The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคRev1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mthavatchai, 2020-09-14 08:55:00

ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคRev1

ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคRev1

ABSTRACT

ประวัติ พระครู
วิหารกิจจานุ
การ(หลวงพ่อ
ปาน โสนันโท
เถระ)วัดบาง
นมโค อ.
เสนา อยุธยา

MThavatchai

พระครูหารกจิ จานุการ

หลวงพอ่ ปาน โสนนั โท วดั บางนมโค

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

วัดบางนมโค
วดั บางนมโคน้ี สร้างข้ึนมาต้งั แต่เมื่อไรไม่ปรากฏ บางท่านก็ว่า มี
ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยาตอนปลาย เดิมช่ือ วดั นมโค
คร้ันเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ในคราวที่ควนั แห่งศึกสงครามกาลงั รุมลอ้ ม
กรุงศรีอยธุ ยา พม่าขา้ ศึกไดม้ าต้งั ค่ายหน่ึงข้ึนที่ตาบลสีกุกไม่ห่าง
จากวดั บางนมโคมากนัก ซ่ึงยา่ นวดั บางนมโคน้ีมีการเล้ียงววั
มากกว่าที่อ่ืน พม่าก็ไดถ้ ือโอกาสมากวาดตอ้ นเอาววั ควายจากยา่ น
บางนมโคไปเป็ นเสบียงเล้ียงกองทพั ในที่สุดกรุงศรีอยธุ ยาก็เสีย
แก่พม่า บา้ นเมืองระส่าระสาย วดั บางนมโค จึงทรุดโทรมไปบา้ ง

1

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ตามกาลเวลา ต่อมาก็ไดม้ ีการซ่อมแซมข้ึนใหม่ ก็ยงั มีการเล้ียงโค
กนั อยอู่ ีกมากมาย ชาวบา้ นจึงเรียกติดปากว่า วดั บางนมโค

ลาดับเจ้าอาวาสวัดบางนมโค

เจา้ อาวาสวดั บางนมโค จะมีกี่รูปไม่ปรากฏ หลกั ฐานแน่ชัด

เร่ิมจะมีการบนั ทึกเป็ นหลกั ฐานก็ต้งั แต่

๑.เจา้ อธิการคลา้ ย

๒.พระอธิการเยน็ สุนทรวงษ์ มรณภาพ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘

๓.ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน) โสนันโท รับตาแหน่ง

เจา้ อาวาส ต้งั แต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ มีโอกาสไดเ้ ป็ นเจา้ อาวาส

ไดเ้ พียง ๒ ปี ก็มรณภาพลง เม่ือวนั ที่ ๒๖ ก.ค.๒๔๘๑

๔.พระอธิการเล็กเกสโร

๕.พระอธิการเจิมเกสโร

๖.พระมหาวีระถาวโร (ฤาษีลิงดา)

๗.พระอาจารยอ์ าไพ อุปเสโน

๘.พระครูวิหารกิจจานุยตุ (อุไร กิตติสาร) ไดร้ ับการ

อาราธนามาเป็ นเจา้ อาวาส ต้งั แต่ปี พ.ศ.๒๕๐๓

2

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ประวัติ พระครูวิหารกิจจานุการ
(หลวงพ่อปาน โสนันโทเถระ)
ชาติภูมิ ของหลวงพ่อปาน
ท่านไดถ้ ือกาเนิดท่ียา่ นวดั บางนมโค เมื่อวนั ที่ ๑๖ กรกฎาคม
๒๔๑๘ โยมบิดาชื่อ อาจ โยมมารดาชื่อ อิ่ม นามสกุล สุทธาวงศ์
โดยอาชีพทางครองครัว คือ ทานา
สาเหตุท่ีโยมบิดาขนานนามท่านว่า “ปาน” เน่ืองจากท่านมี
สัญลกั ษณ์ประจาตวั คือปานแดงอยูท่ ี่นิ้วกอ้ ยมือซ้าย ต้งั แต่โคนนิ้ว
ถึงปายนิ้วคลา้ ยปลอกนิ้ว
หลวงพ่อปานในวัยเด็ก
พระมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดา ท่านไดเ้ ล่าไวใ้ น
หนังสือประวตั ิหลวงพอ่ ปานว่า
“…ท่าน (หลวงพอ่ ปาน) บอกวา่ สมยั ท่านเป็ นเด็กอายสุ กั ๓-๔
ขวบ ท่านวง่ิ เล่นใตถ้ ุนบา้ น หลวงพอ่ ปาน ท่านเป็ นคนบางนมโค
และเป็ นคนตาบลน้นั ไม่ใช่คนที่อื่น เป็ นคนท่ีมีฐานะค่อนขา้ งจะ
มง่ั คง่ั อยสู่ ักหน่อย สมยั น้นั เขามีทาสกนั ท่ีบา้ นท่านก็มีทาส

3

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ท่านบอกวา่ ท่านวิ่งเล่น อย่ใู ตถ้ ุนบา้ นยา่ ของท่าน ก็ปรากฏวา่ ยา่
ของท่านกาลงั ป่ วยหนกั ใกลจ้ ะตาย เวลาน้นั ก็เห็นจะเป็ นเวลาบ่าย
สัก ๒-๓ โมงกว่า ท่านว่าอยา่ งน้ันโดยประมาณ
คนทุกคนเขามาเยีย่ มยา่ พ่อแม่ของท่านก็ไป เม่ือคนทุกคนข้ึนไป
แลว้ ท่านบอก เห็นร้องดงั ๆ บอก แม่ แม่ อรหันนะ อรหนั ภาวนา
ไว้ อรหนั พระอรหัน จะช่วยแม่ ก็ร้องกนั เสียงดงั ๆ ท่านอยู่ใตถ้ ุน
ท่านยนื ฟัง เขาว่าอรหนั กนั ทาไม
พอท่านสงสัยก็ยอ่ งข้ึนไปที่หน้าบนั ไดชานเรือน พอท่านข้ึนไป
แลว้ ก็ปรากฏวา่ ผอู้ ยเู่ ขาเอาปากกรอกไปท่ีขา้ งหูของคุณยา่ ท่าน
บอกแม่ แม่ อรหันนะ อรหัน แต่วา่ พอผูใ้ หญ่เขามองเห็นท่านเขา้
ไป เขาก็ไล่ท่านไป เขาจะหาวา่ ไอเ้ จา้ เด็กมนั รุ่มร่าม ท่านก็เลยไป
เล่นใตถ้ ุนบา้ นอื่น
พอมาถึงตอนเยน็ เวลากินขา้ ว ท่านแม่ก็ป่ าวหมู่เทวฤทธ์ิคือเรียก
ลูกกินขา้ ว เมื่อทุกคนมาพร้อมกนั แลว้ ท่านแม่ก็จดั กบั ขา้ วมาวาง
กลาง สาหรับตวั ท่านเองเป็ นเด็ก เขาเอาขา้ วใส่จานมาให้แลว้ เอา
แกงเผด็ ท่านบอกวา่ ไอแ้ กงฉู่ฉี่แห้ง ท่านชอบ เขาใส่มาให้ เรียกวา่
ไม่ตอ้ งหยิบกบั ขา้ ว กินแบบประเภทขา้ วราดแกง

4

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

เวลาที่ท่านกินเขา้ ไปแลว้ มาน่ังนึกว่า กบั ขา้ วมันอร่อยถูกใจ ก็เกิด
ความชุ่มชื่น พอจิตมนั นึกข้ึนไดว้ า่ เขาบอก อรหัง อรหัง นึกถึงคา
ว่า อรหัง ข้ึนมาได้ ท่านก็เลยปล้ืมใจอยา่ งไรชอบกล เลยเปล่งวาจา
ออกมาดงั ๆว่า อรหัง อรหัง วา่ ๒-๓ คา
ท่านแม่ที่มองตาแป๋ วลุกพรวด จบั ชามขา้ วที่ท่านถืออยวู่ างไว้ จบั
ตวั ท่านวางปังออกไปนอกชาน แลว้ ร้องตะโกน “เอา้ มึงจะตาย
โหง ตายห่าก็ตายคนเดียว มนั จะมาวา่ อรหัง ท่ีน่ีไดร้ ึ? คาว่า อรหัง
พุทโธ น่ีคนเขาจะตายเท่าน้ันแหละเขาว่ากนั นี่ดนั มาวา่ อรหงั ท่ีนี่
ทาเป็ นลางร้ายให้คนอ่ืนเขาพลอยตายดว้ ย”
ท่านแปลกใจ คิดว่า นี่เราวา่ ดีๆ นี่แม่ดุเสียงเขียวปัด นี่มนั เร่ือง
อะไรกนั ในเม่ือถูกแม่ดุอยา่ งน้ัน จะขืนวา่ อีกก็เกรงไมเ้ รียว ก็เลย
ไม่วา่
พอท่านพดู ถึงตอนน้ีแลว้ ท่านก็หัวเราะบอกว่า “คุณแม่ฉนั น่ะโง่
นะ ไม่ไดฉ้ ลาดหรอก อีตอนใหม่น้ัน ตอนฉันมาบวชไดแ้ ล้ว
อรหังหรือพทุ โธน้ี ถา้ ใครภาวนาไว้ เป็ นวาจาท่ีกล่าวถึงคุณงาม
ความดีของพระพุทธเจา้ และพระอริยสงฆ์ท้งั หมด ถา้ ใครภาวนา
คาน้ีไดต้ กนรกไม่ได…้

