อารยธรรมจีน
อารยธรรมลุ่ม
น้ำฮวงเหอ
พ บ มี อ า ยุ ป ร ะ ม า ณ 2 , 0 0 0 ปี ก่ อ น ค ริ ส ต์ ก า ล
จุดกำเนิด
อารยธรรมจีนมีความเก่าแก่มานับพันๆปี จีนสะสมอารยธรรมอย่างต่อเนื่อง
และมีประชากรมากกว่าประเทศใดในโลกอารยธรรมจีนเกิดขึ้นครั้งแรกที่ลุ่มแม่น้ำ
ฮวงโห คือที่ราบตอนปลายของแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีเกียง อารยธรรมจีน
เจริญโดยได้รับอิทธิพลจากภายนอกน้อยเพราะทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก
ทางตะวันตกและทิศเหนือเป็นทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขา จีนถือว่าตนเป็น
ศูนย์กลางของโลก เป็นแหล่งกำเนิดความเจริญ แหล่งอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่พบ
มีอายุประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์กาลที่ตำบลยางเชา เรียกวัฒนธรรมยางเชา
มณฑลเฮอหนาน และวัฒนธรรมลุงชาน ที่เมืองลุงชาน มณฑลชานตุง พบเครื่องมือ
เครื่องใช้ทำด้วยหิน กระดูกสัตว์ เครื่องปั้ นดินเผา กระดูกวัว กระดองเต่าเสี่ยงทาย
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ของจีนแบ่ง
ได้ 3 ยุค
✿ ยุคหินเก่า
✿ ยุคหินกลาง
✿ ยุคหินใหม่
สมัยประวัติ ศาสตร์ของจีนแบ่งได้
4 ยุ ค
✿ สมัยโบราณ: ราชวงศ์ชาง > ราชวงศ์โจว
✿ สมัยจักรวรรดิ: ราชวงศ์จิ๋น > ปลายราชวงศ์ชิง
✿ สมัยใหม่: ปลายราชวงศ์ชิง > การปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม
✿ ร่วมสมัย: การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ > ปัจจุบัน
จีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ความเป็นไปของประเทศจีนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ อ้างจากซากของมนุษย์
ปักกิ่งที่ค้นพบทางตอนใต้ของจีน เรียกซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์วานรยุคแรกว่า “รา
มาปิเทคุส” หลังจากสิ้นสุดยุคน้ำแข็งได้มีการรวมตัวกันขึ้นในบริเวณที่ราบอุดมสมบูรณ์
ของแม่น้ำฮวงโหจากนั้นชาวจีนได้เริ่มสร้างสังคมเมืองแบบพื้นฐาน
ใน ยุคหินใหม่ ชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ราบลุ่มน้ำฮวงโหได้สร้างสรรค์วัฒนธรรม
" หยางเชา’ " ขึ้นและอีกชุมชนหนึ่งอยู่บริเวณมณฑลซานดุงได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมที่
เรียกว่าวัฒนธรรม "ห ลงชาน" ขึ้น ทั้งสองวัฒนธรรมกำหนดอายุได้ประมาณ 5,000
ปีถึง 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราชตามลำดับ
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มต้นเมื่อไร แต่จากการขุดพบวัตถุ
โบราณบริเวณลุ่มน้ำฉางเจียงและฮวงโห แบ่งช่วงเวลานี้ออกได้เป็นสังคม 2 แบบ แบบ
แรกคือ ช่วงที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ เรียกว่า วัฒนธรรมหยางเชา และช่วงที่ผู้ชายเป็นใหญ่
เรียกว่า วัฒนธรรมหลงชาน ตามตำนาน
จีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห
พบความเจริญที่เรียกว่า ”วัฒนธรรมหยางเชา” พบหลักฐานคือเครื่องปั้ นดินเผาลาย
