The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-08-19 19:32:25

ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

Keywords: ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

แจกหม้อหมดลำ ถ้ำบ้ำนไหนนิมนต์เทศนท์ ่ำนรับ กำหนดเวลำไมไ่ ด้ ท่ีแหง่ หนึง่ เจ้ำของเขำหลับแล้ว ท่ำนไปนง่ั
เทศนท์ ป่ี ระตูบ้ำนก็มี หัวบนั ไดบ้ำนกม็ ีฯ

อนง่ึ กำรบณิ ฑบำตไม่ขำด ท่ำนชอบไปจอดเรอื ในคลองบำงนกแขวก พวกเข้ำรตี มำก แล้วทำ่ นออกบิณฑบำต
ตอนเชำ้ พวกเขำ้ รีตเข้ำใจว่ำมำขอทำน เขำใส่ขำ้ วสำร หมูดิบ ทำ่ นกม็ ำนัง่ เคีย้ วข้ำวสำรกับหมูดิบ

บำงทีไปเทศน์ทำงคลองบำงนกแขวก ท่ำนนอนจำวัด หลบั ไป พอบ่ำยสองโมงตน่ื ท่ำนถำมคนแจวเรอื วำ่ เพล
หรอื ยงั เขำเรยี นวำ่ เพลแล้วขอรับ ทำ่ นถำมว่ำเพลท่ีไหนจ๊ะ เขำเรยี นวำ่ เพลที่วดั ล่ำงขอรบั กระผม ท่ำนอ้อนวอน
เขำว่ำ พอ่ คุณ พ่ออย่ำเห็นกับเหน็ดกบั เหนือ่ ย พอ่ ช่วยพำฉนั ไปฉนั เพลที่วัดตีกลองเพลสกั หนอ่ ยเถอะจ๊ะ นกึ ว่ำ
ช่วยชีวติ ฉนั ไว้ คนเรอื แจวกลับลงไปอกี สำมคุ้งนำ้ ถึงวัดที่ตกี ลอง ท่ำนขึ้นไปขออนุญำตสมภำรเจ้ำวดั สมภำร
ยอมปเู สอ่ื ทีห่ อฉันใกล้กับกลอง แลว้ คนเรอื ยกสำรบั กับข้ำวขึ้นไปประเคนทำ่ น ทำ่ นกฉ็ ัน สมภำรมำคอยดแู ล
พระเด็กๆแอบดู เจ้ำพวกเดก็ วัด ก็กรูเกรยี วมำหอ้ มลอ้ ม บ้ำงตะโกนกนั ว่ำ พระกนิ ข้ำวเย็นโวย้ เด็กบำงคนเกรยี ว
เข้ำไปบอกผู้ใหญ่ถึงบำ้ น เขำพำกนั ออกมำ บ้ำงมีส้มขนมกับขำ้ วลูกไม้ กอ็ อกมำถวำยเป็นอันมำก ฉนั ไมห่ วำดไม่
ไหว เลยเลีย้ งเดก็ เลย้ี งคนเรอื อ่มิ แตต้ ำมกัน

(บำงทที ่ำนอำจเหน็ ในตตยิ คณั ฐีฎกี ำ แกโ้ ภชนะมีบำลีว่ำ "อญั ญตฺร รตฺตยิ ำ มำภญุ ชติ" แปลว่ำ ใหเ้ จ้ำภิกษุขบฉนั
ในเวลำกำล ตั้งแต่เห็นดวงอำทิตย์ขึ้นจนถงึ ดวงอำทิตยต์ ก ยงั เห็นดวงเรยี กว่ำกำล ถ้ำคำ่ คนื เรียกว่ำวิกำล ฉัน
กลำงวันนี้เปน็ บญั ญัติเพมิ่ เติมเมือ่ ครงั้ แผ่นดินพระพิมลธรรม ในกรุงศรีอยุธยำยังเปน็ รำชธำนอี ยู)่

อนึง่ จรรยำอำกำรของสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) พระองคน์ ้ี ประพฤติออ่ นนอ้ มยำเกรงผู้ใหญ่ และพระสงฆ์
ถ้ำแบกพระคัมภีร์เรียน สำมเณรแบกคัมภีรเ์ รยี น หำกท่ำนไปพบกลำงถนนหนทำงท่ำนเป็นต้องหมอบก้มลง
เคำรพ ถ้ำพระเณรไม่ทนั พิจำรณำ สำคัญว่ำทำ่ นกม้ ตนเคำรพตน และก้มตอบเคำรพตอบทำ่ น ทนี น้ั เถอะไมต่ อ้ ง
ไปกัน ตำ่ งคนต่ำงหมอบกนั แต้อยู่นน่ั เอง

ตั้งแต่ทำ่ นรบั สมณศักดเิ์ ปน็ ที่พระธรรมกติ ติ จนกระทงั่ เป็นพระเทพกวี ได้มีควำมผิดครง้ั หน่ึง เม่อื เทศนถ์ ึงตัง้
กรงุ กบิลพสั ดุ์ และตั้งวงศ์สักยรำช ในพระปฐมโพธิ ปรจิ เฉทท่ี ๑ นั้น แต่ในสมยั ใชก่ ำลจะเทศน์พระปฐมโพธิ
ปรจิ เฉทที่ ๑ ไม่ใช่กลำงเดือน ๖ ท่ำนก็นำไปเทศน์ถวำยว่ำ เม่ือตงั้ กรงุ กบลิ พัสดุ์แล้ว จึงนำบุตรกษตั รยิ ์ในวงศ์
เดยี วกนั มำเษกฯ แตก่ ษตั รยิ ์องคแ์ รกไดน้ ำพระขนษิ ฐำนำรีมำอภิเษก ตำมลัทธคิ ตขิ องพวกพรำหมณ์ท่พี ำกัน
นยิ มว่ำแต่งงำนกันเองไม่เสยี วงศ์ จนเป็นโลกยบญั ญัติสืบมำช้ำนำน จนถงึ กษตั รยิ โ์ อกำกะวงศ์รัชกำลท่ี ๑ รวม
พนี่ อ้ ง ๗ องค์ เจ้ำชำย ๓ เจำ้ หญิง ๓ ออกจำกเมอื งพระรำชบดิ ำมำต้ังเป็นรำชธำนี ขนำนนำมวำ่ กรงุ กบลิ พัสดุ์
ตำมบญั ญตั ิของกบิลฤๅษี ต่อนไี้ ปก็แตง่ งำนรำชำภิเษก พีเ่ อำนอ้ ง น้องเอำพ่ี เอำกันเรื่อยไม่ว่ำกัน เหน็ ตำม
พรำหมณเ์ ขำถอื มัน่ ว่ำอะสมภินนะวงศ์ ไม่แตกพแ่ี ตกนอ้ ง แนน่ แฟน้ ดี บรสิ ุทธ์ไิ ม่เจือไพร่ ครำวนเ้ี ลยี นอย่ำง

51

มำถึงประเทศใกล้เคียงมัชฌิมประเทศก็พลอยเอำอย่ำงกนั สบื ๆ มำ จนถึงสยำมประเทศก็เอำอยำ่ ง เอำพเ่ี อำนอ้ ง
ข้ึนรำชำภิเษกและสมรสกนั เป็นธรรมเนียมมำ

สมเดจ็ พระจอมเกลำ้ ฯ ไม่พอพระรำชหฤทยั ไล่ลงธรรมำสนไ์ ป ไป ไป ไปใหพ้ ้นพระรำชอำณำจักร ไม่ให้อยูใ่ น
ดินแดนของฟ้ำ ไปให้พน้ พระเทพกวีออกจำกวงั เขำ้ ไปนอนในโบสถ์วัดระฆงั ออกไม่ได้นำน ใช้บณิ ฑบำตบน
โบสถ์ ลงดินไม่ได้ เกรงผดิ พระบรมรำชโองกำร คร้ังถึงครำวถวำยพระกฐิน เสดจ็ มำพบเขำ้ รบั สั่งว่ำ อ้ำวไล่แล้ว
ไม่ใหอ้ ยใู่ นรำชอำณำจักรสยำม ทำไมยังขนื อยูอ่ ีกละ่ ขอถวำยพระพร อำตมำภำพไมไ่ ด้อยใู่ นพระรำชอำณำจักร
อำตมำภำพอำศยั อย่ใู นพทุ ธจกั ร ตั้งแต่วันทม่ี ีพระรำชโองกำร อำตมำภำพไม่ได้ลงดนิ ของมหำบพติ รเลย ก็กิน
ข้ำวท่ไี หน ไปถำนทไ่ี หน ขอถวำยพระพร บิณฑบำตบนโบสถ์นีฉ้ ัน ถำนในกระโถน เทวดำคนนำไปลอยนำ้ รบั สั่ง
วำ่ โบสถน์ ไ้ี ม่ใช่อำณำจกั รสยำมหรือ ถวำยพระพรว่ำ โบสถเ์ ป็นวสิ ุงคำม เป็นสว่ นหนง่ึ จำกพระรำชอำณำจกั ร
กษตั รยิ ์ไม่มอี ำนำจขับไลไ่ ด้ ขอถวำยพระพร ลงท้ำยขอโทษฯ แล้วทรงถวำยกฐิน ครนั้ เสร็จกำรกฐนิ แล้ว รับสัง่
ว่ำ อยใู่ นพระรำชอำณำจักรสยำมได้ แต่วนั นเี้ ปน็ ต้นไป

(เหตนุ ี้แหละ ทำให้พระเทพกวี คิดถวำยอดิเรก ท้ังเป็นครำวหมดรนุ่ พระผู้ใหญ่ด้วย)

ครั้นเปน็ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์แล้ว ท่ำนกย็ ง่ิ เป็นตลกมำกขึ้น คอยไหวพริบในรำชกำรแจจัดขน้ึ ย่ิงกว่ำเป็น
พระเทพกวี ดเู หมอื นคอยแนะนำเป็นปุโรหิตทำงอ้อม

ครัง้ หน่งึ ไปสวดมนตท์ ่ีวังกรมเทวำฯ วังเหนอื วดั ระฆงั พอพำยเรือไปถงึ ท้ำยวัง เกดิ พำยใุ หญ่ ฝนตกห่ำใหญ่ เม็ด
ฝนโตโต คลืน่ กจ็ ดั ละลอกกจ็ ัด สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรยเ์ อำโอต้นเถำมำใบหนึ่ง แล้วจุดเทียนตดิ ปำกโอแลว้ ลอย
ลงไป บอกพระให้คอยดูด้วยว่ำเทียนจะดับเมื่อใด พระธรรมถำวรเล่ำว่ำ เวลำนนั้ ท่ำนเป็นท่ีพระครสู ังฆวิชยั ได้
เปน็ ผูต้ ง้ั ตำคอยตำมดู แลเหน็ เป็นแต่โอโคลงไปโคลงมำ เทียนกต็ ดิ ลกุ แวบวำบไปจนสุดสำยตำเลยหน้ำวดั ระฆัง
ก็ยงั ไมด่ บั

และท่ำนเข้ำบ้ำนแขก บำ้ นจีน สวนใหญๆ่ เดนิ ได้สบำยไม่ต้องเกรงสนุ ัขท่ีเขำเล้ยี งนอนขวำงทำง ท่ำนตอ้ งก้มให้
สนุ ัข แล้วยกมอื ขอทำงเจ้ำสุนัข ว่ำขอดิฉันไปสกั ทีเถดิ จะ๊ แลว้ ก้มหลกี ไป ไม่ขำ้ มสุนัข จะดุเท่ำดุอย่ำงไร จะเปน็
สนุ ขั ฝรัง่ หรอื สนุ ขั ไหหลำก็ไม่แห้ ไม่เหำ่ ท่ำน นอนดทู ำ่ นทำแตต่ ำปรบิ ๆ มองๆ เท่ำนั้น โดยสุนขั ทปี่ ำกเปรำะๆ ก็
ไม่เหำ่ ไมห่ ้ำมทำ่ น

ครง้ั หนึ่ง สมโภชพระรำชวังบนเขำมไหสวรรค์ เมอื งเพชรบุรี สังฆกำรีวำงฎกี ำท่ำนไปเรอื ญวน ๔ แจว ออกทำง
ปำกนำ้ บำ้ นแหลม เวลำน้ันทะเลเป็นบำ้ คล่นื ลมจดั มำก ชำวบ้ำนอ่ำวบ้ำนแหลมช่วยกนั ร้องห้ำมว่ำ เจำ้ ประคุณ
อยำ่ ออกไป จะล่มตำย ท่ำนตอบไปวำ่ ไปจ๊ะ ไปจ๊ะ ท่ำนออกยนื หน้ำเกง๋ เอำพัชนีใบตำลโบกแหวกลมหนำ้ เรอื ลูก
คล่นื โตกว่ำเรอื ท่ำนมำก บงั เรือมิด แตท่ ำงหน้ำเรอื คลน่ื ไม่มี ลมก็แหวกทำงเท่ำกบั แจวในลำทอ้ งรอ่ ง น้ำเรียบ

52

แต่นำ้ ข้ำงๆกระเซ็นบำ้ ง เพรำะคลื่นเขำ้ ขำ้ งเรือท้ังสองโตเปน็ ตลง่ิ ทีเดยี ว พระธรรมถำวรเล่ำว่ำ เวลำนัน้ ท่ำนเป็น
พระครปู ลดั ไปกบั ทำ่ นด้วย ไดเ้ หน็ นำ่ อัศจรรย์ ใจทำ่ นหำยๆ ดไู ม่ร้จู ะคิดเกำะเก่ยี วอะไร สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์
ทำ่ นยนื โบกพดั เฉย คนก็แจวเฉยเป็นปกติ จนเขำ้ ปำกนำ้ เมอื งเพชร ท่ำนจงึ เข้ำเก๋งเอนกำย ชำวปำกอ่ำวเมอื ง
เพชรเกรงบำรมีสมเด็จท่ำนมำก ยกมอื ท่วมหัว สรรเสริญคณุ สมบตั ขิ องสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ตลอดจน
เจ้ำขนุ นำงท่ตี ำมเสด็จครำวน้ันวำ่ เจำ้ พระคุณสำคัญมำก แจวฝ่ำคลนื่ ลมกลำงทะเลมำไดต้ ลอดปลอดโปร่ง
ปรำศจำกอุทกอนั ตรำย

สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ว่ำงรำชกำรและวำ่ งเทศนำ ท่ำนก็อตุ สำ่ ห์ใหค้ นโขลกปูนเพชรผสมผงและเผำลำน
โขลกกระดำษวำ่ วเขียนยันต์อำคมต่ำงๆ โขลกปนกนั ไป จดั สร้ำงเปน็ พระพิมพผ์ ง

ในปีฉลู สัปตศก ๑๒๒๗ ปนี นั้ เอง สมเด็จพระปวเรนทรำเมศรม์ หิศเรศร์รังสรรค์ พระปน่ิ เกล้ำเจ้ำอยหู่ ัว ในพระ
บวรรำชวัง (วงั หน้ำ) เสดจ็ สวรรคต ในพระทน่ี ั่งอศิ เรศร์ ณ วนั …. เดือนยี่ เปน็ ปีท่ี ๑๕ ในรัชกำลที่ ๔ เถลิง
รำชย์ ได้อุปรำชำภิเษก ๑๔ ปี กบั ๓ เดอื น พระชนม์ ๕๗ กบั ๔ เดือน ประกอบโกศต้ังบนพระเบญจำ ในพระ
ทน่ี ่ังอศิ เรศร์ฯ น้ัน

สมเด็จพระจอมเกลำ้ ฯ เสดจ็ บำเพ็ญพระรำชกุศลทักษณิ ำนุปทำนในพระบวรศพ แตพ่ อเสดจ็ ถงึ พระทวำร พระท่ี
นงั่ นน้ั พวกพระสวดพระอภิธรรม ๘ รปู ทำ่ นตกใจ เกรงพระบรมเดชำนุภำพ ท่ำนลุกว่งิ หนีเขำ้ แอบในพระวิสูตร
(มำ่ น) ที่ก้นั พระโกศ ทรงทรำบแล้วกร้ิวใหญ่ แหวๆ ว่ำ ดูซิ ดูซิ ดูถูกข้ำ มำเห็นข้ำเปน็ เสือ เป็นยักษ์ เอำไวไ้ มไ่ ด้
ต้องใหม้ ันสึกให้หมด รับสง่ั แลว้ ทรงพระอักษรถึงสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ส่งให้พระธรรมเสนำ (เนยี ม) นำ
ลำยพระรำชหัตถเลขำมำถวำยสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) วดั ระฆัง ครั้นสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) รบั จำกสังฆ
กำรีมำอำ่ นดูแล้ว ท่ำนก็จุดธูป ๓ ดอก แลว้ จ้ที ก่ี ระดำษว่ำงๆ ลำยพระหตั ถน์ ้ัน ๓ รู แล้วส่งให้พระธรรมเสนำ
นำมำถวำยคนื ในเวลำน้นั ฯ คร้ันพระธรรมเสนำทูลเกลำ้ ถวำย ทรงทอดพระเนตรเหน็ รูกระดำษไหม้ไมล่ ำมถึง
ตวั หนังสือ ก็ทรงทรำบธรรมปฤษณำ จงึ รับสง่ั วำ่ ออ้ ท่ำนใหเ้ รำดับรำคะ โทสะ โมหะ อันเปน็ ไฟ ๓ กอง งดที
งดที เอำเถอะๆ ถวำยท่ำน พระธรรมเสนำไปเอำตัวพระสวดมำน่ังประจำท่ีใหห้ มด แลว้ ทรงแนะนำส่งั สอน
ระเบยี บจรรยำในหน้ำพระท่นี ั่ง ให้พระรูร้ ะเบยี บรับเสดจ็ แต่น้ันมำจนถงึ ทกุ วนั นฯ้ี

ครน้ั ถงึ เดอื น ๑๑-๑๒ ลอยกระทงหลวง เสด็จลงประทบั บนพระท่ีน่ังชลงั คะพมิ ำน (ตำหนักแพ) พร้อมด้วยฝ่ำย
ในเป็นอันมำก สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) แจวเรอื ข้ำมฟำกฝำ่ ริ้วเข้ำมำ เจ้ำกรมเรอื ตั้งจับเรือแหกทุ่น รบั ส่ัง
ถำมว่ำเรอื ใคร เจ้ำกรมกรำบบงั คมทูลพระกรุณำว่ำ เรือสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) รบั ส่งั ว่ำ เอำเข้ำมำน่ี ครนั้
เจำ้ กรมเรือ (ดั้ง) นำเรือสมเด็จฯ เขำ้ ไปถวำย นมิ นต์ใหน้ ั่งแล้วรบั สั่งว่ำไปไหน ทลู ขอถวำยพระพร ตงั้ ใจมำเฝ้ำ
ทำไมถึงเปน็ สมเดจ็ เจ้ำแล้ว เหตใุ ดตอ้ งแจวเรือเอง เสยี เกียรติยศแผ่นดิน ทูล ขอถวำยพระพร อำตมภำพทรำบ
วำ่ เจ้ำชีวติ เสวยน้ำเหลำ้ สมเด็จเจ้ำกต็ อ้ งแจวเรือ ออ้ จริง จริง กำรกินเหลำ้ เปน็ โทษ เปน็ มูลเหตุใหเ้ สอื่ มเสีย
เกยี รติยศแผน่ ดนิ ใหญ่โตทีเดียว ตั้งแต่วนั นี้ไป โยมจะถวำยพระคณุ เจำ้ จักไม่กนิ เหล้ำอีกแลว้ สมเดจ็ พระพฒุ ำ
จำรย์เลย ยะถำสัพพี ถวำยอติเรก ถวำยพระพรลำ รับส่ังให้ฝพี ำยเรือดั้งไปสง่ ถึงวัดระฆัง

53

เรือ่ งรำวที่สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) กระทำ และเกี่ยวข้องกบั สมเดจ็ พระเจำ้ แผ่นดินสยำม ตำมท่ีมีผู้เล่ำบอก
ออกควำมใหฟ้ ังน้ันหลำยร้อยเรอื่ ง ได้เลอื กคัดจดลงแต่เรอื่ งทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ก่ผู้อำ่ นผู้ฟัง จะเปน็ หติ ำนุหติ
สำรประโยชนแ์ ก่บคุ คลชั้นหลังๆ ทนี่ บั ถือสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) และจะไดป้ ระกอบเกียรตคิ ุณของท่ำนไวใ้ ห้
เปน็ ท่ีระลกึ ของคนชั้นหลงั ๆ จะยกข้ึนเล่ำให้เป็นเรอื่ งหลักฐำนบำ้ ง พอเปน็ ควำมดำริตำมภูมริ ู้ภูมเิ รยี น ภูมิ
ปัญญำของสตุ วำชน สตุ ะถำมะชน ธัมมฑังสกิ ชน เพ่ือผู้แสดงควำมรู้ ใครเปน็ พหสู ูต ออกควำมเหน็ เทยี บเคยี ง
คดั ข้ึนเจรจำโตต้ อบกนั บคุ คลท่ใี ครแ่ สดงตนว่ำช่ำงพูด ถ้ำหำกว่ำอ่ำนหนงั สอื น้อยเรอ่ื ง หรืออ่ำนแล้วไม่จำ หรือ
จำแลว้ ไม่ตริตรองตำม หรือ ตริตรองแล้วแตไ่ ม่วจิ ำรณ์ วิจำรณ์มบี ำ้ ง แต่ไม่มีญำณเคร่อื งรู้ผุดขน้ึ ก็เปน็ พหสู ตู
ไม่ได้ เพรำะขำดไร้เครื่องรู้ไม่ดูตำรำ เหตนุ ี้ทำ่ นจึงยกย่องบำรุงตำรำไว้มำก สำหรบั เปน็ เครื่องรู้เครื่องเหน็
เครอ่ื งเทยี บ เครื่องทำน เคร่ืองเรียนต่ำงๆ ไว้เปน็ ปริยตั ิศำสนำ แต่เรอ่ื งของสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) องค์น้ี
ไม่มีกวใี ดจะเรยี บเรยี งให้เปน็ เรอ่ื งรำวเลย เป็นแตเ่ ล่ำสู่กันฟัง พอหัวเรำะแก้รำคำญ คนละคำสองคำ แตไ่ ม่ใคร่
ตลอดเร่อื งสักคนเดียว ข้ำพเจ้ำจงึ อุตรอิ ตุ สำ่ หส์ ืบสำวรำวเรอื่ งของท่ำนรวบรวมไว้ แลว้ นง่ั เรียงเปน็ ตัวร่ำงเสีย
ครำวหนงึ่ ตรวจสอบอ่ำนทวนไปมำก็อีกครำวหน่ึง อ่ำนทำนแลว้ ขึ้นตัวหมกึ นึกรวบรัดเรื่องรำวของท่ำนไว้อกี
ครำวหนึ่ง กินเวลำช้ำนำนรำวๆ สองเดอื น ยังจะต้องเสนอเรอื่ งนต้ี อ่ เจำ้ นำยใหญๆ่ ใหท้ รงตรวจอีกกห็ ลำยวัน
จะต้องขออนุญำตสมุหก์ รมพระนครบำลกอ็ ีกหลำยวนั ต้องพมิ พ์จำ้ งอกี กห็ ลำยสบิ บำท กลำยเวลำด้วย

จะขอรวบรัดตดั ควำมเบ็ดเตล็ดของสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ออกเสยี บ้ำง จะบรรยำยเรียบเรียงไว้ แต่ข้อที่
ควรอำ่ น ควรฟัง ควรดำริ เป็นคติปัญญำบ้ำง แห่งละอนั พันละนอ้ ย ตอ่ ขอ้ ควำมหลัง ครง้ั แผน่ ดนิ สมเด็จพระ
ปรเมนทรม์ หำมงกฎุ พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หัว รัชกำลที่ ๔ น้ัน สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ท่ำน
ได้ประพฤติคุณงำมควำมดี ดำรงตบะเดชะช่ือเสียงกระเดื่องเฟ่อื งฟ้งุ มำในรำชสำนักก็หลำยประกำร ในสงฆ์
สำนักกห็ ลำยประกำร จนท่ำนมีคนนบั ถอื ลือชำปรำกฏ ตลอดส้นิ แผ่นดินรชั กำลที่ ๔ เมอ่ื ณ วันพฤหสั บดี ขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง สัมฤทธศิ ก จลุ ศักรำช ๑๒๓๐ เวลำยำม ๑ กบั ๑ บำท สริ ิพระชนม์ ๖๔ เสวยรำช
สมบตั ิได้ ๑๗ ปี กบั ๖ เดอื น ๑๔ วนั อำยสุ มเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ได้ ๘๑ ปี รบั ตำแหนง่ สมเด็จพระพุฒำ
จำรย์มำได้ ๔ ปี ส้นิ รัชกำลท่ี ๔ นี้

ครน้ั ถงึ รัชกำลที่ ๕ คือ สมเด็จพระปรมินทรมหำจฬุ ำลงกรณ์ พระบำทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้ำเจ้ำอยู่หวั ขึ้นเถลิง
รำไชยสรุ ยิ สมบัติ เป็นบรมกษัตรยิ ์ครอบครองสยำมรัฐอำณำจกั ร ในเดอื น ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ วันพุธ ปีมะโรง
ศกนัน้ พง่ึ เจริญพระชนมำยุได้ ๑๕ ปี ๗ เดือน ๙ วนั

สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ท่ำนจดุ เทียนเลม่ ใหญ่ เขำ้ ไปในบ้ำนสมเดจ็ เจำ้ พระยำมหำศรีสุรยิ วงศ์ (ช่วง) คอื
สมเดจ็ พระประสำท ผู้สำเร็จรำชกำรแผน่ ดิน สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) เอำคัมภีร์หนบี รกั แร้ ตำลปตั รทำหำง
เสอื จดุ เทียนเล่มใหญ่เข้ำไปทบ่ี ำ้ น สมเด็จพระประสำทในเวลำกลำงวนั แสกแสก เดินรอบบำ้ นสมเด็จพระ
ประสำท (คลองสำร) สมเดจ็ พระประสำทอำรำธนำขึน้ บนหอนงั่ แล้วว่ำ โยมไม่ส้มู ดื นกั ดอกเจำ้ คุณ อนงึ่ โยมน้ีมี
ใจแน่นแฟ้นในพระพุทธศำสนำแนน่ อนม่นั คงเสมอ อน่ึงโยมทะนบุ ำรุงแผ่นดนิ โดยเทย่ี งธรรม และตั้งใจ
ประคบั ประคองสนองพระเดชพระคณุ โดยตรง โดยสุจริต คดิ ถงึ ชำติและศำสนำ พระมหำกษตั ริย์เปน็ ทต่ี ง้ั ตรง
อยู่เป็นนิตย์ ขอเจำ้ คณุ อย่ำปริวิตกใหย้ งิ่ กวำ่ เหตุ นมิ นตก์ ลับได้

54

ครั้งหน่ึง หม่อมช้นั เลก็ ตัวโปรดของสมเด็จพระประสำทถึงอนิจกรรมลง สมเด็จพระประสำทรกั หม่อมชั้นมำก
ถึงกบั โศกำไมค่ อ่ ยสร่ำง จึงใช้ทนำยให้ไปอำรำธนำสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) วัดระฆัง ไปเทศนด์ บั โศก ใหท้ ำ่ น
ฟัง ทนำยกไ็ ปอำรำธนำว่ำ ฯพณฯ หวั เจ้ำทำ่ นใหอ้ ำรำธนำพระเดชพระคณุ ไปแสดงธรรมแกโ้ ศก ให้ ฯพณฯ ทำ่ น
ฟังขอรับกระผมในวันนี้ เพลแล้วขอรบั กระผม สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) รบั ว่ำ จ๊ะ เรื่องเทศน์แก้โศกนัน้ ฉนั
ยนิ ดีเทศน์นกั จ๊ะ ฉนั จะไปจ๊ะ ครนั้ ถงึ เวลำ สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ก็ลงเรอื กรำบสี ไปถึงบำ้ นสมเดจ็
เจ้ำพระยำมหำศรสี รุ ิยวงศ์ น่งั ทบี่ ญั ญัติพำสน์ ฝ่ำยสมเด็จเจ้ำพระยำฯ ก็ออกรบั สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต)
ปฏสิ นั ถำรแล้วจุดเทียน สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ข้นึ ธรรมำสน์ ให้ศีลบอกศักรำช แลว้ ถวำยพร แล้วเริ่ม
นกั เขปบทเป็นทำนองเส้นเหล้ำในกณั ฑช์ ชู กว่ำ "ตะทำกำลิงคะรฏั เฐ ทนุ นะวิฏฐะพรำหมณวำสี ชชู โกนำมพรำหม
โณ ฯลฯ ตัสสอทำส"ิ แปลควำมว่ำ "ตะฑำกำเล ในกำลเม่อื สมเดจ็ พระบรม สองหนอ่ ชินวงศ์วิศนเุ วทฯ ว่ำควำม
พระคลงั ท่สี มเด็จพระประสำทแต่งขน้ึ น้นั พอกลำ่ วถึงกำเนดิ ชชู กของทำ่ นว่ำ ผกู ขน้ึ ใหม่ ขบขันคมสันมำกกวำ่
ควำมพระคลัง เพรำะแหล่นอกแบบ ต้องขำอยู่เอง และแลเหน็ ควำมเป็นจริงเสยี ด้วย ครำวน้ีสมเด็จพระ
ประสำทกย็ ิม้ แปน้ พวกหม่อมๆ เหลำ่ นนั้ และคนผใู้ หญ่ ผ้หู ญิง ผู้เดก็ ทนำย ข้ำรำชกำร ฟังเป็นอันมำก ก็พำกัน
ยมิ้ แปน้ ทุกคน พอถึงแหลข่ อทำน แหลท่ วงทอง แหลพ่ ำนำง ครำวนี้ถึงกับหัวเรำะกันท้องคัดทอ้ งแข็ง ถึงกับ
เย่ียวรดเยี่ยวรำดกม็ บี ำ้ ง ส่วนสมเด็จเจำ้ พระยำกห็ ัวเรำะ ถึงกับออกวำจำว่ำสนกุ ดีจริง ขนุ นำงและทนำยหน้ำหอ
พนกั งำนเหลำ่ น้นั ลมื เกรงสมเด็จพระประสำท สมเด็จพระประสำทก็ลมื โศกถึงหม่อมเล็ก ต้งั กองหัวเรำะก๊ิกก๊ำก
ไปทงั้ บำ้ น เทศนไ์ ปถึงแหลย่ งิ แหลเ่ ชญิ แหล่นำทำง แหลจ่ บ ก็จบกัน ลงท้ำยเหนอ่ื ยไปตำมๆ กนั รุง่ ขึน้ ท่ีบำ้ น
นั้นก็พูดลอื กันแต่ชูชก สมเด็จเทศน์ ฝำ่ ยสมเด็จพระประสำทก็ลืมโศก ชกั คยุ แต่เร่ืองควำมชูชกตรงนั้นผู้น้นั ๆ
แต่ง ไมม่ ีใครร้องไห้ถึงหม่อมเลก็ มำนำน

ครัน้ ลว่ งมำอกี ปหี นึง่ สมเดจ็ พระประสำท จดั กำรปลงศพหม่อมเลก็ จงึ ใช้ใหท้ นำยไปนิมนต์สมเด็จฯ มำเทศนำ
อริยสจั หนำ้ ศพ ทนำยไปถึงสมเด็จฯ ท่ีวัด แลว้ ก็กรำบเรยี นว่ำ ฯพณฯ ใหอ้ ำรำธนำพระเดชพระคณุ ไปแสดง
ธรรมหนำ้ ศพพรงุ่ นี้ เพลแล้ว ขอรับกระผม.

ตอนที่ ๑๐

ฝ่ำยสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ท่ำนจึงถำมว่ำ จะใหฉ้ นั เทศนเ์ รอ่ื งอะไรจ๋ำ ทนำยลืมคำอริยสัจเสยี ไพลไ่ ปอวด
ดีเรียนทำ่ นว่ำ ใหเ้ ทศน์เร่อื ง ๑๒ นกั ษัตร สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) แจง้ ชัดแล้วว่ำเขำลืม และท่ำนกย็ ้มิ แล้ว
รบั วำ่ ๑๒ นักษตั รน้นั ฉันเทศนด์ นี กั จะ้ ไปเรียนท่ำนเถิดว่ำ ฉันรบั แล้วจ้ะ

คร้ันถึงวันกำหนดกำรตงั้ ศพหม่อมเล็ก สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) กไ็ ปถึงบ้ำน ฯพณฯ ทำ่ นข้ึนบนหอ พอ
สมเดจ็ เจ้ำพระยำออกหน้ำมขุ ขุนนำงเจ้ำนำยทเ่ี ขำ้ ฝำกตัว แลจนี เถำ้ แก่ เจ้ำสัว เจ้ำเมืองปักษ์ใต้ฝำ่ ยเหนือมำ
ประชุมในงำนนี้มำก สมเดจ็ พระประสำททำยทกั ปรำศรยั บรรดำผ้ทู ่มี ำ แลว้ เขำ้ กระทำอัญชลี สมเด็จพระพฒุ ำ
จำรย์ (โต) แล้วท่ำนกล่ำวชักชวนบรรดำผู้ท่ีมำนั้นใหช้ ว่ ยกนั ฟงั เทศน์แล้ว สมเด็จพระประสำทจดุ เทียน

55

ธรรมำสนเ์ บิกธรรมะ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ใหศ้ ีล บอกศกั รำช ขอเจริญพระเสร็จแล้ว ท่ำนก็เริม่ เทศน์
กลำ่ วนกิ เขปคำถำบทตน้ ขึ้นว่ำ มูสิโก อุสโภ พยัคโฆ สะโส นำโค สัปโป อสั โส เอฬโก มกั กุโฏ สนุ ักโข สกุ โร
สงั วัจฉโร ติวุจจเตติ ท่ำนแปลขน้ึ ทีเดียวว่ำ ชวด หนู ฉลู วัว ขำล เสือเถำะ กระต่ำย มะโรง งูใหญ่ มะเสง็ งูเลก็
มะเมีย ม้ำ มะแม แพะ วอก ลิง ระกำ ไก่ จอ หมำ กนุ หมู น่ีแหละ เป็นชื่อของปี ๑๒ เป็นสตั ว์ ๑๒ ชนิด โลก
บญั ญัตใิ ห้จำง่ำย กำหนดง่ำย ถำ้ ไม่เอำสัตว์ ๑๒ ชนิดมำขนำนปี กจ็ ะไมร่ ูป้ ี กีร่ อบ

ทนี สี้ มเดจ็ เจ้ำพระยำ แลไปดทู นำยผไู้ ปนิมนต์ ขึงตำค้อนไปคอ้ นมำ ทำท่ำจะเฆยี่ นทนำยผู้ไปนิมนต์ ผิดคำสั่งของ
ทำ่ น สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ชแ้ี จงอยดู่ ้วยเรอ่ื ง ๑๒ นักษัตรง่วนอยู่ ทำ่ นร้ใู นกิริยำอำกำรของสมเด็จ
เจ้ำพระยำว่ำไม่พอใจทนำยในกำรเปลีย่ นแปลงคำส่ัง คำบัญชำกำร ทำ่ นจึงย้อนเกร็ด กล่ำวคำทับ ๑๒ สตั ว์ ให้
เปน็ อรยิ สจั จธรรมข้ึนว่ำ ผู้นมิ นตเ์ ขำดี มคี วำมฉลำด สำมำรถจะทรำบประโยชน์แห่งกำรฟงั ธรรม เขำจึงขยำย
ธรรมออกไปให้กว้ำงขวำง เขำจึงนิมนต์รูปให้สำแดง ๑๒ นักษัตร ซึง่ เปน็ ตน้ ทำงพระอริยสัจจ์ พระอรยิ สัจจน์ ้ี
ลำ้ ลึกสขุ ุมมำก ยำกท่ีผู้ฟังเผินๆ ถำ้ จะฟงั ให้รู้ ให้เขำ้ ใจจรงิ ๆ แล้ว ตอ้ งรู้นำมปีที่ตนเกิด ให้แน่ใจกอ่ นวำ่ ตนเกิด
แต่ปชี วดถึงปีชวด และถึงชวดอีก เป็น ๓ ชวด ๓ หนู รวมเป็นอำยทุ ต่ี นเกดิ มำนน้ั คดิ รวมได้ ๒๕ ปี เป็นวนั ที่
๑ เรียกวำ่ ปฐมวัย ในปฐมวยั ตน้ ชั้นนี้ กำลงั แข็งแรง ใจกก็ ลำ้ หำญ ควำมทะยำนก็มำก ควำมอยำกกก็ ล้ำ ถ้ำเป็น
ลกู ผู้ดีมีเงนิ มหี น้ำที่ประกอบกิจกำรงำน มีท่พี งึ่ พักองิ สถำนที่อำศัย ถำ้ เปน็ ลูกพลคนไพรไ่ รท้ รพั ย์ กับไมม่ ีที่
พึง่ พำอำศยั สนบั สนุนค้ำจุน ซำ้ เปน็ ผมู้ สี ตปิ ัญญำน้อย ด้อยอ่อนในกำรเรียนกำรรู้ ครำวนี้กท็ ำหนำ้ เศร้ำสลด
เสียใจ แค้นใจตัวเองบำ้ ง แค้นใจบดิ ำมำรดำ หำวำ่ ตั้งฐำนะไวไ้ มด่ ี จึงพำเขำลำบำก ตกทุกขไ์ ดย้ ำกต้องเปน็ หนี้
เป็นข้ำ อำยยุ ี่สิบห้ำแล้วยังหำชิน้ ดอี ะไรไมไ่ ด้ ครำวนี้ชำตทิ ุกขใ์ นพระอรยิ สัจจ์เกดิ ปรำกฏแก่ผไู้ ดท้ กุ ข์เพรำะชำติ
ควำมเกดิ ครำวนี้ ยงั มอี ีก คนหนง่ึ เกดิ ขึน้ ในปีฉลู แล้วถึงฉลอู ีก แล้วถึงฉลอู กี รวม ๕ รอบ นับไปดจู ึงร้วู ่ำ ๖๐
ปี จงึ รตู้ ัววำ่ แก่ คนในปนู ชรำ ตำกม็ ัว หวั กม็ ึน หกู ็ตึง เสน้ เอน็ ก็ขดั ทอ้ งไสก้ ฝ็ ืด ผะอดื ผะอม ทนี ี้ควำมตงดิ วำ่
เรำรู้ตงิด แก่ เรำชรำอำยถุ ึงเท่ำนี้ๆ เปน็ สว่ นเข้ำใจว่ำ ชรำทกุ ขถ์ ึงเรำเขำ้ แลว้ จะกำหนดไดก้ เ็ พรำะรจู้ ักชื่อปเี กดิ
ถ้ำไม่รู้ชอ่ื ปีเกิดกไ็ มร่ ูต้ ัวว่ำแก่เทำ่ นนั้ เอง เพรำะใจอนั เป็นอพั ยำกฤตจติ ไมร่ ้แู ก่ ไมร่ ู้เกิด จะรไู้ ดก้ ต็ ้องตนกำหนด
หมำยไวจ้ ึงรู้ กำรทีจ่ ะกำหนดหมำยเล่ำ ก็ต้องอำศยั จำปเี กดิ เดือนเกดิ วันเกดิ ของตนกอ่ น จึงจะกำหนดทุกข์ให้
เข้ำใจเป็นลำดบั ปไี ป เหตุนจ้ี งึ กล่ำวว่ำ ๑๒ นกั ษตั ร เป็นต้นทำงของพระอรยิ สจั จ์ ถ้ำไม่เดินต้นทำงก่อน กจ็ ะเป็น
ผหู้ ลงทำง ไปไมถ่ ูกท่ีหมำยเท่ำนัน้ แลว้ ท่ำนจงึ สำแดงพระอรยิ ธรรม ๔ สัจจ์ โดยปรยิ ำยพิจติ รพสิ ดำร

