แนวทางสู่โสดาบนั 47
พระพุทธเจ้าอยู่น้ัน ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีในขณะท่ี
ยืนอยู่ ท้ังที่พยายามจะเอาพระพุทธเจ้าเป็นลูกเขยอยู่นั่นเอง
สดุ ท้ายตวั เองเปน็ พระอนาคามี
ไปถามพราหมณ์ดูสิ พราหมณ์รู้จักศีล ๕ ไหม รู้ได้
อยา่ งไรศลี ๕ อยา่ ไปถามพราหมณน์ ะวา่ พราหมณร์ จู้ กั ตวั สมาธิ
สงบหรอื เปลา่ รไู้ ดอ้ ยา่ งไรสงบ ไมเ่ คยศกึ ษามากอ่ น รไู้ ดอ้ ยา่ งไร
พระองคเ์ จา้ เทศนค์ นเปน็ พระอรยิ เจา้ ไมใ่ ชจ่ ะไปเอาศลี เอาสงบ
มาเปน็ หลกั เกณฑ์ตายตวั ได้ เขาฟงั พระองค์เจ้า เป็นสมาธไิ หม
เปน็ สมาธิ เขาตง้ั ใจฟงั เรยี กวา่ สมาธติ ง้ั ใจมนั่ เมอื่ เขาฟงั ไปแลว้
เขาแสดงความคิดพจิ ารณาต่างๆ ไปแล้ว เอาตัวปญั ญาคดิ คือ
ปญั ญาของเขา คดิ อยู่แล้ว มนั เปน็ สมาธิ มันเป็นปญั ญาในตวั
ท้ังหมด พดู ง่ายๆ ว่า สติ ระลึกได้ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่ ภาวนา
พร้อมๆ กนั ทง้ั หมด นค้ี อื เหตุเกดิ ในครัง้ พทุ ธกาล
48 แนวทางสู่โสดาบนั
พจิ ารณาเลอื กเฟ้นธรรม
ทกุ คนมสี ติ ปจั จบุ นั นท้ี กุ คนมสี มาธิ ทกุ คนมปี ญั ญา แต่
เอาสติ เอาปญั ญา เอาสมาธิท้ังหมดไปใช้งานอ่นื งานทางโลก
ไม่ได้เอาสติ เอาสมาธิ เอาปญั ญา มาคิดทางธรรมแต่อย่างใด
เหตนุ นั้ ในยคุ นสี้ มยั นเี้ หมอื นกนั ถ้าสมมตุ วิ ่า มพี ระองค์
เจา้ อบุ ตั เิ กดิ ขน้ึ ในยคุ นสี้ มยั น้ี จะมผี บู้ รรลธุ รรมเปน็ พระอรยิ เจา้
มากทเี ดียว เพราะทุกคนมีบารมี ทุกคนมีสติ ทุกคนมีสมาธิ ทกุ
คนมีปญั ญาอยู่ในตัวทงั้ หมดแล้ว พร้อมแล้ว แต่ขาดอย่างเดียว
คอื ผู้ต่อยอดให้เรา มนั ไม่มี ไม่มีหมายถึงอะไร หมายถงึ ว่า ผู้จะ
ชแี้ นะแนวทาง คอื ยอดบารมขี องเรา สร้างมาในอดตี ในชาตินั้น
แนวทางสโู่ สดาบัน 49
สร้างมาอย่างไร บ�ำเพ็ญอย่างไรบ้าง อะไรบ้างเป็นเหตุ เป็น
ปัจจัย ให้เราบำ� เพ็ญมา ไม่มีคนบอกเราตวั น้ี
คนครง้ั พทุ ธกาล มผี บู้ รรลธุ รรมมากๆ กเ็ พราะพระองค์
เจ้าได้มีญาณรู้ว่า คนนี้สร้างบารมีมาอย่างน้ีๆ พระองค์เจ้าให้
ธรรมะจำ� กดั จำ� กดั แตล่ ะคนแตล่ ะกลมุ่ เขาจะบรรลธุ รรมไดง้ า่ ย
คร้ังพุทธกาลมีมากด้วย น่ีหลวงพ่อเคยศึกษาเร่ืองพระสูตร
ศกึ ษามามาก มนั จะร้วู ธิ กี ารปฏบิ ตั วิ ่า มนั ไม่ใช่เรอ่ื งสบั สนปนเป
คือว่าตัดตอนให้เป็น
