The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการพัฒนาบุคลิกภาพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รายงานการพัฒนาบุคลิกภาพ

รายงานการพัฒนาบุคลิกภาพ

การพัฒนาบุคลิกภาพ

เสนอ
ครปู รียา ปนั ธยิ ะ

นางสาวชิดชนก ตาคาปัญญา
เลขท่ี 8 สบจ.63.1

สาขาวิชาการจดั การสานักงาน

รายงานนี้เป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา 30216-2003
โปรแกรมสาเร็จรปู ในงานสานักงาน

สาขาวิชาการจดั การสานักงาน แผนกวิชาการจดั การสานักงาน
คณะบริหารธุรกิจ

วิทยาลัยอาชีวศึกษาลาปาง
ภาคการศึกษาท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563



คานา

รายงานนี้เลม่ เปน็ สว่ นหนึ่งของรายวชิ า 30216-2003 โปรแกรมสาเร็จรปู ในงานสานกั งาน
ซ่ึงไดร้ บั การมอบหมายจาก ครปู รยี า ปันธิยะ ไดใ้ ห้ศกึ ษาค้นคว้าเก่ยี วกบั เร่ือง การพัฒนาบุคลิกภาพ
โดยมีเน้ือหาสาระรายงานเล่มนป้ี ระกอบดว้ ย ขอบข่ายของบคุ ลกิ ภาพ, หลกั การทวั่ ไป เพอ่ื การพัฒนา
บุคลิกภาพ, การพัฒนาบุคลิกภาพในงานเลขานุการ และการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อการเสริมสร้าง
ลักษณะการเปน็ ผูน้ า

ผจู้ ดั ทา ไดท้ าการค้นควา้ รวบรวม และเรยี บเรียงเปน็ รายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อให้ผู้ท่ีสนใจ
ศกึ ษาการพฒั นาบุคลิกภาพ เพม่ิ เตมิ จากรายงานเรื่องนี้

ผู้จัดทา หวังเป็นอย่างย่ิงว่าผู้อ่าน ผู้ท่ีสนใจจะได้รับประโยชน์ และนาไปประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจาวันได้

ชดิ ชนก ตาคาปญั ญา
สาขาวิชาการจัดการสานกั งาน

สารบญั ข

เรอื่ ง หนา้

คานา ก
สารบัญ ข
สารบัญภาพ ค
ขอบข่ายบุคลกิ ภาพ 1-8

ความหมายของบุคลิกภาพ 8 - 12
ความสาคญั ของบุคลิกภาพ
มาตรการในการตรวจสอบบุคลิกภาพ 13 - 19
หลกั เบอ้ื งต้นในการปรบั ปรุงบุคลกิ ภาพเพ่ือการพฒั นา
ปจั จัยทมี่ อี ทิ ธิพลต่อการพฒั นาบุคลกิ ภาพ 20 -21
หลกั การทั่วไปเพ่ือการพฒั นาบคุ ลิกภาพ 22
บคุ ลกิ ภาพของคนในองค์กร
บคุ ลิกภาพบอกนสิ ยั
บุคลกิ ภาพเบื้องต้นที่ดี
บุคลกิ ภาพทเี่ ลขาควรมี
การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ
นิสยั ในการปฏิบัติงานทีค่ วรพิจารณา
นสิ ัยในการปฏบิ ัติงานของเลขานกุ าร
พฤตกิ รรมที่ไม่ควรแสดงออก หรือกิริยาท่าทางทค่ี วรสารวม
ไมใ่ ห้ปรากฏขณะทางาน หรอื อยู่รว่ มกบั คนอ่ืน
บคุ ลกิ ภาพข้นั พ้นื ฐานที่ควรปรบั ปรงุ
การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพเพื่อเสริมสรา้ งลกั ษณะความเป็นผูน้ า
สรา้ งภาพพจน์ท่ีดีให้ปรากฏ
อ้างองิ

สารบญั ภาพ ค

ภาพท่ี หนา้

รูปท่ี 1.1 1
รูปท่ี 1.2 2
รูปท่ี 1.3 3
รปู ท่ี 1.4 5
รปู ที่ 1.5 6
รปู ที่ 2.1 8
รปู ที่ 2.2 9
รูปท่ี 2.3 10
รูปที่ 2.4 12
รปู ที่ 2.5 13
รูปที่ 3.1 14
รปู ท่ี 3.2 17
รูปท่ี 4.1 20
รูปที่ 4.2 21

1

บทที่ 1
การพฒั นาบุคลิกภาพ

1. ขอบขา่ ยบคุ ลกิ ภาพ

รูปท่ี 1.1

1.1 ความหมายของบุคลิกภาพ
บุคลิกภาพ (Personality) หมายถึง ลักษณะอันเป็นของจาเพาะแต่ละบุคคล ซ่ึง

แสดงออกทางท่าทาง ความรู้สกึ นึกคิด ความเฉลียวฉลาด ตลอดจนกริ ิยามารยาท ลักษณะอุปนสิ ยั
บคุ ลกิ ลกั ษณะของคนแบ่งออกเป็น 4 พวกใหญ่ ๆ ดังน้ี

1) พวกชอบติดตาม (Extrovert)
2) พวกชอบเห็นแกต่ วั (Introvert)
3) พวกกา้ วร้าว (Psychopathic Personality)
4) พวกโรคจติ (Paranid)
บคุ ลกิ ภาพในความหมายจากหนังสอื บญั ญัตศิ พั ท์วชิ าการศึกษา จะหมายถึงผลรวมของ
พนั ธกุ รรมและประสบการณท์ ัง้ หมดของบุคคล
Morgan ใหค้ วามหมายของบุคลิกภาพ หมายถึงคุณสมบัติและคุณลักษณะเด่นของ
บุคคล รวมท้งั การปรับตวั ของบคุ คลตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ
ในความหมายของบุคลกิ ภาพจากหลาย ๆ ด้านน้ี คนไทยถือว่าบุคลิกภาพเป็นเคร่ือง
ทานายสมรรถ และความสามารถภาพทางบุคคล โดยจะยอมรบั เอาลักษณะเดน่ เปน็ บคุ ลกิ ภาพของคน
คนนัน้

2

สิ่งทจี่ าเปน็ ประกอบเปน็ บุคลกิ ภาพ
ก. การปรากฏกาย (Appearance) เป็นการแสดงถึงด้านการแต่งกาย และพฤติกรรม

ทางกาย
ข. การส่อื สาร (Communication) คือการพูด การ การเขียน การคิด และการควบคุม

อารมณ์
ค. สญั ญาณกาย (Body Language) คือการแสดงออกทางสีหน้า สายตา ท่าทาง และ

ระยะห่าง
ง. มารยาทสังคม (Social Manner) คือกริ ยิ าวาจาที่ถกู ต้องของคนในสังคมนั้น ๆ

รูปท่ี 1.2

1.2 ความสาคัญของบุคลิกภาพ
บุคลิกภาพมคี วามสาคัญต่อการดารงชวี ิตในสงั คมทด่ี าเนินอยู่ทุกวนั เปน็ อย่างมาก โดย

พิจารณาไดจ้ ากประเดน็ ตา่ ง ๆ ดงั นี้
1) ความมั่นใจ ตอ้ งมัน่ ใจในการแสดงออก ทาให้กล้าทจี่ ะแสดง เพาะคนอน่ื ท่พี บเห็นจะ

ให้ความสนใจและเชื่อมั่น และเป็นโอกาสทจ่ี ะประสบความสาเร็จมากขน้ึ
2) การคาดหมายพฤติกรรม หากทราบว่าบุคคลน้ันมบี คุ ลกิ ภาพเช่นไร จะทาใหส้ ามารถ

ทานายไดว้ า่ สถานการณ์เชน่ นีค้ นนัน้ จะแสดงพฤติกรรมอยา่ งไร
3) การยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล การทบี่ อกว่าคนหนึ่งแตกต่างจากอกี คนหนงึ่

ได้นน้ั กต็ อ้ งอาศัยการสงั เกตพฤติกรรมทเ่ี กิดข้ึนเป็นประจาสมา่ เสมอ และจะสามารถทาใหร้ ู้วธิ ีการ
ปรบั ตัวเขา้ กบั คนเหล่านั้นได้ กอ่ ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธ์อันดีตอ่ ไป

4) การตะหนักในเอกลกั ษณ์ของบคุ คล บุคลิกภาพทาให้คนมลี กั ษณะเฉพาะตัวทเี่ ปนู ของ
ตวั เอง เป็นแบบให้คนอ่ืนด้วย เช่น ความมเี มตตา ซ่อื สตั ย์ เป็นตน้

3

5) การปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั คนอ่นื การทท่ี ราบถงึ บคุ ลกิ ภาพของคนอ่ืนนน้ั ทาให้การ
ปรับตัวเข้ากับเขาได้งา่ ยขน้ึ แกป้ ญั หาได้ และยงั ชว่ ยให้ปรบั ตัวไดท้ ันกนั สถานการณไ์ ดด้ ว้ ย

6) ความสาเร็จ บคุ คลทม่ี ีบคุ ลิกภาพทดี่ มี กั ไดเ้ ปรยี บคนอื่นเสมอ และเปน็ พืน้ ฐานแห่ง
ความเชอ่ื ถือแกผ่ ู้พบเห็น ชว่ ยให้การทางานสาเรจ็ งา่ ยขึน้ เพราะจะไดร้ บั ความรว่ มมอื และความ
สะดวกในการตดิ ตอ่