พระอรยิ สัจจ์ทีท่ ่ำนแสดงในครัง้ นั้น มีผไู้ ดจ้ ำนำลงพมิ พ์แจกกันอ่ำนครง้ั หน่ึงแล้ว ในประวตั เิ รอื่ งนีจ้ ะไมม่ ีเทศน์
เพรำะไม่ประสงคจ์ ะสำแดงพระอรยิ สจั จ์ ประสงค์จะเขียนแต่ประวตั ขิ ้อที่ว่ำผูน้ มิ นตล์ ืมคำสง่ั สมเดจ็ เจ้ำพระยำ
ไพล่ไปบอกสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ว่ำเทศนำ ๑๒ นักษตั ร ท่ำนจึงวสิ ชั นำตำมคำนิมนต์ คร้นั ทำ่ นเห็นไม่
ชอบกล นำยจะลงโทษบำ่ วฐำนเปล่ียนแปลงคำสั่งคำบัญชำ ท่ำนจึงมคี วำมกรณุ ำ เทศน์ยกยอ่ งคำผดิ ของบ่ำวข้นึ
ใหเ้ ป็นควำมดี จงึ เทศนำว่ำ ๑๒ นกั ษัตร ๑๒ ปีน้ี เปน็ ตน้ ทำงของพระอริยสัจจ์ ควรบคุ คลจะรูก้ ่อน รวมควำม
ว่ำ ทำ่ นเทศนท์ กุ ขสัจจแ์ ลว้ เทศนส์ มุทยั อริยสจั จ์ แลว้ เทศน์มรรคอรยิ สจั จ์ จบลงแล้ว ใจสมเด็จเจำ้ พระยำก็ผอ่ ง
แผ้ว ไม่โกรธทนำยผ้นู ิมนตพ์ ลำด ทนำยคนนั้นรอดไป ไม่ถูกดำ่ ไม่ถูกเฆ่ียน เป็นอนั แล้วไป

56

ครนั้ เข้ำฤดูบวชนำค ท่ำนก็บวชนำคเสมอทุกวัน มผี ู้เล่ือมใสนมิ นตส์ มเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) นงั่ ที่พระ
อุปชั ฌำย์ และท่ำนไดป้ ระทำนบรรพชำอปุ สมบทแกห่ ม่อมเจ้ำทสั อนั เป็นพระบุตรสดุ พระองค์ ในพระรำชวงศ์
วงั กรมหลวงเสนียบ์ รริ ักษ์ ก็ทรงพระผนวชในสำนกั สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) วัดระฆัง หมอ่ มเจำ้ พระทัส
พระองค์น้ี ภำยหลังได้เป็นพระรำชำคณะที่หม่อมเจ้ำพระพุทธบำทปิลนั ทน์ ภำยหลงั ได้เลือ่ นขึน้ เปน็ หมอ่ มเจ้ำ
พระธรรมเจดีย์ เจำ้ อำวำสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลำรำม (วัดโพธิ์) พระนคร หมอ่ มเจำ้ พระธรรมเจดีย์ (ทสั )
พระองคน์ ี้ไดท้ รงเปน็ พระอุปัชฌำย์ผู้เรยี บเรยี งเร่ืองนี้ด้วย ภำยหลังทรงเลือ่ นจำกพระธรรมเจดยี ์ ข้ึนเป็นหมอ่ ม
เจ้ำพระสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ วัดโพธ์ิ (เชตุพน) รับพระสุพรรณบัฏในรชั กำลที่ ๕ กรุงเทพพระมหำนคร

ครน้ั สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ชรำภำพมำกแลว้ ทำ่ นไปไหนมำ เผอญิ ปวดปัสสำวะ ท่ำนออกมำปสั สำวะกรรม
หลงั เก๋งข้ำงท้ำย แล้วโยงโย่โก้งโคง้ ข้ำมพนกั เก๋งเรือกลับเข้ำไปในเก๋ง พอถงึ กลำงพระองค์ จำเพำะคนทำ้ ยท้ัง ๔
ออกแรงกระทมุ่ แจวพรอ้ มกันส่งท้ำยเข้ำ สมเด็จท่ำนยันไม่อย่เู พรำะชรำภำพมำก เลยล้มลงไปหนำ้ โขกกระดำน
เรอื ปำกเจ่อ ท่ำนก็ไม่โกรธไม่ดำ่ ท่ำนอตุ สำ่ ห์ขยับลอดศีรษะออกจำกเกง๋ เหลียวหลงั ไปว่ำกับคนทำ้ ยว่ำ พ่อจำ๋
พ่ออยำ่ เข้ำใจว่ำพ่อมีแรงแต่พ่อคนเดียวหนำจ๋ำ คนอน่ื เขำจะมแี รงยิ่งกว่ำพ่อกค็ งมีจะ๊ ว่ำแลว้ กย็ งโยก่ ลับเขำ้ เก๋ง
ไปจำวดั อกี ครำวนี้หมอ่ มรำชวงศ์เจริญ บุตรหมอ่ มเจ้ำทัพ ในกรมเทวำฯ เป็นศิษย์นั่งหนำ้ เกง๋ ไปด้วยจงึ ได้ยนิ
หมอ่ มรำชวงศ์องค์นี้ภำยหลงั ได้เป็นสำมเณร เป็นหมอ่ มรำชวงศ์สำมเณรเปรยี ญ ๖ ประโยค ภำยหลังได้
อุปสมบทในสำนกั หม่อมเจ้ำพระพทุ ธบำทปิลนั ทน์ ภำยหลงั เลือ่ นเปน็ พระรำชำคณะ ท่ีพระรำชพัทธ เจำ้ อำวำส
วดั ท้ำยตลำด ภำยหลังเล่อื นเป็นเจ้ำอำวำสวดั ระฆัง ภำยหลงั เลื่อนเปน็ หมอ่ มรำชวงศพ์ ระพมิ ลธรรม ภำยหลัง
เล่ือนเปน็ สมเด็จพระพุทธโฆษำจำรย์ วดั ระฆัง รบั พระสุพรรณบฏั ทุกครำวในรัชกำลท่ี ๕

ตอ่ ไปนจ้ี ะได้กลบั กลำ่ วถึงสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) อีกว่ำ คร้นั ถงึ ปมี ะเมยี โทศก จลุ ศกั รำช ๑๒๓๒ เปน็ ปีท่ี
๓ ในรชั กำลที่ ๕ กรุงเทพฯ ทีบ่ ้ำนสมเดจ็ เจ้ำพระยำมหำศรีสรุ ยิ วงศ์ (ช่วง) มกี ำรประชุมนักปรำชญท์ กุ ชำติ ทุก
ภำษำ ล้วนเปน็ ตัวสำคัญๆ รอบรกู้ ำรศำสนำของชำตินัน้ สมเดจ็ เจำ้ พระยำ ให้ทนำยอำรำธนำสมเดจ็ พระพุฒำ
จำรย์ (โต) ไปแสดงเผยแผ่ควำมรู้ในส่งิ ท่ีถูกท่ชี อบ ด้วยกำรโลกกำรธรรมในพุทธศำสนำอกี ภำษำหนึง่ ในชำติ
ของสยำมไทย คร้ันสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ ยนิ คำอำรำธนำ จงึ รับส่ังว่ำ ฉนั ยินดีแสดงนกั ในข้อเขำ้ ใจ ทนำย
กลบั ไปกรำบเรียนสมเด็จพระประสำทว่ำ สมเดจ็ ฯ ท่ีวัดรับแสดงแล้ว ในเรือ่ งแสดงให้รู้ควำมผดิ ถูกท้ังปวงได้

พอถึงวนั กำหนด สมเดจ็ ฯ ที่วดั ระฆังกไ็ ปถึง นักปรำชญ์ทั้งหลำยยอมใหน้ ักปรำชญ์ของไทยออกควำมเหน็ กอ่ น
ในท่ปี ระชมุ ปรำชญแ์ ละขุนนำงท้ังปวงก็มำฟังประชุมด้วย สมเด็จพระประสำทจึงอำรำธนำสมเด็จฯ ทว่ี ดั ระฆัง
ขึ้นบัลลงั ก์ แลว้ นมิ นต์ใหส้ ำแดงทเี ดยี ว

สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ก็ออกวำจำสำแดงขึ้นว่ำ พิจำรณำ มหำพจิ ำรณำ พจิ ำรณำ มหำพจิ ำรณำ พจิ ำรณำ
มหำพจิ ำรณำพิจำรณำ มหำพิจำรณำพจิ ำรณำ มหำพิจำรณำพจิ ำรณำ มหำพิจำรณำพจิ ำรณำ มหำพิจำรณำ พงึ
ทุ้มๆ ครำงๆ ไปเท่ำนีน้ ำน กล่ำวพมึ พำสองคำนส้ี ักชั่วโมงหนึง่ สมเด็จพระประสำทลุกขนึ้ จตี้ ะโพกสมเด็จฯ ที่วัด
แลว้ กระซบิ เตือนว่ำ ขยำยคำอืน่ ให้ฟงั บำ้ ง สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ก็เปลง่ เสยี งดังข้ึนกว่ำเดิมอีกช้ันหนงึ่ ข้ึน

57

เสียงวำ่ พิจำรณำ มหำพจิ ำรณำพจิ ำรณำ มหำพิจำรณำพิจำรณำ มหำพิจำรณำพิจำรณำ มหำพิจำรณำพิจำรณำ
มหำพจิ ำรณำ ฯลฯ ว่ำอยูน่ ำนสกั หนึ่งช่วั โมงอีก สมเด็จพระประสำทลุกข้นึ มำจ้ตี ะโพกสมเดจ็ ฯ ทว่ี ัดอกี วำ่ ขยำย
คำอื่นใหเ้ ขำฟังรู้บ้ำงซิ สมเด็จฯ ทีว่ ดั เลยตะโกนดังกว่ำครั้งที่สองขึ้นอีกชน้ั หนึ่งว่ำ พิจำรณำ มหำพิจำรณำ
พจิ ำรณำ มหำพิจำรณำพจิ ำรณำ มหำพจิ ำรณำพิจำรณำ มหำพิจำรณำพิจำรณำ มหำพิจำรณำพิจำรณำ มหำ
พิจำรณำพจิ ำรณำ มหำพิจำรณำพจิ ำรณำ มหำพจิ ำรณำ อธิบำยว่ำ กำรของโลกกด็ ี กำรของชำตกิ ด็ ี กำรของ
ศำสนำกด็ ี กจิ ท่จี ะพงึ กระทำต่ำงๆ ในโลกก็ดี กจิ ควรกระทำสำหรบั ข้ำงหน้ำกด็ ี กจิ ควรทำใหส้ ิ้นธรุ ะท้ังปัจจุบนั
และข้ำงหนำ้ กด็ ี สำเรจ็ กจิ เรียบรอ้ ยดงี ำมได้ ดว้ ยกิจพจิ ำรณำเปน็ ชนั้ ๆ พิจำรณำเป็นเปลำะๆ เข้ำไปต้ังแต่หยำบๆ
และปูนกลำงๆ และช้ันสงู ชั้นละเอียด พิจำรณำให้ประณีตละเมยี ดเข้ำ จนถึงทีส่ ุดแหง่ เร่ือง ถงึ ที่สุดแห่งอำกำร
ให้ถงึ ท่ีสดุ แหง่ กรณี ใหถ้ งึ ท่ีสุดแห่งวธิ ี ให้ถงึ ท่สี ดุ แห่งประโยชน์ ยดื ยำว พจิ ำรณำให้รอบคอบท่วั ถงึ แล้ว ทกุ ๆ
คนจะร้จู กั ประโยชนค์ ุณเก้อื กลู ตน ตลอดทงั้ เม่อื นเ้ี ม่อื หน้ำ จะรู้ประโยชน์อย่ำงย่ิงได้ ก็ตอ้ งอำศัยกจิ พิจำรณำ
เลือกฟัน้ คน้ั หำของดี ของจริงเด่นเหน็ ชัด ปรำกฏแกค่ น กด็ ว้ ยกำรพิจำรณำของคนนั่นเอง ถ้ำคนใด สตนิ ้อย
ถ่อยปัญญำ พิจำรณำหำเหตุผล เร่ืองรำว กิจกำรงำน ของโลก ของธรรม แตพ่ น้ื ๆ กร็ ไู้ ด้พ้นื ๆ ถ้ำพจิ ำรณำด้วย
สติปัญญำเป็นอย่ำงกลำง ก็รู้เพยี งชั้นกลำง ถำ้ พจิ ำรณำด้วยสตปิ ญั ญำอันละเอยี ดลึกซ้งึ ในขอ้ น้นั ๆ อย่ำงสูงสุด
ไมห่ ลับหหู ลับตำ ไมง่ มงำยแล้ว อำจจะเหน็ ผลแกต่ น ประจักษ์แท้ แกต่ นเอง ดังปริยำยมำทุกประกำร จบที

ครนั้ จบแล้วทำ่ นลงจำกบัลลังก์ กไ็ มม่ นี ักปรำชญ์ชำติอืน่ ๆ ภำษำอื่นๆ มีแขกแลฝรั่งเป็นต้น กไ็ มอ่ ำจออกปำกขัด
คอ คัดค้ำนถ้อยคำของท่ำนสักคน อัดอนั้ ตู้หมด สมเดจ็ เจ้ำพระยำกพ็ ยักหน้ำ ให้หมูน่ กั ปรำชญใ์ นชำติท้ังหลำย
ทีม่ ำประชุมครำวนน้ั ใหข้ ้นึ บลั ลงั ก์ กต็ ่ำงคนต่ำงแหยง ไม่อำจนำออกแสดงแถลงในท่ีประชมุ ได้ ถงึ ต่ำงคนตำ่ ง
เตรียมเขียนมำกจ็ ริง แตค่ ำของสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ครอบไปหมด จะยักย้ำยโวหำร หรือจะอ้ำงเอำ
ศำสดำของตนๆ มำแสดงในทปี่ ระชุมเล่ำ เรอื่ งของตัวก็ชกั จะเกอ้ จะตำ่ จะขนึ้ เหนอื ควำมพิจำรณำทีส่ มเด็จฯ ท่ีวัด
ระฆังกล่ำวน้ันไมไ่ ด้เลย ลงนง่ั พยกั หนำ้ เก่ยี งให้กันข้ึนบัลลังก์ ใครก็ไม่อำจขึน้ สมเดจ็ พระประสำทเองกซ็ ึมทรำบ
ไดด้ ี เหน็ จรงิ ตำมปรยิ ำยของทำงพจิ ำรณำ รู้ได้ตำมชั้น ตำมภูมิ ตำมกำล ตำมบคุ คลที่ย่ิงและหยอ่ น ออ่ นและ
กลำ้ จะรไู้ ด้ก็ด้วยกำรพิจำรณำ ถ้ำไมพ่ จิ ำรณำ กห็ ำควำมรู้ไม่ไดเ้ ลย ถ้ำพจิ ำรณำต่ำ หรือนอ้ ยวนั พจิ ำรณำ หรือ
นอ้ ยพิจำรณำ ก็มีควำมร้นู อ้ ย หำ่ งควำมร้จู ริงของสมเด็จฯ ทว่ี ดั ทุกประกำร วันน้นั กเ็ ป็นอันเลิกประชุมปรำชญ์
ต่ำงคนต่ำงลำกลับ

ก็และสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) องค์นี้ พดู ธัมมัสสำกจั ฉำกนั ในที่สมภำรต่ำงๆ ถ้ำมีผู้ถำม ถำมขึน้ ว่ำ คำท่ี
เรยี กวำ่ นิพพำนๆ น้ัน บำงคนเป็นนกั แปล ก็แปลตำมศพั ท์ วำ่ ดับ บ้ำง ออกจำกเครื่องร้อยรัด บ้ำง แปลวำ่ เกดิ
แลว้ ไม่ตำยบ้ำง ตำยแล้วไม่มำเกดิ บ้ำง ดบั จำกกิเลสบำ้ ง ดบั ไม่มเี ศษเป็นนริ ินทพนิ ำสบ้ำง เลยไมบ่ อกถ่ินฐำน
เปน็ ทำงเดียวกนั จะยังกันและกนั ใหไ้ ด้ควำมรจู้ ักพระนพิ พำนเปน็ เงำๆ หรือรรู้ ำงรำงบ้ำงก็ทง้ั ยำก จึงพำกนั หำรือ
สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ในเร่อื งใคร่รจู้ กั นพิ พำน สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ทำ่ นว่ำทำ่ นกไ็ มร่ ้แู ห่ง แต่จะ
ช่วยชีแ้ จงอุปมำเปรยี บเทยี บใหร้ แู้ ละเข้ำใจเอำเอง ตำมเหตุแลผล เทยี บเทยี มไดบ้ ำ้ งว่ำ นิพพำนจะร้ไู ด้อย่ำงไร
ทำ่ นอปุ ไมยด้วยหญงิ สองคนพีน่ ้องจอ้ งคิดปรำรภปรำรมภ์อยู่แตก่ ำรมีผัว อุตส่ำหอ์ ำบน้ำทำขม้นิ นงุ่ ผ้ำใหม่ ผดั
หนำ้ หวผี มแปร้ กป็ ระสงค์ควำมรักให้เกดิ กบั ชำยผูแ้ ลเห็น จะได้มำส่ขู อเป็นสำมีเท่ำน้นั ครั้นล่วงมำกส็ บโชคสบ
ช่องของคนพ่สี ำว มีผู้มีชอื่ มหี น้ำมำขอ ได้ตกลงแต่งงำนร่วมห้องรว่ มหอกนั แล้ว หญิงผู้ท่ีเป็นนำงนอ้ งสำวก็มำ

58

เย่ียม แล้วต้ังหน้ำวิงวอนเซ้ำซ้ีซักถำมว่ำ พ่จี ๋ำ กำรทพี่ ่ีหลบั นอนกับผัวน้ัน มีรสมชี ำติครึกคร้นื สนุกสนำนชื่นบำน
เปน็ ประกำรใด จงบอกให้ฉันรบู้ ้ำง นำงพีส่ ำวกไ็ มร่ ู้แห่งจะนำควำมรื่นรมยส์ มสนทิ ดว้ ยสำมีน้ัน ออกมำตีแผ่
เปดิ เผยให้น้องสำวสม รูต้ ำม เห็นตำมในควำมรื่นรมยแ์ ห่งโลกสนั นวิ ำสได้ นำงพส่ี ำวกไ็ ด้แต่บอกว่ำ น้องมีผวั
บำ้ งนอ้ งจะรู้เอง ไม่ตอ้ งถำมเอำเรือ่ งกับพี่หรอก

ครั้นอยู่มำไมช่ ้ำนำน นำงผู้เป็นน้องสำวไดส้ ำมแี ล้ว ไปหำพ่ีสำวๆ ถำมว่ำกำรหลับนอนรมย์ร่นื ชน่ื ใจกบั ผวั นอ้ งมี
ควำมร้สู ึกว่ำเป็นเชน่ ไร ลองเล่ำบอกออกควำมให้พี่เข้ำใจบ้ำงซี แม่นอ้ ง นำงนอ้ งสำวฉอเลำะตอบพี่สำวทันทีว่ำ
พ่ีไม่ตอ้ งเยำะ ไม่ตอ้ งเยำะ และพน่ี ้องคนู่ ้นั กน็ ั่งสำรวล หัวเรำะกันตำมฐำนท่รี ู้รสสังวำสเสมอกนั ข้ออุปมำนฉ้ี นั
ใดก็ดี พระโยคำวจรกุลบตุ ร มคี วำมมุง่ หมำยจะออกจำกชำติจำกภพ เบ่ือหน่ำยโลกสันนวิ ำส เหน็ ว่ำเป็นหม้อตม้
หรอื เรอื นอันไฟไหม้ คิดจะออกจะหนใี ห้พน้ กท็ ำควำมพยำยำมแข็งขอ้ ถกเขมรจะเผ่นข้ำมใหพ้ น้ จำกหมอ้ ต้ม
สัตว์ และเรือนไฟอันไหมล้ ุกลำม ก็เตรียมตัวทำศลี ให้บรสิ ุทธ์ิ ปรำศจำกโทษเศร้ำหมอง ทำสมำธติ ั้งใจตรง จง
ใจทำสมถกมั มฏั ฐำน ทำปัญญำใหเ้ ป็นวิปสั สนำญำณอย่ำงยงิ่ ยอด ตัดสังโยชนใ์ ห้ขำดเด็ดแล้วด้วยมีดคมกล้ำ
กล่ำวคือ โคตรภูญำณ อนโุ ลมญำณ มรรคญำณ ทำชอ่ งให้เว้ิงว้ำงเห็นแสงสว่ำงปรำกฏ พระโยคำวจรกุลบุตรก็
กำหนดดวงจิต จิตวำงอำรมณว์ ำงสญั ญำ วำงอปุ ำทำนเคร่ืองยึดถอื ทำลำยเครื่องกัน้ ทงั้ ๕ ละวำงไดข้ ำด
ประกอบองค์ ๕ คอื วิตก วิจำร ปติ ิ สุข เอกัคคตำ ฟอกใจ ครำวน้ีกก็ อปรด้วยวสิ ทุ ธิ ๗ เมื่อวสิ ทุ ธิ ๗ ประกำร
ผุดขึ้นแล้ว พระโยคำวจรกุลบุตรก็มำละวติ ก ละวิจำร ละปติ ิ ละสขุ ละเอกัคคตำ เหลือแต่อเุ บกขำญำณ ดำเนิน
ไป อเุ บกขำญำณมีองค์ ๖ ประกำรเปน็ พื้น มโนธำตุกก็ ลำยเปน็ อัพยำกฤตไม่ติดบญุ ไมต่ ิดบำปตอ่ ไป จะยังมีลม
หำยใจหรือหมดลมหำยใจมโนธำตกุ ็ต้งั อยูต่ ำมตำแหน่ง ไมเ่ ข้ำสิงในเบญจขนั ธ์ตอ่ ไป เรยี กว่ำ ธรรมธำตุ
บริสุทธิ์จำเพำะตน เรียกว่ำ พระนพิ พำน ท่ำนผใู้ ดผถู้ ึงทำ่ นรู้กันว่ำเปน็ เอกนั ตบรมสุข ไมร่ ะคนปนด้วยทกุ ข์ตอ่ ไป
ทำ่ นไม่ตอ้ งซกั ถำมเซ้ำซ้ี เช่นหญงิ ทัง้ ๒ ดงั สำแดงมำ (จบสำกัจฉำ)

(จงตรติ รองตำมควำมเรียบเทียบแลกอปรธรรมะต่ำงๆ ตำมควำมแนะนำมำ ก็จะเห็นพระนิพพำนได้บ้ำง)

ในปลำยปีมะเมยี โทศก นมี้ ำ สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ไดม้ ีลำยลิขติ แจง้ แก่กรมสังฆกำรีวำ่ จะขอ
พระรำชทำนพระบรมรำชำนญุ ำตยกเปน็ สมเด็จพระรำชำคณะกติ ตมิ ศกั ด์ิ ด้วยเหตชุ รำทพุ พลภำพ ไมส่ ำมำรถ
รบั รำชกำรเทศนแ์ ลสวดฉันในพระบรมรำชวังได้ ไดท้ รงพระมหำกรุณำโปรดพระรำชทำนพระบรมรำชำนญุ ำต
ตกเปน็ พระมหำเถรกติ ติมศักดิ์ และได้ทรงพระมหำกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ สถำปนำหม่อมเจำ้ พระ (ทัส) ในกรม
สมเด็จพระรำชวังหลงั ข้นึ เป็นพระรำชำคณะรองเจ้ำอำวำส พระรำชทำนพระสุพรรณบฏั มีรำชทินนำมว่ำ หม่อม
เจำ้ พระพุทธบำทปลิ นั ทน์ มีฐำนำ ๓ รูป มนี ติ ยภตั รเดอื นละ ๑๖ บำท คำ่ ขำ้ วสำร / บำท เป็นผ้ชู ่วยบัญชำกำร
กิจกำรวดั ระฆังต่อไป

ฝ่ำยสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ต้ังแตไ่ ด้รบั พระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำต ปลดชรำยกเป็นสมเดจ็ พระรำชำ
คณะกติ ตมิ ศักด์ิแล้ว ทำ่ นก็คลำยอิสรยิ ยศ บรวิ ำรยศ แบกตำลปัตรเอง พำยเรือบิณฑบำตเอง จนเป็นทีค่ ุน้ เคย
กบั อกี ำ กำจับบำ่ กนิ อำหำรกับทำ่ น จนทำ่ นพดู กบั กำทป่ี ระตอู นงคลีลำ (ประดดู นิ ) กำตัวหนงึ่ บอกว่ำจะไปวดั

59

มหำธำตุ กำตัวหนง่ึ วำ่ จะไปท่ำเตียน สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ว่ำ ไปท่ำเตียนดกี ว่ำไปวัดมหำธำตุ เพรำะคน
เขำทิง้ หัวกุ้งหวั ปลำหมักหมมไวม้ ำก ที่วดั มหำธำตถุ ึงมีโรงครวั กจ็ ริง แต่ทว่ำคนเขำเก็บกวำดเสียหมดแล้วจะ้

เวลำจำวดั อยใู่ นกฏุ ิของท่ำนทว่ี ดั ระฆังน้นั เจ้ำขโมยเจำะพ้ืนกฏุ ิล้วงเอำข้ำวของท่ีวำงเกล่อื นไว้ เจำ้ หัวขโมยล้วง
ไม่ถึง ท่ำนก็เอำไม้เขย่ี ของนนั้ ๆ เข้ำไปให้ใกลม้ อื ขโมย เจ้ำขโมยลักเข็นเรือใต้กุฏิ ทำ่ นก็เปิดหนำ้ ตำ่ งสอนขโมย
วำ่ เข็นเบำๆ หนอ่ ยจะ้ ถ้ำดงั ไป พระท่ำนไดย้ ินเข้ำ ทำ่ นจะตีเอำเจบ็ เปล่ำจะ้ เขน็ เรอื บนแห้งตอ้ งเอำหมอนรอง
ขำ้ งท้ำยใหโ้ ด่งก่อนจ้ะ ถึงจะกลิ้งสะดวกดี เรือกไ็ ม่ชำ้ ไมร่ ่ัวจ้ะ เลยเจำ้ ขโมยเกรงใจไม่เข็นต่อไป

ครั้นเมือ่ นำงนำค บำ้ นพระโขนง เขำตำยท้งั กลม ปศี ำจของนำงนำคกำเริบ เขำลอื กนั ต่อมำว่ำ ปีศำจนำงนำคมำ
เปน็ รปู คน ช่วยผวั วิดนำ้ เข้ำนำได้ จนทำใหช้ ำยผู้ผัวมีเมียใหมไ่ ม่ได้ ปศี ำจนำงนำคเท่ยี วรังควำนหลอนหลอก คน
เดินเรือในคลองพระโขนงไม่ได้ ต้งั แตเ่ วลำเยน็ ตะวนั รอนๆ ลงไป ต้องแลเห็นปศี ำจนำงนำคเดินห่มผ้ำสีบ้ำง
โหนตวั บนตน้ โพธิ์ตน้ ไทรบำ้ ง พระสงฆ์ในวัดพระโขนงมันก็ลอ้ เล่น จนกลำงคืนพระภกิ ษุสำมเณรตอ้ งนอน
รวมกนั ถ้ำปลีกไปนอนองคเ์ ดยี ว เปน็ ตอ้ งถูกปศี ำจนำงนำครบกวน จนเสยี งกรอ๊ กแกรก๊ อื่นๆ ก็เหมำว่ำเปน็
ปีศำจนำงนำคไปหมด พวกหมอผีไปทำเปน็ ผมู้ ีวิเศษตัง้ พิธีผกู มัดเรยี กภูตมนั มนั ก็เข้ำมำนงั่ แลบล้นิ เหลือกตำ
เอำ เจ้ำหมอตอ้ งเจง๊ มันมำหลำยคน จนพวกแย่งพวกชิงล้วงลัก ปลอมตัวเปน็ นำงนำค หลอกลวงเจ้ำของบ้ำน
เจำ้ ของบ้ำนกลัวนำงนำค เลยมุดหัวเขำ้ มุง้ ขโมยเก็บเอำของไปสบำย ค่ำลงก็ต้องลอ้ มต้องนงั่ กองกนั ยนั รุ่งก็มี

สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ท่ำนรเู้ หตุปีศำจนำงนำคกำเรบิ เหลือมือหมอ ท่ำนจึงลงไปค้ำงทว่ี ัดมหำบศุ ในคลอง
พระโขนง พอค่ำทำ่ นกไ็ ปนง่ั อยปู่ ำกหลุม แล้วทำ่ นเรียกนำงนำคปศี ำจขึน้ มำสนทนำกนั ฝำ่ ยปีศำจนำงนำคก็
ขน้ึ มำพูดจำตกลงกนั อย่ำงไรไมท่ รำบ ลงผลท้ำยทีส่ ุดท่ำนได้เจำะเอำกระดกู หน้ำผำกนำงนำคที่เขำฝงั ไว้มำได้
แลว้ ทำ่ นมำนั่งขัดเกลำจนเปน็ มนั ทำ่ นนำขน้ึ มำวดั ระฆัง ท่ำนลงยันต์เปน็ อกั ษรไวต้ ลอด เจำะเปน็ ปั้นเหนง่ คำด
เอว ไปไหนท่ำนกเ็ อำตดิ เอวไปดว้ ย ปีศำจในพระโขนงกห็ ำยกำเรบิ ซำลง เม่ือสมเด็จพระพุทธโฆษำจำรย์ (ม.ร.ว.
เจรญิ ) ยงั เปน็ สำมเณรอย่ใู นกฏุ ิสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) นำงนำคได้ออกมำรบกวน ม.ร.ว.เณรๆ กฟ็ ้อง
สมเด็จฯ วำ่ สีกำมำกวนเขำเจ้ำข้ำ สีกำมำกวนเขำ สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ทำ่ นรอ้ งว่ำ นำงนำคเอย๊ อยำ่
รบกวนคุณเณรซี ปศี ำจน้นั กส็ งบไป นำนๆ จงึ ออกมำรบกวน ครนั้ ท่ำนชรำมำกแล้ว ท่ำนจงึ มอบปนั้ เหนง่ กระดกู
หน้ำผำกนำงนำค ประทำนไว้กับหม่อมเจ้ำพระพทุ ธบำทปลิ ันทน์ มอบหมอ่ มรำชวงศส์ ำมเณรเจริญใหไ้ ปอยกู่ ับ
หมอ่ มเจ้ำพระพุทธบำทปลิ นั ทน์ดว้ ย นำนๆ นำงนำคออกมำหยอกเย้ำหม่อมรำชวงศส์ ำมเณรเจรญิ หม่อม
รำชวงศ์สำมเณรเจริญต้องร้องฟอ้ งหมอ่ มเจำ้ พระพทุ ธบำทฯ ๆ ตอ้ งทรงกริว้ นำงนำคว่ำ เป็นผหู้ ญิงยิงเรืออย่ำ
มำรบกวน คุณเณรจะดูหนงั สือหนังหำ เสรจ็ กริ้วแล้วก็เงยี บไป (เรอ่ื งนส้ี ำหรบั เจ้ำนำยหม่อมรำชวงศ์วงั หลงั เล่ำ
ให้ฟงั )

สว่ นสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ตงั้ แต่ปลดภำระกำรวัดกำรสอน ใหห้ ม่อมเจำ้ พระพทุ ธบำทปิลนั ทนแ์ ลว้
ส่วนตัวท่ำนก็ไปตำมสบำย กับรีบทำพระพิมพ์ ดใู หค้ นโขลกปนู เพชรและนั่งพิมพ์ไป บำงทีกไ็ ปเย่ียมป่ำช้ำวัดสระ
เกศ เช้ำก็บิณฑบำต ได้อะไรกฉ็ ันไปพลำง บำงทเี ท่ยี วสะพำยบำตรไป ใครใส่เวลำไหน ท่ำนก็ฉันฉลองศรัทธำ

60

เวลำนัน้ บำงทีกไ็ ปน่งั ในโลหะปรำสำทวัดรำชนดั ดำรำม ไปคุยกับหลวงพ่อรัต วัดเทพธิดำรำมบำ้ ง แล้วถูกคอ
บำงทไี ปดชู ่ำงเขียนประวตั ขิ องทำ่ นทผ่ี นังโบสถ์วัดบำงขุนพรหมใน ดใู ห้ชำ่ งก่อๆ พระโต ก่อข้นึ ไปถึงพระโสณี
(ตะโพก) ถงึ หนำ้ ขน้ึ พระบำทก็ขน้ึ นมสั กำรพระพทุ ธบำทเสมอทกุ ปี จนพวกลพบุรี สระบุรนี ับถอื เอำน้ำล้ำงเท้ำ
ท่ำนไปเก็บไว้รักษำฝีดำษดีนกั จนตลอดมำถึงพระโตวัดเกษไชโยกศ็ ักดิส์ ทิ ธิ์ ในกำรรดน้ำมนตร์ กั ษำฝดี ำษดี
ชำวเมืองอ่ำงทองนบั ถือมำกจนตรำบเท่ำทกุ วันน้ี

สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ขน้ึ นมัสกำรพระพุทธบำทครำวใด เป็นต้องมีไตรไปพำดที่หัวนำคตีนกระได แล้ว
นิมนตพ์ ระชักบังสุกลุ โยมผูห้ ญิงของท่ำนทีเ่ มอื งพิจิตรทุกครำว ว่ำนมิ นต์บังสกุ ุลโยมฉนั ด้วยจะ้ พระจ๋ำ แล้วเลย
ไปนมสั กำรพระฉำย เขำมันฑกบรรพตดว้ ย จนกระเหร่ียงดงนับถอื มำกเข้ำปฏบิ ตั ิ ทำ่ นไปกบั อำจำรยว์ ัดครุฑ
อำจำรย์อื่นๆ บำ้ ง กลับมำแล้วกม็ ำจำวัดสบำยอยู่ ณ วดั บำงขุนพรหมในเปน็ นติ ยกำล.