ส่วนการปฏิบัติต้องตัดตอนตรงไหน คือตัดตอน
ศกึ ษาวา่ ภมู ธิ รรมของพระโสดาบนั เรมิ่ จากไหนไป เรมิ่ จาก
ปุถุชน คือ หยาบสุดแล้ว ปุถุชนคนธรรมดาจะปฏิบัติ
อยา่ งไร ทจี่ ะเขา้ สภู่ มู ธิ รรมโสดาบนั ได้ อนั น้ี ไมใ่ ชจ่ ะไปละกนั
มั่วๆ ไม่ใช่นะ บางคนไปสอนกัน พิจารณาอสุภะนะ บางคน
ส�ำรวมกายวาจาให้เรยี บร้อยนะ คือปฏิบตั ิ ถามว่าถกู ทางไหม
ถูก แต่ธรรมนั้นไม่ถกู กบั ตัวเรา เรามอี ุบายอกี อย่างหนึ่ง แต่ไป
ท�ำอกี แบบหนง่ึ การปฏบิ ัติต้องมขี นั้ ตอน ตัดตอนให้เป็น
50 แนวทางสโู่ สดาบัน
สรา้ งสัมมาทิฏฐดิ ้วยปญั ญาเฉพาะตัว
สำ� คัญคอื ว่า หลกั สมั มาทฏิ ฐิ ความเห็นชอบ ถอื เปน็ หลัก
ใหญ่ของการปฏิบัติธรรม สมัยพระองค์เจ้าเราปฏิบัติ ก่อนที่
พระองค์เจ้าจะมาตรัสรู้ในท่แี ห่งน้ี ทีต่ ้นโพธต์ิ ้นน้ี พระองคเ์ จ้าก็
มธี รรม ๒ ขอ้ ดว้ ยกนั เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ิ นนั่ คอื สมั มาทฏิ ฐิ ความ
เห็นชอบ สัมมาสังกัปโป ดำ� ริชอบ พระองค์เจ้าจะมาตรัสรู้ท่ี
แหง่ น้ี พระองคเ์ จา้ เอาธรรม ๒ หมวด คอื หลกั ปญั ญา มาเปน็
ตวั น�ำหน้า
พระองค์จะมีคำ� ว่าสมาธไิ หม มี สมาธิ แต่พระองค์ยังไม่รู้
วา่ สมาธขิ น้ั ไหนเปน็ อยา่ งไร พระองคก์ ย็ งั ไมเ่ ขา้ ใจ คอื ตง้ั ชอื่ ไมถ่ กู
พระองค์ท�ำสมาธมิ าแล้ว สมยั ทีบ่ วชใหม่ๆ ไปภาวนากับดาบสทงั้
สองมา อันนี้ก็ส่วนหนึ่ง ท�ำมาแล้ว แต่พระองค์ก็ปฏิเสธแล้วว่า
การท�ำสมาธิเพียงอย่างเดียวอย่างน้ี ไม่สามารถละอาสวะกิเลส
ได้ เพราะสมาธิเป็นเพียงข่มกิเลสไว้ ประเด๋ียวประด๋าวเฉยๆ
เหมือนเรากดอะไรไว้ในน�้ำ พอวางมือก็ลอยขึ้นมาตามเดิม ท�ำ
สมาธิเปน็ เพยี งข่มกเิ ลส ประเด๋ยี วประด๋าว ไม่ใช่การละ
แนวทางสู่โสดาบนั 51
การละเป็นเรื่องของปัญญา เขาว่า ปัญญายะ
ปะรสิ ชุ ฌะติ จติ จะมคี วามบรสิ ทุ ธไิ์ ดเ้ พราะปญั ญานี้ หลกั สำ� คญั
อยตู่ รงน้ี แตป่ ญั ญาทว่ี า่ มานตี้ อ้ งเปน็ ปญั ญาเฉพาะตวั ไมใ่ ช่
ปญั ญาเลยี นแบบจากผอู้ นื่ มา เอาปญั ญาไปจำ� ตำ� รานน้ั มาวา่
เอามาคดิ เหมอื นพระโปฐลิ ะได้ไหม ไม่ได้ เด๋ยี วน้ีเราอยู่ในนาม
ลูกหลานพระโปฐิละ เดี๋ยวนี้ธรรมะที่มีอยู่เป็นธรรมะของ
พระพุทธเจ้าก็จรงิ แต่ปัญญาเรามหี รอื เปล่า ไม่มีปัญญา เลียน
แบบตามตำ� ราพระพทุ ธเจา้ มาวา่ กนั พจิ ารณาใหถ้ กู ธรรม กถ็ กู
