The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สัมมาสมาธิ หลวงพ่อพุธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-09 22:33:52

สัมมาสมาธิ หลวงพ่อพุธ

สัมมาสมาธิ หลวงพ่อพุธ

Keywords: สัมมาสมาธิ,หลวงพ่อพุธ

สัมมาสมาธิ
โดย

ทา นเจาคุณ พระภาวนาพิศาลเถร
(หลวงพอพธุ ฐานโิ ย)

วัดปา สาลวนั อ.เมือง จ.นครราชสมี า

1. ศลี 5 สามารถทําใหบ รรลุได

การปฏิบตั ิธรรมในดานจิตนนั้ เราจะตอ งเริม่ ตน ดวยทาํ ตนเปน ผมู ศี ีล ศลี นีเ้ ปน สงิ่
สาํ คัญ เปน คุณธรรมอันเปน ภาคพน้ื เปน การปรับกาย วาจา และใจ ใหอ ยใู นสภาพปกติ
โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ศลี หา อันเปน ศลี ทฆี่ ราวาสทว่ั ๆไปพึงสมาทานปฏบิ ตั ิ เปน ศลี หลกั ใหญ
และเปน ศลี ทสี่ าํ คัญ ศลี 8 ศลี 10 ศลี 227 ก็รวมลงอยใู นศีลหาขอ น้ี จะเปน ผใู ดก็ตาม ในเมอ่ื
มาตัง้ ใจสมาทานรักษาศีลหา ขอ เม่ือทําศีลหาใหบริสทุ ธ์ิแลว และต้ังใจทาํ สมาธภิ าวนา ก็
สามารถจะทาํ จติ ใหส งบรซู งึ้ เห็นจริงในสภาวธรรมตามความเปน จรงิ ไมเฉพาะแตเทานัน้ ยงั
สามารถใหบ รรลมุ รรค ผล นพิ พานได ยกตวั อยา งเชน อบุ าสก อุบาสกิ า ในอดตี สมัย
พระพทุ ธเจา ยงั ทรงพระชนมอ ยกู ม็ หี ลายทา น เชน พระนางวสิ าขามหาอุบาสกิ า ทานอนาถบิณ
ฑกิ ะมหาเศรษฐี ทา นกเ็ ปน ผูค รองเหยาครองเรือน แลว ก็มีศลี เพียงหา ขอเทา น้นั แลวทานกไ็ ด
ปฏิบัติธรรมจนไดบ รรลโุ สดาบนั

คนในสมัยปจจบุ นั นี้ มเี พียงแคศลี หา กย็ งั ถอื วา ยังนอยหนาต่ําตา ศลี ของเราไม
มาก บางคนกส็ งสยั วา มศี ลี หา ไมสามารถทีจ่ ะปฏิบัติใหบ รรลุมรรค ผล นพิ พานได อนั นเี้ ปน
การเขาใจผดิ ความจรงิ ศีลหา ขอ นี้ เปนศลี ทก่ี ําจดั บาปกรรม หรืเปน การตดั ผลเพมิ่ ของ
บาปกรรม ทเี่ ราจะพงึ ทาํ ดวยกาย วาจา เชน ปาณาติบาต การเวน จากการฆา สัตว
อทนิ นาทาน เวนจากการหยบิ สง่ิ ของทเี่ ขาไมไดอ นญุ าต กาเมสมุ ิฉาจาร เวน จากการประพฤติ
ผดิ ในกาม มสุ าวาท พดู เทจ็ สุรา ดื่มของมนึ เมา ถา ใครสมาทานรกั ษาศีลหา ขอนใ้ี หบ รสิ ุทธิ์
บริบูรณแ ลว ไดช อื่ วา เปน การตัดผลเพม่ิ ของบาป บาปกรรมทเี่ ราทาํ ที่จะตอ งไปเสวยผลคือ
ไปตกนรกหรอื ไปทรมานในสถานทห่ี าความเจรญิ มไิ ดน ั้น มแี ตก ารละเมดิ ศีลหาขอ เทานั้น สว น
อ่นื ซ่งึ เราทาํ ลงไปแมจ ะเปน บาปอยูบ าง กเ็ ปนแตเพยี งความมวั หมองภายในจติ ใจเทา นน้ั แต
ถาใครมีศีลหา บรสิ ุทธส์ิ มบรู ณ มหี วงั ทีจ่ ะทาํ สมาธิ ปฏบิ ตั ิธรรม รธู รรม เห็นธรรม รแู จงเหน็ จรงิ
ในสภาวธรรมได เพราะฉะนนั้ ผทู ไ่ี มสามารถจะมศี ลี มากๆขนึ้ ไปกวา นน้ั ก็อยา พึงทําความนอย
อกนอ ยใจวา ศีลเรานอ ยเหลอื เกนิ กลวั วา จะไมถงึ นพิ พาน อนั นนั้ เปนการเขา ใจผดิ กอ นท่เี รา
จะเพ่มิ ศีลของตัวเองใหม ากข้ึนไปนั้น เราตอ งพิจารณาถงึ สมรรถภาพของตวั เองวา เราสามารถ
จะปฏบิ ัติและรักษาศลี ใหมากๆไดห รอื ไม ถา เรายงั ไมม สี มรรถภาพพอที่จะรักษาศลี มากๆได ก็
ใหมนั่ คงแตเ พยี งในศลี หา เทา นน้ั

ฆราวาสโดยทวั่ ไป มีเพียงศลี หา เวน จากการฆา สตั ว ลักทรพั ย ประพฤตผิ ิดใน
กาม มสุ าวาท เวน การเสพสรุ า เรายงั ประดับตกแตงดว ยเครื่องหอม เคร่อื งยอ ม เครื่องทาได ดู
หนงั ดลู ะคร หรอื ประโคมขบั ดนตรกี ็ได นอนบนทนี่ อน ที่สงู ทีใ่ หญกไ็ ด ไมผ ดิ ศีล แตถา เราไป
เพิม่ ขอ วกิ าลโภช เขา ไป แตว าอดขา วเย็นไมไ ด เพมิ่ ขอ มาลา เขา ไป แตว าเวน จากการ

ประดับตกแตง ไมได เพมิ่ ขอ นัจจคตี ะ เขา ไป แตว า เวน ดูละคร ดนตรไี มได เพมิ่ ขอ อจุ จา
สยนะ เขา ไป แตก็พอใจในทนี่ อนที่สงู ทใ่ี หญ เราก็รักษาไมไ ด เปน การหาเร่อื งเพ่ิมบาปให
ตนเองโดยไมม เี หตผุ ล การท่ีตั้งใจรักษาศลี ใหม ากๆนน้ั เราตอ งดูสมรรถภาพของตนเอง เมอ่ื
เรามศี ีลหา บรสิ ุทธิ์บรบิ ูรณแ ลว ตงั้ ใจทาํ สมาธิ บําเพญ็ เพียรภาวนาไป เมือ่ เราภาวนาเปนแลว
ศีลกจ็ ะเพมิ่ ข้นึ เอง ไมเ ฉพาะศลี 8 ศลี 10 เทา น้นั เม่ือมีศีลหา มสี มาธิ มีปญญา รูแจงเหน็ จรงิ
ในสภาวธรรม ความเปน ของตัวเองซงึ้ มันเกดิ ขน้ึ ในจติ นั่นแหละ ความท่จี ติ สงบเปน สมาธิ
ความท่ีมปี ญ ญารูจ าเห็นจรงิ ในสภาวธรรม สามารถทาํ จิตใหอยูในสภาพปกตไิ ดน นั่ แหละ จะ
เปนอบุ ายเพมิ่ ศีลเขาไป อยา งวาแตศลี 227 ขอเลย ตอ ใหเปนหมนื่ ๆขอ แสนขอ ก็เพ่มิ ได ถา
พน้ื ฐานของจติ ใจดแี ลว เพราะฉะนัน้ ใครจะปฏิบตั ิธรรม จะเขยิบฐานะการปฏิบตั ขิ องตนใหสูง
ยงิ่ เพียงใด แคไ หน กข็ อใหพ ิจารณาดสู มรรถภาพของตวั เองเปน สาํ คญั อยาไปทาํ อยางงมงาย
ทําอยา งมเี หตมุ ีผล เชน เขาวารกั ษาอโุ บสถไดบ ุญมาก แตใ นเม่ือเราไปรกั ษาอุโบสถ อดขาว
เย็น ไดร บั ทุกขเวทนาอยา งในสมยั ท่อี าตมาเปน พระเลก็ เณรนอย อยูก ับพระอาจารยเ สาร แลว
กไ็ ปพอใจในคาํ วา การอดขา ว บางทีเขาชวนกนั อดขา ว 3 วนั 5 วัน 7 วัน บางทกี ็อดจนถึง 9
วันกม็ ี แตเ มอ่ื อดกนั ไปแลวผลทไ่ี ดร บั กไ็ มไดร ับผลเทาที่ควร การอดทาํ ใหเ ราเกดิ ความเพลีย
ความหวิ ในเม่อื รางกายเกดิ ความหวิ ไมไ ดอาหารมาบาํ รุงรางกาย กอ็ อนเพลยี ในเมอ่ื ความ
ออนเพลยี เกิดข้นึ เราก็ไมสามารถจะปฏิบตั ิธรรมไดอยา งเต็มท่ี แทนทจ่ี ะไดผ ลดีกลบั ขาดทุน ดี
ไมดที ําใหเกิดโรคทางกาย โรคกระเพาะ โรคลาํ ไส ตองทนทุกขท รมาน พยาบาลรกั ษาเปน
เวลานานกวา จะหาย เพราะฉะนนั้ ส่ิงใดทเ่ี ราจะทาํ ลงไป ที่เราเหน็ วา ปฏิบตั ิดี ปฏบิ ัตชิ อบ หรือ
ปฏบิ ตั จิ รงิ เราอยา ปฏบิ ตั ิกนั อยางงมงาย ทาํ ใหม เี หตมุ ีผล พิจารณาสมรรถภาพของรา งกาย
และจติ ใจตนเองวา มคี วามสามารถเพยี งใดหรือไม อาตมาขอใหคติเอาไว

2. วธิ ที าํ สมาธิ

เรอื่ งของธรรมะที่จะนํามาในโอกาสน้ี กค็ วรจะเปนเรื่องประสบการณเ กยี่ วกับการ
ปฏบิ ตั ิธรรม ซง่ึ ปญหาในการปฏิบัตธิ รรมในสมยั ปจจุบันนี้ รูสกึ วา เปนท่ตี ื่นอกตนื่ ใจ หรือเปนที่
สนใจของบรรดาทา นพุทธบรษิ ัททงั้ หลายโดยทั่วๆไป สมยั เมอื่ อาตมายังเปน ศษิ ยท า นอาจารย
เสารอยทู างภาคอีสาน คนทส่ี นใจธรรมะ และต้ังใจนงั่ สมาธิภาวนากนั สวนมากมแี ตคนแกๆ
อายุมากแลว ตอมาในสมยั ปจจบุ ันน้ี คนหนมุ คนสาว คนแก มคี วามสนใจในการปฏิบตั ธิ รรม
แสดงวาชาวพทุ ธทัง้ หลายมคี วามตื่นตวั และเริม่ รสู ึกสํานกึ ในการแสวงหาที่พงึ่ ใหแกตัวเอง
มากขึน้ ทุกทๆี แตบ างครัง้ กย็ งั เปน สงิ่ ทน่ี า เปน หว ง เกยี่ วกบั เรื่องการปฏิบตั ิธรรม โดยเฉพาะ

อยางย่งิ การทาํ สมาธิ เปน ปญหาทีเ่ ราจะตองทาํ ความเขา ใจวา การทําสมาธิ ทจ่ี ดั วา เปน
สมั มาสมาธนิ นั้ มีความมงุ หมายอยทู ่ตี รงไหน ในหลักคาํ ส่งั สอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพทุ ธ
เจา ในเม่ือพระองคแ สดงธรรม โดยมากมักจะมธี รรมเปนของคกู นั เชน สมั มาสมาธิ มิจฉา
สมาธิ หรอื สมั มาทิฏฐิ มจิ ฉาทฏิ ฐิ อะไรทาํ นองนี้ เรอื่ งความถกู กบั ความผดิ นนั้ พระองคมันจะ
ยกขึน้ มาแสดงคกู นั

ดังนนั้ ปญหาเร่ืองการทําสมาธใิ นสมยั ปจ จุบันนี้ จะวาลทั ธขิ องใครถกู ของใครผดิ
จะไมข อนาํ มากลาว เร่อื งถกู หรอื ผิดอยใู นความต้ังใจ หรอื เจตนาของผทู าํ ถา หากบําเพ็ญ
สมาธิ มุง ทจ่ี ะใหจ ติ สงบ ใหมีจิตมน่ั คงตอการทาํ ความดี และเพอื่ จะใหเ กิดมสี มาธิ มี
สตปิ ญ ญารูแจงเหน็ จริงในสภาวธรรมตามความเปนจรงิ เพ่อื จะไดเ ปน อบุ ายถายถอนราคะ
ความกาํ หนดั ยินดี หรือกเิ ลส โลภ โกรธ หลง ใหห มดไปจากจติ ใจ โดยไมไ ดม งุ ส่ิงอ่นื นอกจาก
ความบริสทุ ธแ์ิ ละความพน ทกุ ข จดั วา ไดช่อื วา เปน สมั มาสมาธิ ความรู ความเหน็ ของทา น
เหลา นั้นก็เปน สัมมาทฏิ ฐิ ทีน้ีโดยวิสยั ของการปฏบิ ตั ิ หรอื ภูมิจติ ภมู ธิ รรมทเ่ี กดิ ข้นึ น้ัน ใน
ระดบั ตน ๆนี้ กย็ อ มมที ง้ั ผิด ทงั้ ถกู แมแ ตผทู ม่ี ภี ูมิจิตกา วข้ึนสภู มู ิของความเปนพระอริยบคุ คล
แลว กย็ งั มคี วามเหน็ ผดิ เห็นถูก ยกเวน แตพ ระอรหนั ตจ ําพวกเดยี วเทา นนั้ ผทู ส่ี ําเรจ็ โสดา
สกิทาคา อนาคา แตยงั ไมไดสําเรจ็ พระอรหันต และทาํ ไมจงึ ยงั ไมส าํ เร็จพระอรหนั ต กเ็ พราะ
เหตวุ า สมั มาทฏิ ฐิ ในขน้ั พระอรหัตตมรรค ยังไมส มบรู ณ จงึ ยงั ของอยู จึงยงั ไมสาํ เร็จกอ น

เพราะฉะนนั้ ความผดิ ความถกู นนั้ เราอยาเพม่ิ ไปดว นตดั สนิ วา ใครผิด ใครถกู
เอากนั ตรงทว่ี า ใครสามารถทาํ สมาธิจติ ลงไปใหส งบลงไปไดแลว สภาพจิตของเราเปน อยางไร
เรามกี เิ ลสตัวไหนมาก และควรจะแกไ ขอยา งไร นี้เปน จุดแรกทเ่ี ราจะตองอา นตวั ของเราเองให
ออก จะวา สิ่งอ่ืนผดิ ส่ิงอนื่ ถกู นนั้ ไมสําคญั แมวาเราจะรูอ ะไรผิดอะไรถกู แตเปนเรอ่ื งนอกตวั
นน้ั ไมสาํ คญั สาํ คญั อยูทวี่ า เราอา นจิตใจของเรา แลว กป็ รับโทษตวั เอง แลวก็ตัดสินตวั เอง วา
ตัวเองผิด ตวั เองถูกนนั่ แหละ เปน เรื่องสาํ คญั ท่ีสุด ถา หากเราไมสามารถจะจบั จุดนไ้ี ด เราจะ
ปฏบิ ตั ิ หรอื บาํ เพ็ญเพียรภาวนาแคไหนก็ไมมที างท่ีจะแกไขตัวเองได

อนั น้ี เปน ความคดิ ความเขา ใจของอาตมา ตวั ผูเทศน ทน่ี ํามาเลาสกู นั ฟงกบั ทา น
ทงั้ หลาย กเ็ ผอ่ื วาทานทงั้ หลายจะไดชวยคดิ พิจารณา วาเปน การเหมาะสม หรือไมป ระการใด
ในฐานะท่ีอาตมาเปน ลกู ศษิ ยพ ระอาจารยเ สาร ก็จะไดนาํ เร่อื งการปฏิบัติสมาธติ ามสายทา น
อาจารยเ สารม าเลา สกู นั ฟง

ในขัน้ บรกิ รรมภาวนาตามแบบฉบบั ของทา นอาจารยเสาร และทา นอาจารยม น่ั
ทานอาจารยเสารและทา นอาจารยมนั่ ทา นเปน พระเถระทท่ี รงคณุ ในทางการปฏบิ ัติ สมถกรรม
ฐานและวปิ ส สนากรรมฐานของภาคอสี าน บางทา นอาจจะยงั ไมรูวา ทา นอาจารยเสาร ทา น
อาจารยม น่ั เปน คนเมืองไหน อาตมาจะไดนําประวตั ขิ องทานมาเลา โดยยอ ๆ ทานอาจารย