7) การยอมรบั ของกลุม่ บุคลกิ ภาพทดี่ ียอ่ มเปน็ ทีย่ อมรบั ของคนท่วั ไป ยนิ ดใี หค้ วาม
ร่วมมอื และก่อใหเ้ กิดความมั่นคงทางจิตใจ

1.3 มาตรการในการตรวจสอบบุคลิกภาพ

รปู ท่ี 1.3

เม่อื ไดศ้ กึ ษาถงึ บคุ ลกิ ภาพว่ามสี ่วนสาคัญตอ่ เลขานุกา และตอ้ งรจู้ กั ตรวจสอบบคุ ลกิ ภาพ
ของตนเองและผอู้ ื่น เพ่ือจะชว่ ยพฒั นาบุคลิกภาพตัวเองใหม้ บี ุคลิกภาพดขี น้ึ เพื่อนาไปประกอบการ
ตดั สินในการทางานตามตาแหนง่ ท่กี าหนดไว้ มาตรการท่ีใชม้ หี ลายชนดิ ซงึ่ อาจเลอื กใชต้ ามความ
เหมาะสม ทสี่ าคัญได้แก่

1) Personality Inventory เป็นแบบทดสอบบุคลกิ ภาพโดยตรง ลักษณะเปน็ คาถาม
หลาย ๆ ข้อ ครอบคลุมในหลายเนอ้ื หา เช่น สุภาพ อาการผดิ ปกตทิ ี่มสี าเหตจุ ากจติ ใจ ทัศนคติต่าง ๆ
เร่อื ง เพศ ศาสนา อาชีพ การเมอื ง สงั คม สถานภาพทางครอบครัว ฯลฯ

2) Projective Test แบบที่ 2 นี้ มุ่งใหผ้ ถู้ กู ทดสอบแสดงความรสู้ กึ นกึ คดิ ออกมาโดย
ทางออ้ ม สร้างจนิ ตนาการหรือความคิดฝัน เพอื่ ท่จี ะหาคาตอบเกี่ยวกบั บคุ ลกิ ภาพ

3) Rating Scales ใชส้ งั เกตพฤตกิ รรมของผทู้ ี่ตอ้ งการจะทดสอบ และใหค้ ะแนนหรือ
ประเมินคา่ วา่ บุคคลนนั้ แสดงพฤตกิ รรมออกมาในระดบั ใด พฤตกิ รรมท่ีจะประเมนิ ค่านั้น จะแบง่ เปน็

4

หลายระดบั ใหค้ ะแนนตามลาดบั มากน้อย อาจเรม่ิ ตน้ จากไม่ยอมรว่ มมือเลย ให้ความร่วมมือปาน
กลาง ใหค้ วามร่วมมอื อย่างเตม็ ท่ี ฯลฯ หรอื แล้วแต่จะเหน็ เหมาะสม ข้อสาคัญทคี่ วรระวงั อยทู่ ีค่ วาม
ลาเอียงของผปู้ ระเมนิ ซ่ึงจะต้องมเี กณฑ์ทแี่ นน่ อนไวใ้ นใจ จะเอนเอยี งไมไ่ ด้

4) Interview วสี มั ภาษณ์นี้เป็นวธิ เี กา่ แก่ใชก้ ันมาชา้ นานในการสารวจบุคลกิ ภาพ ในการ
พจิ ารณาตวั บคุ คลเพอื่ วัตถปุ ระสงคน์ านาชนดิ มกั ใชว้ ิธีการสมั ภาษณ์ต้องการจะทราบสงิ่ ใด ผู้
สัมภาษณก์ ็ตะต้งั คาถามและสงั เกต สงิ่ ทผี่ ู้สมั ภาษณ์ จะต้องยึดถอื กค็ อื ความยตุ ิธรรมในใจนน่ั เอง
ข้อแนะนามดี ังน้ี

ก. Be a Stage-Setter ผ้สู มั ภาษณต์ อ้ งกาหนดข้นั ตอนของการสมั ภาษณ์ ให้
เหมาะสม กาหนดเรือ่ งราวทีต่ ้องการทราบไวใ้ ห้พรอ้ ม และสัมภาษณใ์ ห้เปน็ ไงตามข้ันตอนนน้ั

ข. Be a Setter ผสู้ มั ภาษณต์ อ้ งเปน็ ผเู้ รม่ิ ต้น เพอ่ื สรา้ งแนวในการสมั ภาษณ์ใหต้ รง
ประเด็นและสมั พันธก์ บั ขั้นตอนทีก่ าหนดไวแ้ ล้ว

ค. Be a Helmsman จะต้องคอยนาใหผ้ ูถ้ กู สมั ภาษณเ์ ดินตามแนวท่ีกาหนดไมใ่ ห้
ออกนอกลู่นอกทาง พยายามหาคาตอบให้ได้ตามที่ตงั้ เปูาหมายเอาไว้และพยายามให้กะทัดรัด
ตรงไปตรงมา

ง. Be a Good Listener ให้ความสนใจกบั คาตอบของผถู้ ูกสมั ภาษณ์ รับฟงั คาตอบ
และปญั หาด้วยเปน็ กลาง ทาตนเป็นผฟู้ งั ทดี่ ี และหาทางสรุปคาตอบตามแนวทต่ี ้องการ

จ. Be an Explorer ทาตนเป็นนักสารวจ คน้ ควา้ ขอ้ เทจ็ จรงิ จากคาตอบของผู้
สมั ภาษณ์พยายามหาทางตดั คาตอบท่ีคดิ วา่ ไมใ่ หป้ ระโยชน์ออกไป ประมวลไวแ้ ต่ขอ้ งมลู ทเ่ี ช่ือแนไ่ ด้ว่า
เป็นความจริง

ฉ. Be a Salesman พยายามชีใ้ ห้เหน็ เปูาหมายของการสมั ภาษณ์ ผู้สมั ภาษณค์ วรทา
ตนคล้าย ๆ กบั พนักงานขายคอื บอกถงึ ลกั ษณะของงานและบคุ ลิกภาพอนั พงึ ประสงคท์ ผี่ ้ถู ูกสมั ภาษณ์
ควรจะมี

ช. Be a Diplomat ผูส้ มั ภาษณ์ควรทาตนเป็นนักการทตู คอื ซกั ถามผูถ้ กู สมั ภาษณใ์ ห้
ตอบคาถามในบางลักษณะทผี่ ถู้ กู สมั ภาษณไ์ ม่อยากเปิดเผย แต่เปน็ เรื่องท่ีผสู้ ัมภาษณ์ตอ้ งการจะทราบ
พยายามให้เขาพดู ออกมาหรือแสดงกริ ยิ าท่าที

ช. Be a Clock – Watcher กาหนดเวลาการสมั ภาษณไ์ วใ้ ห้พอเหมาะอย่าให้มาก
หรอื น้อยเกนิ ไปโดยอาศัยขัน้ ตอนทก่ี าหนดไวเ้ ป็นเกณฑก์ าหนดเวลา และพยายามรักษาเวลาให้เป็นไป
ตามนั้น

ช. Be Yourself เป็นตัวของตวั เอง ไม่ควรเลยี นแบบคนอน่ื หรือตดั สนิ การสมั ภาษณ์
ตามความเหน็ คนอ่ืน ควรพิจารณาจากความรสู้ ึกของตัวเอง พยายามทาตนเป็นกนั เองกบั ผถู้ ูก
สัมภาษณใ์ ห้เขาเกดิ ความรสู้ กึ สบายใจเหมอื นการคยุ ปกติ

5

ญ. Be a Judge ต้ังอยใู่ นความยุติธรรม พยายามคน้ หาความจรงิ แลว้ ช่ังนาหนกั
คาตอบหรอื ความจรงิ เหล่านั้นด้วยความเปน็ ธรรม ถ้ามกี ารเปรยี บเทยี บระหวา่ งผ้ถู ูกสมั ภาษณ์หลาย
คน ผู้สมั ภาษณจ์ ะตอ้ งมีจิตใจแนว่ แนไ่ ม่โอนเอนไปด้านใดด้านหนึง่ อย่าใหเ้ กิด Halo effect คอื
แนวโน้มในกรตัดสินบุคคลโดยแคเ่ พยี งเห็นหน้าตาทา่ ทางเทา่ นนั้ จะตอ้ งใชป้ จั จัยอ่นื ๆ ประกอบด้วย

1.4 หลักเบอ้ื งต้นในการปรับปรงุ บุคลกิ ภาพเพ่อื การพัฒนา

รปู ท่ี 1.4

Adler เสนอแนะหลักเบอ้ื งต้นในการปรบั ปรงุ บคุ ลิกภาพในการพฒั นาไวด้ งั น้ี
1) พยายามตัดคาวา่ “ไม่” ออกไปจากการกระทา พฤติกรรมและคาพดู จะตอ้ งแสดงให้
เหน็ วา่ ตนเองสามารถจะ “ทาได”้ และพยายามทาแต่สง่ิ ทีด่ เี ทา่ นั้น คาว่า “ส่ิงที่ดี” ในน้ีกห็ มายถงึ
ความเหน็ โดยเฉลี่ยของบุคคลทว่ั ไปว่า “ดี” นนั้ เอง ฝกึ ใหเ้ ปน็ นสิ ัย จนกระทงั้ “ทาได”้ โดยไมฝ่ ืน
2) ม่ันใจตนเอง และมีจติ นาการทจี่ ะเป็นแนวในการปฏบิ ตั ใิ ห้สอดคลอ้ งกับแนวโนม้ ของ
สังคม และพยายามกาหนดจุดยนื ของตนไวใ้ นใจ หาทางฟนั ฝาุ อปุ สรรคใหไ้ ปถงึ จุดกาหนดของตนเอง
ในทางทถ่ี ูกต้อง
3) ไม่เปน็ ผหู้ ยดุ น่ิงอยกู่ บั ที่ ใหท้ กุ สงิ่ ทุกอยา่ งเคล่ือนไหวเสมอ หาทางเปล่ียนแปลงตนเอง
ให้ไปสบู่ คุ ลิกภาพทน่ี า่ จะเป็น การเปลย่ี นแปลงอาจเกดิ ขน้ึ ได้จากการสังเกต การจดจา การ
เปรียบเทียบและนาสงิ่ ทดี่ มี าเป็นหลกั ในการท่จี ะเปล่ยี นแปลงตนเองไปสจู่ ุดน้นั ให้ได้
4) สร้างศรทั ธาใหเ้ กิดกับตนเอง โดยถอื วา่ ตนเองกเ็ ปน็ บุคคลที่มคี วามสามารถไม่แพ้คน
อน่ื ไมด่ ูถูกตนเอง ถือว่าเมื่อคนอ่ืนทาไดเ้ ราก็ต้องทาได้ ตรวจสอบผลการกระทาของตนเองอย่บู อ่ ย ๆ
เพอื่ แก้ไขข้อบกพรองต่าง ๆ ให้การกระทาคราวต่อไปอยใู่ นสภาพทเี่ หมาะสม