เขียนสีจำนวนมากที่มีความงดงามและมีความประณีตในการตกแต่ง ลายที่เขียนมักเป็น
ลาย
เรขาคณิต พืช นก สัตว์ต่างๆ และภาพใบหน้ามนุษย์ สีที่ใช้เป็นสีดำหรือสีม่วงเข้ม
วัฒนธรรมนี้ได้สืบทอดมาจนถึงสมัยสำริดและสมัยประวัติศาสตร์
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำแยงซี
พบความเจริญที่เรียกว่า ”วัฒนธรรมหลงชาน” พบหลักฐานคือ เครื่องปั้ นดินเผามีเนื้อ
ละเอียด สีดำ ขัดมันเงา คุณภาพดี เนื้อบางและแกร่ง แสดงว่ามีการใช้แป้นหมุน
และมีการเผาภาชนะดินเผาที่ก้าวหน้ากว่าวัฒนธรรมหยางเชา รูปแบบของภาชนะดินเผา
ที่สำคัญคือภาชนะ 3 ขา ซึ่งสืบทอดมาในยุคสำริด
จีนสมัยประวัติศาสตร์
อารยธรรมจีนในสมัยราชวงศ์ต่างๆ
- สมัยโบราณ คลาสสิก
✿ ราชวงศ์ชาง เป็นราชวงศ์แรกของจีน
-มีการปกครองแบบนครรัฐ
-มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้เป็นครั้งแรก พบจารึกบนกระดองเต่า และกระดูกวัว เรื่องที่จารึกส่วนใหญ่
เป็นการทำนายโชคชะตาจึงเรียกว่า “กระดูกเสี่ยงทาย”
-มีความเชื่อเรื่องการบูชาบรรพบุรุษ
✿ ราชวงศ์โจว
-แนวความคิดด้านการปกครอง เชื่อเรื่องกษัตริย์เป็น "โอรสแห่งสวรรค์ "สวรรค์มอบอำนาจให้มาปก
ครองมนุษย์เรียกว่า "อาณัตแห่งสวรรค์"
-เกิดลัทธิขงจื๊อ ที่มีแนวทางแบบอนุรักษ์นิยม เน้นความสัมพันธ์และการทำหน้าที่ของผู้คนในสังคม
ระหว่างจักรพรรดิกับราษฎร บิดากับบุตร พี่ชายกับน้องชาย สามีกับภรรยา เพื่อนกับเพื่อน เน้นความ
กตัญญู เคารพผู้อาวุโส ให้ความสำคัญกับครอบครัว เน้นความสำคัญของการศึกษา
-เกิดลัทธิเต๋า โดยเน้นการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตองใดใด เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ
จีนสมัยประวัติศาสตร์
- สมัยจักรวรรดิ
✿ ราชวงศ์จิ๋นหรือฉิน
- มีจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าชิวั่งตี่ หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ สามารถรวมดินแดนของจีน
ให้เป็นจักรวรรดิ เป็นครั้งแรกและเป็นผู้ให้สร้าง กำแพงเมืองจีน
- มีการใช้เหรียญกษาปณ์ มาตราชั่ง ตวง วัด
✿ ราชวงศ์ฮั่น
- เป็นยุคทองด้านการค้าของจีน มีการค้าขายกับอาณาจักรโรมัน อาหรับ และ
อินเดีย โดยเส้นทางการค้าที่เรียกว่า "เส้นทางสายไหม"
- ลัทธิขงจื้อ คำสอนถูกนำมาใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ
- มีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเรียกว่า "จอหงวน"
✿ ราชวงศ์สุย
- เป็นยุคแตกแยกแบ่งเป็นสามก๊ก
- มีการขุดคลองเชื่อมแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซี เพื่อประโยชน์ในด้านการคมนาคม
✿ ราชวงศ์ถัง
- ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอารยธรรมจีน นครฉางอานเป็นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น
- พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง พระภิกษุ(ถังซำจั๋ง) เดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎก ในชมพู