5

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

แต่ว่าแม่ของฉนั นี่ท่านไม่รู้ ก็เป็ นโทษเพราะไม่ไดร้ ับการศึกษา
แต่วา่ ไม่เป็ นหรอก ตอนหลงั ที่ฉันบวชแลว้ นี่นะ ฉันกลบั ใจแม่
ของฉนั ได้ ฉนั แนะนาให้ท่านทราบแลว้ เวลาท่านตายท่านก็ยดึ พุท
โธ อรหงั เป็ นอารมณ์ แต่ไม่ไดย้ ดึ เวลาตาย ฉนั ใหท้ ่านวา่ ทุก
วนั ….”
สมยั ก่อน เม่ือลูกชายมีอายคุ รบบวช ก็จะทาการอุปสมบท ทาง
บิดามารดาจะตอ้ งส่งบุตรของตนไปอยูว่ ดั เพือ่ รับการอบรม และ
ท่องขานนาคเป็ นเวลาประมาณ ๓ เดือน เป็ นอยา่ งน้อย
ท่านเองมีความสงสัยในใจวา่ เหตุไฉนสตรีเพศจึงดึงดูดบุรุษเพศ
มากมายนกั ทาให้หลงใหลใฝ่ ฝัน ตวั ท่านเองก็ไม่เคยยงุ่ เก่ียวกบั
ผหู้ ญิงมาก่อน จึงคิดวา่ จะหาวิธีลองของจริงดูวา่ เป็ นอยา่ งไร ถา้ ดี
จริงบวชครบพรรษาจะสึกออกมา ถา้ ไม่เป็ นจริงตามวสิ ัยโลกก็จะ
ไม่สึก
ที่บา้ นของท่านมีคนรับใชอ้ ยคู่ นหน่ึงเรียกกนั ว่าทาส ชื่อวา่ พี่เขียว
อายปุ ระมาณ ๒๕ ปี ตอนกลางวนั อยดู่ ว้ ยกนั สองคน ท่านเกิด
สงสัยเน้ือผูห้ ญิงข้ึนมา บอกวา่ ต้งั แต่เกิดมานอกจากเน้ือแม่กบั เน้ือ
พีแ่ ลว้ ไม่เคยจบั เน้ือใคร ท่านคิดวา่ เน้ือผูห้ ญิงมนั ดียงั ไงผูช้ ายถึง

6

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ไดอ้ ยากกนั นัก บางทีถึงกบั ฆ่ากนั เลย ก็สงสัยวา่ จะบวชแลว้ น่ี ถา้
มนั ดีจริงแล้วก็จะสึก ถา้ ไม่ดีก็จะไม่สึกละ
เมื่อคนวา่ งก็เขา้ ไปหาพี่เขียว พี่เขียวแกอยูใ่ นครัว เป็ นทาส แต่วา่
ท่านเรียกพี่ในฐานะท่ีเขาแก่กวา่ ตวั ยกมือไหว้ บอกว่า “พีเ่ ขียว ขอ
อภยั เถอะ ฉนั ขอจบั เน้ือพี่เขียวดูหน่อยไดไ้ หมว่า เน้ือผหู้ ญิงน่ะ
มนั ดียงั ไง เขาถึงชอบกนั นัก”
พี่เขียวก็แสนดี อนุญาต ท่านก็เลือกจบั เน้ือกลา้ ม เขาเรียกว่า
กลา้ มเน้ือที่หน้าอก ผูห้ ญิงน้ีมีกลา้ มเน้ือพิเศษ อยทู่ ่ีกลา้ มเน้ือ ๒
กลา้ มที่หนา้ อก แต่ไม่ไดจ้ บั มากหรอก จบั ตรงน้ัน แต่ก็ไม่ได้
ลวนลามไปถึงไหน จบั ๆ แลว้ ก็มาจบั น่อง เอ๊! มนั คลา้ ยกนั
บอกพ่เี ขียวว่าน่ีมนั คลา้ ยกนั น่ี พ่ีเขียวแกก็บอกวา่ เป็ นอยา่ งน้นั มนั
ก็คลา้ ยกนั แลว้ ท่านก็ถามพี่เขียววา่ ทาไมผูช้ ายเขาถึงชอบเน้ือ
ผูห้ ญิงนัก ดนั ไปถามผูห้ ญิงได้ น่ีวา่ กนั อยา่ งเราๆนะ แลว้ เขาจะ
ตอบอยา่ งไร เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกนั
แลว้ ท่านก็ยกมือไหวข้ อขมาพี่เขียวบอกว่า “ขอโทษ ท่ีขอจบั เน้ือนี่
ไม่ไดด้ ูถูกดูหม่ิน อยากจะพิสูจน์เท่าน้นั ว่ามนั ดีอยา่ งไร” เมื่อท่าน

7

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

หมดความสงสยั ในใจแลว้ ก็ตกลงใจว่าจะบวช คราวน้ีจะไม่ขอ
สึกหาลาเพศ ก็สมจริงกบั ท่ีท่านต้งั ใจทุกประการ
สู่ ร่ มกาสาวพัสตร์
หลงั จากท่ีโยมมารดาบิดาไดน้ าท่านมาฝากไวก้ ับหลวงป่ ูคลา้ ย ให้
ฝึ กหดั ขานนาคให้คล่องแคล่วแลว้ ท่านก็ไดเ้ ขา้ อุปสมบท ณ พทั ธ
สีมา วดั บางนมโค เม่ือวนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๘ ตรงกบั วนั
จนั ทร์ ข้ึน ๗ ค่า เดือน ๕ ปี มะแม
โดยมี หลวงพอ่ สุ่น วดั บางปลาหมอ เป็ นพระอุปัชฌาย์

พระอาจารยจ์ อ้ ย วดั บา้ นแพ เป็ นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารยอ์ ุ่ม วดั สุธาโภชน์ เป็ นอนุสาวนาจารย์
มีฉายาวา่ “โสนันโท”
หลวงพ่อปานเรียนวิชา
หลงั จากที่ไดอ้ ุปสมบทแลว้ หลวงพ่อปานท่านก็ไดต้ ิดตามพระ
อุปัชฌาย์ คือ หลวงพอ่ สุ่น ดว้ ยความสนใจใคร่ศึกษา เพราะว่าใน
สมยั น้นั หลวงพ่อสุ่นท่านเป็ นพระที่แก่กลา้ ทางคาถาอาคม และ
รักษาโรคภยั ไขเ้ จบ็

8

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

เม่ือตามไปเล่าเรียนเป็ นศิษยแ์ ล้ว หลวงพอ่ สุ่นเห็นลกั ษณะของ
หลวงพอ่ ปานว่ามีลกั ษณะดี จะไดเ้ ป็ นครูบาอาจารยต์ ่อไปภายภาค
หนา้ จึงได้ใหส้ ติหลวงพ่อปานเบ้ืองตน้ ในการเบื่อหน่ายกิเลสวา่

๑.อยา่ อยากรวย อยากมีลาภ ไดท้ รัพยม์ าแลว้ ดีใจ ต้งั หน้า
สะสมทรัพย์

๒.เป็ นอยา่ งตน้ แล้วเมื่อทรัพยห์ มดก็เป็ นเหตุใหเ้ สียใจ
๓.อยากมียศฐาบรรดาศกั ด์ิไดย้ ศมาแลว้ ปล้ืมใจ
๔.เมื่อหมดยศไปแล้วก็เสียใจ
๕.ไดร้ ับคาสรรเสริญแลว้ ยนิ ดี
๖.เม่ือถูกนินทาก็ไม่พอใจ
๗.มีความสุขความเพลิดเพลินในกามารมณ์
๘. เมื่อมีความทุกขก์ ็หวนั่ ไหวทอ้ แทใ้ จ
จากเพศฆราวาสมาสู่เพศบรรพชิตแลว้ อยา่ หวงั รวย ถา้ รวยแลว้
ไม่ใช่พระ พระตอ้ งรวยด้วยบุญญาบารมี เงินที่ไดม้ าอยา่ ยดึ ติด จง
ทาสาธารณประโยชน์เสียใหส้ ้ิน เหลือกินเหลือใช้แต่พอเล้ียง
อาตมา