เสาร และทา นอาจารยมน่ั เปน ชาวอุบลโดยกาํ เนดิ ทานอาจารยเ สารเ กิดที่ อ.เมือง ทาน
อาจารยมนั่ เกดิ ที่ อ.โขงเจยี ม ทงั้ สองทา นนใ้ี นเมอื่ ไดมาอปุ สมบทในพระธรรมวินยั แลว กไ็ ด
ตัง้ ใจศกึ ษาธรรมวนิ ยั เพยี งแคการใหร ูหลกั ธรรม

ทานอาจารยเสารเปน พระเถระทีไ่ มไ ดศ กึ ษาพระปรยิ ัตกิ วา งขวาง ทานเรียนรู
เฉพาะขอวตั รปฏบิ ตั ิ อนั เปน หนา ทที่ ีจ่ ะตอ งปฏิบตั ิโดยตรง ทา นอาจารยเ สารสอบนกั ธรรมตรีก็
ไมได เพราะทานไมสอบ แตความเขาใจเร่อื ง พระธรรมวินัยซง่ึ เปน ขอ ปฏิบตั ินั้น รูสึกทา นมี
ความเขาใจ ละเอยี ดละออดมี าก และทานอาจารยเสารส อนกรรมฐาน หรอื สอนคนภาวนานน้ั
มกั จะยึดหลักภาวนา พุทโธ เปนหลกั ยกตวั อยา ง ในบางครง้ั มผี ไู ปถามทานวา อยากเรยี น
กรรมฐาน อยากจะภาวนาทาํ อยา งไร? ทา นอาจารยเสารจ ะบอกวา ภาวนา พทุ โธ ซิ ภาวนา
พทุ โธ แลว อะไรจะเกดิ ข้ึน? ทา นจะบอกวาอยา ถาม พทุ โธ แปลวาอะไร ถามไปทาํ ไม และ
ทานจะย้ําวา ใหภ าวนา พทุ โธๆๆ อยา งเดยี ว แลวการภาวนาใหม ากๆ ทาํ ใหม ากๆ ทําใหช าํ นิ
ชาํ นาญ ในเมอ่ื ตงั้ ใจจริง ผลท่ีเกิดขึน้ ไมต อ งถาม ทีนเี้ ราไปถามวา ภาวนาพทุ โธแลว อะไรจะ
เกิดขนึ้ ทั้งๆท่เี รายังไมต องลงมาทํา แมว า ผทู าํ เห็นผลมาแลว ทานใหค าํ ตอบลงไป มนั กไ็ ม
เกิดประโยชนอ ะไรสําหรับเราผถู าม เพราะฉะนน้ั ไมจาํ เปนตอ งถาม ถา หากวา ทานอาจจะไป
เปน ลูกศษิ ยข องทา นอาจารยอ งคใดองคห นึง่ ที่ทา นสอนใหภาวนาอยางใดอยา งหน่ึงก็ตาม ถา
ทานยงั มคี วามลงั เลสงสยั ในโอวาทของทา นอาจารยของทา นอยู ทา นจะภาวนาอยา งไร
เพยี งไร แคไ หน ทานจะไมไดรับผลสาํ เรจ็ เพราะฉะนนั้ ทา นจะไปเรยี นกรรมฐานจากสํานกั ไหน
กต็ าม เชน จะเรียนจากสํานกั สมั มาอรหงั ยุบหนอ พองหนอ หรือกาํ หนด นาม รูป อะไรก็ตาม
ในเม่อื ทา นเรียนมาแลว ทานตอ งต้งั ใจปฏบิ ตั ิอยางจรงิ จงั ปฏิบตั ิตามคําแนะนาํ ของทา นอยา ง
จรงิ จงั จะวาเอาจรงิ เอาจงั เชอ่ื กนั จรงิ ๆ อยา งสมมตวิ า อาจารยของทา น หลังจากสอนบท
ภาวนาใหแลว อาจารยของทานสัง่ วา ใหท า นไปนงั่ สมาธบิ รกิ รรมภาวนา วันละ 3 ครัง้ หรือ 4
ครั้ง แตละคร้ังขอใหท ําไดครง้ั ละ 1 ชวั่ โมง ถาทา นปฏบิ ตั ติ ามคาํ ส่ังของทา นอาจารยทา นได จะ
เปนอาจารยใดก็ตาม ผลยอ มเกดิ ขึ้นอยา งแนน อน แตถ า ทา นมีความรูสกึ วา เชอ่ื ครงึ่ ไมเชื่อคร่ึง
ทาํ ไปแลว กไ็ มไ ดผล อยา ทาํ ดกี วา

พุทโธ น้เี ปน คาํ บริกรรมภาวนา ในอนสุ สติ 10 ขอ พทุ ธานสุ สติ ธรรมานุสสติ
สังฆานุสสติ หรืออนสุ สติอนื่ ๆที่มคี าํ บริกรรมภาวนา ตงั้ แตขอ 1 – 8 เรียกวา ตอ งใชค าํ บริกรรม
ภาวนา ตามบทหรอื ตามแบบในการภาวนาในขอนนั้ ๆ การภาวนาอะไรทน่ี ึกคาํ บริกรรม
ภาวนาในใจ เมือ่ เราทาํ แลว จติ จะสงบลงไปไดแ คอปุ จารสมาธิ ใครจะภาวนาอยา งไหน แบบใด
ก็ตาม ในเมื่อนึกบริกรรมภาวนา จติ จะสงบลงไปแคอุปจารสมาธิ

3. ขั้นของสมาธิ

พระพทุ ธศาสนานี้ พระพทุ ธเจาวางหลักคาํ สอนเอาไว อนั เปน หลักใหญๆ กค็ อื ศลี
สมาธิ ปญญา เปน อุบายหรอื เปน หนทางทพ่ี ทุ ธบรษิ ัทจะตอ งยดึ เปน หลกั ปฏิบัติ เพอ่ื สราง
คณุ ธรรมคือความดใี หเกิดมขี ้ึนในจิตในใจ จนถงึ ขนาดท่ี ศีล สมาธิ ปญ ญา ประชมุ พรอมกัน
เปนองคอรยิ มรรค สามารถเกิดสติสมั ปชญั ญะขึ้นมาเปน มหาสตดิ วยวธิ ีการตา งๆ วธิ ีการท่ีจะ
พงึ ปฏิบตั นิ นั้ เราเรียกๆกนั โดยทัว่ ไปวา สมถกรรมฐาน และ วปิ ส สนากรรมฐาน หนทางท่จี ะ
เขาไปสูค วามรูจริงเหน็ แจงในภาวธรรมท้ังปวงนน้ั เราจะหนีจากหลักแหงการปฏบิ ัติสมถกรรม
ฐาน และวปิ สสนากรรมฐานไปไมได ไดกลาวแลววา การศกึ ษาธรรมะและการเรยี นธรรมะเปน
สิง่ ที่เราทา นทงั้ หลายไดศึกษามามากพอสมควรแลว การฟง ธรรมกค็ อื การฟง เสียงผเู ทศน เปน
การฟง ส่งิ ทเี่ ขา มาสัมผัสจากส่งิ ที่เกดิ ขึ้นในภายนอก

สําหรบั ผทู ี่เร่มิ ใหม ซ่ึงจติ ยงั ไมเคยมสี มาธแิ ละไมเ คยเกดิ ภาวะตวั ผรู ขู นึ้ มาในจิต
ใหอ าศยั การกาํ หนดรูลมหายใจเขา ลมหายใจออกบา ง หรอื กําหนดบริกรรมภาวนาอยา งใด
อยางหน่ึง ตามทต่ี นชาํ นชิ าํ นาญ เชน พทุ โธ เปน ตน ใหก ําหนดจดจอ ลงทจี่ ิต แลว เอาจติ นกึ
พทุ โธๆๆ นกึ อยอู ยา งนนั้ นึกอยเู ฉยๆ อยา ไปทําความรูส กึ วา เม่อื ไรจิตของเราจะสงบ เมอ่ื ไรจิต
จะเกิดสวา ง เมอื่ ไรจติ จะเกิดความรู ความเหน็ ขึ้นมา

การภาวนาในเบอื้ งตนนี้ ไมใ ชเพ่อื จะรเู พ่ือจะเหน็ สงิ่ อน่ื เพ่อื ใหรูใหเ หน็ สภาพ
ความจรงิ ของจติ ของตัวเอง เราจะเร่มิ รคู วามเปน จรงิ ของจิต ตง้ั แตเ ราเริม่ กําหนดจติ กับ
บริกรรมภาวนา รอู ยางไร รูอยูตรงทวี่ าจิตของเรากบั บริกรรมภาวนานน้ั มีความสัมพนั ธห รืออยู
ดวยกนั หรือไม เมอื จติ ของเรากบั บรกิ รรมภาวนาสมั พนั ธก ันอยดู ว ยกนั มนั มีโอกาสทจ่ี ะเผลอ
สงกระแสไปทางอน่ื หรือไมนใ้ี หเรากาํ หนดดคู วามจริงของจิตในตอนน้ี ทีน้ีในขณะทเี่ รานกึ พุท
โธๆๆ อยนู นั้ ความรสู กึ ของจติ นน้ั มนั มอี ะไรบางเกิดขนึ้ จติ อยูกบั พทุ โธไหม หรอื วามนั ลืมพุทโธ
เปน บางคร้งั บางขณะ ในขณะที่ลมื นน้ั จติ มันไปอยูทางไหน ไปอยกู ับส่ิงภายนอก ซง่ึ เปน อดีต
สญั ญา หรอื วา นง่ิ วางอยูเฉยๆ ใหเ ราสงั เกตดคู วามจริงในตอนนี้ ทีนถ้ี า หากจติ ของเราลมื
พุทโธแลวมนั ไปอยใู นสญั ญาอดีตทีเ่ ราเคยนึกคดิ และจดจาํ ซง่ึ เปน สิ่งอน่ื นอกจากพุทโธ แสดง
วา จติ ของเราละทงิ้ พทุ โธแลวก็ไปยดึ เอาอารมณเกา แกมาเปน ความรูส ึกนึกคิดตามนสิ ัยเดมิ
เปน อาการของจติ ฟงุ ซา น

แตถ า หากจติ ลืมคําวา พทุ โธ แลว ไปน่ิงอยเู ฉยๆ เมอ่ื มีอาการอยา งน้ีเกิดขึน้ ผู
ภาวนาอยา ไปนึกถงึ พทุ โธอีก ใหก าํ หนดรูล งท่จี ิตเฉยๆอยู แตใ นชวงนถ้ี า หากลมหายใจปรากฏ
ข้ึนในความรูสกึ กใ็ หก าํ หนดรลู มหายใจเฉยอยู เอาลมหายใจเปน เครอ่ื งรขู องจติ เปนเครอ่ื ง
ระลึกของสติ จดจอ ดอู ยูอยางนั้น อยาไปสรา งความรสู กึ นกึ คดิ อะไรข้ึนมา และกไ็ มต องไปนกึ

วา ลมหายใจสน้ั ลมหายใจยาว เปน แตเพยี งรู กําหนดจดจอ อยูเฉยๆเทา นนั้ ความส้นั ความ
ยาว ความละเอยี ด ความหยาบ ของลมหายใจ เปนสงิ่ ทจี่ ติ รูอยู จติ ยอ มรูค วามสนั้ ความยาว
ความหยาบ ความละเอยี ด ของลมหายใจอยใู นที โดยท่ีเราไมจ าํ เปนตอ งไปนึกสําคัญมน่ั
หมายวา ลมหายใจหยาบ ลมหายใจละเอียด ลมหายใจสน้ั ลมหายใจยาว หรือลมหายใจ
หายขาดไปแลว กาํ หนดรลู งท่จี ติ ตัวรจู ดจอ อยูอยา งนน้ั

อนั นี้เปน วธิ ีการปฏบิ ตั ใิ นเบ้ืองตน ในขณะทที่ า นกําหนดจดจอ ดูอยทู ่ลี มหายใจ
เฉยอยู อะไรจะเกดิ ขน้ึ หรือไมเกิดข้ึน ไมต องไปคํานงึ ถงึ ทง้ั นน้ั ถา ในชว งนจ้ี ิตมนั เกดิ ความ
สวา งข้ึนมา กอ็ ยา ไปเอะใจ กําหนดรูลงทจี่ ิตอยางเดยี ว หากเกิดภาพนิมติ ตางๆขนึ้ มา กอ็ ยา ไป
เอะใจ กาํ หนดรูล งท่ีจติ อยา งเดยี ว หรอื จะมีอะไรเกดิ ขึ้น เปนอุทานธรรมะ เปน ภาษิตซึง่ เกิดข้นึ
เปนความรู เปน ภาษา กอ็ ยา ไปสําคัญมนั่ หมาย อยา ไปเอะใจ กาํ หนดรูอยูท ่จี ติ อยางเดียว ถา
หากทา นไปเอะใจ หรือเอาใจใสก บั สิง่ นน้ั สภาพจติ มนั จะเปลยี่ น เม่อื สภาพจติ เปลี่ยนแลว
สมาธิจะถอน สง่ิ ทที่ า นกาํ ลงั กาํ หนดรอู ยนู นั้ มนั จะหายไปทนั ที อนั น้ขี อใหนกั ปฏิบตั ทิ ง้ั หลาย
พึงระมดั ระวัง และในเม่อื ทา นจดจอเอาจติ รอู ยทู จ่ี ติ และกร็ อู ยูทส่ี งิ่ ทจี่ ติ รู ความตงั้ ใจกําหนด
จดจออยูอ ยา งนดี้ ว ยเจตนา ทานเรียกวา วติ ก เม่ือจิตกบั อารมณสิง่ ทกี่ าํ หนดรู มคี วามสนิท
แนบแนน ไมพ รากจากกนั ทรงตัวอยูอตั โนมัติ โดยทีท่ า นไมไ ดต ัง้ ใจท่ีจะควบคมุ อันนเี้ รียกวา
วจิ าร

เมอื่ จติ กบั อารมณ มีความซบึ ซาบและมคี วามซาบซงึ้ ลงไปในดวงจติ ความดดู ดืม่
มนั กย็ อมเกิดข้นึ ความดดู ดมื่ ของจิตนัน้ เรยี กวา ปติ ปต เิ กดิ ขึน้ ทาํ ใหเ รารูสึกกายเบา จิตเบา
บางทีทาํ ใหตวั โยกโคลง บางทีทาํ ใหต ัวขน้ึ จะลอย เหมือนกบั ขน้ึ สอู ากาศ บางทที าํ ใหรสู ึกหนกั
ตวั ซง่ึ สดุ แลว แตอาการของจิต มันจะปรุงจะแตงข้นึ ใหท า นกาํ หนดรูอยทู ่ีจติ อยา งเดียว
ตอนนีป้ ลอ ยใหจ ิตมนั เสวยปติ ในเมอ่ื จติ มีปต ิเปนเครื่องหลอเล้ียง จิตไมฟ ุงซา นไมก ระวน
กระวาย จติ กม็ ีแต ความสุข และกจ็ ะดําเนินสูสมาธใิ นขั้นละเอยี ดตอไปเปน ลําดับ ซ่งึ จุดแรก
เราจะปรากฏวา อุปจารสมาธิเกดิ ขึ้นมคี วามรสู ึกนงิ่ สวา ง แตความรสู กึ ในส่ิงภายนอกยงั รสู กึ
อยบู างนดิ ๆหนอยๆ หรือปรากฏอยา งละเอียด

ในเมอ่ื จติ ผานขัน้ ตอนขั้นน้ีไปแลว จติ จะมีความสงบแนว แนน ิง่ ลงไปสูความเปน
หนง่ึ ซึง่ เรียกวา อปั ปนาสมาธิ หรอื เอกคั คตา ในตอนนจ้ี ิตของทานสงบอยางละเอยี ด มแี ต
สภาวะจิตสงบนง่ิ สวางอยอู ยางเดียว

สมาธิในขั้นตน นโ้ี ดยสวนมาก ในเม่อื จติ สงบลงไปถงึ ขน้ั อปั ปนาสมาธิ หรอื
เอกคั คตาอยางแทจ ริงแลว เราจะรสู ึกวา กายหายไปหมด ยงั เหลอื แตจ ิตดวงเดยี วลว นๆแลว
ในตอนน้ี ผภู าวนานนั้ ไมม คี วามสามารถท่จี ะนกึ คิดอะไรอยา งอน่ื ขนึ้ ภายในจติ ได เพราะสมาธิ
ในตอนนเี้ ปน สมาธิดวยความเปนเองอยา งแทจรงิ เปนสมาธทิ ห่ี มดความตง้ั ใจซ่ึงเรยี กวา สมาธิ

จะเกดิ ขึน้ ตอเมือ่ เราหมดความตั้งใจ เปนสมาธทิ ีเ่ ปน อตั โนมัติ เปน สมาธทิ เี่ ปน เอง ผภู าวนาจะ

นอมจิตไปอยา งไรก็นอมไมได จะถอนจิตออกมากถ็ อนไมไ ด จนกวา จิตนนั้ จะถอนออกมาเอง

นค่ี ือลักษณะจิตทเี่ ขา ไปสอู ปั ปนาสมาธิ หรอื เอกคั คตาในขน้ั ตน

สมาธใิ นขนั้ นท้ี ่ีทา นวามนั เปน สมถะ ยงั ไมส ามารถท่จี ะใหเกดิ ความรคู วามเห็นใน

