ประวัตหิ ลวงปู พระธรรม
เทศนา
และ
วธิ เี จรญิ สมถวิปส สนา
ฉลองอายุ ๙๑ ป
หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ
วนั ท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๖
พระสธุ รรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
ประวตั ิหลวงปู พระธรรมเทศนา
และ
วธิ ีเจรญิ สมถวปิ สสนา
ฉลองอายพุ ระสธุ รรมคณาจารย
(หลวงปเู หรียญ วรลาโภ) ครบ ๙๑ ป
รวบรวมโดย ๒
http://worralapo.cjb.net
http://www.geocities.com/worralapo
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
คํานํา
หนงั สืองานฉลองอายุ ๙๑ ป หลวงปเู หรียญ วรลาโภ ทท่ี า นเหน็ อยูน้ี อาจแปลกกวาหนังสอื
ธรรมะเลม อน่ื ๆ ของหลวงปูท่ีทา นเคยไดรับ หรอื พบเห็นมากอ น ซ่ึงการจดั ทําหนงั สอื ในครงั้ น้ี เปนการ
ทําไฟลหนงั สือขน้ึ มาใหดาวนโ หลดอา นทางอินเทอรเนต (E-Book) หรือ หากตองการพมิ พเปน รปู เลม ก็
สามารถทาํ ไดเ ชน กัน แลวแตค วามสะดวก
หนงั สือเลมนเี้ ปน หนงั สอื ทไ่ี ดรวบรวม ประวัติหลวงปูฉบับยอ ซง่ึ ไดล งอยใู นเวบไซตหลวงปู
เหรยี ญ (http://www.geocities.com/worralapo หรอื http://worralapo.cjb.net) ซง่ึ ไดรับอนุญาตสรางจาก
หลวงปูต้ังแตป พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ และ ธรรมะของหลวงปูที่อยตู ามเวบไซตตางๆ ทีไ่ ดมีผศู รทั ธาใน
หลวงปูพิมพเผยแพร ถงึ แมวา บางพระธรรมเทศนาจะจดั พิมพไดไมค รบท้ังบท หรือตกหลน ไปในบาง
ประโยคดงั ทผ่ี จู ัดพิมพเขยี นแจงไว แตก แ็ สดงถึงความศรทั ธาไดเปน อยา งดี รวมถงึ ธรรมะสน้ั ๆทไี่ ดมผี ูตัด
ตอนออกมาเปนขอคดิ ท่ีนาสนใจ โดยนําทง้ั หมดมารวมกนั ข้นึ มา จัดทําเปน ไฟลหนังสอื ไฟลน้ี
หวังวาหนังสือฉบบั น้จี ะเปนประโยชนแกผ ูท ส่ี นใจ และ สามารถนําธรรมะ วิธกี ารปฏิบัติสมถ
วปิ สสนา ไปใชใ นชวี ิตประจําวนั ไดเ ปนอยา งดี ขออนุโมทนากับทา นทงั้ หลายทไ่ี ดมสี ว นในการจัดพิมพ
ธรรมะหลวงปู ซึ่งหากมีขอผดิ พลาดประการใด ทางผจู ดั ทํากต็ อ งขออภัยไว ณ ท่นี ้ีดวย
ขออาํ นาจคณุ พระศรีรตั นตรยั จงดลบันดาลใหท านผูสนใจสามารถฝกกาย วาจา ใจ ของตนให
สําเร็จตามแนวทางแหง องคสมเด็จพระสัมมาสมั พุทธเจา และ มคี วามสขุ สวัสดีตราบจนกวาจะเขา สพู ระ
นพิ พาน เทอญ
ผจู ัดทาํ
http://www.geocities.com/worralapo ๓
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรียญ วรลาโภ)
นามเดิม หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ
สมณศักดิ์ วัดอรัญบรรพต อ.ศรเี ชียงใหม จ.หนองคาย
เกิด เหรียญ ใจขาน
พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
สถานทเ่ี กิด วนั ท่ี ๘ มกราคม ๒๔๕๕
บดิ า ตรงกับวันพุธ ข้ึน๒คา่ํ เดือนย่ี ปช วด
มารดา ตําบลบานหมอ อําเภอศรเี ชยี งไหม จงั หวัดหนองคาย
นายผา ใจขาน
พนี่ อ ง นางพิมพา ใจขาน
รวมบิดา มารดาเดียวกัน ๗ คน (เสียชวี ติ แตย งั เลก็ ๖ คน)
อาชพี เดิม รวมบดิ าเดยี วกนั แตตางมารดา ๒ คน
ออกบวช กสิกรรม
สถานท่ีบวช เดือนมกราคม ๒๔๗๕
พระอุปชฌาย อุโบสถวดั บานหงษท อง อําเภอทาบอ จงั หวดั หนองคาย
พระกรรมวาจาจารย ทานพระครวู าปดฐิ วตั ร
สังกัดเดิม พระอาจารยพ รหม
ญัตตใิ หม มหานกิ าย
แปรญตั ติใหมเ มอ่ื ธรรมยุติกนิกาย
สถานทีแ่ ปรญัตติ วนั ท่ี ๑๙ เมษายน ๒๔๗๖
พระอุปช ฌาย วัดโพธิสมภรณ จังหวดั อดุ รธานี