ทวีป
- เป็นยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคนสำคัญ เช่น หวางเหว่ย หลี่ไป๋ ตู้ฝู้
✿ ราชวงศ์ซ้อง
- มีความก้าวหน้าด้านการเดินเรือสำเภา รู้จักการใช้เข็มทิศเเละลูกคิด
- ประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสือ เเละการรักษาโรคด้วยการฝังเข็ม
✿ ราชวงศ์หยวน
- เป็นราชวงศ์ชาวมองโกลที่เข้ามาปกครองจีน ฮ่องเต้องค์แรกคือ "กุบไลข่าน" หรือ หงวนสี
โจ๊วฮ่องเต้
- ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายมาก เช่น มาร์โคโปโล พ่อค้าชาวเมืองเวนีส อิตาลี
✿ ราชวงศ์หมิงหรือเหม็ง
- วรรณกรรม นิยมการเขียนนวนิยายที่ใช้ภาษาพูดมากกว่าการใช้ภาษาเขียน มีนวนิยายที่สำคัญ
ได้แก่ สามก๊ก ไซอิ๋ว
- ส่งเสริมการสำรวจเส้นทางเดินเรือทางทะเล
✿ ราชวงศ์ชิงหรือเช็ง
- เป็นราชวงศ์เผ่าแมนจู เป็นยุคที่จีน เสื่อมถอยความเจริญทุกด้าน
- เริ่มถูกรุกรานจากชาติตะวันตก เช่น สงครามฝิ่ น ซึ่งจีนรบแพ้อังกฤษ ทำให้ต้องลงนามใน "สนธิ
สัญญานานกิง"
- ปลายยุคราชวงศ์ชิง พระนางซูสีไทเฮาเข้ามามีอิทธิพลในการบริหารประเทศมาก
จีนสมัยประวัติศาสตร์
- สมัยใหม่(สมัยสาธารณรัฐ)
-ราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองจีนคือราชวงศ์ชิง อ่อนแอ ทำให้จีนตกต่ำทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคม
และด้านการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพ้สงครามต่างชาติ
-ดร.ซุนยัดเซ็นประกาศลัทธิไตรราษฏ์ "ล้มแมนจู ตั้งสาธารณรัฐ ช่วยเหลือคนจน"
-ต่อมาคณะปฎิวัติของดร.ซุนยัดเซ็นสามารถเปลี่ยนประเทศมาเป็น "สาธารณรัฐจีน" ได้สำเร็จใน
ปีค.ศ.1911 โดยมี "หยวนซื่อไข่" เป็นประธานาธิบดีคนแรก
-ต่อมาในสมัยหยวนซื่อไข่มีการแตกแยกเป็นยุคขุนศึกทำให้เกิดการสู้รบเพื่อแย่งชิงอำนาจ
- "เจียงไคเชค" จึงขึ้นเป็นประธานาธิบดี แต่ก็ต้องเปชิญกับปัญหาการคุกคามจากญี่ปุ่นและ
"อำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตุง"
-สุดท้ายแล้ว "เหมาเจ๋อตุง" ก็ยึดประเทศสำเร็จกลายเป็นคอมมิวนิสต์โดยสมบูรณ์ โดยใช้ชื่อว่า
"สาธารณรัฐประชาชนจีน"
จีนประวัติ ศาสตร์ร่วมสมัย
- จีนสมัยประวัติศาสตร์นั้นคือช่วงที่จีนเปลี่ยนมาเป็นระบบคอมมิวนิสต์โดยสมบูรณ์โดยใช้ชื่อว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีน"
สมัยเหมาเจ๋อตุง สมัยเติ้งเสี่ยวผิง
มีการปิดประเทศและพึ่งพาตัวเอง มีการใช้ -จีนเปิดประเทศโดยใช้นโยบาย4ทันสมัยคือ
ระบบนารวม เกิดการปฎิวัติวัฒนธรรม " เร่งพัฒนาใน เกษตร อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การทหาร "
-เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจเป็นระบบทุนนิยม ยอมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
-คิดนโยบาย"หนึ่งประเทศสองระบบ" ใช้กับฮ่องกงและมาเก๊า
๑.การปกครองและกฎหมาย
จีนมีการพัฒนาจัดระเบียบการปกครองมาประมาณ ๕๐๐ ปีก่อนพุทธศักราช โดยเริ่มมีการสืบทอดอำนาจตั้งเป็นราชวงศ์ ผู้นำจากกษัตริย์กลายเป็นโอรสสวรรค์ซึ่ง