ดา นปญ ญาหรอื วิปสสนาขนึ้ มาได ก็เพราะจิตในขนั้ นเี้ ปน แตเ พียงวา จติ ดําเนนิ เขา ไปสูความ

เปน เดิม สภาพเดิมของจิตทย่ี ังไมไ ดป ระสบกับอารมณใดๆ ยอ มมีลกั ษณะอยา งน้ี จติ อยา งนี้

ทา นเรียกวา ปฐมจิต เรยี กวา ปฐมวญิ ญาณ เรยี กวา มโนธาตุ เปนเหตุใหผ ูภ าวนาไดร สู ภาพ

ความเปน จรงิ ของจิตด้งั เดิมของตวั เอง คอื จิตท่ไี มม อี ะไรน้ัน มนั มลี กั ษณะอยา งไร แลว เราจะรู

ในตอนนี้ และเมอ่ื จติ ถอนออกจากสมาธิในข้ันน้ี เม่อื มารบั รูอารมณ คอื เกดิ ความคดิ ข้ึนมาก

สภาพจติ หลงั จากท่เี กดิ มีสมาธิแลว ออกมารบั รูอารมณน้ี มันมีลักษณะแตกตา งจากจติ ทีย่ งั ไม

เคยมีสมาธอิ ยา งไร อนั นีผ้ ภู าวนาเม่อื ทําจิตลงไปถงึ ข้นั น้ีแลวจะรทู นั ที เพราะฉะนนั้ การ

บรกิ รรมภาวนาหรือกาํ หนดอารมณเพอื่ ทาํ ใหจ ิตสงบนง่ิ ลงเปนสมาธถิ งึ ขัน้ อปั ปนาสมาธนิ ้นั มี

จุดมุงหมายทจ่ี ะใหผ ูภ าวนานั้นรูสภาพความเปน จรงิ ของจิตดง้ั เดิมของตวั เอง แมว าภูมจิ ติ ใน

ข้ันน้จี ะยังไมเกิด ปญญาญาณรู เหน็ อะไรกต็ าม แตก เ็ ปน พน้ื ฐานสรา งความม่งั คงของจติ เมือ่

จิตผานการเปน สมาธอิ ยา งนบ้ี อยๆเขา สิ่งทจ่ี ะไดเปน ผลพึงตามมาก็คอื ความมี

สตสิ มั ปชญั ญะ จะคอยปรากฏขึน้ ทีละนอ ยๆ

ในข้ันแรกจติ สงบเพยี งครัง้ สองคร้ัง เมื่อจติ ออกจากสมาธิมาขั้นน้แี ลว มันกจ็ ะ

ถอยพรวดๆๆออกมาโดยไมก ําหนดอะไรเลย ออกมาสคู วามเปน ซง่ึ ทเ่ี คยเปนมาตง้ั แตกอนท่ยี งั

ไมเ คยทาํ สมาธิ แตถ าจิตผา นสมาธิแบบนบ้ี อยๆเขา เมอ่ื จิตถอนออกมาเกิดความคดิ จะเกดิ มี

ตวั สตติ ามรูค วามคดิ ข้ึนมาทนั ที จติ คดิ อะไร สตกิ ็จะจองตามรู ใหผภู าวนารบี ฉวยโอกาส

ในตอนนกี้ าํ หนดจดจอความรู ความคิดของตนเองไปเร่อื ยๆ จิตคดิ อะไรขน้ึ มาก็รู เพยี งสกั แต

วา รูอยา งเดียว อยา ไปวพิ ากษว จิ ารณ หรอื อยาไปชว ยมนั คดิ เพิ่มเตมิ ปลอ ยใหจ ติ คิดไปเอง

โดยธรรมชาตขิ องมัน หนา ท่ขี องผปู ฏบิ ัตินี้มีแตต ง้ั ใจตามรคู วามคิดนน้ั ไปเร่อื ยๆ ในเม่ือตวั สติ

ตัวที่ตามรคู วามคิด จิตเอาความคดิ อารมณท่เี กดิ ขึ้นในจติ เปน เครื่องรู เปน เครอื่ งระลกึ ของสติ

สตสิ ัมปชญั ญะกจ็ ะคอยๆดขี ึ้น แลว กเ็ พ่มิ พลงั ข้ึนเปน สตพิ ละ จนสามารถเปน สตวิ นิ โย

สามารถกลายเปน มหาสติ เมอ่ื จิตกลายเปนมหาสตขิ น้ึ มาไดเมื่อไรสตวิ ินโยจะเปน ผนู าํ คือ

เปน ผูต าม ตามรอู ารมณคอื ความคดิ ซงึ่ เกิดขนึ้ กับจติ เมือ่ จิตมีสตติ ามรู

อารมณคอื ความคิดทนั กนั เมอ่ื ไร เมื่อนนั้ ความคิดซ่งึ เราเคยมอี ยกู อ นนนั้ มนั ก็จะกลายเปน ภูมิ

ปญญา

โดยลกั ษณะทว่ี า จิตตัวผูรู ก็จะปรากฏรูอยสู วนหน่ึงตา งหาก และสง่ิ ทอ่ี อกไปคิด

คน ควา ในอารมณน้นั กจ็ ะมอี ยูสวนหน่ึงอกี ตา งหาก มองๆดแู ลว คลา ยกบั วา เราคนเดียวมจี ิต

2 จติ มีใจ 2 ใจ แตแ ททีจ่ ริงมนั กเ็ ปนใจเดยี วกนั นนั้ แหละ แตใ จหนง่ึ จิตหนง่ึ มนั สงบนง่ิ เปน ตวั
ผรู ู เพราะอาศัยพลงั ของสติ ประคบั ประคองเอาไวใ หอ ยใู นสภาพปกติ แตอ กี อนั หน่งึ นน้ั
กระแสแหง ผูรมู นั ออกไปรับรอู ารมณ ในเม่อื รูข้นึ มาแลว จิตมสี ติ อาศัยสตเิ ปน พละ เปน กาํ ลงั
จึงไมไปยึดม่ันถอื มน่ั ในสง่ิ ทต่ี วั เองปรุงขน้ึ มา ในเมอ่ื จติ ปรุงความรขู นึ้ มาโดยไมมีความยดึ ถอื
อาการของกเิ ลสมันก็ไมม ี มแี ตร ูเฉยอยู อะไรรขู ้ึนมาแลวกผ็ านไป รขู น้ึ มาแลว ก็ผา นไป

ในเม่อื จติ มนั ละเอยี ดลงไป สติอนั นี้มนั ละเอยี ดลงไปรูท ันมนั อยา งละเอียดลงไป
โดยไมขาดสาย สายสมั พันธแ หงสติมนั เชอื่ มโยงกันอยูตลอดเวลา ความรูความคิดทีเ่ กดิ ขน้ึ ใน
จิตนั้น มนั จงึ กลายเปน ตัวปญ ญา ทวี่ า รูธรรมเหน็ ธรรม รูแจง แทงตลอดในธรรม ในขน้ั
วิปส สนากรรมฐาน นน้ั กห็ มายถงึ รทู นั ความคดิ ท่เี ราเคยคดิ อยแู ตก อ นทีย่ ังไมภ าวนา หรือ
ภาวนาไมเ ปน

เมือ่ เราภาวนาเปนแลว มสี ติ มสี มาธดิ ี เรียกวา มี พละ 5 พรอ มทีจ่ ติ มี ศรัทธา
วิรยิ ะ สติ สมาธิ ปญญา พรอมมี ศลี สมาธิ ปญ ญา รวมพรอ มกันเปน หนง่ึ ตวั ท่ปี รากฏเดน ชัด
ใหเ รามองเหน็ กค็ อื ความมสี ติ ความรูเทาทนั อารมณน น้ั ๆ ทนี ี้ความคิดท่ีเคยทาํ ใหเ ราวนุ วาย
เดือดรอนอยนู นั้ แหละ มนั จะกลายมาเปน เคร่อื งรขู องจิต เครื่องระลึกของสติ เมื่อจติ กับสติ
ประกอบพลงั เปน อันเดยี วแลว รทู นั เหตกุ ารณนนั้ ๆ มนั กก็ ลายเปน ตวั ปญ ญา เกดิ มาเปน ตัว
วปิ สสนา มาดว ยประการฉะน้ี

ตอไปน้ขี อใหท านทงั้ หลายกาํ หนดจติ กาํ หนดรลู งทจี่ ติ พยายามจดจอ ลงท่ตี ัวผูร ู
หรือผทู ย่ี งั ภาวนาไมเ ปน กก็ าํ หนดบริกรรมภาวนาตามทตี่ นเคยชาํ นิชาํ นาญมาแลว ผทู เ่ี คยมี
สมาธมิ าแลว และทาํ สมาธไิ ดเ ร็ว กไ็ มจ าํ เปน ตอ งไปบรกิ รรมภาวนาอกี กําหนดรลู งทจี่ ิตเทานนั้
จอ งรูลงทจี่ ติ ผูร ู คอยจดจอวามนั จะมีอะไรเกดิ ขนึ้ ภายในจติ ในเมือ่ มีอะไรเกิดขึ้นภายจิต จิต
มันจะตามรู ในข้ันแรกเราจะกาํ หนดจดจอ ดว ยความต้ังใจ ใหม นั ตามรู แตเ ม่ือมันรทู ันกนั จรงิ ๆ
แลว ตอไปเราไมตอ งไปกาํ หนดตามรใู หม นั ลําบาก จติ กบั สตเิ ปน ของคูกนั และจะกาํ หนดตาม
รูสง่ิ ที่เกดิ ขน้ึ ภายในจิตเองโดยอตั โนมตั ิ

ในตอนนเ้ี รียกวา ปญญาภมู ิ ข้ันแหง วปิ สสนาในภาคปฏบิ ตั ิ เกดิ ข้ึนเองในขน้ั
อัตโนมตั ิ คือมนั เกดิ เปน ความรูขัน้ มานนั่ เอง แตค วามรูใ นข้ันนม้ี นั กย็ งั เปน ภาคปฏบิ ตั ิ ในขนั้
วิปส สนา ยงั ไมใชตวั วปิ สสนาอยา งแทจ รงิ ในเมอื่ จติ กาํ หนดตามรสู ง่ิ ท่รี เู ร่ือยไป เมอ่ื จิตรูซงึ้ ใน
ส่งิ ทรี่ ูน น้ั บางทีมันอาจจะรซู ้ึงลงไปวา ความคิดอานทงั้ หลายเหลา น้ี มนั ก็เปน ของไมเที่ยง เปน
ทกุ ข เปน อนตั ตา

พระอรหันตเชน อยา งทาน พระอญั ญาโกณฑัญญะ ฟง พระธรรมจกั กัปปวตั ตน
สูตร แลว ไดด วงตาเหน็ ธรรม เหน็ วา อยา งไร เหน็ วา สิ่งใดสงิ่ หนงึ่ เกดิ ขน้ึ เปนธรรมดา สง่ิ นัน้ มี
ความดับไปเปน ธรรมดา ซงึ่ เปน ธรรมชาติของความรูแจง เหน็ จริงภายในจติ ยอมมลี กั ษณะ

อยา งนี้ ใครจะรู เหน็ มากมายสกั ปานใดกต็ าม มันกร็ วมไปสคู วามวา ยงกฺ ิญจิ สมทุ ยธมมฺ ํ สพฺ
พนตํ นิโรธธมฺมนฺติ สง่ิ ใดสิ่งหนงึ่ เกิดขึน้ เปน ธรรมดา สง่ิ นนั้ มีความดับไปเปน ธรรมดา
ความเห็นความรใู นขัน้ สดุ ยอด มนั มเี พียงแคนี้ ใครจะเทศนอ ยา งไร อธิบายอยา งไร พิจารณา
ไปอยางไร ในเม่ือจิตมนั รแู จง เหน็ จรงิ มนั กม็ แี ต ยงกฺ ญิ จิ สมทุ ยธมฺมํ อยา งเดยี วเทา น้นั เพราะ
ความรูอันนีม้ นั อยเู หนือสมมตบิ ญั ญตั ิ อยเู หนือโลก เปน ความรูข ้นั โลกตุ ตรธรรม

4. เร่ืองของสมาธิ

บางที บางทานบริกรรมภาวนา จติ อาจจะไมสงบเปนอปั ปนาสมาธิสกั ที เพยี งแต
สงบลงไปเปน อุปจารสมาธิ คือ มีอาการเคล้มิ ๆลงไป แลว ก็สวา ง จติ ยงั มีความรสู ึกสัมพันธกบั
รา งกายอยู แลว กม็ คี วามมงุ หมายที่จะทาํ จติ ใหไ ปถงึ อปั ปนาสมาธิ ชนิดที่เรยี กวา สงบนงิ่ ลงไป
แลว รางกายตัวตนไมป รากฏรูส กึ ทง้ั ๆทที่ าํ ไมไ ดก พ็ ยายามทาํ อยอู ยา งนนั้ เพราะไปหลงเชื่อวา
“ตองทาํ จิตใหเ ปน อัปปนาสมาธ”ิ ถาหากทานผูใ ดปฏิบัติแลว มีภูมิจติ เกดิ ขึ้นมลี ักษณะดังทว่ี า
กไ็ มตองไปมุง หมายท่ีจะเอาอัปปนาสมาธิ พอทาํ จิตใหส งบเปนอุปจารสมาธบิ อ ยๆ พอทจี่ ะ
ประคับประคองจติ ใหนอ มสูการพิจารณาแนวทางพระไตรลกั ษณ คอื พิจารณากายและ
ความรสู กึ นอ มไปสพู ระไตรลักษณ คือ อนิจจัง ทกุ ขงั อนตั ตา กร็ ีบกาํ หนดพจิ ารณาทนั ที ไม
ตองคอยจิตสงบเปน อปั ปนาสมาธิ ปฏบิ ตั ไิ ปทาํ นองน้ี กย็ อมจะเกดิ ผลแกผ ปู ฏิบัติเหมอื นกัน
ถาหากตา งวา เราจะคอยใหจ ติ สงบเปนอปั ปนาสมาธเิ สยี กอ น เขา ฌาณใหม นั ไดช าํ นิชาํ นาญ
กอน แลว จงึ ไปพจิ ารณาพระไตรลกั ษณ หรอื ยกจติ ขน้ึ สภู มู วิ ิปสสนา ถาเผอื่ วา ชัว่ ชวี ิตน้ี เราทาํ
อยางนนั้ ไมได เราจะมิตายเปลา หรือ การทําจิตใหน งิ่ เปนอปั ปนาสมาธิ หรือเขาฌานไดอ ยา ง
ชํานชิ าํ นาญนนั้ ผลประโยชนข องการชํานาญในการเขาฌาณ ชํานาญในการทําสมาธิ ทาํ ให
เกิดอิทธฤิ ทธิ์ แตเหตผุ ลน้นั ยังไมเ พียงพอ เพราะทา นอาจารยเทสก ทานวา จติ ท่เี ปน สมาธอิ ยู
ในฌาณนนั้ เปนสมาธิทโ่ี ง เพาะจิตทเ่ี ขาฌานน้ัน จะตอ งเพง สิ่งใดส่งิ หนงึ่ เพยี งสงิ่ เดียวเทา น้ัน
อาการท่วี า ความรู ภูมจิ ติ ภูมิธรรมกไ็ มเ กดิ ขึ้น ครูบาอาจารยทา นก็ยนื ยนั วา สมาธใิ นฌาณ
เปน สมาธิทโ่ี ง แมแ ตโดยหลกั ทา นกย็ นื ยนั ไววา ถา จติ ไปตดิ อยูในความสงบ ในฌาณ คือ ขน้ั
สมถะเทา นั้น อยางดีก็ใหเ กดิ อภญิ ญาสามารถที่จะทําฤทธิ์ตา งๆได สามารถท่จี ะรใู นคนอน่ื
สามารถท่จี ะรสู ่ิงทีป่ ด บงั ซอนเรนอยูภ ายใน ซง่ึ เราไมสามารถทจ่ี ะมองเหน็ ไดดวยตาเปลา แต
เหตผุ ลทีจ่ ะพงึ ทาํ ใหห มดกเิ ลสน้ันยังไมม ี ผสู าํ เร็จฌานแลว จะตองมาเวียนวา ยตายเกิด เพราะ
จิตไมม ปี ญ ญา ลักษณะการรูจริงเหน็ จรงิ ทเ่ี รยี กวา อภญิ ญา รูใ จคนอื่น รเู หตกุ ารณลวงหนา รู
เร่อื งในอดีตทลี่ วงมาแลวนานๆ ในลกั ษณะอยางนี้ ไมไ ดจัดเขา อยูใ นลักษณะปญ ญาที่จะเอา