พระกรรมวาจาจารย ทา นเจา คณุ ธรรมเจดยี
พระครปู ระสาทคณานกุ จิ
http://www.geocities.com/worralapo ๔
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
ประวตั ิหลวงปู
กอนบวช - พรรษาแรก
หลวงปไู ดเลาไวใ นอัตตโนประวตั ไิ วว า ทา นเกดิ ในครอบครวั ใจขาน เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2455
ครอบครัวมอี าชพี ทํานา ทาํ สวนและเล้ยี งสัตว มพี ี่นอ งดว ยกัน 7 คนแตไ ดเ สียชวี ิตต้งั แตยงั เล็กทุกคน
เมื่อหลวงปมู ีอายไุ ด 10 ขวบ มารดาทานก็ไดเสยี ชีวติ ลง ไมน านบดิ าทานก็มีภรรยาใหม หลวงปูจงึ ไดไ ป
อยูอ าศัยกับคุณยายจนอายุได 13 ปเ รียนหนงั สอื จบ ทานจงึ ไดย ายไปอยูกับบดิ า ชวยบดิ าและมารดา
ทํางานรวมกบั พี่นอ ง ทเี่ ปน ลกู ของมารดาใหมอยางขยันขนั แขง็
คร้ันเมือ่ ทานมีอายไุ ด 20 ป กม็ ีความปรารถนาจะออกบวช โดยพิจารณาเห็นวาชีวติ นเี้ กดิ มาแลว
ทาํ งานไมร จู ักจบจกั สน้ิ ตายแลว กไ็ มไดอ ะไรตดิ ตัวไป โลกนีม้ ีทั้งสขุ และทุกข แตค วามสขุ ทีว่ านเี้ ปน ความ
สขุ ช่วั คราวท่ไี มย ั่งยืน มันเปนเพียงเหยอ่ื ลอ ใหคนเราติดอยูในทุกขเทานน้ั คนเราเกิดมาแลว ท่สี ุดกต็ อง
ตายดวยกันทกุ คน รางกายน้เี มื่อจิตละไปแลว กต็ องแตกสลายออกจากกนั ไมมอี ะไรเปน ชิ้นเปน อนั เลย
เมือพิจารณาดังนแ้ี ลว ทา นจงึ ไปขออนญุ าตบดิ าและมารดาเพอ่ื ขอลาบวช
เม่ือทา นบดิ าไดอนญุ าตแลว ทา นกไ็ ดบ วช ณ อุโบสถวดั บา นหงษท อง มที า นพระครวู าปดิฐวตั ร
เปนพระอปุ ช ฌาย มีพระอาจารยพรหม เปนพระกรรมวาจาจารย เมอื่ เดอื นมกราคม 2475 บวชแลว จงึ
กลบั มาอยูว ดั โพธ์ิชยั บา นหมอ โดยทา นอาจารยว ัดโพธิ์ สอนใหท า นภาวนาอนสุ ต1ิ 0 ทา นก็ไดทอ งเอา
แลว บริกรรมไปเรื่อยๆต้ังแตพุทธานุสติ ธรรมานุสติ ไปจนถงึ อปุ สมานุสติแลวจงึ ตง้ั ใหม
คร้นั ถึงเดอื นพฤษภาคมปน ัน้ เอง ทา นจงึ ไดไปจําพรรษาอยู ณ วัดศรสี มุ ัง ทา นจึงไดเ ขาไปเรยี น
ถามวิธเี จริญภาวนา กับทา นอาจารยบุญจนั ทร รองเจา อาวาส ซงึ่ ไดรับคําสอนใหเลือกเอากรรมฐานบทใด
บทหน่ึง ท่ถี กู กับนิสัยของตน บรกิ รรมเฉพาะบทเดยี วเทา น้นั พรอ มกับแนะนาํ ใหบ รกิ รรมพทุ โธเปน
อารมณ ทานจงึ ไดบ รกิ รรมพทุ โธมาตง้ั แตน้ัน พอถึงเดอื นธนั วาคมสอบนกั ธรรมเสรจ็ ทานจงึ ไดเ ดนิ ทาง
กลับวัดโพธช ยั
ในระหวา งน้ันบิดาทา นไดน ําหนังสือของทานพระอาจารยสิงห ขันตยาคโม มาถวายหลวงปู เมอ่ื
อา นแลว ทา นรสู ึกสนใจในเรอ่ื งกายานปุ ส สนา ซึ่งในหนงั สือไดแ นะนํา ใหพ จิ ารณากายแยกยอ ยไปเปน
สว นตา งๆ ใหสตไิ ดรวู า รา งกายนไ้ี มไ ดมีอะไรเปนของตนสกั อยา งเดียว เมอื่ ทา นพิจารณาไดด ังนจ้ี ึงมีดําริ
จะออกไปอยใู นปา
แตท านกย็ งั ไมอาจตัดสินใจไดเ พราะใจหนึ่งอยากสกึ ไปครองเรอื น แตอ ีกใจหนง่ึ อยากออก
ปฏบิ ัตธิ รรมตามทีต่ ้งั ใจไว ทานจงึ ไดน งั่ สมาธติ ดั สนิ ใจ แลวทา นก็ไดคําตอบวา ไมสึกถงึ 3 ครัง้ ซ่งึ ไมน าน
ทานจึงได ออกจากวดั ไปอยปู าที่ ผาชนั รมิ ฝง แมน ํา้ โขง พรอมกับศึกษาตอ กับทา นอาจารยกู ธัมมทนิ โน
ซ่ึงทา นก็ไดร บั ฟงจนเขาใจดี
http://www.geocities.com/worralapo ๕
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
ธรรมยุติ พรรษาท่ี ๑ - ๕
ครั้นป 2476 หลวงปไู ดพบกบั ทานอาจารยบ ญุ มา ฐติ เปโต ทา นอาจารยบุญมาไดพ าทา นไปบวช
