ระยะการปรบั เปล่ยี นภาครัฐไทยสกู่ ารเปน็ รฐั บาลดจิ ทิ ลั
ระยะท่ี 2 ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลตามแนวประชารัฐ เกิดการ
เชื่อมโยง หน่วยงานภาครัฐและบูรณาการข้อมูลข้ามหน่วยงานโดยสมบูรณ์ผู้บริหารภาครัฐ
สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ทุกระดับ และใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อ
ประกอบการวางแผนและการตัดสินใจอย่าง ถูกต้อง ทันสถานการณ์ พัฒนาบริการภาครัฐตาม
ความต้องการของประชาชนผู้รับบริการตามหลักการ ออกแบบที่เป็นสากล (universal design)
ผ่าน single window service เพ่ิมข้ึน การบริหารจัดการภาครัฐ และการบริการภาครัฐต้องยึด
ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ผ่านทาง
อิเล็กทรอนิกส์(connected governance) ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและมี
ส่วน ร่วมในการก าหนดแนวทางการพัฒนาภาครัฐ (open government) และเสนอความ
คดิ เหน็ ตอ่ การด าเนินงาน ของภาครัฐได้อยา่ งสะดวก ทนั สถานการณม์ น่ั คง ปลอดภัย และรักษา
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซ่ึงน าไปสู่ การด าเนินงานท่ีมีความโปร่งใส (transparency) และ
นา่ เชื่อถอื (accountability) ซ่ึงสามารถถกู ตรวจสอบได้ จากประชาชน
51
ระยะการปรบั เปล่ยี นภาครัฐไทยสกู่ ารเปน็ รฐั บาลดิจิทัล
ระยะท่ี 3 ภาครัฐไทยสามารถขับเคล่ือนและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลได้
อย่างเต็มศักยภาพ ภาครัฐมกี ระบวนการท างานเป็นระบบดจิ ิทลั โดยสมบูรณ์เช่ือมโยงกา
รท างานและขอ้ มลู ระหว่างภาครฐั จน เสมือนเป็นองค์กรเดียว (one government) และ
เช่ือมโยงประชาชนในการเข้าถึงข้อมลู และมสี ่วนร่วมในการ ก าหนดแนวทางการบริหาร
จัดการภาครัฐ การพัฒนาสังคมและเศรษฐกจิ (open government)
โดยรัฐจะ แปรสภาพเป็นผู้จัดให้มีการบริการของรัฐจากรูปแบบเดิม ไปสู่รูปแบบ
การบริการสาธารณะในลักษณะอตั โนมัติ (automated public services) ตามหลักการ
ออกแบบทเ่ี ป็นสากล (universal design) ผ่านระบบดิจิทัลที่ สอดคล้องกับสถานการณ์
และความต้องการของผู้รับบริการแต่ละบุคคล โดยผู้ใช้งานไม่ต้องร้องขอต่อรัฐ การก
าหนดนโยบายและการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลท่ีทันสมัย มีการวิเคราะห์ข้อมูล
ขนาดใหญ่ และการมีส่วนร่วมของประชาชน
52
ระยะการปรบั เปลีย่ นภาครฐั ไทยสูก่ ารเป็นรัฐบาลดิจทิ ลั
ระยะท่ี 4 ภาครัฐไทยอยู่ในกลุ่มรัฐบาลดิจิทัลท่ีพัฒนาแล้ว และสามารถใช้
เทคโนโลยีดิจิทัลสร้าง บริการภาครัฐแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน การทางานของภาครัฐที่
รวมกันเป็นเสมือนองค์กรเดียวท่ีท างานด้วย เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาด รวดเร็ว
โปร่งใส ได้เปลี่ยนแปลงบทบาทภาครัฐในอนาคต โดยรัฐจะไม่เป็น ผู้สร้างบริการ
สาธารณะอีกต่อไป แต่บทบาทของรัฐในอนาคตเป็นเพียงผู้อานวยความสะดวก ผู้กากับ
ดูแล บริหารจัดการการให้บริการสาธารณะระหว่างภาคเอกชนและประชาชนให้เกิด
ความเป็นธรรม ประชาชน ทุกคนสามารถเข้าถงึ บริการได้โดยไม่มีขอ้ จ ากัดทางกายภาพ
พื้นที่ และภาษา ประชาชนสามารถมีส่วนร่วม ในการปกครองและบริหารบ้านเมืองโดย