6

5) พยายามเปน็ บคุ คลทา่ เริงแจ่มใสในอารมณ์ ทาตนเปน็ คนยิ้มง่ายและยมิ้ ได้ในทุก
สถานภาพ การฝึกเป็นผ้รู า่ เรงิ ชืน่ บานตลอดเวลานั้น แรก ๆ อาจทาใหย้ ากแตถ่ า้ ฝกึ ฝนเปน็ ประจากจ็ ะ
มที างประสบผลสาเรจ็ ได้

รปู ท่ี 1.5

1.5 ปัจจัยทีม่ ีอิทธพิ ลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ
บคุ ลิกภาพของแตล่ ะคนทสี่ ามารถพฒั นาได้ โดยมงุ่ ใหม้ ผี ลลพั ธ์อย่างใดน้นั มไิ ด้ข้ึนอยู่กบั

หลักเกณฑก์ ารพฒั นาตา่ ง ๆ ตามทไ่ี ดแ้ นะนามาแลว้ น้ัน แต่ยังข้ึนอยู่กบั ปัจจัยอนื่ ทมี่ ีอทิ ธพิ ลต่อการ
พัฒนาอยูม่ าก และก็ถอื เปน็ สว่ นสาคญั ท่ีควรนามาประกอบหาขอ้ สรปุ วา่ ทาไมการพัฒนาบคุ ลิกภาพ
ของแต่ละคนซางใชก้ ฎเกณฑเ์ ดยี วกบั จงึ ไม่ไดผ้ ลอยา่ เดียวกนั

ปัจจัยทม่ี ีอทิ ธิพลต่อการพฒั นาดงั กล่าวนน้ั พอจะแยกไดเ้ ปน็ 3 ประเภท
1) ด้านชีววิทยา องคาพยพ หรอื ส่วนประกอบเปน็ ตวั บุคคลเป็นปจั จยั เบอื้ งต้นที่จะ
เสรมิ สร้างใหแ้ นวโน้มในการพัฒนาสัมฤทธผิ ลตามเปาู หมาย ซง่ึ ควรพจิ ารณาถงึ

ก. สงิ่ แวดลอ้ มตา่ ง ๆ ที่มีก่อนปฏสิ นธิ และปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ขณะคลอดออกมา
เปน็ ทารก

ข. ความสมบรู ณ์ของกายวิภาค
ค. ระบบประสาทและสงิ่ แวดล้อมท่ัวไปเก่ยี วกบั ร่างกาย
ง. ลาดับขั้นการเจรญิ เติบโตของอวยั วะส่วนตา่ ง ๆ และวฒุ ภิ าวะ
2) ด้านสงั คม เป็นเครื่องสนับสนนุ การพฒั นาบุคลกิ ภาพที่สาคัญ เพราะมอี ิทธิพลสงู
สามารถจะบงั คบั ใหบ้ ุคคลในสังคมคล้อยตามพฤติกรรมของส่วนรวมตลอดมา ทง้ั น้ี อาจเกิดจาก
สญั ชาตญาณในการเลยี นแบบของบคุ คลในอันท่จี ะใหเ้ กดิ การยอมรับการบุคคลอ่ืน

7

ก. สถานภาพทางครอบครัว ความม่ันคง ความอย่รู อดของครอบครบั เปน็ สง่ิ แรกท่แี ต่
ละบคุ คลพึงประสบ

ข. การอบรมเลี้ยงดูตง้ั แต่แรกเกิด และการเป็นแบบนาของพอ่ แม่
ค. ระดบั เศรษฐกจิ โดยสว่ นรวมและเศรษฐกิจรอบครวั
ง. ภมู ิลาเนาของครอบครัว ซึ่งจะต่างกนั ไปโดยตาบลทตี่ งั้ เช่น อย่ใู นชนบททห่ี ่างไกล
อยู่ชานเมอื ง ในตัวเมอื ง ชุมชนแออัด
จ. ปญั หาอันเกดิ จากกลุ่มชลทั้งส่วนใหญแ่ ละสว่ นย่อย อนั มผี ลกระทบตอ่ ความ
เปน็ อยู่ของบุคคลนั้น ๆ
ฉ. ปญั หาการครองชพี ความสะดวกสบาย สุขภาพ การศกึ ษา และสวสั ดิการ ความ
ปลอดภัย
ช. ปญั หาเรอ่ื งเชอ้ื ชาติ คา่ นิยมและอิทธพิ ลของศาสนา
3) ดา้ นจติ วิทยา เปน็ เรอ่ื งท่ศี ึกษาเกี่ยวกบั บคุ คล และพยายามทาความเข้าใจถึงสาเหตุ
ตา่ ง ๆ ที่ส่งผลให้แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว รวมถงึ การประพฤติปฏิบตั ิทุกอยา่ งของบคุ คลเท่าทจี่ ะ
สามารถสังเกตเห็นไดห้ รอื ใช้เครือ่ งมือชว่ ยสงั เกตไดโ้ ดยอาจอนมุ านเอาจากการกระทาหรอื การ
แสดงออก ซ่ึงเรียกว่า “พฤติกรรม” (Behavior)
เพ่ือใหท้ ราบถึงพฤติกรรมของแตล่ ะคน อาจใชว้ ิธีการรวบรวมขอ้ มูลประกอบหลายวธิ ี
ด้วยกัน เท่าท่ใี ชก้ ับอยูก่ ม็ ี การสังเกต การสารวจ การศึกษาประวัติรายบุคคล การทดสอบ การทดลอง
พฤติกรรมที่มอี ิทธพิ ลตอ่ การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพด้านจติ วทิ ยา พอจะแยกได้ดงั น้ี
ก. บทบาทของแม่ทมี่ ีต่อลกู เช่น ความสมั พนั ธ์ฉันแมล่ กู เปน็ ไปตามปกตวิ ิสัย หรอื
อปกติ หมายถงึ ความเอาใจใส่ การเลยี้ งดู ความรักใครท่ ะนถุ นอม ซง่ึ เป็นแม่บทที่ทาให้ลกู สงั เกต
จดจา ประพฤติปฏิบตั ิตาม แยกได้ทงั้ ทางดีและไมด่ ี
ข. บทบาททางฝาุ ยพอ่ ซงึ่ ก็มลี กั ษณะล้ายคลงึ กับแม่ ทสี่ าคญั คือพฤติกรรมขอพอ่ ที่
แสดออกในฐานะหวั หน้าครอบครวั การให้ความคุม้ ครองปกปูองรักษา ให้ความปลอดภยั แก่ครอบครัว
ค. ความสัมพนั ธท์ ีม่ ตี ่อครอบครัวในฐานะสมาชกิ ของครอบครัว เช่น การช่วยทางาน
การชว่ ยเหลือเกือ้ กลู การพกั ผ่อนหยอ่ นใจระหวา่ งเคลือญาติ การอยรู่ วมกันในครอบครัว
ง. ในด้านสว่ นตัวบคุ คล ในแง่ความร้สู กึ ด้านต่าง ๆ เชน่ ความหว่ งใย ความกดดนั ของ
สง่ิ แวดล้อม ความรักทมี่ ีตอ่ บุคคลอืน่ ความร่วมมือร่วมใจ ความรับผดิ ชอบต่อหน้าท่ี
จ. ความรู้สานึกในตนเอง ความสานกึ ต่อช่อื เสยี งเกียรติยศ ความมที กั ษะ มีความคดิ
รเิ ริ่มสร้างสรรค์ สัญชาตญาณการตอ่ สปู้ อู งกันตนเองและพวกพอ้ ง การควบคมุ สติอารมณ์ และความ
สานึกในการทีจ่ ะปรับตนเองใหส้ อดคลอ้ งกบั สงิ่ แวดล้อม

8

ปจั จัยทั้งสามดา้ นดงั กล่าวมาน้นั จะเปน็ เครื่องเสรมิ หรอื เครอื่ งบ่ันทอนการพัฒนา
บุคลิกภาพของแตล่ ะคน ภายใตป้ ัจจยั ทตี่ า่ งกันใน 3 ด้านดงั กล่าว จะทาใหผ้ ลการพัฒนาบุคลิกภาพ
ของคนไม่เหมอื นกนั แมจ้ ะใชห้ ลกั เกณฑอ์ ยา่ งเดียวกนั กต็ าม