เกิดจากแนวคิดเรื่องอาณัติแห่ง สวรรค์ (เทียนหมิง ) อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา แนวคิดนี้เสื่อมลง เมื่อกษัตริย์ต้องส่งพระราชวงศ์และขุนนางไปปกครองดินแดน
ต่างๆ เนื่องจากอาณาจักรมีอาณาเขตกว้างขวางขึ้น เพราะพระราชวงศ์และขุนนางเหล่านี้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในแคว้นของตนทำให้มีฐานะเป็นเจ้าครองแคว้นที่มีทั้งที่ดี
และอำนาจในการควบคุมไพร่พล ดังนั้นในสมัยราชวงศ์โจวตอนปลาย การปกครองจึงเป็นแบบศักตินา การแตกแยกที่มีมาตั้งแต่ยุคปลายราชวงศ์โจวยุติลงโดย
จักพรรดิจิ๋นซี ได้ขึ้นมาปกครองจีน ด้วยระบบการปกครองที่จักพรรดิมีอำนาจสูงสุด ภายหลังจากรัชกาลจักรพรรดิจิ๋นซี จีนเข้าสู่ยุคแห่งการแตกแยก จนกระทั่งมี
สถาปนาราชวงศ์ฮั่น ซึ่งปกครองจีนระหว่างพ.ศ.๓๓๗ ถึง ๗๖๓
การปกครองในยุคราชวงศ์ฮั่นได้สร้างเสริมประสิทธิ์ภาพการปกครองอาณาจักรให้ต่อเนื่องเป็นเวลานานและเป็นแบบอย่างของการปกครองในยุคต่อมา จนกระ
ทั้งจีนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นระบบสาธารณรัฐเมื่อ พ.ศ. ๒,๔๕๕
สั ง ค ม จี น
สังคมจีน ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่แยกเป็นชนชั้นตามคติขงจื๊อ ดั้งนี้
๑.ชนชั้นขุนนาง ปัญญาชน
เป็นชนชั้นพิเศษของสังคมจีน คือ การที่จะเข้ามาเป็นชนชั้นนี้ได้นั้นมิใช่มาจากชาติกำเนิด แต่มาจากการสอบผ่านเข้ารับราชการทั้งนี้เพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้และ
คุณธรรมเข้ามาทำการบริหารราชการแผ่นดินเมื่อผู้ใดได้เป็นขุนนางได้รับสิทธิ์ยก เว้นการเกณฑ์แรงงาน ได้รับการยกเว้นภาษี และมีชีวิตที่สะดวก สบาย
๒.ชนชั้นชาวนา กลุ่มชาวนา
มีจำนวนมากกว่าชนชั้นอื่น ทั้งนี้เพราะสังคมจีเป็นสังคมเกษตรกรรมในราชวงศ์โจว ชนชั้นชาวนาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ผลิต แต่ขณะเดียวกันชนชั้นนี้กลับ
ถูกเรียกเก็บภาษีถูกเกณฑ์แรงงานและเกณฑ์ ทหารทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากชาวนาไม่มีทรัพย์สิน กำลังและอำนาจจึงต้องยอมรับ
สถานภาพ
ของตน
๓.ชนชั้นพ่อค้าและทหาร
กลุ่มนี้ตามความคิดของขงจื๊อแล้วเป็นชนชั้นที่ไม่น่ายกย่องเพราะไม่ได้เป็นผู้ผลิตแต่ในความจริงชนชั้นพ่อค้าเป็นผู้ที่ร่ำรวยและการทำสงครามระหว่างเจ้าผู้ครองนครใน
สมัยราชวงศ์โจวทำให้ทหารมีความสำคัญและถือความสามารถในการรบ เป็นสิ่งมีคุณค่าที่ช่วยป้องกันสังคมให้ปลอดภัย
การดำรงชีพและการค้า
ในดินแดนลุ่มน้ำฮวงเหอ เมื่อเวลาประมาณ ๔,๔๐๐ – ๓,๔๐๐ ปีก่อนพระพุทธศักราช มีผู้คน
ตั้งถิ่นฐานทำการกสิกรรมเพาะปลูกข้าวที่ ขนาดเล็ก เพราะปัญหาที่ดินทำกินมีน้อย นอกจาก
นี้ยังมีการเลี้ยงวัว แกะและหมูรู้จักทำเครื่องปั้ นดินเผาและปลูกหม่อน เลี้ยงไหมชาวนาเป็น
อาชีพที่ได้รับการยอมรับจากสังคม เพราะ ผลิตอาหารส่วนอาชีพพ่อค้านั้นไม่ได้รับการ
ยกย่องในสังคมแต่มีพ่อค้าที่ทำการค้าอยู่ในเมืองโดยมีที่พักปะปนอยู่กับช่างฝีมือและชาว