สมบูรณ์ ภาครัฐไทยจะกลายเป็นผู้น าด้านรัฐบาลดิจิทัลด้านการ 10 บริหารจัดการ
ภาครัฐและดา้ นการบริการประชาชนในภูมภิ าคอาเซยี น (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ
และ การสอ่ื สาร, 2559, น.27-32)
53
Digital Government
ปจั จัยหลักที่สนบั สนนุ ภาครฐั ไทยในการกา้ วเขา้ สู่
การเป็นรฐั บาลดจิ ทิ ลั
อาจารยผ์ สู้ อน อ.ปณั ฑช์ ณชิ เพง่ ผล
54
ปจั จยั หลักที่สนบั สนนุ ภาครฐั ไทยในการกา้ วเขา้ สกู่ ารเปน็ รฐั บาลดจิ ิทัล
การที่ภาครัฐไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้น้ันมีปัจจัย
หลักท่ีสนับสนุนหลาย ด้าน แต่ปัจจัยดังกล่าวยังคงประสบปัญหาที่
แตกต่างกัน จึงต้องมีการแก้ไขปัญหาเหล่าน้ันควบคู่กันไปด้วย เพ่ือให้
รฐั บาลดจิ ิทัลสามารถเกิดข้ึนได้จริงตามระยะการปรบั เปลี่ยนภาครัฐไทย
สู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ในที่น้ี จะขอจาแนกปัจจัยหลักท่ีสนับสนุน
ภาครัฐไทยในการก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลพร้อมด้วยวิธีการแก้ไข
ปญั หาทง้ั 6 ด้าน ดงั น้ี
55
ปัจจยั หลกั ท่สี นบั สนุนภาครฐั ไทยในการก้าวเขา้ ส่กู ารเป็นรัฐบาลดจิ ทิ ลั
1. ด้านความพร้อมของภาครัฐหน่วยงานภาครัฐยังไม่ได้มีการบูรณาการระบบ
สารสนเทศภาครัฐท่ีเช่ือมต่อกันมากเท่าที่ควร การใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐจึง
ทาได้ยากหน่วยงานภาครัฐยังคงจัดเก็บข้อมูลซ้าซ้อนประชาชนจึงยังต้องย่ืนข้อมูลเดิม ซ้าๆ ตาม
เง่ือนไขการรับข้อมูลท่ีต่างกันของแต่ละหน่วยงาน ภาครัฐข้อมูลยังขาดความเป็นเอกภาพทาให้
ใช้เวลาในการให้บริการมากและมีภาระค่าใช้จ่ายสูงซ่ึงไม่ก่อให้เกิดคุณค่าเพิ่มแก่ท้ังหน่วยงาน
ภาครัฐและประชาชน อุปสรรคสาคัญของการบูรณาการระบบสารสนเทศภาครัฐคือการขาด
การบูรณาการการท างานข้ามหน่วยงานภาครัฐแต่ละหน่วยงานภาครัฐมีเง่ือนไขการจัดเก็บ
ข้อมูลและหลักเกณฑ์ในการก าหนดช่ือรายการข้อมูลที่แตกต่างกันโครงสร้างและรูปแบบของ
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการออกแบบมีพ้ืนฐานอยู่บนชื่อรายการข้อมูลท่ีต่างกันการใช้
กฎเกณฑ์การส่ือสารในการร้องขอและตอบสนองระหว่างระบบท่ีแตกต่างกันทาให้ การบูรณา
การ หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงกนั ไดย้ าก
56
ปจั จยั หลกั ที่สนับสนุนภาครัฐไทยในการก้าวเข้าสกู่ ารเป็นรัฐบาลดิจทิ ลั
การแก้ปัญหาความพร้อมของภาครัฐ จะต้องปรับปรุงรูปแบบและวิธีการทางาน
ของภาครฐั ใหเ้ กิดการบูรณาการการท างานในลกั ษณะขา้ มกระทรวงโดยเฉพาะอย่างย่ิง
หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ต้องบูรณาการการท างานร่วมกันในลักษณะท่ีเป็นองค์รวม
แทนท่ีการทางานแบบแยกส่วนดังที่เคยปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมาเพ่ือให้กลไกต่าง ๆ
สามารถท างานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพโดยมีการ กาหนดเจ้าภาพรับผิดชอบ
ในแต่ละภารกิจ เมื่อ มีการทางานร่วมกันหรือเช่ือมโยงกัน และ เม่ือบุคลากรในแต่ละ
หนว่ ยงานภาครัฐอาจรวมทั้ง ภาคเอกชนมีการทางานเช่ือมโยงกันจะเกิดการลดภารกิจท่ี