9

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

อยา่ หวงั ในยศ ถา้ หลีกเลี่ยงไม่รับยศไม่ได้แลว้ ก็อยา่ เมา
ยศฐาบรรดาศกั ด์ิ มนั เป็ นเคร่ืองถ่วงกิเลส ยศ ลาภ สรรเสริญ
ความสุขในกามารมณ์ มนั เป็ นตวั กิเลส มนั เป็ นโลกธรรม ตอ้ งตดั
ออกใหห้ มด ถา้ พอใจในสี่สิ่งน้ีก็ไม่ใช่พระ จะพาใหส้ ู่หว้ งนรก
จงระลึกอยเู่ สมอว่า เราบวชเพือ่ นิพพาน อยา่ งที่กล่าวในตอนขอ
อุปสมบทคร้ังแรกว่า“นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คะ
เหตะวา” อนั หมายความวา่ เราขอรับผา้ กาสาวพสั ตร์เพือ่ ทาให้
แจง้ ซ่ึงพระนิพพาน
จากน้นั หลวงพ่อสุ่นก็ส่ังใหท้ ่องสวดมนตต์ ลอดจนคาถาธาตุท้งั ส่ี
คือ นะ มะ พะ ทะ ให้วา่ ถอยหลงั แลว้ เป่ า ให้กุญแจหลุด ถา้ เจา้ เป่ า
หลุดแลว้ บอกพอ่ จะให้วิชาต่างๆ ให้หมดไม่ปิ ดบงั นี่คือการฝึ ก
สมาธิจิตที่หลวงพ่อสุ่นสอนหลวงพ่อปานทางออ้ ม คือถา้ จิตไม่มี
สมาธิแลว้ อยา่ หวงั เลยว่า ดว้ ยคาถาเพียงส่ีตวั จะดีกว่าลูกกุญแจได้
หลวงพ่อปานท่านก็มีความอดทน หมน่ั ฝึกเป่ ากุญแจนานเป็ น
เดือน เป่ าเท่าไหร่ก็ไม่หลุด มาหลุดเอาตอนที่ท่านทาใจสบายเป็ น
สมาธิ นึกถึงคาถาเป่ ากุญแจได้ จึงลุกข้ึนมาเป่ ากุญแจ คราวน้ี
กุญแจหลุดหมด ทดลองกบั ลูกอ่ืนๆ ก็หลุด เพิม่ กุญแจข้ึนเรื่อยๆ

10

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

จนถึง ๔๐ ดอก แขวนไวบ้ นราว ก็หลุดหมด แลว้ จึงทดลองให้
หลวงพ่อสุ่นดูจนพอใจ
หลงั จากน้นั หลวงพอ่ สุ่นก็สอนวปิ ัสสนาใหแ้ ก่หลวงพ่อปาน
ต้งั แต่ช้นั ตน้ จนถึงที่สุด ดว้ ยความเมตตาหลวงพ่อปาน ใน
ตอนทา้ ยว่า เม่ือมีฤทธ์ิแลว้ อยา่ แสดงให้คนอ่ืนเขาเห็นเป็ นการอวด
ดี จะเป็ นโทษตามท่ีพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้
จบจากวปิ ัสสนาแลว้ หลวงพ่อสุ่นยงั ไดถ้ ่ายทอดวชิ าแพทยแ์ ผน
โบราณให้ ซ่ึงหลวงพอ่ ปานก็ไดอ้ าศยั ใช้ช่วยชีวิตผูไ้ ด้รับทุกข์
ทรมานให้หายมามากต่อมาก จนท่านไดช้ ื่อว่าเป็ น “พระหมอ”
หลวงพ่อสุ่น สอนวา่ “การเป็ นหมอน้ัน บงั คบั ไม่ใหค้ นไม่ตาย
ไม่ได้ หมอเป็ นเพียงช่วยระงบั ทุกขเ์ วทนาเท่าน้นั ” จากน้นั หลวง
พ่อสุ่นก็ถ่ายทอดกสิณต่างๆ ใหห้ ลวงพอ่ ปานจนกระทงั่ สิ้นความรู้
องค์อาจารย์ของหลวงพ่อปาน
การเรียนวิชาของหลวงพ่อปานน้นั พอจะรวบรวมไดด้ งั น้ี
เรียนวชิ าวิปัสสนากรรมฐาน และวิชาแพทยจ์ าก หลวงพ่อสุ่น วัด
บางปลาหมอ เรียนวชิ าปริยตั ิธรรมท่ี วัดเจ้าเจ็ด กับ พระอาจารย์
จีน ดว้ ยเหตุที่หลวงพ่อสุ่นท่านไดถ้ ่ายทอดวิชาต่างๆ ใหจ้ นหมด

11

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ส้ินแลว้ ท่านจึงแนะนาใหม้ าเรียนปริยตั ิธรรมท่ีวดั เจา้ เจด็ กบั พระ
อาจารยจ์ ีน
จากปากคาของชาวบา้ นแถบวดั เจา้ เจ็ด และผูท้ ี่เคยไปเรียนกบั พระ
อาจารยจ์ ีนไดใ้ หป้ ากคาตรงกนั วา่ พระอาจารยจ์ ีนเป็ นคนโมโห
ร้าย เวลาโมโหแลว้ ย้งั ไม่อยู่ ปากวา่ มือถึง ดงั น้ัน เวลาสอนใคร ถา้
ลูกศิษยท์ าไม่ถูกตอ้ งตามใจท่ีสอนไปแลว้ กลวั ว่าจะไปทาร้ายลูก
ศิษยเ์ ขา้ ท่านจึงไดส้ ร้างกรงใหญ่ข้ึนสาหรับขงั ตวั ท่านเอง เวลา
สอนหนงั สือ โดยใหล้ ูกศิษยเ์ ป็ นคนใส่กุญแจขงั แลว้ เก็บกุญแจไว้
เวลาสอนหนังสือ ลูกศิษยค์ นใดไม่ต้งั ใจเรียนหรือตอบคาถามไม่
ถูกตอ้ ง ทาใหอ้ าจารยจ์ ีน ท่านก็จะโมโหโกรธา เอามือจบั ลูกกรง
เหล็กเขยา่ จนลูกศิษยท์ ่ีเรียนตกใจขวญั หนีดีฝ่ อ แต่พอท่านคลาย
โทสะลงแลว้ ท่านก็กลายเป็ นพระอาจารยจ์ ีนรูปเดิม
หลวงพอ่ ปานท่านมีความมานะพยายามเป็ นท่ีต้งั ท่านตอ้ งพายเรือ
มาเรียนหนังสือท่ีวดั เจา้ เจ็ดทุกวนั เวลาพายเรือไปเรียนท่านก็จะ
ท่องพระปาฏิโมกข์ และบทเรียนที่อาจารยส์ อนจนข้ึนใจ พอเวลา
เรียน อาจารยถ์ ามอะไร ก็ตอบไดถ้ ูกตอ้ ง เป็ นที่พอใจแก่อาจารยย์ งิ่

12

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ในที่สุดพระอาจารยจ์ ีนก็สิ้นความรู้ท่ีจะสอนให้ท่าน ท่านจึงหยดุ
เรียน และเตรียมตวั สาหรับที่จะหาสานักเรียนใหม่
เมื่อเห็นวา่ พระอาจารยจ์ ีนไม่มีความรู้ที่จะสอนไดอ้ ีกต่อไป ท่าน
จึงคิดเขา้ มาเรียนท่ีกรุงเทพฯ เพราะเป็ นแหล่งรวมวชิ าต่างๆ ท่าน
จึงไดไ้ ปเรียนให้โยมมารดาของท่านไดร้ ับทราบวา่ จะขอลาไป
ศึกษาต่อท่ีกรุงเทพฯ เพราะว่าที่น่ีหาอาจารยส์ อนไม่ไดอ้ ีกแลว้
โยมมารดาท่านเป็ นห่วงว่าท่านเป็ นบุตรคนเล็กท่ีมีอยู่ นอกน้นั
ออกเรือนไปหมดแลว้ อีกท้งั ไม่มีญาติโยมทางกรุงเทพฯ จึง
ขอร้องไม่ใหไ้ ป ท่านจึงลากลบั วดั ดว้ ยความเด็ดเดี่ยว ท่าน
ตดั สินใจนาจีวรแพรที่โยมมารดาถวายไวน้ าไปขาย ได้เงินแปด
สิบบาท แลว้ ตดั สินใจเขา้ กรุงเทพฯ โดยไม่บอกให้โยมมารดารู้ จะ
ให้รู้ก็กลวั
จะลงเรือไปแล้ว จึงเขา้ ไปกราบนมสั การหลวงป่ ูคลา้ ย (เจา้ อาวาส
วดั บางนมโคสมยั น้ัน) ว่าจะไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ หลวงป่ ู
คลา้ ย จึงแนะนาให้ไปเรียนกบั พระอาจารย์เจ่ิน สานักวัดสระ
เกศ โดยมอบเงินช่วยเหลือไปอีกจานวนหน่ึงเพ่อื เป็ นทุนใน
การศึกษาเล่าเรียน