เปน ธรรมยุติท่ีวัดโพธิสมภรณ อดุ รธานี ในพรรษาแรก ทา นไดไ ปจําพรรษาอยทู ีว่ ดั ปาสาระวารี
จ.อดุ รธานี เมอ่ื ออกพรรษาแลวทานจงึ ไดธุดงคขนึ้ ไปพักวิเวก ที่ถา้ํ ผาปู และถ้าํ ผาบ้ิง จงั หวัดเลย
พอป 2477 ทา นจึงไดก ลับลงมาจาํ พรรษาที่วดั อรัญวาสี จ.หนองคาย ในพรรษาน้ี ทา นเลา วา
ทานไดตั้งใจบาํ เพญ็ เพยี รอยางหนกั ซึ่งทานมคี วามตั้งใจดงั นคี้ ือ 1.จะไมน อนกลางวนั 2.เมือ่ ค่าํ ลงจะทํา
ความเพียร จนถงึ 4 ทมุ จงึ จาํ วัด พอถงึ ตี 2 จึงลุกข้นึ ทําความเพียรตอ จนถึงสวา ง พอออกพรรษา ทา น
จึงไดธ ดุ งคไปอยทู ถ่ี ํ้าผาบงิ้ อีก พอถงึ เดือนหก จงึ กลบั มาทวี่ ดั ปาบานคอ ในวนั ออกพรรษาปนน้ั เอง ทาน
กเ็ กดิ รักผหู ญงิ เขาคนหนง่ึ ทานจงึ ไดร ีบหนีกลับมาอยูที่วดั อรญั ญบรรพต แตก ็ไปเกิดรกั ใหมจ นทา นตดั
สินใจวาจะลาสึก และจึงไดเ ดนิ ทางไปหาพระอุปช ฌายเพือ่ ลาสกึ แตใ นคนื วนั น้ันเอง ทา นไดพจิ ารณาเหน็
ถึงความทุกขในโลก จนในท่ีสดุ ทา นจงึ คลายจากความอยากสึกลง จากนน้ั ทานจงึ ไดก ลับไปจําพรรษาท่ี
วัดปาสาระวารีอกี ครงั้ เปน พรรษาที่ 3 พอยา งเขา เดือน 10 ทานกล็ ม ปวยลง พอออกพรรษา บิดาจึงได
พาทานกลับมารักษาตวั ทว่ี ัดอรัญญบรรพต ทานเลา วา เจบ็ คร้งั น้ันเกอื บเอาชีวติ ไมรอด
ครั้นตอ มาการภาวนาก็ทาํ ใหจติ สงบลงเรอ่ื ยๆ จนสงบดแี ลว แตพอมเี รือ่ งตา งๆเขามากระทบ
เชน ทางตา ก็ทําใจจติ ใจหวน่ั ไหว แกอยา งไรกไ็ มตก ทานจงึ ไดคดิ ถึงทา นอาจารยม ัน่ ทงั้ ๆท่ที า นไมไ ดร ู
จกั เลย เพียงแตเคยไดยนิ มาวาทานเปน ผปู ฏิบัติดี ปฏิบตั ชิ อบ หลวงปจู งึ ไดช วนเพอ่ื นภิกษุรูปหน่งึ เดนิ
ทางมาหาทานอาจารยม่นั ดวยกนั ท่ี จ.เชยี งราย
ในคืนวนั หนงึ่ ทยี่ งั เดนิ ไปไมถ งึ หมบู า น จงึ นอนอยูในปาขางทาง คืนน้นั ทา นไดนมิ ติ เห็นทาน
อาจารยมน่ั พอถงึ รงุ เชา ทา นกไ็ ดท ราบวาเพื่อนภกิ ษุกไ็ ดน ิมติ เหน็ ทา นอาจารยม ่ันเชน กนั พอสอบถามถึง
ลักษณะท่ปี รากฏก็ทราบวา เปนเชนเดยี วกัน ถือวาเปนนมิ ิตหมายอันดี ทําใหท านแนใ จวา จะตอ งไดพ บ
ทานอาจารยม่นั อยา งแนน อน
ครน้ั เม่ือเดนิ ทางไปถึง จ.เชยี งใหม ไปทีว่ ดั เจดียหลวง ไดพบกับหลวงตาเกต ซง่ึ ไดพ าทา นไปพบ
พระอาจารยม น่ั ท่ีปาละเมาะใกลๆ โรงเรยี นแมโ จ ในวันนั้นทา นอาจารยไดใ หโ อวาทแกหลวงปูว า
ธรรมดาเขาทํานาทาํ สวน เขาไมไ ดทําใสบ นอากาศเลย เขาทาํ ใสพนื้ ดนิ นแ้ี หละจึงไดรบั ผล ฉนั ใด
โยคาวจรผบู าํ เพ็ญเพียรท้งั หลาย ควรพิจารณารางกายนแ้ี หละเปน อารมณ จนเกดิ นิพพิทาความ
เบ่ือหนา ยในนามในรูปน้ี ดว ยอํานาจแหงปญญานัน้ แหละ จึงจะเปน ทางหลดุ พน ได ไมควรติดใน
ความสงบโดยสวนเดียว
พรรษาท่ี ๖ - ๑๘
ในพรรษาท่ี 6 ทานไดรบั การแตงต้งั จากทา นพระอาจารยม น่ั ใหจ าํ พรรษาท่ี อ.พราว จ.เชยี งใหม
พรอ มกบั พระอาจารยเ นยี ม และพระอาจารยอ อ นศรี ครัน้ ออกพรรษาแลวจงึ ไดอ อกธดุ งค ไปบนเขาดอย
http://www.geocities.com/worralapo ๖
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรยี ญ วรลาโภ)
พระเจา พรอมกับทานพระอาจารยมนั่ และพระรูปอื่น รวม 6 รปู ดวยกัน นบั ต้ังแตหลวงปไู ดพบทา นพระ
อาจารยม ั่น ในป 2481 เปนตนมา หลวงปูกย็ ิ่งเลอื่ มใสทา นพระอาจารยมั่นมากข้ึนตามลําดับ ทานจงึ ตัด
สินใจธดุ งคอ ยทู างภาคเหนอื ตอ จําพรรษาท่เี ชียงใหมร วมทัง้ ส้ิน 10 ป และ อ.เถนิ จ.ลาํ ปาง อีก 3 ป ซ่ึง