2. หลกั การทั่วไปเพอื่ การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ

รูปท่ี 2.1
บุคลิกภาพเปน็ เรื่องเฉพาะตัวของแตล่ ะคนซึ่งบคุ ลกิ ที่มเี สนห่ ์ใครชอบใครเหน็ จึงเปน็ ยอด
ปรารถนาของทกุ คน บางคนแมเ้ หน็ แคค่ รงั้ เดียวกอ็ ยากคบหาสมาคมหรอื พูดจาด้วยเพราะชอบท่าทาง
หน้าตา การย้ิม การพูดจา ความเอือ้ อาทรต่อกัน ทุกหน่วยงานต่างปรารถนาทจี่ ะได้คนดี คนเก่งมา
ทางาน เพ่ือให้ลูกค้าประทับใจและเข้ากับผรู้ ว่ มงานคนอื่นได้ รวมท้งั กลา้ ทจี่ ะคิด ช่วยสรา้ งสรรค์สิง่
ใหมห่ รือทาประโยชน์ให้หรอื สามารถประเมินสถานการณ์ เข้าใจปญั หา และแกป้ ญั หาได้อย่าง
เหมาะสม
หากพูดถึงบุคลกิ ภาพจะนกึ ภาพออกวา่ ใครเป็นใคร เพราะเปน็ แบบแผนเฉพาะตัวของแตล่ ะ
คน บุคลกิ ภาพจึงเป็นภาพรวมทั้งหมดของบคุ คลคนหนงึ่ ทีแ่ ตกตา่ งไปจากคนอนื่ บุคลกิ ภาพจงึ เกิด
จาก “ภายนอก” เช่น รูปร่าง หนา้ ตา เสื้อผา้ เครอ่ื งแต่งกาย ผวิ ขาว ผวิ ดา ฯลฯ สว่ นบุคลิกภาพ
“ภายใน” คอื สติปัญญา ความจรงิ ใจ การมจี ติ ใจดี มีความซอื่ สัตย์ สจุ ริต ความมีน้าใจ มีคุณธรรม มี
คา่ นิยมทด่ี ี
บคุ ลกิ ภาพภายนอกและภายใน จะกลายเป็นบุคลิกภาพทั้งหมดท่ีบคุ คล คนนัน้ แสดงออก นน้ั
ก็เกดิ จากการขัดเกลา หรือการอบรมสง่ั สอนตงั้ แต่เล็ก และคนทสี่ าคัญคนแรก คอื พ่อแม่ ผปู้ กครอง
ตัวแทนถดั ไป คอื โรงเรียน เพอ่ื นบ้านเพือ่ นเลน่ วดั วาอาราม กลุ่มอาชพี สอื่ มวลชน ฯลฯ ท่ีจะชว่ ย
อบรมสงั่ สอนขดั เกลาหล่อหลอมบคุ ลกิ ภาพของบุคคล

9

คนแต่ละคนจงึ มบี ุคลกิ ภาพตา่ งกบั จากหลาย ๆ ปจั จยั ตามทกี่ ล่าวมา จึงตอ้ งใจกว้างอยา่ มี
อคติ หรือไมย่ อมรับกนั โดยเฉพาะในหน่วยงานตา่ ง ๆ เป็นที่รวมของบคลกิ ภาพหลายรปู แบบ มที า่ ที
ความเช่อื พฤติกรรม อดุ มการณ์ทต่ี ่างกันไม่น้อย

การทางานจึงต้องยอมรับว่าเขาอาจไม่เหมอื นเรา เราอาจไมเ่ หมอื นเขา แต่เรากอ็ ยู่กันได้ ถ้า
เราไม่ถือ “เขา” ถือ “เรา” และต้องลาลกึ เสมอวา่ คนเราเปลย่ี นแปลงไดต้ ามกาลเวลา สถานท่ี อายุ
ทเี่ ปล่ยี นแปลงไป โดยอย่าด่วนสรปุ งา่ ย ๆ จากบคุ ลกิ ภาพแคท่ ี่เหน็ หรือได้ยินมา แตต่ อ้ ให้โอกาสทจ่ี ะ
ทาความเข้าใจใหถ้ ่องแท้

ต่อไปนเ้ี ป็นกรณีไวศ้ ึกษาลกั ษณะของคนไว้บ้าง อาจจะทาใหก้ ารทางาน ทางานไดง้ ่ายและ
เข้าใจกันง่ายขึ้น

รูปที่ 2.2

10

2.1 บุคลกิ ภาพของคนในองคก์ ร

รูปที่ 2.3

1) คนพดู ตรงไปตรงมา เปน็ พวกไมด่ ัดจรติ ไม่มีอะไรมาปดิ บงั ซ่ือสตั ย์ พวกนีจ้ ะทางาน
จริงจัง มีความจรงิ ใจสงู อาจจะพดู ไม่ไพรเราะ แตม่ จี ติ ใจทีด่ ี

2) คนเสียสละ เกดิ อะไรข้ึนจะรบั ผดิ ชอบ และอาจจะรบั อะไรเร็วไป จนบางครงั้ เปน็
ผลเสียต่อตวั เอง คนประเภทน้ี ทางานดว้ ยกส็ บายใจ ไมเ่ อาเปรยี บใคร มแี ตใ่ ห้มากกวา่ รับ

3) คนหน้าตาล เกบ็ กด อาจจะด่าอะไรนายลบั หลงั เรา จงึ เป็นคนน่ากลวั ทจ่ี ะทางานดว้ ย
4) คนไม่กลา้ ขัดใจใคร มักจะเหน็ ด้วยเกอื บจะทุกเร่อื ง เวลาทางานกบั พวกนี้ จะต้องกลา้
แสดงความคิดเหน็ เพื่อเขาจะได้สบายใจ
5) คนพดู มาก เร่ิมนมุ่ นวล ใช้คาพดู ซา้ ๆ จึงควรใส่ใจ หรือพยายามเขา้ ใจว่าเขาตอ้ งการ
พดู เรื่องอะไร หากอยากให้งานสาเร็จก็ต้องบอกเปูาหมายเพอื่ เขาจะไดท้ าได้
6) คนมองโลกในแงร่ า้ ย มักจะค้านอยู่เรอ่ื ย อาจจะมเี หตผุ ลหรือไมม่ ีเหตผุ ล ใครทางาน
ด้วย อาจหมดกาลังใจ แต่ก็ต้องทาใจด้วยการให้อภัย
7) คนชอบทาลาย พวกนอ้ี ยากเหน็ ความเสียหายของผ้อู ่ืน เช่น แกล้งขโมยเอกสารบ้าง
หรือรบั โทรศัพท์ก็ไมบ่ อก เปน็ ตน้ หากทางานด้วยตอ้ ยอมรบั ว่าเขาอาจรา้ ยได้ทกุ เม่ือ เปน็ หนา้ ท่ีของ
นายต้องคาดโทษเขาหากทาใหบ้ รษิ ัทเสียหาย
8) คนไมพ่ ดู ไมแ่ สดง จะเกบ็ ลน้ิ เกบ็ ฟนั ไม่พุดอะไร ไมช่ อบยงุ่ กับใคร ไมอ่ ยากเข้าไป
เกี่ยวข้องด้วย เข้าทานองขอปลอดภยั ไว้กอ่ น งานจะไมก่ า้ วหนา้ เท่าทคี่ วร เพราะไม่กล้าทัง้ ติและชม
ทาใหไ้ ม่มีความคดิ รเิ ริม่ หรอื คดิ ปรับปรุงอะไร ถือวา่ การไมพ่ ดู ไมม่ ีเรอ่ื ราวของใครคือ การไม่มี
ความผิด งานจะไดผ้ ลกค็ อื มอบงานให้ทาพร้อมกบั บอกรายละเอียดว่าตอ้ งรายงานกลบั มาเรื่อง
อะไรบ้าง พร้อมกบั วันเวลาท่ีตอ้ งทาใหเ้ สร็จ

11

2.2 บุคลิกภาพบอกนสิ ยั
บางคนเชือ่ ว่า หน้าตาจะบอกวา่ ใครดีใครเลว ซ่งึ ถ้านายคิดแบบน้ันคงต้องรบั คนจาก

รูปรา่ งหนา้ ตาเป็นหลกั ส่วนใครจะเช่อื รปู หนา้ หรอื โหงวเฮ้งกแ็ ลว้ แตค่ วามเชอ่ื ของแตล่ ะคน
1) หน้าสามเหล่ยี ม หนา้ ผากกวา้ ง เปน็ คนฉลาดหลกั แหลม คดิ ว่าตวั เก่ง จึงชอบเอาตวั

เป็นหลกั แต่ในขณะเดียวกัน กเ็ ป็นคนอ่อนไหวงา่ ย ใครยแุ หย่ใส่ร้ายปาู ยสี พวกเช่ือเอาง่าย ๆ จงึ เปน็
คนท่คี บยากและเขา้ กบั คนยาก เพราะไมร่ ู้จะเอาอย่างไร หลายคนจึงถกู มองว่า เป็นพวกฉลาดแกมโกง
พวกน้ีจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ศลิ ปิน พยายามให้ทางานดว้ ยต้องอย่าพดู อะไรใหไ้ ปกระทบกระเทือนใจ
และถ้าได้เป็นหวั หน้าการงานจะสาเรจ็ ไดง้ า่ ย