ตอนที่ ๑๑

และพระพิมพท์ ่วี ัดบำงขุนพรหมในน้ัน เสมียนตรำด้วง ขอเอำพิมพข์ องทำ่ นไปพิมพป์ ูนแลผงของเสมียนตรำ
ดว้ ง ทำตำมวฒุ ิของเสมียนตรำดว้ งเอง ชำวบ้ำนบำงขนุ พรหมปฏบิ ตั ิอปุ ัฏฐำก บำงทีขึ้นพระบำท หำยเข้ำไปใน
เมืองลบั แลไม่กลับ คนลอื ว่ำสมเด็จถึงมรณภำพแล้วก็มี ทำงรำชกำรเอำโกศขึน้ ไป ท่ำนก็ออกมำจำกเมืองลบั แล
พนกั งำนคุมโกศต้องเอำโกศเปล่ำกลับมำหลำยครำว

ครั้นถงึ ณ วันเดือน ๕ ปีวอก จตั วำศก จลุ ศกั รำช ๑๒๓๔ ปี เป็นปที ี่ ๕ ในรัชกำลที่ ๕ กรุงเทพพระมหำนคร
ฯ สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ไปดกู ำรก่อพระโตทวี่ ดั บำงขุนพรหมใน ก็ไปอำพำธด้วยโรคชรำภำพ ๑๕ วนั ก็
ถึงมรณภำพ บนศำลำใหญว่ ัดบำงขุนพรหมใน ในเวลำปจั จบุ นั สมัยวันน้ัน สิรริ วมชนมำยุ ๘๔ บรบิ ูรณ์ เปน็ เจ้ำ
อำวำสวัดระฆงั โฆสติ ำรำมมำได้ ๒๑ ปีบริบรู ณ์ รับตำแหน่งที่สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรยม์ ำได้ ๗ ปบี ริบรู ณ์ ถ้ำจะนบั
ปที ำงจันทรคติกไ็ ด้ ๘ ปี นับอำยุทำงจนั ทรคตกิ ไ็ ด้ ๘๕ ปี เพรำะท่ำนเกดิ ปีวอก เดือน ๖ รอบท่ี ๗ ถึงวอกรอบ
ท่ี ๘ เพียงย่ำงข้นึ เดอื น ๕ ท่ำนก็ถึงมรณภำพ คิดทดหักเดอื น ตำมอำยโุ หรำจำรย์ ตำมสุริยคตนิ ิยม จงึ เปน็ อำยุ
๘๔ ปบี รบิ ูรณ์ ด้วยประกำรฉะนี้

คำนวณอำยุผ้เู รยี บเรียงเร่อื งนี้ได้ ๗ ขวบยังไม่บริบรู ณ์ คือหลกั เหลือ ๖ ปีกับ ๓ เดอื น เวลำทส่ี มเด็จพระพฒุ ำ
จำรย์ (โต) ยังอยนู่ นั้ ผู้เรียงเรือ่ งนยี้ งั อยู่กับคณุ เฒ่ำแก่กล่ิน ในตกึ แถวเตง๊ แถบขำ้ งทศิ ใต้ ทำงออกวดั พระเชตุ
พน ในพระบรมมหำรำชวังชั้นใน คณุ กลน่ิ เฒำ่ แกเ่ คยพำข้ึนไปรับพระรำชทำนเบี้ยจันทร เบ้ียสูรย์ คอื เงินสลึง
จำกพระรำชหัตถ์สมเด็จพระจอมเกล้ำฯ ก็สองครำว ได้เคยฟงั เทศน์สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ก็สองครำว ได้
เคยเข้ำนมัสกำรท่ำนก็สองครำว ท่ำนผูกมือใหท้ พ่ี ระท่นี ่ังทรงธรรม ยงั จำไดว้ ่ำมตี ้นกำหลงใหญ่ใน
พระบรมมหำรำชวัง

61

ครัง่ เม่อื สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ถึงมรณภำพ ท่ีศำลำใหญ่ ในวัดบำงขนุ พรหมใน แล้วไดร้ บั พระรำชทำนนำ้
สรงศพ ไตรครอง ผ้ำขำงเยบ็ ถุง โกศ กลองชนะ อภิรมย์ สนมซำ้ ย ฝพี ำย เรือตัง้ บรรทุกศพ เมือ่ เจ้ำนำย ขุน
นำง คุณเฒ่ำแก่ พวกอปุ ัฏฐำก พวกอบุ ำสกิ ำ ประชำชน ชำวบ้ำนบำงขุนพรหม ปวงพระสงฆ์ สรงนำ้ สมเดจ็ เจ้ำ
โตแลว้ สนมก็กระสนั ตรำสงั ศพ บรรจุในโกศไม้ ๑๒ เสร็จแลว้ กย็ กลงมำทีท่ ำ่ รมิ แมน่ ้ำเจ้ำพระยำ ฝีพำยหลวง
พำยลงมำตำมลำแม่น้ำ เรอื ตำมก็ตำมหลำยแมน่ ้ำ สง่ ศพกระทัง่ ถงึ หนำ้ วัดระฆงั ตั้งศพบนฐำนเบญ็ จำสองชัน้ มี
อภริ มย์ ๖ คนั มกี ลองชนะ ๒๔ จำ่ ปี่ จำ่ กลองพรอ้ ม มีพระสวดพระอภธิ รรม มีเล้ียงพระ ๓ วนั เป็นของหลวง

วนั เมอ่ื ศพสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) มำถึงวดั ระฆังวนั นั้น ผู้คนมำส่งศพ รับศพ นมัสกำรศพน้ันแน่นอดั คับ
ค่งั ท้งั ผดู้ ี ผ้ไู พร่ พลเมืองไทย จีน ลำว มอญ ชำวละคร เขมร พรำหมณ์ พระสงฆ์ทกุ ๆ พระอำรำม เดก็ วดั เด็ก
บำ้ น แน่นไปเต็มวัดระฆัง พระครปู ลัดสมั ภิพัฒน์ (ช้ำง) คือพระธรรมถำวรรำชำคณะ ที่มีอำยุ ๘๘ ปี มีตัวอยู่ถึง
วนั เรียบเรียงประวัตเิ รื่องน้ี ได้ตักพระพิมพ์แจกชำร่วยแกบ่ รรดำผู้มำส่งศพ สักกำระศพ เคำรพศพนั้น แจกทั่ว
กัน คนละองค์สององค์ ทำ่ นประมำณรำว สำมหม่นื องค์ที่แจกไป และตอ่ ๆ มำก็แจกเร่อื ย จนถึงวันพระรำชทำน
เพลิง และยังมผี ู้ขอและแจกให้อกี หลำยปี จนพระหมด ๑๕ กระถำงมังกร เด๋ยี วนี้จะหำสักครึ่งกไ็ ม่มี แต่มี
จำเพำะตนๆ และปน้ั เหน่งซงึ่ เป็นกระดูกหน้ำผำกของนำงนำคพระโขนงนัน้ ตกอยกู่ ับหม่อมเจ้ำพระพุทธบำทปิ
ลนั ทน์ ซึง่ ไดเ้ ล่อื นขนึ้ เป็นพระธรรมเจดีย์ ไดเ้ ปน็ เสด็จอุปัชฌำย์ของผู้เรยี งประวตั ิเร่อื งน้ี ภำยหลังเลือ่ นข้นึ เปน็
สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (ม.จ.ทัศ) ไปครองวัดพระเชตพุ นวมิ ลมงั คลำรำม จงึ ไดม้ อบป้นั เหนง่ กระดูกหน้ำผำกนำง
นำคพระโขนงให้กรรมสิทธิ์ไว้แก่ พระพทุ ธโฆษำจำรย์ (ม.ร.ว.เจริญ) เจ้ำอำวำสวัดระฆัง แต่ครง้ั ดำรงตำแหน่ง
พระพมิ ลธรรมนนั้ (ได้ยนิ แว่วๆ ว่ำปั้นเหนง่ น้นั สมเดจ็ พระพุทธโฆษำจำรยไ์ ด้ถวำย ฯลฯ แล้ว) และสมเดจ็ พระ
พุฒำจำรย์ (โต) ถึงมรณภำพแล้ว

ลว่ งมำถึงปมี ะเมีย โทศก จุลศกั รำช ๑๒๙๒ ปี
พทุ ธศักรำชล่วงได้ ๒๔๒๓ ปี
รัตนโกสนิ ทรศ์ ักรำชถึง ๑๔๙ ปี
อำยุ รัชกำลที่ ๕ เสวยรำชย์ ๔๓ ปี
รัชกำลที่ ๖ " ๑๕ ปี
รชั กำลที่ ๗ " ๖ ปี

คดิ แตป่ วี อก จตั วำศก จุลศักรำช ๑๒๓๔ ปี มำถึงปีมะเมีย โทศกน้ี จึงรวมแตป่ ีมรณภำพนัน้ มำถงึ ปีมะเมียน้ไี ด้
๖๑ ปี กับเศษเดอื นวันแลฯ (ไดล้ งมอื เรียบเรียง แต่วนั ท่ี ๕ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๔๗๓)

พระธรรมถำวร (ช้ำง) บอกว่ำ คำแนะนำกำชบั สอน ของสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) นน้ั ดังนี้

62

คุณรบั เอำฟนั ฉนั ไว้ ดยี ่ิงกว่ำ ๑๐๐ ชั่ง ๑,๐๐๐ ช่ัง คณุ จะมีควำมเจริญเอง

คุณใคร่มีอำยุยำว คุณตอ้ งไหว้คนแก่

คุณใคร่ไปสวรรค์ นพิ พำน และมีลำภผล คุณหมั่นระลกึ ถึง พทุ ธะ พทุ ธำ พทุ เธ พุทโธ พุทธ อรห พุทโธ อิติโส
ภะคะวำ นะโมพทุ ธำยะ

ถึงเถรเกษอำจำรยผ์ ู้วิเศษของเจ้ำสำมกรมว่ำดี กไ็ มพ่ ้น พุทธะ พุทธำ พทุ เธ พุทธ พทุ โธ อรห พุทโธ

ต่อแตน่ ไ้ี ป จะขอกล่ำวถงึ เร่อื งพระโต และเร่ืองวัดบำงขนุ พรหมใน ตำบลบำงขุนพรหม พระนครนีส้ ักเล็กนอ้ ย
พอเป็นทร่ี จู้ กั กันไวบ้ ้ำง

เดมิ วัดบำงขนุ พรหมในนี้ เปน็ วดั เก่ำแกน่ ำน แตค่ รั้งกรุงศรีอยธุ ยำยงั เปน็ รำชธำนี หรอื จะก่อนนนั้ กไ็ ม่แน่ใจ วัด
นี้เป็นวัดกลำงสวน อยดู่ อนมำก ใครเป็นผสู้ ร้ำงกไ็ มป่ รำกฏนำม หรือชำวสวนแถวน้ันจะพร้อมใจกนั สร้ำงไว้ คน
เกำ่ เจำ้ ทิฏฐิในกำรถอื วดั ว่ำวัดเรำวดั เขำ ดังเคยไดย้ นิ มำ กไ็ มส่ แู้ นใ่ จนกั แต่เปน็ วัดเก่ำแกจ่ รงิ โบสถ์เดมิ เป็น
เตำเผำปนู กลำยๆ มีกุฏิฝำกระแชงอ่อน มีศำลำโกรงเกรง แต่ลำนวดั กวำ้ งดี มีตน้ ไม้ใหญ่มำก คร้มึ ดี มลี มเหนือ
ลมตะวันตก ลมตะวันออก พัดโกรก ตรงกรองส่งเขำ้ สูโ่ บสถแ์ ละลำนวดั เยน็ ละเอยี ดดี เมื่อต้งั เป็นรำชธำนีแล้ว
ในฝงั่ น้ี ถงึ รัชกำลที่ ๓ กรุงเทพฯ พระองค์เจ้ำอนิ ทรใ์ นพระรำชวังบวร ได้ทรงพระศรัทธำปฏิสงั ขรณ์
เปลี่ยนแปลงทรงโบสถ์ เป็นรูปทอ้ งพระโรงงำมมีผงึ่ ผำยอ่ำโถง ยำว ๕ หอ้ ง มมี ุข ๒ ขำ้ ง กอ่ อิฐถือปนู เสรจ็ และ
สรำ้ งศำลำ ขุดคลอง เหนือใตว้ ดั หลังวัด หนำ้ วัดเป็นเขตคัน ทำกฏุ ิสงฆ์ ซอ่ มถำนเรียบร้อย ฉลองแล้วทูลเกลำ้ ฯ
ถวำยสมเดจ็ พระน่งั เกล้ำเจำ้ อยู่หัว จึงมพี ระกระแสรับส่ังว่ำ ผทู้ ี่ถวำยของตนเข้ำเป็นวดั หลวงนนั้ จำเพำะเจ้ำของ
เปน็ พระยำพำนทอง ถำ้ เปน็ เจ้ำตอ้ งไดร้ บั พระรำชทำนพำนทองกอ่ น จงึ ถวำยวดั เปน็ วัดหลวงได้ ซึ่งพระองค์เจ้ำ
อนิ ทรก์ ็ยังหำได้รบั พระรำชทำนพำนทองไม่ ไดพ้ ำนทองแล้วจงึ ควรถวำยวัดของเธอเป็นวัดหลวงได้ วดั น้ีกค็ ง
เปน็ วดั รำษฎร์ วัดเจ้ำอินทร์ บำงขนุ พรหม

คร้นั ถงึ ปีจอ อัฐศก จลุ ศกั รำช ๑๑๘๘ ปี มีรำชกำรสงครำมกบั เจ้ำอนเุ วียงจนั ทร์ พระองคเ์ จ้ำอนิ ทร์ เจ้ำของวดั
บำงขุนพรหมน้ี ได้โดยเสดจ็ กรมพระรำชวังบวรฯ ข้ึนไปปรำบขบถเมอื งเวียงจันทร์ มีชยั ชนะกลับมำแล้ว ได้รับ
พระรำชทำนพำนทองเปน็ บำเหน็จควำมชอบในกำรสงครำมนัน้ แลว้ พระองคเ์ จ้ำอินทร์จึงทลู เกล้ำฯ ถวำยวดั น้ี
เปน็ วดั หลวงอกี คร้งั หนึ่ง ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำใหต้ ำรวจรำชองครกั ษ์และกรมเมอื งมำสำรวจชยั ภูมสิ ถำนที่
ของวดั น้ี ตลอดถงึ ทำงพระรำชดำเนินในกำรถวำยพระกฐินทำนด้วย เจำ้ พนกั งำนทำรำยงำนถวำยตลอด แต่
ทำงพระรำชดำเนินนั้นขัดต่อทำงรำชกำรหลำยประกำร เพรำะวดั ตั้งอยูก่ ลำงสวนท้งั ๔ ทศิ ไมส่ ะดวกแก่รำช
บริพำรทีจ่ ะโดยเสด็จ จงึ มิได้ทรงรบั เขำ้ บัญชีเปน็ วัดหลวง พระองค์เจ้ำอนิ ทร์กท็ รงทอดธุระวดั นนั้ เสยี ไม่นำพำ
วดั กช็ ำรดุ ทรุดโทรมลงอกี และพระองคเ์ จ้ำอนิ ทรก์ ็มำสนิ้ พระชนมไ์ ปด้วย จึงท่ำนพระเสมียนตรำด้วง ได้มี
ศรัทธำสละท่ีสวนขนัดทำงหน้ำวดั ตงั้ แต่ริมแม่น้ำเจำ้ พระยำ ตลอดขึ้นไปถงึ กำแพงวดั แถบหน้ำวดั ท้ัง ๒ ใน
ปจั จุบนั นจี้ นจดวดั ถวำยเปน็ กลั ปนำบ้ำง เปน็ หน้ำวัดบ้ำง เป็นสมบัติของวดั บำงขนุ พรหม ดว้ ยพระเสมยี นตรำ
ด้วงนิยมนบั ถือ ฟังคำสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) จงึ ไดอ้ ุทิศท่บี ำ้ นท่สี วนออกบชู ำแกพ่ ระรตั นตรยั ในเนอื้ ทีๆ่ ว่ำ

63

แลว้ น้นั พระเสมยี นตรำด้วงและสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) จงึ ได้ช่วยกนั ปฏสิ ังขรณว์ ัดบำงขุนพรหมใน ท่ำน
เสมียนตรำด้วงก็ถึงอนจิ กรรม สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) ก็ถงึ มรณภำพ สมภำรวดั แลทำยกก็ทำโลเลรอ่ งแร่ง
ผลประโยชน์ของวัดก็เสือ่ มทรำมหำยไป วดั ก็ทรดุ โทรมรกเร้ือ ภกิ ษทุ ปี่ ระจำในวัดกล็ ้วนรมุ่ ร่ำมเลอะเทอะ เปน็
กดมะตอทง้ั ปทัด

คร้ันพระมหำนครมำสคู่ วำมสะอำดร่งุ เรอื งงำม จึงดลพระรำชหฤทัยในรัชกำลที่ ๕ นั้น ให้ทรงสถำปนำพระมหำ
นคร ตัดถนนสญั จรใหโ้ ล่งลวิ่ ตลอดถงึ กนั หลำยชนั้ หลำยทำง ทะลถุ ึงกันหมดทุกสำยทง้ั ๔ ทิศติดต่อกนั ไป ทำง
หนำ้ วดั บำงขนุ พรหมก็ถูกตดั ถนนด้วย ช่วยเพ่ิมพระบำรมี ทำงริมน้ำก็ถูกแลกเปลย่ี นท่ี ทรงสรำ้ งวังลงตรงทีน่ ้ัน
๒ วงั ท่ีใหม่ของหลวงทพี่ ระรำชทำนใหแ้ ก่วดั บำงขนุ พรหมน้นั เดี๋ยวน้ี ก็ได้ยินว่ำหำยไป ไมป่ รำกฏแกว่ ดั บำงขุน
พรหม และชำวบ้ำนเหล่ำนั้น ชว่ ยกันพยุงวัดน้ีมำดว้ ยผลประโยชน์สว่ นตัวบำ้ ง ผลประโยชน์ของวัดเกดิ ใน
กัลปนำบ้ำงชว่ ยกันเสรมิ สร้ำงพระโตองคน์ ีม้ ำนำนก็ไมร่ จู้ กั จะแลว้ ได้ ครน้ั มำถึงสมัยรัชกำลท่ี ๗ ในปี พ.ศ.
๒๔๗๖ ท่ำนพระครู เปน็ พระธรรมยตุ กิ นกิ ำยมำคิดสถำปนำพระโตองค์น้ีเปลี่ยนแปลงเป็นพระยืนหำ้ มญำติ พอ
เป็นองคข์ ึ้นสมมุติว่ำแล้ว นดั ไหว้กัน ไม่ชำ้ เท่ำไรกเ็ กิดวิบตั ิขน้ึ แตผ่ ู้ตน้ คิด เพรำะผิดทำงกำหนดในบทหนังสอื
ปฐม ก กำ ว่ำขืนรผู้ ้ใู หญ่เครื่องไมเ่ ขำ้ กำร เพรำะสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) นั้น ท่ำนประพฤติกำย วำจำ ใจ
เป็นผู้ใหญ่แท้ ท่ำนสรำ้ งพระนงั่ ตอตะเคยี นโปรดยักษ์ พระปำงนไ้ี ม่มใี ครๆ สร้ำงไว้เลย แต่สยำมฝ่ำยเหนอื ลงมำ
กห็ ำมผี สู้ ร้ำงขึน้ ไว้ไม่ ท่ำนจึงคิดตัง้ ใจแลสร้ำงไว้ใหค้ รบ ๑๐๘ ปำง แต่อำยุและโอกำสไม่พอแกค่ วำมคดิ พระจงึ
ไม่แล้ว ท่ำนพระครูมำขืนรู้ ท่ำนจึงไม่เจริญ กลับเปน็ คนเสียกล เป็นคนทรุดเส่ือมถึงแก่ต้องโทษทำงอำญำ รำช
ภยั บนั ดำลเปน็ เพรำะโลภเจตนำเป็นเค้ำมลู จงึ พนิ ำศวิบำกผลปฏิสังขรณอ์ ำนวยไมท่ ัน วิบำกของโลภแลควำม
ลบหลดู่ หู มนิ่ ผู้ใหญ่ ขนื ร้ผู ู้ใหญแ่ รงกว่ำ อำนวยก่อน จงึ เป็นทิฐธิ รรมเวทนียกรรมแท้ กลบั เปน็ บุคคลลับลี้ หำย
ช่ือหำยหน้ำไมป่ รำกฏ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ทำ่ นกอ่ สร้ำงสิ่งซ่ึงเปน็ ถำวรวัตถุชิ้นใดๆ เปน็ กำรเก่ยี วแก่
พระพุทธศำสนำแล้ว ทำ่ นไม่มีแยบคำย คนอน่ื ๆ ตรงตอ่ พระพทุ ธศำสนำ ตรงต่อพระมหำกษัตรยิ ์ ตรงตอ่ ชำติ
อำจทำให้ประโยชน์ โสตถิผลใหแ้ ก่ชุมชนเปน็ อันมำก ดงั สำแดงมำแล้วแตห่ นหลงั

และวดั บำงขุนพรหมในน้ีนั้น สมเด็จพระวชิรญำณวงศ์ วัดบวรนเิ วศวหิ ำรได้สืบเค้ำเงื่อนได้ทรำบเหตุกำรณ์บำ้ ง
วำ่ เดมิ พระองค์เจ้ำอินทร์ซอ่ มแซมก่อสรำ้ งเป็นหลักฐำนไว้กอ่ น สมเดจ็ พระวชริ ญำณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น) วัดบวร
นเิ วศ ไดข้ นำนนำมวัดนีใ้ หช้ ื่อวำ่ วัดอนิ ทรวิหำร (แปลว่ำวดั เจำ้ อินทร์) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๐ น้นั มำจนตรำบเทำ่
ทกุ วันนี้ (ถ้ำผู้มีทรพั ยม์ ีอำนำจ มกี ำลัง มีอำนภุ ำพ ได้มำแก้ไขเปล่ียนแปลงให้เปน็ พระนัง่ บนตอตะเคียน ตำม
ประสงคข์ องสมเดจ็ เจ้ำโตได้ และทำยักษ์คกุ เขำ่ ฟังพระธรรมเทศนำ ได้ลุสำเรจ็ ปฐมมรรค หำยดรุ ้ำย ไม่
เบียดเบยี นมนุษย์ ไม่เบยี ดเบียนพระภิกษุสงฆส์ ำมเณรต่อไป ผู้แปลงใหม่ คงมั่งค่ังสมบูรณ์ พนู พพิ ัฒนส์ ถำพร
ประเทศก็จะรงุ่ เรือง ปรำศจำกวิหิงสำอำฆำต พยำธิก็จะไม่บฑี ำเลย)

ขำ้ พเจำ้ ผู้เรียบเรียงเร่อื งรำวของสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) นี้ ได้ทรงจำและเสำะสำงสบื ค้นฉบบั กะรุง่ กะรงิ่
และได้อำศยั พึง่ พงิ ทำ่ นผู้หลักผู้ใหญ่ ผูส้ ูงอำยุเล่ำกล่ำวสบื ๆ มำจนติดอยใู่ นสมองของข้ำพเจ้ำ และไดถ้ ือเอำคำ
ของเจ้ำคณุ พระธรรมถำวร (ชำ้ ง) ผมู้ อี ำยุรำว ๘๘ ปบี ้ำง อนมุ ตั ิดัดแปลงบ้ำง ประมำณบ้ำง สันนษิ ฐำนบำ้ ง
วิจำรณ์บำ้ ง เทยี บศกั รำชในพงศำวดำรบ้ำง บรมรำชประวัติแหง่ สยำมบำ้ ง พอใหส้ มเหตุสมผล ให้เปน็ ต้นเปน็

64

ปลำย พิจำรณำในรูปภำพท่ีฝำผนังในโบสถว์ ัดอนิ ทรวิหำรบ้ำง ได้ยกเหตผุ ลขน้ึ กลำ่ ว ใช้ถอ้ ยคำเวยยำกรณ์ เป็น
คำพดู ตรงๆ แตค่ งจะไมเ่ หมือนสมเดจ็ พระเปน็ แน่ เพรำะคนละยคุ คนละครำว คนละสมัย และขำ้ พเจ้ำเชือ่ แนว่ ่ำ
คงไมผ่ ดิ จำกควำมเป็นจรงิ เพรำะข้ำพเจำ้ ใช้คำตำมหลัก เป็นคำทำ้ วคำพระยำ คำพระสงฆ์ คำบ้ำนนอก คำ
รำชกำร คำโตต้ อบท้งั ปวงน้นั ข้ำพเจ้ำเขียนเองตำมหลักของกำรแตง่ หนงั สือ แต่คำทัง้ ปวงเห็นว่ำสมเหตสุ มผล
แล้วจึงเขยี นลง แตค่ งไม่คลำดจำกควำมจรงิ ถ้ำว่ำไมไ่ ด้ยินกบั หู ไมไ่ ด้ร้กู ับตำ มำกล่ำวเล่ำสู่กันฟงั คล้ำยกับเลำ่
นทิ ำน เหมอื นเล่ำเรือ่ งศรีธนญชยั เร่ืองไกรทอง เร่อื งขุนชำ้ งขุนแผน เรอ่ื งอะไรทัง้ หมด ท่เี รยี กว่ำนิทำนแล้ว
ธรรมดำตอ้ งมีตอ่ มเี ตมิ มีตดั ไม่ใหข้ ัดล้ินขัดหู แตไ่ ม่ผิดหลักแห่งควำมจริง เพรำะส่ิงท่ีจริง มีปรำกฏเป็นพยำน
ของคำนั้นๆ ถ้ำหำกว่ำอ่ำนรดู รดู ฟังรูดรูด ไมย่ ดึ ถอื เรอ่ื งรำว ก็เหน็ มปี ระโยชน์เลก็ น้อย แกผ่ อู้ ่ำนผู้ฟังบำ้ ง คอื
สอนพดู ถึงเป็นคนโง่ คนบำ้ นนอก กร็ ู้กำรเมืองได้บ้ำง ไม่เซอะซะต่อไป นกั โตต้ อบกจ็ ะไดท้ รำบหลกั แห่งถอ้ ยคำ
นกั ธรรมะก็พอสะกิดใหเ้ ขำ้ ใจธรรมะบำ้ ง นักเช่ือถือก็จะได้แน่นแฟน้ เขำ้ อีก นักสนกุ ก็พอเลำ่ หัวเรำะแก้ง่วงเหงำ
ถำ้ จะถือวำ่ หนังสอื แต่งใหม่ก็ดีเหมอื นกนั ถ้ำท่ำนเห็นถ่องแท้วำ่ ผิดพลำด โปรดฆ่ำกำแตม้ ต่อตดั เติมได้ใหถ้ ูกตอ้ ง
เปน็ ดี

นี่แหละหนำท่ำนทำนบดีท่มี นี ำ้ ใจเล่ือมใสศรทั ธำเชอ่ื ถือสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ไดอ้ ุตสำ่ หม์ ำประชุมกนั ไหว้
กรำบสกั กำระพระเกษไชโยใหญ่โต ในอำเภอไชโยนี้ทกุ ปมี ำ พระพทุ ธปฏมิ ำกรองคน์ ีห้ นำ กเ็ ป็นพระของสมเด็จ
พระพุฒำจำรย์ (โต) ได้ขอพระบรมรำชำนุญำตแล้วก่อสร้ำงไว้ ท่ำนได้เชิญเทวดำฟำ้ เทวดำดินเป็นผเู้ ฝ้ำพทิ กั ษ์
รกั ษำปอ้ งกนั ภัยอันตรำย ไม่ใหม้ ีแกพ่ ระของทำ่ น ถึงถำวรตง้ั มั่นมำถึงปนี ้ีไดน้ ำนถึง ๖๐ ปเี ศษล่วงมำ กด็ ้วย
อำนำจสัตยำธษิ ฐำนของสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ผู้มสี ัตย์ มธี รรม ทั้งกอปรกำยกรรม วำจีกรรม มโนกรรม
เปน็ ฝ่ำยบญุ ฝ่ำยกุศล ท้ังระคนขอ้ งอยู่ในภมู ิรู้ ภูมิเมตตำ ภูมิกรณุ ำ เอน็ ดูแกอ่ ำณำประชำชนนกิ ร ทำ่ นต้ังใจให้
ควำมสุขอนั สุนทร และใหส้ ุขสโมสรแก่นิกรประชำชนท่ัวหนำ้ กัน ทำ่ นหวังจะให้มีแต่ควำมปรีดิเ์ ปรมเกษมสันต์
สำรภริ มย์ ใหส้ มแก่ทีป่ ระเทศเป็นเขตพระบวรพทุ ธศำสนำรักษำพระรตั นตรัยใหไ้ พบูลย์ ต่อต้ังศำสนำไว้มใิ ห้
เสื่อมสูญ เศร้ำหมอง ให้บริสทุ ธิผ์ ุดผ่องสนองพระเดชพระคณุ พระพุทธเจ้ำ อันได้ทรงฟกั ฟมู ใฝเ่ ฝ้ำฝำกฝังตั้ง
พระศำสนำไว้ เป็นของบรสิ ุทธ์ิสำหรับพทุ ธเวไนย พุทธสำวก พทุ ธมำมกะ พทุ ธบำท พทุ ธบิดำมำรดำ แห่ง
พระพุทธเจ้ำ จะไดต้ รัสไปข้ำงหน้ำในอนำคตกำล นิกรชนจะไดช้ วนช่วยกนั รักษำศลี บำเพ็ญทำน ทำแต่กำรบญุ ผู้
สละ ผบู้ ริจำคจะไดเ้ ป็นทนุ เป็นเสบยี งทำงผลที่ทำไวจ้ ะมไิ ด้ระเหิดเรศิ ร้ำงจำงจืดชืดเช้ือ หรือยำกจนแคน้ เต็มเข็ญ
เป็นไปในภำยหน้ำ จะไดท้ วีมีศรัทธำกล้ำปัญญำแหลมหลักอัครภมู ิ วจิ ำรณจ์ ะเกิดมุญจิตุกัมยตำญำณหยั่งรูห้ ย่ัง
เห็นพระอริยสัจธรรม จะได้นำตนใหข้ ้ำมพ้นจำกวฏั ฏะสงสำรได้ก็ตอ้ งอำศัยกุศลวัตรภูมิ ภูมริ ู้ ภูมปิ ฏิบัตใิ น
ปัจจบุ ันชำตนิ เ้ี ป็นเหตเุ ปน็ ปจั จัย ให้สำเร็จควำมสุขควำมดี ควำมงำม ตำมวำสนำบำรมใี นกำลภำยภำคหนำ้
เพรำะเหตนุ ้ี สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) จงึ ได้ชะโลชะลอ หลอ่ ศรัทธำปสนั นำ ของพระพทุ ธศำสนกิ ชนไวใ้ หญ่
อะโข ต้ังพระไวจ้ ะได้ระลกึ นึกถงึ พระพุทโธได้ง่ำยๆ ต่ำงคนตำ่ งจะไดไ้ หว้นมัสกำรบชู ำทกุ วันทกุ เวลำรำตรีปีไป จะ
ไดส้ มดั่งพระธรรมทีพ่ ระพุทธองค์ทรงตรัสเทศนำส่ังสอนไว้แกพ่ ระสำรบี ุตรอตุ ตองคส์ ำวกว่ำ "อะตีตัง นำนวำ
คะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนำคะตงั ยะทะตตี มั ปะหนี นั ตงั อัปปัตตัญจะ อะนำคะตัง ปจั จปุ ปนั นญั จะ โย ธมั มัง
ตัตถะ ตัตถะ วปิ ัสสะติ อะสังหิรงั อะสงั กปุ ปัง ตัง วทิ ธำ มะนุพร๎ หู ะเย อัชเชวะ กิจจะมำตัปปงั โก ชญั ญำ
มะระณงั สเุ ว นะ หโิ น สงั คะรันเตนะ มะหำเสเนนะ มจั จนุ ำ เอวัง วิหำรมิ ำตำปิง อะโหรตั ตะมะตันทติ งั ตังเว ภัท
เทกะรตั โตติ สันโตอำจิกขะเต มุนีติ" แปลควำมตำมพระคำถำทงั้ ๔ คำถำน้ีวำ่ บคุ คลไม่พึงตำมไปถึงเหตุกำรณ์
ทลี่ ่วงไปแล้ว บุคคลไม่พงึ หวังจำเพำะเหตผุ ลข้ำงหนำ้ อันยงั ไม่มำถึง บคุ คลใดย่อมเหน็ ชัดเหน็ แนว่ ำ่ ธรรมะคือ

65

คณุ งำมควำมดีในปจั จบุ นั ทันตำนีแ้ ล้ว ย่อมทำประโยชน์ในเหตุกำรณน์ นั้ ๆ เถิด อะสังหริ ัง อะสังกปุ ปงั ไมพ่ ึงย่อ
หย่อน ไม่พึงคืนคลำยเกียจคร้ำนพึงจำเพำะเจำะจงผลประโยชน์นั้นๆ ใหเ้ จริญตำมๆ เปน็ ลำดบั ไป พึงทำกิจกำร
งำนของตนให้เสร็จสุขสำเร็จเสียในวันน้ี จะเฉอ่ี ยชำรำขอ้ ละทงิ้ กิจกำรงำนให้นำนวนั นัน้ ไมไ่ ด้ โกชัญญำมะระณัง
สเุ ว ใครเล่ำจะพึงรู้ว่ำควำมตำยจะมำถงึ ในวันพรุ่งนี้ นะหโิ นสังคะรนั เตนะ มะหำเสเนนะมจั จนุ ำ ควำมผัดเพ้ียน
ผอ่ นผนั ของเรำทั้งหลำยไม่มีต่อด้วยควำมตำยอันมเี สนำใหญน่ ้ัน คนผู้เหน็ ภยั มฤตยรู ำชตำมกระชั้นแล้ว ไม่ควร
ทเุ ลำวันประกันพรงุ่ ว่ำพรงุ่ นี้เถอะ มะเร่ืองเถอะ เรำจึงจะกระทำไมพ่ งึ ย่อหยอ่ นเกียจคร้ำนอย่ำงน้ี จะรบี ร้อน
กระทำเสียให้แล้วจงึ อย่ทู ำไปทงั้ กลำงวนั และกลำงคนื ตังเวภัทเทกะรัตโตติ สันโตอำจิกขะเตมนุ ี นักปรำชญผ์ รู้ ู้ผู้
สงบระงับแล้ว ท่ำนกล่ำวบอกว่ำ บคุ คลผ้หู ม่ันเพยี รกระทำน้ัน วำ่ เป็นบุคคลมีรำตรีเดยี วเจรญิ ดว้ ยประกำรดังนี้

ถำ้ จะอธบิ ำยตำมควำมในพระธรรมเทศนำในพระคำถำทแ่ี ปลมำแล้วน้ี ให้เขำ้ ใจตำมภำษำชำวบ้ำน ตอ้ งอธบิ ำย
ดงั นวี้ ่ำ คำหรือเรอื่ งหรือส่ิงหรอื เหตุกำรณ์กต็ ำม ถ้ำมนั ล่วงเลยไปเสียแล้ว มันสำยไปเสียแล้ว มันบ่ำยไปเสยี
แลว้ เรียกว่ำอดตี ล่วงไปแล้ว อย่ำให้ไปตำมคิดตำมหำถึงมนั จะทำควำมเสยี ใจให้ ท่ำนจงึ สอนไม่ให้ตำมคิด
สุภำษติ ก็ว่ำไว้ว่ำ อย่ำฟืน้ สอยหำตะเข็บใหเ้ จบ็ ใจ อย่ำตำมคิดถงึ มัน ทำเป็นไมร่ ูไ้ ม่ช้เี สียและดกี ว่ำ ถึงเรอื่ งรำว
เหตผุ ลข้ำงหนำ้ หรอื มีคนมผี ู้กลำ่ วมำส่อถงึ เหตุผลข้ำงหนำ้ วำ่ เมอ่ื น้ันเมอื่ น่ัน จะใหน้ ่ัน จะให้นัน่ ทำนนั่ ทำนนั่ ให้
กลำ่ วอย่ำงนี้เรยี กว่ำอนำคตเหตุ ทำ่ นว่ำอยำ่ พึ่งจำนง อย่ำหวังใจ อยำ่ วำงใจในกำรข้ำงหนำ้ จะเสียใจอีก จะ
เหนือ่ ยเปล่ำด้วย เพรำะไม่จริงดงั วำ่ สภุ ำษติ ก็ว่ำไม่เหน็ นำ้ ตัดกระบอก ไม่เหน็ กระรอกโกง่ กระสุนหนำ้ ไม้ สำย
กระสนุ จะลำ้ ดำ้ ยกระสุนจะอ่อน คนเรำถ้ำเชอื่ กำรขำ้ งหน้ำ ทำไปเพรำะหวงั และสำคัญม่นั หมำยมุ่งหมำยว่ำ
จรงิ ใจ ถำ้ ไปถกู หลอกถูกล่อเขำ้ จะเสียใจ แห้งใจออ่ นใจ เหนอ่ื ยเปล่ำ เหตนุ ้ีท่ำนจึงสอนว่ำ อย่ำหวังกำรข้ำงหน้ำ
ในปัจจบุ นั ชัว่ วนั หน่งึ ๆ นี่แหละควรพงึ กระทำให้เปน็ ผลประโยชน์ไวส้ ำหรับเกือ้ กลู ตน ทำบุญทำกศุ ลไวส้ ำหรับ
ตนประจำตัวไว้สม่ำเสมอทุกวัน ทกุ เวลำ ถงึ โดยวำ่ ข้ำงหน้ำ ภพหน้ำ โลกหน้ำจะมหี รอื ไมม่ ีเรำก็ไม่วติ ก เพรำะเรำ
ไม่ทำควำมผิด ควำมชั่ว ควำมบำปไว้ เรำไม่เศร้ำไมห่ มอง เม่ือเรำทำตนให้บรสิ ุทธิ์ เรำรับจำ้ งเขำทำงำน ทำตน
ใหม้ คี นรกั คนนับหน้ำถอื นำม เรำก็ไม่หวำดไม่ไหวต่อกำรขัดสน เรำรบั ทำให้เขำแล้วตำมกำหนด เจำ้ งำนก็ตอ้ ง
ใหค้ ำ่ จ้ำงรำงวัลเรำตำมสญั ญำ ถ้ำเรำจะขอรบั เงนิ ค่ำจ้ำงล่วงหน้ำ นำยจ้ำงก็ไม่รังเกยี จหยิบให้เรำทันทที นั งำน
เพรำะนำยจ้ำงเช่อื ว่ำเรำหม่นั ทำงำนของท่ำนจรงิ ไม่ย่อหย่อนผ่อนผัดวัน ถ้ำว่ำเปน็ งำนของเรำเอง รีบทำให้แลว้
ไมผ่ ดั เพ้ียนเปลย่ี นเวลำ ก็ยง่ิ ได้ผลควำมเจริญ เม่ือกำรงำนเงนิ ของเรำพอดี พอแล้ว พอกิน พอใช้ เรำก็มีโอกำส
มชี อ่ งทจ่ี ะแสวงหำคุณงำมควำมดี ทำบญุ ทำกุศล สวดมนต์ไหว้พระได้ตำมสบำยใจ เม่ือเรำสบำยใจไมม่ ีรำคี
ควำมขัดขอ้ งหมองใจ ไม่เศรำ้ หมองใจแล้ว เรำก็ย่ิงมีสง่ำรำศดี ขี ้ึน เป็นท่ีชื่นตำของผูท้ ี่เรำจะไปสู่มำหำ ผู้รับกไ็ ม่
กนิ แหนงรงั เกียจรำคำญ เพรำะตนของเรำบรสิ ุทธ์ิ ไม่รบกวนหยบิ ยมื ให้เจำ้ ของบำ้ นรำคำญใจ ทำไดด้ งั นแ้ี หละ
จึงตรงตอ่ พทุ ธศำสนำ ตรงกับคำในภัทเทกรตั ตคำถำว่ำ ตังเว ภัทเทกะรัตโตติ ว่ำคนทำตนให้เป็นทพ่ี ง่ึ ของตน
ได้ ดงั สำแดงมำจึงมนี ำมกลำ่ วว่ำ ผ้นู น้ั มรี ำตรี คืนเดยี วเจริญ.

66

ตอนที่ ๑๒

ถำ้ เปน็ บรรพชติ เล่ำ ก็จงทำใหเ้ จริญ คืออย่ำเกยี จอย่ำคร้ำน กำรเล่ำกำรเรียน กำรประพฤติ กำรปฏิบตั ิ กำร
สงเครำะหต์ ระกลู ชอบดว้ ยธรรมวนิ ยั อย่ำประทุษร้ำยตระกูลให้ผดิ ต่อธรรมวนิ ัย ใหช้ อบดว้ ยพระรำชกฤษฎีกำ
กฎหมำยบ้ำนเมอื งท่ำน สำหรับวันหนง่ึ ๆ แล้ว ก็อำจไดร้ ับควำมยอย่องนับถือลือชำ มีสักกำระสัมมำนะเสมอไป
ตำมสมควร พระมหำมุนกี ็ทรงชช้ี วนใหน้ ิยมชมว่ำ ตังเว ภัทเทกะรัตโต ว่ำท่ำนผ้นู น้ั มรี ำตรีเดียวเจริญ บุคคล
ใด ถ้ำถกู พระอริยเจ้ำผ้เู ป็นอริยนกั ปรำชญ์สรรเสรญิ แล้ว ก็หวงั เถอะว่ำ คงมแี ตค่ วำมสขุ ควำมเจริญทุกวนั ทุก
เวลำ หำควำมทรดุ เสอื่ มบม่ ไิ ด้ ถำ้ ยิ่งเป็นผเู้ ขำ้ ใกล้ไหวก้ รำบ นมัสกำรบูชำสักกำระ เชอ่ื ม่นั ถือม่ันในสมเด็จพระ
พุฒำจำรย์ (โต) ไดช้ ่วยกันพร้อมใจกนั นมัสกำรสักกำรบูชำพระโตของสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) สร้ำงไวเ้ ป็น
ฐำนเช่นน้ี ผู้บูชำสกั กำระนมสั กำร กไ็ ด้ชือ่ วำ่ กตัญญูกตเวทีต่อองค์พระสมั มำสัมพุทธเจำ้ เหมือนกัน เหตวุ ่ำพระ
พทุ ธองคท์ รงตรสั กำชับกบั พระอำนนทเ์ ถระเจ้ำไว้วำ่ ผู้ใดเลือ่ มใสประสำทะศรทั ธำ ใคร่บูชำพระตถำคตด้วย
ควำมซื่อสตั ย์ กตเวที "ปะฏิมำโพธิรกุ ขำถปู ำจะชินะธำตโุ ย จะตุรำสีตสิ ะหัสสะธัมมักขันธำสุเหสติ ำ" ให้บุคคลน้นั
บชู ำสักกำระนอบน้อม พร้อมด้วยกำย วำจำ ใจ ให้ลึกซ้งึ แลว้ บูชำซ่ึงปฏมิ ำกร ๑ ไมพ้ ระมหำโพธิท์ ีน่ ง่ั ตรสั รู้ ๑
พระสถปู เจดีย์ที่บรรจุเครื่องพุทธโภคและอุทเทศเจดยี ์ทท่ี ำเทยี มไว้ ซึ่งพระสำรรี ิกธำตุของพระศำสดำ คือ
กระดูกของพระพทุ ธเจำ้ ๑ พระคมั ภรี ท์ บี่ รรจุพระธรรมขันธ์ แปดหม่นื สีพ่ ันพระธรรมขันธ์ ๑ วัตถทุ ั้ง ๕
ประกำรนี้ เป็นท่ีสมควรสกั กำรบชู ำของผู้ท่ีมุง่ หมำยนบั ถือ เปน็ บญุ กิรยิ ำวัตถุ ๑๐ คอื ทำนมัย ๑ ศีลมยั ๑
ภำวนำมัย ๑ ทิฏฐุชมุ ัย ๑ อปัจจำยนมยั ๑ ไวยำวัจจมัย ๑ เทศนำมัย ๑ ปัตตทิ ำนมยั ๑ ปุญญตั ตำนโุ มทนำมยั
๑ สะวนมัย ๑ ทั้ง ๑๐ ประกำรน้ี บังเกิดเป็นท่ีตงั้ ของบุคคลผู้ทไ่ี หวน้ บเคำรพบูชำ เมื่อทำเข้ำ บูชำเข้ำ ฟงั เข้ำ
แสดงเขำ้ ขวนขวำยเข้ำ ออ่ นน้อมเข้ำ ให้ทำนเข้ำ ภำวนำเข้ำ เหน็ ตรงเข้ำ เพรำะอำศยั เหตุท่ีพระเกษไชโยนี้ ก็
เปน็ บญุ ล้ำเลศิ ประเสริฐวิเศษ เห็นทนั ตำทันใจก็มี ปรำกฏเปน็ หลำยคนมำแล้ว ถำ้ ไดส้ ร้ำงเรอื่ งรำวประวัติของ
สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ใหเ้ รื่องนไ้ี วส้ ำหรบั เปน็ ควำมรู้ ไว้สำหรบั บำ้ นเรอื น สบื บุตรหลำนเหลนหลนไปอกี ก็
ได้ช่อื ว่ำ กตัญญรู ้พู ระคณุ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) เหมอื นได้นัง่ ใกลส้ มเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ได้บุญเพรำะสมเดจ็
พระพุฒำจำรย์ (โต) ไดส้ ุขสวัสดีมงคลเพรำะสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ไดส้ ดับตรบั ฟังเพรำะสมเดจ็ พระพุฒำ
จำรย์ (โต) ได้รูจ้ ักศำสนำแน่นอน เพรำะสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) เหตนุ ้ี ควรแล้วที่สำธชุ นท้ังปวง จะช่วยกัน
สรำ้ งประวตั ิเรื่องของสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) ไว้เชิดชูเฉลมิ พระเกยี รตคิ ุณของท่ำน เพรำะสมเดจ็ พระพฒุ ำ
จำรย์ (โต) องคโ์ นน้ เปน็ พระควรอัศจรรย์ ควรรู้ควรฟงั จรรยำ อำกำร กริ ิยำ ท่ำทำง พูด เจรจำโต้ตอบ ปฏบิ ัติ
ก่อสร้ำง แปลกๆ ประหลำดกวำ่ พระสงฆอ์ งคอ์ น่ื ๆ เทียมหรือเหมอื นหรือยง่ิ ด้วยวฒุ ิปำฏหิ ำรยิ ์ตำ่ งๆ ไม่ใคร่จะมี
ใครรู้จกั ทวั่ แผน่ ดินเหมือนสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) ไมใ่ คร่จะเคยได้ยนิ เป็นแตธ่ รรมดำเรยี บๆ กพ็ อมีบ้ำง

ถ้ำทำ่ นไดช้ ่วยกันสร้ำงเรื่องประวัตขิ องสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต) ไว้อ่ำนร้ดู ฟู งั สำหรับบ้ำนเรอื น และตู้หนังสือ
ของท่ำนแลว้ ท่ำนจะมอี ำนสิ งส์ ทำใหท้ ่ำนผ่องแผ้วพ้นรำคี จะมแี ตท่ ำงสุขสวสั ดี เทำ่ กับมียนั ต์ช่อื ว่ำมหำมงคล
จะกำจัดอปุ ทวนั ตรำยแลภยั จัญไรเปน็ ต้น ไม่มีมำยำยีบีฑำท่ำนได้เลย สมด้วยพระบำรมีท่ำนรำพันเฉลยไว้ว่ำ
"สพั พเิ รวะสมำเสถะ สัพพิกพุ เพถะสัณฑวิง สะตงั ธัมมะ ภิญญำยะ สัพพะทกุ ขำปะมจุ จติ" ดังน้ี มีควำมว่ำ ให้
บคุ คลพึงนง่ั ใกล้ดว้ ยสัปปรุ ุษคนดีพร้อม ๑ ใหบ้ คุ คลพึงทำควำมค้นุ เคยรักใครไ่ ต่ถำมสนทนำด้วยทำ่ นผู้เปน็
สัปปรุ ษุ คนดี ๑ ได้ฟงั คำช้ีแจงของสัปปรุ ษุ อย่ำงแนน่ อนก็จะรู้เท่ำรธู้ รรมของสปั ปุรุษคนดีพรอ้ ม ย่อมพ้นทุกข์
ยำกลำบำกท้ังปวง

67

สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) องคโ์ น้น ทำ่ นเปน็ สัปปรุ ุษเท่ียงแท้ผู้หนงึ่ เพรำะตั้งแต่ต้นจนปลำย ท่ำนมไิ ดเ้ บยี ฬ
ตนและเบยี ฬผู้อนื่ ให้ได้ควำมทุกขย์ ำกลำบำกเลยแม้สักคนเดียวตั้งแต่เกิดมำเห็นโลกจนตลอดวนั มรณภำพ
จนถึงปจั จุบันเด๋ยี วน้ี ก็ยังมีพระโตต้ังไวใ้ หเ้ ปน็ ทไี่ หว้บชู ำ แกบ่ รรดำพทุ ธศำสนกิ ชนคนทกุ ชน้ั ไดร้ ำพันนับถือไมร่ ู้
วำย ควรที่ท่ำนทำยกท้งั หลำยจงพรอ้ มกันสรำ้ งหนงั สือประวัตขิ องสมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต) นั้นไวค้ นละเล่ม
เทอญ.