ในครง้ั น้นั มพี ระอาจารยทีร่ วมธุดงคด วยทางภาคเหนือ ไดแก ทา นพระอาจารยมนั่ ทานพระอาจารยก ู
หลวงปสู มิ หลวงปูชอบ และหลวงปขู าว เปน ตน
โดยในพรรษาที่ 7-9 ไดอ ยูจําพรรษากบั ทานอาจารยกู และทานอาจารยสมิ ทวี่ ัดสันตนเปา
จ.เชียงใหม และในพรรษาท่ี 10 ไดจําพรรษาอยทู ี่สาํ นกั สงฆแ มห นองหาร กับหลวงปชู อบ ซ่งึ ในพรรษา
นน้ั หลวงปูชอบไดม าชวนใหทานไปธุดงคท ่ีประเทศพมา แตท านลองนงั่ สมาธแิ ลว เห็นวา หนทางไม
ปลอดโปรง ทา นจึงไดปฏเิ สธหลวงปชู อบไป ซึง่ ในภายหลัง ทา นไดพบกับหลวงปชู อบอกี ครัง้ ทานจึงได
ถามถึงการไปพมา ซึง่ ไดรับคาํ ตอบวาไปพมา คร้ังนัน้ ไดร บั ความลําบากมาก
ตั้งแตพรรษาท่ี 11-14 ทานไดอ ยจู าํ พรรษาทสี่ าํ นักสงฆ ในระหวางนีท้ านไดพบกับหลวงปูช อบ
และหลวงปูข าว จึงไดช วนกนั ไปวเิ วกตามเขาและถา้ํ แตในภายหลังหลวงปขู าวไมส บาย ทา นจงึ กลบั ลง
มา แตไ มนานหลวงปูช อบกช็ วนขึ้นไปอกี ทา นเลา วา ในคืนหนึ่ง ขณะทีน่ ั่งสมาธิอยู กเ็ กิดความรูส กึ ในจติ
วา "ระวงั อยา ประมาท คืนนเ้ี สือใหญมา" ทานจึงไดนง่ั สมาธิอยู กไ็ มเ ห็นมอี ะไร นานเขา ทา นจึงจําวดั รุง
เชาทานกไ็ ดไปปฏบิ ัตทิ านอาจารยชอบ พรอมเรียนถามทา นวา เห็นนิมติ อะไรหรอื ไม กไ็ ดร บั คําตอบวา
เหน็ อบุ าสกมาบอกใหระวงั เสอื ทานจงึ ไดน ง่ั สมาธิคอยแตไมมีอะไรเกดิ ขน้ึ เมื่อหลวงปูเ หรียญทราบดงั
นั้นแลว ทา นจงึ ไดไปสาํ รวจรอบๆที่พัก ก็ไดเหน็ รอยเสอื คุยดินเปนระยะๆ เม่ือทานออกบณิ ฑบาต ก็เหน็
รอยเสอื อยตู ามทาง ทานจึงไดแ ผเ มตตาให ซ่ึงหลงั จากน้ันกไ็ มมเี สือไปหาอกี เลย
ในพรรษาท่ี 15 และ 17-18 ไดจําพรรษาอยูที่ อ.เถิน จ.ลําปาง ซ่งึ ระหวา งท่ีหลวงปไู ดจาํ พรรษา
อยูที่ จ.ลาํ ปาง นี้ กไ็ ดพาบิดาไปบวช ณ วดั เชตวนั จ.เชียงใหม และไดอ ปุ การะทานมาโดยตลอด สวนใน
พรรษาที่ 16 หลวงปไู ดไปจาํ พรรษาท่ี จ.เชียงใหม ไมนานทา นกไ็ ดไ ปธุดงคต อทป่ี ระเทศลาว ทนี่ ัน่ ทาน
ไดเ ห็นนิมิตอนาคตของประเทศลาว ไดความวาตอไปประเทศลาวจะหาความสงบไดยาก ทา นจึงเดนิ ทาง
กลับประเทศไทย
เม่อื หลวงปูกลับมาประเทศไทย ทา นกไ็ ดเจอกับหลวงปเู ทสก ซ่งึ หลวงปูเทสกก ไ็ ดช วนทา นไป
เผยแผธรรมะทางภาคใต ซ่ึงในการเดินทางครนั้ น้ัน มที ัง้ พระและเณร รวมทั้งหมด 9 รูป ในระหวา งเดิน
ทางทางเรือ ทา นกไ็ ดพ ิจารณาเห็นธรรมะดังน้ี
"เรือทนี่ ายชา งตอ ดแี ลว อยา งแขง็ แรง
เมอื่ ถกู คลื่นกระทบแลว ไมเสียหายฉนั ใด
จิตของบคุ คลใดเม่อื ฝกฝนใหด แี ลว
คลื่นของกเิ ลสกระทบเขายอ มไมหวัน่ ไหวก็ฉนั นั้น"
http://www.geocities.com/worralapo ๗
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรียญ วรลาโภ)
พรรษาท่ี ๑๙ - ปจจุบนั
ดังนัน้ ในพรรษาที่ 19-20 ทานจึงจําพรรษาที่สํานกั สงฆ ต.ตะกวั่ ทงุ จ.พังงา 2 พรรษา เมอ่ื ออก
พรรษาแลวจึงไปวเิ วกตามถาํ้ ใน จ.พงั งานน้ั เอง ครัน้ เมอ่ื ใกลจ ะเขาพรรษาก็ไดม ีผนู ิมนตใ หจาํ พรรษาที่
เมอื งพังงา ขณะท่ที า นไดไ ปบําเพญ็ อยูท่ีถํา้ หลักเมอื ง หนาถ้าํ มีศาลเจาพอ หลกั เมอื งตงั้ อยู มกี ารขอบตั ร
ขอเบอร ทรงเจา ฆาสัตวส ังเวยทกุ ป วนั แรกกอนทีท่ านจะเขาถ้าํ ทา นจงึ เขาไปในศาล เห็นหิน 2 กอ นฝง
ดินอยู แตพนดินอยสู วนหน่ึง ทานจึงสวมรองเทา ขึ้นไปเหยียบหนิ ทั้ง 2 กอนแลวกลา ววา ไดยินวาเจาพอ