ได้ ถูกเฉยๆ แต่ไม่ถกู กับบารมขี องตวั เอง
ฉะนัน้ บารมเี รา ปญั ญาเรา เราจงพยายามสรา้ งขน้ึ
มาเอง คิดเอง เช่น มรรค ๘ พระองค์เจ้าวางทศิ ทางเอาไว้ วาง
52 แนวทางสู่โสดาบัน
ทางตัวอย่าง เป็นทางตัวอย่างส�ำหรับให้พวกคนปฏิบัติ แต่
แนวทางของท่าน เอาเป็นตัวอย่างเฉยๆ เราตอ้ งสรา้ งทางขน้ึ
มาเฉพาะตวั คือ สมั มาทฏิ ฐเิ ฉพาะตวั ให้ได้ สัมมาสงั กัปโป
ตอ้ งสร้างข้นึ มาใหไ้ ด้ เฉพาะตวั ยมื เขามาไม่ได้ ธรรมะเป็น
ของส่วนตัว ตอ้ งสร้างขน้ึ มาให้ได้ ให้เป็นสัมมาให้ได้
เรียกว่า เด๋ยี วนีเ้ ราเป็นสัมมาแค่ไหน ทกุ คนมีสัมมาไหม
มสี มั มา แตส่ มั มามนั ไมพ่ อทจี่ ะเปน็ พระอรยิ เจา้ ได้ มนั เปน็ สมั มา
แค่ ๑๐-๒๐% ท�ำอะไรไม่ได้เลย ตัวสัมมาตวั น้ตี ้องเต็มร้อยถงึ
จะเข้าสู่พระอริยเจ้าได้ แต่เรามีสัมมาไม่พอท่ีจะเป็นไปได้ ตัว
มจิ ฉามันมาก
ใจเรามนั มมี ิจฉา เราจะมาแก้มิจฉา เป็นอยา่ งไร ก็
ต้องมาศกึ ษามจิ ฉา ตัวความเห็นผดิ เหน็ อยา่ งไรบา้ ง อนั น้ี
เราจะมาหาความเห็นผดิ ตัวเองใหไ้ ด้ ความเห็นผิดเรา ตวั
เราเองนีแ่ หละ มนั ท�ำให้เราเกดิ ท่วี ่ามานม้ี ารวมกันกบั วา่
เกิดดับ ตวั มจิ ฉาตวั เดยี วนแ้ี หละ มนั ท�ำใหเ้ กดิ ความยึดได้
เกิดความอยากได้ เพราะตัวมิจฉาตัวเดียวเป็นเหตุให้เรา
เกดิ ตายๆ กบั โลกใบนมี้ ายาวนานจนถงึ ปจั จบุ นั เรยี กวา่ มา
แก้กัน เรียกว่าเปล่ียนทิศทางใหม่ คือแก้ตัวมิจฉาให้หมด
ไปจากใจเราให้ได้
แนวทางส่โู สดาบนั 53
ทกุ คนต้องดใู จตัวเองวา่ ใจเป็นมจิ ฉาแคไ่ หน ความ
เหน็ เรา เดี๋ยวนี้เราเปน็ มจิ ฉาแคไ่ หน เรารเู้ อง ส่วนมากเรา
จะว่า เรารู้ธรรมะแล้วเป็นสัมมาแล้ว ไม่ใช่ อันน้ันมันความรู้
สว่ นตวั เปน็ มจิ ฉาอยู่ มนั หลงยดึ อะไรบา้ งไหม นน่ั คอื มจิ ฉา
ล่ะ มันหลงอยากอะไรบ้างไหม คือมิจฉาล่ะ ความยึด ความ
อยาก เป็นมจิ ฉาท้ังนน้ั เลย
มาศึกษาเราให้ได้ ใจเรา เราเอาปัญญาสอดส่อง ดูใจ
เราให้ได้ แต่ละวนั แต่ละช่ัวโมง เพื่อจะแก้ไขตัวเองให้ได้ นีว่ นั น้ี
หลวงพ่อจึงให้อุบายธรรมะในวันน้ี คิดว่าสมควรแก่กาลเวลา
เอวัง ก็มดี ้วยประการฉะน้ี
ประวัติ
หลวงพ่อทูล ขปิ ฺปปญฺโญ
พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ
เกิดเม่ือวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.