จบบนั ทกึ ประวตั ขิ องเจ้าประคุณสมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต) ฉบับของมหาอามาตยต์ รีพระยาทพิ ยโกษา ซ่งึ เป็น
ฉบับทรี่ วบรวมโดย ม.ล.พระมหาสวา่ ง เสนียว์ งศ์ ณ อยุธยา ไดร้ วบรวมข้ึนปี พ.ศ.๒๔๗๓ ตามคาโคลง
ตอนท้ายดงั นี้

ประวตั คิ ดั ขอ้ ย่อ คำขำน
สมเด็จพุฒำจำรย์ เจิดไว้
โต, นำมชอ่ื เดมิ จำร จำรกึ เร่ืองมี
เชิญอำ่ นเชิญฟงั ให้ ท่องแท้แปลควำมฯ

ลงมอื ที่สิบหำ้ กรกฏ
วนั ทส่ี ำมกันย์หมด แต่งแก้
พ.ศ. ล่วงกำหนด สองส่ี เจด็ ตรี
เดือนหนึ่งมีเศษแท้ สบิ เกำ้ วันตรงฯ

ได้จดั พิมพ์ขึ้นตำมข้อควำมเดิมในต้นฉบับทกุ ประกำร โดยมไิ ดแ้ กไ้ ขในเร่ืองศักรำช วนั เดือน ปี เลย ขอท่ำน
ผอู้ ำ่ นจงพจิ ำรณค์ น้ คว้ำเปรยี บเทยี บและตัดสนิ ควำมถกู ตอ้ งเหมำะสมเอำด้วยตนเองต่อไปเทอญ.



68

ชาตภิ ูมิ

เจ้ำพระคณุ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ วัดระฆงั โฆสิตำรำม จังหวดั ธนบรุ ี นำมเดมิ วำ่ "โต" กล่ำวกนั วำ่ เม่อื เปน็ เด็ก
รูปร่ำงท่ำนแบบบำง ผู้ใหญ่จึงตั้งชอื่ ให้ตรงกนั ขำ้ ม (ข่มนำม) ว่ำ "โต" นำมฉำยำว่ำ "พรฺ หมรงั ส"ี เกดิ ในรัชกำล
ที่ ๑ สร้ำงกรุงรตั นโกสินทรไ์ ดแ้ ลว้ ๗ ปี ณ บ้ำนตำบลไกจ่ น้ (ทำ่ หลวง) อำเภอท่ำเรอื จังหวัด
พระนครศรีอยธุ ยำ เม่อื วันพฤหัสบดี เดอื น ๕ ขน้ึ ๑๒ ค่ำ ปีวอก จุลศกั รำช ๑๑๕๐ เวลำพระบณิ ฑบำต ตรง
กบั วันที่ ๑๗ เมษำยน พ.ศ.๒๓๓๑

มผี รู้ ้ตู ำรำโหรำศำสตรไ์ ด้ผกู ดวงชำตำของท่ำนไวด้ ังนี้ (ในหนังสอื "ประวตั ขิ รัวโต" ของพระยำทพิ โกษำกล่ำว
ว่ำ ดวงชะตำของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ นน้ั สมเด็จพระมหำสมณเจำ้ กรมพระยำปวเรศวริยำลงกรณ์ (ผสู้ ร้ำงพระ
กรงิ่ ปวเรศ) ทรงคำนวณถวำยสมเด็จพระพทุ ธเจ้ำหลวง ด้วยมีพระประสงคจ์ ะทรงทรำบวำ่ ผู้มีอำยตุ ้งั แต่ ๘๐ ปี
ขนึ้ ไปจะมีดวงชะตำเป็นอย่ำงไร แลว้ พระรำชทำนไปยังสมเด็จกรมพระยำเทววงศ์วโรปกำร ซึ่งไดป้ ระทำนใหแ้ ก่
พระยำทิพโกษำ ลอกคัดเกบ็ รกั ษำไว้อกี ตอ่ หนึง่ ดวงชะตำของเจำ้ พระคณุ สมเด็จฯ ท่ีว่ำนี้ลคั นำสถิตรำศีใดหำ
ทรำบไม่ แตไ่ ด้ค้นพบในทอ่ี น่ื อย่ใู นหอพระสมดุ แหง่ ชำติ ปรำกฏว่ำโหรวำงลัคนำไว้ในรำศีเมษ แต่พบในท่อี ื่นอยู่
ในรำศรพี ฤษภ. (มหำเฮง วดั กัลยำณ)์

สำหรับดวงทท่ี ่ำนเห็นอย่นู ้ี ผูกขน้ึ จำกข้อมูลกำรเกิดขำ้ งต้น เพียงแต่ลงตำแหนง่ ดำวเพ่มิ ขึน้ จำกเดิม ๓ ดวง คือ
เนปจนู (น) พลโู ต (พ) และแบคคสั (บ) โดยได้วำงลคั นำไว้ท่รี ำศพี ฤษภ เนอ่ื งจำกช่วงเวลำทีพ่ ระบณิ ฑบำต
กวำ่ จะออกจำกวัดตอนหกโมงเช้ำ พำยเรือมำกว่ำจะถึงบ้ำนโยม ก็คงใชเ้ วลำอย่ำงน้อยเปน็ ชั่วโมง เพรำะตอ้ งรับ
บำตรเรื่อยมำ เวลำทลี่ งไว้ เม่อื วำงลัคนำ และเทียบกบั อัตตชีวประวัติ ตลอดจนอปุ นสิ ยั ของท่ำนแล้ว เชื่อว่ำ
ถกู ต้อง ตรงกบั ควำมเปน็ จรงิ มำกกว่ำทจี่ ะอยูใ่ นรำศีเมษ (อ.เล็ก พลูโต )

วงศส์ กุล

วงศ์สกลุ ของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ กลำ่ วกนั ว่ำ เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ เป็นพระรำชโอรส ในพระองค์พระบำทพระ
พุทธยอดฟำ้ จฬุ ำโลกมหำรำช และตลอดจนช้นั สำมัญชนท่วั ไป ก็เข้ำใจกันว่ำเปน็ เช่นน้ัน แต่เร่อื งนไี้ ม่เป็นท่ี
กระจำ่ งแจ้งจึงไม่ขอยืนยนั มำรดำช่อื เกสร (ธิดำนำยชยั ) เดมิ เปน็ ชำวบ้ำนตำบลท่ำอิฐ อำเภอท่ำโพธิ์ ต่อมำใน
สมยั หนง่ึ กำรทำนำไมไ่ ดผ้ ลเพระฝนแลง้ มำหลำยปี จึงย้ำยภมู ลิ ำเนำไปอยู่ ณ บ้ำนไกจ่ ้น (ท่ำหลวง) อำเภอ
ทำ่ เรือ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยำ แต่อย่ำงนอ้ ยทีส่ ุดท่ำนต้องเป็นเชือ้ พระวงศ์ในรำชวงศ์จกั รี ควำมปรำกฏใน
จดหมำยเหตุบญั ชนี ำ้ ฝน ของสมเด็จพระมหำสมณะเจ้ำ กรมพระยำปวเรศวริยำลงกรณ์ เลม่ ๓ หน้ำ ๔๔ วำ่
"วันเสำร์ แรม ๒ ค่ำ เดอื น ๘ (ต้น) ปีวอก จลุ . ๑๒๓๔ เวลำ ๒ ยำม สมเดจ็ พระพุฒำจำรยถ์ งึ "ชพี ติ กั ษัย..."
ดงั นสี้ ่อให้เห็นวำ่ ท่ำนตอ้ งเป็นเชอ้ื พระรำชวงศ์ กล่ำวกันว่ำเมอ่ื ทำ่ นเกดิ แล้ว ขณะทท่ี ่ำนยังเปน็ ทำรกนอนเบำะ
มำรดำพำท่ำนไปพกั อยู่ทีบ่ ำ้ นตำบลไชโย จงั หวัดอ่ำงทอง พอทำ่ นสอนเดินได้ มำรดำก็พำทำ่ นมำอยู่ ณ บำ้ น
ตำบลบำงขนุ พรหม จังหวัดพระนครสืบมำ (ในกำลหลังทำ่ นจึงไดส้ รำ้ งพระพุทธรปู ใหญ่ไว้ ณ ตำบลท้ังสำมเป็น
อนุสรณ)์

69

อปุ สมบทและการศกึ ษา

ปรำกฏว่ำเม่ือเยำว์วยั ท่ำนไดร้ ับกำรศึกษำอกั ขรสมัยในสำนกั เจำ้ คณุ อรัญญกิ (เจำ้ คุณอรญั ญิกเปน็ ชำว
เวยี งจนั ทน์ เป็นผมู้ คี วำมรู้เชี่ยวชำญในวิปสั สนำธรุ ะ มีคนนับถอื มำก นำมเดิมของท่ำนเข้ำใจว่ำชอ่ื แกว้ )

วัดอินทรวหิ ำร (วดั นี้เปน็ วดั โบรำณ ใครสร้ำงไม่ปรำกฏทก่ี ลำ่ วในหนงั สือ เรื่องตัง้ พระรำชำคณะผู้ใหญใ่ นกรงุ
รตั นโกสินทรว์ ำ่ เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ เปน็ ผสู้ ร้ำงน้ัน เหน็ จะหมำยควำมวำ่ ท่ำนได้ปฏิสงั ขรณ์เป็นคร้งั แรก เดมิ
เรียกว่ำ "วัดบำงขุนพรหมนอก" ต่อมำพระองค์เจำ้ อินทวงศ์ในกรมพระรำชวงั บวรฯ รัชกำลท่ี ๓ ทรงปฏิสังขรณ์
แลว้ เปลยี่ นชอ่ื เปน็ วดั อนิ ทรรำม ภำยหลัง (ในรชั กำลท่ี ๖) ทำงกำรคณะสงฆ์ พิจำรณำเห็นว่ำนำมพอ้ งกบั วดั อนิ
ทำรำม (วัดบำงย่เี รือใต้) คลองบำงกอกใหญ่ จังหวดั ธนบุรี จึงเปลีย่ นนำมใหม่ว่ำ "วดั อินทรวหิ ำร" ปรำกฏสืบ
มำจนทกุ วนั นี้

คร้ันอำยุ ๑๒ ปี ในปีวอก พ.ศ. ๒๓๔๓ ไดบ้ รรพชำเปน็ สำมเณร (จะบรรพชำที่วดั สังเวชฯ หรือวดั อินทรวิหำร
ไม่ทรำบแน่ แตส่ ันนิษฐำนว่ำจะบรรพชำที่วัดอนิ ทรวิหำร ด้วยเปน็ สำนกั ทีท่ ำ่ นเคยอยู่และศึกษำอักขรสมยั มำแต่
แรก) เจ้ำคณุ บวรวิรยิ เถร (อยู่) เจำ้ อำวำสวัดสังเวชวศิ ยำรำม (เวลำนั้นเรยี กว่ำวัดบำงลำพูบน) จังหวดั พระนคร
เปน็ อุปชั ฌำย์ ต่อมำจะเป็นปใี ดไม่ปรำกฏ ไดย้ ้ำยสำนักมำอย่วู ัดระฆังฯ เพ่อื ศกึ ษำพระปริยัติธรรมตอ่ ไป

ในตอนทเี่ จ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ จะย้ำยมำอยู่วดั ระฆังฯ น้ันมเี รือ่ งเล่ำวำ่ คืนวนั หน่ึงพระอำจำรย์ (เห็นจะเป็น
สมเด็จพระพทุ ธโฆษำจำรย์ (นำค) เปรยี ญเอก) นอนหลบั ฝนั ไปวำ่ มีช้ำงเผอื กเชือกหน่ึงเข้ำมำกินหนงั สอื
พระไตรปิฎกในตขู้ องท่ำนจนหมดส้ิน แล้วตกใจต่ืน ท่ำนไดพ้ จิ ำรณำลกั ษณะกำรทีฝ่ ันเห็นวำ่ "ชะรอยจะมีคนนำ
เดก็ มำฝำกเป็นศิษย์ และเดก็ น้นั ต้องกอปรไปด้วยสติปญั ญำอันสงู ส่ง ตอ่ ไปจะเปน็ ผู้ทรงคุณเป็นอยำ่ งวิเศษผู้
หนง่ึ " ครน้ั รุง่ เชำ้ ท่ำนจึงสงั่ พระและเณรว่ำ วันน้ีถำ้ มใี ครนำเดก็ มำ ขอใหร้ อพบท่ำนให้จนได้ เผอิญในวนั นนั้ เจ้ำ
คณุ อรญั ญกิ ได้พำสำมเณรโตมำถวำยเปน็ ศษิ ย์ศึกษำพระปรยิ ัตธิ รรม พระอำจำรย์น้ันกย็ นิ ดรี ับไว้ ด้วย
พิเครำะห์เหน็ พฤตกิ ำรณ์เปน็ จรงิ ตำมควำมฝนั

ในสมยั ท่เี ปน็ สำมเณร ปรำกฏวำ่ พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้ำนภำลัย เมื่อยังดำรงพระยศเป็นสมเดจ็ เจ้ำฟำ้
กรมหลวงอิศรสุนทร ทรงโปรดปรำนมำกทรงรบั ไวใ้ นรำชูปถัมภ์ถึงกับไดพ้ ระรำชทำนเรอื กรำบกนั ยำหลังคำ
กระแชงให้ทำ่ นไว้ใชใ้ นกจิ กำรส่วนตัว (ควำมปรำกฏในพระรำชพงศำวดำรกรงุ รตั นโกสินทร์ รัชกำลที่ ๕ ว่ำ
"พระมหำอุปรำชในรัชกำลท่ี ๓ ท่ีนัง่ ก็ทรงเรือกรำบกนั ยำหลงั คำกระแชงอย่ำงพระองค์เจ้ำ ไมค่ ำดสีเหมอื นเรอื
เจำ้ ฟ้ำ น้แี สดงให้เหน็ ว่ำ เรือกรำบกนั ยำหลังคำกระแชงเป็นเรอื เฉพำะพระองค์เจำ้ ทรง) แมพ้ ระบำทพระพทุ ธ
ยอดฟำ้ ฯ ก็ทรงพระเมตตำ ครน้ั อำยคุ รบอปุ สมบทเมือ่ ปีเถำะ จุล ๑๑๖๙ (พ.ศ. ๒๓๕๐) ทรงพระกรณุ ำโปรด
เกลำ้ ใหบ้ วชเปน็ นำคหลวง ทใี่ นวัดพระศรรี ัตนศำสดำรำม สมเด็จพระสังฆรำช (สุก) วัดมหำธำตยุ ุวรำช
สงั สฤษด์ิ เป็นอปุ ัชฌำย์ (วดั นเี้ ดิมชือ่ ว่ำ วดั สลกั สมเดจ็ พระอนุชำธริ ำช (ในรัชกำลท่ี ๑) กรมพระรำชวังบวร
สถำนมงคล ทรงปฏิสงั ขรณ์โดยใหส้ รำ้ งพระอุโบสถ พระวิหำร และสร้ำงเจดยี ์เล็กๆ บรรจพุ ระบรมสำรรี ิกธำตุ
ให้กอ่ พระระเบียงรอบ และสรำ้ งกฎุ ตี กึ ๓ หลัง พระรำชทำนพระวนั รัตเจ้ำอำวำส และสร้ำงกุฏิเครอื่ งไมฝ้ ำ

70

กระดำนเปน็ เสนำสนะ พอแก่พระสงฆท์ ั้งอำรำม แล้วสร้ำงกำแพงล้อมรอบพระอำรำมดว้ ย ครน้ั เม่อื ทรง
ปฏิสงั ขรณ์แล้ว จึงพระรำชทำนนำมใหม่วำ่ วดั นพิ พำนำรำม

ต่อมำพระบำทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟำ้ ฯ ทรงเปลี่ยนนำมเสียใหม่ว่ำ วดั ศรีสรรเพชญ์ ครั้นต่อมำอีกทรง
พระรำชดำริเห็นว่ำวัดมหำธำตยุ ังไมม่ ี และกว็ ัดมหำธำตุเป็นท่ีอย่ขู องสมเดจ็ พระสงั ฆรำชแลว้ และครองอยู่ทีว่ ัด
นี้ (คนละองคก์ ับสมเดจ็ พระสังฆรำชไก่เถื่อน แต่ช่ือสุกเหมือนกัน) จงึ เปลย่ี นชื่อวัดเป็นมหำธำตุฯ ตำมตำแหน่ง
สมเดจ็ พระสงั ฆรำชมำจนทุกวันนี้ อนึ่งสมเดจ็ พระสังฆรำช (สุก) พระองค์นีเ้ ปน็ พระฝ่ำยคันถธุระ และเปน็
อปุ ัชฌำย์ เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ตลอดจนกำรสง่ั สอนพระปริยัตธิ รรมด้วย)

เร่อื งประวตั ิของเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ อนั เนื่องด้วยกำรศกึ ษำพระปริยัตธิ รรมนัน้ ไดฟ้ ังผู้หลกั ผู้ใหญ่เล่ำกันมำว่ำ
ท่ำนไดเ้ ลำ่ เรียนในสำนกั สมเด็จพระพทุ ธโฆษำจำรย์ (นำค) เปรียญเอก วัดระฆัง เป็นพ้ืน และได้เล่ำเรยี นตอ่
สมเด็จพระสังฆรำช (สกุ ) วัดมหำธำตบุ ำ้ ง นอกจำกน้จี ะได้เลำ่ เรียนท่ใี ดอกี บำ้ งหำทรำบไม่ เล่ำว่ำเม่อื เปน็
นักเรยี นท่ำนมกั ไดร้ บั คำชมเชยจำกครูบำอำจำรย์เสมอว่ำมีควำมทรงจำดี ทั้งมปี ฏภิ ำณอันยอดเย่ยี ม ดังมีเรอ่ื ง
เล่ำขำนกันว่ำเม่อื ทำ่ นเรยี นพระปริยตั ธิ รรมในสำนกั สมเดจ็ พระสังฆรำชนั้น กอ่ นจะเรียนท่ำนกำหนดวำ่ วันนี้
ท่ำนจะเรยี นตง้ั แต่นี่ถึงนนั่ ครนั้ ถงึ เวลำเรียนท่ำนก็เปิดหนังสอื ออกแปลตลอด ตำมท่กี ำหนดไว้ ท่ำนทำดังนี้
เสมอ จนสมเดจ็ พระสังฆรำชรบั ส่งั ว่ำ "ขรัวโตเขำมำแปลหนังสือให้ฟัง เขำไมไ่ ด้มำเรียนหนงั สือกบั ฉันดอก"

ยงั มขี อ้ น่ำประหลำดอกี อยำ่ งหนึง่ ทท่ี ่ำนเรียนร้ปู รยิ ตั ธิ รรมแต่ไม่เข้ำแปลหนงั สอื เป็นเปรยี ญ (ในสมยั กอ่ นน้นั
กำรสอบพระปรยิ ัติธรรมไมไ่ ด้ออกเปน็ ข้อสอบเหมอื นทกุ วนั น้ี กำรสอบในคร้งั นัน้ ตอ้ งสอบพระปริยตั ิธรรมต่อ
พระพกั ตรพ์ ระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยหู่ ัว และสมเดจ็ พระสงั ฆรำช (สุก) ณ วัดพระศรีรัตนศำสดำรำม เป็นกำร
สอบด้วยปำกเปลำ่ สุดแตผ่ ู้เปน็ ประธำนกรรมกำร และกรรมกำรจะสอบถำมอยำ่ งใด ต้องตอบใหไ้ ด้ ถ้ำตอบ
ไม่ไดก้ ็หมำยควำมว่ำตกเพียงแค่นั้น) และแปลกย่ิงกว่ำน้ันก็คือ มีผเู้ รยี กท่ำนว่ำมหำโตมำตง้ั แต่แรกบวช
(ปรำกฏในบญั ชรี ำยนำมพระสงฆ์พระรำชทำนฉันและสดปั กรณ์รำย ๑๐๐ ในงำนพระรำชพธิ ีวิสำขบูชำ รัชกำล
ที่ ๓ วันแรม ๒ คำ่ เดือน ๖ แตไ่ มล่ งปี มนี ำมเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ เขียนว่ำ "มหำโต เปรยี ญเอก บำงแหง่ ว่ำ
มหำโต เปรียญ ๔ ประโยคแรก) แต่บำงคนเรยี กว่ำ "ขรัวโต"

ท้งั นีเ้ พรำะเหน็ ว่ำท่ำนมกั ชอบทำอะไรแปลกๆ ไมซ่ ้ำแบบใคร นี้เป็นเร่ืองธรรมดำของอจั ฉรยิ บุคคล ซึ่งตำม
ปรกติคนส่วนมำก ไมค่ อ่ ยเข้ำใจในอจั ฉรยิ ภำพอันมีควำมหมำยสงู อัจฉรยิ บคุ คลแทบทกุ ท่ำนเม่อื ยังมีชีวิตอยู่
มักจะมีผเู้ ขำ้ ใจว่ำบ้ำเสมอ มีมติอยูข่ อ้ หน่ึงว่ำ " อจั ฉรยิ บุคคลและคนบ้ำนั้นอยูห่ ่ำงกนั เพียงก้ำวเดยี ว" ว่ำถึง
ควำมรอบรู้พระปริยตั ธิ รรม ปรำกฏว่ำท่ำนเจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ เป็นผู้แตกฉำนในพระไตรปิฎก มีช่ือทงั้ เป็น
ผู้เรียนกเ็ รียนเก่งกว่ำใคร เป็นครูกส็ อนได้ดีเย่ียม มีลกู ศิษยล์ กู หำมำกมำย ศิษยท์ ีเ่ ปน็ เปรียญเอกและทรงสมณ
ศกั ด์ิสงู คอื หมอ่ มเจ้ำพระสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (ทดั ) วัดพระเชตพุ น

71

ต่อไปจะกล่ำวถึงกำรศึกษำวปิ ัสสนำธุระของเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ กอ่ นจะกล่ำวในเรื่องนีจ้ ำจะต้องอธบิ ำยถึงเร่ือง
วิปสั สนำธุระก่อน

กำรเรยี น "วิปัสสนำธรุ ะ" น้นั คอื เรยี นวิธีท่จี ะชำระจิตใจของตนใหบ้ ริสุทธ์ิหลดุ พ้นจำกกิเลส (กำรเรยี น "คันถ
ธรุ ะ" หรอื เรียกกันอกี อยำ่ งหน่งึ ว่ำ "พระปริยตั ิธรรม" คือเรยี นคำส่ังสอนของพระพทุ ธเจำ้ ดว้ ยพยำยำมอ่ำน
พระไตรปิฎกให้รอบร้ใู นพระธรรมวนิ ยั แต่กำรเรียนคันถธุระนั้นตอ้ งเรียนหลำยปี เพรำะตอ้ งเรียนภำษำมคธ
ก่อน ต่อเมอ่ื รภู้ ำษำมคธแล้วจึงจะอ่ำนพระไตรปิฎกเขำ้ ใจได้) ผ้ทู ่บี วชพรรษำเดยี วไม่มเี วลำพอทีจ่ ะเรยี นคนั ถ
ธรุ ะ จึงมักเรียนวิปัสสนำธรุ ะอนั เป็นกำรภำวนำ อำจเรียนได้ดว้ ยไมต่ ้องร้ภู ำษำมคธ และถือกันอกี อยำ่ งหน่ึงว่ำ
ถ้ำเรยี นวปิ สั สนำธรุ ะชำนำญแลว้ อำจจะทรงวเิ ศษในทำงวทิ ยำคม เปน็ ประโยชน์อย่ำงอ่ืน ตลอดจนวิชำพชิ ัย
สงครำม เพรำะฉะน้ันผู้ซงึ่ บวชแตพ่ รรษำเดยี ว จงึ มักศึกษำวปิ ัสสนำธรุ ะเปน็ ประเพณี มีมำแต่คร้งั กรงุ ศรอี ยุธยำ
ถึงสมยั รตั นโกสนิ ทร์นี้ ผู้ทบี่ วชแตพ่ รรษำเดียวหรือหลำยพรรษำกน็ ิยมศึกษำวปิ ัสสนำธุระกันแพร่หลำย
(หนังสือ "ควำมทรงจำ" พระนพิ นธ์สมเดจ็ กรมพระยำดำรงรำชำนุภำพว่ำ "เมือ่ พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ
หลำ้ นภำลยั และพระบำทสมเด็จพระน่ังเกลำ้ เจำ้ อยหู่ ัว ทรงผนวชในรัชกำลที่ ๑ ก็ทรงศึกษำวปิ ัสสนำธุระ
เพรำะฉะน้นั เมอ่ื พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจ้ำอย่หู ัวทรงผนวช พระบำทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลำ้ นภำลยั จึง
โปรดใหท้ ำตำมเย่ียงอย่ำง ครนั้ พระองคท์ รงผนวช ทรงรับอุปสมบททีว่ ัดพระศรีรตั นศำสดำรำม แล้วเสด็จไป
ประทบั ณ ตำหนกั ในวัดมหำธำตุ ทำอุปัชฌำยวตั ร ๓ วนั แล้วเสด็จไปจำพรรษำทรงศกึ ษำวปิ ัสสนำธรุ ะ ณ วัด
ถมอรำย ซ่ึงพระรำชทำนนำมวำ่ "วดั รำชำธิวำส" เม่ือรัชกำลท่ี ๔) ว่ำโดยเฉพำะในรัชกำลท่ี ๒ กำรศึกษำ
วิปสั สนำธุระเจริญรุง่ เรอื ง ด้วยว่ำพระบำทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลำ้ นภำลัยทรงทำนุบำรุงวิทยำประเภทนี้ โดย
โปรดให้อำรำธนำพระภกิ ษทุ ที่ รงคุณวฒุ ิ ในทำงวิปัสสนำธุระ ทัง้ ในกรงุ และหัวเมอื งปกั ษ์ใต้ฝ่ำยเหนือ มำรับ
พระรำชทำนบำตร ไตรจีวร กลด และบริขำรอันควรแก่สมณะฝ่ำยอรัญวำสี แล้วทรงแตง่ ตง้ั เปน็ พระอำจำรย์
บอกพระกัมมัฏฐำนแกพ่ ระสงฆ์สำมเณรและคฤหัสถ์ (ควำมพิสดำรปรำกฏอยู่ในจดหมำยเหตุรชั กำลที่ ๒ ปี
มะเส็งตรศี ก จลุ ศักรำช ๑๑๘๓ (พ.ศ. ๒๓๖๔ เลขท่ี ๗)

กำรศึกษำวิปสั สนำธุระและมำยำศำสตร์ของเจำ้ พระคณุ สมเด็จฯ นั้น สันนษิ ฐำนวำ่ ท่ำนจะได้เล่ำเรียนในหลำย
สำนกั ด้วยในสมัยนัน้ (โดยเฉพำะในรัชกำลท่ี ๒) กำรศกึ ษำวปิ ัสสนำธุระเจริญแพร่หลำยนกั มีครอู ำจำรย์ผู้ทรง
เกยี รตคิ ณุ อยู่มำกดังกล่ำวแล้ว แต่ทที่ รำบเป็นแน่นอนน้นั ว่ำ ในช้นั เดมิ ท่ำนได้เล่ำเรยี นในสำนกั เจ้ำคณุ อรัญญิก
(แก้ว) วัดอนิ ทรวหิ ำรและในสำนกั เจำ้ คณุ บวรวริ ิยะเถระ (อย)ู่ วดั สงั เวชวิศยำรำม และดูเหมอื นจะได้เลำ่ เรยี น
จนมคี วำมรู้เช่ยี วชำญแต่เมือ่ ยังเปน็ สำมเณร ด้วยปรำกฏว่ำ เมอ่ื เป็นสำมเณรนั้นครงั้ หนง่ึ ท่ำนไดเ้ อำปูนเต้ำเล็กๆ
ไปถวำยเจ้ำคณุ บวรฯ ๑ เต้ำ กับถวำยพระในวดั นัน้ องค์ละ ๑ เต้ำ เวลำน้นั ไม่มใี ครสนใจ มพี ระองคห์ นึง่ เก็บปูน
นั้นไว้ แลว้ ป้ันเป็นลูกกลมๆ สกั ๓-๔ ลูก ภำยหลงั กลำยเป็นลูกอมศักดิส์ ิทธิ์เล่อื งลอื กันขึน้ ดังน้ี ต่อมำใน
ภำยหลงั ได้เข้ำศึกษำมำยำศำสตร์ต่อท่สี ำนักพระอำจำรย์แสง จังหวัดลพบุรอี ีกองคห์ น่ึง (พระรำชนพิ นธ์สมเด็จ
พระจลุ จอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ ัว ทรงพระรำชนิพนธ์ไวใ้ นครำวเสดจ็ ประพำสมณฑลอยุธยำเมื่อปขี ำล พ.ศ.๒๔๒๑
ควำมตอนหน่ึงวำ่ "ขรัวแสง คนท้งั ปวงนบั ถอื กันวำ่ เปน็ ผู้มีวชิ ำ เดมิ ตงั้ แตเ่ มอื งลพบุรีเข้ำลงไปเพลที่กรุงเทพฯ
ได้ เป็นคนกว้ำงขวำง เจ้ำนำยขุนนำงรูจ้ กั หมด ไดส้ ร้ำงพระเจดยี ส์ ูงไวอ้ งค์หนง่ึ ที่วดั มณีชลขันธ์ (คอื วัดเกำะ ซ่ึง
เจ้ำพระยำยมรำช (เฉย) ต้นสกุล ยมำภยั สร้ำง) ตัวไมไ่ ด้อยูท่ ่วี ดั น้ี หน้ำเข้ำพรรษำไปจำพรรษำอยู่ที่วัดอ่นื ถำ้

72

ถึงออกพรรษำแลว้ มำปลกู โรงอยูร่ ิมพระเจดีย์ ๒ องคน์ ้ี ซ่ึงก่อเองคนเดียวไม่ยอมใหค้ นอื่นชว่ ย รำษฎรที่นับถอื
พำกนั ช่วยเร่ยี ไรอิฐปนู และพระเจดีย์องคน์ ีเ้ จำ้ ของจะทำแลว้ เสรจ็ ตลอดไป หรอื จะทิง้ ผูอ้ นื่ ชว่ ย เมอ่ื ตำยแล้ว
ไมไ่ ดถ้ ำมดู ของเธอกส็ งู ดีอย.ู่ ....)

พระอำจำรยอ์ งค์สำคัญทส่ี ดุ ของเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ คอื สมเดจ็ พระสังฆรำช "ไก่เถื่อน" (สกุ ) สมเดจ็
พระสงั ฆรำช (สกุ ) พระองค์น้ี เดิมอย่วู ดั ท่ำหอย ริมคลองคูจำม ในแขวงจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยำ (ดูพระรำช
พงศำวดำรกรุงรตั นโกสนิ ทร์รัชกำลท่ี ๑) เม่อื รัชกำลที่ ๑ พระบำทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟำ้ จฬุ ำโลก ทรง
อำรำธนำมำต้ังเป็นพระรำชำคณะท่พี ระญำณสงั วร ด้วยทรงเหน็ ว่ำเปน็ ผู้มีชื่อเสียงในทำงวิปัสสนำธุระเป็นทน่ี ับ
ถอื ของชนทง้ั หลำย ถึงกับกล่ำวกันว่ำ ทรงไว้ซง่ึ เมตตำพรหมวหิ ำรแก่กล้ำถึงกบั สำมำรถเล้ยี งไกเ่ ถื่อนใหเ้ ชือ่ งได้
เหมือนไกบ่ ำ้ น ทำนองเดียวกับท่สี รรเสริญพระสวุ รรณสำมโพธิสัตวใ์ นเรอ่ื งชำดก ตอ่ มำได้รับกำรแต่งตง้ั ให้เปน็
สมเดจ็ พระสังฆรำช ในรัชกำลที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๓ คนทั้งหลำยจึงพำกนั ถวำยพระฉำยำนำมวำ่ "พระสงั ฆรำช
ไก่เถือ่ น" และไดเ้ สด็จมำประทับ ณ วดั มหำธำตุเพียง ๑ ปกี ็สนิ้ พระชนม์ ทรงพระชันษำได้ ๙๐ เม่อื ถวำยพระ
เพลิงศพแล้ว โปรดฯ ให้ปั้นรปู บรรจอุ ฐั ไิ วใ้ นกฏุ ิหลงั หนึง่ ด้ำนหน้ำพระอโุ บสถ

อนง่ึ ในตอนท่ีถูกอำรำธนำมำจำกวัดท่ำหอยนั้น ทำ่ นขออยวู่ ัดอรัญญิก จึงโปรดให้อยู่วัดพลับ แล้วสร้ำงพระ
อำรำมหลวงเพ่ิมเตมิ ออกมำอีก และเจำ้ นำยท่ีทรงผนวชในรัชกำลที่ ๑ นน้ั ตอ้ งไปศึกษำวปิ สั สนำธุระในสำนกั
สมเดจ็ พระสงั ฆรำช (ขณะท่ีทรงเปน็ พระญำณสงั วร) พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้ำฯ ก็ดี พระบำทสมเด็จ
พระนัง่ เกล้ำฯ ก็ดี ตลอดจนพระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำฯ กด็ ี ล้วนเคยศึกษำวิปสั สนำธุระมำจำกสมเดจ็ พระ
ญำณสังวร (สกุ ) ท้ังน้นั อจั ฉรยิ ภำพในกำรสร้ำงพระสมเด็จฯ นน้ั เข้ำใจว่ำเจำ้ พระคณุ สมเด็จฯ ได้รบั กำรศกึ ษำ
มำจำกพระอำจำรยพ์ ระองคน์ ี้ กล่ำวคอื พระวัดพลบั ของสมเดจ็ พระสงั ฆรำช (สุก) น้ี (สรำ้ งตอนดำรงสมณ
ศักดิ์เปน็ พระญำณสังวร ครองวดั พลบั วดั นี้อยู่ในคลองบำงกอกใหญ่ ฝั่งเหนือ จังหวัดธนบุรี เปน็ วัดโบรำณมีมำ
ตงั้ แตค่ รั้งกรงุ ศรีอยุธยำ ตวั วัดเดมิ อย่ทู ำงด้ำนรมิ เดีย๋ วน้ีคอ่ นไปทำงตะวนั ตก) เมื่อพระบำทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟำ้ ฯ ทรงอำรำธนำพระอำจำรยส์ กุ (สงั ฆรำชไก่เถ่ือน) มำจำกวดั หอย จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยำนนั้ ท่ำน
ขออยู่วดั อรัญญกิ จึงโปรดให้อยูว่ ัดพลับ แล้วสร้ำงพระอำรำมหลวงเพ่ิมเติมขยำยออกมำอีก สมเด็จพระญำณ
สงั วรนี้ ทรงเปน็ พระอำจำรยท์ ำงคันถธรุ ะและวปิ ัสสนำธุระเจำ้ นำยมำตัง้ แตร่ ัชกำลท่ี ๑ เป็นต้นมำ
พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลำ้ ฯ กด็ ี ล้วนเคยศึกษำวิปัสสนำธุระ ในสำนักสมเดจ็ พระญำณสงั วร (สกุ ) ท้งั น้นั
ที่วดั นย้ี ังมตี ำหนักจันทร์ ซ่งึ เปน็ ที่ประทับของพระบำทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้ำฯ เมอ่ื ทรงผนวช นอกจำกน้ี
พระบำทสมเดจ็ พระน่ังเกล้ำฯ ยงั โปรดใหซ้ อ่ มพระอำรำม แล้วพระรำชทำนเปลย่ี นนำมวัดเสียใหม่ว่ำ "วัดรำช
สทิ ธำรำม" ถึงในรัชกำลที่ ๔ พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำฯ โปรดใหส้ ร้ำงพระเจดยี ์ทรงเคร่ืองไว้ขำ้ งหนำ้ พระ
อำรำม ๒ องค์ ๆ หน่ึงนำมวำ่ "พระศิรำลพเจดีย์" (พระเจดีย์องค์น้ีทรงอทุ ิศถวำยพระบำทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้ำฯ
อีกองคห์ นง่ึ ทรงขนำนนำมวำ่ "พระศิรจุมภฏเจดีย์" (พระเจดีย์พระองคน์ ท้ี รงสร้ำงเป็นส่วนพระองค์เอง ท้ังน้ี
เพอ่ื เป็นท่ีระลึกวำ่ ได้เคยมำทรงศกึ ษำพระวิปัสสนำในสำนักสมเดจ็ พระญำณสงั วร (สกุ ) ) เมอื่ พิเครำะห์ดูแล้ว
จะเหน็ ได้ว่ำ มีลักษณะของเน้ือเหมือนเนอื้ ของพระสมเด็จฯ (ของเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ) ทีส่ ดุ แต่พระวัดพลบั มี
อำยุในกำรสร้ำงสูงกวำ่ พระสมเด็จฯ ฉะน้ันจงึ กล่ำวไดว้ ่ำ เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ เอำแบบอย่ำงส่วนผสมผสำนมำ

73

ดัดแปลง และยิ่งพระสมเด็จฯพิมพ์ทรงหลงั เบ้ียด้วยแลว้ ก็ยิง่ สังเกตไดว้ ่ำ ดดั แปลงเค้ำแบบมำจำกพระวัดพลับ
ทเี ดยี ว

อนึง่ กำรทรงไว้ซ่ึงควำมเมตตำกรุณำ อนั เป็นท่รี กั แหง่ มนุษย์และสตั ว์เดรัจฉำนน้นั เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ มี
คณุ ลักษณะคลำ้ ยคลงึ สมเดจ็ พระสังฆรำชพระอำจำรย์พระองคน์ ้มี ำก เข้ำใจว่ำเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ มีควำม
เลื่อมใสและเจริญรอยตำมพระอำจำรย์แทบทุกอย่ำง นอกจำกน้ี เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ จะไดศ้ กึ ษำวปิ สั สนำธุระ
มำยำศำสตร์มำเป็นเวลำช้ำนำนอย่ำงไรไม่ปรำกฏ ปรำกฏแตว่ ่ำทำ่ นได้ศกึ ษำจนมคี วำมรู้ควำมชำนำญ ท้ังใน
คันถธรุ ะ, วปิ สั สนำธรุ ะ และมำยำศำสตร์ กบั มคี ุณวุฒิอยำ่ งอนื่ ประกอบกนั เป็นอันมำก ท่ำนจึงเป็นผ้ทู รง
คณุ วิเศษเป็นมหศั จรรยย์ ิ่งนัก นับไดว้ ำ่ เปน็ วสิ ำมัญบรุ ุษ หรืออัจฉริยบคุ คลท่หี ำได้ยำกท่สี ดุ ในโลกคนหนง่ึ
ควำมท่กี ล่ำวขอ้ น้ีมีมลู ควำมจริงท่ีจะพสิ ูจน์ได้ จำกเรื่องรำวในชีวประวตั ิของท่ำนซง่ึ จะบรรยำยต่อไปข้ำงหนำ้

เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ เปน็ ผ้ทู ไี่ มป่ รำรถนำยศศักด์ิ แมเ้ รียนรพู้ ระปรยิ ัติธรรมก็ไม่เข้ำแปลหนงั สือเป็นเปรียญ และ
ไม่ยอมรบั เป็นฐำนำนกุ รมในรัชกำลที่ ๓ พระบำทสมเดจ็ พระนัง่ เกลำ้ เจ้ำอยูห่ ัวทรงต้ังเป็นพระรำชำคณะ ท่ำน
ทูลขอตัวเสีย เล่ำกันวำ่ เพรำะทำ่ นเกรงว่ำจะต้องรบั พระรำชทำนสมณศักด์ิ ท่ำนจึงมกั หลบหนไี ปพกั แรม ณ
ตำ่ งจังหวัดห่ำงไกลเนือ่ งๆ (ว่ำโดยมำกไปธดุ งค)์ บำงทกี เ็ ลยไปถงึ ประเทศเขมรกม็ ี (ดตู อนประวัติกำรสร้ำงพระ
สมเด็จฯ ประกอบ) ถึงรัชกำลท่ี ๔ พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยหู่ ัว ทรงทรำบว่ำคณุ ธรรมของท่ำนยง่ิ
หย่อนเพียงไร จงึ ทรงตัง้ เปน็ พระรำชำคณะที่พระธรรมกิตติ เมอื่ ปีชวด พ.ศ.๒๓๙๕ เวลำนน้ั ท่ำนมีอำยไุ ด้ ๖๕
ปแี ลว้ แตจ่ ะทรงตงั้ ในวนั เดือนใดไม่ปรำกฏ ปรำกฏในหมำยรบั ส่ังรัชกำลที่ ๔ จลุ ศักรำช ๑๒๑๔ (พ.ศ.๒๓๙๕)
เลน่ ๑๘ ตอนหนึง่ ควำมว่ำ

"อนึ่ง เพลำเช้ำ ๓ โมง นำยพนั ตำรวจวังมำสง่ั วำ่ ดว้ ยพระประสทิ ธศิ ภุ กำร รบั พระบรมรำชโองกำรใสเ่ กล้ำฯ
ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ รับสง่ั ว่ำทรงพระรำชศรัทธำให้ถวำยนิตยภตั พระธรรมกติ ติ วัดระฆังฯ เพิ่มขึ้นไปอีก
๒ บำท เขำ้ กับเก่ำใหม่เปน็ เงนิ เดือนถวำยพระธรรมกติ ติอกี ๒บำท ต้ังแต่เดือนย่ี ปชี วด จตั วำศก ไปจนทุกเดอื น
ทกุ ปอี ย่ำให้ขำดได้....."