หลักเมอื งมาอาศยั อยูท นี่ ้หี รือ ถา มาอยทู ี่นี่จรงิ ขอใหเ จาพอคอยฟง ธรรมะนะ อาตมาจะแสดงธรรมใหญาติ
โยมฟงอยูหนาถํ้าน้แี หละ แลวทา นกเ็ ขาไปในถาํ้ บาํ เพ็ญสมณธรรมได 2 เดือน ก็มีโยมเขาไปสรา งศาลา
หลังเลก็ ๆให ตอ มากม็ ีผซู อ้ื ที่ดินจัดทําเสนาสนะใหอ ยจู าํ พรรษา มพี ระจําพรรษาดวยกนั 5 รูป มญี าตโิ ยม
ไปนง่ั สมาธแิ ละฟง ธรรมทกุ คนื
ในวันอุโบสถวันหนึ่ง มีชายคนหนงึ่ ซึ่งไปดกู ารเขา ทรงมา มาจําศีลอโุ บสถท่วี ัด เลา วาในวนั ท่มี ี
การเขา ทรงกนั เจา พอ ในรา งคนทรงบอกวา ตอ ไปอยา มาขอเบอร และฆา สตั วส งั เวยอีกเพราะมนั เปน
บาป มีคนถามวา เมื่อกอ น เจา พอ ยงั บอกลูกหลานอยู ทาํ ไมจึงวา มนั บาป เจา พอ ตอบวา เมอื่ กอนทานยัง
ไมร ูวาบาปเปน อะไร แตพอไดฟ ง ธรรมจากพระกรรมฐานท่มี าแสดงทหี่ นา ถ้ํา ทา นจงึ รูว ามันเปน บาป แลว
บอกวา ตอ ไปถาจะเอาของมาสงั เวยก็ขอใหเอา ขนม ผลไม มาบวงสรวง ตอนนี้ทา นก็จาํ ศลี ภาวนาอยู
เสมอ หลวงปูบ อกวา การไปเผยแผพ ระพทุ ธศาสนาในครงั้ นัน้ ไดผ ลมากพอสมควร
ทานไดอ ยบู ําเพญ็ สมณกจิ ท่ีสํานักสงฆน้นั มาจนขออนุญาตสรา งวดั ไดสาํ เร็จ ต้งั ช่อื วา วัดประชา
สันติ อยูวดั น้ไี ด 6 ป จงึ ยา ยมาอยู วัดสันติวราราม อีก 2 ป จึงยายกลับไปอยวู ัดอรญั ญบรรพต ตง้ั แตป
2502-ปจจบุ ัน
http://www.geocities.com/worralapo ๘
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
บญุ ญาพาชวี ิตรอด
โดย หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ
วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม จ.หนองคาย
๓ เมษายน ๒๕๓๗
ตอนไ้ี ปพึงพากันตง้ั ใจ สาํ รวมจติ ใจของตวั ใหแ นว แน อยภู ายใน อยาใหใ จมันคดิ สงออกไปขา ง
นอก เวลาน้ีเปนเวลาทเี่ รา มาชมุ นุมกันเพ่ืออบรมจิตใจโดยเฉพาะ เพราะจติ ใจนเี้ ปน เร่อื งที่ อบรมฝกฝน
ไดยาก แตก ็ไมเหลอื วสิ ยั สาํ หรบั ผูมคี วามหม่นั ความขยัน มคี วามเพยี ร มันเปน การยากสาํ หรบั ผูไมข ยนั
หมน่ั เพยี ร ไมเอาใจใส ตอ จิตใจของตวั เอง ไมวางานส่ิงใดทัง้ หมด ถา หากวาเอาใจจดจอ เขา ไปแลว มนั ก็
ดําเนินไปได จะใหยากลาํ บากอยางไร ก็ ถา หากวา อยูในวสิ ัยที่เราจะทาํ ไดแ ลว เราเอาใจฝกใฝเขา ไป ใช
โยนโิ สมนสิการ พินิจพิจารณาหาทางแกไขอุปสรรคตางๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ นั้นใหมนั ลุลวงไป ถา มนั ไมเ หลือวสิ ยั
จรงิ ๆ มันกเ็ ปน ไปได การทค่ี นเราจะฝา ฟน อปุ สรรคตา งๆ ไปไมไ ดน้นั กเ็ พราะมนั ขาดความเพียรความ
เอาใจใส อนั นีแ้ หละสําคัญ ไมวาการงานสิง่ ใด ถา หากวา เราไมเอาใจใสแลว มนั จะไมสาํ เร็จผลเลย
ทีนง้ี านเก่ยี วกบั การฝก ฝนอบรมจติ ใจนี้ มันกย็ ่งิ ตอ งการความ เอาใจใสเ ปนพิเศษเลย หมาย
ความวา ตนเองพยายามดูตนเองใหม าก ที่สุดเทาทจี่ ะมากได เพราะตามธรรมดาแลว บคุ คลผูปลอยให
ความหลงครอบงําจติ ใจแลว มนั ลมื ตวั ไมรูวาตัวเปน อยา งไร ไมรวู าจติ ใจของตนมันเปนอยา งไร จิตใจของ
ตนมันหลงไปอยู มันเหน็ ผิดเปน ชอบไปอยู ก็ไมร ตู วั เอง นแ่ี หละคนเราถาปลอยให ความหลงครอบงําไป
แลว เปนอยางนน้ั ดงั นนั้ วธิ ีแก มนั ก็อยทู ส่ี ติ สัมปชญั ญะ เราหมนั่ ระลกึ เขามาหากายหาจติ นี่ มาควบคุม
จิตน้ี ใหต ้ังอยูภายใน ถาหากวา ควบคุมเฉยๆ มันหยุดมนั นิ่งไมได กต็ องบริกรรม พทุ โธ แทน จิตใจผูก