13

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ตลอดเวลาท่านจาพรรษาอยกู่ บั พระอาจารยเ์ จ่ิน ท่านไดพ้ ยายาม
หาความรู้เพมิ่ เติม ในดา้ นคนั ถะธุระและวปิ ัสสนาธุระ ตลอดจน
พระปริยตั ิธรรมเพิ่มเติม ซ่ึงต่อมาเม่ือท่านกลบั มาวดั บางนมโค
ปรากฏว่าท่านเป็ นพระธรรมกถึกท่ีเทศนาไดเ้ พราะจบั ใจ และ
ดึงดูดศรัทธายง่ิ นัก
นอกจากวดั สระเกศแลว้ ท่านยงั ไดม้ าเรียนเพมิ่ เติมที่วดั สังเวช
และที่อ่ืน จนมีความรู้ทางดา้ นแพทยแ์ ผนโบราณแตกฉานอีกด้วย
จากขอ้ ความในหนังสือ อนุสรณ์ครบ ๑๐๑ ปี หลวงพ่อปาน เขียน
ไวว้ า่ หลวงพอ่ ปานเคยเล่าให้ฟังว่า ระหว่างอยทู่ ี่วดั สระเกศน้นั
อตั คตั มาก บิณฑบาตบางคร้ังก็พอฉนั บางคร้ังก็ไม่พอ ไดแ้ ต่ขา้ ว
เปล่าๆ จอ้ งเด็ดยอดกระถินมาจิ้มน้าปลา น้าพริก ฉันแทบทุกวนั
แต่ท่านก็อดทน ด้วยรับการอบรมเป็ นปฐมมาจากพระอุปัชฌาย์
คือ หลวงพ่อสุ่น วดั บางปลาหมอ
ท่านว่าอยกู่ รุงเทพฯ ๓ ปี ไดฉ้ ันกระยาสารทเพยี งคร้ังเดียว โดย
นางเฟื อง คนกรุงเทพฯ นามาถวาย ไดร้ ับนิมนตไ์ ปบงั สกุลคร้ัง
หน่ึงไดป้ ัจจยั มาหน่ึงสลึง เจา้ หนา้ ที่สงั ฆการีก็มาเก็บเอาไปเสียเลย

14

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ไม่ไดใ้ ช้ เงินท่ีติดตวั ไป ท่านก็ใชจ้ ่ายไปในการศึกษาจนเกือบหมด
ท่านเหลือไวห้ น่ึงบาท เอาไวใ้ ช้เมื่อมีความจาเป็ นสุดยอดเท่าน้นั
ดว้ ยความอดทนของท่าน ในปี สุดทา้ ยท่ีท่านจะกลบั วดั บางนมโค
น้ันเอง คืนหน่ึงท่านไดย้ นิ เสียงคนเคาะหน้ากุฏิ ท่านเปิ ดออกไปก็
เจอเทวดามาบอกหวย แลว้ เขียนใหด้ ู แลว้ ย้าว่าจาไดไ้ หม ท่านก็
ตอบวา่ จาได้ ท่านนอนคิดจนนอนไม่หลบั พอรุ่งเชา้ แทนท่ีท่านจะ
แทงหวย ท่านกลบั เห็นวา่ นน่ั ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ตามท่ีหลวงพ่อสุ่
นไดอ้ บรมไว้ ท่านก็ไม่แทง ปรากฏว่าวนั น้นั หวยออกตรงตามที่
เทวดาบอก ถา้ ท่านแทงหวย ก็คงจะรวยหลาย
ท่านอาจารย์แจง ฆราวาสชาวสวรรคโลก จากบนั ทึกของท่านฤาษี
ลิงดาว่า ท่านอาจารยแ์ จง เป็ นฆราวาสสวรรคโลก ไดเ้ ดินทางล่อง
ลงมาทางใต้ ถึงวดั บางนมโค มาเล่ือมใสในปฏิปทาของหลวงพ่อ
ปาน จึงไดส้ อนให้รู้ถึง วิธีการปลุกเสกพระและวธิ ีสร้างพระตาม
ตาราซ่ึงเป็ นของพระร่วงเจา้ ไดร้ ับการสืบทอดมาจากอาจารยซ์ ่ึง
เขียนไวว้ า่
“ขา้ พเจา้ ไดร้ ักษาตาราของพระอาจารยไ์ วแ้ ลว้ ก็ปฏิบตั ิตามคาส่ัง
สอนของพระอาจารยท์ ุกอยา่ ง วชิ าต่างๆ มีผลดีทุกประการ ถา้

15

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

บุคคลใดไดพ้ บแล้วจะนาไปใช้ ใหบ้ ูชาพระอาจารยข์ องท่าน แต่
มิไดร้ ะบุว่าเป็ นใคร”
ท่านอาจารยแ์ จงไดน้ ิมนตห์ ลวงพอ่ ปานไปในโบสถ์ตามลาพงั
เพ่ือถ่ายทอดวิชา ซ่ึงนอกจากวิชาการปลุกเสกพระ และทาพระ
แลว้ ยงั ไดม้ หายนั ตเ์ กราะเพชร ซ่ึงท่านก็ไดใ้ ชย้ นั ตเ์ กราะเพชรน้ี
สงเคราะห์ผคู้ นไดม้ ากมาย
หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี จากหนงั สือ
ประวตั ิหลวงพอ่ ปาน บนั ทึกโดยท่านฤาษีลิงดา เขียนไวว้ ่า “หลวง
พอ่ ปานนิยมพระกมั มฏั ฐาน หมายความวา่ ส่ิงท่ีท่านตอ้ งการท่ีสุด
และปรารถนาท่ีสุด คือ พระกมั มฏั ฐาน
เร่ืองพระกมั มฏั ฐานน้ีเป็ นชีวติ จิตใจของหลวงพ่อปานจริงๆ ท่าน
เทิดทูนพระกมั มฏั ฐานมาก ท้งั ๆ ท่ีทรงสมาบตั ิอยแู่ ลว้ ความอ่ิม
ความเบ่ือ ความพอใจในพระกมั มฏั ฐานของท่านก็ไม่มี ท่านก็มี
ความปรารถนาจะเรียนพระกมั มฏั ฐานให้มนั ดีกว่าน้นั
สมยั น้ันพระท่ีมีชื่อเสียงโด่งดังมากเป็ นพิเศษ ในสมัยน้นั นะ สาย
อ่ืนฉันไม่ทราบ ก็มีหลวงพ่อเนียม วดั น้อย อ.บางปลามา้ จ.
สุพรรณบุรี

16

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

สมยั น้นั เรือยนตม์ นั ก็ไม่มี ถา้ จะไปก็ตอ้ งไปเรือแจว ถา้ ไปเรือ แต่
ทวา่ ทางเดินสะดวกกว่า เดินลดั ทุ่งลดั นาลดั ป่ าไป ป่ าก็เป็ นป่ าพง
ส่วนใหญ่ ท่านก็ใชว้ ิธีธุดงค์ สมยั น้ันวิธีธุดงคเ์ ป็ นวิธีที่สะดวก
ท่ีสุด เรียกวา่ ใกลค้ ่าที่ไหนปักกลดท่ีนน่ั ชาวบา้ นเขาเล้ียงตอนเชา้
ฉันอ่ิมแลว้ ก็ไปกนั พระธุดงคฉ์ ันเวลาเดียว
ท่านบอกวา่ เวลาท่ีถึงวดั น้อยเขาร่าลือกนั วา่ หลวงพ่อเนียมนี่เก่ง
มาก ท่านก็เขา้ ไปหาหลวงพอ่ เนียม เขา้ ไปหานะไม่รู้จกั หลวงพอ่
เนียมหรอก
ความจริงท่านก็คิดวา่ หลวงพ่อเนียมท่านจะเป็ นเหมือนหลวงพอ่
องคอ์ ื่นๆ ที่ท่านมีชื่อเสียงมาก นุ่งสบง จีวร เป็ นปริมณฑล แลว้ ก็
มกั จะนงั่ เฉยๆ ดีไม่ดีหลบั ตาป๋ี ก็หลบั ขยบิ ๆ เรียกว่าหลบั ไม่สนิท
ล่ะ คือ แกลง้ หลบั ตาทาเคร่ง
ที่น้ีเวลาหลวงพอ่ ปานไปหาหลวงพ่อเนียม ก็ไปโดนดีเขา้ เขา้ ไป
แลว้ เจอะหลวงพอ่ เนียมท่ีไหน ความจริง หลวงพอ่ เนียมก็เดิน
ควา้ งๆ อยกู่ ลางวดั นัน่ แหละ มีผา้ อาบน้า ๑ ผนื ท่ีชาวบา้ นเขา
เรียกว่า ผา้ อาบน้าฝน สีเหลือง ผา้ อีกผนื แบบเดียวกนั คลอ้ งคอเดิน
ไปรอบวดั