ในตอนพระรำชทำนสมณศกั ดิ์ท่พี ระธรรมกิตติ มีเรื่องเกร็ดเลำ่ กันว่ำ พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยหู่ ัวมี
พระรำชดำรัสถำมเจำ้ พระคุณสมเด็จฯว่ำ "เม่อื ในรชั กำลที่ ๓ ทำไมท่ ่ำนจึงหนี ไมย่ อมรบั ยศศกั ด์ิ ต่อทนี่ ้ีทำไมจงึ
ยอมรบั ไมห่ นีอีก" ทำ่ นถวำยพระพรว่ำ "รชั กำลที่ ๓ ไมไ่ ด้ทรงเป็นเจ้ำฟ้ำ (คือพระบำทสมเด็จพระน่ังเกล้ำ
เจำ้ อยูห่ วั ไมไ่ ดเ้ ป็นเจ้ำฟำ้ ลกู ยำเธอ เป็นแต่พระองค์เจำ้ ) เป็นแตเ่ จ้ำแผน่ ดนิ เท่ำนนั้ ทำ่ นจงึ พ้น ส่วนมหำบพิตร
พระรำชสมภำรเจ้ำ เปน็ ทง้ั เจำ้ ฟำ้ และเจ้ำแผ่นดนิ ท่ำนจะหนีไปทำงไหนพน้ "

เรำยอ่ มทรำบได้ว่ำน่ไี มใ่ ช่เหตุผล แต่เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ไดใ้ ช้ปฏิภำณตอบเล่ียงไปในทำนองตลกไดอ้ ยำ่ ง
งดงำมกล่ำวกันว่ำ พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจำ้ อยหู่ ัวทรงพระสรวล ไม่ตรัสวำ่ กระไร (และคงจะเปน็ เพรำะ
ไม่ทรงทรำบว่ำจะตรัสวำ่ กระไรดกี ระมงั -ผู้เขียน) แลว้ โปรดใหม้ ำครองวดั ระฆังฯ (วัดน้ีเปน็ วัดโบรำณสมัยกรุง
ศรีอยธุ ยำ เดมิ ช่ือวัดบำงหว้ำใหญ่ เมื่อพระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำฯ ขน้ึ ครองรำชย์ ทรงแต่งตั้งสมเด็จ

74

พระสังฆรำช สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ และพระพิมลธรรม (ไม่ทรำบนำมทั้ง ๓ องค)์ ให้ทรงสมณศักดิ์ตำมเดิม
(ถูกพระเจ้ำกรงุ ธนฯ ถอด) และให้สมเดจ็ พระสังฆรำช มำครองวัดบำงหวำ้ ใหญ่ ทรงใหร้ ้อื ตำหนกั ทองของพระ
เจำ้ กรุงธนฯ ไปปลูกเปน็ กุฏิถวำยสมเด็จพระสังฆรำชและทรงปฏสิ ังขรณ์ท่ัวๆ ไป เสร็จแล้วทรงเปลี่ยนนำมวัดว่ำ
วัดระฆังโฆสติ ำรำม ดังปรำกฏสบื มำทกุ วนั นี้)

คร้ันเสร็จพระรำชพิธีแลว้ ท่ำนก็ออกจำกพระบรมมหำรำชวัง ข้ำมไปวดั ระฆังฯ หอบเครื่องไทยธรรม ถอื พัดยศ
และยำ่ มมำเอง ใครจะรบั ก็ไม่ยอมสง่ ให้ เที่ยวเดินไปรอบวัด ร้องบอกกล่ำวดังๆ วำ่ "ในหลวงท่ำนใหฉ้ ันมำเปน็
สมภำรวัดนจ้ี ะ๊ " พวกพระเณรและคฤหัสถ์ทมี่ ำคอยรบั ต่ำงพำกนั เดนิ ตำมท่ำนไปเปน็ ขบวน เมอ่ื บอกกลำ่ วเขำ
รอบๆ วัดแล้ว ท่ำนจึงขน้ึ กฏุ ิ (มิใช่เปน็ กำรโออ้ วดหรอื ปติ ิยนิ ดี แต่เปน็ กำรแฝงไว้ซ่งึ อัจฉริยภำพอันหน่ึงทมี่ อง
โลกไปในแงแ่ ห่งควำมขบขัน คือหนกี ำรแตง่ ตั้งไม่พ้น-ผู้เขยี น)

ต่อมำอีก ๒ ปี ถึงปีชวด พ.ศ.๒๓๙๗ ทรงตั้งเป็นพระรำชำคณะผ้ใู หญท่ ี่พระเทพกวี ครนั้ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์
(สน) วดั สระเกศมรณภำพ จึงทรงสถำปนำเปน็ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ เปน็ สมเด็จพระพุฒำจำรยอ์ งคท์ ี่ ๕ ใน
กรุงรตั นโกสนิ ทร์ กล่ำวตำมลำดบั ดังน้ี คือ

๑. สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (ไม่ทรำบนำมเดมิ ) อยู่วดั อมรินทร์ ซึ่งคร้ังนั้นเรียกว่ำวัดบำงหว้ำนอ้ ย ประวัตศิ ำสตร์
กรงุ รตั นโกสนิ ทร์กลำ่ วว่ำตอ้ งถกู ถอดถูกเฆ่ียนด้วยไมย่ อมถวำยบังคมพระเจ้ำกรุงธนบุรี ถึงรัชกำลที่ ๑ จึง
โปรดใหเ้ ป็นสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ตำมเดมิ

๒. สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (อยู่) วัดระฆงั ฯ

๓. สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (เป้ำ) วดั อนิ ทำรำม (เดิมเรยี กวดั บำงย่ีเรือใต้)
๔. สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (สน) วดั สระเกศ (เดิมเรียกวดั สะแก)

๕. สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) วัดระฆงั ฯ

ฯลฯ

เมอ่ื วันพฤหสั บดี เดอื น ๑๑ ขนึ้ ๘ ค่ำ ปีชวด จลุ . ๑๒๒๖ ตรงกบั วันท่ี ๘ กันยำยน พ.ศ.๒๔๐๗ มีสำเนำ
ประกำศทท่ี รงต้ังดังนี้

คำประกำศ

ศิริศุภมศั ดุ พระพทุ ธศำสนำกำล เป็นอดตี ภำคลว่ งแล้ว ๒๔๐๗ พรรษำ ปัจจบุ ันกำล อนทุ รสังวรวจั ฉร
บุษยมำสสุกรปกั ษ์ นวมี ดถิ คี รวุ ำร บริเฉทกำลกำหนด พระบำทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหำมงกฏุ ฯลฯ พระจอม
เกล้ำเจ้ำอยูห่ ัว ทรงพระรำชดำริว่ำ พระเทพกวี มพี รรษำยุกำลประกอบด้วยรตั ตญั ญูมหำเถรธรรมย่ังยนื มำนำน
และมปี ฏิภำณปรีชำตรีปิฎกกลำโกศล และฉลำดในโวหำรนพิ นธ์เทศนำปรวิ ัตรวธิ ี และทำกิจในสตู รน้นั ดว้ ยดไี ม่
ย่อหยอ่ น อตุ สำหะสั่งสอนพระภกิ ษุสำมเณรโดยสมควร อนงึ่ ไมเ่ กียจคร้ำนในรำชกิจบำรุงพระบรมรำชศรัทธำ

75

ฉลองพระเดชพระคุณเวลำนั้น สมควรท่ีจะเปน็ อรัญญกิ มหำสมณคณศิ รำจำรย์พระรำชำคณะผ้ใู หญ่ มอี สิ ริยศ
ย่ิงกว่ำสมณนกิ รฝ่ำยอรัญวำสี เป็นอธิบดีครฐุ ำนยิ พิเศษ ควรสกั กำรบชู ำแห่งนำนำบริษัท บรรดำนบั ถอื
พระพุทธศำสนำได้

จงึ มพี ระบรมรำชโองกำรมำ ณ พระบณั ฑรู สุรสงิ หนำท ดำรัสสัง่ ใหส้ ถำปนำพระเทพกวี ศรวี สิ ทุ ธินำยก ตรปี ฎิ ก
ปรชี ำ มหำคณศิ ร บวรสังฆรำชคำมวำสี เลื่อนทขี่ น้ึ เป็น สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ อเนกสถำนปรชี ำ วสิ ุทธิศีล
จรรยำสมบตั ิ นิพทั ธธุตคณุ ศิรสิ นุ ทรพรตจำริก อรัญญิกคณศิ ร สมณนกิ รมมหำปรินำยก ตรปี ฎิ กโกศลวิมลศีล
ขนั ธ์ สถิต ณ วัดระฆงั โฆสติ ำรำมวรมหำวหิ ำร พระอำรำมหลวง มีนจิ ภตั รรำคำเดือนละ ๕ ตำลึง มฐี ำนำนศุ กั ดิ์
ควรตัง้ ฐำนำนกุ รมได้ ๘ รปู คอื

พระครูปลดั มนี ิจภัตรรำคำเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บำท

พระครูวินัยธร ๑
พระครูวินัยธรรม ๑

พระครสู ทั ธำสนุ ทร ๑

พระครูอมรโฆสติ ๑

พระครสู มุห์ ๑

พระครใู บฎกี ำ ๑

พระครธู รรมรกั ขิต ๑

ถึงเดอื นยีใ่ นปชี วดน้ัน จงึ โปรดเกลำ้ ฯ พระรำชทำนหริ ัญบฏั (มีขอ้ ควรสังเกตอย่ำงหน่ึง คอื เดมิ สมเด็จ
พระรำชำคณะไดร้ บั พระรำชทำนหิรัญบัฏต่อมำ เห็นจะเป็นในรัชกำลท่ี ๕ จึงเปลีย่ นเป็นพระรำชทำนสุพรรณบัฏ
อนึ่ง ประเพณที รงต้งั สมณศกั ดแ์ิ ตก่ อ่ นเป็นแตพ่ ระรำชทำนพดั ยศ ส่วนสัญญำบัตรนั้นพระรำชทำนต่อมำ
ภำยหลงั ) กลำ่ วไว้ในหมำยรบั สั่ง (หมำยรับสั่งรัชกำลท่ี ๔ จุล. ๑๒๒๖ (พ.ศ. ๒๔๐๗) เล่ม ๒๐) ดังน้ี

"ด้วยพระศรสี ุนทรโวหำรรบั พระบรมรำชโองกำรใส่เกล้ำฯ ทรงพระกรณุ ำโปรดเกล้ำฯ รบั ส่ังว่ำ จะได้
พระรำชทำนหิรญั บัฏสมเด็จพระพุฒำจำรย์ วดั ระฆังโฆสติ ำรำม ณ วัน ๕ ขึ้น ๙ คำ่ เดอื น ๒ เวลำเช้ำ ๓ โมง
อนงึ่ ใหร้ ำชยำนจดั เสล่ยี งงำ ๒ เสลี่ยง ไปคอยรบั หิรัญบฏั ทีพ่ ระท่ีนัง่ สกุ ไธศวรรย์ ไปลงเรอื มำ่ นทีท่ ่ำขนุ นำง
เสลี่ยง ๑ ใหท้ ันเวลำ อนึ่งให้อภริ มุ จดั สปั ทนใบกัน้ หิรัญบฏั ทพ่ี ระทน่ี ั่งสุทไธศวรรย์ อนั ไปสง่ ท่ที ่ำเรือให้ทันเวลำ
อนึ่ง ใหพ้ นั พุฒ พนั เทพรำชจ่ำยเลขใหฝ้ ีพำยๆ เรือม่ำนลำยสง่ หิรญั บัฏใหพ้ อลำ ๑ อย่ำให้ขำดไดต้ ำมคำสั่ง"

เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ตั้งแตเ่ ป็นพระรำชำคณะมำ แม้จนเม่ือเป็นสมเด็จพระรำชคณะแล้ว ทำ่ นก็ประพฤติแปลกๆ
ตำมใจของท่ำนอยอู่ ย่ำงเดิม เร่อื งท่ปี ระพฤติแปลกๆ น้ันจะได้ประมวลใหท้ ่ำนผอู้ ่ำนไดศ้ ึกษำในตอนต่อไป
ข้ำงหนำ้ นี้

76

การก่อสร้าง

เร่อื งประวัติของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ท่ีเกยี่ วกับกำรกอ่ สร้ำงนัน้ ปรำกฏว่ำท่ำนได้สร้ำงถำวรวตั ถไุ วห้ ลำยแห่ง
หลำยอย่ำง และมักจะชอบสร้ำงของทแี่ ปลกๆ และโต ๆ กล่ำวกันว่ำ เพื่อจะใหส้ มกับนำมของท่ำนทีช่ อ่ื โต กล่ำว
เฉพำะปชู นียวตั ถุท่ีสร้ำงเปน็ อนุสรณเ์ นอื่ งในตัวทำ่ น คือ สรำ้ งพระนอนใหญท่ ี่วดั สะตือ (วดั สะตือ เดมิ ตั้งอยู่ท่ี
หนง่ึ ในตำบลท่ำงำม (ท่ีเรยี กกันว่ำวัดสะตือเพรำะมตี ้นสะตือตอใหญ่อยู่ในวัดต้นหนงึ่ ) เมื่อเจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ
ไดม้ ำสรำ้ งพระนอนใหญ่ ณ ท่อี ีกแห่งหนง่ึ ในตำบลเดยี วกันทำงด้ำนตะวันออกไมห่ ่ำงนัก วดั สะตือจึงย้ำยมำต้ัง
ทบ่ี ริเวณพระนอนใหญ่นัน้ เรยี กตำมตำนำนว่ำวัดท่ำงำม ภำยหลงั สมเด็จพระพุทธเจ้ำหลวงเสด็จประพำศพระ
พทุ ธบำทได้เสดจ็ ข้ึนท่ที ่ำงำมน้ีสองครงั้ แตน่ ้นั มำจึงเรยี กทำ่ หลวงและนำมวดั ก็เปล่ยี นเป็น "วัดทำ่ หลวง" ตำม
นำมเดิมมำจนทุกวันน)้ี เหนอื ท่ำเรือพระพทุ ธบำท จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยำองค์หน่ึง เป็นท่รี ะลกึ ว่ำทำ่ นได้เกดิ
ทน่ี นั่ สร้ำงพระน่งั โต (องค์เดมิ ) (องคท์ ่ปี รำกฏในปจั จบุ ันน้ี สมเดจ็ พระพทุ ธเจ้ำหลวงโปรดใหส้ ร้ำงใหม่ เปน็
ของหลวงดังจะกล่ำวต่อไปขำ้ งหน้ำ) ท่ีวดั ไชโย จังหวัดอ่ำงทอง องคห์ น่งึ เปน็ ท่ีระลึกวำ่ ท่ำนไดส้ อนนงั่ ที่นน่ั และ
สรำ้ งพระยนื ใหญ่วดั อนิ ทรวิหำร จงั หวดั พระนคร องคห์ นงึ่ เปน็ ที่ระลกึ ว่ำท่ำนสอนยืนเดินไดท้ ่ีน่นั จะพรรณนำ
ต่อไปโดยลำดบั

พระนอนใหญว่ ัดสะตือ ตำมคำบอกเล่ำของพระอุปัชฌำยบ์ ัตร จันทโชติ (พระอุปชั ฌำย์บตั รเล่ำวำ่ กำรกอ่ สร้ำง
พระนอนใหญ่ เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ให้พวกทำสในตำบลไกจ่ ้นและในตำบลอน่ื ๆ บำ้ งไปทำกำรก่อสร้ำง เม่ือสร้ำง
พระสำเร็จแล้วทำ่ นไดป้ ล่อยทำสเหล่ำนัน้ ให้พ้นจำกควำมเปน็ ทำสทุกคน และว่ำได้ก่อเตำเผำอิฐกนั ทีบ่ รเิ วณ
หน้ำพระนอนใหญน่ ี้ เคยมีซำกเตำปรำกฏอยู่แตไ่ ด้ร้ือไปนำนแล้ว) ว่ำเรมิ่ สร้ำงเมื่ออำยุทำ่ นพระอปุ ัชฌำย์บัตร
ได้ ๕ ขวบ ทำ่ นเกิดปชี วด พ.ศ.๒๔๐๙ จึงสนั นษิ ฐำนวำ่ เหน็ จะสร้ำงในปีมะเมยี พ.ศ.๒๔๑๓ เปน็ พระกอ่ อิฐถอื
ปูนยำว ๑ เสน้ ๕ วำ สงู (จำกพ้ืนถึงพระรศั มี) ๘ วำ ฐำนยำว ๑ เสน้ ๑๐ วำ กว้ำง ๔ วำ สูง ๒ ศอก องค์พระ
โปรง่ เบ้ืองพระปฤษฎำงค์ทำเปน็ ช่องกว้ำง ๒ ศอก สูง ๑ วำ ประดษิ ฐำนอยูก่ ลำงแจ้ง (ข้ำพเจ้ำไดถ้ ำมพระ
อุปัชฌำยบ์ ตั รว่ำ เขำว่ำพระนอนใหญ่นี้ตอ้ งอยู่กลำงแจง้ ทำหลงั คำไมไ่ ด้ เพรำะฟำ้ ฝ่ำจริงหรืออย่ำงไร ท่ำนว่ำ
ควำมจริงไมเ่ ป็นเช่นนั้น เดมิ พระองค์นป้ี ระดษิ ฐำนอยภู่ ำยในศำลำโถง เสำก่ออฐิ ถือปูน หลังคำมุงกระเบอ้ื งไทย
ต่อมำศำลำน้ันเก่ำชำรุดหักพงั ลงมำ จึงให้ร้ือเสีย ยงั มีซำกเสำอิฐ ทำงบริเวณด้ำนพระบำทปรำกฏอยู่ เมือ่
ปฏิสังขรณค์ ร้งั หลังไมไ่ ด้สร้ำงศำลำใหม่ พระนอนใหญจ่ ึงอยู่กลำงแจ้ง) ที่ริมคูวดั ด้ำนทศิ ตะวนั ออก หนั พระ
พตั รไปทำงทิศตะวนั ตก (ควำมปรำกฏในจดหมำยเหตุเร่อื งเสดจ็ ประพำสตน้ ในรชั กำลที่ ๕ ครงั้ ที่ ๒ ว่ำ "สมเดจ็
พระพทุ ธเจ้ำหลวงได้เสด็จ และข้นึ เสวยกลำงวนั ท่วี ัดสะตือ ซึ่งในเวลำนนั้ เรยี ก "วัดท่ำงำม" เมอ่ื วนั ท่ี ๓๑
กรกฎำคม ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) พระอปุ ัชฌำยบ์ ัตรไดอ้ ธิบำยว่ำ สมเดจ็ พระพทุ ธเจำ้ หลวงเสดจ็ ประพำส
ครำวนัน้ ได้เสด็จขน้ึ ทรงทำอำหำรและเสวยทีต่ รงบริเวณใต้พระเศียรพระนอนใหญ่น)ี้ พระนอนใหญน่ ีต้ ั้งแต่
สร้ำงมำเห็นจะยงั ไมม่ ีใครปฏิสังขรณ์เลย องคพ์ ระและส่ิงกอ่ สร้ำงชำรุดทรุดโทรมมำก ตอ่ มำถึงปจี อ พ.ศ.
๒๔๖๕ พระอปุ ัชฌำยบ์ ัตรได้จัดกำรบูรณปฏิสังขรณ์จนสำเรจ็ เรียบร้อย ดังปรำกฏอยทู่ ุกวันนี้ กำรปฏิสงั ขรณ์
นั้นกอ็ ยู่ค่อนข้ำงจะประหลำด กล่ำวคอื พระอปุ ัชฌำย์บตั ร จันทโชติ เลำ่ ใหฟ้ ังว่ำ ท่ำนลงมอื ทำเอง อำศยั นำย
เรือกบั ภรยิ ำ (ไมท่ รำบนำม) อยู่ตำบลวังแดง (อยุธยำ) เป็นผู้ชว่ ย ใชเ้ งินส่วนตวั ของท่ำนท้ังส้ิน ไม่ได้บอกบุญ
เรย่ี ไรใครเลย เปน็ แต่พวกชำวบ้ำนท่ีมีใจศรัทธำไดจ้ ัดซอื้ หำอฐิ ปูนทรำยมำช่วยทำ่ นเท่ำน้ัน ปฏิสังขรณ์อยู่ ๔ ปี
จึงสำเร็จ (เมือ่ ปฉี ลู พ.ศ.๒๔๖๘) ว่ำส้นิ ปนู ขำวถึง ๖๕ เกวียน เฉพำะพระเศยี รน้นั ต้องใช้ปนู ขำวถงึ ๑๐ เกวยี น

77

แตจ่ ะส้นิ เงนิ เทำ่ ใดไมท่ รำบ เพรำะได้มำกท็ ำไปไม่ได้จดไว้ เมือ่ บรู ณปฏสิ ังขรณ์เสรจ็ แล้ว ตอ่ มำจะเปน็ ปใี ดจำ
ไมไ่ ด้ ทำ่ นได้จัดกำรนัดสตั บุรุษมำประชุม นมัสกำรและปดิ ทองในกลำงเดือน ๑๒ มปี ระชำชนทอ้ งถิน่ และตำบล
ใกลไ้ กลพำกันมำนมัสกำร และเทย่ี วเตรก่ ันอยำ่ งคบั ค่ังและล้นหลำม เลยเป็นงำนนักขัตฤกษป์ ระจำสบื มำจนทุก
วนั น้ี

พระพทุ ธรปู ใหญ่วัดไชโยวรวิหำร พระนำมว่ำ "พระพทุ ธพมิ พ"์ (เจำ้ อำวำสวดั ไชโย มักมรี ำชทนิ นำมว่ำ "มหำ
พทุ ธพิมพำภบิ ำล" และโดยมำกเปน็ พระคร)ู พระนำมนเ้ี ห็นจะพระรำชทำนในรชั กำลท่ี ๕ ดว้ ยวดั ไชโยเป็นพระ
อำรำมหลวงในรชั กำลนั้นดงั จะกล่ำวในตอนตอ่ ไป เปน็ พระก่ออฐิ ถือปูนปำงมำรวิชยั หน้ำตกั กว้ำง ๘ วำ ๗ นว้ิ
สูง ๑๑ วำ ๑ ศอก ๗ นิ้ว สร้ำงในสมัยรัชกำลท่ี ๔ เดิมสรำ้ งประพำสมณฑลอยธุ ยำ เมือ่ ปขี ำล พ.ศ.๒๔๒๑
เสด็จขน้ึ ทอดพระเนตรพระโตนี้ มีพระรำชดำรสั ว่ำ

"พระใหญท่ สี่ มเด็จพระพุฒำจำรย์โต สร้ำงนี้ ดหู น้ำตำรปู ร่ำงไม่งำมเลย แลดทู ีห่ น้ำวดั ปำกเหมือนขรัวโตไม่มี
ผิด ถือปูนขำว ไม่ได้ปดิ ทอง ทำนองทำ่ นจะไมค่ ดิ ปิดทองจึงไดเ้ จำะท่อน้ำไวท้ ีพ่ ระหัตถ"์

ต่อมำเจ้ำพระยำรตั นบดินทรเดชำ (รอด กลั ยำณมติ ร) ที่สมุหนำยก ได้จดั กำรสร้ำงวัดไชโยใหมพ่ รอ้ มทง้ั พระ
อุโบสถและวิหำรพระโต กลำ่ วไว้ในหนังสือ "ระยะทำงเสด็จประพำสมณฑลอยธุ ยำ" เมือ่ ปีขำล พ.ศ.๒๔๒๑ พระ
รำชนิพนธ์ในรัชกำลที่ ๕ ว่ำดังน้ี

"วดั ไชโยนี้ เจ้ำพระยำรตั นบดินทร์ (รอด กัลยำณมติ ร) ท่ีสมหุ นำยก มีศรทั ธำสรำ้ งใหม่พร้อมทัง้ พระอโุ บสถ
และวหิ ำรพระโต แต่เม่อื กระทงุ้ รำกวิหำร พระพุทธรูปใหญท่ ส่ี มเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต) สรำ้ ง ทนกระเทือน
ไม่ได้ พังลง จึงทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯ รบั สร้ำงพระโตใหมเ่ ป็นหลวง (ตำมแบบอย่ำงพระบำทสมเดจ็ พระนัง่
เกลำ้ เจ้ำอยู่หัว ทรงรับสร้ำงพระโต วดั กลั ยำณมติ ร ช่วยเจ้ำพระยำนกิ รบดินทร์ (โต ต้นสกุลกลั ยำณมติ ร) ผู้เป็น
บดิ ำของเจำ้ พระยำรัตนบดินทรม์ ำก่อน) แล้วทรงรบั วัดไชโยเป็นพระอำรำมหลวงแตน่ นั้ มำ

พระยืนวัดอินทรวหิ ำร เปน็ พระกอ่ อิฐถอื ปูนปำงอุ้มบำตร เรียกกนั ว่ำ "หลวงพ่อโต" สร้ำงในรัชกำลท่ี ๔ แต่
สร้ำงได้เพียงครึ่งองค์ สูงเพียงพระนำภี กำรคำ้ งอยู่ช้ำนำนตอ่ มำจะเป็นปีใดไม่ปรำกฏ พระครธู รรมำนกุ ูล
(หลวงปภู่ ู) เจ้ำอำวำสวดั อินทรวิหำร ได้จดั กำรสร้ำงเพ่มิ เติม แต่ยงั ไม่สำเรจ็ สมบูรณ์ ถงึ ปีวอก พ.ศ.๒๔๖๓
พระครูสงั ฆบริบำล (แดง) เจำ้ อำวำสได้ทำกำรก่อสร้ำงต่อมำ แตก่ ็สำเรจ็ เรยี บร้อยแตเ่ พียงบำงส่วนเท่ำนน้ั
กลำ่ วไว้ในจำรกึ ดงั น้ี (ศลิ ำจำรึกน้ตี ัง้ อยู่แถวบริเวณพระโตวัดอนิ ทรวหิ ำร ด้ำนทิศตะวันออก)

"ศภุ มสั ดุ พระพทุ ธศำสนำกำลลว่ งได้ ๒๔๖๓ ปจี อสมั ฤทธศิ ก พระครูสงั ฆบรบิ ำล (แดง) ไดล้ งมอื ทำกำร
ปฏสิ ังขรณ์เมื่อเดอื น ๑๑ ณ วันพฤหัสบดี แรม ๑ คำ่ ประวัติเดิมของพระครูสังฆบรบิ ำล อปุ สมบทท่ีแขวง
ตะนำว เม่ืออปุ สมบทแล้วได้มำสรำ้ งวัดเจำคัน่ บนั ได ทจี่ งั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ แล้วมำเล่ำเรยี นศึกษำพระธรรม
วินยั ณ สำนักวัดบวรนิเวศ ในพระบำรมีสมเด็จพระมหำสมณเจำ้ กรมพระยำวชิรญำณวโรรส ๕ พรรษำ เม่อื
เสดจ็ สน้ิ พระชนมแ์ ล้วจงึ ไดม้ ำทำกำรปฏิสังขรณพ์ ระพุทธรูปองค์โตนี้ พรอ้ มด้วยเจ้ำฟำ้ นำยกนำยิกำ รำษฎร
จนถงึ กำลบดั น้ี สิน้ เงินรำยได้รำยจ่ำยไปในกำรปฏสิ ังขรณ์เปน็ เงินประมำณ ๕ หมนื่ บำทเศษ ประวัตเิ ดมิ ของ

78

พระพทุ ธรูปโตองค์นี้ ซ่ึงมี (พระ) นำมวำ่ พระศรอี ริยเมตตรัยน้ี คอื สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรยโ์ ตเป็นผกู้ อ่ สร้ำงไว้แต่
รัชกำลท่ี ๔ แหง่ กรุงรตั นโกสินทร์ ไดค้ รึ่งองค์ สูง ๙ วำเศษยงั ไมส่ ำเรจ็ ถึง พ.ศ.๒๔๖๓ ท่ำนพระครธู รรมำ
นกุ ลู (ท่ำนอธกิ ำรภู) ผู้ชรำภำพ ๙๔ พรรษำ ๗๐ เศษ ซ่งึ ยกเปน็ กิตติมศกั ดิอ์ ยใู่ นวัดอนิ ทรวหิ ำร ไดจ้ ัดกำร
ปฏิสงั ขรณ์ตอ่ มำ (แต่กอ่ น) แตก่ ย็ ังไม่เป็นผลสำเรจ็ ท่ำนจงึ มอบฉนั ทะใหพ้ ระครสู ังฆบรบิ ำลปฏิสังขรณต์ ่อมำ
จนสำเร็จ (แต่บำงส่วนเชน่ พระกร เป็นต้น) ว่ำด้วยกำรปฏิสงั ขรณ์ เดิมองคพ์ ระรกร้ำงมีต้นโพธแ์ิ ละต้นไทรขึ้น
ปกคลุม จึงไดท้ ำกำรเปล่ียนแปลงใหแ้ ข็งแรง ส่วนข้ำงในองคพ์ ระผกู เหลก็ เป็นโครง ภำยนอกหล่อคอนกรีต
ด้วยปูนซเี มนต์ เบอ้ื งหลังทำเปน็ วหิ ำรหลอ่ คอนกรตี เปน็ พระยนื พงิ พระวหิ ำร สูงเปน็ ช้ันๆ ได้ ๕ ช้ัน ถึงพระเกศ
ขำดยอดพระเมำลี และมีพระจุฬำมณีเจด็ สถำน เพื่อใหเ้ ปน็ ทรี่ ะลึกและนมัสกำรแหง่ เทพยดำและมนษุ ยท์ ั้งหลำย
สน้ิ กำลนำนทกุ วนั เสมอไปในพระพทุ ธศำสนำ

ขออำนำจแห่งพระศรีรัตนตรัย จงดลบัลดำลให้เจำ้ ฟ้ำเจำ้ นำย อำมำตย์ คฤหบดี และรำษฎรท่เี ปน็ ศำสนูปถัมภก
ซ่งึ ต้ังจิตเป็นทำยกทำยกิ ำทัง้ หลำย จงมีควำมเจริญสิริสวัสดิพพิ ฒั นมงคลชนมำยุสขุ ทุกประกำร มีแต่ควำม
เกษมสำรำญนริ ำศภัยในปัจจบุ นั และอนำคต ทวั่ กนั เทอญฯ"

ครัน้ ถงึ ปีชวด พ.ศ.๒๔๖๗ (ควำมตอนนี้ ปรำกฏอยูใ่ นหนงั สือเรื่อง "ประวัติหลวงพ่อโต วัดอินทรวิหำร" พิมพ์
เม่ือ พ.ศ.๒๔๙๐) พระครอู นิ ทรสมำจำรย์ (เงนิ อินฺทสโร) เม่อื ยังเปน็ พระครูสังฆรกั ษ์ ย้ำยจำกวัดปรินำยกมำ
เป็นเจ้ำอำวำสวดั อินทรวิหำร ได้จดั กำรกอ่ สร้ำงตอ่ มำ โดยเปน็ ประธำนบอกบญุ เรีย่ ไรจำกประชำชนทว่ั ไป
ผชู้ ว่ ยเหลือทีเ่ ป็นกำลงั สำคญั ของท่ำนพระครูอินทรสมำจำรย์ ที่ควรกลำ่ วนำมใหป้ รำกฏคอื เจำ้ คณุ และ
คุณหญงิ ปรมิ ำณสินสมรรถ พระประสำนอกั ษรกจิ สิบเอกอินทร์ พนั ธุเสนำ และนำงพลัด พนั ธเุ สนำ พระครู
อนิ ทรสมำจำรย์ ทำกำรก่อสร้ำงอยู่ ๔ ปจี งึ สำเรจ็ บรบิ รู ณ์ (ไม่ทรำบว่ำส้ินเงินเท่ำใด) มีงำนสมโภชเมอื่ วนั ท่ี ๔-
๖ มีนำคม พ.ศ.๒๔๗๑ ถึงปมี ะเส็ง พ.ศ.๒๔๗๒ ทำงวัดไดจ้ ัดใหม้ ีงำนนมสั กำรและปดิ ทอง และจดั เปน็ งำน
ประจำปสี ืบมำ (ตำมปรกติมีงำนในเดือนมกรำคม) พระโตนส้ี งู ๑๖ วำเศษ เป็นพระพุทธรปู ทศ่ี กั ดิ์สทิ ธิอ์ งค์หน่ึง

นอกจำกสรำ้ งพระพทุ ธรปู ใหญเ่ ปน็ อนุสรณด์ งั กล่ำวแล้ว เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ยงั ไดส้ ร้ำงถำวรวัตถสุ ถำนอ่ืนๆ
อีกหลำยอย่ำง คือ สร้ำงกุฏิเล็กๆ ไว้ท่ีวดั อนิ ทรวหิ ำร ๒ หลังทำงด้ำนทศิ ใต้ ใหโ้ ยมผู้หญิงและโยมผูช้ ำยปนั้ ดว้ ย
ปูนขำวอยใู่ นกุฏิน้นั ดว้ ย แตร่ ูปนน้ั หกั พงั เสยี นำนแล้ว

สรำ้ งศำลำไวห้ ลังหนึ่งที่ปำกคลองวัดดำวดึงส์ อยใู่ นน้ำข้ำงอซู งุ ของหลวง กว้ำงรำว ๕ วำเศษ ในศำลำน้ันมี
อำสนส์ งฆอ์ ยู่ดำ้ นใต้ ท่ีกลำงศำลำมีธรรมำสน์ ๒ ธรรมำสน์ ศำลำนี้อยู่ตดิ กบั บ้ำนท่ำนรำชพิมลฯ เป็นอุปัฏฐำก
ท่ำนไปบิณฑบำตที่ไหนมำแล้วกไ็ ปแวะฉันทศี่ ำลำนเ้ี นอื งๆ ฉันแล้วกข็ ้ึนธรรมำสนเ์ ทศน์ มีสตั บรุ ษุ มำฟังกันมำก
เมอ่ื ทำ่ นรำชพิมลฯถึงแกก่ รรมแลว้ ทำ่ นก็เหินห่ำงไปไม่ใคร่ได้มำท่ศี ำลำนี้