ตวั รอดไดจากอํานาจของกิเลส เพราะฉะนนั้ สมาธใิ นฌานจึงเปน สมาธทิ ไี่ มส ามารถจะทําผู
ปฏบิ ัติใหสําเรจ็ มรรค ผล นิพพานได ถงึ จะมบี า ง ก็มจี าํ นวนนอย แตสมาธทิ อ่ี ยูใ นอริยมรรค
คือ จิตสงบประชมุ ลงพรอ มที่ หรอื อริยมรรคประชุมพรอมที่จติ นนั้ สามารถทาํ จติ ใหม ัน่ คงและ
ดํารงอยใู นความเปน กลาง เม่อื จติ มอี รยิ มรรค เปน เจตสกิ ประคับประคองอยูท ่ีจติ จติ อยูท่ี
อรยิ มรรค อรยิ มรรคอยทู ่จี ติ แมจ ะอยูใ นลกั ษณะสมาธิขนั้ ออ นๆ จิตจะมสี ตสิ ัมปชญั ญะรเู ทา
ทันเหตกุ ารณ อะไรเกดิ ข้นึ กร็ ู รแู ลวไมย ดึ ถอื ปลอ ยวางไป อาการทจี่ ะเสวยอารมณในขณะทร่ี ู
เห็นอะไรข้ึนมานน้ั ไมม ี คือ จิตไมมอี าการซึมซาบเขาไปในสงิ่ ทีร่ นู นั้ เพราะไมมคี วามยดึ ทาํ ไม
จึงเปนเชน นน้ั ? เพราะสงิ่ ทร่ี เู หน็ ข้ึนมาน้ันเปนภูมปิ ญญาของจิตซึ่งถูกอริยมรรคคอื ศีล สมาธิ
ปญ ญาประชมุ พรอ มกนั ลงแลว สามารถปฏบิ ตั ภิ มู ิจติ ไปสูภูมจิ ติ ภูมธิ รรมขน้ึ สูงไปเปน ลาํ ดับ
ซึง่ จติ มลี กั ษณะอยางน้ี ในขน้ั ตนจะรอู ะไรก็ตาม สมมติเรยี กวา ธรรม กแ็ ลวกนั อารมณก ค็ ือ
ธรรม ธรรมก็คอื อารมณ

ในเม่อื รอู ะไรข้นึ มาแลว ในตอนตนๆยงั จะมีสมมตบิ ญั ญัตเิ รียกวา อะไรอยู
ในตอนนเี้ ปนภูมิความรขู องจติ ซ่ึงอยูในลกั ษณะ ในขน้ั ของอุปจารสมาธอิ อ นๆ ซ่ึงมันอาจจะ
เกดิ ข้ึนแกผ ปู ฏบิ ตั ิ ในขณะท่ีจติ สงบลงไปแลว ความรูสึกภายนอกกย็ งั มอี ยู แตจ ิตอยูใน
ลกั ษณะแหง ความสงบ แลว กม็ ีภมู ิจติ ภูมธิ รรมเกดิ ขึ้นอยูตลอดเวลา แมใ นบางคร้งั ยงั พูดอยู
หรือทาํ อะไรอยกู ็ตาม ลกั ษณะความสงบของจิตมนั มอี ยู ภมู ิรูส ิ่งตา งๆกเ็ กิดขน้ึ อยตู ลอดเวลา
แตว า สามารถท่ีจะพูดจะคยุ สามารถที่จะทาํ ทุกสงิ่ ทกุ อยางไดใ นขณะนนั้ อนั น้เี รยี กวา เปน ภูมิ
จติ ทีม่ อี ริยมรรคประชุมพรอ มลงทจี่ ติ ถา หากในขณะทที่ า นผูป ฏบิ ตั ทิ มี่ ภี มู จิ ติ ลักษณะอยา งนน้ั
เมื่อทาํ สมาธใิ หสงบละเอยี ดลงไป คือ ทาํ ในขณะที่ปราศจากสงิ่ รบกวน เชน นงั่ สมาธอิ ยูใ น
หองพระคนเดยี ว เปน ตน เมื่อจิตสงบลงไปอยา งละเอยี ดแลว เมอ่ื เกดิ ภูมิความรูขึ้นมาภายใน
จติ นัน้ ทุกสงิ่ ทุกอยา งจะประกฎการณม ลี กั ษณะวา จติ สงบนงิ่ เดนสวางไสว และสงิ่ ทใี่ หรูมี
ปรากฏการณเกดิ ขนึ้ อยตู ลอดเวลา แตค วามรใู นขน้ั ละเอยี ดนั้น ไมม อี ะไรจะไปมีความสาํ คัญ
มนั่ หมาย สมมติบัญญตั เิ รียกชอ่ื ส่งิ น้ันวา อะไร อันนี้เปน ธรรมชาตขิ องภมู จิ ิต ภมู ิธรรมท่เี กิดขน้ึ
ในระดบั สงู ในระดับละเอยี ด ซ่งึ อยเู หนอื สมมติบัญญตั ิ ซงึ่ เราเรียกวา สัจจธรรม เกดิ ขึ้นในจิต
ของผปู ฏบิ ัติ ตัวจริงของทา นผูน นั้ ก็เปน สจั จธรรม ความรูของจรงิ ท่เี กิดขึน้ กเ็ ปน สัจจธรรม

เพราะฉะนนั้ สัจจธรรม กบั สจั จธรรม ในเมือ่ มาบรรจบกันเขาจงึ เรียกชอ่ื กนั ไมถกู
มแี ตส่งิ ท่เี กิดขน้ึ ดับไปๆๆอยอู ยา งนน้ั ไปตรงกับคาํ ในธรรมจกั กัปปวตั ตนสตู รทวี่ า ยงกฺ ญิ จิ
สมุทยธมฺมํ สพพฺ นตํ นโิ รธธมมฺ นตฺ ิ สิ่งใดสงิ่ หนง่ึ ท่ีมคี วามเกิดขน้ึ เปน ธรรมดา สิ่งนนั้ ก็มีความดับ
ไปเปน ธรรมดา ทําไมจงึ วา อยา งนนั้ ทาํ ไมจงึ เรยี กวา สง่ิ ใดส่ิงหนึ่ง คําวา สงิ่ ใดสง่ิ หนง่ึ เปน พระ
ดาํ รสั ของพระพุทธเจา ทพ่ี ระองคด าํ รัสวา สง่ิ ใดสิ่งหนง่ึ กเ็ ปน เพราะเหตุวา จะไปบญั ญัติ
ชอ่ื เสยี งเรยี งนามวา อยา งไรก็บัญญตั ไิ มถ กู ทงั้ นนั้ เพราะในขณะท่ีรูข องจริงนนั้ มีแตเ พยี งสงิ่ ใด

ส่งิ หนึ่งเทา นนั้ มันอยูเหนอื สมมติบัญญัติ อะไรที่เราสมมติบัญญตั ไิ ดอยู ส่งิ นน้ั ไมใ ชส ัจจธรรม
นนั่ มนั เปน เพยี งสมมติ ความรจู รงิ เหน็ จรงิ มันอยูเหนอื สมมติบัญญัติ น่ขี อใหทกุ ทา นจงสงั เกต
ดตู รงนี้ใหด ี ถา หากวามภี ูมจิ ติ ภมู ิธรรมปรากฏข้นึ แลว ใหส งั เกตดใู หดี ความรธู รรมะในขน้ั
ละเอียดของจติ นน้ั เปน แตเ พยี งสงิ่ ใดสิ่งหน่ึงปรากฏการณใหร อู ยูต ลอดเวลา ไมม ีส่งิ ที่เราจะไป
สมมตบิ ัญญัติ จติ กน็ ง่ิ เดน อยเู ฉยๆภูมิความรกู ็เกดิ ขน้ึ อยเู รอื่ ยๆ

ทีน้ีมปี ญหาวา ภมู ิความรู อันนนั้ มาจากไหน? มาจากจิต จิตทมี่ ีปญ ญาอนั
ละเอยี ดเฉียบแหลม สามารถปรุงความรขู ึ้นมา ความรอู นั นน้ั คือปญญาที่เกิดขึ้นกับจติ ตัวท่นี ง่ิ
เดน อยูนนั้ คอื ตวั พทุ ธะผูร เู ทาเอาทนั จงึ ไมหวน่ั ไหวตอ เหตกุ ารณท ี่เกดิ ขน้ึ รูอะไรก็เฉย รอู ะไร
ขนึ้ มากเ็ ฉย เพราะมนั เปน ภมู ปิ ญ ญาของจิตท่ฝี ก ฝนอบรมดแี ลว จติ จึงไมห วั่นไหว จติ จึงไมต ดิ
ส่ิงเหลา นนั้ ในขณะนน้ั เปน จิตท่บี ริสทุ ธิ์ สะอาด ไมมีกิเลส ตณั หา อุปาทาน จติ จงึ มี
ปรากฏการณอ ยางนน้ั ถาจติ ทา นผูใดเปน อยอู ยา งน้ีตลอดกาลไมก ลับกลอก ก็ไดช ่ือวา เปน
พระอรหันต นพ่ี ึงสงั เกตและทําความเขาใจอยา งนี้ ถา หากเราทาํ อยางนี้ไดบอยๆ แมวา เรา
ออกจากการนงั่ ปฏิบัตนิ งั่ สมาธิหลับตามา มามองดโู ลกและเขาสสู งั คม ในเมอ่ื เราประสบ
อารมณต า งๆในสงั คมที่เราจะตอ งกระทบกระเทอื น หรือรบั ผดิ ชอบอยนู นั้ ความรสู กึ ของเราจะ
เพยี งวา สกั วา แต คอื พูดก็สกั วา แตพูด คิดสักวา แตค ิด ทาํ สกั วา แตท ํา อนั นค้ี อื สมาธใิ นภมู ิ
ธรรมในอรยิ มรรค แมอ อกมาจากการนงั่ หลับตาสมาธแิ ลว สมาธกิ ย็ ังมีปรากฏอยตู ลอดเวลา
คือ ตัวสติทม่ี กี าํ ลงั กลาและเขมแข็งอยูน นั่ เอง จึงดูคลายกับวาจติ มคี วามสงบอยูตลอดเวลา
สวนทสี่ งบกป็ รากฏอยู สว นทอ่ี อกมาบงการทาํ งานก็มปี รากฏอยู นคี่ ือสมาธิตามแนวทางของ
พระพทุ ธเจา ทาํ สมาธิเปน แลว มภี ูมจิ ิตภมู ธิ รรมสามารถรธู รรมเหน็ ธรรมแลว เราสามารถเอา
ภูมิธรรม ภูมิจติ มาประกอบประโยชนตามวิถที างของชาวโลก ตามวถิ ที างการครองบานครอง
เรือนไดอยางสบาย ถา สมาธิอันใดบาํ เพญ็ ดีแลว ปฏบิ ัตไิ ดดแี ลว คือวาอยูในขนั้ ดตี ามความ
นิยมของผปู ฏบิ ตั ิ มีภมู สิ มาธิสงบดี มีภมู ธิ รรมสงบข้ึน เกิดเบ่อื หนา ยตอ ครอบครวั เกดิ เบื่อ
หนา ยตอ โลก ไมเ อาไหน ไมอยากจะเขา สูส ังคม ไมอ ยากจะทาํ ประโยชนต อ ใครๆ อยากจะ
ปลกี ตัวหนีไปสปู า คนเดียว ทํานองน้ี สมาธิอันนนั้ อยา เพ่งิ ไปเชอ่ื ใหพ จิ ารณามนั ใหร อบคอบ

ถาหากพระพทุ ธเจา สาํ เรจ็ เปน พระพทุ ธเจา มสี มาธิ มพี ระสตปิ ญญาดี เม่ือสาํ เรจ็
แลว เกิดความเบือ่ หนา ยตอ โลก ไมอ ยากอยกู บั โลก ไมอ ยากโปรดสตั วโ ลก แตพระองคหาได
เปนเชน นน้ั ไม เมื่อสาํ เร็จเปน พระพุทธเจาแลว ในบางตอนตน ๆแรกๆนน้ั มาพิจารณาวา ธรรมะ
ที่ตรัสรนู ้ี มนั เปนของละเอยี ด สขุ มุ ยากที่เวไนยสตั วพ งึ รูตามเหน็ ตามได บางครง้ั กร็ ูส ึกทอ แท
ในพระทัยไมอ ยากจะแสดง กลวั จะไมม ีผูรูธ รรม หรอื รูตาม จนกระทงั่ มผี กู ลา ววา มที า ว
มหาพรหมลงมาอาราธนาใหพ ระองคท รงแสดงธรรม ความจรงิ ทา วมหาพรหมทีม่ าอาราธนา
น้ัน ก็คอื พรหมวหิ ารทอ่ี ยใู นพระทยั ของพระองคนน่ั แหละ มากระตนุ เตอื นใหพ ระองคร ูสึก

สาํ นึก ในจารีตประเพณีของผูท่เี ปน พระพุทธเจา ผทู เี่ ปนพระพทุ ธเจา ตอ งมเี มตตา กรณุ า
มทุ ติ า อุเบกขา ตอบรรดาเวไนยสัตวท ง้ั หลาย เมือ่ พระองคตดั สินพระทัย แสดงพระธรรม
เทศนาแกเ วไนยสัตว คุณธรรมนน้ั จึงไดช ือ่ วา พระมหากรณุ าธิคณุ เปนพระคณุ อนั ยง่ิ ใหญของ
พระองคข อหนง่ึ ในบรรดาพระคณุ ทั้งสามประการ แลวพระองคกท็ รงทาํ ประโยชนแกโ ลกอยา ง
กวางขวาง จนสามารถประดิษฐานพระพทุ ธศาสนาลงในชมพูทวีปได แผข ยายกวา งขวางมาสู
เมืองไทยเรา เราไดรับเปน ศาสนทายาทประพฤติปฏิบตั ิอยทู กุ วันนี้ กเ็ พราะความที่
พระพทุ ธเจา สาํ เร็จเปน พระสมั มาสมั พทุ ธเจาแลว มไิ ดเ บ่ือหนา ยตอ การทจี่ ะทาํ ประโยชนแก
โลกนน่ั เอง เพราะฉะนนั้ ผมู ภี ูมิจติ ภมู ิธรรม หรือมคี วามรแู จงเหน็ จรงิ ในธรรมะท่คี วรรูควรเห็น
จึงไมม ีทางทจี่ ะเบือ่ หนา ยตอ โลก แตไ มย ึดถอื โลกดวยอํานาจของกเิ ลส จะมกี ม็ ีแตค วามเมตตา
มีความหวงั ดี อนั นคี้ ือ วถิ จี ติ ของผูป ฏบิ ัตจิ ะตองเปน อยางนนั้

ถาจะพดู ใหช ดั ๆลงไป สมมติวา พอบา น นงั่ สมาธิภาวนาเปน ผมู ภี มู จิ ติ ภมู ธิ รรม
เบอื่ หนา ยครอบครัว อยากจะหนจี ากครอบครวั อนั นนั้ กย็ งั ไมถ ูกตอง แมบ าน ภาวนาเปน แลว
มภี ูมิจติ ภูมธิ รรม เกดิ เบ่ือหนา ยตอ การทจี่ ะทาํ กบั ขาวกบั ปลา หงุ ขาว หุงปลา ใหครอบครวั
รับประทาน อนั นนั้ กไ็ มช อบดวยเหตผุ ล ในเม่อื ทําเปน ภาวนาเปน รธู รรม เหน็ ธรรม มีภมู ิจิต
ภมู ธิ รรมดี จะตอ งมีความรูสํานึกในหนา ท่ี ทต่ี นจะตองรบั ผดิ ชอบเปนกิจวตั รประจําวนั ดยี ง่ิ ขน้ึ
ยกตวั อยา งเชน นางกุลธดิ า ซงึ่ เปน ลกู สาวเศรษฐี และกเ็ ปน พระโสดาบันตัง้ แตย งั เด็กยงั เล็ก
บงั เอิญเพราะผลกรรมบนั ดาล ไดไ ปเปน ภรรยาของนายพรานผูจ ับสตั วปา มาขายทองตลาด
ทั้งๆทที่ า นผนู นั้ เปนพระโสดาบนั เวลาสามีของทานจะเขาปา ไปจบั สตั ว ทา นกเ็ ตรียมเสบยี ง
อาหารให เตรยี มเครอื่ งมือให แตภ ายในจติ ของทานไมไดน กึ วา ใหเ ขาไปจบั สตั วใ หไ ดมามากๆ
จนกระทัง่ มพี ระสังฆาจารย ตั้งเปน ปญ หาขนึ้ มาวา การทพ่ี ระโสดาบนั กระทาํ เชน นนั้ จะไมผ ิด
คุณธรรมของพระโสดาบนั หรอื ? พระอรรถกถาจารยก ็แกว า ไมผดิ เพราะทา นปฏิบัตติ าม
หนา ท่ขี องความเปนภรรยาทดี่ ี อนั น้เี ปน คติตวั อยาง เพราะฉะนน้ั ผใู ดสาํ เรจ็ คณุ ธรรม แมจ ะได
ความเช่ือมน่ั ในการปฏบิ ัตติ น หรือมีภูมิจิตภมู ธิ รรมตามสมควรกต็ าม คือไดเ ปนอริยบุคคล
อยางทไ่ี มมใี ครรกู ต็ าม ยอมจะมคี วามฉลาดในหนา ทท่ี ตี่ นรบั ผิดชอบอยูเ ปน อยา งดี จงึ จะไดช ่ือ
วา เปนผปู ฏบิ ตั ิดี ปฏบิ ตั ิชอบ ในเมื่อจติ ตง้ั อยูในสมั มาทิฏฐิ มคี วามเหน็ ชอบ และกม็ ีศลี สมาธิ
ปญ ญา เปนเครอื่ งประคับประคองจิต จติ ยอมดําเนนิ ไปสภู ูมจิ ิต ภูมิธรรมทถ่ี ูกตองจึงไดช ือ่ วา
เปนผปู ฏบิ ัติดี ปฏบิ ัตชิ อบ ดวยประการฉะน้ี