17

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

หลวงพอ่ ปานก็บอกวา่ เม่ือท่านเห็นนะ ก็ไม่รู้หลวงพอ่ เนียม เห็น
พระแก่ๆ ผอมๆ นุ่งผา้ ลอยชายผืนหน่ึง เขา้ ไปถึงก็กราบๆ หลวง
พอ่ ปานบอกว่า “เกลา้ กระผมมาจากเมืองกรุงเก่าขอรับ กระผมจะ
มานมสั การหลวงพอ่ ขอเรียนพระกมั มฏั ฐาน”
หลวงพอ่ เนียมก็ทาท่าเป็ นโมโห บอกว่า ไม่มีวิชาอะไรจะสอน
พร้อมท้งั กล่าวขบั ไล่ไสส่งออกจากวดั หลวงพอ่ ปานก็นงั่ ทนฟัง
อยู่ ในที่สุดเห็นท่าจะไม่ไดเ้ ร่ือง ก็เล้ียวหาพระในวดั ไปขออาศยั
นอน แล้วก็ถามวา่ พระองคน์ ้ันน่ะชื่ออะไร พระท่านก็บอกว่า องค์
น้ีแหละชื่อ หลวงพอ่ เนียม ล่ะ
พอวนั รุ่งข้ึน หลวงพอ่ ปานก็เขา้ ไปหา ก็ถูกด่าว่าอีกอยา่ งหนกั ท่าน
ยนื ยนั จะเรียนใหไ้ ด้ หลวงพอ่ เนียม เลยสัง่ ว่า ๒ ทุ่ม ให้นุ่งสบง
จีวรคาดสังฆาฎิไปหาในกุฏิ
พอตอนกลางคืน หลวงพอ่ ปานเขา้ ไปหาท่าน ปรากฏวา่ รูปร่าง
ท่านผดิ ไปมาก ผิวดา ผอมเกร็งแบบเก่า ไม่มี ท่านนุ่งสบงจีวรพาด
สังฆาฏิเหลืองอร่ามผิวกายสมบูรณ์ ร่างกายก็สมบูรณ์ หนา้ ตาอ่ิม
เอิบ รัศมีกายผ่องใส สวยบอกไม่ถูก

18

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

หลวงพ่อปานตรงเขา้ ไปกราบ ๓ คร้ังแล้วก็นัง่ มอง ท่านก็นง่ั มอง
ยม้ิ ๆ แลว้ ท่านก็ถามวา่ “แปลกใจรึคุณ” หลวงพ่อปานก็ยกมือ
นมสั การ บอกว่า “แปลกใจขอรับหลวงพอ่ รูปร่างไม่เหมือนตอน
กลางวนั ”
ท่านก็บอกวา่ “รูปร่างน่ะคุณมนั เป็ นอนตั ตา หาความเท่ียงแท้
ไม่ได้ มนั จะอว้ นเราก็ห้ามไม่ได้ มนั ไม่มีอะไรห้ามไดเ้ ลยน่ีคุณ
พระพุทธเจา้ ท่านกล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอยา่ งในโลกลว้ นอนิจจงั เห็น
ไหม ไปเจอตวั อนิจจงั เขา้ แล้วซิ”
หลวงพอ่ ปานบอกว่า ตอนน้ีล่ะเร่ิมสอนกมั มฏั ฐาน อธิบายไพเราะ
จบั ใจฟังง่ายจริงๆ พูดไดซ้ ้ึงใจทุกอยา่ ง เวลาท่านพดู คลา้ ยๆ ว่าจะ
บรรลุพระอรหนั ตผลไปพร้อมๆ ท่าน ท่านสอนไดด้ ีมาก
พอสอนเสร็จเรียบร้อยแลว้ ก็บอกให้ไปพกั ที่กุฏิอีกหลงั หน่ึง ซ่ึงอยู่
ใกลก้ บั กุฏิของท่าน แล้วเวลาทากมั มฏั ฐานกลางคืน หลวงพ่อปาน
วางอารมณ์ผิด ท่านจะร้องบอกไปทนั ที บอก “คุณปานเอ๊ย คุณ
ปาน น่ันคุณวางอารมณ์ผิดแลว้ ต้งั อารมณ์เสียใหม่มนั ถึงจะใชไ้ ด”้
นี่หลวงพอ่ ปานบอกว่า ท่านมีเจโตปริยญาณแจ่มใสมาก

19

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ท่านเรียนพระกมั มฏั ฐานอยกู่ บั หลวงพ่อเนียม ๓ เดือน แลว้ จึง
กลบั ก่อนหลวงพอ่ ปานจะกลบั หลวงพ่อเนียมก็บอกวา่ “ถา้ ขา้
ตายนะ หลวงพ่อโหน่ง วดั คลองมะดนั เขาแทนขา้ ได้ ถา้ มีอะไร
สงสัยก็ไปถาม หลวงพอ่ โหน่ง วดั คลองมะดนั ”
หลวงพ่อปานได้เรียนคาถาพระปัจเจกพุทธเจา้ เม่ือช่วงตอนปลาย
ของชีวติ คาถาพระปัจเจกพุทธเจา้ น้ีท่านไปเรียนกบั ครูผึ้ง ที่
จังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนน้ันครูผ้งึ เป็ นฆราวาส อายุ ๙๙ ปี
เพราะไดข้ ่าวว่าครูผ้ึงเป็ นคนพิเศษ เวลาขอทานมาขอ ใหค้ น ละ ๑
บาท สมยั น้ันเงิน ๑ บาท มีค่ามาก เงิน ๑๐๐ บาท ๒๐๐ บาท
สามารถสร้างบา้ นได้ ๒ หลงั มีครัวได้ ๑ หลัง เวลาทาบุญแกจะ
ช่วยรายละ ๑๐๐ บาท ไม่ใช่เงินเล็กน้อย
เมื่อทราบข่าว หลวงพอ่ จึงไปขอเรียนกบั แก คาถาปัจเจกพุทธเจา้ น้ี
เรียกว่า คาถาแกจ้ น ท่านได้เรียนมาและพิมพแ์ จกเป็ นทานแก่
สาธุชนนาไปปฏิบตั ิ และมีผลดีจบสืบทอดกนั มาจนทุกวนั น้ี
กลับมาตุภูมิ

20

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

หลงั จากที่หลวงพอ่ ปานไดเ้ สร็จสิ้นการเรียนจากกรุงเทพฯ แลว้
ท่านก็หวนคิดถึงโยมมารดาท่ีท่านจากมาถึง ๓ ปี จึงเดินทางกลบั
วดั บางนมโค พร้อมกบั ความรู้ที่ไดร้ ับมา
ท่านไดร้ ะลึกถึงว่า การเล่าเรียนของท่านลาบากมาก จึงอยากจะจดั
สอนหนงั สือแก่พระภิกษุสามเณรและบุตรธิดาชาวบางนมโค ให้
มีความรู้ จึงนิมนตพ์ ระภิกษุเก้ียว ที่อยสู่ านกั เดียวกบั ท่านมาดว้ ย
เพื่อจดั สอนหนงั สือ เมื่อมาถึงแล้วท่านก็นามากราบนมสั การ
หลวงป่ ูคลา้ ย และไดไ้ ปหาโยมมารดาให้ไดช้ มบุญ
อุปนิสัยและปฏิปทาของหลวงพ่อปาน
จากปากคาของผูท้ ราบเคยอยูใ่ กลช้ ิดกบั ท่าน และเร่ืองเล่าสืบต่อ
กนั มา พอจะอนุมานไดด้ ังน้ี จากบนั ทึกของท่านหลวงพอ่ ฤาษีลิง
ดา บนั ทึกไวว้ ่า
“หลวงพอ่ ปานท่านมีลกั ษณะของชายชาตรีที่มีผิวพรรณขาว
ละเอียด ลกั ษณะสมส่วน เสียงดงั กังวานไพเราะ มีใบหนา้ ยมิ้ แยม้
แจ่มใสชวนใหศ้ รัทธาปสาทะ เป็ นอยา่ งยิ่ง ดวงตาบ่งบอกถึงความ
เมตตาปรานีในสัตวโ์ ลกท้งั หลาย ตอ้ นรับผูค้ นท่ีมาหาไม่เลือก
เศรษฐี ผดู้ ี ไพร่ ใครไปก็ไต่ถาม ว่ากนั ว่าถา้ หลวงพอ่ พดู จากบั ผูใ้ ด