ครัน้ ตอ่ มำท่ำนได้สรำ้ งศำลำไว้อีกหลังหน่งึ อยู่ในละแวกบ้ำนลำว (ในรชั กำลท่ี ๑ เวยี งจนั ทน์ขึ้นกบั ไทย ฝำ่ ยไทย
ได้นำลำวเชลยมำมำก พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้ำจุฬำโลกจึงโปรดเกล้ำฯ พระรำชทำนท่ีตำบลน้ซี ึ่งเดิม

79

เรียกว่ำตำบลไร่พรกิ ใหเ้ ป็นที่อยู่ของพวกเชลยเหล่ำน้ันสืบมำ) ข้ำงตรอกวดั ใหมอ่ มตรส บำงขุนพรหม มุงด้วย
จำก เปน็ หอฉันของท่ำนเหมือนหลงั กอ่ น นำยเกือบเป็นอปุ ัฏฐำก

สร้ำงวหิ ำร ๑ หลัง ใกล้ศำลำหลังท่กี ลำ่ วมำ วิหำรน้ันกว้ำงประมำณ ๓ วำ ยำวประมำณ ๕ วำเศษ ฝำผนังก่อ
ด้วยอฐิ ถือปูน หลังคำมุงจำก ในวิหำรนั้นก่อพระพทุ ธรูปด้วยอฐิ ปูนองค์หนง่ึ หน้ำตักกว้ำง ๒ ศอก หันพระ
พกั ตร์เข้ำผนงั ด้ำนตะวันออก องค์พระหำ่ งฝำผนัง ๑ ศอก ทำงด้ำนตะวนั ตกนั้นมเี จดีย์ก่อด้วยอิฐถือปูนองค์
หนึ่ง ฐำนล่ำงกวำ้ งประมำณ ๒ ศอก ห่ำงจำกผนังรำว ๑ ศอกเศษ วิหำรนี้ท่ำนควรจะสรำ้ งไว้วดั ใดวดั หนงึ่ ทำ่ น
ก็ไม่สร้ำง ท่ำนไปสร้ำงไว้ในละแวกบ้ำนซึ่งไม่ควรจะสร้ำง ต่อมำทำงกำรได้ตัดถนนมำทำงสำมเสน มำทำงวหิ ำร
วิหำรก็ถกู ร้อื หมด วิหำรมพี ระพทุ ธรูปเป็นเจ้ำของ พระพุทธรูปก็หันพระพกั ตร์เข้ำผนงั เสยี ดูประหนึง่ ทำ่ นจะ
ทรำบล่วงหน้ำว่ำวหิ ำรนีจ้ ะถูกถนนทับ จงึ แกล้งสร้ำงไว้ดูเล่นฉะนน้ั

สร้ำงพระโตน่งั กลำงแจง้ ที่วัดพิตตะเพียน จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยำองค์หนึง่ และสรำ้ งพระยืนที่วัดกลำง
ตำบลคลองข่อย ใตโ้ พธำรำม แขวงจงั หวัดรำชบรุ ีองคห์ น่ึง ตำมที่ได้ฟังมำว่ำที่เจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ สรำ้ งพระยนื
ทวี่ ัดกลำงนัน้ เดิมเป็นปำ่ รกมำก ท่ำนเอำเงินสลงึ ชนิดกลมมำแตไ่ หนไม่ทรำบ เปน็ อยำ่ งเกำ่ โปรยเข้ำไปในปำ่
นน้ั ไม่ชำ้ ป่ำน้ันก็เตยี นโล่งหมด ทำ่ นกท็ ำกำรสร้ำงได้สะดวก (เข้ำใจว่ำท่ำนโปรยเงนิ เข้ำไปในป่ำ แล้วจึงมี
ชำวบำ้ นมำถำงปำ่ เพ่ือคน้ หำเงินจึงทำให้ป่ำเตียน)

สรำ้ งพระเจดีย์นอน ท่หี ลงั โบสถว์ ัดละครทำ ตำบลบำ้ นช่ำงหลอ่ จังหวดั ธนบรุ ี ๒ องค์ นยั ว่ำมผี ้ลู กั ลอบทำลำย
ด้วยประสงคจ์ ะคน้ หำพระสมเด็จฯ คงปรำกฏอยู่แตอ่ งค์ทำงดำ้ นเหนอื ซ่ึงในเวลำนช้ี ำรุดทรุดโทรมมำก (เมื่อ
พ.ศ.๒๔๘๑ ที่วัดระฆังฯ มีงำนปิดทองรูปหลอ่ เจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ และประกวดพระเจดียท์ รำย นำยเปลอื้ ง
แจ่มใส บ้ำนชำ่ งหลอ่ ได้ก่อพระเจดียท์ รำยนอนองค์หน่งึ เข้ำประกวด เขยี นปำ้ ยว่ำ "พระเจดยี น์ ี้จำลองแบบอยำ่ ง
พระเจดีย์นอนของสมเดจ็ พระพุฒำจำรยท์ ่ีวดั ละครทำ" กล่ำวกนั ว่ำ คณะกรรมกำรตดั สนิ ใหไ้ ด้รับรำงวลั ท่ี ๑ ดู
เหมือนจะเป็นประเภทขบขัน) จนไม่สำมำรถจะทรำบไดว้ ่ำกว้ำงยำวเทำ่ ใด มูลเหตุที่เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ จะสร้ำง
พระเจดยี น์ อนนั้น เลำ่ กันวำ่ เกิดแต่ท่ำนไดป้ รำรภว่ำ ในช้ันเดมิ พระเจดีย์ที่สร้ำงกันนั้นเปน็ ทีส่ ำหรับบรรจพุ ระ
ธรรม เช่นคำถำแสดงอริยสัจจ์-เย-ธมฺมำ เหตปุ ปภฺ วำ....ฯลฯ เรียกว่ำพระธรรมเจดยี ์ (ในหนงั สอื ตำนำนพทุ ธ
เจดีย์ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยำดำรงรำนุภำพ กล่ำวว่ำ มูลเหตุแห่งธรรมเจดีย์น้นั ในตำรำไมไ่ ด้
กลำ่ วถึงเรอ่ื งตำนำน แต่มีโบรำณวตั ถุปรำกฏเปน็ เค้ำเง่อื นพอสันนิษฐำนมลู เหตทุ ีเ่ กิดข้ึนว่ำ คงจะอำศยั พระ
พุทธบรรหำร ซึ่งทรงแสดงแกเ่ หลำ่ เทวำ พระสำวก เมื่อก่อนเสดจ็ เขำ้ ส่ปู รินิพพำน วำ่ พระธรรมจะแทนพระองค์
ต่อไป ดังนี้ เมอ่ื ล่วงพุทธกำลมำแล้ว ผทู้ ่ีเลอื่ มใสในพระพุทธศำสนำบำงพวกอยหู่ ำ่ งไกลพระธำตเุ จดยี ์ และพระ
บริโภคเจดยี ์ทีม่ อี ยู่ในครง้ั นั้น จะไปทำกำรสกั กำรบชู ำได้ดว้ ยยำก ใคร่จะมเี จดยี ์สถำนทบี่ ูชำบำ้ ง จงึ มีผ้รู ู้พระบรม
พทุ ธำธบิ ำยแนะนำให้เขยี นพระธรรมลงเป็นตัวอกั ษรประดิษฐำนไว้เปน็ ท่ีบูชำ โดยอ้ำงพระพุทธบรรหำรท่ีตรัส
ว่ำ ธรรมจะแทนพระองคน์ ั้น จึงเกดิ มีประเพณีสร้ำงธรรมเจดียข์ ้นึ อกี อยำ่ งหนึง่ ) แต่พระเจดีย์ทีส่ ร้ำงกันในสมัย
ชัน้ หลังตอ่ มำ ควำมประสงค์มำแปรเปน็ เพอ่ื บรรจอุ ัฐิธำตุของสกลุ วงศ์หรืออทุ ศิ ใหผ้ ตู้ ำย แม้ได้บรรจปุ ชู นยี วัตถุ
ทำนองในพระศำสนำไวด้ ว้ ยก็ไมน่ ับวำ่ เปน็ พระเจดยี ์ในพทุ ธศำสนำ จดั เป็นอนุสำวรียเ์ ฉพำะบุคคล กำรทเ่ี จ้ำ
พระคุณสมเด็จฯ สร้ำงพระเจดยี ์นอนนั้น เปน็ ปริศนำอันหนงึ่ ซึ่งหมำยควำมว่ำ ต่อไปเบ้ืองหนำ้ จะไม่มีใครสรำ้ ง

80

พระธรรมเจดยี ์อีกแล้ว (ประวัติเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ต้ังแต่หน้ำ ๒๑๔ เปน็ ต้นมำถึงตอนน้ีคดั มำจำกตน้ ฉบบั ของ
หนงั สอื "ประวัตสิ มเด็จพระพุฒำจำรยโ์ ต" ของท่ำนมหำเฮง วัดกัลยำณฯ์ แต่ดดั แปลงเป็นบำงตอนเพือ่ ควำม
เหมำะสม ทำ่ นผสู้ นใจโปรดรอคอยฟงั กำหนดกำรพมิ พ์จำหนำ่ ย หนังสือที่กลำ่ วนี้เป็นหลักฐำนท่มี ีคำ่ ควรแก่
กำรศึกษำ ได้กล่ำวชีวประวัติของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ไว้โดยละเอยี ด)

เพอ่ื เปน็ กำรแสดงใหท้ ่ำนผู้อ่ำนรูจ้ ักเจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ดีข้ึน จงึ ใคร่จะได้นำเอำอัจฉริยภำพบำงประกำรของ
ท่ำนมำแสดงไวใ้ นที่น้ดี ้วย พฤตกิ ำรณ์ของท่ำนเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ เม่ือยังมีชีวิตอยนู่ นั้ เป็นเรอ่ื งของนกั ปรัชญำ
ทง้ั ส้ิน ควรแกก่ ำรศึกษำอย่ำงทสี่ ดุ พฤติกำรณ์เหล่ำน้ี ผู้เขยี นขอเรยี กว่ำ "อจั ฉริยภำพ" เพรำะเป็นเรือ่ งท่ี
ประหลำดไม่เคยปรำกฏว่ำบุคคลธรรมดำกระทำกนั และบุคคลทีก่ ระทำได้ย่อมเรยี กได้ว่ำ อจั ฉรยิ ภำพบุคคล หำ
ใช่บุคคลธรรมดำสำมัญไม่ อัจฉรยิ ภำพของทำ่ นส่วนมำกได้จำกกำรเล่ำขำนกนั สืบต่อมำ ซึง่ จะได้ประมวลไวเ้ ปน็
เรอ่ื งๆ ดังน้ี

เรื่องการเทศนใ์ นพระบรมหาราชวัง และทีอ่ น่ื ๆ
"โดยปรกติ พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หวั ได้เสดจ็ ออกทรงธรรม ณ พระท่ีน่ังอนนั ตสมำคมเสมอ พระ
ที่นงั่ อนันตสมำคมนี้ อยใู่ นกำแพงพระบรมมหำรำชวงั เปน็ ทงั้ ทอ้ งพระโรงสำหรับรบั แขกเมืองและเสด็จออกขนุ
นำงตำมปรกตดิ ว้ ย ณ พระที่น่งั น้ีแลได้โปรดฯ ใหน้ มิ นตส์ มเดจ็ พระรำชำคณะชัน้ ผูใ้ หญ่ผลดั เปล่ียนเวรกันเข้ำไป
ถวำยพระธรรมเทศนำ และในโอกำสหน่ึง เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ได้ถูกนิมนตเ์ ข้ำไปถวำยเทศน์ใน
พระบรมมหำรำชวัง กำหนดถวำยเทศน์ตดิ ต่อ ๓วนั จบ ในวนั แรกกำรถวำยเทศนไ์ ด้ดำเนนิ ไปตำมปรกติ คร้นั
พอย่ำงเข้ำวันท่ี๒ เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ จะทรำบไดท้ ำงใดทำงหนึง่ ไมป่ รำกฏว่ำ วันนี้เจ้ำจอมองค์หนง่ึ กำลงั จะ
ประสูตพิ ระเจ้ำลูกยำเธอ และขณะทถ่ี วำยพระธรรมเทศนำอยู่น้นั สังเกตไดว้ ่ำพระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยู่หัวทรง
มีพระอำกำรกระสับกระสำ่ ย จงึ ทรงถวำยเทศนอ์ ยเู่ ป็นเวลำนำน จนเสยี งมโหรีประโคมขึ้น แสดงวำ่ พระเจำ้ ลกู
ยำเธอทรงประสตู ิแล้ว เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ก็จบพระธรรมเทศนำลงดว้ ยเหมือนกัน

ครน้ั วันท่ี ๓ พอเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ขึน้ ธรรมำสน์ ตั้งนะโม และบอกศกั รำชตำมธรรมเนยี มแลว้ กถ็ วำยพระ
ธรรมเทศนำวำ่ "อนั ธรรมะใดๆ มหำบพิตรก็ทรงแจง้ อยแู่ ล้ว เอว กม็ ดี ้วยประกำรฉะน้ี ขอถวำยพระพร"

พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำฯ จึงทรงพระดำรัสถำมขน้ึ วำ่ "เมอื่ วำนน้มี ีธุระอยำกจะใหเ้ ทศนจ์ บเรว็ ๆ กลบั เทศน์
เสยี นำน วนั นใี้ จคอสบำย อยำกฟังนำนๆ กลบั เทศน์ห้วนอะไรเชน่ น้ี" เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ จงึ ถวำยพระพรว่ำ
"เมอ่ื วำนนี้มหำบพิตรทรงไม่สบำยพระรำชหฤทยั สมควรจะได้สดับพระธรรมให้มำกๆ เพรำะพระธรรมเทำ่ นั้น
จะกลอ่ มพระอำรมณ์ทีข่ ุน่ มัวให้ส้ินได้ แต่วนั นพี้ ระองคท์ รงพระสำรำญพระรำชหฤทยั ดีแลว้ ไม่ต้องฟงั พระ
ธรรมมำกนกั กไ็ ด้" พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำฯ เม่อื ได้ทรงสดับเช่นนี้ก็พอพระทัยยิ่งนัก

81

ครำวหนึง่ ขณะดำรงสมณศักดเ์ิ ป็นเจำ้ คุณธรรมกติ ติ ถกู นิมนต์เทศปุจฉำวสิ ัชนำคู่กับเจ้ำคณุ ธรรมอุดม (สมณ
ศักด์ิอนั นีไ้ ด้มำเปลย่ี นเป็น "ธรรมวโรดม" ในรชั กำลท่ี ๔) วัดเชตุพนฯ เมื่อใกลจ้ ะจบ เจำ้ คุณธรรมอดุ มได้เทศน์
แถมท้ำยเป็นปริศนำว่ำ "พำยเถอะหนำพอ่ พำย ตะวันจะสำย ตลำดจะวำย สำยบัวจะเนำ่ " โดยไม่ทันร้ตู วั มำกอ่ น
วำ่ เจ้ำคณุ ธรรมอุดมจะเทศนใ์ นลกั ษณะน้ี แตด่ ว้ ยปฏภิ ำณอนั เฉียบแหลม เจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ เข้ำใจ
ควำมหมำยได้ทันที (เจ้ำคณุ ธรรมอุดมหมำยควำมวำ่ อันมีชวี ิตของมนษุ ย์เรำนี้สั้นนัก จงเร่งสร้ำงกำรกศุ ล และ
ยึดธรรมะเปน็ ท่ีพึง่ เถิด เพรำะควำมตำยยำ่ งใกล้เข้ำมำทุกขณะแล้ว มิฉะน้นั จะเป็นกำรสำยเกินไป) จงึ เทศนแ์ ก้
ออกไปทันทวี ำ่ "กโ็ ซ่ไม่แก้ ประแจไม่ไข จะพำยไปไหวหรือพ่อเจำ้ " อันเปน็ ควำมหมำยว่ำ มนุษย์เรำน้ีเต็มไปด้วย
กเิ ลสและสังโยชน์ (สงั โยชน์ ๑๐ "เครือ่ งร้อยรัด ๑๐ ประกำร ซึ่งได้แก่
๑. สกั กำยทฎิ ฐิ กำรหลงตัว
๒. วจิ กิ จิ ฉำ ควำมคลำงแคลง
๓. สลี พัตตปรำมำส กำรยึดถือเพียงพิธี
๔.กำมรำคะ ควำมยินดีในกำม
๕. ปฏฆิ ะ ควำมโกรธ
๖. รูปรำคะ ควำมอยำกมีชีวติ อยูใ่ นโลกทม่ี ีรปู บรสิ ทุ ธ์ิ
๗. อรปู รำคะ
๘. มำนะ ควำมเย่อหย่ิง
๙. อทุ ธจั จะ ควำมฟุ้งซ่ำน
๑๐.อวิชชำ ควำมไมร่ ู้
อันเปน็ เคร่ืองรอ้ ยรัด และไม่พยำยำมตัดเครือ่ งรอ้ ยรดั เหล่ำนอ้ี อกเสยี จะก้ำวเข้ำสอู่ ำณำจักรแห่งพระโลกตุ ตร
ธรรมไดอ้ ยำ่ งไร?

เร่อื งเทศนส์ ิบสองนักษตั ร

ครำวหน่ึงท่ำนผู้มบี รรดำศกั ดิ์ผหู้ น่งึ (ค้นนำมไม่พบ) ไดใ้ หค้ นใชม้ ำนมิ นต์เจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ไปเทศนเ์ ร่ือง
อรยิ สจั ๔ แตค่ นใชผ้ อู้ อ่ นกำรศึกษำ ไม่เคยไดย้ ินคำว่ำอริยสัจมำกอ่ น จงึ เมอื่ มำถึงวัดระฆงั ฯ แล้วกล็ ืมเสียสนิท
ไพลไ่ ปจับเอำคำว่ำ ๑๒ นักษัตร ซงึ่ เคยได้ยนิ อยูบ่ ้ำง มำแทน และไปนิมนต์เทศนผ์ ดิ เรอ่ื ง แตท่ ่ำนก็รบี รบั คำโดย
ดษุ ดี พอถงึ กำหนดเทศน์หลังจำกอำรำธนำให้เบญจศลี และเบญจธรรม และบอกศักรำชเรยี บร้อยแลว้ ก็
ดำเนนิ เรื่องบทสบิ สองนกั ษตั รทนั ที มพี ลควำมดังนี้

82

อนั วำ่ มุสิโก ว่ำปีชวด, อุสโภ วำ่ ปีฉลู, พยัคโฆ ว่ำปีขำล, สะโส วำ่ ปีเถำะ, นำโค วำ่ ปมี ะโรง, สปั โป ว่ำปมี ะเส็ง,
อสั โส ว่ำปีมะเมยี , เอฬโก ว่ำปีมะแม, มกั กะโฎ ว่ำปวี อก, กุกกโุ ฎ ว่ำปรี ะกำ, สนุ โข ว่ำปีจอ, สกุ โร ว่ำปีกุน. ช่ือ
เหลำ่ นี้เป็นของสมมุติเรยี กข้นึ เพือ่ กำหนดวสั แหง่ รอบ ๑๒ ปี นอกจำกน้ยี ังแบ่งซอยเป็นมำส เอำชอ่ื ลกั ษณะ
ของกลุ่มดวงดำวบนท้องฟ้ำมำขนำนนำม เช่น เมษ ว่ำดำวรูปแกะ, พฤษภ ว่ำดำวรูปววั , มถิ นุ ว่ำดำวรปู คนร่วม
เพศ, กรกฎ ว่ำดำวรปู ปู, สงิ ห์ ว่ำดำวรปู รำชสีห์, กนั ย์ ว่ำดำวรูปหญิงงำม, ตลุ วำ่ ดำวรปู คันชงั่ , พฤศจิก ว่ำดำว
รปู แมงป่อง, ธนั ว์ ว่ำดำวรูปธนู, มกร วำ่ ดำวรปู มังกร (แพะ), กมุ ภ์ ว่ำดำวรปู หม้อ, มนี วำ่ ดำวรปู ปลำ. นอกจำกนี้
ยงั จบั เอำชื่อของพระเครำะหส์ ำคญั ๗ ดวง มำขนำนนำมวำ่ เพื่อแบ่งซอยเวลำลงไปอีก คอื อำทิตย์ จนั ทร์ อังคำร
พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสำร์

เมอื่ เจำ้ พระคณุ เทศนเ์ ชน่ นี้ ทำใหท้ ่ำนเจำ้ ของบ้ำนและผู้คนท่มี ำฟังเทศน์ในวนั นัน้ เกดิ ควำมฉงนสนเท่ห์ในใจไป
ตำมๆ กัน แต่ต่ำงกส็ งบใจสดับเทศนำของท่ำนต่อไป เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ได้เทศน์ตอ่ ไปว่ำ เปน็ กศุ ลอนั หนกั หนำ
สำหรบั ทำ่ นท่ีมำฟังพระธรรมเทศนำในวันนี้ ดว้ ยเหตทุ ีเ่ ป็นควำมบงั เอิญทีผ่ นู้ ิมนต์คงจะจำเรอื่ งผิด จำเร่อื ง
อรยิ สจั ไม่ได้ กลำยเป็นสบิ สองนกั ษัตรไปเสยี แต่เปน็ ควำมบังเอิญที่เหมำะสม เพรำะสิบสองนักษตั รเป็นสมุฎ
ฐำนแห่งวำระกรรมของสตั วโ์ ลก อนั สังขำรน้ันย่อมผันแปรไปตำมวำระ ไดแ้ ก่กำร เกดิ , แก่, เจ็บ, ตำย เป็นทีแ่ ลว้
วำระเป็นเครอื่ งย่นื ยนั ในหลักธรรมที่ว่ำ ควำมเวยี นวำ่ ยตำยเกดิ เป็นทกุ ข์ และพุทธองค์ได้ตรสั ไวแ้ ล้ว ถึงอริยสจั
๔ ประกำร ไดแ้ ก่ทุกข์เปน็ ของมีจริง สมทุ ยั ตน้ เหตขุ องทกุ ข์ นิโรธ ควำมดับทกุ ข์ และมรรค หนทำงใหถ้ ึงควำม
ดบั ทกุ ข์

และเจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ได้เทศนำแยกแยะถงึ ใจควำมสำคัญแหง่ อริยสจั ๔ อย่ำงถถ่ี ้วน และลงท้ำยว่ำ กำร
เทศน์สบิ สองนักษตั รน้ี ก็มพี วกสำธุชนทม่ี ำประชุมฟังพระธรรมเทศนำในวนั นเี้ ท่ำน้ันทไ่ี ดส้ ดบั เพรำะไมเ่ คยมีมำ
แตก่ ำลก่อน และจะไม่ปรำกฏในกำลตอ่ ไปอีก จึงกล่ำวว่ำ เปน็ กศุ ลอนั ประเสรฐิ ของทำ่ นทั้งหลำย

กำรเทศน์วันนนั้ กินเวลำนำน เพรำะพระคุณสมเดจ็ ฯ ต้องใชเ้ วลำสำธยำยมำตรฐำนแหง่ วำระใหส้ อดคล้องเข้ำ
เร่อื งสจั จ์ ผ้ทู ่ีมำสดบั ใน วันนั้นต่ำงปล้ืมปิติกนั ทั่วทุกคน

เรอื่ งเทศน์กัณฑม์ ัทรี ทอี่ มั พวา

ปรำกฏว่ำเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ มวี ิธกี ำรดัดนสิ ัยและให้สติบคุ คลอืน่ ด้วยวธิ ีกำรทแี่ ปลกประหลำดพิสดำรและ
ไดผ้ ลดีเสมอ ถ้ำจะวำ่ แลว้ ก็อำจกลำ่ วได้วำ่ ทำ่ นเป็นนักปกครองทีด่ ีท่ีสดุ ท่มี ีวิธีกำรไม่ซำ้ แบบใครเลย ดงั จะกล่ำว
แต่ละเรอ่ื งดงั นี้

ในครั้งหนึ่ง พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำฯ ทรงพระรำชดำรใิ หว้ ัดตำ่ งๆ มีกำรตกแต่งเรอื เข้ำประกวด และเสดจ็
มำประทับทอดพระเนตรอยู่ที่ตำหนักแพ (ท่ำรำชวรดษิ ฐ์) วัดตำ่ งๆ ได้ส่งเรือเข้ำประกวดกันเปน็ อันมำก และต่ำง

83

ก็ประกวดประขนั กนั ในดำ้ นควำมงดงำมอย่ำงถงึ ขนำด พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจำ้ อยู่หวั ทรง

ทอดพระเนตรเรอื ของวัดต่ำงๆ ท่ีผ่ำนตำหนกั แพไปอยำ่ งทรงสำรำญพระรำชหฤทัย แต่พอถงึ ตอนเรือของวดั

ระฆังฯ ปรำกฏว่ำเป็นเรอื สำปั้นขนำดยอ่ มเก่ำๆ มีเณร ๒ องค์พำยหวั และท้ำย กลำงลำมีลิงตวั หนึ่งผกู ไวก้ บั หลัก

มปี ำ้ ยแขวนคอลงิ ตัวนน้ั อยแู่ ผ่นหนึ่งและมีตวั หนงั สอื เขียนว่ำ "ขำยหน้ำเอำผ้ำรอด" พอทอดพระเนตรเหน็ เขำ้ ก็

ทรงพระพิโรธ และทรงพระดำรัสถำมข้ำรำชบรพิ ำรว่ำ "เรือของวดั อะไร?" เมื่อไดท้ รงทรำบว่ำเป็นเรือของวัด

ระฆงั ๆ ก็ทรงเสด็จพระรำชดำเนินกลับเข้ำพระรำชวังเสียพร้อมกับพระรำชดำรัสว่ำ "เขำไม่เลน่ กบั เรำ" ครั้นอยู่

มำ มีขำ้ รำชบรพิ ำรผหู้ นึง่ ไปถำมเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ว่ำ "คำว่ำ ขำยหนำ้ เอำผ้ำรอดนัน้ หมำยควำมวำ่ กระไร?"

เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ไดอ้ ธิบำยวำ่ "ธรรมดำพระสมณะยอ่ มหำสมบัติใดๆ ได้ยำก เพรำะไดร้ บั เครอื่ งอปุ โภคจำก

กำรภิกขำจำร หรอื ผมู้ จี ติ ศรทั ธำนำมำถวำย จงึ ย่อมไม่มีทุนทรัพย์ในอันที่จะนำมำลงทนุ ซ้อื หำสง่ิ ใดๆ เพ่อื

ตกแตง่ ประดับประดำเรอื ให้สวยงำมได้ แต่มีอยูป่ ระกำรหน่งึ ทจี่ ะทำได้เช่นนัน้ คอื ตอ้ งขำยผ้ำไตรเสีย เพ่ือเอำ

เงนิ มำลงทนุ ประดับเรอื จงึ ยอมขำยหน้ำเพื่อเอำผ้ำไตรรอดไว้กอ่ น เพรำะเปน็ สิ่งจำเป็นทจ่ี ะไดเ้ อำไว้หม่ ครอง

สังขำรกนั ควำมร้อนหนำว"

นบั แต่นัน้ มำ พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจำ้ อยหู่ ัวกม็ ิไดท้ รงดำรใิ หม้ กี ำรประกวดเรือของวดั อกี เลย กำร
กระทำของเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ในครงั้ น้เี ป็นกำรทูลถวำยพระสติพระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยู่หัวฯ แม้ว่ำจะเป็น
กำรเสีย่ งอยมู่ ำกกน็ ับว่ำไดผ้ ลดี

ในครั้งหนงึ่ พระทวี่ ดั ระฆงั ฯ ๒ องค์เกิดทะเลำะกันถึงกบั ด่ำถงึ โยมผู้ชำยซ่ึงกนั และกัน คำหนง่ึ "พ่อ" สองคำก็
"พอ่ " เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ได้ยินเข้ำ และได้เอำดอกไมธ้ ูปเทียนมำยังทีซ่ ึ่งพระทั้ง ๒ กำลังทะเลำะกันอยู่ พอ
มำถึงกย็ กมือจบดอกไม้ธปู เทียนขึ้นกลำ่ ววำ่ "พอ่ ทั้งสองจะ๊ ,พอ่ เกง่ เหลอื เกินจะ้ ลกู ขอฝำกเนือ้ ฝำกตัวบ้ำง" พระ
ทง้ั สององคเ์ หน็ เชน่ นนั้ ก็รสู้ กึ ตกใจและละอำยใจอย่ำงย่งิ ต่ำงไดก้ รำบขอขมำต่อเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ และสัญญำ
ว่ำจะไม่ทะเลำะกันอกี เลย

เลำ่ กนั วำ่ ในกำรจำรกิ ไปตำมชนบท เพอ่ื หลบเลี่ยงกำรต้ังใหเ้ ป็นพระสมณศกั ดขิ์ องเจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ครำว
หนง่ึ เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ได้จำรกิ ไปตำมหมูบ่ ้ำนในชนบทแห่งหน่งึ ทำงภำคอสิ ำน ในขณะทผ่ี ่ำนป่ำละเมำะแห่ง
หน่งึ ไดเ้ หน็ สัตวป์ ่ำชนิดหนงึ่ ติดแร้วอยู่ ท่ำนจงึ ได้ปลดปล่อยสัตวป์ ำ่ ตัวน้ันไป แล้วเอำขำของทำ่ นเขำ้ ไปใสไ่ วใ้ น
แรว้ นน้ั แทน จบพลบคำ่ นำยพรำนไดม้ ำเหน็ พระแก่ๆ องคห์ นง่ึ มำตดิ แรว้ ของเขำอยู่ จึงได้ถำมเรอ่ื งรำวว่ำ
"หลวงพ่อมำจำกไหน? ทำไมจงึ มำตดิ แร้ว?" เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ไดต้ อบแก่ชำยผู้นน้ั ว่ำ "อำตมภำพได้เดิน
ทำงผ่ำนมำทำงน้ี และได้เหน็ สตั ว์ตัวหน่งึ ตดิ แร้วของพ่ออยู่ อำตมภำพรู้สึกเวทนำสัตวท์ ่ีน่ำสงสำรตัวนน้ั จึงได้
ปล่อยไปเสีย และเอำตัวของอำตมำเข้ำจำนองไว้แทน สดุ แตพ่ ่อจะเอำไปฆำ่ แกงเถอะจะ๊ " เมอ่ื นำยพรำนไดย้ ิน
เช่นนัน้ ได้บงั เกิดควำมเลื่อมใสเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ รบี จดั แจงปลดแรว้ ออก และนมิ นต์ท่ำนไปทบ่ี ำ้ น ท้งั จดั กำร
ตอ้ นรับอย่ำงดีทส่ี ุด เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ จงึ ได้กล่ำวขอบณิ ฑบำตชีวิตสัตวท์ ั้งหลำยไว้ นำยพรำนผนู้ ้ันกร็ ับคำทกุ
ประกำร

84

กล่ำวกนั วำ่ ในคนื หนงึ่ มีขโมย ๒ คน คิดกนั เข้ำไปขโมยของในหอสวดมนต์ซง่ึ เป็นทีจ่ ำวดั ของเจ้ำพระคุณ
สมเด็จฯ ขโมยทั้งสองนดั แนะกนั วำ่ คนหนง่ึ จะเข้ำไปค้นข้ำงในและอกี คนหนึง่ รอรบั ที่หัวบนั ได คนทเ่ี ข้ำไปค้น
ข้ำงในไม่เห็นอะไร เพรำะคนื นน้ั เป็นคืนข้ำงแรม มืดมำก เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ นัง่ ซุ่มดูขโมยทง้ั สองอยใู่ กลก้ ับ
บนั ไดนนั้ แตค่ นท่ีเข้ำไปค้นของไม่เหน็ ท่ำน ส่วนคนทอ่ี ยู่หัวบนั ไดเหน็ ท่ำน และเข้ำใจว่ำเปน็ เพอื่ นของตน จงึ
สะกิดท่ำนให้ส่งของออกมำ เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ไดส้ ง่ บำตร , กระโถน, ปำ้ นนำ้ รอ้ น, จวี ร, และพัดใหแ้ ก่ขโมยผู้
น้นั ไปจนหมด สกั ครู่หนงึ่ ขโมยคนท่ีเข้ำไปคน้ ขำ้ งบนกล็ งมำขำ้ งล่ำง และเม่ือเหน็ สิง่ ของเหลำ่ น้ีกองอยู่ จงึ เข้ำใจ
วำ่ เพื่อนของตนขึน้ ไปขนลงมำ จงึ ได้ช่วยกนั ขนของเหล่ำนีร้ บี ออกจำกวดั ระฆังฯไป พอพน้ เขตวัดจึงได้เกิด
ซกั ถำมกันข้ึน คนท่ไี ดข้ ้ึนไปค้นขำ้ งบนหอสวดมนตบ์ อกว่ำ "ไมพ่ บของอะไรเลย" อกี คนหนึง่ กว็ ่ำ "ของเหล่ำน้ี
ไมไ่ ดส้ ง่ ลงมำดอกหรือ?" คนน้นั กป็ ฏิเสธวำ่ "เปล่ำ" จงึ เป็นอนั รวู้ ำ่ ชะรอยเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ น่ันเองท่ีช่วยส่ง
ของลงมำให้ บำปของเขำท่ีทันตำเห็นกค็ ือ เขำทง้ั สองนอนไม่หลับตลอดคนื ปรึกษำกันไม่ตกว่ำจะทำอย่ำงไรกับ
สิ่งของเหลำ่ นี้ดี คร้ันร่งุ ขนึ้ แตเ่ ช้ำมืดขโมยทงั้ สองจึงไดต้ กลงใจรีบนำเอำสิง่ ของท่ีขโมยไปกลบั มำถวำยคืนให้
เจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ๆ จงึ ได้ขอบิณฑบำตต่อขโมยทัง้ สองวำ่ "ต่อไปจงอย่ำไดร้ ิอ่ำนถือเอำสง่ิ ของของผู้อน่ื โดย
เขำมิไดย้ กใหอ้ ีกเลย" ขโมยทงั้ สองกร็ ับคำสญั ญำกับทำ่ นทกุ ประกำร

มอี ีกหนง่ึ ทคี่ ่อนข้ำงขบขนั อยสู่ กั หนอ่ ย คอื ในครง้ั ทีเ่ จำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ คิดจะบรู ณะพระอโุ บสถและกอ่ พระ
ปรำงค์ (พระปรำงคอ์ งค์ใหญ่ท่ปี รำกฏอยู่ทุกวนั น้ี) ท่ีวัดระฆังฯ ในวันหน่ึงขณะทพี่ วกกุลีมอญกำลงั ขนทรำยจำก
เรอื ข้ึนวดั เจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดไ้ ปยืนดูอยู่กุลมี อญคนหนึ่งซงึ่ ไมร่ ้จู ักเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ได้ออกปำกไลท่ ่ำน
ไมใ่ หย้ นื เกะกะ มอญวำ่ "หลวงต๊ำ, หลกี ไป๊ อยำ่ เกะกะ (หลวงตำ, หลกี ไป อย่ำเกะกะ)" เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ยืน
เฉยเสยี มอญจงึ ว่ำ "หลวงต๊ำ,น้ดี ่อื (หลวงตำนด้ี ้อื )" เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ หัวเรำะหึๆ แล้วเปรยออกมำเรียบๆ วำ่
"อำ้ ยมอญๆ" แลว้ ก็เดินจำกท่ีนน่ั ไป ปรำกฏว่ำ มอญขนทรำยตงั้ แต่เช้ำจนเยน็ ก็ไมห่ มดลำเรือสักที จึงพำกนั มำ
นง่ั พกั เหน่อื ยอยู่ข้ำงกองทรำย เจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ เดินมำเห็นเขำ้ จงึ ถำมเป็นเชิงล้อเปน็ สำเนียงมอญว่ำ
"ผอ่ มอ๊ ญ, เป็นหย่งั ไง๊ จงึ มำน่ังหอบฮ่ักๆ" (พอ่ มอญเปน็ ยังไง จงึ มำนัง่ หอบฮกั ๆ?) มอญจึงว่ำ "หลวงต๊ำ เป็นหยั่ง
ไง๊ ข่นทร๊ำยไมห่ มด" (หลวงตำเปน็ ยงั ไงขนทรำยไม่หมด) เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ จึงวำ่ "ไปขนเถอะประเด๋ยี วก็
เสร็จ" มอญจงึ พำกันไปขนต่อ ไม่ทันพลบค่ำก็เสรจ็ มอญพำกนั ประหลำดใจและเลือ่ มใสเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ กัน
มำก รุ่งขนึ้ ได้พำกนั ไปซ้อื อำหำรมำทำถวำยเจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จึงเจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ได้ฉันแบบสำรวมอยำ่ ง
ทเ่ี คยฉัน ทำใหม้ อญแปลกใจมำกเพรำะไม่เคยเห็น มิหนำซ้ำพอฉนั เสร็จก็เอำน้ำใส่จำนเปน็ เชิงล้ำงจำนแล้ว
ยกขน้ึ ซด มอญอดรนทนไม่ได้ ถึงกับออกปำกว่ำ "หล่วงต๊ำท่ำอย่ำงง๊ำยๆ" (หลวงตำทำอยำ่ งไงๆ)

เลำ่ กันว่ำ มีหลวงตำองค์หน่ึง อำยุร่นุ รำวครำวเดยี วกับเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ มกั จะจำวัดตนื่ สำยไมไ่ ด้ไป
บิณฑบำตเสมอๆ จึงเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ เมื่อกลบั จำกบิณฑบำตแล้ว ก็แวะฉนั ท่ีหน้ำกฏุ ิหลวงตำองคน์ ้ันเสมอ
หลวงตำองค์นนั้ รเู้ ข้ำจึงต้องรีบต่นื แตเ่ ช้ำ ไปบิณฑบำตเหมือนพระอื่นๆ

นีก้ เ็ ป็นบคุ คลกิ ภำพอนั หนงึ่ ทใ่ี ช้ตกั เตอื นคนอ่ืนๆ ที่ไดผ้ ลโดยไมต่ อ้ งพูดกันเลย. ได้แก่เร่ืองลูกศิษยข์ นำดเขือ่ ง
ของเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ไดพ้ ำกนั ลวงเจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ว่ำ "วันนี้เขำนิมนต์ไปเทศน"์ เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ จึง
ว่ำ "เขำนมิ นต์พร่งุ น้ไี มใ่ ชห่ รือ?" พวกศิษย์เหล่ำนั้นก็ช่วยกนั ยนื ยนั วำ่ "วนั น้ี ไมใ่ ช่พรุง่ น้"ี