2) หน้าก่ีงสามเหลย่ี ม พวกนค้ี ล้ายกับพวกแรก จะต่างกนั ตรงไมอ่ ดทนไม่เทา่ กับพวกแรก
แล้วชอบหนปี ญั หามากกวา่ สกู้ บั ปัญหา เพราะอ่อนไหวเกินไป จนไม่อยากมจี ิตใจท่ีจะยอมรบั ปญั หาที่
อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝนั ตอ้ งระวงั ทจ่ี ะทางานดว้ ยและควรให้ทางานท่มี ชี ว่ งระยะเวลาส้ันๆ

3) หนา้ ส่เี หลีย่ มจตั รุ ัส เปน็ พวกอดทน มมี านะ มคี วามพยายาม มีความขยัน จงึ มักจะได้
เปน็ ผู้นาเพราะกลา้ ทจี่ ะทาทกุ อย่างท่ขี วางหน้า จะเสยี ตรงใจร้อน อารมณ์ร้อนข้ีโมโหแต่ก็หายเร็ว แต่
ถา้ รู้จักเอาเขามาใชง้ านงานไมเ่ สยี

4) หนา้ กลม เป็นคนสุภาพ น่มุ นวล ชอบความสงบ ไมอ่ ยากมเี รอื่ งกัน จงึ ชอบมชี ีวติ แบบ
สบาย ไม่เร่อื งมาก ไม่ชอบทาอะไรแบบพิธรี ีตอง จัดวา่ เปน็ คนมีความรอบคอบ คดิ อะไรไดด้ ี แตไ่ ม่
มน่ั ใจในตวั เองทาได้ ทาให้การงานไม่ดีเท่าทีค่ วร ถา้ ไมม่ กี ารติดตามผลงาน

5) หนา้ รปู ไข่ เป็นใบหนา้ ทปี่ ระสบความสาเรจ็ สงู เพราะฉลาดเปน็ คนนมุ่ นวล รอบคอบ
ขยนั มีมานะอดทน และถ้าทาอะไร จะทาจนกวา่ จะสาเรจ็ การงานจงึ กา้ วหน้า เพราะพวกหนา้ รปู ไข่
เชือ่ วา่ อุปสรรค คือ พลัง นายมลี ูกน้องแบบนี้ นายสบายใจ งานไปไดด้ ีและมคี วามสาเรจ็

2.3 บุคลิกภาพเบื้องต้นทีด่ ี
1) ย้มิ แย้มแจม่ ใส
2) กริยาทา่ ทางเหมาะสม
3) แต่งกายสะอาด
4) มองโลกในแง่ดี
5) ปรบั ตัวได้ตามสถานการณ์

12

6) มีความกระตือรอื รน้
7) รู้จักยกยอ่ งชมเชยผูอ้ ื่น
8) ช่างกาลงั ใจใหแ้ กต่ นเอง
9) เปลยี่ นความเคยชนิ ทท่ี าใหเ้ สียบคุ ลิกภาพ
10) มนั ปรบั ปรุงและพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ
2.4 บุคลิกภาพท่เี ลขาควรมี
1) คล่องแคล่วว่องไว
2) ยม้ิ แยม้ แจ่มใส
3) ความเช่ือมน่ั ในตนเอง
4) ความฉลาด ไหวพรบิ
5) ความซื่อสตั ย์ รักษาความลับ
6) ความเป็นผใู้ หญ่
7) แต่งกายเหมาะสม
8) รู้จกั มารยาททถ่ี กู ตอ้ ง
9) มีศิลปะในการพดู
10) ความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์

รูปท่ี 2.4

13

รูปที่ 2.5

3. การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ

บคุ ลิกภาพของแตล่ ะคนย่อมแตกตา่ งกันตามธรรมชาติ มีบ้างบางคนทมี่ ีบุคลกิ ภาพตาม
ธรรมชาตเิ หมาะสมสอดคล้องกบั การเปน็ เลขานุการทมี่ ปี ระสิทธิภาพ บางคนกไ็ มค่ อ่ ยจะตรงเทา่ ใดนัก
แตบ่ ุคลกิ ภาพสามารถจะพฒั นาได้ โดยความพยายามของบคุ คลน้ันเองท่ีมงุ่ มน่ั ปรับปรงุ ใหด้ ีขนึ้ และ
ตรงกบั ตาแหนง่ ทีท่ าโดยอาศยั หลักทกี่ ลา่ วมาแล้ว

เลขานุการควรปรบั ปรุงบุคลกิ ภาพด้านใดบา้ ง บคุ ลกิ ลกั ษณะและนสิ ัยเชน่ ใดไมเ่ ปน็ ท่ีพงึ
ประสงคห์ รอื ตอ้ งเปลีย่ นแปลง เพือ่ ใหก้ ารทางานสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงค์ ขอให้พิจารณาจาก
ข้อเสนอแนะตอ่ ไปน้ี
3.1 นิสยั ในการปฏิบัติงานท่ีควรพิจารณา

1) โรคปฏเิ สธคนอ่ืนไมเ่ ป็น บางเรอื่ งท่ีมผี ู้ขอรอ้ งให้ชว่ ย ถา้ เห็นวา่ ไม่มีความสาคญั หรอื
จาเปน็ ควรบอกปดั และขอร้องให้ไปตดิ ตอ่ ผูอ้ นื่

2) โรคแก่รายละเอยี ด งานบางอย่างต้องการความกะทดั รดั มีแตส่ าระสาคญั ก็ไม่ควรท่ี
จะเพม่ิ เตมิ รายการไมเ่ ปน็ ผลดี

3) โรคลงั เล ควรเปน็ ผตู้ ดั สินใจโดยรวดเรว็ และถกู ตอ้ ง แตด่ ว้ ยความรอบคอบ การกลวั
จนไมก่ ล้าทาอะไรนน้ั ไมเ่ ปน็ ผลดี

4) โรคทางานทุกอย่างทข่ี วางหนา้ งานใดทพี่ อจะแบง่ ใหผ้ นู้ อ้ ย หรอื ลกู น้องไปทาบ้าง ก็
จะเป็นการแบง่ เบาภาระหรอื โลกทางานจบั จด ทางานนน่ั นดิ ทางานนหี่ นอ่ ย แตล่ ะงานก็ไม่จบสิน้ ไม่
สาเรจ็ เปน็ ชน้ิ เป็นอนั

5) โรคผัดวันประกนั พรงุ่ งานทกุ ชนิดทเ่ี ป็นงานสาคญั ตอ้ งปฏบิ ัตเิ ต็มที่ ทนั ที เปน็ ไปตาม
ข้ันตอน ไมค่ วรเลือกวา่ งานน้ยี ากเอาไว้วันพรงุ่ นที้ ากไ็ ด้

14

รปู ท่ี 3.1

3.2 นิสยั ในการปฏิบตั งิ านของเลขานุการ
1) เข้ากับบคุ คลอนื่ ไดท้ กุ โอกาส ข้อนถ้ี ือเป็นจดุ สาคญั ทส่ี ุดในบรรดานิสัยการทางานของ

เลขานุการ เพราะเลขานุการอยทู่ า่ มกลางผู้คนมากมาย ฉะนน้ั การเข้ากบั คนอื่นได้ จงึ เปน็ ส่งิ ทค่ี วรแก่
การยกยอ่ งชมเชย เลขานุการจะต้องเขา้ กบั เพอื่ นรว่ มงานทกุ คนได้

2) เมื่อมีการปฏเิ สธ จะตอ้ งปฏเิ สธอยา่ งนุ่มนวลในการทจี่ ะให้ข้อสนเทศแกบ่ ุคคลอืน่ ๆ
ในกรณีทบ่ี ุคคลอื่นสอบถามถึงการตดั สินใจของผบู้ งั คับบัญชา ในงานบางอยา่ งซ่ึงเปน็ ความลบั เฉพาะ
เลขานุการไมอ่ ย่ใู นถ้านะทจี่ ะเปิดเผย จาเปน็ ทจ่ี ะต้องหาทางหลกี เลยี่ งการตอบคาถามใหแ้ นบเนยี น
เหมาะสม อยา่ ใหผ้ บู้ รหิ ารอน่ื หรอื เพอ่ื นรว่ มงานที่ถามปญั หาเกดิ อารมณข์ ุ่นเคืองได้
เลขานกุ ารอาจตอบวา่ “เรอ่ื งนไี้ ม่ทราบรายละเอียดลกึ ซ้งึ เกรงวา่ จะไปตอบผดิ พลาดไปจาก
เจตนารมณ์ของผ้บู งั คบั บญั ชาโดยตรง จะเกดิ ผลเสียหายได้ เมื่อได้รบั ทราบรายละเอยี ดในเรอื่ งนแ้ี ลว้
จะเรยี นใหท้ ราบ” ดงั นเ้ี ป็นตน้

3) ทางานโดยตง้ั ใจใหม้ ผี ลผลติ ปกติแล้วนายจ้างจะจ่ายค่าจ้างตอบแทนให้แกผ่ ลงานท่ี
ทา ฉะนั้น จงึ ตอ้ งแสดงผลงานให้ชดั แจ้ง ต้งั ใจทางานให้ไดร้ บั ผลเปน็ ทพ่ี อใจ โดยใช้เวลานอ้ ย
คณุ ภาพสงู งานถูกต้องและประหยัดวสั ดุ งานที่เลขานุการทาจะตอ้ งอาศัยวธิ กี ารทางานท่ีดี ต้อง
ตัดสินใจใหร้ อบคอบและทาอย่างมีประสทิ ธิภาพมงุ่ สู่เปูาหมายอันเปน็ ผลผลิตของงาน