21

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

แลว้ น้ัน มกั จะจบั จิตจบั ใจ ที่ใจช่วั มวั เมามาก็กลบั ตวั แมแ้ ต่ผนู้ ับ
ถือคริสต์ศาสนาก็ยงั หันมานับถือพระพทุ ธศาสนา”
ตลอดเวลาท่านจะไม่แสดงทีท่าว่าเหน็ดเหน่ือยหรือทาให้ผทู้ ่ีมา
หาเส่ือมศรัทธาเลย วนั หน่ึงๆ จะมีคนมาหาท่าน เพอื่ ขอความ
ช่วยเหลือนบั เป็ นจานวนร้อยๆ คน ไหนจะให้รดน้ามนต์ ไหน
จะตอ้ งพ่น ไหนจะขอยา ไหนจะมาปรึกษาถึงเรื่องเดือดเน้ือร้อน
ใจ บางคนก็เรียกวา่ หลวงพ่อ บางคนเรียกวา่ หลวงป่ ูบา้ ง เป็ นเราๆ
ท่านๆ น่ากลวั จะนัง่ ไม่ทน เพราะต้งั แต่เพลจนกระทงั่ ถึงเวลา
ประมาณ ๔ หรือ ๕ ทุ่มน่นั แหละท่านถึงจะพกั ผอ่ น และเป็ นอยา่ ง
น้ีอยปู่ ระจาทุกวนั จนกระทง่ั ท่านมรณภาพ
ท่านไม่ยนิ ดียนิ ร้ายในทางโลกธรรมแต่ประการใด คงปฏิบตั ิธรรม
เหมือนพระแก่ๆ รูปหน่ึงที่ไม่ตอ้ งการยศบรรดาศกั ด์ิ หรือชื่อเสียง
ดีเด่นแต่อยา่ งใด ท่านคงหวงั แต่ทาหน้าที่ใหค้ วามสุขสบายแก่
พระสงฆ์และชาวบา้ นทวั่ ไป ตามกาลงั ความสามารถเท่าน้นั
ดว้ ยความไม่ติดอยใู่ นยศฐาบรรดาศกั ด์ิ ท่านจึงไดป้ ฏิเสธตาแหน่ง
เจา้ อาวาสวดั บางนมโค

22

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

เมื่อหลวงป่ ูคลา้ ยเจา้ อาวาสวดั บางนมโครูปก่อนมรณภาพลง
ทายกทายกิ าพระภิกษุสงฆ์ได้พร้อมใจกนั อาราธนาท่าน ข้ึนครอง
วดั บางนมโคแทน
ท่านก็ไม่รับ ท่านให้เหตุผลว่า ท่านหน่ายเสียแลว้ จากกิเลสอนั จะ
มาเป็ นเครื่องขวางก้นั ทางพระนิพพาน กลบั แนะนาท่านสมภาร
เยน็ ซ่ึงเวลาน้นั เป็ นพระลูกวดั ธรรมดาข้ึนรับตาแหน่งแทน ส่วน
ท่านขอเป็ นพระลูกวดั ต่อไปอยา่ งเดิม

ดว้ ยความท่ีท่านไดเ้ สริมสร้างความเจริญใหแ้ ก่ทอ้ งถ่ินบางนมโค
และสถานที่อ่ืนๆ มากมาย โดยไม่ไดห้ วงั จะไดร้ ับ
ยศฐาบรรดาศกั ด์ิตอบแทน แมว้ า่ จะมีเชื่อพระวงศช์ ้ันสูง จะมาเป็ น
ลูกศิษยข์ องท่านอยูม่ ากมายก็ตาม ในที่สุดความดีของท่าน ทาง
ฝ่ ายบา้ นเมืองจึงตอบแทนความเป็ นผูเ้ สียสละของท่าน ดว้ ยการ
มอบถวายสมณศกั ด์ิให้แก่ท่าน เป็ นที่ “พระครูวิหารกิจจานุ
การ” ในวนั ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๗๔ โดยมี

23

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

๑.พระวรวงศเ์ ธอพระองค์เจา้ ธานีนิวตั ิ
๒.พระวรวงศเ์ ธอกรมพระนครสวรรคศ์ กั ด์ิพินิจ
๓.หม่อมเจา้ โฆษิต
๔.หม่อมเจา้ นภากาศ
๕.ทา้ ววรจนั ทร์

ขา้ ราชการและบรรดาสานุศิษยข์ องท่าน ไดน้ าพดั ยศพระราชทาน
มาให้ท่านถึงที่วดั โดยนาไปมอบใหท้ ่านในพระอุโบสถ ตามพระ
บรมราชโองการ ท่ามกลางคณะสงฆ์และชาวบา้ นต่างแซ่ซอ้ ง
สาธุการกนั ถว้ นหน้า แต่หลวงพ่อปานเองท่านก็วางเฉยดว้ ย
อุเบกขา

และแมจ้ ะไดร้ ับพระราชทานสมณศกั ด์ิ เป็ นที่พระครูวิหารกิจจานุ
การแลว้ ท่านเองก็ยงั คงเป็ นหลวงพ่อปานรูปเดิม ปฏิบตั ิกิจวตั ร
อยา่ งที่แลว้ ๆ มา แต่ผูท้ ี่ยนิ ดีที่สุด กลบั เป็ นบรรดาศิษยานุศิษย์

24

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

หลวงพ่อปานรักษาโรค

ในเร่ืองการรักษาโรคช่วยชีวิตคนของหลวงพ่อปาน เป็ นท่ีเล่ืองลือ
มากในสมัยน้ัน ผูค้ นต่างแห่กนั มาที่วดั จนแน่นขนัด จนไม่มีที่
รับรองแขกเพียงพอ วิชาการรักษาโรคและวชิ าการบางอยา่ งที่
หลวงพอ่ ปานสาเร็จ และนามาช่วยเหลือผูไ้ ดร้ ับทุกข์ เท่าท่ีเกิดปฏิ
หาริยแ์ ละไดร้ ับการบนั ทึกไวม้ ีมากมาย
ตวั อยา่ งเช่น รักษาโรคด้วยน้ามนต์ โรคท่ีท่านรักษาดว้ ยน้ามนต์
เรียกว่าโรคภายใน เช่น บางคนถูกของ ถูกคุณ ถูกเขากระทามา
โรคที่เกิดจากกรรมเวร ถูกผีสิง เป็ นตน้
บางคร้ังก็ตอ้ งแป้งเสกควบคู่ดว้ ย ในตอนเพล ขณะท่ีท่านพกั ผ่อน
ท่านจะทาการเสกน้ามนตเ์ ตรียมไวล้ ่วงหน้า เพื่อเวลาอาบจะได้
สะดวก และท่านไดใ้ ช้เวลาในการอาบน้ันบริกรรมเสกเป่ าเฉพาะ
รายอีกด้วย
น้ามนตข์ องท่านน้ีศกั ด์ิสิทธ์ินกั และกรรมวิธีในการรักษาโรคด้วย
น้ามนต์ แบ่งออกเป็ น ๓ ช่วงระยะ คือ ช่วงแรก ท่านจะเรียกคนไข้
มาหาแลว้ ถามช่ือเสียงเรียงนาม ถามอาการแลว้ ยนื่ หมากให้คา

25

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

หน่ึง คาถาที่ใชเ้ สกหมากน้ี ท่านบอกผูใ้ กลช้ ิดวา่ ใชด้ งั น้ี จะขลงั
หรือไม่อยทู่ ี่จิตของผทู้ า “ต้งั นะโม ๓ จบ แลว้ วา่ โสทาย นะโม
พุทธายะ ลมั อิทงั โล นันโทเทติ ยาทาโลเทตีติ”
เม่ือคนไขไ้ ดร้ ับหมากเสกแลว้ ให้เค้ียวให้แหลก บว้ นน้าหมากท้ิง
เสียสามที กลืนลงคอไป ให้คนไขส้ ังเกตุดูวา่ หมากน้ันมีรสอะไร
แลว้ บอกหลวงพอ่ ปาน จากน้นั ก็จะทาการรักษาตามวิธีของท่าน
หลวงพ่อปานท่านบอกวา่ รสหมากน้นั บอกโรคไดด้ งั น้ี
รสเปร้ียว แสดงว่า ตอ้ งเสนียดท่ีอยอู่ าศยั เขา้ มาเก่ียวขอ้ ง คือมีของ
ตอ้ งหา้ มอยูก่ บั บา้ น เช่น มีไมไ้ ผผ่ ูกส่วนตน้ สาวนปลายอย่ใู นบา้ น
มีตออยใู่ ตถ้ ุนบา้ น ที่เรียกวา่ ปลูกเรือนคล่อมตอ หรืออยา่ งอ่ืน ตอ้ ง
จดั การเรื่องน้ีเสียก่อนแลว้ จึงรักษาหาย ส่วนมากแลว้ หลวงพ่อ
ปานจะใชญ้ าณดูแล้วบอกว่ามีอยา่ งไหนบา้ ง ให้แก้เสียก่อน
รสหวาน แสดงวา่ ตอ้ งแรงสินบนอยา่ งใดอย่างหน่ึง คนไขห้ รือ
คนในบา้ นบนไวต้ อ้ งนึกใหอ้ อกวา่ ตนเคยบนบานศาลกล่าว
อะไรบา้ ง ถา้ นึกไดผ้ ปู้ ่ วยไขจ้ ะตอ้ งเอาดอกไมธ้ ูปเทียนไปจุดบูชา
กลางแจง้ ขอทาการแกบ้ นใหถ้ ูกตอ้ งในภายหน้าต่อไป