85

ท้งั นี้เพรำะลูกศิษยข์ นำดเขือ่ งๆ เหลำ่ น้นั พำกันขำดแคลนของอุปโภคน่ันเอง อดใจรออยไู่ มไ่ ด้ เจ้ำพระคณุ
สมเด็จฯ ก็รู้เทำ่ ทนั ในควำมคิดของเขำเหล่ำนนั้ ดี แตแ่ กล้งกลำ่ วว่ำ "ถ้ำเช่นนั้นก็ไปสิ" พวกลูกศิษยก์ พ็ ำกันดีใจ
รบี แบกพดั และหบี คมั ภีรพ์ ำเจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ลงเรอื พำยไปยงั บำ้ นท่ีเขำนมิ นตไ์ ว้ โดยคิดเสยี ว่ำ เม่ือเจ้ำ
พระคุณสมเด็จฯ ไปถึงบ้ำนผ้นู มิ นต์แล้ว อย่ำงไรเสียก็ต้องไปเทศน์ในวันนั้นเพรำะใครๆ กต็ ้องเกรงใจเจ้ำ
พระคณุ สมเดจ็ ฯ กันทั้งนั้น แต่เผอญิ เจ้ำของบ้ำนยงั เตรยี มตัวไม่ทนั เม่อื ไปถึงบ้ำนผนู้ ิมนต์ เจ้ำของบ้ำนจึงกรำบ
เรยี นถำมว่ำ "หลวงพอ่ มธี ุระอนั ใดหรอื ?" เจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ กว็ ่ำ "ก็มำเทศน์อย่ำงไรเลำ่ " เจ้ำของบำ้ นก็วำ่
"นมิ นต์หลวงพ่อพรุ่งน้ี มใิ ช่วันนีด้ อก" เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ จงึ ว่ำ "นั่นนะซิจ๊ะ, ฉนั ก็ว่ำพรุง่ นี้ แตเ่ จ้ำพวกนสี้ เิ ขำ
เคีย่ วเข็ญฉนั วำ่ วนั น้ี ฉันเลยต้องมำจะ้ เพรำะตวั คนเดยี ว เขำหลำยคน สเู้ ขำไม่ไดจ้ ะ้ " เจ้ำของบ้ำนและคนในบ้ำน
นั้นกพ็ ำกันหวั เรำะไปตำมๆกนั แตพ่ วกลูกศษิ ยข์ นำดเข่ืองๆ เหลำ่ น้นั ไมก่ ล้ำเข้ำหนำ้ เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ไปหลำย
วัน และแต่น้ันมำ กม็ ิไดค้ ิดอ่ำนเช่นนีอ้ กี ต่อไป ทง้ั ๆทีเ่ จ้ำพระคุณสมเด็จฯ ไมไ่ ด้ว่ำกลำ่ วแต่ประกำรใด จะเหน็ ได้
วำ่ วิธีกำรลงโทษของเจำ้ พระคุณสมเด็จฯ น้ันพิสดำรและได้ผลลกึ ซึ้งเสียยิ่งกว่ำวธิ อี ่ืนใดทั้งส้นิ

เรอื่ งจุดไต้กลางวนั

เรื่องประหลำดของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ อกี เร่อื งหน่ึงท่มี ีผกู้ ล่ำวขำนกนั มำกกค็ อื กำรจดุ ไตใ้ นเวลำกลำงวัน
กลำ่ วกันวำ่ เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ได้ทำปริศนำด้วยกำรจดุ ไต้ในเวลำกลำงวัน ๒ ครั้ง คือครั้งแรก ในสมัยรชั กำล
พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจำ้ อยู่หวั กล่ำวกันว่ำในเวลำกลำงวนั วนั หนงึ่ เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ได้จุดไต้เข้ำไป
เฝำ้ พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยู่หวั ในพระบรมหำรำชวัง เมื่อพระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยู่หัวได้ทรงทรำบจำกข้ำรำช
บริพำรผใู้ กล้ชิดยคุ ลบำท ก็เสดจ็ พระรำชดำเนนิ ออกมำทอ้ งพระโรง จึงทอดพระเนตรเห็นเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ
ยืนถือไต้ ซ่ึงตดิ ไฟลุกโพลงอยู่ ก็ทรงเข้ำพระทัยในควำมหมำยของเจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ได้ทนั ทแี ละทรงตรัสกับ
เจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯว่ำ "เข้ำใจแล้ว ขรัวโต" แล้วเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ก็กลับวดั ระฆังฯ โดยไม่ต้องทูลถวำย
ถ้อยคำใดๆเลย เรอื่ งน้ีผู้เขียนจะไมข่ อออกตวั ในกำรใหอ้ รรถำธบิ ำยใดๆ แตข่ อชใ้ี ห้เหน็ อัจฉริยภำพระหวำ่ ง
พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวกบั เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ว่ำล้วนแตท่ รงมีควำมสมั พันธ์ทำงมโนสมั ผัส ซึง่
กันและกนั ได้อยำ่ งน่ำสรรเสริญ เข้ำในลกั ษณะทว่ี ำ่ "ปรำชญย์ อ่ มเข้ำใจในวิสยั ปรำชญ์"

อีกคร้งั หนง่ึ กล่ำวกนั ว่ำ เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ จุดไตใ้ นเวลำกลำงวนั วันอกี ในรัชกำลพระบำทสมเดจ็ พระ
จลุ จอมเกลำ้ เจ้ำอย่หู ัว ตอนผลัดแผ่นดนิ ใหม่ ในตอนน้ันสมเด็จพระปยิ มหำรำชเจ้ำทรงมีพระชนมำยุเพียง ๑๖
พรรษำ เจ้ำพระยำศรีสุรยิ วงศ์ หรอื เรยี กกันเปน็ สำมญั วำ่ "เจ้ำพระกลำโหม" ได้รับแต่งต้ังให้เปน็ ผสู้ ำเร็จ
รำชกำรแทนพระองค์ ถอื บงั เหียนกำรบริหำรประเทศ ทรงอำนำจเตม็ ในครัง้ นีเ้ องมีเรอ่ื งโจษจนั กนั ท่ัวไปวำ่
เจำ้ พระยำกลำโหมจะกบฎรำชบัลลังก์ ขำ่ วนีล้ ว่ งรู้ไปถึงพระเจำ้ คณุ สมเด็จฯ เข้ำ จึงได้จดุ ไต้เดินเข้ำวังอกี สมเด็จ
พระปยิ มหำรำชออกมำรับ และเมือ่ ทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนน้ั ก็ตกพระทัย และทรงตรัสถำมวำ่ "มีควำม
เดอื ดรอ้ นประกำรใดหรอื ? พระคุณเจำ้ ฟ้ำ (ทรงใช้คำแทนพระองคก์ บั เจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯ ว่ำ ฟ้ำ" เสมอ) ยัง
อยู่" เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ถวำยพระพรว่ำ "เปล่ำดอกมหำบพิตร อำตมำถวำยพระพร เพรำะไดท้ รำบวำ่ ขณะนี้
แผ่นดนิ น้ันมดื มัวนัก"

86

หลังจำกจดุ ไต้เข้ำวังแล้ว เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ก็จุดไต้ตรงไปยังบ้ำนเจำ้ พระยำกลำโหม กล่ำวกันว่ำเจ้ำพระยำ
กลำโหมก็ทรำบควำมหมำย ของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ เหมอื นกนั เม่อื นิมนตใ์ ห้นัง่ ในทอ่ี นั สมควรแล้ว จงึ ไดถ้ วำย
ควำมจริงใจแกเ่ จ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ว่ำ "บำ้ นเมืองยังไม่มดื มนดอกพระคุณเจ้ำ อย่ำไดว้ ิตกเลย" เพยี งกำรกระทำ
และวำจำสัน้ ๆ ของบุคคลสำคัญๆ ทำควำมเข้ำใจกนั ได้เปน็ อยำ่ งดี เมอ่ื เจำ้ พระคณุ สมเด็จฯ ไดฟ้ ังเช่นนั้นก็กลบั
วดั

อนึง่ เรือ่ งกำรจดุ ไต้ในเวลำกลำงวันของเจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ นั้นเผอิญไปพ้องกันกับเร่ืองของ โสเครตสี
ปรชั ญำเมธแี ห่งกรงุ เอเธนส์ ในสมัยพทุ ธศตวรรษที่ ๑ เรื่องรำวของโสเครตีส คือในตอนกลำงวันวนั หนึ่งเขำ
เดินจุดตะเกียงสอ่ งไปตำมถนนหนทำงในกรุงเอเธนส์ ผทู้ ีส่ ัญจรไปมำรูส้ ึกสงสยั ก็พำกนั ไตถ่ ำมวำ่ "สอ่ งตะเกียง
เพ่อื ประสงคอ์ นั ใด" โสเครตีสตอบวำ่ "ตอ้ งกำรสอ่ งหำคน"

การฉันอาหาร
เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ เป็นพระที่ฉนั อำหำรสำรวมเป็นเนืองนิจ บำงโอกำสทีร่ ับบิณฑบำต ชำวบำ้ นท่ศี รัทธำในตัว
ท่ำนกำชบั ว่ำ ของท่ีใส่บำตรนน้ั ขอใหท้ ่ำนฉันให้ได้ ทัง้ นี้เพรำะชำวบ้ำนทรำบไดด้ วี ่ำ เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ฉนั
สำรวม อนั ทำใหอ้ ำหำรมีรสดที ่ีตั้งใจจะให้ท่ำนฉันนน้ั เสอื่ มรสไป หรอื มฉิ ะน้นั อำหำรชนดิ ใดท่ีมรี สอรอ่ ยท่ำน
มกั จะเอำไปใหล้ ูกศษิ ย์หรือสุนัข นก กำ กนิ เสียเปน็ กำรใหท้ ำน เพรำะฉะน้นั เม่ือไดร้ ับคำกำชับครำวใด เพ่ือ
ฉลองศรทั ธำแกผ่ ูถ้ วำย เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ จะล้วงอำหำรในบำตรออกฉันต่อหนำ้ ผ้ถู วำย ใหผ้ นู้ น้ั เกิดควำมปิติ
เมือ่ ฉันสัก ๒-๓ คำพอเปน็ พิธีแลว้ เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ก็สวดใหพ้ รดว้ ยบท ยะถำ วำริวะหำ ฯลฯ และสพั พีฯลฯ
ทนั ที และดว้ ยเหตุนี้เอง ผู้ทีจ่ ะใสบ่ ำตรทำ่ นกม็ คี วำมเกรงใจไมก่ ลำ้ กำชับท่ำนอกี เร่ืองน้นี บั วำ่ เป็นเรอ่ื งประหลำด
ทีไ่ ม่เคยปรำกฏวำ่ มพี ระภิกษุองคใ์ ดกระทำเชน่ น้ี แมใ้ นสมัยพทุ ธกำล

เรื่องน้ีมีผู้วิจำรณ์กันไปในแงท่ ีไ่ มเ่ หมำะสม แต่เมอื่ พจิ ำรณำใหด้ ีแล้วจะเหน็ ได้ว่ำ เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ท่ำนมี
เหตผุ ลในกำรกระทำของทำ่ น นั่นคอื กำรสัง่ สอนหรอื ใหส้ ตผิ อู้ ่ืนในทำงออ้ ม

"พระเจำ้ รำชวงศ์เธอ กรมหม่ืนพทิ ยำลงกรณ์ ได้ประทำนเลำ่ เรื่องเกี่ยวกับเจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯว่ำ พระญำติ
ผูใ้ หญ่ของพระองค์ท่ำนมบี ้ำนอยไู่ มห่ ่ำงจำกวัดระฆงั ฯ นกั และเป็นผคู้ ้ยุ เคยกับเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์
ฯ ได้ไปมำเยีย่ มเยยี น ท่บี ้ำนนั้นบ่อยๆ และเมื่อถงึ ครำวมงี ำนกน็ มิ นต์ใหเ้ จ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ไปสวดมนตฉ์ ันเช้ำ
อยู่เสมอๆ ญำติผ้ใู หญ่ของสมเด็จในกรมฯ เล่ำใหฟ้ งั วำ่ ขณะที่ทำ่ นรบั นมิ นต์มำฉันจังหัน ระหว่ำงเดินมำตำมทำง
ท่ำนมักจะเกบ็ เอำตำแยและต้นไม้อนื่ ๆ ทใ่ี กลท้ ำงไปด้วย เวลำท่ำนฉนั ท่ำนก็เอำตำแยใส่ลงในอำหำรทฉ่ี นั ไม่ว่ำ
หวำนหรือคำว เพ่ือใหส้ ิน้ ควำมอร่อย ทั้งนี้ เพรำะท่ำนถือว่ำอำหำรเปน็ ของกินกันตำย ไม่ต้องกำรจะใหเ้ พลินใน
รสของมนั ..." (จำกหนังสอื พิมพ์ "ตำรวจ" ฉบบั ๑๓ ตลุ ำคม ๒๔๙๔ โดย "ฉันทิชยั ")

87

เรือ่ งเบด็ เตล็ดต่างๆ

ในครำวหน่งึ มีลูกศษิ ย์เก่ำสองคน ได้ปรึกษำกันเพ่ือจะไปขอหวยตอ่ เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ คนหน่ึงเขำ้ ไปนวดเจำ้
พระคุณสมเดจ็ ฯบนหอสวดมนต์ อีกคนหน่งึ แอบฟังอยู่ใตถ้ นุ คนทีน่ วดก็พยำยำมขอหวยต่อเจ้ำพระคณุ
สมเด็จฯๆ ทำนองนิ่งเสียโดยไม่ยอมพูดว่ำกระไรเลย เพรำะทำ่ นทรำบด้วยญำณว่ำ มอี ีกคนหนงึ่ แอบอยูใ่ ตถ้ นุ
เกรงวำ่ ถ้ำกลำ่ วถ้อยคำอนั ใดออกไปเจำ้ คนท่อี ยใู่ ตถ้ ุนจะเอำไปแทงหวย คร้ันพอคะเนว่ำถึงบอกให้กจ็ ะไปแทงไม่
ทัน ท่ำนจึงกลำ่ วข้ึนเปรยๆ ว่ำ "บอกใหก้ ไ็ ด้ แตก่ ลัวหวยจะลอดช่อง" หมำยควำมว่ำกลัวเจำ้ คนทอ่ี ยใู่ ต้ถนุ จะได้
ยินเขำ้ พอคนท่อี ยู่ใต้ถุนได้ยนิ เช่นน้ันก็รบี ว่งิ ออกจำกวัดระฆงั ฯ ไปโดยเร็ว ตั้งใจจะไปแทงตวั ร. และ ช. แตไ่ ป
ไมท่ ัน หวยออกเสยี กอ่ นแล้วคอื ร. และตวั ช. นั่นเอง

ในสมยั น้ัน มีหมอนวดอยู่คนหน่ึง ชื่ออะไรจำไม่ได้เสยี แล้ว เป็นหมอนวดประจำองคเ์ จ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ แก
ชำนำญในเรอ่ื งกำรนวดมำก และเคยนวดเจ้ำนำยและข้ำรำชกำรชัน้ ผู้ใหญ่มำเปน็ อนั มำก แต่กำรนวดใครก็ตำม
ไม่เคยประหลำดใจเหมือนนวดเจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ทัง้ น้ี เพรำะทกุ คร้ังที่แกนวดแขนท่ำน แกรสู้ ึกว่ำเจำ้ พระคณุ
สมเดจ็ ฯ มกี ระดูกแขนทอ่ นลำ่ งเป็นแท่งเดียว แทนที่จะมกี ระดกู คู่เหมือนสำมัญชนทั่วไป ในวนั หนึง่ ขณะท่ีแก
กำลงั นวดเจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ อยู่ ตัง้ ใจจะกรำบเรียนถำมถึงเรอ่ื งน้ี แตไ่ ม่กล้ำเอย่ ปำกถำม แกจึงนวดแรงๆ อยู่
เฉพำะตรงที่แขนท่อนลำ่ งของท่ำนอยเู่ ปน็ เวลำนำน เจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯก็ล่วงร้คู วำมในใจของตำหมอนวดได้
จงึ กลำ่ วเปรยๆ ถำมขนึ้ ว่ำ "นวดมำก่ปี ีแล้ว" ตำหมอนวดกรำบเรยี นว่ำ "นวดมำ ๑๐ กว่ำปีแล้ว" เจ้ำพระคณุ
สมเดจ็ ฯถำมต่อไปว่ำ " เคยเหน็ คนมีกระดกู แขนชน้ิ เดยี วไหม?" ตำหมอนวดกรำบเรยี นวำ่ "ต้ังแต่นวดมำยังไม่
เคยเห็นเลยนอกจำก..." แกจะพดู ตอ่ ไปวำ่ นอกจำกเจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ แตเ่ จ้ำพระคุณสมเด็จฯชงิ พูด เสยี ก่อนว่ำ
"จำเอำไว้นะ ถำ้ ไปพบท่ไี หนเข้ำ นน่ั แหละพระโพธสิ์ ัตว์มำบำเพ็ญบำรมีละ"

ผูเ้ ขียนขอเรยี นด้วยใจจรงิ ว่ำ มคี วำมเชอื่ อย่ำงแน่นแฟน้ ว่ำ เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯเปน็ พระโพธิส์ ัตวป์ ำงหน่ึง มำ
บังเกิดในโลกเพอื่ สร้ำงสมพระบำรมี และกำรท่ีเชอ่ื ถอื ทง้ั น้ีมไิ ดเ้ กดิ จำกอุปทำน เกิดจำกกำรศึกษำพจิ ำรณำ
ชีวประวัตขิ องท่ำนอย่ำงละเอียด และยังไม่เคยมคี วำมศรทั ธำในพระสงฆ์รูปใดเท่ำ ชำติกำเนดิ กด็ ี และ
อัจฉริยภำพทกุ ประกำรกด็ ี ของท่ำนเจำ้ พระคุณสมเดจ็ ฯองคน์ ี้ ซำบซ้ึงใจผู้เขียนยิ่งนัก ไมอ่ ำจจะหำพระ
เกจอิ ำจำรย์องค์ใดมำเทยี บเคียงได้เลย

ในครำวหนึ่ง เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ถกู นมิ นตใ์ หเ้ ข้ำไปสวดมนตใ์ นพระบรมมหำรำชวัง พระบำทสมเด็จพระจอม
เกลำ้ เจ้ำอย่หู ัว ทรงกำชบั กับมหำดเลก็ ผูไ้ ปนิมนต์ว่ำ ให้เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ ครองไตรแพรมำใหไ้ ด้ (ไตรแพรท่ี
พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำฯ ทรงพระรำชทำนถวำยเปน็ รำงวัลในครำวท่ีเทศนว์ ่ำ - ธรรมะใดมหำบพิตรกท็ รง
ทรำบดแี ล้ว) เพอื่ มิใหด้ อ้ ยกวำ่ พระสมณศกั ดิอ์ ีกหลำยรูป ที่ไดร้ ับกำรนิมนตค์ รำวเดยี วกันนนั้ เพรำะพระองค์
เหน็ วำ่ เจำ้ พระคุณสมเด็จฯครองจวี รรุ่มร่ำมและเกำ่ คร่ำครำ่ อยู่เสมอ (ทรงพระรำชดำรัสบอ่ ยๆวำ่ "ขรวั โตนยี่ ิ่ง
แกเ่ ข้ำย่ิงรมุ่ ร่ำมคร่ำคร่ำ" ซ่ึงเจำ้ พระคุณสมเด็จฯ ทรำบเข้ำกพ็ ดู เปรยๆ เสมอว่ำ "โตดี กลบั หำวำ่ ว่ำโตบำ้ ทโี่ ต
บำ้ กลับหำว่ำโตด"ี

88

หมำยควำมว่ำ แตก่ ่อนเมื่อท่ำนยังไม่สำเรจ็ มรรคผลนน้ั จึงย่อมมคี วำมหลงผดิ ยังยนิ ดใี นลำภสักกำระ ครองผ้ำ
ก็รัดกมุ สสี ดใส ใครๆ ก็ชมว่ำทำ่ นดี ทแ่ี ทท้ ่ำนว่ำตัวท่ำนยงั บ้ำอยู่ แตพ่ อท่ำนสำเรจ็ มรรคผลเป็นบำงอย่ำงจึงละ
สง่ิ เหล่ำน้ีจนหมด กลบั มคี นเข้ำใจว่ำทำ่ นบ้ำ และพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ ัวกย็ ังทรงตรัสว่ำท่ำนรมุ่ ร่ำม) เมอื่
ใกลจ้ ะถงึ กำหนดเวลำสวดมนต์ ยังไมเ่ หน็ เจำ้ พระคุณสมเด็จฯมำ มหำดเลก็ จงึ เร่งนิมนต์อกี คร้ันเมือ่ ไปถึงวัด
ระฆังฯ เหน็ เจ้ำคณุ พระนัง่ อยู่บนกฏุ ิ ตรงหนำ้ มีลูกสนุ ขั ตัวหนึ่งนอนทบั ไตรแพอยู่ มหำดเลก็ จึงเขำ้ ไปนิมนต์วำ่
"เจ้ำพระคณุ ตอ้ งรีบหน่อยเพรำะจวนเวลำเต็มท่แี ล้ว พระทุกรูปมำพรอ้ มกนั หมดแล้ว ยงั ขำดแต่เจ้ำพระคณุ
พระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอย่หู ัวก็เสดจ็ แล้ว พร้อมทั้งเจำ้ นำยฝำ่ ยนอกฝ่ำยในตลอดจนขำ้ รำชกำร" เจำ้ พระคุณ
สมเดจ็ ฯชใี้ ห้ดูลกู สุนัขที่กำลังนอนหลับบนไตรแพรน้นั มหำดเลก็ จงึ กรำบเรียนใหไ้ ล่ลูกสุนขั ตัวนน้ั ไปเสยี เจ้ำ
พระคุณสมเด็จฯกล่ำวว่ำ "ไม่ได้ดอกจ้ะ เพรำะเรำไม่รู้ว่ำเขำจะเป็นพระโพธิสตั ว์หรือเปล่ำ" (พระโพธสิ ตั ว์เคย
เสวยพระชำติเปน็ สุนัข ดังควำมปรำกฏในเรื่องชำดก) ในหนงั สือ "ประวตั ิขรัวโต" ของพระยำทพิ โกษำ กล่ำวว่ำ
แม้เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ จะเดินไปตำมทำงซึ่งมีสุนขั นอนขวำงอยู่ กจ็ ะกล่ำวว่ำ "ฉันขอไปทีจะ้ " แล้วก็คอ่ ยๆ หลีก
ไปเสยี ทำงหนึ่ง ปรำกฏว่ำไม่เคยข้ำมสุนัขเลย

เรอ่ื งการตัดสนิ ความของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ

กน็ ับว่ำมีหลักกำรพสิ ดำรยิ่งกวำ่ ผพู้ ิพำกษำคนใดในโลก กลำ่ วคือคร้ังหนงึ่ ไดม้ ีพระ ๒ องคท์ ะเลำะวิวำทถึงกบั
ทุบตกี นั พระองคท์ ถ่ี กู ตีได้ไปฟอ้ งสมเด็จพระวันรัต (เซง่ ) สมเด็จพระวนั รัตจงึ ให้เจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ตัดสนิ
ควำม (ขณะนัน้ ยังครองสมณศักดิ์เปน็ พระเทพกวี) พระองคท์ ีถ่ กู ตีก่อน กเ็ รยี นเจ้ำพระคุณสมเด็จฯ ว่ำ ตนถูกตี
อกี องคห์ นง่ึ ตีกอ่ น เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ กล่ำวว่ำ "ทำ่ นแหละตเี ขำกอ่ น" พระองค์น้นั กพ็ ยำยำมยนื ยันว่ำ ตนไม่ได้
เป็นฝำ่ ยตกี ่อน เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯกลบั ยืนกรำนว่ำ "ท่ำนตอ้ งตีเขำกอ่ นแน"่ สมเดจ็ พระวนั รตั จึงถำมว่ำ "เหตุ
ใดจงึ วำ่ พระองคน์ ้ี ตีองค์นั้นกอ่ น?" เจำ้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จึงเรียนว่ำ "เนอ่ื งจำกผลกรรมแตป่ ำงกอ่ นที่พระองคน์ ี้
เคยตเี ขำกอ่ น ผลกรรมจะไม่ยุตลิ งถำ้ ทั้งสองยังคงจองเวรกรรมกันสบื ไป" สมเด็จพรพระวนั รตั จึงกลำ่ วกับเจำ้
พระคุณสมเด็จฯว่ำ "ถ้ำเชน่ นั้นทำ่ นจงยตุ กิ รรมอนั นเี้ สยี " เจำ้ พระคุณสมเด็จฯ กไ็ ด้ไปหำปัจจัยบำงอย่ำงมอบ
ใหก้ บั พระองค์ท่ถี กู ตี และกลำ่ วแก่พระท้ัง ๒ ว่ำ "ขอใหท้ ่ำนทง้ั สองจงอโหสกิ รรมใหแ้ กก่ ันเสยี เถิด" เร่ืองเปน็ อัน
ยุติลงด้วยดี เพรำะพระทง้ั ๒ รูปต่ำงกเ็ ชอ่ื ฟัง และยนิ ดอี โหสกิ รรมต่อกนั และต่อมำก็ไดร้ ่วมสมำคมกนั เป็นอนั
ดี ไม่มเี ร่ืองโกรธเคืองตอ่ กันอกี อนง่ึ เจ้ำพระคณุ สมเด็จฯ ยังได้สำรภำพต่อสมเดจ็ พระวนั รตั ว่ำเร่ืองน้ีเป็น
ควำมผิดของทำ่ นทป่ี กครองพระไมไ่ ดเ้ อง

เรอ่ื งสุดท้ำยทเี่ ดียวกบั อจั ฉริยภำพของเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ ซงึ่ จะหยิบยกมำกล่ำวในทีน่ ี้กค็ ือ เรื่องกำรใหพ้ รด้วย
วำจำสิทธิ์ ซง่ึ นับว่ำเป็นวิธีกำรให้พรทแี่ ปลกประหลำด กล่ำวคอื ในสมยั ทเี่ จ้ำพระคุณสมเด็จฯ ยงั ครองสมณศักด์ิ
เปน็ พระเทพกวีอยูน่ ัน้ ไดร้ กั ใครเ่ มตตำเณรน้อยองคห์ น่งึ ท่ีเปน็ ศษิ ยท์ ่ีใกลช้ ดิ จงึ วนั หน่ึงขณะท่ีกำลงั สนทนำอยู่
กบั เณรนอ้ ยองคน์ ้แี ละพร้อมกับอบุ ำสกิ ำผ้สู ูงอำยุคนหนึ่ง เจำ้ พระคณุ สมเด็จฯ กลำ่ วข้นึ ลอยๆว่ำ "เณร อยำกมี
อำยุยนื ไหมจะ๊ ?" เณรน้อยกร็ ับวำ่ อยำกมอี ำยุยืน เจ้ำพระคุณสมเดจ็ ฯ จึงวำ่ "ขอพรจำกโยมแกซ่ "ิ พร้อมกับหัน
หน้ำไปทำงอบุ ำสิกำผูส้ ูงอำยุนัน้ เณรน้อยองค์นั้นก็เอำดอกไมธ้ ูปเทียนมำส่งให้อุบำสิกำผู้เฒ่ำคนน้ันเพอื่ ขอพร
อบุ ำสิกำผู้เฒ่ำจึงให้ศีลใหพ้ รขอให้เณรน้อยอำยุมัน่ ขวัญยนื นับว่ำเปน็ ที่น่ำอัศจรรยอ์ ย่ำงย่ิงว่ำ เหตุกำรณ์ที่
เหมือนทำกันเล่นในวนั นั้นมผี ลจริงไดอ้ ยำ่ งศักด์สิ ทิ ธ์ เณรน้อยองคน์ นั้ ตอ่ มำได้มอี ำยุถงึ ๙๒ปี และครอง

89

พรรษำอยูถ่ ึง ๗๐ พรรษำ จึงได้มรณภำพ และไดร้ บั สมณศักดขิ์ ัน้ สดุ ทำ้ ยเป็น "พระธรรมถำวร" และด้วยกำรมี
อำยยุ นื นำนนี้เอง ทำให้ชนชั้นหลงั ได้มีโอกำสสบื เรื่องรำวของเจ้ำพระคณุ สมเดจ็ ฯ และกำรสร้ำงพระสมเดจ็ ฯ
จำกทำ่ นและท้ังได้บันทึกเปน็ หลักฐำนกนั ตอ่ มำ

กติ ติคณุ และคุณลักษณะพิเศษบางอย่างเจ้าประคณุ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

๑. เจำ้ ประคณุ ฯสมเด็จ เปน็ อัจฉรยิ ะและส่งั สมบุญบำรมีดยี ่ิง ดังจะเห็นได้จำกสติปัญญำตง้ั แต่ครั้งเป็นสำมเณร
โต คือรอบรู้ในสิ่งตำ่ งๆไดอ้ ย่ำงรวดเรว็ กระทงั่ ครอู ำจำรย์ที่สอนยกยอ่ งว่ำ “สำมเณรโตไมไ่ ดม้ ำใหฉ้ ันสอน แต่
มำแปลหนงั สอื ให้ฉันฟงั ” คอื แทนทีอ่ ำจำรยจ์ ะต้องสอนแตท่ ำ่ นกร็ ู้ดว้ ยตัวของท่ำนเอง นับว่ำแปลกมหัศจรรย์
อยำ่ งย่ิง

๒. เจ้ำประคุณสมเด็จฯไมป่ รำรถนำทรพั ยส์ มบัติในทำงโลก หลกั ฐำนสนบั สนุนคำกล่ำวอ้ำงข้ำงตน้ คอื เม่อื
บคุ คลใดทำบญุ ถวำยพระคณุ ท่ำน ปัจจยั นนั้ จะต้องไปถึงบคุ คลอ่ืนทีก่ ำลงั มคี วำมทุกข์ยำกตำ่ งๆ ดังมีเรอ่ื งเล่ำกนั
หลำยสิบเร่อื ง อำทเิ ช่น “สองผัวเมยี เปน็ ทุกข์เรื่องค้ำขำยแตงโมกำลังจะเน่ำขำดทนุ ต้องเป็นหน้สี นิ คร้ันสมเด็จ
ฯทำ่ นผำ่ นมำพบ และรู้วำ่ สองผวั เมยี นี้เปน็ ทุกข์เรือ่ งคำ้ ขำยขำดทนุ พระคณุ ท่ำนจงึ ช่วยซ้ือแตงโมเท่ำที่มปี ัจจัย
จำกคนอื่นถวำย เมือ่ ซ้อื แตงโมพรอ้ มจ่ำยเงินให้แล้วก็ยกแตงโมใหส้ องผัวเมียอีกด้วย นอกจำกเรื่องนี้แล้วยังมี
เรือ่ งอนื่ ๆ อีกหลำยสบิ เร่ือง ดังน้นั จึงสรปุ ว่ำ “ทรพั ย์สมบัติในทำงโลกของพระคณุ ทำ่ นนั้นไม่มี”

๓. เจ้ำประคุณสมเดจ็ ฯ ปรำรถนำท่ีจะช่วยให้บคุ คลน้นั สมควำมปรำรถนำ ตรงตำมหลักธรรมของพระพทุ ธองค์
ท่ีวำ่ “ยัมปจิ ฉัง นะ ละภะติ ตมั ปิ ทุกขงั …” เม่อื บคุ คลมีควำมปรำรถนำสงิ่ ใดคร้ันไมไ่ ดส้ ง่ิ นน้ั บุคคลนนั้ ก็เปน็
ทกุ ข์ จำกควำมจรงิ ในทำงโลกดังกล่ำว ถ้ำเจำ้ ประคณุ สมเด็จฯ ทำ่ นไดพ้ บหรือไดร้ ู้ท่ำนเป็นต้องหำทำงช่วยให้
บุคคลทอี่ ยู่ในหว้ งของควำมทุกขไ์ ด้สมควำมปรำรถนำในวิถีทำงที่ท่ำนจะช่วยได้ ดังจะเห็นได้จำกกำรปฏบิ ตั ขิ อง
พระคุณทำ่ นในเรือ่ งท่ีผำ่ นมำและเรอ่ื งอื่นๆอีกเช่น “เมื่อพระคุณทำ่ นทรำบว่ำ เรือทท่ี ่ำนได้เคยนง่ั และกำลังน่ัง
ขำ้ มฟำกกำลงั จะหมดสภำพ เพรำะรั่วโดยเจำ้ ของเรือบอกเจ้ำประคณุ สมเดจ็ ฯว่ำ “ไม่มสี ตำงค์จะซ่อมเรอื ” พอ
ถงึ ฝง่ั เจ้ำประคุณสมเดจ็ ฯก็หยิบพัดยศให้เจ้ำของเรือถือไว้ จำกนั้นเจำ้ ประคณุ ก็ขน้ึ ฝ่ังไปทำกจิ ทไี่ ดร้ ับนมิ นตใ์ น
พธิ ีหลวง พอถึงพิธีเจ้ำกรมสงั ฆกำรรี ู้ว่ำพัดยศสมเด็จฯ อย่ทู ่ีคนแจวเรือจ้ำง โดยพระคุณท่ำนปรำรถนำจะ
ชว่ ยเหลอื ให้เจำ้ ของเรอื จ้ำงได้รบั เงนิ ประมำณแปดสลงึ เฟื้อง เพอ่ื เปน็ ค่ำยำเรอื ดังนน้ั เจำ้ กรมสังฆกำรีจงึ ตอ้ ง
นำเงนิ แปดสลึงเฟือ้ งไปถ่ำยพัดยศทเี่ จ้ำประคุณสมเด็จมอบให้คนแจวเรือจ้ำงถอื ไว้…” นอกจำกเรื่องนี้แล้วยงั มี
อุทำหรณอ์ ีกว่ำ เจ้ำประคุณสมเด็จฯ ปรำรถนำจะช่วยบุคคลไม่เลือกบคุ คลว่ำจะเป็นคนเลวหรือเปน็ คนดี ดังเชน่
“ขโมยเอื้อมมือลอดร่องจำกใต้กฏุ ิท่ที ำ่ นพกั อำศยั เพือ่ ควำนหำของมคี ำ่ แต่เอ้อื มไมถ่ ึง พระคุณท่ำนรูใ้ จขโมยว่ำ
อยำกจะไดอ้ ะไรจงึ หยิบของนนั้ ส่งให้ขโมยเพอ่ื ชว่ ยใหข้ โมยสมควำมปรำรถนำ” นอกจำกเรอื่ งนี้แล้ว เมื่อคร้ัง
ขโมยเขำ้ มำลกั เรือที่ใต้กุฏิ สมเด็จฯ ยังโผล่หนำ้ ตำ่ งมำบอกขโมยว่ำ ถ้ำจะให้ดตี อ้ งทำอย่ำงใดจงึ จะเอำเรอื ไปได้
โดยไม่เกิดเสียงดงั เพรำะถ้ำเกดิ เสยี งดังเด็กวดั ต่นื เดี๋ยวจะมีเร่อื งเจบ็ ตวั ดังนน้ั เพื่อช่วยใหผ้ ูป้ รำรถนำสมหวงั

90

จงึ ชว่ ยแนะนำขโมยเพอื่ ใหข้ โมยไดส้ มควำมปรำรถนำ จงึ นับได้ว่ำพระคุณท่ำนมีปณิธำนจะช่วยให้บคุ คลทุกคน
สมควำมปรำรถนำอย่ำงแท้จริง

๔. เจ้ำประคุณสมเด็จฯ กอปรดว้ ยคณุ ธรรมพิเศษยงิ่ คือ เมตตำ กรุณำ จำกอทุ ำหรณ์ทีเ่ ล่ำมำหลำยๆเรอ่ื งที่แลว้
มำเป็นหลักฐำนสนบั สนนุ วำ่ “ เจ้ำประคณุ สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์โต พรหมรังสี” เจรญิ ธรรมพิเศษ คอื ใหค้ วำม
เมตตำ กรุณำ และปรำรถนำที่จะใหบ้ คุ คลอ่ืนสมควำมปรำรถนำ นอกจำกบคุ คลแลว้ ในเรอื่ งของสตั ว์ก็
เช่นเดียวกนั คอื ถ้ำพระคณุ ท่ำนได้พบเปน็ ตอ้ งช่วยเหลือดงั อุทำหรณ์ท่เี ล่ำกนั มำว่ำ “เม่ือครั้งท่ำนธดุ งค์ พบ
สตั วก์ ำลังอยู่ในระหว่ำงมที กุ ข์ เพรำะตดิ อยทู่ ี่บว่ ง ท่ำนก็ปลดปลอ่ ยสตั วน์ ้ันใหพ้ น้ ทุกข์ แลว้ เอำเท้ำของพระ
คณุ ท่ำนไวแ้ ทนที่ รอกระทงั่ เจำ้ ของบ่วงมำถงึ จึงขอบิณฑบำตสัตว์น้ันแล้วเทศน์อำนิสงส์กำรทำบุญเพื่อให้
เจ้ำของบว่ งเลิกทำอกศุ ล…”

๕. เจ้ำประคุณสมเด็จฯ ท่ำนเปน็ พระธรรมกถึกเอก คอื เป็นพระเถระท่เี ทศนไ์ ด้ทั้งรอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง รวมทงั้
สัมผัสติดต่อกันได้ ซ่ึงในยุคนั้นเป็นท่ีกลำ่ วขวัญเลื่องลือกนั มำก ฉะนนั้ กจิ นมิ นต์ของเจ้ำประคณุ สมเดจ็ จึงมมี ิได้
ขำด แตผ่ ้ทู ่ีตอ้ งกำรจะฟังเทศนข์ องเจ้ำประคณุ สมเด็จฯจะต้องมีข้อแม้ คือ “จะกำหนดเวลำไม่ได้ ตอ้ งสุดแท้แต่
เจ้ำประคุณสมเด็จฯท่ำนจะมำได้ และจะมำเวลำใด” สำหรับเรอ่ื งเทศน์นั้นมเี รื่องเล่ำลือมำกมำย และทีก่ ำลังจะ
นำมำเล่ำน้กี ็เป็นคณุ ลักษณะพเิ ศษทเี่ จ้ำประคณุ สมเดจ็ ฯท่ำนปฏบิ ตั ิ ถำ้ ทำ่ นคิดให้ลึกซึ้ง ทำ่ นจะซำบซง้ึ ใน
คณุ ธรรมอันสูงส่งย่ิง “มหี ญิงหมำ้ ยคนหนง่ึ บ้ำนอย่ตู ำบลบำ้ นช่ำงหล่อ ไมไ่ กลจำกวัดระฆังมำกนัก ไดศ้ รัทธำ
และนมิ นตส์ มเด็จฯไปเทศน์ ก่อนเทศน์หญิงหม้ำยไดเ้ อำเงนิ ตดิ เทียนกณั ฑเ์ ทศน์ ๑๐๐ บำท พร้อมกรำบเรยี นว่ำ
“ขอพระเดชพระคณุ นิมนต์เทศน์ให้เพรำะๆสกั หน่อยนะเจ้ำคะ เพรำะดฉิ นั มศี รัทธำตดิ กัณฑเ์ ทศน์ ๑๐๐ บำท”
เจ้ำประคณุ สมเด็จฯพอท่ำนน่ังบนธรรมำสนใ์ ห้ศลี บอกศกั รำช ต้ังนะโม จำกนัน้ ทำ่ นกเ็ ทศนว์ ำ่ “พทุ ธัง ธมั มงั
สงั ฆัง เอวังกม็ ดี ้วยประกำรฉะน้ี ยะถำ…สพั พี” จบก็ลงจำกธรรมำสน์เปน็ อนั ว่ำกำรเทศนส์ ้นิ สดุ ลง หญงิ นน้ั ขุน่
ขอ้ งหมองใจมำก เพรำะไมส่ บอำรมณส์ มควำมตัง้ ใจ แต่ก็ไม่ว่ำอะไร พอวันรุง่ ขน้ึ เจำ้ ประคุณสมเดจ็ ฯ ได้ไปเทศน์
บ้ำนนอี้ กี ครัง้ โดยที่มไิ ดม้ ีกำรนมิ นตก์ อ่ นเทศน์ เจำ้ ประคุณสมเด็จบอกหญิงน้ันวำ่ “เม่ือวำนนี้ฉนั รบั จ้ำงเทศน์
จะ๊ แต่วนั นฉ้ี ันมำเทศน์ให้เป็นธรรมทำนนะจะ๊ ” ครำวนีป้ ระคณุ สมเดจ็ ฯ เทศนไ์ ดเ้ พรำะจับใจผทู้ ี่ไดฟ้ งั เป็นย่ิงนกั
จำกอุทำหรณ์นช้ี ้ีให้เหน็ ว่ำเจ้ำประคุณสมเด็จฯ ท่ำนเปน็ พระเถระทน่ี ำ่ ศรทั ธำเป็นอย่ำงย่ิง