เมืองอื่ นๆการที่ประชากรเพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการสินค้าและผลิตผลจากช่างฝีมือเพิ่มขึ้น
เช่นกัน สินค้ามักเป็นของฟุ่ม เฟือยเช่นผ้าไหมเครื่องเรือน เครื่องประดับ อาทิ หยก
นอกจากนี้ยังมี เครื่องกระเบื้อง เครื่องรักงาช้างแกะสลักเครื่องใช้ที่ทำจากเงินและ
โลหะทำให้การติดต่อค้าขายเป็นไปอย่างกว้างขวาง มีกับปรุงคมนาคม ทั้งทางบกและทางน้ำ
การค้ากับดินแดนภายนอกเริ่มพัฒนาขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๐ – ๑๕พ่อค้าจีนทำการติดต่อ
ค้าขายไปบนเส้นทางสายไหมจนถึงเอเชียกลางสินค้าสำคัญได้แก่ ผ้าไหมและเครื่องเคลือบ
ต่อมามีการพัฒนาการค้าทางทะเลประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๖ เป็นต้นมาโดยติดต่อ
ค้าขายกับเกาหลีและญี่ปุ่นส่วการค้าทางทะเลกับดินแดนทางใต้ จีนติดต่อค้าขายกับชาติ
ต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงอินเดียและตะวันตกเฉียงใต้ทำให้สินค้าจีนกระจาย
ไปจนถึงยุโรปนอกจากนี้จีนยังปรับปรุงระบบเงินตรา คือ การใช้เหรียญทองเป็นสื่อกลางใน
การซื้อขายสินค้ารวมทั้งทำตั๋ว
แลกเงินและธนบัตร
วัฒนธรรมจีน
1.)ระบบที่ดิน
จักรพรรดิจะเป็นผู้พระราชทานที่ดินให้แก่ขุนนาง แล้วขุนนางจะยกที่ให้สามัญชนชาวนาเพาะปลูก โดน
ผลผลิต 1 ใน 9 จะต้องยกให้กับเจ้าของที่ดิน เรียกระบบนี้ว่า ระบบบ่อนา
หรือ ระบบนาเฉลี่ย
2.)ลัทธิขงจื๊อ คำสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง
20 ศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง ความ
ถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม
ศาสตร์สี่แขนง ที่ขงจื๊อวางรากฐานไว้ ได้แก่ วัฒนธรรม ความประพฤติ ความจงรักภักดี และ ความ
ซื่อสัตย์ โดยวัฒนธรรมเน้นถึงการเคารพบรรพบุรุษและพิธีการโบราณ ยึดถือผู้อาวุโสเป็นหลัก แต่ไม่
ยึดติดหรืออายที่จะหาความรู้จากคนที่ต่ำชั้นหรืออายุน้อยกว่า
3.)ลัทธิเต๋า
✿ เป็นลัทธิและศาสนาที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่กับธรรมชาติโดยคำว่า เต๋า แปลว่า "หนทาง"
✿ หยินหยาง ยังมีชื่อเรียกอีกว่า คติทวินิยม หมายถึง ธรรมชาติที่เป็นของคู่ตรงกันข้าม สิ่งที่เป็น
ของคู่อันพึ่งทำลาย ของคู่อันทำให้สมดุล ธรรมชาติประกอบด้วยของคู่
ความก้าวหน้าทางวิทยาการ
ของจีน
1.)ดาราศาสตร์และปฏิทิน
ประเทศจีนมีการคำนวณหาระยะพิกัดดวงดาวจากเส้นศูนย์สูตร คนจีนสมัยก่อน มีการบันทึกเรื่องราวบน
ฟ้ามากมาย เช่น การเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา มนุษย์นอกโลก แผนที่ดาว หรือแม้กระทั่งมีการบันทึก
ดาวหางแบบต่างๆ และปฎิทินมีการใช้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง
2.)อักษรจีน
การปรากฎของอักษรจีนที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ค้นพบที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ
จีน เมื่อประมาณ 5,000 ปี มาแล้ว โดยอยู่ในรูปของอักษรภาพที่แกะสลักเป็นวงกลม พระจันทร์เสี้ยว และ
ภูเขาห้ายอด บนเครื่องปั้ นดินเผา จวบจนเมื่อ 3,000 ปี ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น อักษรที่จารึกบนกระดูกสัตว์
นั่นเอง ซึ่งเป็นยุคต้นศิลปะการเขียนของจีน เช่น จารึกบนกระดูกสัตว์เจี๋ยกู่เหวิน อักษรโลหะ อักษรจ้วนเล็ก
3.)กระดาษและการพิมพ์
- กระดาษ
แต่เดิมนั้นชาวจีนเขียนหนังสือลงบนไม้ไผ่ และต่อมาในราชวงศ์ฉิน และ ฮั่น ผู้คนต่างลงความเห็นว่า การ
เขียนลงบนไม้ไผ่นั้นไม่สะดวก จึงเปลี่ยมาเขียนลงบนผ้าไหมแทน แต่ว่าผ้าไหมนั้นมีราคาแพงมาก ในราชวงศ์
ฮั่น มีบุคคลชื่อว่า ใช่หลุน ได้ค้นพบวิธี นำเปลือกไม้ และ เศษผ้ามาทำเป็นกระดาษ
ความก้าวหน้าทางวิทยาการ
ของจีน
4)การแพทย์
การแพทย์โบราณของจีนนั้นถือกำเนิดมาจากบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองของจีน ได้กำหนดแพทย์ชื่อดังจำนวน
มาก และตำราแพทยศาสตร์ที่สำคัญมากมาย ได้ มีการบันทึกการรักษาพยาบาล และโรคมากมายลงบน
กระดูก กระดองเต่า จนมาถึงราชวงศ์โจว เริ่มมีการ ตรวววจวินิจฉัย 4 อย่าง คือ มอง ฟัง ถาม และตลอด
จน วินิจฉัยโรคต่างๆ และมีการจ่ายยา และการฝังเข็ม เป็นต้น
ในสมัยราชวงศ์ฉินและฮั่น นั้นได้มีบทประพันธ์ที่มีระบบชื่อว่า” หวาง ตี้ เน่ย จิง” ถือเป็นตำราทางการแพทย์
ที่เก่าแก่ที่สุด เมื่อถึงราชวงศ์ฮั่น แพทย์ศัลยกรรมเริ่มมีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว และได้เริ่มมีการใช้ยา “ หมา เฟ่ย
ส่าน ”เพื่อใช้เป็นยาสลบ เพื่อลดความเจ็บปวดในการผ่าตัด และ ในราชวงศ์ซ่งนั้น การฝังเข็มได้มีการปฎิรูป
ครั้งสำคัญ
การฝังเข็มเป็นส่วนสำคัญในการรักษาของแพทย์แผนจีนโบราณ ซึ่งเริ่มแรกเป็นเพียงการรักษาขั้นพื้นฐาน
ต่อมาได้พัฒนาเป็นสาขาวิชาการฝังเข็มนั้นมีประวัติยาวนาน หนังสือโบราณได้เคยเอ่ยถึงเข็มที่ทำมากจากหิน
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการรักษา เรียกว่า “เข็มหิน” ซึ่งเกิดในสมัยยุคหินใหม่ ซึ่งห่างจากยุคปัจจุบัน 8,000-
4,000ปี ซึ่งอยู่ในระบบชาติกุลคอมมูน และเมื่อมีเทคโนโลยีในการหลอมเข้ามา ก็ได้มีการหลอมเข็มเพื่อใช้ใน
ประโยชน์ต่างๆมากมาย
ความก้าวหน้าทางวิทยาการ
ของจีน
5.)ความรู้ทางวิศวกรรมโลหะ
สมัยราชวงศ์ชางเมื่อ3,000 ปีมาแล้ว ประชาชนจีนได้รู้จักการถลุงสำริด และยังรู้จักใช้เหล็ก ในสมัยชุนชิว ได้
ปรากฎเทคนิคการถลุงเหล็กกล้า ควบคู่ไปกับการเกษตรกรรม จึงทำให้เกิดชลประทานตูเจียงแย่น ที่มีชื่อเสียง
มาจนถึงปัจจุบัน
สมัยราชวงศ์ซ่งได้มีการพัฒนาด้านถ่านหิน และ การหลอมเหล็กกล้ามาก จีนได้สร้างอาวุธมากมาย
6.)การต่อเรือ
การสร้างเรือสำเภาจีนโดยใช้ผนังกั้นเป็นห้องหลายๆห้อง และกันน้ำได้นี้นับว่ามีความสำคัญมาก และเป็นเวลา
ก่อนที่ชาวยุโรปจะรู้จักและนำเอามาใช้ต่อเรือเหล็ก ในศตวรรษที่ 19 หลายพันปี ชาวจีนเป็นผู้ประดิษฐ์ใบแขวน
ชนิดห้อยและมีพรวนใบ แต่เรือชนิดอื่นไม่เคยนำไปใช้กันเลยนอกจากชาวยุโรปและชาวอเมริกันที่ได้นำมา ใช้กับ