26

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

เม่ือกลบั มาหาท่าน ท่านจะรดน้ามนต์ให้ รดแลว้ จะตอ้ งใหก้ ิน
หมากเสกอีกว่า หมดส้ินหรือยงั ถา้ ไม่มีรสหวานก็หมดแลว้ ถา้ ยงั
หวานอยูก่ ็ตอ้ งนึกดูก็ตอ้ งแกบ้ นอีก แลว้ จึงรักษาหาย
รสขม แสดงวา่ ตอ้ งคุณคน คือ ถูกของท่ีมีผูใ้ ชเ้ ดียรัจฉานวิชานามา
ไวใ้ นตวั เช่น ในทอ้ งมีตะปูบา้ ง มีเขม็ เยบ็ ผา้ บา้ ง ไมก้ ลดั ผูก
กากบาทบา้ ง ดา้ ยตราสังขม์ ดั ศพ เปลวหมูบา้ ง หนังสตั วบ์ า้ ง ของ
เหล่าน้ีจะทาให้คนไขเ้ จ็บปวดเสียดแทงในร่างกายเป็ นที่ทรมาน
นกั คนไขป้ ระเภทน้ีส่วนใหญ่เป็ นหญิง ที่เป็ นชายมีนอ้ ย โดยมาก
พวกน้ีมกั จะรับจา้ งทาร้ายผูอ้ ื่น หรือไม่ก็ปล่อยไปตามยถากรรม
ถูกใครก็เจ็บไป ทาร้ายใครไม่ไดก้ ็กลบั มาเขา้ ตวั เอง เคยมีแขกผู้
หน่ึงถูกของของตวั เอง หลวงพอ่ ปานท่านแกใ้ ห้แลว้ ขอสญั ญา ให้
เลิกอาชีพน้ีเสีย
คนไขป้ ระเภทน้ี หลวงพ่อท่านจะเสกน้ามนต์พเิ ศษใส่กระป๋ องน้า
เพื่อให้คนไขแ้ ช่เทา้ ท้งั สองขา้ งไว้ เพื่อเวลารดน้ามนต์ ของที่อยใู่ น
ตวั จะไดห้ ลุดออกมาทางเทา้ อยูใ่ นกระป๋ องน้ามนต์

27

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

มีอาการยนั หมาก มึนงงศีรษะเวียนศีรษะ อยา่ งน้ีหลวงพ่อท่านว่า
ถูกคุณผี คือมีอาการใชผ้ มี าเขา้ สิง คนไขน้ ้นั จะสาแดงอาการกิริยา
ผิดปกติ
ถา้ ผียงั สิงอยู่ จะไม่ยอมกินหมากเสกหลวงพ่อ ตอ้ งใชอ้ านาจจิต
บงั คบั ใหก้ ิน ถา้ ผีแกลง้ ออกไปช่ัวระยะ คนไขจ้ ะยอมกินหมาก
แลว้ มีอาการยนั หมาก ผีประเภทน้ีเป็ นผีตายโหง ท่ีมีผมู้ ีวิชานา
วิญญาณมาใชท้ าอนั ตรายคน ทาให้เสียสติเพอ้ คลงั่ เสียคน เป็ นตน้
คนไขป้ ระเภทน้ี หลวงพ่อปานท่านจะทาน้ามนตพ์ ิเศษจากพระดิน
เผาของท่านเอง ซ่ึงท่านมกั จะใส่ในกระเป๋ าองั สะของท่านอยู่
เสมอ เพื่อทาน้ามนตใ์ หค้ นไขอ้ าบ และใชม้ ีดหมอของท่านกด
กลางศีรษะ และรดน้ามนตค์ นไขน้ ้ันเร่ือยไปจนกว่าผีจะออก ถา้
ด้ินรนก็ตอ้ งมีคนมาช่วย จบั และรดน้ามนตใ์ นระหว่างท่ีท่านกด
มีดหมอและบริกรรมอยู่
คนไขป้ ระเภทน้ีเม่ือหายแล้วจะจาอะไรไม่ไดเ้ ลย และท่านมกั จะ
ให้สายสิญจน์มงคลไวค้ ล้องคอ กนั ถูกกระทาซ้าอีก
รายที่มีอาการร้อนหูร้อนหน้า แสดงว่าร้ายแรงมาก ถึงขนาดท่ีถูก
น้ามนั ผีพราย ประเภทน้ีจะอาการป้ าๆ เป๋ อๆๆ คุม้ ดีคุม้ ร้าย

28

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ชาวบา้ นเรียกวา่ ลมเพลมพดั ขาดสติ ปวดศีรษะบ่อยๆ คนไขช้ นิด
น้ีท่านจะให้แช่เทา้ ในกระป๋ องด้วยเหมือนกบั ที่ถูกคุณคน เม่ือเวลา
รดน้ามนตน์ ้ัน น้ามนั พรายจะซึมออกมา เป็ นฝ้าน้ามนั ลอยอยูใ่ น
น้าให้เห็น
หลวงพ่อบอกว่า คนไขป้ ระเภทน้ีหายยาก เพราะว่าน้ามนั ซึมอยู่
ในร่างกาย ตอ้ งมารักษาบ่อยๆ เป็ นเวลาติดต่อกนั นานๆ จนกวา่ จะ
หมดน้ามนั พราย และท่านมกั จะสั่งห้ามกินน้ามนั สัตว์ เพราะจะ
ไปเพ่ิมน้ามนั ใหก้ บั น้ามนั พราย
หมากเสกของท่านน้ี ถา้ กินแลว้ ร้อนลึกเขา้ ไปในทรวงอก ท่านว่า
เป็ นโรคฝี ในทอ้ ง วณั โรค ประเภทน้ีนอกจากรดน้ามนตแ์ ลว้ ยงั
ตอ้ งกินยาคุณพระควบไปดว้ ยอีกทางหน่ึง เป็ นการขบั ถ่ายพิษร้าย
ออกจากร่างกาย
รักษาโรคด้วยยาพระพุทธคุณ
นอกจากน้ามนตแ์ ลว้ ท่านยงั มียาคุณพระพุทธคุณให้กินอีกด้วย ยา
น้ีมีสรรพคุณแก้โรคไดท้ ุกชนิด แลว้ แต่ชนิดของโรค

29

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

คือ ยาน้ีเป็ นยาอธิษฐานของหลวงพอ่ ปาน นอกจากจะรักษาโรค
แลว้ ยงั เป็ นยาที่หลวงพอ่ ปานให้กิน เวลาท่านรดน้ามนตแ์ กถ้ ูก
กระทาไปแลว้
ยาของท่าน ท่านจะบอกกบั ผูใ้ กลช้ ิดว่า ตารับยาน้ีเป็ นของหลวง
พอ่ สุ่น วดั บางปลาหมอ องคอ์ ุปัชฌายข์ องท่าน มอบให้ท่านเป็ น
ทายาทแทนเม่ือหลวงพอ่ สุ่นล่วงลบั ไปแลว้ มี ๒ ขนาน(คดั มาจาก
หนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี หลวงพอ่ ปาน)
ท่านมรณภาพวนั ท่ี ๒๖ กรกฏาคม ๒๔๘๑ รวมสิริอายุ ๖๓ ปี ๔๓
พรรษา.

30

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พระคาถาของหลวงพ่อปาน
(ว่า “นะโม ฯลฯ” ๓ จบ)
พระคาถาบทนาว่าคร้ังเดียว

“พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ”
พระคาถาพระปัจเจกะโพธ์ิ
วา่ ๓ จบ หรือ ๕ จบ หรือ ๗ จบ หรือ ๙ จบ ก็ได้ แต่ตอ้ งสม่าเสมอ
จึงจะเกิดผล
“วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย
พุทธัสสะ มาณี มามะ พุทธัสสะ สวาโหม”
คาถามหาพิทักษ์
“จิตติ วติ งั นะกรึง คะรัง”
ใชภ้ าวนาขณะใส่กุญแจ ปิ ดหีบ ปิ ดตู้ ปิ ดประตูหน้าต่างฯ
คาถามหาลาภ
“นะมามีมา มะหาลาภา อิติพทุ ธสั สะ สุวณั ณังวา ระชะตงั วา ธะนงั
วา พึซงั วา อตั ถงั วา ปัตถงั วา เอหิ เอหิ อาคจั เฉยยะ อิติมึมา นะมามิ
หงั ”

31

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ใชส้ วดภาวนาก่อนนอน ๓ จบ และต่ืนนอนเชา้ ๓ จบ เป็ นการ
เรียกทรัพยเ์ รียกลาภ
พระคาถา ๓ บทน้ี เป็ นคาถาที่ศกั ด์ิสิทธ์ิมาก หากผูใ้ ดนาไปใช้จะ
เกิดโชคลาภมงั่ มีเงินทองอยา่ งมหศั จรรย์