ทับซ้อนหรือซ้าซ้อนและ เกิดการนาข้อมูลท่ีแต่ละฝ่ายมีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ส่งผล
ให้การ บริหารจัดการทรัพยากรภาครัฐ ท่ีมีอยู่อย่างจากัดเกิดความคุ้มค่าสูงสุดเป็นการ
ลดต้นทุนการดาเนินงานเพิ่ม ความรวดเร็ว และ อานวยความสะดวกในการให้บริการ
ประชาชน
57
ปัจจัยหลกั ทส่ี นับสนุนภาครฐั ไทยในการก้าวเข้าสกู่ ารเป็นรฐั บาลดจิ ทิ ลั
2. ด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมท่ียังคงพบว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
ดิจิทัลยังไม่ครอบคลุม ท่ัวถึง และเท่าเทียมกันทุกพื้นที่ แม้ว่าระดับหมู่บ้านจะมีหมู่บ้านท่ีสามารถ
เขา้ ถึงบริการอินเทอรเ์ นต็ ความเรว็ สูง แต่หมูบ่ ้านทีอ่ ยหู่ ่างไกลยังขาดการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน
โทรคมนาคมที่เพียงพอ นอกจากนหี้ น่วยงาน ภาครัฐท่ีส าคัญ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาลสุขภาพ
ประจาตาบล องค์การบริหารส่วนตาบล ยังไม่สามารถเข้าถึง บริการโครงข่ายบรอดแบนด์ ได้
นอกจากน้ี ความสามารถในการเข้าถึงและใช้งานของประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆยังข้ึนกับ
อัตราคา่ บริการท่เี หมาะสมกบั ระดับคา่ ครองชพี (affordability)
ซึ่งราคาค่าบริการบรอดแบนด์ของประเทศไทยเมื่อเทียบกับค่าบริการของประเทศเพื่อน
บ้านเช่น มาเลเซียและสิงคโปร์แล้ว ถือว่ามีราคาที่สูงกว่ามาก นอกจากน้ีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ประเทศไทยมีปริมาณอินเทอร์เน็ตแบนด์วิดท์ระหว่างประเทศ (international internet
bandwidth) ทีเ่ ป็นการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างประเทศและเป็นตัวชว้ี ัดคุณภาพของโครงสร้าง
พนื้ ฐานดจิ ิทัลนอ้ ยกวา่ ประเทศเพอ่ื นบา้ นเช่นสิงคโปร์และมาเลเซีย
58
ปจั จัยหลกั ทส่ี นับสนุนภาครัฐไทยในการก้าวเข้าสกู่ ารเป็นรัฐบาลดิจิทลั
การแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมต้อง เร่ิม จาก การ ปฏิรูประบบ
โครงสร้างพ้ืนฐานโทรคมนาคม ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเข้าถึง
และใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือการใช้งานโครงข่ายที่มีอยู่ให้ เกิดประสิทธิภาพ
สูงสุด เพ่ือน ามาลดช่องว่างการเข้าถึงและการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล ระหว่าง
ประชาชนในเมืองและประชาชนในพ้ืนท่ีห่างไกล ในการน้ี ภาค รัฐต้องร่วมมือกับ
ภาคเอกชนเพื่อท าให้การเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นไปอย่างทั่วถึง เช่น การขยายฟรี
WiFi ประชาชนทุกคน จะสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ซ่ึงการเข้าถึงบริการต้อง
สามารถทาได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างมีคุณภาพ โดยมีความเร็วที่รองรับความต้องการของ
ประชาชนและราคา ค่าบริการที่ต้องจ่ายจะต้องไม่กลายเป็นอุปสรรคในการเข้าถึง
บริการ ภาครัฐ อีกต่อไปในอนาคตโครงสร้างพ้ืนฐานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์จะ
กลายเปน็ สาธารณูปโภคขน้ั พืน้ ฐานอย่างแทจ้ ริงเชน่ เดียวกับถนน ไฟฟา้ นา้ ประปา
59