ตอนไี้ ป ขอไดโปรดทาํ ความสงบจติ พจิ ารณาธรรมทตี่ นเคยรเู คยเรียนมาแลว การ
พจิ ารณาธรรมนั้น สงิ่ ใดทเี่ ราพิจารณาแลว ทาํ ใหเ ราเกดิ ผล เกดิ ความรคู วามเหน็ ขึ้นมา ก็ได
พจิ ารณาอนั นนั้ ซา้ํ ๆซากๆบอยๆ ยาํ้ อยทู ีข่ องเกา นนั่ แหละ อยาไปเปล่ยี น เพ่อื ทําใหช าํ นิ
ชํานาญ เพอ่ื ใหรแู จงเหน็ จริง แลว ภูมจิ ิต ภูมธิ รรม มนั จะคอ ยๆขยายวงกวา งออกไปเปน

ลําดับๆ ถา จบั โนน วางนี่ไมเ ปนหลกั ฐานมั่นคงแลว จติ ของเราก็จะกลายเปน จติ ทไ่ี มย ดึ หลกั
หรือวิหารธรรมเคร่อื งอยไู มแ นนอน การปฏิบตั กิ ็จะไมประสบผลเทา ทค่ี วร “เพราะฉะนนั้ ใครยึด
หลกั อะไรปฏบิ ตั ิกย็ ดึ ใหมน่ั คงลงไป” เราจะพจิ ารณาหลายๆอยาง ในเมือ่ ความรคู วามเห็น
เกิดข้นึ กอ็ ยูในลักษณะเดียวกนั นั่นแหละ อยูในลักษณะแหง ความรูเ หน็ วา ไมเท่ยี ง เปน ทกุ ข
เปน อนัตตา เปนอนิจจงั เปน ทกุ ขงั เปน อนตั ตา อนั เดียวกันนนั่ แหละ เอาสงิ่ ๆเดยี วเปน
เครือ่ งหมายแหง ความไมเทยี่ งเปน ทกุ ข เปนอนตั ตา บอ ยๆเขา เมือ่ จติ มนั รูซ้ึงเหน็ จรงิ อยา งเดียว
เทา นน้ั มนั กถ็ อนอปุ าทาน การยึดมั่นถอื มน่ั ไปเอง กเิ ลสตณั หามนั ก็คอยหมดไปเอง
เพราะฉะนนั้ จงึ ยดึ หลกั ใหม ัน่ คง คือวา เราสามารถจะทาํ ไดท กุ อิริยาบถ หลับตากท็ ําได ลืมตา
กท็ าํ ได นอนทาํ กไ็ ด ถา เราไมน กึ อะไร บริกรรมภาวนาในใจ เรากก็ ําหนดไวท ่ีใจ รอู ะไรแลวก็
ตามรูใ หม นั ทนั ความคดิ คดิ อะไรข้ึนมารูทัน รใู หท ัน เราทําอะไร ใหม ันทนั การกระทาํ ของเรา
พดู อะไรใหทนั ตามคาํ พดู ของเรา ใหมสี ติอยตู ลอดเวลา อันนเ้ี ปน การทาํ สมาธิ ไมตอ งบรกิ รรม
ภาวนาอะไรกไ็ ด สาํ คัญอยูทก่ี ารทําสติ เชน อยา งทา นสอนวา นง่ั หนอ กินหนอ เดนิ หนอ ยก
หนอ ฯลฯ อนั น้ีคอื การทําสติ เปน การปฏบิ ตั ิสมาธิ อยา เอาไปเถยี งกนั นน่ั คือ การทาํ สติ ไปได
ในหลกั มหาสติปฏ ฐานทวี่ า กา วไปก็รู ถอยกลับกร็ ู คเู หยียดกร็ ู แลว ก็นกึ คดิ อะไรก็รู รอู ยู
ตลอดเวลา มนั ก็เหมือนกนั นัน่ แหละ อยาไปเถยี งกนั การปฏิบตั ิถา มวั ไปเถยี งกนั นกั ปฏบิ ัตใิ น
ศาสนาพทุ ธแทนท่ีจะชว ยกนั ทาํ ความเจรญิ แลวกไ็ ปทะเลาะกนั เพราะความคิดเหน็ ไมตรงกนั
อะไรทํานองน้ี อนั นนั้ มนั เปน วิธกี าร แตผ ลที่มันเกดิ ขนึ้ ภายใน เราจะรจู รงิ เหน็ จรงิ เหมือนกนั
หมด

ลกั ษณะสงั เกตการทําสมาธิ ถาหากเราทาํ สมาธิทถ่ี ูกตอ ง ภมู จิ ิตทมี่ นั เปนสมาธิท่ี
ถูกตองนนั้ จะมีลักษณะบง บอกวา สมาธิจะตอ งทํากายใหเบา ทําจติ ใหเ บา เบาจนกระทัง่
บางครงั้ เรารสู ึกวา ไมม ีกาย น้ีลกั ษณะของสมาธิที่ถกู ตอง แลว เมอ่ื เลิกปฏบิ ตั ิ คอื ออกจาก
สมาธแิ ลว กท็ ําใหก ายเบาตลอดเวลา แมแตจะลุกจากทน่ี ่ังนี้ อาการเหนบ็ ชา หรืออะไรตา งๆ
จะไมป รากฏ พอจิตออกจากสมาธลิ มื ตาโพลง ก็ลกุ ขน้ึ เดนิ ไปไดเ ลย ไมต อ งดดั แขง ดัดขา อนั นี้
คือสมาธทิ เ่ี กดิ ขนึ้ อยา งถกู ตอ ง

ทนี ้ีสมาธิบางอยาง พอลืมตาขน้ึ ออกจากทนี่ ่งั ปฏิบตั แิ ลว บางทา นถึงกับนอนให
คนอ่ืนนวดเสน นวดเอน็ กอ น อันน้ไี มถกู ตองแน สมาธอิ ยางน้คี ลายกบั มอี าํ นาจอะไรอยางหนึ่ง
บาง จะเรยี กวา อํานาจสะกดจติ กไ็ ด คอื การสะกดจติ นีน้ มอี ยูหลายอยา ง สะกดดวยอาํ นาจ
คาถาอาคมบรกิ รรมภาวนาก็มี อยา งคนทป่ี ลุกพระนี้ พอเอาพระใสม อื แลวก็ภาวนา นะมะ
พะธะๆๆ เดย๋ี วกส็ นั่ ขึน้ ๆๆ นน่ั ถูกอาํ นาจสะกดจติ แลว อาํ นาจอะไร อํานาจคาถาบรกิ รรม
ภาวนา คาถาในทางไสยศาสตรบ างอยางบรกิ รรมภาวนาแลวจะทําใหเ กดิ ปตอิ ยางแรง อาการ
สัน่ นน้ั คอื อาการปติ ทนี ปี้ ต มิ นั เกดิ ขน้ึ อยา งแรงไมม ขี อบเขต ก็มีอํานาจบงั คับจติ ของเรา บางที

บงั คบั จิตของเราใหไปดูโนน ดูนี่ อะไรในทตี่ า งๆในทาํ นองนนั้ ถา ใครทาํ ไดก็ดีอยหู รอก อยา ไป
หลง ใหม นั รูเ ทา

5. ปรากฏการในขณะทําสมาธิ

ถาหากทานจะบริกรรมภาวนา พทุ โธๆๆ กใ็ หตง้ั จติ อธษิ ฐานภายในใจของตวั เอง
วา บัดนี้ ฉนั จะทําสมาธิภาวนา เพอ่ื ใหจ ิตสงบเปน สมาธิ เพ่อื จะใหรแู จง แทงตลอดสภาวธรรม
ตามความเปน จริง แลวกน็ กึ ในใจของตัวเองวา พทุ โธ ธมั โม สังโฆ , พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ , พทุ โธ
ธัมโม สงั โฆ , แลว กน็ อ มใจเชื่อลงไปวา พระพทุ ธเจาอยทู ่ใี จ พระธรรมก็อยทู ี่ใจ พระอริยสงฆก็
อยูท่ีใจ แลวกาํ หนดลงทใี่ จอยางเดยี วเทานน้ั นกึ บรกิ รรมภาวนา พุทโธๆๆ อยอู ยางนนั้ จนกวา
จติ จะมอี าการสงบลงไป ใหพ ึงสงั เกตจติ ของตัวเองใหด ี ถา จติ มีอาการเคลมิ้ ๆลงไป คลายกบั
จะงวงนอน พงึ ใหรเู ถอะวา จิตของเรากาํ ลงั จะเร่มิ สงบแลว เพราะจิตทจ่ี ะสงบในเบื้องตน นนั้
ถาจะวา กันอยา งตรงไปตรงมาก็คอื อาการนอนหลับ เพราะจิตเมอื่ จะสงบกม็ ีอาการเคลิม้ ๆ
แลวกว็ บู ลงไป พอวูบลงไป ก็หยุดวบู แลว จิตจะนง่ิ ในเมื่อจติ นิ่งแลว ถาหากจิตจะนอนหลบั
มนั กห็ ลับมืดไปเลย ถา หากวาจติ จะเปนสมาธิ พอวบู ลงไปนง่ิ แลว จิตกจ็ ะมอี าการสวา งข้ึนมา

ซ่งึ ทง้ั น้ี มิใชวา จะเปน ในลกั ษณะอยา งเดยี วกนั ทง้ั หมด บางทา นกร็ สู ึกวา มกี าย
เบา จติ กเ็ บา แลวจิตกก็ าวเขาไปสคู วามสงบทลี ะนอ ยๆ ไมม อี าการวบู วาบ จนกระทัง่ จติ สงบ
แนนง่ิ ไปจนถงึ ขัน้ อัปปนาสมาธิ แตสวนมากในชว งน้ี ถา เกย่ี วกบั เร่อื งบริกรรมภาวนานน้ั เมื่อ
จติ มอี าการเคลิม้ ๆสงบลงไป มอี าการสวา งขนึ้ แลว คําบรกิ รรมภาวนาท่นี กึ อยนู ้นั จะหายไป ใน
เม่ือคําบริกรรมภาวนาหายไปแลว เรากไ็ มตองไปนกึ ถงึ คําบรกิ รรมภาวนาอีก ในตอนน้ีใหผู
ปฏบิ ัติ กําหนดรอู ยูท จ่ี ติ ของตัวเอง ถา หากจติ มอี าการสงบนง่ิ สวา งอยเู ฉยๆ กก็ าํ หนดรลู งท่นี น้ั
อยา งเดยี ว แตถ าหากชว งนนั้ ถา ลมหายใจปรากฏขึ้นในความรสู ึก กใ็ หก าํ หนดรลู มหายใจ
ตามรลู มหายใจ เพยี งแตรูเทา นน้ั อยา ไปนกึ คิดอะไรทั้งนน้ั ลมหายใจสนั้ กไ็ มตองวา ลมหายใจ
ยาวก็ไมตอ งวา ลมออกสั้นก็ไมตอ งวา ลมออกยาวกไ็ มต องวา ลมเขา สนั้ ก็ไมต องวา ลมเขา
ยาวกไ็ มตองวา เปนแตเ พยี งกาํ หนดรูล มหายใจอยู โดยธรรมชาตแิ ลว อยาไปแตงลมหายใจ
เปนอันขาด ในชวงนเ้ี พยี งแตก ําหนดรูอยูเทา นนั้ ถา หากวา เรากาํ หนดรอู ยูทลี่ มหายใจ ถา
หากลมหายใจแสดงไปในอาการตางๆเชน ลมหายใจอาจจะแสดงอาการหายใจแรงข้นึ หรอื
หายใจแผว เบาลงไป หรอื บางครั้งอาจจะมองเหน็ ลมหายใจสวา งเหมอื นกับปุยนนุ กใ็ หก าํ หนด
รูลงท่จี ติ อยา งเดยี ว รวมความวา อะไรเกดิ ขน้ึ ลงไปภายในความรสู กึ กเ็ พียงแตก าํ หนดรูเ ฉยอยู
อยา ไปทาํ ความเอะใจกับเหตกุ ารณทีเ่ กดิ ขึ้นนนั้ ๆ ถา เราไปทําความเอะใจ หรือไปทกั ทวงสงิ่ ที่

เกดิ ข้นึ จิตจะถอนจากสมาธิทนั ที เพราะฉะนนั้ ใหก าํ หนดรอู ยเู ฉยๆ ในเมอื่ จติ มีสงิ่ ท่รี คู อื ลม
หายใจปรากฏอยูต ลอดเวลา ตวั สตสิ มั ปชญั ญะจะตองมีกําลงั กลาขน้ึ สามารถควบคมุ จติ ให
อยใู นสภาพสงบโดยอัตโนมตั นิ ี้ ขอใหน กั ปฏบิ ตั ทิ ้งั หลายพึงทาํ ความเขาใจอยางน้ี และถา หาก
จติ ของผภู าวนานั้นไมว ง่ิ เขา ไปยึดลมหายใจ ก็ยอมจะสงกระแสออกไปขางนอก ในชวงทจ่ี ิตมี
ความสงบสวา งอยนู นั้ แลวภาพนิมติ ตา งๆจะปรากฏขนึ้ จะเปน ภาพอะไรก็ตาม เม่อื ภาพตา งๆ
ปรากฏขึ้นแลว กใ็ หก ําหนดรอู ยทู ี่จิตอยา งเดยี วเทานนั้ อยาไปทาํ ความเอะใจกบั เหตกุ ารณท ี่
เกดิ ขึน้ ภายนอก

ถาหากเราสามารถประคองจิตของเราใหอ ยูใ นความสงบปกติ โดยไมไ ปเอะใจอยู
กบั สิง่ ทีเกดิ ข้นึ นั้น จิตก็จะสงบนงิ่ เปน สมาธอิ ยูตลอดไป ถาหากเกดิ เอะใจข้ึนมาเมอ่ื ไรแลว
สมาธิกจ็ ะถอน ภาพนมิ ิตนน้ั กจ็ ะหายไป ในตอนนมี้ คี วามสาํ คญั มากสาํ หรบั นักปฏบิ ตั ิ ถา หาก
เรามคี วามรูสกึ วา ภาพนมิ ติ ตางๆเปนสง่ิ อนื่ มาแสดงใหเ รารู เราเหน็ บางทีเราอาจจะเขา ใจผดิ
เชน อยา งเหน็ ภาพผเี ปรต หรือเทวดา เปน ตน บางทา นอาจจะคดิ วา ส่ิงท้งั หลายเหลาน้นั เขา
มาขอสว นบุญเรา แลวเรากไ็ ปนึกแผส วนบญุ กศุ ลใหเ ขา ในเมื่อนกึ ขึน้ มาอยา งนน้ั จติ ก็ถอนจาก
สมาธิ ภาพนมิ ิตทงั้ หลายนนั้ กห็ ายไป อนั นี้ไมคอยรายแรงเทา ไรนัก แตถา หากบางทา น อาจจะ
มคี วามรสู กึ หรอื มคี วามเหน็ นอกเหนอื ไปกวา นี้ โดยสาํ คัญวา ภาพนิมติ ท้ังหลายเหลา นนั้ เปน
สิง่ ทเี่ ขา มาเพอ่ื จะดลบันดาลจิตใจของเราใหเกดิ ความสงบ ใหเ กิดความรู แลวบางทเี ราอาจจะ
เผลอๆนอ มรับเอาสิ่งนน้ั เขา มาสงิ สูอ ยใู นตัวของเรา แลว สภาพจิตของเราจะกลายเปน ใน
ลักษณะทว่ี า สภาพผสี งิ นีถ้ า หากเราไปสาํ คัญวาสง่ิ เหลานน้ั เปน ตนเปน ตวั ขนึ้ มาก หรือเปนส่ิง
อ่ืนขน้ึ มา โดยเฉพาะอยา งย่ิงถา หากไปมองเหน็ ภาพนมิ ิตของผูทีเ่ ราเขาใจวา เปน ผวู เิ ศษ มา
ปรากฏกายใหเ รามองเห็นแลว เราอาจจะนอมเอาภาพนมิ ิตนน้ั ใหเ ขามาสูต วั ของเรา หรอื สู
จิตใจเรา เพราะความเขา ใจผดิ วา ส่งิ ทมี่ องเหน็ นนั้ เปน สิง่ ท่ีมาจากทอี่ ืน่ ในเมือ่ เรานอ มเขา
มาแลว จะมีอาการคลา ยๆกบั วา มีสงิ่ เขา มาทรงอยใู นจติ หลงั จากนนั้ เรากจ็ ะกลายเปนคนทรง
ไป อันน้ีเปนสงิ่ ทีเ่ ราควรจะระมดั ระวงั ใหม ากๆ การภาวนาหรอื การทาํ จติ นี้เราไมไ ดมงุ ใหสงิ่ ใด
สิ่งหน่ึงมาชว ยดลบันดาลใหเ ราเปน ผูร ู ผเู หน็ เราตองการจะทาํ ใหจิตมคี วามสงบนง่ิ เปนสมาธิ
โดยความเปนอสิ ระของจติ เอง ถา หากจิตจะเกิดความรู ความเห็นอะไรข้นึ มา ก็เปน
สมรรถภาพของจิตเอง ไมใ ชส่งิ อน่ื บนั ดาล เพราะฉะนนั้ ขอใหน ักศกึ ษาธรรมะและนักปฏบิ ตั ิ
ท้งั หลายพงึ ทาํ ความเขา ใจ ในเรื่องนมิ ติ ตางๆ ถา หากวา ทา นไมไปเอะใจ หรอื ไมไ ปสาํ คัญวา
นมิ ติ ตา งๆซึง่ ไปปรากฏขึ้นนนั้ เปน สงิ่ อน่ื มาดลบนั ดาลใหเรารู เราเห็น ทําความรสู ึกวาภาพ
นมิ ิตนน้ั เกิดข้ึนจากจิตของเรา จติ ของเรานน้ั แหละเปน ผปู รุงแตง ข้นึ มา เพราะเรามี
ความสาํ คญั วา เราอยากรู อยากเหน็ ในเมือ่ เราอยากรู อยากเหน็ พอจติ สงบเคลม้ิ ลงไปอยใู น
ระดับแหง อุปจารสมาธิ ในตอนนีจ้ ติ ของเราจะฝน ดนี กั ถา หากเรานกึ ถงึ อะไรแลวจะเกิดเปน

