหล้ียมแหลมเหมือนหนาม ให้
ปากหวานปานน้าผ้งึ ปากหวานขานเพราะ ชอบพ่อชอบแม่ ชอบพ่ีชอบนอ้ ง ชอบคนท้งั หลาย ไป
ขา้ งไหนใหค้ นเมตตาเอน็ ดู โอม คง คง สวะโหม” เมื่อเดก็ กินขา้ วแลว้ ก็ป้อนน้าใหก้ ินโดยในขนั
ทีต่ กั ใหเ้ ดก็ กินน้นั ใส่เงินทอง แหวน สร้อย ใบเงิน ใบทอง หรือสุดแต่จะมีอนั มีความหมายวา่
ขอใหเ้ ดก็ คนน้ีเติบโตข้ึนจนกวา่ จะชีวิตจะหาไม่ ขออยา่ ใหอ้ ดอยากรู้ยากจนเลย

ภาพประกอบท่ี ๒. การเบิกปาก

พธิ ีลงล่างย่างดิน

หมอจะอมุ้ เดก็ ใส่ผา้ ขาวมา้ ท่เี รียกว่าการ แครก หรือ แคระ หมอกจ็ ะพาเดก็ ออกจากบา้ น
ก่อนออกจากบา้ นกม็ ีขนั น้ามนต์ เงิน ทอง รวงขา้ ว หิน ทราย เทียน หมากพลู วางกบั พน้ื หนา้
บา้ นจากน้นั หมอก็อมุ้ เดก็ นง่ั ลง กาศเจา้ ทีเ่ จา้ ทางจบแลว้

5

ภาพประกอบที่ ๓. การกาศเจา้ ที่เสร็จ นาเทา้ เดก็ เหยยี บเงินทอง

ภาพประกอบท่ี ๔. การออกไปเก็บผกั หกั ฟื นและหาเงินทอง
ก็เอาเทา้ เดก็ ลงเหยยี บหิน เหยยี บดิน เหยยี บทราย เหยยี บเงิน เหยยี บทอง หลงั จากน้นั หมอกอ็ ุม้
เดก็ ออกจากบา้ น ไปเก็บผกั หกั ฟื น เกบ็ เงินเก็บทอง มาใหพ้ ่อแม่(เงินทองที่เก็บอาจจะมาจาก
ญาติพีน่ อ้ ง พาไปวางตามจุดต่างๆรอบๆบา้ น) ซ่ึงจะกางร่มใหเ้ ดก็ ดว้ ยตอนนาออกไปเก็บผกั หกั
ฟื นและก่อนเขา้ บา้ นก็จะมีคนกางร่มมารับ แลว้ จึงค่อยนาผกั และฟื นไปไวใ้ นครัว เงินทองทไี่ ด้
น้นั ก็จะเอามาใหพ้ บพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะนาเอาเงินเอาทองนนั้ ไปใสใ่ ตเ้ ปล

6

ภาพประกอบท่ี ๕. การนาเงินไปใส่ในเปลใตท้ ่ีนอน
ต่อไปเป็นการนาเดก็ ลงเปล แต่การที่จะนาลงเปลน้นั ไดก้ ม็ ีการต้งั แม่ซ้ือเสียก่อน

การต้ังแม่ซื้อและนาเดก็ ลงเปล

การต้งั แม่ซ้ือน้ีจะทาก่อนนาลงเปลเพ่อื เป็นการบูชาวา่ วนั น้ีเดก็ ไดข้ ้ึนเปลแลว้ ช่วยมาปกปัก
รักษาโดยจะแบง่ วเป็น ๔ กองเทยี นปักกลาง โดยตอ้ งมีขา้ วยาสุกดิบหรือขา้ วบตั ร ซ่ึงมี
ส่วนประกอบดงั ต่อไปน้ี
ขา้ วปากหมอ้ ๑ถว้ ย
ปลามีหวั มีหาง ๑ตวั
ลูกอกึ ซอยบางๆพอควร หรือมะเขือก็ได้
น้าชุบ
แกง
ขนมโค
ขนมแดง/ขนมขาว
หมาก ๑ คา