๒๔๗๘ ท่านได้อปุ สมบทเมื่อวนั ท่ี ๒๗
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ ขณะอายยุ ่าง
เข้า ๒๗ ปี ที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัด
อดุ รธานี มีพระธรรมเจดีย์ (จมู พนฺธโุ ล)
เป็นพระอปุ ัชฌาย์ ทา่ นเป็นลกู ศษิ ย์ของ
หลวงป่ ูขาว อนาลโย วัดถ�ำ้ กลองเพล
จงั หวดั หนองบวั ลำ� ภู
หลวงพ่อทูลเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระอริยเจ้าในยุค
ปัจจบุ นั ในชว่ งพรรษาแรกๆ ทา่ นออกธดุ งค์ไปตามทตี่ า่ งๆ ทงั้ ในภาค
อีสาน ภาคใต้ และภาคเหนือ มีความตงั้ ใจและมงุ่ มนั่ ในการปฏิบตั ิ
ธรรม จนสามารถรู้แจ้ งเห็นจริงในสัจธรรมตามค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจ้าได้ในพรรษาที่ ๘ หลงั จากที่ทา่ นได้บำ� เพ็ญกิจสว่ นตน
เสร็จแล้ว จึงได้อทุ ิศชีวิตท่ีเหลืออย่ทู ่มุ เทให้แก่การเผยแผ่พระพทุ ธ
ศาสนา
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ทา่ นได้สร้าง วดั ป่าบ้านค้อ จงั หวดั อดุ รธานี
มเี สนาสนะเหมาะสมตอ่ การอยอู่ าศยั ปฏบิ ตั ธิ รรม สำ� หรับทงั้ บรรพชติ
และฆราวาส ทา่ นได้เขียนหนงั สอื ธรรมภาคปฏิบตั กิ วา่ ๒๐ เลม่ ออก
แสดงธรรมเทศนาตามทตี่ า่ งๆ จดั ทำ� สอ่ื ธรรมะในรูปแบบ ซดี ี วซี ดี ี และ
ส่ือออนไลน์ต่างๆ ผลงานของท่านเป็ นท่ีรู้จักแพร่หลายทัง้ ใน
ประเทศไทยและในตา่ งประเทศ ดงั นนั้ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ทา่ นจงึ ได้
รับพระราชทานรางวลั เสาเสมาธรรมจกั ร สาขาการแตง่ หนงั สือทาง
พทุ ธศาสนา
หลวงพอ่ ทลู เป็นอจั ฉริยบคุ คล สร้าง
พุทธสถานไว้ ให้ ลูกหลานได้ กราบไหว้
ตัง้ แต่การออกแบบควบคุมการก่อสร้ าง
พระมหาธาตเุ จดีย์ฯ แกะสลกั พระพทุ ธรูป
ไม้ตะเคียนทอง ๔ ปาง สร้างพิพิธภณั ฑ์
ส�ำหรับเก็บอฐั ิธาตแุ ละบริขารของทา่ นเอง
ได้สร้างวดั และศนู ย์ปฏิบตั ิธรรมหลายแหง่
ทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ
จากการท่ี หลวงพอ่ ทลู ขิปปฺ ปญฺโญ ได้สร้างคณุ ความดีและ
ประโยชน์ให้ประเทศชาตแิ ละพระศาสนาเป็นอยา่ งมาก ดงั นนั้ ในวนั
ท่ี ๑๒สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ทา่ นจงึ ได้รับพระราชทานสมณศกั ดเ์ิ ป็น
พระราชาคณะ นามวา่ พระปัญญาพิศาลเถร
หลวงพอ่ ทลู ขิปปฺ ปญฺโญ ท่านได้ละสงั ขารด้วยอาการสงบ
เม่ือวันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑ ณ วดั ป่ าบ้านค้อ จงั หวดั
อดุ รธานี รวมสริ ิอายไุ ด้ ๗๓ ปี ๔๘ พรรษา
รายละเอยี ดของหนงั สอื
ชอ่ื หนงั สอื : แนวทางสโู่ สดาบนั
วตั ถุประสงค ์ : เผยแพรพ่ ระธรรมเทศนาของ หลวงพอ่ ทลู ขปิ ปฺ ปญฺโญ
เป็นมรดกธรรม สำ� หรบั ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมทม่ี งุ่ หวงั
มรรคผลนิพพาน (โยคาวจร) และผสู้ นใจทวั่ ไป
พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1 : 1 สงิ หาคม 2555
จำ� นวนการพมิ พ ์ : 6,000 เลม่
ISBN :
ผจู้ ดั พมิ พ ์ : คณะศษิ ยานุศษิ ย์
ถอดเทป : จนั ทรเ์ พญ็ ภาสขุ กมล
ภาพปก : รงุ้ กมล กรรเจยี กพงษ์
ภาพประกอบ : เบญจ์ บษุ ราคมั วงศ์
ลขิ สทิ ธ ิ ์ : ขอสงวนลขิ สทิ ธใิ ์ นการคดั ลอก หรอื พมิ พซ์ ้ำ� เน้ือหา
ในหนงั สอื เลม่ น้ี กรณุ าตดิ ต่อ KPY USA
KPY USA / San Fran Dhammaram Temple
2645 Lincoln Way, San Francisco, CA 94122
โทร. 1 (415) 753-0857
Website: kpyusa.org, watsanfran.org
E-mail: [email protected]
วดั ป่ าบา้ นค้อ
ต.เขอื น้�ำ อ.บา้ นผอื จ.อุดรธานี 41160
โทร. (042) 250-730-1
Website: watpabankoh.com
E-mail: [email protected]