วตั ถุมงคลหลวงพ่อปาน

32

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ความนิยมความเชื่อมนั่ ในความศกั ด์ิสิทธ์ิในวตั ถุมงคลของ
หลวงพอ่ ปาน จากชนช้นั มากมายหลายอาชีพสถานะ เพราะทา่ น
แจกใหท้ กุ คนไม่เลือกมีหรือจนทเี่ ช่ือมน่ั ในความศกั ด์ิสิทธ์ิหลวงพอ่
ปาน แต่มีบางท่านสงสยั และก็เคยทดลองพสิ ูจน์มาแลว้ วา่ เป็ นของดี
ราคาเยาว์ พทุ ธคุณมี ท้งั แคลว้ คลาด เมตตามหานิยม และยงั มี
สรรพคุณใชร้ กั ษาโรคภยั ไขเ้ จบ็ ได้ เป็นทรี่ ู้จกั ในนามของ พระหมอ

วัตถปุ ระสงค์ในการสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลหลวงพ่อปาน
เป็ นเร่ืองเล่ากนั มาวา่ หลวงพอ่ ปานกาลงั อยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณา
อุสภกรรมฐานอยทู่ ศี่ าลาเก็บศพ ซ่ึงอยทู่ างดา้ นหลงั วดั การ
พจิ ารณาความไม่เท่ียงแทข้ องร่างกาย มีเกิด มีดบั ร่างกายยอ่ มเน่า
เปื่ อยตามธรรมชาติ ระหวา่ งอยใู่ นสมาธิทา่ นไดเ้ ห็นชีปะขาวเดินมา
หา ท่านลืมตาดูกพ็ บกบั ชีปะขาวถือไมเ้ ทา้ มาบอกใหท้ ่านสร้างพระ
พมิ พ์ เป็นรูปพระพทุ ธเจา้ ปางสมาธิ มีรูปสตั วอ์ ยู่ 6 ชนิด อยใู่ ตฐ้ านท่ี
ประทบั ไดแ้ ก่ หนุมาน พญาครุฑ นก ไก่ เม่น และปลา พร้อมท้งั

33

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

บอกคาถากากแั ต่ละตวั มาดว้ ย คร้งั ออกจากสมาธิท่านไดเ้ ล่าใหค้ น
ใกลช้ ิดและบรรดาศิษยไ์ ดฟ้ ังอยา่ งละเอียด ทุกคนไดฟ้ ังเร่ืองราวแลว้
ก็มีความเห็นที่สอดคลอ้ ง และสนบั สนุนหลวงพอ่ ปาน อยา่ งเตม็
กาลงั ทจ่ี ะใหด้ าเนินการสร้างพระตามที่ทา่ นชีปะขาวไดบ้ อกไว้
ระหวา่ งทก่ี าลงั ตกลงใจทจ่ี ะสรา้ งพระ ก็เหมือนท่านชีปะขาวไดด้ ล
ใจใหอ้ าจารยแ์ จง เป็นฆราวาสชาวสวรรคโ์ ลก ไดเ้ ดินทางมาเพอื่
นมสั การหลวงพอ่ ปาน โดยไม่ทราบสาเหตวุ า่ เดินทางนมสั การหลวง
พอ่ ทาไม แต่รูว้ า่ จะตอ้ งแนะนาหลวงพอ่ เก่ียวกบั การสร้างพระ
เคร่ือง ให้ สนั นิษฐานวา่ อาจารยแ์ จงคนน้ีความเป็นผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมถึง
ข้นั ฌานสมาบตั ิ มีสมาธิแก่กลา้ และหลวงพอ่ ปานทา่ นก็รู้ดว้ ยญาน
เช่นเดียวกนั จึงขอถ่ายทอดความรู้จากอาจารยแ์ จง โดยไปทาพธิ ี
ถ่ายทอดวชิ ากนั ในโบสถ์ การสร้างพระพมิ พ์ กรรมวธิ ีการปลุกเสก
และไดย้ งั สอนยนั ตม์ หาเกราะเพชรดว้ ย หลงั จากน้นั หลวงพอ่ ปาน
ไดด้ าเนินการสรา้ งพระตามท่อี าจารยแ์ จงแนะนา และพระพมิ พ์
ตามทช่ี ีปะขาวไดช้ ้ีแนะและพร้อมท้งั คาถากากบั พระแต่ละพมิ พไ์ ว้

34

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

วตั ถุประสงคก์ ารสร้างพระพมิ พ์ นอกจากชีปะขาวมาบอกไวแ้ ลว้ ยงั
เผอื่ แผแ่ ก่ลูกศษิ ยล์ ูกหา ชาวบา้ นทไ่ี ดม้ าช่วยเหลือ และแจกจา่ ย
ใหก้ บั คนท่มี าทาบูญโดยไม่เลือกวา่ เป็นผดู้ ีหรือไพร่ ไม่ไดท้ าเพอ่ื หา
เงินเขา้ วดั แต่เพอ่ื ช่วยใหช้ าวบา้ นพน้ ทุกข์ แคลว้ คลาดจากโรคภยั
โดยเริ่มสร้างและแจกประมาณ ปี พ.ศ. 2460 พมิ พแ์ รก ๆ จะแกะ
โดยช่างชาวบา้ นรูปแบบยงั ไม่สวยงามอะไรมาก เรียกกนั วา่ พมิ พ์
โบราณ ขอบขา้ งจะมีเสน้ รัศมีขดี ๆ มีรูปสตั วพ์ าหนะของ
พระพทุ ธเจา้ 6 อยา่ ง แตล่ ะพมิ พจ์ ะมีการบรรจุผงพทุ ธคุณดา้ นบน
ของพมิ พพ์ ระ

35

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

ภายหลงั มีการสร้างพมิ พน์ ิยมทช่ี ่างแกะพมิ พห์ ลายคนทมี่ ี การแกะ
พมิ พท์ ี่สวยงามกวา่ รุ่นโบราณ มีการสรา้ งผา้ ยนั ตเ์ กราะเพชร ลูกอม
ตะกรุด และแหวนรูปพระพทุ ธ รวมท้งั การเผยแพร่คาถาปัจเจกะ
โพธ์ิ โปรดสตั ว์
คาถาบทนา วา่ คร้ังเดียว พทุ ธะ มะอะอุ นะโมพทุ ธายะ
คาถาปัจเจกพระพทุ ธเจา้ วา่ 3, 5, 7, 9 จบ ท่องอยา่ งสม่าเสมอจึงจะ
ไดผ้ ล วริ ะทะโย วริ ะโคนายงั วิระหิงสา วริ ะทาสี วริ ะทาสา
วริ ะอิตถิโย พทุ ธสั สะ มาณีมามะ พทุ ธสั สะ สวามโหม
ปฏิบตั ใิ หเ้ ป็นนิจ จะมีความสุข ความเจริญ มีลาภยศสรรเสริญ หา้ ม
ประพฤติชว่ั ศลึ ขอ้ อทินนาทาน เวน้ จากการลกั ทรพั ย์ กบั ศีลขอ้ หา้
สุราเมรยมชั ปมา เวน้ จากการด่ืมสุรายาเมา ผใู้ ดปฏบิ ตั ดิ งั น้ีแลว้ จะ
เห็นผลภายในหกเดือนปฏบิ ตั ิไปเร่ือย ๆ จะมีความสุขความเจริญท้งั
ชาติน้ีและชาตหิ นา้

พระพมิ พห์ ลวงพอ่ ปาน เทา่ ที่นิยมในตลาดพระส่วนมากจะพบกนั
มากในแบบพมิ พส์ ตั วพ์ าหนะท้งั 6 อยา่ ง ส่วนพมิ พอ์ ่ืน ๆ กไ็ ม่คอ่ ย

36

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

แพร่หลายมากนกั ความนิยมจึงไม่เหมือนพมิ พท์ ่ีพบบอ่ ย ๆ
สาหรับทีน่ าเสนอ ณ ทน่ี ้ี เท่าท่ีพอทราบ และหาได้ มีดงั น้ี
พมิ พข์ หี่ นุมาน ทพี่ บเห็นมี 4 พมิ พ์ ไดแ้ ก่

พมิ พข์ ่หี นุมานใหญ่

37

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ห่ี นุมานเลก็

38

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่หี นุมานแบกแทน่ อกั ขระแถวเดียวและอกั ขระสองแถว

39

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ีค่ รุฑใหญ่

40

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ีค่ รุฑเล็ก

41

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ค่ี รุฑกลาง

42

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ คี่ รุฑผเี ส้ือ

43

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่ไี ก่หางพวง

44

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่ไี ก่หางรวม

45

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่ไี ก่หางสามเสน้

46

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่ไี ก่หางส่ีเสน้

47

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่ไี ก่หางหา้ เสน้

48

หลวงพอ่ ปาน วดั บางนมโค

พมิ พข์ ่นี กกระจาบ

49


Click to View FlipBook Version