ภาพนมิ ติ ขน้ึ มา ถา หากเราสามารถกําหนดจดจอรลู งท่ีจิตอยางเดยี ว โดยไมส าํ คญั ม่นั หมาย
ในนิมิตนน้ั ๆ ภาพนมิ ิตจะเปน อุปกรณการปฏบิ ตั ิของทา นผูมสี ตปิ ญ ญา โดยกําหนดรูอยูท ่จี ิต
แลว ภาพนิมิตที่มองเหน็ นน้ั จะแสดงปฏิกริ ยิ าเปลยี่ นแปลงตางๆ ถา จติ ของทา นผปู ฏบิ ตั ิน้นั มี
สมาธมิ น่ั คงพอสมควรกจ็ ะสามารถกาํ หนดเอานิมิตเหลา นนั้ เปน เครอื่ งหมายแหงความรู เปน
เครอ่ื งรขู องจิต เปน เครือ่ งระลกึ ของสติ บางทภี าพนิมิตนน้ั อาจจะแสดงเร่อื งอสภุ กรรมฐาน
หรอื ธาตุกรรมฐาน ใหเ รารูเราเหน็ กไ็ ด ในเมอื่ เปน เชน นน้ั กจ็ ะสามารถทาํ สตสิ ัมปชัญญะของ
เราดีข้นึ แลวเมอื่ สตสิ ัมปชญั ญะของเราดขี น้ึ แลว จิตก็จะสงบ รวมตวั สคู วามเปน หน่งึ ซึ่ง
เรียกวา อปั ปนาสมาธิ

เรือ่ งปญ หา อปั ปนาสมาธนิ น้ั บางทา นอาจจะเขาใจวา อปั ปนาสมาธิ คอื ความ
เปนหนง่ึ ของจติ หรอื เอกัคคตาจิต ไมสามารถทจี่ ะเกิดความรูความเห็นอะไรขึน้ ได จรงิ อยผู ู
ปฏบิ ัติในขัน้ ตน จะเปน การบริกรรมภาวนากต็ าม หรอื จะเปน การพจิ ารณาอะไรก็ตาม เม่ือจิต
สงบลงไปนง่ิ อยใู นความเปน หนงึ่ ซง่ึ เรยี กวา เอกัคคตา ในชว งตนๆนี้ จติ อาจจะไมส ามารถ
บันดาลใหเ กิดความรู ความเห็นขนึ้ มาได แตถ าหากวา ทานผูนน้ั เคยพิจารณากรรมฐานอยาง
ใดอยางหนงึ่ จนชํานชิ าํ นาญ ดว ยการนอ มนึกคิดแลว เมือ่ จิตนิง่ ไปเปนอปั ปนาสมาธิ จิตก็จะ
สามารถบนั ดาลใหเกดิ ความรู ความเหน็ ในภูมจิ ติ ภมู ธิ รรมขนึ้ มาได ดังนนั้ เราจงึ สามารถแบง
ขั้นของอัปปนาสมาธิได 2 ตอน

ตอนแรกจติ สงบน่ิงลงไปเปน หนง่ึ อยใู นอัปปนาสมาธิ ถา อยเู ปน สมาธใิ นขนั้ ฌาน
จะไมสามารถเกดิ ความรคู วามเหน็ อะไรขน้ึ มา เพราะจติ อยใู นฌานยอ มเพง อยูใ นจดุ ๆเดียว แต
ถา หากวาจิตท่ีเคยพจิ ารณาวปิ ส สนากรรมฐานมาแลวก็ดี เคยพิจารณาธาตกุ รรมฐานมาแลวก็
ดี เมือ่ จิตสงบน่งิ ลงไปเปน หนง่ึ แลว จะมลี กั ษณะคลา ยๆกบั จติ ถอนตวั ออกจากราง แลวก็สง
กระแสมารูเ รอื่ งของรา งกาย จติ จะมองเหน็ กายในลกั ษณะตา งๆ จะเปนนง่ั อยู หรอื นอนอยกู ็
ตาม เมือ่ เปน เชนน้นั จติ กจ็ ะสงบนงิ่ เฉยสวา งอยู และกายท่ีมองเหน็ อยใู นความรสู กึ ของจติ นนั้
ก็จะแสดงกิรยิ าเปลีย่ นแปลงไปในลักษณะตา งๆ ถา หากวา ทานผนู น้ั พิจารณาอสภุ กรรมฐาน
มาจนชํานชิ าํ นาญ ดว ยการนอ มนกึ จิตกจ็ ะสามารถรเู รื่องอสภุ กรรมฐานโดยอตั โนมัติ โดยท่ี
กายท่มี องเหน็ อยูนนั้ จะแสดงอาการขนึ้ อดื แลวก็มนี ํ้าเหลืองไหล เน้ือหนงั หลุดออกไปเปน ชิ้นๆ
แลวยงั เหลอื แตโ ครงกระดูก ในท่สี ดุ โครงกระดูกกจ็ ะแหลกละเอยี ดลงไป เปน จลุ ไป แลวก็
หายไปในทส่ี ดุ เหลอื แตค วามวา ง

ในเมือ่ จิตวา แลว จิตกจ็ ะสามารถกอตัว รเู รอื่ งของโครงกระดูก ซึ่งจะมา
ประสานกันเปน โครงกระดกู แลว กจ็ ะเกดิ มีเนื้อมหี นงั กลบั คืนมาอยใู นสภาพเปน รา งสมบูรณ
อยอู ยา งเกา จะมอี าการเปน ไป กลับไปกลบั มาอยอู ยางนน้ั จนกวา จิตจะถอนออกมาจาก
สมาธิ และในขณะที่จิตรูเหน็ นน้ั จะมลี ักษณะคลายๆกบั วา รูเ หน็ ดวยทางจิตอยา งเดียว ไมไ ด

เกยี่ วขอ งกบั ประสาทสว นกาย คือไมไดเกย่ี วของกับประสาทสว นตา เปนความรู คามเหน็ ของ
จิตลว นๆ

แตถ าหากทา นผูเคยพจิ ารณาธาตุกรรมาฐาน ก็จะมองเหน็ รางกายนแี้ หละละลาย
ลงเปนดนิ เปน นาํ้ เปน ลม เปน ไฟ อยา งละเอยี ดถถี่ ว น แลว กจ็ ะหายไป กลายเปน ความวา ง

ถา หากทา นผูเคยพิจารณาวปิ สสนากรรมฐาน เชน พจิ ารณา รปู เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ วา เปน ของไมเทยี่ ง เปนทุกข เปน อนตั ตา เม่ือจติ สงบนิง่ ลงไปแลว แลว จิตก็
จะมนี มิ ิตอะไรขึน้ มาซง่ึ สุดแลวแตจิตจะปรุงขึน้ มา แตค วามปรงุ แตงในขนั้ นี้ จิตกบั สง่ิ ท่ีรเู หน็ นน้ั
คลา ยกบั วา ไมม คี วามสมั พนั ธกนั เลย ในตอนน้ีจิตกับสง่ิ ที่รแู ยกกันออกเปน คนละสว น สง่ิ ทรี่ ู
นั้นก็แยกอยูส ว นหนงึ่ ตวั ผูร กู ค็ อื จติ นน้ั ก็อยูสว นหนึง่ และสว นความเปลย่ี นแปลงท่ีมนั จะแสดง
ไปในลกั ษณะแหงพระไตรลกั ษณคือ อนจิ จงั ทุกขัง อนตั ตานนั้ กจ็ ะมอี นั แสดงไปเอง ถา หาก
ทานผฟู ง อาจจะมคี วามสงสยั วา การแสดงอยา งนน้ั ใครเปนผูแสดง กจ็ ติ นั้นแหละเปน ผูปรุง
แตงขึน้ มา เปน ตัวปญ ญาความรู ในเมือ่ จิตปรุงแตงข้นึ มาดว ยความรเู ทาเอาทนั ดว ยความไม
ยดึ มนั่ ถอื ม่นั ในสง่ิ ที่รู จติ ก็รสู กึ วา คลา ยๆกบั วาสงิ่ ท่ีรูอยอู ีกสว นหนง่ึ และตวั ผรู ูคือจติ นน้ั แยก
เอกเทศเปน สว นหนงึ่ ในตอนนเ้ี รียกวา จิตกับอารมณส ามารถแยกออกจากกันคนละสว นก็ได
อันน้ีคือลกั ษณะปรากฏการณทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ภายในจิตของผูปฏบิ ัติ เริม่ ตน แตบ ริกรรมภาวนา
หรือในขน้ั พิจารณาอสภุ กรรมฐาน ธาตกุ รรมฐาน หรือพจิ ารณาพระไตรลักษณใ นขัน้ อนจิ จงั
ทกุ ขงั อนตั ตา ซ่งึ เรยี กวา ขน้ั วิปส สนา ขอใหทา นนกั ปฏิบตั ิทั้งหลายพงึ ทาํ ความเขา ใจดังท่ี
กลาวมาแลวนี้

ถาหากสมมตวิ า เราจะไมพจิ ารณาอะไรละ เปน เพียงแคว า เราจะบริกรรมภาวนา
ใหจติ สงบอยา งเดยี วเทา นน้ั แลว จติ ของเราสามารถท่ีจะกาวขน้ึ สภู มู วิ ิปสสนาไดห รอื ไม อันน้ี
ขอตอบวา สามารถทจ่ี ะกาวข้ึนสูภ ูมวิ ปิ สสนาได โดยทผ่ี บู ริกรรมภาวนาทาํ จติ ใหส งบน่งิ ลงไป
เริม่ ตนจากอุปจารสมาธิ จนกระทง่ั ถึงอัปปนาสมาธิๆ ในลกั ษณะทจี่ ติ นงิ่ อยูในจดุ เดยี ว ไมมีสง่ิ
ท่รี ูปรากฏขึ้นในจติ มีการสงบนง่ิ มีลกั ษณะน่งิ และสวา งไสวอยูในความรูสึกอยา งเดยี ว ความรู
อน่ื ๆไมเ กิดขนึ้ เมื่อเปนเชน นัน้ วปิ ส สนากรรมฐานเกิดขึ้นไดอ ยา งไร วปิ สสนากรรมฐานจะ
เกดิ ขน้ึ ไดต อ เม่ือจติ ถอนออกจากความเปน เชน นนั้ แลว มาเกดิ ความรสู กึ นึกคดิ ขน้ึ มา ผปู ฏบิ ัติ
ท่ีฉลาดกฉ็ วยโอกาสกาํ หนดความคดิ นนั้ จิตคิดอะไรข้นึ มากก็ าํ หนดรู คิดอะไรขึ้นมากก็ ําหนดรู
เพียงแตร วู า จติ มคี วามคิดอยางเดยี วเทา นนั้ รแู ลวกไ็ มต อ งไปชว ยจิตคดิ อะไรเพิ่มเติม หรอื
วพิ ากษว ิจารณ เปน แตเพยี งวา สง่ิ ใดเกดิ ข้ึนกร็ ูๆๆอยอู ยางนนั้ และส่งิ ใดดับไปกร็ ู เกดิ ข้ึนแลว
มันกเ็ ปน ทกุ ข เกดิ มาแลว กเ็ ปนอนัตตา อะไรทาํ นองนั้น ไมตองไปนึกคดิ ในขณะนั้น ถาหากเรา
นึกคดิ แลว สมาธิมนั จะถอนขน้ึ มาอีก เราจะไมม ีสมาธคิ วบคมุ จติ ของเราใหจ ดจอ ดคู วามคิดที่
เกดิ ขนึ้ นน้ั ได เพราะฉะนนั้ ตอนน้ีใหน ักปฏบิ ตั พิ งึ ระวงั ใหด ี เมอ่ื ออกจากสมาธใิ นข้นั บรกิ รรม

ภาวนา ถา จติ สงบนง่ิ เปน อัปปนาสมาธแิ ลว เมอ่ื จิตถอนออกจากสมาธิ อยา ดว นออกจากสมาธิ

ทันทีทนั ใด ใหต ามกําหนดรูความคดิ ของตวั เองเรือ่ ยไป จนกวา จะถงึ เวลาอนั สมควร จงึ คอย

เลกิ หรือจงึ คอยออกจากทน่ี งั่ สมาธิ

ในเม่ือออกจากทนี่ ัง่ สมาธแิ ลว มิใชวา เราจะหยดุ กําหนดรูจิต หรือรูอ ารมณท ี่เกิด

ข้นึ กับจิตในทนั ทที นั ใดกห็ าไม เราจําเปน จะตอ งกาํ หนดรคู วามรูสึกนกึ คิดของเราอยู

ตลอดเวลา แมแตย นื เดนิ นง่ั นอน กนิ ด่มื ทํา พดู คดิ เรากใ็ หตัง้ สติ กําหนดรอู าการ

เคล่ือนไหวไปมาของ กาย วาจา และใจของเราอยูตลอดเวลา การตามรู ตามเห็น ความ

เคลื่อนไหว กาย หรอื การพดู การนกึ การคดิ ดว ยความมสี ติสมั ปชญั ญะจดจอ อยูนนั้ แหละ คอื

การปฏบิ ตั ิธรรม แบบท่ีเรยี กวา สามารถใหจ ติ เกิดความรคู วามฉลาดข้ึนมาได

6. วธิ ีฝก สมาธิในชีวิตประจําวนั

คนเราทกุ คนนเ้ี ปนอยดู ว ยการทํางาน เราจะทาํ งานทง้ั เวลาหลบั ทัง้ เวลาตนื่ เวลา
ต่ืนเราทาํ งานทุกสง่ิ ทุกอยา งดวยความตง้ั ใจ แตเวลานอนหลบั เราทาํ งานโดยอตั โนมตั ิ จติ ของ
เราก็ยงั ตอ งคดิ หวั ใจกย็ ังเตน ปอดกย็ งั สูดลมหายใจ อนั นีค้ ือการทาํ งาน เพราะฉะนน้ั ชวี ิตก็
คือการทาํ งาน งานกค็ อื ชวี ติ และสงิ่ ทงั้ หลายเหลานั้น ถา เรามาพูดถงึ วา สิง่ เหลา นนั้ คือธรรม
และเปนธรรมไดอ ยางไร

ในขอท่ีวา ธรรมะ คือ ชวี ติ ชวี ิตก็คอื ธรรมะ อะไรทาํ นองน้ี ท่เี รียกวาธรรมะ ก็
เพราะเหตุวา ทุกสง่ิ ทกุ อยา งน้ี มันเปน เครอ่ื งรขู องจติ เปน เครอื่ งระลกึ ของสติ และเปน พนื้ ฐาน
ท่ีเปนเหตุใหเรารวู า ทุกสง่ิ ทกุ อยา งนี้ มนั มอี ยู มคี วามเปลยี่ นแปลงและแสดงความจริ งให
ปรากฏตลอดเวลา แมแตล มหายใจของเรานม้ี นั กแ็ สดงความจริ งใหป รากฏอยตู ลอดเวลา คือ
การสูดลมออก สูดลมเขา ความจรงิ มนั กป็ รากฏคอื เราตองมชี วี ิตอยู ถาเราหยดุ หายใจเมอ่ื ไร
หยุดสูดลมออก ลมเขา เมอื่ ไร เมื่อนัน้ ก็หมายถงึ ความส้นิ สูญแหง ชวี ิต คือ ตายนน่ั เอง
เพราะฉะนน้ั ในคาํ ตอบปญหาขอทวี่ า ธรรมะคืออะไร ธรรมะคอื ชวี ิต นยี้ อมเปน สิง่ ที่ไมผิด
แนนอน