7

ภาพประกอบท่ี ๖. การต้งั แม่ซ้ือใตเ้ ปล
การต้งั แม่ซ้ือน้ี หมอแม่ทานจะประนมมือว่า “กาศ” บอกกล่าวเอ๋ยช่ือ พระพทุ ธ พระธรรม
พระสงฆ์ กรุงพาลี ภูมิเจา้ ที่ แม่ธรณี เทวดาท้งั หลาย แม่ซ้ือ แลว้ เอ่ยช่ือพอ่ แม่ตายาย “แม่เฒ่าทุ
แม่เฒ่าสา แม่เฒ่าพวบ แม่เฒ่าเสน ตาสีสุก ตาหม่อมรอง แม่เส้ือเมือง ตาหลวง.....”ใหร้ ู้ใหม้ ากิน
อิม่ หนาสาราญ กินน้า กินหมากกินพลู และขออยา่ ใหม้ ายกิ หยอกหลอกหลอนเดก็ จงช่วย
คุม้ ครองป้องกนั อยา่ ใหเ้ บอยา่ ใหไ้ ข้ รอดพน้ จากภยั อนั ตรายท้งั ปวง ชื่อป่ ูยาตาทวดทีห่ มอแม่ทาน
ออกช่ือใหม้ ากินพิธีต้งั แม่ซ้ือในลาดบั ต่อไปน้ี “ตาพดุ ยายพดั ตาสีพดั ยายพทุ โธ ตาโตงเตง ยาย
โยงเยง นางอี ยางแอ นางอา้ ย นางสีดอกไม้ แม่ศรีมาลา” (ซ่ึงขา้ วใตเ้ ปลน้ีจะต้งั ไว๓้ วนั ใน
สมยั ก่อนแต่ปัจจุบนั จะต้งั ไวเ้ พยี ง๓งาย เชา้ เท่ียง เยน็ แลว้ ค่อยนาไปทิง้ ตามใตโ้ คนตม้ ไม)้
จากน้นั ก็ประพรมน้ามนตก์ ่อนนาเดก็ ลงเปลเพอื่ ความสิริมงคลกบั ตวั เดก็

8

ภาพประกอบท่ี ๗.การประพรมน้ามนต์

หลงั จากน้ีกน็ าเดก็ ลงเปลโดยมีคาถาว่า “มีชา้ ง มีมา้ มีขา้ วมีของ มีเงินมีทอง สิบสองพะกะลงั คง
คง คง” แลว้ วางเดก็ ลงในเปลแลว้ วา่ คาถาต่อ “อผี ดุ อผี ดั อพี ดั อผี ล สู่ท้งั สี่คนอยา่ มาหยกิ หยอก
หลอกเดก็ ” แลว้ หมอแม่ทานก็เริ่มเวเปล(ไกวเปล)พร้อมกบั ร้องเพลงชา้ กล่อมเดก็ ดงั น้ี

นอนเถิดเจา้ นอน นอนใหห้ ลบั ดี

แม่ซ้ือท้งั สี่ มาช่วยพิทกั ษร์ กั ษา

อาบนา้ ปอ้ นขา้ ว มารกั ษาเจา้ ทกุ เวลา

นอนหลบั แม่จะเว นอนเปลแม่จะชา้

นอนในเปลผา้ แม่จะชา้ ใหห้ ลบั เหอ้

แมซ่ ้ือท้งั หลาย อยา่ มาเที่ยวหยกิ หยอกและหลอกหลอน

แม่ซือ้ ทงั้ สี่ จงมาช่วยพทิ กั ษร์ กั ษา

อาบนา้ ป้อนขา้ ว แม่มารกั ษาเจา้ ทกุ เวลา

เอวนั ขวญั เจา้ ยงั ออ่ น แมม่ าไดก้ ล่อมใหล้ กู นอนเหอ้

ซง่ึ สามารถรอ้ งนอกเหนือจากนีก้ ็ไดต้ ามสายตระกลู หรอื ตามท่ีเรียนมาก บา้ งกร็ อ้ ง๓เพลง๔
เพลง เชน่ เพลงไกเ่ ถ่ือน เพลงไปคอนเหอ เป็นตน้ เม่ือรอ้ งจบหมอแมท่ านก็จะนอนหลบั พรอ้ ม
เดก็ สกั ครูแ่ ลว้ ก็ใหผ้ เ็ ฒา่ ผแู้ ก่หรอื ใครกต็ าม

9

ภาพประกอบท่ี ๘.การนาเด็กลงเปล
ปลกุ วา่ “ตื่นไดแ้ ลว้ คนมาเต็มบา้ นแลว้ นอนฝันเหน็ อะไรบา้ ง” หมอแม่ทานกจ็ ะบอกว่า “พบเงิน
พบทองเพชรนลิ จนิ ดามากมาย” เมื่อเสร็จก็กรวดนา้ อทุ ิศใหก้ รรมเจา้ กรรมนายเวร ถือเป็นอนั วา่
เสรจ็ พธิ ีในการขึน้ เปล