พนั อยูกบั พุทโธ คณุ อันประเสริฐน้ัน ถาหากวา ทาํ ไดอยางนี้ ความหลงความเขาใจผดิ ตางๆ นานานนั้ มัน
ก็ จะระงับไปโดยลําดับ เพราะมนั มารตู วั รตู วั น่ีหมายความวา เรารูว า อารมณตางๆ ทเ่ี กิดขึน้ ในจติ น้ี
ลวนแตเปนของไมเทย่ี ง เกดิ ขึ้นแลว ก็ดบั ไป เราจะไปเอาจริงเอาจงั กับความคดิ ความนึกตา งๆ เหลา น้ี
ไมไดเลย เพราะมันไมจีรังย่งั ยืน มีแตก ารทาํ ใจสงบลงเปน หนงึ่ ใหได อันน้แี หละเปน ส่งิ ทีอ่ ุนใจของเรา
เมอื่ ใครทําใจใหส งบลงไปไดแลว ผนู ้ันก็ไดรบั ความ อุน ใจ ความสงบนีห้ มายถงึ ความอมิ่ ใจ
มันอ่ิมทุกสิ่งทกุ อยาง มันไมอยากไดอะไรในขณะทีใ่ จสงบอยนู ้ัน เพราะฉะน้นั เม่อื มนั มอี ิ่มได มนั ก็สบาย
ไมใชหรอื คิดดูใหดี เหตุท่มี ันไมสบายนั้น ก็เพราะมันหวิ จิตนม่ี นั หิวอยูเรื่อย มนั หวิ อารมณ มนั หิวเร่อื งดี
เรอื่ งชวั่ ตา งๆ นานา ในโลก เหตุน้ันมันจงึ หาความสุขสบายไมได ดงั นน้ั การทเ่ี รามา พยายามทาํ ใจให
สงบนี่ ก็เพือ่ ทจ่ี ะระงับความหิวของจิตใจนน้ั เอง ใหม นั คอ ยสงบไปโดยลาํ ดับ แลวการที่เรามาใชป ญ ญา
พิจารณา เหตุผลตางๆ ที่จิตใจมันยึดม่ันถือมั่นอยูนั้น อันน้ันมนั เปนวธิ กี าร ท่ีจะละอปุ าทานความยดึ มน่ั
ถอื มั่นใหห มดไปสิน้ ไป แตล าํ พังสมาธินั้น เพียงแตร ะงบั ความอยากความหิวไปไดช่ัวระยะหนงึ่ เทา น้ันเอง
สวนท่ีจะละความอยากความหวิ ใหมันขาดเดด็ ออกไปจากจิตใจได ตอ งอาศยั ปญ ญา
http://www.geocities.com/worralapo ๙
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
ปญญาน้ันกต็ องเกิดจากสมาธิ ไมใ ชวา ปญ ญาที่เรา นึกเดาเอา นกึ คาดคะเนไปตามอาการ
ตา งๆ อยา งนั้นไมใ ช ปญ ญา ในทนี่ ้หี มายถงึ ปญญาเกดิ จากใจทสี่ งบตงั้ มนั่ อยภู ายใน เม่อื ใจตงั้ ม่ัน อยู
ภายในแลว มนั กผ็ องใส มนั กไ็ มมวั หมอง เมื่อมนั ผอ งใสแลว เราจะคิดนกึ ถงึ เร่ืองอะไร มันกเ็ หน็ มนั ก็รู
เรือ่ งน้นั โดยแจม แจงได เหมอื นอยางไฟฟา ที่ไสม ันก็ยงั ดีอยู หวั เทียนกด็ ี อยา งนแ้ี หละ ไมเสียอะไร พอ
กดสวติ ชเ ทาน้ัน มันก็สวาง มองเห็นวัตถสุ ิง่ ของ ตางๆ อยูในรศั มีแหง ความสวางนัน้ ไดโดยชดั เจน ขอน้ี
ฉนั ใด ปญญากเ็ ปนเชนนน้ั แหละ เม่ือใจสงบผองแผวดแี ลว เราพิจารณา เรื่องอะไรมันก็เหน็ ชดั ไปในเร่ือง
นน้ั เพราะวา กระแสจติ มนั ใสสะอาด กระแสจติ มนั สวาง ดงั นนั้ มนั จึงรูความจริงของเรอ่ื งน้นั ไดต าม ความ
เปนจรงิ
แตวา ความรูในการเจรญิ วปิ สสนานี้ พระศาสดาก็ทรง สอนให ยกขันธหา นีแ้ หละข้นึ มา
พจิ ารณากอ นส่ิงอืน่ ทั้งหมด ทง้ั น้ี ก็เพราะวา จิตใจมนั ยดึ มัน่ ถอื มนั่ อยูใ นขนั ธหาน้ี วาเปน ตัวเปนตน เปน
เราเปนเขา มนั จะหลงละเมอไปในเร่ืองตา งๆ ภายนอกโนน กเ็ พราะมันหลงขนั ธหานก้ี อ น มนั สาํ คญั ผดิ
ในขันธห านแ้ี ลว มนั จึงไดห ลงผิดไปในอารมณอ่นื ภายนอก เหน็ อารมณตา งๆ ภายนอก เปน ตวั เปน ตนไป
เปนดีเปน ช่วั ไปหมดเลย กเ็ พราะมนั หลงขันธห า นแี้ ล ถา มันรูแจงในขนั ธห านต้ี ามเปนจรงิ มนั ไมสาํ คัญ
วาเปน ตัว เปน ตนเปนเราเปน เขาแลว ปลอยวางไวตามสภาพเหลาน้แี ลว มนั จะไมหลงผิดไปในเร่อื งใดๆ
ท้งั หมดเลย เพราะวาส่งิ ตางๆ ภายนอกโนนมันกอ็ าศัยดวงจติ น้ีตา งหาก เปนผูไปยดึ ไปถอื ไปสมมตมิ นั
ขึน้ วา อันนน้ั ดีอนั น้ีช่ัว สิ่งนน้ั นารักสิง่ น้ีนาชงั มนั ออกไปจาก ดวงจติ ดวงน้ี ซงึ่ มีขันธหา น้ันแหละเปน