อีกนยั หนึง่ การทเี่ รามาศึกษาธรรมะนี้ ชอ่ื วา ศกึ ษาใหร คู วามจรงิ ของชวี ิต เราควร
จะไดท ราบคําวา สภาวธรรม สภาวธรรมคือ สง่ิ ทมี่ ีอยู เปน อยใู นโลกนที้ ้งั หมด หรอื ทุกสงิ่ ทกุ
อยางท่มี ีอยใู นจกั รวาลนี้ ตงั้ แตอณู ปรมาณู หรอื มวลสารทเี่ กาะกุมกนั เปน กอนใหญโตหา
ประมาณมิได สิง่ ทง้ั หลายเหลานีค้ อื ธรรมะดา นสภาวธรรม ธรรมะดานสภาวธรรมนี้ กย็ อ มมี
ปรากฏการณแ สดงความจรงิ ใหเ รารอู ยตู ลอดเวลา แตวาเราสามารถกาํ หนดรทู ันหรอื เปลา

เพราะทุกสงิ่ ทกุ อยางมีปรากฏการณข ้นึ ทรงตัวอยู แลวกส็ ลายตวั อนั นี้คือกฎธรรมชาตทิ ่เี รา

จะตองศกึ ษาใหรู

ภายในตัวของเราน้ี เรากม็ กี ายกับใจ กายกบั ใจน้ี ในเมอ่ื มคี วามสัมพนั ธอ ยูตราบ

ใด เราก็ยงั มชี วี ิตเปน อยูตราบนน้ั เมื่อมีกาย มใี จแลว เราตองมีสวนประกอบคือ ตา หู จมกู ลน้ิ

กาย และใจ ซ่ึงตา หู จมูก ลนิ้ กาย และใจ บางครัง้ พระพุทธเจา ทานกว็ า อนิ ทรยี  6 บางทกี ็

วา ประตู (ทวาร) ซง่ึ สดุ แลวแตโวหารของพระองคทา นจะรับสง่ั มาเปนประการใด ทนี ถี้ ามงุ ถึง

ความเปน ใหญก ็เรยี กวา อนิ ทรีย 6 มี ตา หู จมกู ลนิ้ กาย และใจ กต็ า งมคี วามเปน ใหญใ น

หนา ที่ของเขาแตล ะอยางๆจะกา วกายกนั ไมได ไมเหมอื นมนษุ ยเ ราธรรมดาๆ ซึ่งบางทีอาจจะ

กา วกายหนา ที่ของกนั และกันได

ตา หู จมกู ลน้ิ กาย และใจ เขามหี นา ทเี่ ฉพาะตัว ถา หจู ะอุตริไปดูแทนตา เชิญ

เลย ไมมที าง ทนี ต้ี าจะทาํ หนาทอ่ี ตุ รมิ าทาํ แทนหู กไ็ มมที างทาํ ได เพราะอาศยั เหตุนี้

พระพทุ ธเจา จงึ สมมติบัญญตั ิวา อนั น้ี อินทรีย คอื ความเปนใหญเ ฉพาะตวั ในบางครง้ั ทา นก็

กลา ววา มนั กเ็ ปนประตู ในเมื่อสิง่ นนั้ เปน ประตู ตา หู จมูก ลน้ิ กาย และใจ ทเี่ รียกวา ประตู

เพราะมสี ง่ิ ผา นออก ผา นเขา รูปผา นเขา มาทางตา เสยี งผา นเขา มาทางหู กลนิ่ ผา นเขามาทาง

จมกู รสผา นเขา มาทางลนิ้ สมั ผสั ผานเขามาทางกาย ธรรมารมณผ า นเขา มาทางจติ ใจ

ส่ิงทง่ั หลายทผี่ า นเขามาน้ี ถาเรากําหนดใหม นั ดีๆแลว ทนี ีเ้ รารวู ามนั ผา นออก

ผา นเขาอยูน้ี ใครเปนผูรู ก็จิตใจของเรานนั่ เองแหละเปนผรู ู สง่ิ ทรี่ ูทงั้ หลายเหลา นน้ั กเ็ ปน

สภาวธรรม กาย ใจ เปน สภาวธรรม ตา หู จมกู ลน้ิ กาย และใจ ก็เปนสภาวธรรม สง่ิ ทีผ่ า นเขา

มาทาง ตา หู จมกู ลิ้น กาย และใจ กเ็ ปน สภาวธรรม ในทส่ี ุดแมวา ใจผรู ูก เ็ ปนสภาวธรรมอกี

สงิ่ ท่เี ปน สภาวธรรมนน้ั หมายถงึ สงิ่ ทม่ี ีอยู เปนอยู ดงั ทป่ี รากฏใหเ รารเู ห็นกันอยูน้ี

เมือ่ สิ่งเหลานีเ้ ปน สภาวธรรม สิ่งเหลา นกี้ เ็ ปนเครอ่ื งรขู องจิต เปนเครอื่ งระลกึ ของ

สติ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรม นกั ศึกษาธรรมเอาใจมารูกับสงิ่ เหลาน้ี ทําสติกับสงิ่ เหลา นีต้ ลอดเวลา เราก็

ไดช่อื วา มกี ารปฏิบตั ธิ รรมอยตู ลอดเวลา มาตอนน้ี มาพดู ถงึ เร่อื งการปฏิบัติธรรม อยากจะขอ

ตดั เร่ืองราววธิ กี ารปฏิบตั ธิ รรม ซง่ึ เราเคยไดยนิ ไดฟ งมามากตอ มากแลว เชน บรกิ รรมภาวนา

บาง หรือการพจิ ารณาอะไรซ่ึงเก่ยี วกับรางกาย สงั ขารบางซงึ่ เปน สวนภายใน อยากจะ

ตีความหมายแหง สภาวธรรมใหม นั กวา งๆออกไป เพอื่ ที่เราจะไดม ที างปฏิบัตธิ รรมให

กวางขวางออกไปยง่ิ กวาท่ีเราไดเ คยไดย ิน ไดฟง มา เขาใจวา สงิ่ ใดท่เี ราสามารถรดู วยจติ หรอื

สงิ่ ใดท่ีเราสมั ผสั ดว ย ตา หู จมูก ล้นิ กาย และใจ ดังท่ีกลา วมาแลว นน้ั เขา ใจวา จะเปนอารมณ

เปนเครื่องรูของจิต เปน เคร่อื งระลกึ ของสตไิ ด ในเมอ่ื เปน เชน น้นั เรากค็ วรจะนาํ เอาเปน อารมณ

ปฏิบตั กิ รรมฐานได

ถา อยา งสมมติวา ใครสักทา นหนง่ึ อาจจะถามขึ้นมาวา ขาพเจา เรยี นมาทางหมอ
มีความรทู างแพทย จะเอาวิชาทางแพทยม าเปน อารมณภาวนากรรมฐานนี้ ไมต อ งเอาพทุ โธ
หรือ ยุบหนอ พองหนอ จะใชไ ดไหม คําตอบก็คือ ได ทําไมจงึ ตองได เพราะวิชาหมอ วลิ ชา
แพทยท ี่เราเรยี นมานน้ั มนั ผา นเขา มาทางตา หู จมกู ลิ้น กาย และใจ ในเม่อื ความรอู นั ใดท่ี
ผานเขา มาทาง ตา หู จมกู ล้ิน กาย และใจ กาย และใจ เปน สภาวธรรม สิง่ ทกี่ ายรู ใจรู หรอื
สมั ผสั รูน้ัน กเ็ ปนสภาวธรรม มันเปนสง่ิ ทเี่ ราจะตองวติ ก เอามาเปน อารมณ ปฏิบตั ิกรรมฐานได
แมว า ใครจะเรยี นมาในศาสตรไ หน อยา งไรมากต็ าม จะเปน วทิ ยาศาสตร แพทยศาสตร
นติ ิศาสตร หรอื ศาสตรอ ะไรก็แลวแต เรานกึ วติ กเอาหวั ขอวชิ าการทเ่ี ราเรียนมานัน้ แลว เอามา
เปน เครือ่ งพิจารณาของจติ ซ่งึ เปน วิชาทีเ่ ราเรยี นมารมู ากอ นแลวมนั คลอ งตวั งา ยดี เชน อยา ง
เราอาจจะนกึ วา วชิ าแพทยค อื อะไร มคี วามสาํ คญั กบั ชีวิตของเราอยา งไร เวลาเราจะรกั ษา
คนไข จะรกั ษาอยา งไร วางแผนอยา งไร อะไรทาํ นองนี้ ซงึ่ เรายกเปน หวั ขอมาตงั้ เปน ปญหา
แลว คดิ คิดดวยความมีสตสิ ัมปชัญญะ คิดจนกระทงั่ จติ ของเรามันสงบ เพราะการคดิ อนั นน้ั
จะเปนเร่อื งอะไรก็ได เราบรกิ รรมภาวนา พทุ โธๆๆ พทุ โธคอื ความคิดเหมอื นกนั ยบุ หนอ พอง
หนอ คอื ความคดิ เหมือนกัน สมั มาอรหงั คอื ความคดิ เหมอื นกนั แตถ าเราจะเอาเร่อื งความคดิ ท่ี
เราเรียนมานี้ เอาวิชาทเ่ี ราเรยี นมาทกุ อยา งมาเปน ความคิดน้ี มนั กเ็ ปน ความคดิ ในเมอ่ื ส่ิงนน้ั
เปน ความคิด สิ่งนนั้ ก็เปนเคร่ืองรขู องจิต เครื่องระลกึ ของสติ ทาํ ไมเราจะเอามาเปนอารมณ
กรรมฐานไมได บางทที านอาจจะสงสยั วา สง่ิ เหลา น้ไี มม คี าํ วา ธรรมะ เจือปนอยเู ลย แลว เรา
จะเอามาเปน อารมณกรรมฐานไดอยา งไร

ในสมัยท่ีอาตมาเปน สามเณรนอ ย เรียนธรรมบทแปลภาษาบาลี เคยแปลพบเรอ่ื ง
หนงึ่ วา ชางไมน ั่งถากไมอ ยู อาการถากไมเปนอารมณกรรมฐาน ปลงปญ ญาลงสพู ระไตร
ลักษณ พจิ ารณา อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา ไดส าํ เร็จพระอรหันตเหมอื นกนั การถากไมม คี าํ วา
ธรรมะ เจอื ปนอยูดวยไหม

มีอกี คนหนง่ึ นง่ั ทอหกู อยู กม็ าพจิ ารณาชวี ิตวั เองเปรยี บเทียบกบั การทอหูก การ
ทอหกู นีม้ นั หดสัน้ เขา ไปเรื่อยฉนั ใด ชวี ติ ของเรากส็ น้ั เขาไปทกุ ทๆี แลว ก็ไดค วามสลดสังเวชได
สาํ เรจ็ พระอรหนั ต การทอหกู มคี าํ วา ธรรมะ หรอื เปลา

มที า นผหู นง่ึ เดนิ ทางไปเห็นพยบั แดดเดอื นเมษามนั รอ น มองเหน็ พยบั แดดเกิด
ความระยิบระยบั ขึ้นมา ก็ไปปลงปญญาวา ออ พยบั แดดนมี้ ันก็เปล่ยี นแปลงอยา งนีน้ ะ จิตก็ได
ความสงั เวช กส็ ําเร็จพระอรหันต พยับแดดมีคาํ วา ธรรมะ เจือปนอยดู ว ยหรอื เปลา

ทน่ี าํ เรื่องตา งๆมาเลาใหทา นทงั่ หลายฟงน้ี อาตมาภาพอยากจะแกไขขอ สงสัย
ของใจบรรดานกั ศกึ ษาธรรมะทงั้ หลาย เชน อยา งบางทีวา สมถะ กบั วิปส สนา นม้ี นี ัยตา งกนั
อยา งไร เมื่อตะก้ีนกี้ ็ไดยินคาํ ถาม คาํ ตอบในเทป คําวา สมถะ กับวิปส สนา มีความแตกตางกนั

อยา งไร ถา จะใหค วามตอบตรงตามความหมายกนั จรงิ ๆ สมถะ และวปิ ส สนา ตางกนั แต
วธิ กี าร แตจดุ มุง หมายกค็ อื ความสงบ ทานจะสงั เกตดขู อเท็จจริง เทา ท่ีทา นปฏิบตั ิผา นมาก็ได
ถา อยากจะรูข อ เทจ็ จริงท่ีเราไมตองสงสยั ใหส ลัดแบบทง้ิ เอาไวก อน การปฏิบัตสิ มถกรรมฐาน
ตามความเขาใจโดยทั่วไปคอื บริกรรมภาวนาและการเพง กสณิ หรือนึกอยสู งิ่ ใดสงิ่ หนง่ึ ซ่งึ เปน
เพียงสิ่งเดยี ว หรอื นกึ ถึงลมหายใจ หรอื นกึ ถงึ โครงกระดูกเปนตน แลว เปน การนกึ อยูเฉพาะใน
วงจาํ กดั เฉพาะส่งิ หนงึ่ ๆ เชน อยางนกึ พทุ โธๆๆก็นกึ อยทู ่ีพทุ โธ อนั นี้เปน วิธกี ารปฏิบตั แิ บบ
สมถะ แตถา ทา นผใู ดมคี วามคดิ มาก สามารถทจ่ี ะคิดมากๆ วติ กถงึ วชิ าความรทู ่เี รยี นมา อยาง
ที่เสนอแนะไปแลวเมอื่ สกั ครนู ี้ เชน อยา งเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตรม า กม็ านกึ ถงึ หวั ขอ วชิ า
วิทยาศาสตรแลว ก็ต้ังคําถามตัวเอง ตอบตวั เองไปเรือ่ ยวา วทิ ยาศาสตรคืออะไร ในเมือ่ ตอบไป
ไดแลว กเ็ กย่ี วขอ งกับชวี ติ มนุษยอยางไร ตอบไปขอไหน เพราะอะไรๆๆ ถามตวั เอง ตอบตัวเอง
เรอ่ื ยไป หรอื เราจะนกึ นอมเอารา งกายของเรามาวิตกขน้ึ มาวา รา งกายของเรานี้ ประกอบดวย
ขันธ 5 รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ แลว กม็ าใชค วามคิดวา รปู  รปู ไมเทยี่ ง อนจิ จงั
ทุกขัง อนัตตา เกยี่ วกบั เร่ือง รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เร่อื ยไป การปฏบิ ตั แิ บบใช
ความคิดพิจารณาเพอ่ื ใหเ กดิ ปญญาเรียกวา วิปส สนากรรมฐาน หรือปฏิบัติแบบวปิ ส สนา
กรรมฐาน

ถาจะจาํ กดั ความใหม นั เขา ใจอยางชัดเจนกค็ ือวา
บรกิ รรมภาวนา คือ ปฏิบตั แิ บบสมถะ
การปฏบิ ัตดิ วยการใชปญ ญาคน คิดพจิ ารณาเปนเรอ่ื ง เปนราว เพื่อเปนอบุ ายให
จิตสงบ เปน การปฏิบตั ิแบบวปิ ส สนา
ท้งั สองอยางนแ้ี หละ การนกึ อยูสง่ิ ๆเดยี วกด็ ี หรอื การพิจารณาเปน เร่อื งเปนราวก็ดี
มุงสจู ุดแหง ความสงบ ตง้ั มนั่ ของจิตในแนวแหงสมาธิ เพราะทั้งสองอยางน้ี ถา ปฏบิ ตั แิ ลว จะ
ทาํ ใหจติ สงบเหมอื นกัน ไมเ ช่ือทดลองดูก็ได เพราะฉะนน้ั ขอแตกตา งกนั นี้ แตกตา งกันเฉพาะ
วิธกี าร
แตถ า จะถามวา การปฏบิ ัติดว ยบริกรรมภาวนาน้ี กบั การใชส ตปิ ญ ญาพจิ ารณา
เมอ่ื ผลเกดิ ข้ึนแลว จะมนี ยั แตกตางกนั บา งไหม อันนี้มขี อแตกตา งกนั อยูบ าง การบรกิ รรม
ภาวนา บางทจี ิตสงบลงไปแลว ก็ไปน่ิงติดอยูทส่ี มถกรรมฐาน ทีท่ า นวาบรกิ รรมภาวนาน้ไี ดแค
สมถกรรมฐาน ถกู ตองตามท่ีทา นวา สว นมากจะเปน อยางนน้ั แตถ า หากวา ผทู ใี่ ชส ตปิ ญ ญา
เรมิ่ ตน พิจารณาเปนเร่ืองเปนราวไมตองบรกิ รรมภาวนา เมอื่ จิตสงบลงทําใหเกดิ มปี ติ มี
ความสขุ และมีสมาธิอยา งเดยี วกับบรกิ รรมภาวนา ผทู ่ใี ชค วามคดิ น้นั ในเมอื่ มสี มาธิเกิดข้นึ
แลว จติ จะเดนิ วปิ ส สนาไดเร็วกวา ผูทบ่ี รกิ รรมภาวนา เพราะฉะนนั้ 2 อยางนอี้ ยา ขอ งใจ ใครจะ

บรกิ รรมภาวนาก็ได จะใชส ตปิ ญญาพจิ ารณากไ็ ด แตว า ขอเตือนเอาไวอ ีกอยา งหนง่ึ อันนเี้ ปน