เรือยอชท์และเรือใบแข่งขันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
7.)คณิตศาสตร์และการคำนวณ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจีน ได้มีการขุดพบ อักษรจารึกบนกระดูกสัตว์ในสมัยชาง และได้มี
การจารึกตัวเลข 1-10 จนถึง ร้อย พัน หมื่น สูงสุดกว่า 20,000 หลังจากนั้นมาวิธีการนับตัวเลขก็มีความก้วน
หน้าตามลำดับ โดยการใช้เบี้ย และ ลูกคิดในการคำนวณ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสถาปัตยกรรม
Ø ในสมัยราชวงศ์ซางพบว่าชาวจีนรู้จักเลี้ยงไหมเพื่อนำมาทอผ้าและใช้เครื่องสำริดที่ขามีรวดลายประดับรวม
ทั้งเครื่องปั้ นดินเผาต่างๆ
Ø ในสมัยต่อมา คือ สมัยราชวงศ์โจวที่มีความเจริญต่อเนื่องถึง ๘๐๐ ปี เป็นสมัยที่มีการวางรากฐานความ
เจริญของจีนในสมัยต่อมาทั้งทางด้านการปกครอง(โอรสสวรรคต) ความคิดและเทคโนโลยีมีการปรับปรุงถนน
ขยายการค้า มีการผลิตรถศึกอาวุธต่างๆ ที่ได้รับการอิทธิพลต่างๆพวกเร่ร่อนตะวันตกที่มีความหน้าในด้าน
ชลประทาน การป้องกันน้ำท่วมและประดิษฐ์คันไถเหล็กเป็นครั้งแรกตลอดจนการมีใช้เหรียญทองแดงใน ระบบ
เงิน ตรา
Ø ต่อมาในสมัยราชวงศ์จิ๋นมีการออกกฎหมายใช้บังคับด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ระบบเงินตรา และการชั่ง
ตวงวัดแม้แต่ เพราะเกวียนก็ให้เป็นระบบเดียวกันหมดนับเป็นสมัยที่เป็น
การจัดระบบการปกครองใหม่ในสมัยนี้มีการสร้างงานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่
“ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคือกำแพงเมืองจีน” ที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกัน
พวกอารยชนที่รุกรานจีน กำแพงนี้มีความยาวถึงประมาณ ๒,๔๐๐กิโลเมตรสูงประมาณ ๒ เมตร หนาประมาร ๑
เมตรประกอบไปด้วยป้อมปราการขนาดใหญ่สร้างอยู่เป็นระยะ ในสมัยนี้มีการสร้างราชวังขนาดใหญ่และสุสานที่
ฝังทรัพย์สินมีค่าและรูปปั้ นขนาดเท่าตัวจริงของนักรบและม้าจำนวนมาก
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสถาปัตยกรรม
Ø ต่อมาในสมัยที่นับเป็นสมัยแห่งความรุ่งเรืองที่สุดของจีนคือสมัยราชวงศ์ฮั่นซึ่งมีความเจริญทางด้านการ
ปกครองการค้า ศาสนาการ ศึกษา และศิลปะวิทยาการมีการค้นพบงานด้านวิทยาศาสตร์และประดิษฐกรรม
หลายอย่างเช่น พบจุดดับบนดวงอาทิตย์การพยากรณ์เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ การเกิดสุริยคราส การทำปฏิทิน
ซึ่งมีความถูกต้องแม่นยำกาสร้างวัดเครื่องแผ่นดินไหวการผลิตแลกเกอร์ เป็นต้น
อารยธรรมจีนมีอิทธิพลต่อการพัฒนาการอารยธรรมชาติอื่นทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งของเครื่องใช้
บางอย่าง เช่น เครื่องเคลือบ ผ้าไหม กระดาษ ความรู้บางอย่าง เช่น การปลูกฝีรักษาโรคได้กระจายไปถึงดิน
แดนเอเชียกลางและยุโรป ความเจริญของโลกในปัจจุบันส่วนหนึ่งได้เกิดจากการสร้างสรรค์อารยธรรมของคน
เอเชียมาตั้งแต่สมัยโบราณ
จัดทำโดย
นาย ณัฐพล เจนวุฒิพาณิชย์ ม.6/1 เลขที่8