เครื่องสอ งไป เปนเครือ่ ง ดําเนนิ ไปตามความนยิ มสมมติของโลก เชน อยา งวา สัญญาอยา งน้ี กค็ วามจํา
หมายน่ี มันจําผิดไปดวยอาํ นาจแหงความรผู ดิ มนั จาํ วา สิ่งนีไ้ มสวย มนั กเ็ ห็นวา สวยวางามอยา งน้แี หละ
ส่ิงนไี้ มส วยไมง าม นาเกลียดนาชัง มนั ก็เห็นไปวา นาเกลียดนา ชงั เหน็ ไปตามสมมติ นิยมของโลก เหตุ
นัน้ มนุษยเราถงึ ไดเ บียดเบยี นซ่งึ กนั และกนั ประหัตประหารซ่ึงกันและกนั ก็เพราะมนั หลงสมมตนิ เี่ อง
แหละ
เมื่อมีผมู าเจริญวปิ ส สนาโดยลาํ ดับไป มาแจกแจง ขนั ธหา นอ้ี อก ใหม ันเห็นเปน ของวางของ
เปลาจากสตั วจ ากบุคคล เหน็ วาไมม ีสัตวไ มม บี คุ คลอยใู นขันธหานเ้ี ลย เชนนแ้ี ลว มนั ก็จะไมหลงสมมติ
เหลาน้นั มนั กจ็ ะมองเห็นแตเ พียงวา เรือ่ งดีเรอ่ื งชวั่ ตา งๆ นน้ั มันกม็ ีการเกิดข้ึนแลว ก็ดบั ไปเทา นัน้ เอง
ไมม ีอะไรเปนตัวเปนตนเลย แตถ าวาไปตามสมมตแิ ลว มันกม็ ดี มี ชี ัว่ อยูน น้ั แหละ แตถาเราจะ ไปยึดเอา
แตด แี ตช วั่ ไปตามสมมตอิ ยูน้นั มนั กพ็ น ทุกขไ มไ ดเลย จติ ใจมนั ก็เอียงซายเอยี งขวาไปอยูอ ยา งน้นั เด๋ียวก็
รกั เดยี๋ วก็โกรธ เดย๋ี วก็พยาบาทเบียดเบียนกันและกันนี่ เมอื่ หากวาไปยดึ เอาสมมุตนิ ่นั มาเปนอารมณ
แลว มนั ก็จะไปอยางนั้นแหละ วถิ ชี วี ิตของคนเรานี่ แตท ่คี นเราจะกลายเปน คนเกเรเปน คนช่วั กลายเปน
อนั ธพาล ชอบเบียดเบยี นแตบคุ คลอนื่ และสัตวอ่ืนไปนน้ั ก็เพราะเหตทุ มี่ นั หลงสมมตบิ ัญญตั ิอยา งวา นี้
แหละ ไมไดเจรญิ ปญญาวปิ สสนา เหน็ แจงในขนั ธหา ตามเปน จริง นีท่ าํ ใหคนเสียคนไป ทาํ ใหคนเรานัน้
ตกอยใู ตอาํ นาจของกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอจิ ฉาพยาบาทเบยี ดเบยี นซึง่ กัน
และกนั เมอ่ื น่ีมันลวนตัง้ แต มนั เหน็ ขันธหาเปน ตวั เปนตนทั้งนน้ั แหละ มนั จึงไดสาํ คัญวา ตนนั้นวเิ ศษกวา
คนอน่ื ตนนัน้ มกี ําลงั แข็งแรงกวา คนอน่ื เราไมก ลวั ใคร จะชกจะตอยจะตจี ะอะไรก็เอาทงั้ นน้ั เมื่อมนั โกรธ
จดั ขึน้ มาแลว นแี่ หละความถือวามตี ัวมีตนมนั มผี ลรา ยอยางน้เี องแหละ ใหพ ากัน เขาใจ
http://www.geocities.com/worralapo ๑๐
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรยี ญ วรลาโภ)
การท่เี รามาเจรญิ ภาวนาเพง พิจารณาใหเ ห็นขนั ธห า ลงไปวา เปน อนิจจัง ทุกขงั อนัตตา ไม
ใชต ัวตนเราเขาอยา งน้แี ลว มนั จะทาํ ใหกิเลสเหลา นี้ออ นลงไปเปน ลาํ ดบั ใครดา วาติเตยี น มนั กก็ าํ หนดรู
ทันวา เขาไมไ ดดา เรา ไมไดวาเรา เขาดา รปู นต้ี า งหาก รปู น้ี ไมใชของเรา เม่อื รูปนไี้ มใชข องเรา เราจะไป
โกรธทาํ ไมเลา จะไปหวงมันไวท าํ ไม หวงไวไ ดแลวมนั ก็ไมย ง่ั ยืนอะไร รูปนมี้ ันก็แปรปรวนไป ในทสี่ ดุ มัน
กแ็ ตกดับลง การหวงไวโดยไมชอบดว ย เหตผุ ลอยางนน้ั รงั แตจ ะเปน เหตใุ หส รางบาปสรา งกรรมใสต ัว
เอง และบุคคลอน่ื กอ ทกุ ขใ หแ กก นั และกนั ไมมีทีส่ ้ินสุดลงได นีโ่ ทษ อยางหยาบทบ่ี ุคคลถือม่นั วา เปน ตวั
เปน ตนเปน เราเปน เขา มันก็ เปน ไปอยา งน้แี หละ เพราะฉะนนั้ เราเปนนักภาวนานี่ ก็ตอ งพจิ ารณา ใหมัน
เห็นแจง ลงไป เราจะไปนงั่ อยูเฉยๆ ทําไม นงั่ ภาวนาอยเู ฉยๆ ไมคดิ ไมพจิ ารณาไมก าํ หนดรูอะไร ความ
จรงิ ของขนั ธห า มีอยา งไรก็ ไมดาํ ริตริตรอง ใหเ หน็ แจง ประจกั ษดวยใจของตนเอง เชน นม้ี นั ก็ จะไปปลงไป