ปจั จัยหลักทีส่ นบั สนนุ ภาครฐั ไทยในการกา้ วเขา้ สกู่ ารเป็นรัฐบาลดิจิทัล
3. ด้านกฎหมายและกฎระเบียบท่ีเอ้ือต่อการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ปัจจุบันกฎหมาย
กฎระเบียบของราชการยังไม่เอื้อต่อการพัฒนาภาครัฐไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลมากนัก
ยกตัวอย่างเช่น การท่ียังต้องทาสาเนาบัตรประชาชนพร้อมรับรองในทุกๆ การทาธุรกรรมของ
ภาครัฐ เพราะเก่ียวพันกับกฎหมายและกฎระเบียบในเรื่องของการตรวจสอบและยืนยันตัวตน
(Authentication) ท่ีส่งผลให้ ไม่สามารถลดการใช้สาเนาบัตร ประชาชน ได้การแก้ปัญหา
กฎหมายและกฎระเบียบที่เอ้อื ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทลั น้ัน ต้องมีการปรับแก้กฎหมายและ
กฎระเบียบที่เออ้ื ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีดิจทิ ลั เพราะหากยังไม่มีการปรบั แก้ในลกั ษณะดงั กล่าว
การเปลี่ยนผ่านไปสู่รฐั บาลดจิ ิทัลจะเป็นไปได้ยาก
นอกจากนี้ การปรับแก้กฎหมายและกฎระเบียบเพื่อให้รัฐบาลดิจิทัลสามารถดาเนิน
ต่อไปได้ด้วยดีน้ันไม่ใช่ เพียงแต่ต้องแกก้ ฎหมายและกฎระเบียบทางด้านเทคโนโลยดี ิจิทัลเท่าน้ัน
แต่ยังคาบเก่ียวไปถึงกฎหมายและกฎระเบียบด้านอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องมี การทบทวนไป
พร้อม ๆ กัน
60
ปัจจยั หลกั ท่ีสนบั สนุนภาครฐั ไทยในการกา้ วเขา้ สู่การเปน็ รฐั บาลดจิ ิทลั
4. ด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ปัจจุบันหน่วยงาน
ภาครัฐมีการให้บริการภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกว่า e-
service มากขึ้นรวมถึงมีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเลก็ ทรอนิกส์มาก
ข้ึนด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วข้อมูลสาคัญ
หลายอย่างท่ีเก่ียวข้องกับการให้บริการประชาชนและการบริหาร
ราชการถูกจัดเก็บและประมวลผลในรูปแบบอิเลก็ ทรอนกิ สเ์ พ่ิมมากขนึ้
61
ปจั จัยหลกั ท่ีสนับสนนุ ภาครฐั ไทยในการกา้ วเข้าสกู่ ารเป็นรัฐบาลดจิ ิทัล
แต่ยังมีหน่วยงานภาครัฐเป็นจานวนมากท่ียังมิได้ตระหนักถึงภัยและผลกระทบ
อันเนื่องจากการถูกละเมิดการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ
ระบบคอมพิวเตอร์รวมถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแม้ว่าพระราชกฤษฎีกากาหนด
หลักเกณฑ์และวิธีการในการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็น
กฎหมายลาดับรองภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. 2544
มาตรา 35 ได้กาหนดให้หน่วยงานภาครัฐท่ีมีการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ
ต้องจัดทาแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลใน
ระบบสารสนเทศและแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ
หน่วยงานภาครัฐเพื่อให้การดาเนินการใด ๆด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มีความมั่นคง
ปลอดภัยและเช่ือถือได้และให้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีผลตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม
ทางอิเล็กทรอนิกส์แต่ยังมีหน่วยงานภาครัฐอีกหลายแห่งท่ีอาจยังไม่มีความตระหนักใน
เรื่องดงั กล่าว
62