วธิ ีทดี่ ีทีส่ ุดของการทางาน คือ
ก. ศึกษางานท่ีทา แยกยอ่ ยออกไปเปน็ ส่วน ๆ เป็นขนั้ เป็นตอน
ข. จัดขัน้ ตอนตา่ ง ๆ ให้เปน็ ไปตามลาดับกอ่ นหลงั
ค. จัดหาวสั ดุ เครื่องมอื เครอื่ งใช้เกีย่ วกับงานทที่ านั้นใหเ้ ปน็ ท่พี อใจของผทู้ างานให้

มากทสี่ ุด และจาแนกวสั ดุ เครือ่ งมือเคร่อื งใช้เหลา่ นัน้ ไว้ตามลาดับขัน้ ตอนของงาน

15

4) ทางานดว้ ยความระมดั ระวังและไว้ใจได้ ถ้าเลขานกุ ารเปน็ บุคคลดีเชอื่ ถอื และไว้ใจได้
จะทาใหน้ ายจา้ งคลายกังวล หลงั สง่ั งาน หรือแนะนางานเสรจ็ ก็จะไปทาธุระอย่างอ่ืน โดยมอบหน้าที่
ในการดาเนินงานเรอ่ื งน้นั ใหเ้ ลขานุการ และไม่ต้องคอยหว่ งใยงานน้ันอีก เพ่อื สรา้ งความเชื่อถอื
ไวว้ างใจใหก้ บั ผบู้ ังคบั บญั ชา เมือ่ นายจา้ งแนะนาหรือสงั่ งาน เลขานกุ ารตอ้ งต้งั ใจฟังอย่างจดจอ่ แนใ่ จ
ว่าเข้าใจในคาส่ังหรอื คาแนะนานัน้ ต้องทราบวา่ จะทาอะไร แลว้ ดาเนนิ การตามน้ันอยา่ ใหบ้ กพรอ่ ง
ทาให้เสรจ็ ตามเวลาและมปี ระสิทธิภาพ

5) รูเ้ ทคนคิ ในการบรหิ ารเวลา การบรหิ ารเวลาทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพน้นั ตอ้ งเปลีย่ นแปลง
พฤตกิ รรมอยา่ งมากและควรปรบั ปรงุ นสิ ัยตนเองทลี ะเรอื่ ง เปล่ยี นไปจนกระทงั่ กลายเปน็ นสิ ยั ใหมใ่ น
ดา้ นการควบคมุ การใช้เวลา เราเทา่ น้ันจะเอาชนะใจของเราเองได้

16

ฉะนน้ั กอ่ นการปฏบิ ัตงิ านแต่ละเรอื่ งตอ้ งพจิ ารณาวา่ จะนาเทคนิคใดมาใช้ในการ
ปฏิบัติ เพอ่ื ใหง้ านนน้ั บรรลผุ ลอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ควรยดึ ถอื หลกั ปฏิบตั ดิ งั น้ี

ก. จัดลาดับความสาคญั ของงานกอ่ น – หลงั
ข. งานใดท่ยี ังมขี ้อมูลไมเ่ พียงพอควรแสวงหาข้อมลู เพ่ิมเตมิ
ค. แบ่งงานทีท่ าออกเป็นชว่ ง ๆ คอื

- ข้นั เตรยี มการหรอื วางแผน
- ขั้นปฏบิ ัติการ
- ขน้ั ตรวจงาน
ง. ทางานดว้ ยความกระตอื รอื รน้
จ. มสี มาธใิ นการทางาน
ฉ. อปุ กรณ์ทใี่ ชบ้ ่อยควรวางไวใกลม้ ือ
ช. มอี ปุ กรณส์ อื่ สารท่ีพร้อมสมบรู ณ์ สามารถใช้อานวยความสะดวกทันทีและ
ตลอดเวลา
เวลาเป็นสงิ่ มีค่ายงิ่ ในชีวิตการทางาน ถา้ ปล่อยเวลาใหส้ ูญเปล่าก็เทา่ กบั ทาใหเ้ วลาเสีย
ไปโดยใช่เหตุ ฉะน้นั จึงไม่ควรผัดวันประกนั พรุ่งในการทางาน ดงั คาพงั เพยทไ่ี ดก้ ล่าวไว้วา่ “เวลาและ
วารไี ม่คอยใคร เวลาทลี่ ่วงไป ๆ บัดนเ้ี ราทาอะไรอยู่”
ปรัชญาการใช้เวลาของเลขานุการ
จงใช้เวลาเพอ่ื ทางาน เพราะนั่นคอื ราคาของความสาเรจ็
จงใช้เวลาเพอ่ื นึกคดิ เพราะน่นั คอื ทีม่ าของอานาจ
จงใชเ้ วลาเพือ่ เลน่ เพราะนนั่ เปน็ เคลด็ ลับของความกระฉบั กระเฉง
จงใช้เวลาเพ่อื การอา่ น เพราะนนั่ คือฐานของความรู้
จงใช้เวลาเพ่ือคบเพอื่ น เพราะนั่นเปน็ ถนนสคู่ วามสาเรจ็
จงใช้เวลาเพ่ือหวั เราะ เพราะนั่นคือดนตรีประจาใจ
3.3 พฤติกรรมท่ีไม่ควรแสดงออก หรอื กิริยาท่าทางท่ีควรสารวมไม่ให้ปรากฏขณะทางาน
หรืออยูร่ ว่ มกบั คนอ่ืน
1) หยบิ ของใชข้ องผอู้ น่ื โดยไมข่ ออนุญาต เม่ือผูอ้ ่นื ทวงกลบั แสดงสหี นา้ ไมพ่ อใจ
2) ชอบแสดงสหี น้าไม่เปน็ มิตรกบั บคุ คลทั่วไป ทงั้ ๆ ท่ยี งั ไมไ่ ด้พดู จาอะไรกันหรือลงมอื
ทางานร่วมกนั
3) แคะ ตัด ตะไบเลบ็ มอื เล็บเทา้ ดูดรมิ ฝปี ากดงั ๆ ไอ หรอื จามโดยไม่ใช้ผา้ ปิดปาก ทา
เสียงฮมึ ในลาคอ ครวญเพลง ผวิ ปาก พูดกับตวั เองดงั ๆ วิพากษว์ จิ ารณค์ นอนื่ อย่างเสียหายโดยไม่
เกรงใจ ยแุ หยใ่ ห้คนอ่นื โกรธ

17

4) กัดเลบ็ แทะดนิ สอ หรอื แกะเกาตามเนอ้ื ตวั ขยุกขยิก ขบเค้ยี วของกิน ขณะทางาน
ชนดิ ไมย่ อมใหป้ ักอยู่นิง่ ๆ และสว่ นบคุ คลอืน่ ร่วมรับประทานดว้ ย

5) ตกแต่งทรงผม หวผี มบ่อย ๆ ขณะทางาน เกาศีรษะ นิว้ แยงรูจมกู แคะหูขณะทางาน
เป็นกริ ิยาท่ีไมส่ ุภาพ

6) หร่ตี า ดงึ จมกู จบั ใบหู ชาเรืองด้วยหางตา ลบู คาง ทาหนา้ บดิ เบย้ี ว แสดงกิริยา
ล้อเลียนบคุ คลอืน่ ในขณะทางาน

7) พดู สอด เสยี ดสี บุคคลอืน่ ไมน่ ั่งประจาที่ทางานของตน ชอบไปยุ่งกบั โตะ๊ คนอื่นใน
ขณะทีเ่ ขาทางาน เกะกะขีดขวางทางเดนิ ยืนค้าศีรษะคนอื่น

8) ใชเ้ ทา้ เคาะจงั หวะทาใหเ้ กิดเสียงขณะทางาน แม้แต่ขณะรับฟงั คาสงั่ จาก
ผบู้ ังคบั บญั ชา ก็มกั จะกระดกิ เทา้ ตลอดเวลา เป็นการกระทาท่ีไมส่ ภุ าพ

9) กระชากกระดาษออกจากเคร่ืองพมิ พด์ ีด ขยา ๆ ปาทิง้ ขวา้ งปาสมดุ หนงั สอื ดินสอ
ปากกา หรือโยนโครมครามให้เกดิ เสียงดงั เวลาท่ีไมส่ บอารมณ์ หรือไมพ่ อใจใครขน้ึ มา

10) หน้าไหวห้ ลงั หลอก ต่อหนา้ ผบู้ งั คับบญั ชาเรียบรอ้ ย ลบั หลังลกู ลงิ เป็นลงิ หลอกเจ้า
ไมส่ ารวม เรียนกริ ิยาท่าทางผบู้ งั คับบญั ชาในแงต่ ลกขบขัน

รูปท่ี 3.2
3.4 บุคลกิ ภาพขนั้ พื้นฐานท่ีควรปรับปรงุ
เพราะบคุ ลกิ ภาพตามธรรมชาตไิ มเ่ หมือนกัน จงึ ขอเสนอแนะใหป้ รับปรงุ บุคลกิ ภาพข้ัน
พื้นฐานในด้านตา่ ง ๆ ตอ่ ไปนี้ เพือ่ พดู ทมี่ อี ย่แู ล้วจะไดด้ ีข้นึ ผทู้ ีย่ ังขาดอยจู่ ะไดม้ บี ุคลกิ ภาพอันพงึ
ประสงค์ เลือกปรบั ปรงุ ขอ้ ทม่ี ัน่ ใจว่าจะทาได้กอ่ นแล้วใหฝ้ งั แนน่ อยู่ในนิสยั ของตน

1) ความวอ่ งไว (Alertness) จะตอ้ งปรบั ตนใหเ้ ป็นบุคคลทที่ ันตอ่ เหตกุ ารณ์ปจั จุบนั รอบ
ด้าน รับผดิ ชอบตอ่ งานทไี่ ด้รบั มอบหมายและเสรจ็ ทนั เวลา เคล่ือนไหวรวดเร็ว เสร็จงานช้ินแรกแล้ว