ประสบการณ ออกจะเปน เร่อื งนอกตาํ ราสกั หนอยหนง่ึ

การทาํ สมาธิ การปฏบิ ตั ิสมาธติ อ งพยายามใหส มั พนั ธก ับงานและชวี ติ ประจําวนั

ท่เี ราทาํ อยใู นปจ จุบัน เชน อยา งสมมตวิ า ทานขับรถภาวนา พทุ โธ ในขณะทข่ี บั รถภาวนา พทุ

โธ ถาตา งวาจติ สงบลงไป แลว มันไปอยกู บั พุทโธ ไมสนใจกบั การขับรถ ทานลองหลบั ตานกึ ดูซิ

วา อะไรจะเกดิ ขึน้ อยา งนอ ยก็ตอ งขบั รถไปอยางไมม จี ุดหมายปลายทาง ถา รายไปหนอยรถ

สวนมากๆ บางทอี าจจะชนเกดิ อุบตั ิเหตุ อันน้ลี องพจิ ารณาดู เปน ประสบการณท ไี่ ดย ินไดฟ ง

และเคยไดพ บเหน็ มาแลวดว ยตนเอง เพราะฉะน้นั การทาํ สมาธนิ ้ี ถาพยายามทาํ สมาธิ ฝก

สมาธิใหมันมคี วามสัมพันธก บั สถานการณและสง่ิ แวดลอม อันเปน เรือ่ งจรงิ ของชวี ติ ประจําวนั

ไดจ ะดีท่สี ดุ เพราะทกุ สง่ิ ทกุ อยางกไ็ ดก ลา วแลววา ทกุ ส่งิ ทุกอยา งมนั เปน สภาวธรรม เปน

เคร่อื งรขู องจิต การปฏบิ ตั กิ บั ส่งิ เหลา นี้ เราทาํ สติรูอยา งเดยี ว เร่อื งพิธีรีตองนนั้ ตดั ออกไว

เสียกอ น ถา เราจะทําใหเ ปน พธิ ีนน้ั เอาไวทาํ ตอนเชา ตอนเยน็ ท่ีเรามไี หวพระสวดมนต

ประจาํ วนั แตถาเราจะทาํ ในขณะนี้ ขณะน้ที า นฟง เทศน ทา นอาจจะทาํ สติกับการฟง เทศน

เอาเสียงเปนเคร่ืองรขู องจิต เครื่องระลึกของสติ ถา ทา นกาํ หนดจดจอ ฟงอยู แมว าทา นจะจาํ

คําพดู ไมไดท กุ คํา ทานอาจจะมคี วามรูสกึ เกดิ ข้ึนมาวา เสยี งนม้ี ันกม็ สี ูงๆต่าํ ๆ มหี นกั มเี บา

แลว มสี นั้ มยี าว ประเด๋ียวทา นกร็ ู อนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตา ขึน้ มาดว ยการกําหนดรปู จ จุบนั หรอื

แมในทสี่ ุดทา นอาจจะกําหนดรูค วามเปน อยูในปจจบุ นั ของทาน ทา นนงั่ นานๆแลวมนั ปวดหลงั

นง่ั นานๆแลวมนั เมอื่ ย นัง่ นานๆแลว มนั งว ง ในเม่อื รูส กึ ตวั ขนึ้ มามีสตแิ ลว ทา นอาจจะไดรูธรรม

ขึน้ มาวา ทกุ สงิ่ ทกุ อยางมนั กเ็ ปน อยา งนแ้ี หละ ยอมมกี ารเปลย่ี นแปลงยกั ยา ยอยตู ลอดเวลา

พอเขามาในหอ งนีต้ อนแรกกอ็ ากาศเยน็ เฉียบเพราะฤทธ์ขิ องแอร หนกั ๆเขาความอบอา วมัน

เกิดข้ึน จากกลิน่ ไอของกนั และกัน บางทอี าจจะเกิดความรอ น

ทนี ี้บางทพี ระท่พี ดู ท่ีเทศนอยนู ้ี ตอนแรกกค็ วามรสู ึกวา นาฟง ฟง ไป ฟง มา มัน

เหนด็ เหน่ือย อาจจะเกิดราํ คาญขึน้ มากไ็ ด ส่ิงทง้ั หลายเหลานีค้ อื เหตุการณป จ จบุ ันทมี่ นั จะ

เกิดขนึ้ สอ แสดงใหเรารธู รรมะ วา ทกุ ส่งิ ทกุ อยางมคี วามเปล่ยี นแปลงอยตู ลอดเวลา

เพราะฉะนนั้ การทเี่ ราจะทาํ สมาธิใหมีความสัมพนั ธก ับชวี ติ ประจําวนั ของเราทีเ่ ปนอยูใน

ปจจบุ นั น้ี ใหม นั ใกลท ส่ี ดุ อยา ใหม นั หา งกนั

ในมหาสตปิ ฏฐาน ทา นก็ใหก ําหนด ยนื เดนิ นง่ั นอน กนิ ดื่ม ทาํ พดู และคดิ ทาํ

สติอยางเดยี ว ทนี ี้ ในสง่ิ อน่ื ๆท่เี ราทําอยู เวลาเราตองการใชความคดิ เก่ยี วกับงาน เราก็เอา

เรื่องงานมาคดิ ทําสตคิ ดิ ใหม นั จดจอ ลงใหม ันชัดๆ เวลาทาํ ๆสติอยกู บั งาน เวลาเขยี นหนงั สือก็

ทาํ สติอยกู บั สงิ่ นน้ั ทาํ อะไรก็ทําสตกิ บั ส่ิงนั้น ทาํ สติอยา งเดยี ว อนั นค้ี ือการปฏบิ ัติสมาธเิ พ่ือให

เกิดพลงั จิตมคี วามสัมพันธก ับชีวติ ประจาํ วันกบั งานทีเ่ ราทาํ อยู โดยเอาเรอื่ งของชวี ติ ประจาํ วัน
เปนเคร่ืองรขู องจิต เปน เคร่ืองระลกึ ของสติ

เพราะฉะนน้ั จงึ ใครท ่ีจะขอประมวลหลักการท่จี ะพงึ ยดึ เปนแบบฉบบั ในการ
ปฏบิ ตั ไิ ว 3 อยา ง

1. บรกิ รรมภาวนา อยา งน้เี ราปฏิบัตมิ าแลว อะไรกไ็ ด
2. การใชสติปญญาพจิ ารณา โดยวติ กเอาความรทู ี่เราเรยี นมา หรอื ถา หารใครรู

เรอ่ื งกาย เร่ืองใจมากๆ เรอ่ื งอภิธรรมมากๆ จะวติ กเอาอภิธรรมมาเปนเคร่อื งรู
ของจติ เครอ่ื งระลึกของสตกิ ไ็ ด ถาทานผูใ ดไมคลองตอ เรือ่ งของธรรมะ ก็เอา
วชิ าการท่เี ราเรยี นมา ทเ่ี รารมู าที่คลองๆแลว นนั้ มาเปน อารมณพ จิ ารณาใน
เบอื้ งตน มนั จะชวยใหการพจิ ารณาของเราคลองตวั ขน้ึ อันนี้เปน ข้ันแหง การ
พจิ ารณา จะเอาอะไรมาเปน อารมณกไ็ ด
3. การกาํ หนดรโู ดยท่ีเราตงั้ ใจกาํ หนดรูลงทจ่ี ติ ทําจติ ใหว า งอยูชวั่ ขณะหนงึ่ โดย
ธรรมดาของจติ เม่อื เราตัง้ ใจกาํ หนดลง เราจะเกิดความวา ง ในเวลาเมื่อเกิด
ความวางขึน้ มาแลว เราก็กาํ หนดดูทีค่ วามวา ง ในเมอื่ จิตวา งอยูสักพักหนง่ึ
ความคิดยอมเกดิ ขนึ้ เม่อื ความคิดเกดิ ขน้ึ ทาํ สติตามรูค วามคิดนน้ั เพียงแต
สักวารู อยา ไปชวยมนั คดิ ความคิดอะไรเกิดขึ้นกําหนดรู ความคดิ อะไร
เกิดขน้ึ กาํ หนดรู ยกตัวอยา งเชน คิดถึงสแี ดง กเ็ พยี งรวู า สแี ดง ไมต อ งไปคดิ วา
สีแดงคอื อะไร ถา หากวาจิตมันคิดไปโดยอตั โนมัติของมัน เราทําสตติ ามรูอ ยู
ทกุ ระยะ อยา เผลอ ในทาํ นองนี้ จะเปน อบุ ายทาํ ใหจ ติ ของเรารูเทา ทันอารมณ
สติตวั นจี้ ะกลายเปน มหาสติ
ถาสตมิ นั กลายเปนมหาสติ จะสามารถประคบั ประคองจิตใหดาํ รงอยูใ นสภาพ
ปกตไิ มหวนั่ ไหวตอ อารมณไ ดงา ย เมอ่ื สตติ วั น้เี ปน มหาสติแลว เพม่ิ พลงั ขึ้นดว ยการฝก ฝนอบรม
กลายเปน สตนิ นทรีย เม่ือสติตัวนีก้ ลายเปนสตนิ นทรียแ ลว พอกระทบอะไรข้ึนมา จิตจะคน ควา
พิจารณาไปเองโดยอัตโนมัตโิ ดยท่ีเราไมไดต งั้ ใจ
เม่ือสติตัวนกี้ ลายเปน สตนิ นทรยี  เปน ใหญในอารมณท ง้ั ปวง ซง่ึ มีลกั ษณะคลายๆ
กับวา จติ ของเราสามารถเหนย่ี วเอาอารมณมาเปน เครือ่ งมือเครื่องใชไ ด หรอื เอากิเลสมาเปน
เคร่อื งมอื เครื่องใชไ ด เพราะ สติตวั นี้เปน ใหญยอมมีอาํ นาจเหนืออารมณ และสามารถใชอารมณ
ใหเ กิดประโยชนไ ด เมื่อเปน เชน นี้ สตติ ัวน้จี ะกลายเปน สติวนิ โย ในเมอ่ื สตติ ัวนี้กลายเปน สติ
วินโย สมาธสิ ตปิ ญญาของผูปฏิบัติมีสมรรถภาพดยี งิ่ ขึน้ ทานผนู ้ันจะไมม กี ารหลับ ยนื เดนิ นง่ั
นอน กนิ ดื่ม ทํา พดู และคิดตลอด 24 ชว่ั โมง สตสิ ัมปชญั ญะเปน สายสมั พันธสบื ตอ กนั
ตลอดเวลา แมห ลบั ลงไปแลวจะรสู กึ วา ตวั เองนอนไมห ลับ เพราะสตไิ มข าดตอน สตติ วั รหู รอื สติ

ตวั รสู ํานกึ หรอื สติเปน ตัวการ ซ่งึ เปน สตวิ นิ โยน้ี มนั จะคอยจดจออยูทจ่ี ิตตลอดเวลา พออะไรเขา

มาพลบั๊ มันจะฉกเหมือนงเู หา ฉกเหย่ืออยา งนน้ั ถา สง่ิ ใดทีม่ ันยังไมรูแจง เหน็ จรงิ มันจะยดึ เอา

มาแลว กพ็ ิจาณา คน ควา จนรูความจรงิ ถามนั รูแลว กส็ ัมผสั รแู ลวมันนงิ่ เวลาเราจะทาํ งานทาํ การ

ส่ิงหนึง่ สง่ิ ใด สตติ ัวนมี้ นั จะคลายๆวา ตวั รูป รากฏอยใู นทา มกลางแหงทรวงอก สวนทส่ี งกระแส

ออกไปทํางาน มนั กท็ าํ งานของมันอยูตลอดเวลา ในเมอื่ เปน เชน นน้ั เราสามารถจะเอาพลงั แหง

สมาธไิ ปใชในงานทกุ ประเภทได

การทาํ สมาธิอนั ใดทําใหท า นเบ่อื ตอ โลก ตอ ครอบครวั มนั ยงั ไมถกู ตอ งหรอก ถา

ทาํ สมาธมิ สี ตปิ ญญารแู จงเห็นจรงิ ดีแลว ตอ งสามารถเอาพลงั ของสมาธิไปสนบั สนนุ งานการท่ี

เราทาํ อยไู ด นักศึกษาก็ตองเอาพลังแหงสมาธิไปสนบั สนนุ การศกึ ษา เคยใหคาํ แนะนาํ แก

นักศึกษาที่กาํ ลังเรียนอยู วา วันแตล ะวนั ๆไปเรยี นหนงั สอื วนั นี้อาจารยท านสอนอะไรมา พอกลับ

มาถงึ ทพ่ี กั พอเสรจ็ ธุระแลว ใหว ติ กถงึ วิชาทีเ่ ราเรียนมาในวนั นน้ั มาคดิ ทบทวน เปน การทบทวน

ความจาํ คิดไป คดิ มา นกึ ไป นกึ มา อยอู ยางนน้ั ดว ยความตัง้ ใจ ผลปรากฏวา ทาํ ใหน ักศึกษา

ท้ังหลายทมี่ คี วามสนใจปฏบิ ตั ิอยา งน้ีมสี มาธแิ ลว กส็ ามารเรียนหนงั สือเกง สามารถที่จะเอาสมาธิ

ไปสนบั สนนุ การศกึ ษาและงานการที่เราทาํ อยู บางทานถงึ กบั เอาพลงั สมาธิไปชว ยสรา ง

เครื่องมือวทิ ยาศาสตรขน้ึ มาก็ได อนั นถ้ี า หากมนี กั ศึกษามาฟง อยูน้ี ลองพิจารณาดู ลองปฏิบัตดิ ู

วันหนง่ึ ไปเรยี นอะไรมา วิตกถงึ ความรอู นั นั้น คนควา พจิ ารณาเปน การทวนความจาํ

ทนี ี้ อยา งพอ บานแมเ รอื นทงั้ หลาย ถาทา นผูใ ดเกดิ มีปญ หาครอบครัว เชน อยา ง

พอ บานแมบ านไมคอยจะลงรอยกัน มมี ตขิ ัดแยง อยู ก็ใหพ ยายามตัง้ ปญหาถามตัวเองวา เรามี

ความบกพรองอะไร ยกตวั อยางเชน บางครั้งทา นอาจจะเผลอไปเทยี่ วดกึ ดื่นเทยี่ งคนื กลบั มา

แมบ า นโมโหบดิ หเู อา ทานอยาเพิ่งไปโกรธ ใหตัง้ ปญหาถามตัวเองกอนวา เราผดิ อะไร ถา เรามีสติ

ยับยัง้ ถามตวั เองสักพกั หนง่ึ เราจะไดค วามรู ดวยความรสู ึกวาเราผดิ เพราะเราไปเทยี่ วดึกเกินไป

อันนเ้ี ปน ตัวอยา งอนั หนงึ่ สาํ หรบั การแกป ญ หาครอบครวั และชวี ติ ประจาํ วนั การปฏบิ ตั ิธรรมนี้

มใิ ชวา เราตอ งากรความรูค วามเหน็ มาคยุ อวดกนั ใหเ สียเวลา เราตอ งการธรรมะอนั ทีส่ ามารถจะ

มาแกไ ขปญ หาชวี ิตประจาํ วนั ได สามารถแกป ญหาหวั ใจได สามารถแกไ ขปญหางานการได

สามารถใชพ ลงั สมาธิไปสนบั สนนุ กจิ การงานทเ่ี ราทาํ อยูไดท กุ ประเภท จงึ จะชอื่ วา เปน การฝก

สมาธิแลว ไดผลคุมคาแกการเสียเวลา

บันทกึ ทา ยเลม

หนงั สอื สัมมาสมาธิ เลม น้ี ถูกจัดทาํ ขนึ้ เพือ่ ชวยการเผยแพรห ลักการปฏบิ ตั ธิ รรม
ของทานเจา คณุ พระภาวนาพศิ าลเถร (หลวงพอ พธุ ฐานิโย) ทที่ านไดมีเมตตาอนุเคราะหแ ก
คณะผูมจี ิตศรทั ธาในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยพระคุณทา นไดโปรดเดินทางไปแสดงธรรม
ณ สถานที่ตา งๆ ซงึ่ คณะศษิ ยไดบันทกึ เทปไว และไดร วบรวมจัดพิมพเ ปนหนงั สอื เรอ่ื งธรรม
ปฏบิ ัติ และตอบปญ หาการปฏบิ ตั ธิ รรม ซ่งึ เลม คอ นขา งจะใหญ คณะผจู ดั ทําจงึ ไดตัดตอน เอา
บางตอนของหนงั สอื ธรรมปฏบิ ตั แิ ละตอบปญ หาการปฏบิ ัติธรรมออกมา เพ่ือจะไดป ระหยดั และ
ทําใหก ารเผยแพรเปน ไปไดอยางกวา งขวาง

หนงั สอื นจ้ี ะเปน คมู อื แกน กั ปฏิบตั ใิ หมเปนอยางดี จะชว ยใหไดแนวทางการปฏบิ ตั ิ
ธรรมอันเปน สมั มาสมาธิ และจะชวยทาํ ใหท า นผอู า นมคี วามมน่ั ใจในการปฏิบัตดิ วยตนเองมาก
ย่งิ ข้ึน


Click to View FlipBook Version