ปัจจัยหลักทสี่ นับสนนุ ภาครัฐไทยในการก้าวเขา้ สู่การเป็นรฐั บาลดจิ ิทัล
การแก้ปัญหาการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลน้ัน หน่วยงานภาครัฐ
จะต้องเห็นความสาคัญของการรักษาความม่ันคงปลอดภัยของข้อมูลในระบบ
สารสนเทศและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยการอาศัยมาตรฐาน
กฎหมายกฎระเบียบและกติกาท่ีมีประสิทธิภาพทันสมัยและสอดคล้องกับ
หลักเกณฑ์สากลมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลของประเทศ
ตลอดจนการสร้างความมั่นคงปลอดภัย การสร้างความเชื่อม่ันและการ
ค้มุ ครองสทิ ธิใหแ้ กผ่ ู้ใช้งานเทคโนโลยีดิจิทลั ในทุกภาคส่วนเพ่ือก่อให้เกดิ การอ
านวยความสะดวกลดอุปสรรคเพ่ิมประสิทธิภาพในการประกอบกิจกรรมท่ี
เก่ียวข้องต่าง ๆ
63
ปัจจัยหลกั ทีส่ นบั สนุนภาครฐั ไทยในการก้าวเขา้ ส่กู ารเปน็ รัฐบาลดจิ ิทลั
5. ด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชน
แม้ว่าประชาชนเร่ิมมีการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นเร่ือย ๆ
โดยเฉพาะอย่างย่ิงจากอุปกรณพ์ กพาเช่นโทรศัพท์เคล่ือนท่ีและแท็บเล็ต
แตส่ ว่ นใหญย่ งั คงเน้นการใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัลเพอ่ื ความสนุกสนานบันเทิง
โดยไม่ได้นาเทคโนโลยีดิจิทัล ไปก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรซ่ึง
ประชาชนควรมีความรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสารและมีทักษะในการใช้
ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทลั อย่างมีความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
64
ปจั จัยหลกั ท่ีสนบั สนนุ ภาครฐั ไทยในการก้าวเขา้ สกู่ ารเปน็ รฐั บาลดิจิทัล
การแก้ปัญหาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชนนั้นจะต้องมี
การพัฒนาความรู้ ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่จาเป็นสาหรับประชาชนเสีย
ใหม่
โดยต้องรวมการคิดวิเคราะห์แยกแยะสื่อต่าง ๆและให้มี การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
อยา่ งมีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม ดังนัน้ จึงควรมี การส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เท่าทัน
เทคโนโลยดี ิจทิ ัล และสามารถใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ัล ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน
โดยจัดให้มีการอบรมและเผยแพร่ความรู้เก่ียวกับเทคโนโลยีดิจิทัลและสร้างวิธี
คิด แก่ประชาชน ยกตัวอย่าง เช่น ภาครัฐจัดให้มี การฝึกอบรมการใช้ซอฟต์แวร์
แอปพลิเคชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพ่ือการเข้าถึงข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ และบริการต่าง ๆ
ของภาครัฐ และควรจัด โครงการอบรมประชาชนทว่ั ประเทศ เช่น แมบ่ า้ น ชาวนา ทหาร
ใหไ้ ดเ้ รยี นรถู้ งึ การใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ัลใหไ้ ดถ้ งึ ร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ
65
ปัจจยั หลักทส่ี นับสนนุ ภาครัฐไทยในการก้าวเขา้ สกู่ ารเปน็ รัฐบาลดิจทิ ลั
6. ดา้ นทรพั ยากรบุคคล