18

รบี ทาช้ินต่อไปทนั ที ระมัดระวังและแกไ้ ขข้อผดิ พลาด ปฏบิ ตั ิภารกจิ ประจาวันใหท้ นั ตามส่งั หรอื
ตามที่ผบู้ งั คบั บัญชามอบหมาย

2) ความไว้วางใจ (Dependability) ในกรณที ไ่ี ดร้ บั มอบหมายให้ปฏบิ ตั ิหน้าที่ไมว่ า่ จะ
เป็นเรอ่ื งใดก็ตาม จะต้องดาเนินงานตามคาส่งั คาแนะนา คาชแี้ จงใหถ้ กู ต้องตามขนั้ ตอน และใหผ้ ล
งานออกมาอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

3) ความคิดริเร่ิม (Initiative) งานทไี่ ดร้ ับมอบหมายให้ทาโดยผู้สงั่ งานมิได้อธิบาย
รายละเอยี ดเลขานกุ ารจะตอ้ งพ่ึงตนเองโดยหาวธิ กี ารทางานนั้นใหเ้ สรจ็ ด้วยตนเอง โดยไมจ่ าเป็นทต่ี อ้ ง
ไปปรกึ ษาหรอื หารอื ใครอ่ืน เว้นแตว่ ่าจะเป็นเรอ่ื งเกินความสามารถของตนจรงิ ๆ อาจทาได้โดย
ประมวลเอาวธิ กี ารต่าง ๆ ทีเ่ คยปฏิบตั ิมาดัดแปลงแก้ไขใหเ้ ข้ากบั งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายนั้น

4) ความถูกตอ้ ง (Accuracy) งานด้านชวเลขพมิ พ์ดีด คานวณ การเลือกคา การสะกด
การันต์ การใช้เครอ่ื งหมายวรรคตอน ไวยากรณ์ การออกเสยี ง ฯลฯ ตลอดจนการคดั ลอกข้อความ ชอื่
ทีอ่ ยูผ่ ตู้ ิดตอ่ จาเป็นอย่างยิ่งทจ่ี ะตอ้ งให้ถูกต้องตั้งแตว่ าระแรก ไมว่ ่าจะใช้ส่ิงดงั กลา่ วมานัน้ ในกรณใี ด
ๆ กต็ าม ระมัดระวงั อยา่ ใหผ้ ดิ พลาด

5) ความเร็ว (Speed) เมอ่ื ลงมอื ทางานจะตอ้ งขมีขมนั ทาให้รวดเร็วและรดุ หน้าไปอย่าง
ไมห่ ยุดยงั้ และไมค่ วรใหเ้ สยี เวลาไปเลยแมแ้ ตน่ าที การหยุดบา้ งทาบ้างจะสง่ ผลในทางด้านลบ กู
ทางานเร็ว เร่อื ย ๆ ไมห่ ยดุ ยง้ั เปน็ ผทู้ ีไ่ ดเ้ ปรยี บด้วยประการท้ังปวง

6) ความเปน็ ระเบยี บ (Orderliness) เคร่อื งใช้ในสานกั งาน อปุ กรณ์วสั ดสุ ิน้ เปลือง
เอกสารในการปฏิบตั งิ าน และสง่ิ ภายในท่ีทางาน จะต้องจัดเกบ็ ใหเ้ ป็นทเ่ี ป็นทาง ใหม้ รี ะบบในการจดั
หรอื สอดคลอ้ งกบั งานแตล่ ะประเภท อยา่ ใหก้ ระจดั กระจาย จะตอ้ งสะดวก ง่าย รวดเร็ว ในการทจี่ ะ
นามาใช้

7) ความสะอาด (Neatness) ไมเ่ พียงแตร่ า่ งกาย เครอ่ื งแตง่ กายของเลขานกุ ารเท่านั้นที่
จะต้องสะอาด ผลการปฏบิ ตั ทิ กุ ประเภทจะต้องสะอาดเรยี บรอ้ ยด้วย เชน่ งานถอดข้อความชวเลข
งานพมิ พ์ดีด (ถา้ มีการลบ) การวางรปู แบบจดหมาย การแกไ้ ขข้อความ การเก็บเข้าแฟูม หรอื การ
จัดเกบ็ เอกสาร

8) ความจา (Memory) เรอื่ งทส่ี าคัญ ๆ เกยี่ วกบั การปฏิบตั งิ านจะตอ้ งจาใหข้ ึน้ ใจ
ผู้บงั คบั บญั ชาหรอื บคุ ลากรระดับบรหิ าร หมายเลขโทรศพั ทข์ องท่านเหล่านั้น (ถา้ ทาได้) รายละเอียด
เก่ยี วกับแตล่ ะคนโดยยอ่ ท่ีพอจะชแี้ จงให้บคุ คลทราบเมือ่ จาเป็นและการจดจากระบวนการทางาน
ท้ังหลายทเ่ี ป็นงานในหนา้ ทเ่ี พ่อื จะได้แนใ่ จว่าการทางานแตล่ ะอย่างจะไมม่ ีการผิดพลาด

19

9) การปรบั ตัว (Adeptabllity) ในสภาวะแวดล้อมที่แตกตา่ งไปเลขานกุ ารอาจไมค่ ุ้นเคย จะตอ้ ง
พยายามปรบั ตวั ให้เขา้ กบั สง่ิ ตา่ ง ๆ หรอื ปรบั ตวั ให้เข้ากบั บคุ คลอ่ืนในสานักงาน ความเคยชินเดิมท่มี ี
อาจทาใหเ้ ปน็ อปุ สรรคของการทางาน เป็นเร่ืองเฉพาะตัวทเี่ ลขานกุ ารจะตอ้ งสงั เกตและหาทางให้
พฤตกิ รรมของตนสอดคลอ้ งกับสถานการณร์ อบ ๆตวั ในทีท่ างานซ่ึงทาใหง้ านในหน้าท่ีสมเดจ็ สมบรู ณ์
และไดผ้ ลดี

10) การให้ความรว่ มมอื (Co-operativeness) ประสานงานกับพนักงานอนื่ เพอ่ื การ
ปฏิบตั ิงานจะได้ไม่ขดั แย้ง ไม่ซ้าซ้อนและไม่เหลอื มล้าระหวา่ งกัน ปฏิบัตติ ามคาแนะนาในทางท่ถี กู ต้อง
วิเคราะหง์ านหรือกระบวนการปฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั บคุ คลในระดบั หัวหน้า หรอื ผ้บู รหิ ารเพอื่ แกไ้ ข
ข้อบกพรอ่ งในการทางาน เตม็ ใจปฏบิ ตั ิงานพเิ ศษนอกเหนอื งานในหน้าทเี่ มอ่ื ไดร้ บั การรอ้ งขอจากคน
อ่ืน หรอื เป็นคาสงั่ เฉพาะของผบู้ ังคบั บญั ชารว่ มทางานเป็นชดุ กับบคุ คลท่ีเกี่ยวข้องในวงงาน แบง่ เบา
ภาระบคุ คลอ่นื เท่าทจี่ ะทาไดส้ รา้ งบรรยากาศทด่ี กี ับเพ่ือนรว่ มงาน

11) ความจงรักภกั ดี (Loyalty) เลขานุการจะต้องอทุ ิศเวลาให้กับการทางานจนเต็มที่
ตัง้ ใจทางานจนเตม็ ความสามารถไม่วา่ งานน้ันจะยากเพยี งใด แสดงทศั นคตทิ ่ีดตี ่อบคุ คลร่วมงานอื่น
สง่ เสริมกจิ กรรมทกุ ประเภททตี่ นเก่ยี วข้อง ซ่อื สตั ยต์ อ่ ผบู้ งั คบั บัญชา ไม่เปดิ เผยความลับของ
หนว่ ยงานออกไปส่ภู ายนอก

12) ความรอบคอบ (Discretion) ตอ้ งพยายามใชว้ ิจารณญาณในการทางาน ต้อง
ไตรต่ รองหรอื พินจิ พิเคราะหง์ านแตล่ ะอย่างใหถ้ ี่ถ้วน การใชด้ ุลพินิจเพ่อื วินิจสง่ั การ จะตอ้ งตัง้ อยูบ่ น
รากฐานแหง่ เหตผุ ล ใชข้ ้อมลู ตา่ ง ๆ ใหค้ วรแกเ่ รอ่ื ง เพ่ือปอู งกันความผิดพลาดท่ีเกิดข้นึ จากการ
ปฏิบัติงาน

13) ความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต (Honesty) ไมถ่ อื เอาประโยชน์หรอื สงิ่ ท่ไี ม่ใช่สทิ ธข์ิ องตนมา
ครอบครอง กระทาการทั้งหลายดว้ ยความสจุ ริตใจ ไมเ่ บยี ดเบียนบคุ คลอื่นไม่ใชเ้ วลาทางานไป
ประกอบธุรกิจของตนเอง ยอมรบั ความผดิ ในข้อบกพรอ่ งทงั้ หลายท่ีตนเองกระทาขึ้นโดยไม่ผ่านความ
รบั ผิดชอบนั้นไปให้บคุ คลอน่ื เคารพสทิ ธิของเพ่ือนรว่ มงานไม่ว่าจะเปน็ สทิ ธเิ หนอื ของใชส้ ่วนตัวหรอื
อานาจหนา้ ทกี่ ารงาน