ลักษณะเปล

เปลทท่ี าขนึ้ ใหน้ อนเป็นเปลผา้ และผา้ ทใี่ ชเ้ ป็นผา้ นงุ่ แม่ ผา้ ซกั อาบ(ผา้ ขาวมา้ )
ของพอ่ น่นั เอง ทาขนึ้ งา่ ยๆ รวบหวั รวบทา้ ยเอาเชอื กผกู หางเชอื กผกู โยงกบั เพดาน
หลงั คาหรอื ระเบียงทงั้ หวั ทา้ ย ก็จะกลายเป็นเปลเดก็ นอนทนั ที ในปัจจบุ นั อาจทาราว
แลว้ มไี วบ้ นสาหรบั ผกู ซงึ่ ทาลกั ษณะเดยี วกบั การผกู บนกบั เขอเพดาน หรอื บางคนอาจ
ใชเ้ ปลสาเรจ็ ทีซ่ อื้ มาจากตลาดก็ได้ ซงึ่ เปลเด็กนอนโบราณมี ๒ อยา่ ง คอื “เปลรงั นก”
หรอื เปลรงั นกกระจอกก็ใหเ้ ด็กนอนตามแนวขวาง อีกอยา่ งหน่ึงเรยี กวา่ “เปลเรอื ” ให้
เดก็ นอนตามยาว ลางทีก็เรยี กรวมทงั้ ๒ อยา่ งนีว้ า่ ”เปลผา้ ” เพราะทาขนึ้ จากผา้
เชน่ เดยี วกนั เปลรงั นกจะดทู างา่ ยมากและใชม้ าแตโ่ บราณกาล ใชเ้ นือ้ ที่นอ้ ยไมเ่ กะกะ
ตวั เปลหอ้ ยหอ่ ลกั ษณะคลา้ ยรงั นกสว่ นเปลเรอื มีความยาวคลา้ ยเรอื หวั ทา้ ยเปลใช้
เชือกผกู ยดึ ขา้ งฝาหรอื เสาท่ีอยหู่ า่ งกนั เชน่ ตามมมุ หอ้ งลกั ษณะอยา่ งเปลญวน ซง่ึ เปล
ในการขนึ้ เปลนีจ้ ะมีการนาสายมงคล(ดา้ ยรวิ้ )มาพนั ทบั กบั ปอ(พืชชนิดหนึง่ เป็นไมย้ ืน

10

ตน้ ขนึ้ ตามในป่ ามีความเช่ือวา่ เม่ือนามาพนั กบั เปลจะทาใหเ้ ด็กหลบั ดีนอนไดน้ าน)
แลว้ จงึ นาไปพนั กบั สายเชือกผกู เปลทงั้ สองขา้ งของสายเปล

ภาพประกอบท่ี ๙.ลกั ษณะของเปล
ความเชือ่ เรอื่ งเปล เมอื่ ไมม่ ีเด็กนอนเปลหา้ มไกวเปลเลน่ ซง่ึ ผเู้ ฒา่ ผแู้ กโ่ ดย บอกวา่ ถา้
ไกวเปลเลน่ จะทาใหเ้ ด็กตกใจไมห่ ลบั ไมน่ อน
สรุปไดว้ า่ เรอื่ งเกี่ยวกบั ประเพณีการเกิดเป็นเรอื่ งใหญ่ หรอื นบั วา่ มคี วามสาคญั
เกี่ยวขอ้ งกบั ชวี ิตคนเรามากทส่ี ดุ เรอื่ งหน่ึง เพราะจดุ เรมิ่ ตน้ แหง่ การเกิดเป็นชวี ติ ขนึ้ มา
ในโลกวฏั จกั รสงั สาร มนษุ ยจ์ งึ ไดค้ วามสนใจกาหนดพธิ ีตา่ งๆเก่ียวกบั เดก็ ตลอดจนมี
ความเช่ือเก่ียวกบั การเกิดจานวนมากมายประเพณีการเกิดของชาวพนื้ เมอื งภาคใตท้ ่ี
กลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ นี้ ก็พอจะทาใหเ้ ขา้ ใจและมองเห็นวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินชดั เจน
พอสมควร

11

แหล่งข้อมลู

ภาพประกอบที่ ๑๐. นางหนนนู อบ รตั นยา(หมอแมท่ าน)
(ขอ้ มลู จาก นางหนนู อบ รตั นยา อาย๗ุ ๕ปี ปัจจบุ นั อยบู่ า้ นเลขที่๑๘ หมทู่ ่ี๓ ตาบลนา
โพธิ์ อาเภอทงุ่ สง จงั หวดั นครศรธี รรมราช) และขอ้ มลู เพิ่มเติมจากหนงั สอื วิถีชีวติ ชาว
ใตป้ ระเพณีและวฒั นธรรม(ผแุ้ ตง่ ประทมุ ชมุ่ เพ็งพนั ธุ)์

ภาประกอบที่ ๑๑.หนงั สือวิถีชวี ิตชาวใตป้ ระเพณีและวฒั นธรรม

12


Click to View FlipBook Version