ในขณะทปี่ ระเทศไทยกาลงั ปรบั เปลี่ยนและยกระดับภาครัฐให้เปน็
รัฐบาลดิจิทัล กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่ือสารกลับ มีจานวนน้อยมากในประเทศไทยบุคลากรวัยทางานที่มี
ความสามารถในการสร้างสรรค์และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาด
ในการประกอบอาชีพในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัลโดยตรง รวมทั้งมีทักษะ
ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล กาลังเป็นท่ีต้องการในภาครัฐเพราะจะนาไปสู่การ
สรา้ งสนิ ค้าและบรกิ ารเพื่อรองรับความตอ้ งการของประชาชนในอนาคต
66
ปจั จยั หลกั ทสี่ นับสนนุ ภาครัฐไทยในการก้าวเข้าส่กู ารเป็นรัฐบาลดิจทิ ัล
การแก้ปัญหาทรัพยากรบุคคลด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่กาลังขาดแคลน อย่าง
ต่อเน่ืองในประเทศไทยน้ัน จ าเป็นต้องมีการพัฒนาท้ังปริมาณและคุณภาพบุคลากรให้
เพยี งพอนอกจากการ พฒั นากลุ่มทักษะท่ีเป็นที่ตอ้ งการแล้วภาครัฐ จ าเปน็ ตอ้ งมีการ
ปรับโครงสร้างกาลังคนทางดา้ นเทคโนโลยี ดจิ ิทัลอย่างเป็นระบบในลักษณะของการบูร
ณาการโดย เตรียมความพร้อมทางด้านก าลังคนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและ
ภาคเอกชนอ่นื ๆท่เี ก่ียวข้องโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งสายงานวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสารที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นท่ีต้องการของตลาดแรงงานทางด้านเทคโนโลยี
ดิจทิ ัลในภาครฐั คอื
1)สายงานด้าน cloud computing
2)สายงานด้าน big data และ
3)สายงานด้าน mobile application and business solution
67
ปัจจยั หลกั ท่สี นับสนุนภาครัฐไทยในการก้าวเข้าส่กู ารเป็นรัฐบาลดจิ ิทลั
เน่ืองจากเทคโนโลยี ดิจิทัลต้อง สามารถรองรับความต้องการและพฤติกรรม
การใช้งานของประชาชนภาครัฐ จึงจาเป็นต้องมีการเตรียมบุคลากร ทางด้าน
เทคโนโลยี ดิจทิ ัลที่จาเปน็ ตอ่ การขบั เคลื่อนรัฐบาล ดิจิทัลในอนาคตของประเทศ ไทย
ทง้ั น้ี การจดั เวทเี สวนาแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นโดยผเู้ ชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี
จากภาครัฐและภาคเอกชน เป็นอีกวิธีหนึ่งท่ีเป็นการเพิ่มความรู้ ให้กับ ข้าราชการและ
เจ้าหน้าที่ภาครัฐให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการท างานและอาจสามารถ
ปรับเปล่ียนตนเองจากผู้ใช้ (user) เป็นผู้ที่มีความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมได้
นอกจากน้ีการ ส่งเสริมองค์ความรู้ของผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานภาครัฐให้ ทันต่อ
การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล จะนาไปสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนแนวคิด
(mindset) ของภาครัฐให้เปล่ยี นผ่านเข้าส่ยู ุคดิจิทลั อยา่ งเต็มตัวอีกดว้ ย
68
สรปุ และขอ้ เสนอะแนะ
ในการปรับเปลี่ยนภาครัฐไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ภาครัฐต้องจัดทานโยบาย
และ ขอบเขตการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลให้กว้างไปกว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่อื สาร โดยต้อง คานงึ ถงึ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีขอบเขตการบริการภาครัฐ (Public