๖. เจ้ำประคุณสมเดจ็ ฯ อนุเครำะหค์ นยำกจนดว้ ยใจทีป่ รำรถนำจะช่วยคนยำกจน สมัยก่อนมหี วยชนิดหนึ่ง
เกดิ ขนึ้ เรียกกนั ว่ำหวย กข. มกี ำรออกวนั ละ ๒ เวลำ คือ เช้ำกับเยน็ บคุ คลเป็นจำนวนมำกท่ีอยใู่ นกรงุ เทพฯ
นิยมเลน่ แตถ่ ้ำคดิ กันให้ดแี ล้วโอกำสถกู ยำก เพรำะตัวผิดมำกกวำ่ ตัวถกู จำนวนมำก ดงั น้ันเจ้ำมอื จึงร่ำรวย คน
จนๆจงึ ยิง่ จนมำกขึ้นเพรำะหลงหวย กข. สำหรบั หวย กข. นมี้ ีกำรออกเบอรไ์ วแ้ ล้วเพียงแต่จะชักรอกทีใ่ สเ่ บอร์
ลงมำดูกนั วำ่ วันนเี้ วลำเช้ำจะเปน็ ตัวอะไร และตอนบ่ำยจะเปน็ เบอรอ์ ะไร ทั้งนสี้ ุดแท้แต่เจำ้ มือหวยจะเปน็ ผู้
กำหนดให้ออกตวั อะไร อทุ ำหรณ์ที่เล่ำลือกันมำกก็คือ เจ้ำประคุณสมเดจ็ ฯ ท่ำนรู้วำ่ หวยจะออกอะไร ดังน้นั ท่ำน
มกั จะอนุเครำะหค์ นยำกจนด้วยปรศิ นำตำ่ งๆ อำทิเช่น ถ้ำมผี ู้นมิ นตท์ ำ่ นไปเทศนใ์ นตอนท้ำยสดุ พระคณุ ทำ่ น
มักจะใบ้หวยโดยลงทำ้ ยว่ำ “เอวัง กังสือ” บำงวันกบ็ อกว่ำ “เอวัง หนุ หัน” ถ้ำใครคดิ ทนั กต็ ีเป็นหวยถกู เล่ำลอื
กันไป กระทั่งวัดระฆังมผี ู้มำคอยดูพฤตกิ รรมสมเด็จฯแล้วนำไปคดิ เปน็ หวยกม็ ีจำนวนไม่น้อย อน่งึ หลำยคร้ัง

91

ท่ำนเทศนไ์ มใ่ หค้ นลุ่มหลงในหวยเพรำะเป็นอบำยมุขไปสูค่ วำมยำกจน แต่ในขณะเดียวกนั ทำ่ นก็เมตตำคนจน
อยำกจะอนเุ ครำะห์ช่วยเหลือ โดยบำงคร้ังพระคณุ ท่ำนตง้ั ใจช่วยคนยำกจน เช่น แทนทจี่ ะใชร้ ดั ประคดคำดเอว
กลับใช้เชือกปอคำดเอวแทน พอเทศน์ไปก็ขยับเชอื กปอท่คี ำดเอว คลำ้ ยจะเปน็ ปรศิ นำให้คิดวำ่ วนั นห้ี วยจะตอ้ ง
ออกตวั “ป” ถ้ำใครมปี ัญญำกค็ ดิ ได้ บำงวันแม่ค้ำนำขนมจนี มำถวำย พอแม่ค้ำหันหลงั กลบั ทำ่ นกต็ ะโกนบอก
๒ จำนนะจ๊ะ โดยตะโกนบอกอยู่เช่นนน้ั ๒-๓ ครัง้ เหตุท่ีท่ำนตะโกนก็เป็นปรศิ นำบอกใบห้ วยว่ำวนั น้หี วยจะออก
“จ” จำกคำเล่ำลือในเร่ืองเจ้ำประคณุ สมเด็จฯใบ้หวยได้แม่นยำ ไดเ้ ล่ำลอื ไปถึงพระกรรณของสมเดจ็ พระ
เจ้ำอยูห่ วั ดังนนั้ วันหนึง่ ในปีจุลศักรำช ๑๒๒๖ เจ้ำประคุณสมเด็จฯไดถ้ ูกนมิ นต์เทศน์หน้ำพระท่ีน่ัง
พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจำ้ อยหู่ ัว ทรงโปรดเจำ้ ประคุณสมเด็จฯเป็นกำรส่วนตวั อยู่แล้วจงึ สพั ยอกว่ำ “เขำ
พำกันชมเจำ้ คุณว่ำเทศน์ดีนักน่ี วนั นีต้ อ้ งลองฟงั ดู” พระธรรมกิติ (โต) ถวำยพระพรว่ำ “ผู้ทไ่ี มม่ ีควำมรู้เหตผุ ล
ในธรรม คร้นั เขำฟังรู้เขำก็ชมวำ่ ดี” พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจำ้ อยหู่ วั ทรงพระสรวล และทรงถำมว่ำ “ได้
ยินข่ำวอีกว่ำเจ้ำคณุ บอกหวยเขำถูกกันจริงหรอื ” พระธรรมกิติ (โต) ทูลวำ่ “ตั้งแตอ่ ำตมำภำพไดอ้ ปุ สมบทไม่
เคยออกวำจำวำ่ หวยจะออก ด. กวำงเหม้ง ตรงๆเหมือนดังบอก ด. กวำงเหม้ง แด่สมเดจ็ พระบรมบพติ รพระ
รำชสมภำรเจำ้ อย่ำงวันนี้…” ปรำกฏว่ำวนั นนั้ หวยออก ด. กวำงเหม้ง ตรงตำมทีท่ ่ำนเจ้ำประคุณสมเด็จได้กลำ่ ว
ไว้ทกุ ประกำร อนึ่งเรือ่ งกำรใบห้ วยของเจำ้ ประคุณสมเด็จฯน้ัน ท่ำนมีเจตนำท่จี ะช่วยเหลอื คนยำกจน เพรำะ
ไมเ่ ช่นนัน้ เจ้ำมือหวยจะรำ่ รวย โดยคนจนก็จนมำกขึน้ ไปอีก แต่ถงึ กระน้ันทำ่ นก็พยำยำมเทศนไ์ มใ่ หศ้ ษิ ย์เลน่
หวยหรอื กำรพนัน เพรำะเปน็ ทำงของควำมเสื่อม

๗. เจ้ำประคุณสมเด็จฯ พระอมตะเถระพระทม่ี ีควำมศกั ดิ์สทิ ธต์ิ ลอดกำล จำกกำรศึกษำประวตั ิเจำ้ ประคณุ
สมเด็จฯ โดยตลอดจะเหน็ ได้ว่ำท่ำนอบุ ตั ิมำในโลกเพือ่ ชว่ ยเหลือมนุษยแ์ ละสัตว์โลกอย่ำงแท้จริง ดังจะเห็นได้
จำกประวตั ไิ ด้กล่ำวมำแลว้ และทีก่ ำลงั จะกล่ำวถึง ก็เป็นอทุ ำหรณ์ทีช่ ี้ให้เห็นว่ำ “พระคณุ ท่ำนเปน็ พระอรยิ สงฆ์ที่
สูงยิ่ง” ครง้ั หน่ึงเจ้ำประคณุ สมเดจ็ ฯ ไปทอดกฐินทีอ่ ่ำงทอง เรือบรรทุกกฐนิ จอดอยู่ท้ำยเกำะ ท่ำนขึน้ ไปจำวดั บน
โบสถ์วัดท่ำซุง คนในเรอื หลับหมด ขโมยมำล้วงเอำเคร่ืองกฐนิ ไปหมด เจำ้ ประคณุ สมเดจ็ ฯ ท่ำนกลับดีใจย้มิ แต้
ลงเรือโดยไม่มีควำมโกรธเลย ชำวบ้ำนถำมวำ่ “พระคุณทำ่ นทอดกฐินแลว้ หรอื ” เจ้ำประคุณสมเดจ็ ฯ ท่ำนตอบ
วำ่ “ทอดแล้วจ๊ะ แบง่ บุญให้ดว้ ย” ตอนกลบั ท่ำนเลยซอ้ื หม้อบำงตะนำวศรีบรรทุกเต็มลำเพื่อไปแจกชำวบำ้ นที่
กรงุ เทพฯ (โดยเฉพำะบ้ำนท่คี ลองโอ่งอ่ำง คลองสะพำนหินส่วนมำกมกั จะไดร้ บั แจกหม้อดิน) จำกข่ำวที่เจำ้
ประคุณสมเดจ็ ฯ แจกหม้อบคุ คล บุคคลท่มี ีปญั ญำเกบ็ ไปคดิ เป็นหวยแล้วซ้อื “ม. หันหุน” กถ็ กู ร่ำรวยไปตำมๆ
กัน อน่ึงเร่อื งหวย กข. และคุณลักษณะพเิ ศษอน่ื ๆของเจ้ำประคุณสมเด็จฯยังมีอีกมำก ถ้ำจะเขยี น หรือเล่ำอีก ๓
วันกย็ งั ไม่จบ เพรำะเกยี รติคณุ และชื่อเสยี งของหลวงพ่อเจ้ำประคุณสมเด็จฯ ขจรกระจำยไปทว่ั ทศิ แมแ้ ต่
ประชำชนต่ำงจงั หวดั ก็เคำรพศรทั ธำ เช่น ชำวสระบรุ ี ลพบุรี นบั ถือและเล่ำลือกันมำกว่ำน้ำลำ้ งเท้ำเจ้ำประคณุ
สมเด็จฯ รกั ษำโรคฝดี ำษได้ ซงึ่ เปน็ โรคท่ีน่ำกลัวมำกทส่ี ุดในสมยั นน้ั ฉะนน้ั ชำวลพบรุ ี และสระบรุ ี จึงเก็บนำ้
ล้ำงเทำ้ เจำ้ ประคณุ สมเด็จฯไว้เปน็ นำ้ มนต์ และเป็นท่นี ำ่ อศั จรรยท์ แ่ี ถวน้นั ไม่คอ่ ยจะมีใครเป็นโรคฝดี ำษ เพรำะ
โรคฝีดำษกลัวน้ำลำ้ งเท้ำเจ้ำประคุณสมเด็จฯ พระพฒุ ำจำรย์ (โต พรหมรังส)ี

92

๘. จำกเรอื่ งเล่ำเร่ืองหน่งึ ท่ีพอจะจำได้ คือ สมยั หนง่ึ สมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ ท่ำนมีกิจต้องเข้ำไปในงำนพระรำช
พธิ ี แต่ในระหว่ำงทำงข้ำมคลองไปนน้ั ท่ำนได้เห็นแมค่ ้ำขำยแตงโมคนหนึง่ น่ังร้องไห้อยู่ในเรอื ขำยแตงโม ท่ำน
เกดิ เมตตำสงสำร จึงเข้ำไปถำมสนทนำถงึ ควำมเสยี ใจท่รี ้องไหน้ ั้น แมค่ ้ำแตงโมตอบวำ่ “ที่ดฉิ นั น่งั ร้องไหอ้ ยู่น้ี
เพรำะทุกขใ์ จ เน่ืองจำกไดไ้ ปกู้เงนิ มำจำกเศรษฐี แล้วไม่มีเงินจำ่ ยค่ำดอกเบ้ยี จึงจำเป็นต้องนำลูกสำวของตนไป
ทำงำนในบำ้ นเศรษฐเี พ่อื ใช้หนี้ขัดดอกไปก่อน แต่วันนี้ครบกำหนดตอ้ งใชห้ น้ีแล้ว เศรษฐียน่ื คำขำดว่ำถ้ำไม่มี
เงินมำใช้หนี้ จะยึดลูกสำวเอำไปแทนหน้ี ดิฉนั ไม่มีทำงหำเงินมำใช้หนีเ้ ขำเจ้ำข้ำ...” สมเด็จฯท่ำนจงึ ถำมว่ำ “ไปกู้
เงนิ เขำมำเท่ำไหร่จ๊ะ?” แมค่ ำ้ แตงโมตอบวำ่ “๑๖ ชั่งเจ้ำค่ะ” (จำนวนเงนิ นีอ้ ำจจำผิดพลำด-ผ้เู ขยี น) สมเด็จฯ
ทำ่ นจงึ ยนื่ พัดยศของท่ำนให้แม่คำ้ แลว้ บอกว่ำ “ฉนั ขอซ้อื แตงโมหมดท้ังลำเรือนนี้ ะจ๊ะ เป็นเงนิ ๑๖ชั่ง แตฉ่ นั
ยังไม่มีเงนิ จงึ ขอเอำพดั ยศนจ้ี ำนำแมค่ ้ำไวก้ ่อน” เสร็จแลว้ ท่ำนก็ให้แม่คำ้ ทิ้งแตงโมท้ังหมดลงในแมน่ ำ้ ทันที
แตงโมได้ลอยไปเกล่อื นตำมแม่นำ้ ชำวบ้ำนเห็นก็พำกันร้องโพนทะนำว่ำ “เฮ้ย..สมเด็จท้งิ แตงโมๆ...” บำงคนที่
หวั คดิ ดี ก็คดิ ว่ำสมเด็จฯท่ำนคงจะใบห้ วยให้ จึงเอำไปตีเป็นเลขหวย คอื ต.เต่ำ และเป็นทอ่ี ัศจรรย์ปรำกฏว่ำ
หวย กข. งวดนน้ั ออก ต.เต่ำ จรงิ ๆ เมอ่ื เอำพดั ยศใหแ้ มค่ ้ำไปแลว้ ทำ่ นกส็ ่ังแม่ค้ำว่ำอย่ำไปไหน ให้นัง่ ถอื พัดไวใ้ น
เรอื อย่ำงนี้ แลว้ สมเด็จฯทำ่ นก็เข้ำไปงำนพระรำชพิธีในพระรำชวัง เม่ือถึงเวลำท่ีจะตอ้ งใช้พัดยศตำมสมณศักดิ์
ในพระรำชพิธี สมเด็จฯทำ่ นก็นั่งนิง่ เฉยเสยี จนเป็นท่สี งสยั ของในหลวงฯ จงึ ทรงเรียกสังฆกำรีให้ไปกระซิบถำม
สมเด็จฯซิว่ำทำไมจงึ นงั่ น่งิ เฉย ไมท่ ำพิธตี อ่ ไป สงั ฆกำรีคอ่ ยๆหมอบคลำนถอยออกมำ แล้วขยับเข้ำไปกระซิบ
ถำมสมเด็จฯว่ำ “สมเด็จฯ ๆ ในหลวงฯ ทรงรบั สั่งถำมว่ำทำไมไมท่ ำพิธตี อ่ ไป” สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ท่ำนจึงตอบ
ว่ำ “ฉนั ไมม่ ีพดั จ้ำ” สงั ฆกำรีก็คอ่ ยๆคลำนไปกรำบทูลวำ่ “สมเด็จฯบอกว่ำไม่มพี ัดพระเจ้ำข้ำ” ในหลวงฯจงึ ทรง
ให้ไปถำมใหม่ว่ำ “พดั ไปไหน?” สังฆกำรีก็มำถำมอีก สมเดจ็ ฯท่ำนจึงตอบวำ่ “ฉนั เอำไปจำนำแมค่ ้ำแตงโมไว้จ้ำ”
สังฆกำรกี ม็ ำกรำบทูล ในหลวงฯก็ทรงกร้ิว จึงใหส้ งั ฆกำรีไปถำมอีกว่ำ “ไปถำมซิ จำนำเอำไว้เทำ่ ไหร่?” สงั ฆกำ
รกี ม็ ำถำม สมเด็จฯทำ่ นก็ตอบว่ำ “๑๖ ช่งั จ้ำ” เมอ่ื สังฆกำรีมำกรำบทูลแล้ว จึงรบั สัง่ ให้สังฆกำรีรบี ไปเบกิ เงนิ ใน
ทอ้ งพระคลังมำ ๑๖ ชง่ั ให้นำเอำไปถ่ำยถอนพัดยศจำกแมค่ ำ้ แตงโมมำ แล้วรีบนำพัดยศมำใหส้ มเดจ็ ฯทำพิธี
ตอ่ ไป จำกเหตกุ ำรณน์ ท้ี ำให้เป็นท่ีระคำยเคืองของในหลวงฯมำก ว่ำสมเด็จฯทำอะไรไม่สมควร แต่ภำยหลัง
สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ ท่ำนก็ไดช้ ี้แจงควำมจริงใหท้ รงทรำบ จงึ ทำให้ทรงหำยกร้ิว และทรงอนุโมทนำสำธกุ ำร
กบั ทำ่ น ทไี่ ดช้ ่วยเหลอื แมค่ ำ้ คนนน้ั ใหพ้ น้ ทกุ ข์ต่อไป

วตั ถมุ งคลทส่ี มเด็จฯ พระพฒุ าจารย์ (โต พรหมรงั สี) สร้าง

พระเครื่องและวัตถุมงคลสมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต พรหมรงั สี) วัตถุมงคลทกุ อย่ำงไม่วำ่ จะเป็น พระพุทธรูป
หรือพระสมเด็จ ซง่ึ เปน็ พระเครอ่ื งขนำดเลก็ ปรำกฏว่ำมีพุทธคณุ เป็นทีเ่ ลื่องลือ และเป็นท่ีนิยมของมหำชนทกุ
ยุคทกุ สมัย ในปจั จุบันมสี นนรำคำ แสน-ลำ้ น ยังมบี ุคคลศรัทธำเชำ่ และแสวงหำพระเคร่ืองของเจ้ำประคุณ
สมเดจ็ ฯยิง่ กว่ำพระเครื่องชนิดใดๆทั้งหมด อนง่ึ พระสมเด็จที่แทจ้ รงิ นั้นตำมตำนำนวำ่ เจ้ำประคณุ สมเด็จฯท่ำน
สรำ้ งไวเ้ พียง ๘๔,๐๐๐ องค์ เท่ำพระธรรมขันธ์ ส่วนจะเป็นพมิ พใ์ ดมจี ำนวนเท่ำใดนนั้ ไมม่ ใี ครทรำบ บำงท่ำน
ก็คิดวำ่ แต่ละพมิ พ์มจี ำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ แต่ในทัศนะส่วนตัวคดิ ว่ำ “พระสมเดจ็ วัดระฆัง” คงจะมีจำนวน
ท้งั หมดไมถ่ ึง ๘๔,๐๐๐ องค์ สว่ นพระสมเด็จกรุวดั ใหม่บำงขนุ พรหมอำจจะมีจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ในสมยั
น้นั กต็ อ้ งนบั ว่ำมำกโข เพรำะกรุงเทพฯเมอื่ ปี พ.ศ.๒๔๑๐ ประชำชนทั้งกรุงเทพฯ จะมปี ระมำณ ๑๕,๐๐๐
ครอบครวั หรือประมำณ ๗๕,๐๐๐ คน สำหรบั พทุ ธำนุภำพพระเครื่องของสมเด็จฯนั้นมผี ้โู จษขำนเลอื่ งลอื กนั

93

มำก โดยเฉพำะเหตกุ ำรณ์สำคัญเมอื่ ครั้งอหวิ ำตกโรคระบำดครั้งยง่ิ ใหญ่ในอดีต เม่ือปรี ะกำ พ.ศ. ๒๔๑๖
ปรำกฏว่ำบำ้ นใดมีพระสมเด็จแลว้ อำรำธนำพระสมเด็จทำนำ้ มนตอ์ ำบ บรโิ ภค จะปรำศจำกโรคร้ำยได้ แตถ่ งึ
กระนนั้ ประชำกรในกรุงเทพฯก็ลม้ ตำยกันประดจุ ใบไมร้ ่วง ถงึ กับมีคำขวัญว่ำ “คนหวั โตกินแตงโมวดั แจง้ ไปดู
แร้งวัดสระเกศ ไปดูเปรตวัดสุทัศน์” คำว่ำแร้งวดั สระเกศหมำยถึงบรรดำแร้งที่ลงกนิ ศพคนตำย ซ่ึงไมส่ ำมำรถ
จะเผำศพไดท้ ันจงึ นำมำสุมกนั ไว้ เมอ่ื ใครได้มำเห็นจะเกดิ ธรรมสังเวชในจติ ใจเป็นอยำ่ งยงิ่

ปจั จุบันมผี ู้พยำยำมปลอมพระเครื่องสมเด็จ กระท่ังมคี ำกลำ่ วกนั ว่ำ “พระปลอมพิมพส์ มเด็จฯ รถบรรทกุ สิบลอ้
๓ คนั ขนยังไม่หมด” ฉะนัน้ ท่ำนทปี่ รำรถนำพระเครื่องสมเดจ็ จงคิดใครค่ รวญใหด้ ี และจำกประสบกำรณ์พบวำ่
บคุ คลจำนวนมำกไม่ทรำบว่ำพระสมเด็จทีแ่ ท้จรงิ เปน็ อยำ่ งไรจงึ มกั ทึกทกั ไวว้ ่ำของตวั เองแท้ก็มจี ำนวนไมน่ ้อย
นอกจำกนีย้ งั มีคณะบุคคลแอบอ้ำงทำพระปลอม แล้วนำไปบรรจุไว้ในที่ต่ำงๆ แล้วอปุ โลกน์สร้ำงเร่ืองว่ำเป็น
พระของสมเดจ็ หรอื สร้ำงหลกั ฐำนเท็จพร้อมพิมพ์หนังสอื ประวัติประกอบพระเคร่อื งเพ่อื สร้ำงควำมมนั่ ใจใน
พระสมเด็จปลอมกย็ ังมี ฉะน้ันขอท่ำนทีป่ รำรถนำพระสมเดจ็ จงใชป้ ัญญำใหถ้ ูกตอ้ ง และขอเตอื นดว้ ยใจจรงิ ว่ำ
ไมค่ วรจะไปแสวงหำ เพรำะโอกำสทีท่ ำ่ นจะได้พระสมเดจ็ วัดระฆังมนี อ้ ยมำก นอกจำกน้ีบุคคลจำนวนมำกไดถ้ กู
หลอก หรอื หมดเงินทอง เพรำะควำมอยำกได้พระสมเดจ็ ฯ มีเป็นจำนวนมำก ถำ้ ท่ำนศรทั ธำหรือเช่ือมั่นในบำรมี
เจ้ำประคุณสมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต พรหมรังส)ี แล้วขอท่ำนจงปฏิบตั ิแตค่ ณุ งำมควำมดีและบูชำสมเด็จฯดว้ ย
จติ ใจมน่ั คง ท่ำนจะมีแตค่ วำมสุข และเหมือนมพี ระสมเด็จฯอยกู่ ับตัว

อยำ่ งไรก็ตำม จำกประสบกำรณพ์ บว่ำ ใครศรทั ธำบูชำเจำ้ ประคุณสมเดจ็ ฯ แมจ้ ะไม่มีพระสมเด็จฯ แต่ถ้ำ
ประพฤติปฏิบตั ิอยใู่ นศีลธรรมกเ็ หมือนมีพระสมเด็จฯ เพรำะเจ้ำประคุณสมเดจ็ ฯ ท่ำนมคี วำมเมตตำ กรณุ ำ และ
ปรำรถนำจะช่วยสำธุชน โดยเฉพำะคนทมี่ ีควำมทกุ ข์ หรอื คนจนๆ ซึ่งท่ำนมคี วำมปรำรถนำจะชว่ ยอยูแ่ ล้ว ดังน้ัน
ทำงเลือกทีด่ ที ่สี ดุ คอื มอบกำยถวำยชีวิตต่อสมเดจ็ ฯ แล้วบำเพ็ญตวั เองใหอ้ ยใู่ นศลี ธรรม และเคำรพสวดมนต์
บชู ำสมเด็จฯ แล้วเจริญธรรมเมตตำ กรุณำ รบั รองชีวติ ของท่ำนจะมแี ต่ควำมสมหวังทุกประกำร อน่ึงแม้วำ่ เจำ้
ประคณุ สมเดจ็ พระพุฒำจำรย์ (โต พรหมรงั สี) จะไดม้ รณภำพไปนำนกว่ำ ๑๑๕ ปแี ล้วกต็ ำม แตค่ วำมศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ
ของหลวงพอ่ ก็มไิ ดล้ ดลง กลับเพ่ิมทวคี ณู อย่ำงน่ำอศั จรรย์ยง่ิ ฉะนน้ั เรำชำวพุทธทม่ี ีทุกข์และหมดท่พี ึ่ง โปรด
อยำ่ ลมื มำนมัสกำรบูชำรูปหล่อเจ้ำประคณุ สมเด็จฯ ท่ีวดั อินทรวหิ ำร หรือวัดระฆัง หรือวัดที่มรี ูปหลอ่ ของเจำ้
ประคุณสมเดจ็ ฯ บำงทคี วำมทุกข์ร้อนของทำ่ นอำจจะลดลง และอำจจะได้รับควำมอนุเครำะห์ช่วยเหลอื จำกเจ้ำ
ประคณุ สมเด็จฯ แตก่ ็คงจะอยภู่ ำยใต้กฎแห่งกรรม คอื บคุ คลต่ำงๆยอ่ มมกี รรมเป็นของตนเอง เมอ่ื ทำกรรมสิ่ง
ใดไวย้ อ่ มได้รบั ผลกรรมน้ัน ฉะน้นั ขอท่ำนจงคิดและตั้งใจกระทำคุณงำมควำมดี ถ้ำเปน็ ไปไดข้ อท่ำนจงสละ
กิเลส โดยยดึ ถอื แนวทำงกำรปฏิบตั ิของเจ้ำประคณุ สมเด็จฯ เปน็ แนวทำงของชีวิต แล้วท่ำนอำจจะได้พบ
ควำมสุข สมหวัง โดยถ้วนหน้ำกนั .

เป็นท่ีทรำบกนั ดีอยวู่ ่ำ พระสมเดจ็ วัดระฆัง ท่ีสร้ำงโดยสมเด็จพระพฒุ ำจำรย์ (โต พรหมรังสี) เม่ือปี ๒๔๐๙
น้นั มสี ่วนผสมของปนู เปลือกหอย กลว้ ยน้ำวำ้ ดนิ จำกกำแพงเพชร ณ ลำนทุง่ เศรษฐี ทส่ี ันนิษฐำนว่ำตอ้ งมกี ำร
นำพระศกั ด์ิสิทธิอ์ ยำ่ ง พระซุ้มกอ หน่ึงในชดุ เบญจภำคี สกุลกำแพงเพชร แห่งลำนท่งุ เศรษฐี มำเปน็ ส่วนผสม
อยู่ดว้ ย สดุ ยอดของส่วนผสมกค็ อื ผงวิเศษทั้ง ๕ ท่ี สมเด็จฯ โต ทรงอำศยั ควำมเปน็ อจั ฉรยิ ภำพของพระองค์

94

ทำขึ้นมำ และส่วนผสมทั้งหลำยเหล่ำนี้ มนี ำ้ มันตังอ๊ิวเป็นตวั กำรสำคัญในกำรผสำนมวลสำรใหเ้ กำะติด เปน็
รูปทรงตำมพระประสงคข์ องท่ำนเจ้ำประคณุ ได้เปน็ อย่ำงดี เป็นผลให้พระสมเดจ็ (โต) คงสภำพถำวร ไมเ่ ป่ือย
ยยุ่ แตกสลำยแมก้ ำลเวลำจะผำ่ นมำกวำ่ รอ้ ยปี

หลำยทำ่ นรดู้ วี ่ำ "ผงวเิ ศษ" ทีน่ ำมำใชใ้ นกำรผสม เปน็ มวลสำรหน่งึ ในพระสมเด็จวัดระฆงั น้นั ประกอบไปด้วย
ผงปถมัง อทิ ธิเจ มหำรำช พุทธคณุ และตรีนสิ ิงเห หลำยคนคดิ ว่ำ "ผงวิเศษ" เหล่ำนีเ้ ป็นผงแตล่ ะชนิด นำมำ
ผสมผสำนปนเปกนั เวลำทำพระ แตแ่ ท้ท่ีจริงแล้วเปน็ ผงชุดเดียวกัน ทผ่ี ่ำนกรรมวิธกี ำรสร้ำงอนั ซบั ซ้อนถึง ๕
ขั้นตอน

เรอ่ื งน้ี พระธรรมถำวร ที่บวชเปน็ เณรในยุคน้ัน ซึ่งท่ำนเป็นศิษยข์ อง สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (โต พรหมรังสี)
และเป็นผ้หู นึ่งท่ีมีช่วงชีวิตทันเจำ้ ประคณุ สมเดจ็ ฯโต อกี ท้ังยงั มีส่วนร่วมในกำรสร้ำงพระพิมพ์ของพระสมเดจ็ ฯ
โต ในครัง้ กระนน้ั ด้วย ใหก้ ำรยนื ยนั ถงึ กำรทำผงวเิ ศษทัง้ ๕ ของสมเดจ็ ฯโตว่ำเป็นผงเดยี วกัน แตผ่ ำ่ นกรรมวธิ ี
๕ ขน้ั ตอนดงั นี้

"สมเด็จฯโต ท่ำนจะกระทำผงนใี้ นพระอโุ บสถ โดยกำรเตรยี มเครอ่ื งสกั กำระเชน่ เดียวกับกำรไหวค้ รู และต้ัง
เครอ่ื งสกั กำระต่ำงๆ ไว้หนำ้ พระประธำน จดุ ธูปเทยี นบูชำพระ แล้วยกถำดท่ีมีดนิ สอทีป่ ระกอบจำกผงวเิ ศษมำ
ผสมรวมกบั ดนิ โปง่ ๗ โป่ง ดนิ ตนี ทำ่ ๗ ท่ำ ดินหลกั เมือง ๗ หลกั เมอื ง ขเ้ี ถ้ำไสเ้ ทียนที่ใชบ้ ชู ำพระประธำนใน
พระอโุ บสถ นอกจำกนี้กม็ ี ดอกกำหลง ยอดรกั ซ้อน ขี้ไคลเสมำ ข้ไี คลประตูวัง ขี้ไคลเสำตะลุงชำ้ งเผอื ก ไม้รำช
พฤกษ-์ ชยั พฤกษ์ ต้นพลรู ่วมใจ พลูสองทำง กระแจะตะนำว น้ำมันเจ็ดรส และดนิ สอพอง โดยนำสิ่งตำ่ งๆ ท่ี
กลำ่ วมำน้ี มำปน่ ละเอียดผสมนำ้ นำมำปัน้ เป็นแท่งดินสอ นำออกตำกผ่งึ แดดให้แหง้ ใหจ้ บั เขยี นได้ ลักษณะ
คล้ำยกบั แทง่ ชอลก์ อย่ำงปจั จุบัน แต่มขี นำดและควำมแข็งผดิ กันเล็กน้อย โดยกระเดียดไปทำงดนิ สอทีใ่ ชเ้ ขยี น
กระดำนชนวนอย่ำงโบรำณ

เมอื่ นำดินสอทีท่ ำจำกผงวิเศษ ซ่งึ บรรจอุ ยใู่ นถำดข้นึ จบเหนอื พระเศยี ร แล้วกล่ำวคำถำอัญเชิญครู อัญเชิญ
เทพยดำ ทำประสะนำ้ มนต์พรมตัวท่ำนเอง จำกนั้นก็จะทรงเรียกอักขระเข้ำตัว และอัญเชญิ ครูเข้ำตวั จึงจะ
เรมิ่ ทำสมำธิ เขยี นสตู ร ชักเลขยันต์ เจริญพระคำถำ เอำดินสอทีท่ ำจำกผงวิเศษนี้เขยี นลงบนแผ่นกระดำน แล้ว
เรยี กสตู ร “น ปฐม พนิ ฺท”ุ แล้วว่ำพระคำถำของสตู รกำรลบ เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ หลำยครั้ง จนกว่ำจะ
ครบถ้วนตำมตำรำ กำรทำผงปถมงั นี้ต้องใชด้ นิ สอเขียนมำก และใช้เวลำเขยี นนำน ๒-๓ เดอื น จงึ จะแล้วเสรจ็
ไดผ้ งปถมังอันเปน็ ผงชนิดแรกท่เี กิดข้นึ ก่อนผงวิเศษอนื่ ๆ ซึง่ ชื่อคำว่ำ ปฐม นีม้ ีควำมหมำยวำ่ ผงวเิ ศษท่ีสร้ำง
เปน็ ปฐม ก็น่ำจะเป็นหนง่ึ ในควำมหมำย

95

เมือ่ ได้ ผงปถมัง หรอื ปฐม แลว้ ซึ่งผงเหล่ำน้ีเกดิ จำกกำรเขียนแล้วลบเขยี นแล้วลบ ดังทีก่ ล่ำวมำ อำนภุ ำพของ
ผงปถมังนี้ มหี ลำยประกำร คือ ทงั้ เมตตำมหำนิยม แตห่ นกั ไปทำงคงกระพันชำตรี มหำอุตม์ แคล้วคลำด กำบัง
ล่องหน ปอ้ งกันภูตผปี ศี ำจ ตลอดจนคุณไสยทงั้ ปวงได้

ทำ่ นเจ้ำประคณุ สมเดจ็ พระพฒุ ำจำรย์ (โต) จะนำผงปถมัง มำผสมกบั นำ้ พระพทุ ธมนต์ ปั้นเปน็ ดนิ สอขนึ้ อกี ครั้ง
แล้วเขียนอกั ขระด้วยสตู รมลู กัจจำยน์ แลว้ ลบด้วยสตู รลบผง สมเด็จฯโตท่ำนก็เขยี นแล้วลบ ทำดังเช่นกำรทำ
ผงปถมัง หำกแต่เปน็ บทบรกิ รรมพระคำถำคนละประเภท จนไดผ้ งอิทธเิ จ หรอื อธิ ะเจ ตำมคัมภีร์โบรำณ ซ่ึงใช้
เวลำในกำรทำผงนี้ประมำณ ๓ วนั สำหรบั "ผงอิทธเิ จ" น้ีให้พทุ ธคณุ ในดำ้ นเมตตำมหำนยิ มอยำ่ งยิ่ง และ
ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ

เมือ่ ได้ "ผงอทิ ธิเจ" แล้ว ท่ำนเจ้ำประคุณสมเด็จฯโต ก็นำผงมำทำเปน็ ดนิ สอขึ้นอีก แล้วเรยี กสตู รมหำรำชขึน้
แลว้ ลบด้วยสตู รนำมท้ังหำ้ ซงึ่ ใชเ้ วลำในกำรทำผงมหำรำชนปี้ ระมำณ ๒-๓ เดือน เชน่ เดียวกบั ผงปถมัง
อำนภุ ำพของผงมหำรำชนมี้ ีคณุ วเิ ศษทำงเมตตำมหำนิยมอยำ่ งสูง ป้องกันและถอนคุณไสยได้ อีกทั้งยงั ดีทำง
แคล้วคลำดอีกด้วย

เมื่อสำเรจ็ ได้ผงมหำรำช กน็ ำมำทำดนิ สอข้นึ อกี เรยี กสตู รและลบอกั ขระเก่ยี วกบั พทุ ธคุณนำนำประกำร เร่ิมตน้
ต้ังแตส่ มเด็จพระพทุ ธเจ้ำทรงประสตู ิ จวบจนดบั ขันธ์ปรนิ พิ พำน ผงวิเศษที่ได้นี้มีชือ่ ว่ำ “ผงพทุ ธคณุ ” ซงึ่ มี
อำนุภำพในด้ำนเมตตำมหำนิยมสงู นอกจำกนยี้ งั มีอำนุภำพในด้ำนกำบงั สะเดำะ และล่องหนอีกด้วย

เมือ่ ได้ผงพทุ ธคุณ อันเกดิ จำกข้นั ตอนต่ำงๆ ทกี่ ลำ่ วมำแล้ว ท่ำนเจ้ำประคุณสมเด็จฯ กน็ ำผงพุทธคณุ มำทำเป็น
ดนิ สอขน้ึ เช่นท่ีทำผ่ำนมำ แล้วลงสูตรเลขไทยโบรำณ สูตรอัตตรำทวำทศมงคล ๑๒ จนบังเกดิ เปน็ ผงตรนี ิสิงเห
ซ่งึ เป็นผงสดุ ท้ำย ซ่ึงผำ่ นกรรมวิธแี ปลงมำจำกผงวิเศษเดิมท้ัง ๔ ประเภท จำกนนั้ กท็ รงนำผงน้ีเขยี นอัตตรำ
ยันต์ ๑๒ และทรงรบั ส่ังว่ำที่สำคัญท่ีสดุ ขำดมิไดค้ อื ยนั ต์นำรำยณ์ถอดรปู ซึง่ ถอื เป็นยันต์ประจำขององค์ตรนี ิ
สิงเห นอกจำกน้ยี ังมียนั ตพ์ ระภควัมบดแี ละยนั ต์ตรำพระสี ประทับลงเป็นประกำรสดุ ท้ำย ก่อนทจ่ี ะลบรวมเป็น
ผงมหำมงคลที่วเิ ศษย่ิงทั้งห้ำ

อำนุภำพของ "ผงตรีนสิ ิงเห" นี้มคี วำมครบถ้วน เพรำะเป็นผงทเ่ี กิดจำกกำรหลอมรวมผงวิเศษท้ัง ๔ ในชน้ั ตน้
ทำใหส้ ง่ ผลบังเกดิ ในหลำยด้ำน ทง้ั เมตตำมหำนิยม ป้องกันถอดถอนคณุ ไสย และภูตผีปีศำจทง้ั ปวง แม้เข้ยี ว
เลบ็ งำแม้เขำสัตว์ มใิ หร้ ะคำย โรคภัยไข้เจ็บกลบั หำย อุบัติเหตุ อัคคีภัย และอันตรำยทั้งปวง ป้องกนั แคล้ว
คลำด ไดต้ ำมแต่จะปรำรถนำ

เมื่อเจำ้ ประคณุ สมเด็จฯโตไดผ้ งวิเศษ ทำกำรผสมกบั สว่ นผสมต่ำงๆ ทไ่ี ดก้ ล่ำวมำ จงึ มำรวมกบั ส่วนผสมอน่ื
แลว้ จึงนำส่วนผสมทั้งหมดหยอดลงในแมพ่ มิ พ์ที่แกะไว้ กดพระออกมำ จำกน้นั ก็ทำกำรตัดองค์พระ แล้วนำ
ออกมำผึ่งใหแ้ หง้ จนได้ "พระพมิ พ์" ตำมพระประสงค์ ท่ำนทรงเอำพระใสบ่ ำตรปลุกเสกทกุ วันมิได้ขำด โดยทำ่ น

96

ไดใ้ ช้พระคำถำมหำวิเศษบทหนง่ึ อันเป็นพระคำถำโบรำณในรูปของปัฐยำวัตฉันท์ แล้วเจ้ำประคณุ สมเด็จฯโต
ท่ำนไดต้ ัดทอนเติมต่อให้พอเหมำะ ท้งั ดัดแปลงศพั ทบ์ ำงคำให้สมควรใช้เปน็ พระคำถำปลกุ เสกพระสมเด็จของ
ทำ่ น พระคำถำนัน้ คอื “พระคำถำชนิ บญั ชร” อนั เปน็ พระคำถำท่ีอัญเชิญพระพุทธเจำ้ ๒๘ พระองค์ และพระ
อรหันตส์ ำคัญหลำยองค์มำปกปอ้ งคมุ้ ครองผ้บู รกิ รรมพระคำถำน้ี
อำนุภำพของพระคำถำชนิ บัญชรนี้ มีคณุ ำนุภำพมำกมำยหลำยประกำรจนสุดบรรยำย เรยี กได้ว่ำใหผ้ ล
ครอบจกั รวำล ท้งั ยังนำมำบรกิ รรมทำนำ้ มนต์เพอื่ ปัดเป่ำโรคภัยไข้เจบ็ ไดส้ ำรพัด และที่หลำยท่ำนมี
ประสบกำรณ์เล่ำขำนกนั มำ พระคำถำนดี้ ีนักหนำทำงเมตตำมหำนิยม แคล้วคลำด คงทนอีกด้วย.



97


Click to View FlipBook Version