14) ความสุภาพอ่อนโยนเออื้ เฟือ้ เผือ่ แผ่ (Courtesy) ไมว่ า่ จะแสดงออกต่อใคร ใน
สถานการณเ์ ช่นใด จะตอ้ งนมุ่ นวล สภุ าพ และใหค้ วามเอ้อื เอน็ ดูแกผ่ ูใ้ ต้บงั คับบญั ชา ชว่ ยเหลือเกอื้ กลู
บุคคลอืน่ ตามควรแกก่ รณีแสดงความยินดีกับคนอ่ืนอยา่ งจรงิ ใจใหค้ วามเห็นใจผู้ทปี่ ระสบเคราะห์
กรรมเทา่ ทจ่ี ะสามารถทาได้ การแสดงออกกรณีนจี้ ะสร้างความนับถอื จากคนอน่ื ให้เกิดขน้ึ กบั ตนเอง

15) ประสิทธิภาพในการทางาน (Efficiency) ระบบการทางานโดยสว่ นรวมนนั้ จะตอ้ ง
ระดมแนวความคดิ ความสามารถ ทกั ษะท่มี อี ยอู่ อกมาใช้ในการทางานใหไ้ ดผ้ ลคุ้มกบั ปจั จัยการ
ทางานท่ีใสเ่ ข้าไป กลา่ วงา่ ย ๆ ว่า ผลของงานทป่ี ฏบิ ัติทกุ อยา่ งจะต้องมี Output มากกว่า Input

20

4. การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพเพอ่ื เสรมิ สร้างลกั ษณะความเปน็ ผนู้ า

บคุ ลกิ ภาพเปน็ คุณลกั ษณะทางกายภาพ ทางจิตใจ และความรู้สกึ นกึ คดิ ทสี่ ะทอ้ นอกมาให้
ผอู้ ่นื เห็นและเกดิ ความประทบั ใจมากน้อยเพียงใดนั่นเอง บุคลิกภาพเปน็ สง่ิ เฉพาะตัวไมซ่ า้ แบบกัน
ตามกรรมพนั ธุ์และการอบรม และสภาพสงิ่ แวดลอ้ มเปน็ สง่ิ มคี ่า ซึง่ เงินไมส่ ามารถซอ้ื ได้ แตท่ ุกคน
สามารถจะปลกู ฝังใหม้ ขี ึ้นในตวั ได้ ไมม่ ีใครมาเปลีย่ นบคุ ลกิ ของเราไดน้ อกจากตวั เองเราอาจรบั ปรุง
หรอื เสริมสร้างบุคลกิ ของเราให้ดีขึ้นได้ โดยการสงั เกตศกึ ษา และประสบการณแ์ ละนามาปรบั ให้
เหมาะสมกบั ตัวเรา และฝึกฝนให้เคยชินจนเป็นนสิ ยั สามารถปฏบิ ัตไิ ดโ้ ดยอตั โนมัติ บคุ ลกิ ท่ีดเี หลา่ นน้ั
จะเปน็ สงิ่ ที่ตดิ ตวั เราไปตลอด

บคุ ลิกลักษณะ คอื ลกั ษณะภายนอกของบุคคลทสี่ รา้ งความประทับใจในเบ้อื งตน้ ใหบ้ งั
เกดิ ผลตอ่ ไป บคุ คลจะตอ้ งมที ว่ งท่าต้องตาบุคคลอน่ื ซง่ึ ประกอบดว้ ยรอยยมิ้ ท่ีอบอุน่ จติ วทิ ยา
อารมณ์คงที่ คาพดู ทจ่ี รงิ ใจ การยนื การเดิน การน่งั การวางท่าทีประสบประสานกบั ภาพหนา้ ตาของ
คุณ การฝกึ ปรือมารยาทใหด้ เู ป็นธรรมชาตเิ หมาะเจาะ คอยสงั เกตบคุ คลอืน่ ที่มบี ุคลกิ ดี แลว้ จดจาทา
ตาม ทาอยา่ งไรใหม้ มี าดผนู้ า

รปู ท่ี 4.1

21

4.1 สรา้ งภาพพจนท์ ่ดี ีให้ปรากฏ
1) การแตง่ กาย ไมซ่ อมซอ่ แตไ่ ม่หรหู ราจนเกนิ ไป
2) ชุ่มเสียง การกระตนุ้ ให้คนฟงั จะตอ้ งจงั หวะจะโคน บทสนทนาจะต้องรจู้ กั ใช้คาพูดทม่ี ี

พลัง และเหมาะแกก่ ารเข้าใจงา่ ย มีเหตแู ละผล การหาเหตแุ ละผลควรจะอ่านใหม้ าก ศกึ ษาใหม้ าก
และไหวตัวเรว็ ต่อสถานการณ์

3) ไหวพริบทโี่ ตต้ อบ ขณะท่ีนัง่ สนทนา อยา่ น่งั ฟังเพียงอยา่ งเดยี ว ตอ้ งรจู้ กั สอดแทรก
คาพดู ทีค่ ลอ้ ยตามให้คสู่ นทนาเกดิ ความเปน็ กันเอง

4) ทาความเคารพหรอื รบั ไหว้อย่างจงั หวะจะโคน
5) ไม่ควรสบู บหุ รี่ตอ่ หน้าคนอ่นื
6) มคี วามเชือ่ ม่นั ในตนเอง
7) การยม้ิ แย้มแจ่มใส
8) การมศี ิลปะการชักจงู
9) เข้าใจคาอธิบายได้เร็ว
10 ) มมี นษุ ย์สัมพนั ธด์ ี

รปู ท่ี 4.2

22

อา้ งอิง

กฤษณเนตร พันธุโพธิ. การจัดการสานกั งาน. เอกสารประกอบสัมมนา เรื่อง การจัดสานักงาน
อย่างมปี ระสิทธิภาพ. บรษิ ัทการจดั การธรุ กจิ , 2539

เธยี รชัย เอย่ี มวรเมธ. พจนานกุ รมอังกฤษ-ไทย (ฉบับใหม่). พมิ พ์ครั้งที่ 3 กรงุ เทพฯ : อักษรพิทยา,
นโปเลยี น ฮลิ ล.์ GROW RICH WITH PEACHE OF MIND. แปลโดย ถิรนันท์ อนวชั ศิรวิ งศ์

และอ๓ไท สกลฤกษ์.
เนตร์พณั ณา ยาวริ าช. งานสานกงาน กรุงเทพฯ : มณฑลการพมิ พ,์ 2540.
ปราณี พรรณวิเชยี ร. หลักการจดั การ. กรุงเทพฯ : สุวรรณสาสก์ ารพิมพ,์ 2528
ปรารมภ์ นพคุณ. เทคนิคงานเลขนกุ าร. กรงุ เทพฯ : สานกั พมิ พส์ ถาบนั ราชภัฏ สวนดุสิต, 2540
พงศ์ สวุ รรณธาดา. การเลขานกุ าร, กรงุ เทพฯ : บณุ เลิศการพมิ พ,์ 2538.
เพ็ญพรรณ วิสทุ ธิ ณ อยุธยา. เอกสารประกอบการสมั มนา “สูม่ าดใหญ่ของเลขานกุ ารบรหิ าร

และผชู้ ่วยผู้บริหาร”. 19-20 มถิ นุ ายน 2541 โรงแรมแลนมารค์ . กรุงเทพฯ : 2541
ไมตรี ทองประวัติแลเสถียรสภาพ พันธไุ์ พโรจน์. ทาอยา่ งไรจึงจะเปน็ หัวหนา้ งานที่ลูกนอ้ งยอมรับ

และบริษัทมอบความไว้วางใจ. กรงุ เทพฯ : ธรรมนิต,ิ 2539
ภรณี วนิ ิจฉัยกลุ . ขอบขา่ ยงานในหนา้ ทีแ่ ละความรับผดิ ชอบของเลขนุการ. 9-11 กุมภาพันธ์

2541 โรงแรมชาลนิ า่ กรงุ เทพฯ : 2541.
ลูเธอร์ เจ ไชเวทิ . บรหิ ารเวลาอย่างเตม็ คุณคา่ . แปลโดย ปรดี า ล้มิ ถวลิ . กรุงเทพฯ:เอช. เอ็น. กรุป๊ , 2537
ระเด่น ทกั ษณา. คดิ และเขยี น. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 2 กรุงเทพฯ : แสงเทียน, 2541
ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี “วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ” พ.ศ. 2536
ศริ ริ ตั น์ เสรรี ัตนแ์ ละสมชาย หิรัญกติ ต.ิ การบรหิ ารสานกั งานแบบใหม.่ ดวงกมลสมยั , 2538
สร้างศกั ยภาพ สร้างอนาคต. กรงุ เทพฯ : ข้าวฟาุ ง, 2534
สุพัตรา สุภาพ. เอกสารอบรมเทคนคิ การบริหารงานอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพยุคใหม.่ 29 มีนาคม 2539

กรุงเทพฯ : สถาบันธรรมนิต,ิ 2536
อษุ ณยี ์ ตลุ าบดี. สู่ความสาเร็จของเลขานกุ ารมอื อาชีพ. พิมพค์ รั้งที่ 2 กรงุ เทพ : ธรรมนติ ิ, 2536
Littlefilrld. C.L. and Other Management of Office Operation. “Prectice Hall of India”.

1981. 204 p.
Johh Harison. “Secretarial Duties”. Eighth Edition, London Pitman Publishing. 1988
Lu. Brown Gavnu “Secreterial office Proces” McGraw-will lnterntional Editions, 1995.

จัดทาโดย
นางสาวชดิ ชนก ตาคาปัญญา เลขท่ี 8

แผนกการจัดการสานักงาน


Click to View FlipBook Version