Sector Service) ที่ชัดเจน และต้องมีภาวะผู้นาทางรัฐบาลดิจิทัล มีการดูแลป้องกัน
ข้อมูลส่วนตัว และการเปิดเผยข้อมูล พร้อมกับการสร้างนวัตกรรมการบริการภาครัฐ
(Public Sector Innovation) สร้างความเป็นสากลให้กับรัฐบาลดิจิทัล มีการลงทุน
โครงสร้างพ้ืนฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารขนาดใหญ่ ไปพร้อมกับการ
พัฒนาความสามารถของเทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นกลไกในการแปลงนโยบายไปสู่การ
ปฏิบัติ ทั้งน้ีส่ิงท่ีต้องเร่งดาเนินการคือ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning
Society) ไปพร้อมๆ กับการสร้างรัฐบาลแห่งการเรียนรู้ (Learning Government) จงึ
จะกอ่ ให้ความร้คู วามเขา้ ใจ (Knowledge Intensive Workforce) ทแี่ ท้จริง
69
สรุปและขอ้ เสนอะแนะ
อน่ึง การก้าวเข้าสู่รัฐบาลดิจิทัลของภาครัฐไทยให้ประสบความความส า
เร็จจะต้องเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมต้ังแต่กระบวนการปรึกษาหารือ
การสารวจและการรับฟังความเห็นของประชาชนมีกระบวนการตรวจสอบ
ติดตามความคืบหน้าการดาเนินงานเพื่อนา ไปสู่การบริหารจัดการภาครัฐที่มุ่ง
ผลสัมฤทธ์ิของการปฏิบัติงานเป็นหลักโดย ให้ความสาคัญกับการลดต้นทุน
ค่าใช้จ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณเพ่ือพัฒนารัฐบาล
ดิจิทัลต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม เพื่อให้การขับเคล่ือนรัฐบาลดิจิทัล
เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตรงต่อความต้องการความจาเป็นและความ
เหมาะสมของประชาชน
70
สรปุ และข้อเสนอะแนะ
ทั้งน้ี ประเทศไทยกาลังอยู่ในช่วงของการขับเคล่ือนการปฏิรูปประเทศเพ่ือ
ยกระดับขีดความสามารถของระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสงั คม ซึ่งรัฐบาลดิจิทัลเป็น
การพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านการบริการดิจิทัลของภาครัฐและเป็นการด าเนินงาน
บริการพ้ืนฐานดิจิทัลของภาครัฐเพ่ือน าไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
ต่อไป การปรับเปล่ียนภาครัฐให้กลายเป็นรัฐบาลดิจิทัล เป็นการด าเนินการตาม
นโยบายรัฐบาลท่ีมุ่งสนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทยให้ประสบผลส าเร็จ
และจะน าไปสู่การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการใช้นวัตกรรม เพื่อให้
ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมดิจิทัล และมีสังคมที่มีความเท่าเทียม
กันจากการน าเทคโนโลยีดิจิทัลภาครัฐมายกระดบั คุณภาพชีวิตและผลกั ดันให้ทุกคนเข้า
มามสี ว่ นร่วมในเศรษฐกจิ และสังคมดจิ ทิ ัลอย่างแทจ้ ริง
71
แหล่งอา้ งอิงข้อมลู :
1. เอกสารวิชาการ Academic Focus ภาครัฐไทยกับการกา้ วเขา้ สู่รฐั บาลดิจทิ ลั
สานักวิชาการ สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร ISBN 2287-0520
2. สถาบนั คณุ วฒุ ิวิชาชีพ (https://e-training.tpqi.go.th/ )
3. สานักงานพฒั นาบคุ ลากรภาครัฐดา้ นดิจิทลั (https://e-training.tpqi.go.th/
72