วางขนั ธหา ลงไดอยา งไร มันกจ็ ะถอื มนั่ วา เปน ของตวั อยูน น่ั แหละ หวงไมยอมใหใครมาติมาวา นิดหนึง่ ก็
ไมได ใครมาวา นดิ หน่ึงก็เกิดโมโหโทโสข้ึนเลย ลืมความดีทุกส่ิงทุกอยางไปเลย ถาหากวา ไมมีผมู าก้ัน
กลางไว เดีย๋ วก็จะไดส งั หารกันลงไป ยอยยบั ลงไปดว ยกนั ทงั้ สองฝาย ไมม ใี ครดีกวา ใคร เหลวกันทั้งหมู
เลย ทเี ดียวละ ถา เปนหมูก็ดี นี่แหละโทษทค่ี วามหลงใหลยึดม่นั ถอื ม่ัน ในขนั ธหา วาเปนตัวเปน ตน พากัน
พจิ ารณาเอา
เหตุที่คนเราจะพน ทุกขใ นสงสารไมไดน่ี กเ็ พราะมัน ไมย อม ไมย อมพากเพียรพยายามปลง
วางขนั ธห านี้ มแี ตยดึ แตถ ือ เอาไวอยอู ยางนนั้ ถือไวเ ทาไรก็ยงิ่ สะสมกเิ ลสใหห นาขึน้ เทา น้ัน กไ็ ม
สามารถทีจ่ ะทําความดใี หส งู ข้นึ ไปไดเ ลย เพราะวากิเลสเหลา น้นั มัน มาขัดขวางอยูเร่อื ยไป จะทาํ ความดี
คือวาทําใจใหสงบระงบั จาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง เหลา น้นี ะ มันทําไปไมไ ด มันเปน อยางน้นั
ผทู จี่ ะบรรเทากเิ ลสเหลาน้ีลงไดนัน้ จะตอ งมาปลอ ยวาง ขันธหานี้ลงไปอยา ไปสําคญั วาเปนเราเปนของ
ของเรา น่แี หละมนั ถึง จะบรรเทากิเลสเหลานน้ั ลงได ไมเ ชนน้นั แลว ใครจะทาํ ความดีอยางไร สักเทา ไรก็
ไมม ีทางทจี่ ะบรรเทากิเลสใหเ บาบางลงไปไดเลย ใหก นั เขาใจ เราจะหวงไวทาํ ไม หวงขนั ธหานี้ หวงไว
ไดม นั กไ็ มเ ปน ไป ตามใจหวงั อยูไ ปคนื วันปเ ดอื นลวงไปๆ มนั กท็ รดุ โทรมไปโดย ลาํ ดบั ในทีส่ ดุ มันก็แตก
สลายออกไปจากกันไป ก็ดังที่เรารูๆ เหน็ ๆ กนั อยู มนั ก็มีเทาน้ีเอง ความเปน ไปแหง ชวี ิตนี้ แลวทาํ ไมเรา
ถงึ จะมาหวงกนั ไวอ ยา งน้ี ไมสมควรเลย
หากวาเราเชอ่ื พระปญญาตรสั รูของพระพุทธเจาจรงิ ๆ มนั ก็ควรทีจ่ ะนอมตวั ลงสคู ําสอนของ
พระองค ละอัตตานทุ ฏิ ฐลิ งไป ความเห็นวา มีตัวตนมีเรามเี ขาน่ี ควรละจรงิ ๆ เพียรละมันไปเรอื่ ยๆ ถา ไม
ปลอ ยวางความเห็นอยางวา นแ้ี ลว จติ สงบลงไมไดเลย จิตจะ สงบลงไปไดก็เพราะเราวางคาํ วาตวั ตนเรา
เขาลงไป เม่ือวางลงได อยางนี้ สุข มันก็ไมยนิ ดีไปตามสขุ ทุกขเ กดิ ขน้ึ มนั ก็ไมย นิ รายไปตาม มสี ตคิ ุมจิต
ใหเ ปนกลางอยูอยา งน้นั นีแ่ หละจติ จะรวมลงไปได มนั ตอ งปลอ ยวางความสขุ ความทกุ ข อนั เกิดข้นึ ใน
กายในจติ นี้ลงไป
การทีม่ นั เกิดเวทนาข้ึนในใจนนั้ แหละ คอื ลักษณะแหงความทกุ ข มันเกดิ ความกระวนกระวาย
ข้นึ ในใจ มนั กม็ ี บางทกี ็เกดิ จากอํานาจของกเิ ลส ไมใขเ กิดจากโรคภัยเบยี ดเบียนรา งกาย พอนงั่ ภาวนา
ลงไปอยางนี้ หากวา กิเลสมนั ยังหนาอยู มนั ก็จะแสดงอิทธิพล ของมันออกมา ปน จิตใหห ว่นั ไหวกระทบ
กระทั่งกบั รางกาย กายก็รสู กึ วา อดึ อดั ขัดของไปตา งๆ นานา เจ็บโนน ปวดนี้ คันตรงนนั้ อะไร มันกม็ อี ยู
http://www.geocities.com/worralapo ๑๑
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
นัน่ แหละ นมี่ นั เปน อยูนนั้ แหละ ถาเรานอ มใจลงสูค วามสงบแลว กเิ ลสมันไมย อม มนั ไมยอมใหกดหัวมนั
ลง มนั กด็ ิ้น ถา หากวา ตนมีสติเขมแขง็ ควบคมุ จติ ไวไ ด ไมห วน่ั ไหวไปตามอาการของกเิ ลส นัน่ จิตมนั ก็
สงบลงได เมือ่ มนั สงบลงไดแลว มนั กล็ ะสุขละทกุ ข จิตที่สงบลงไปเปน สมั มาสมาธนิ ่นั มันยอ มไมย ดึ ถอื
เอาความสขุ ความทกุ ข มนั มีสตกิ าํ หนดรวู า จิตนี้เปน กลางอยูอยางนน้ั ไมยินดี ในความสุข ไมยนิ รา ยใน
ความทกุ ข อยา งนจี้ งึ จะชอื่ วา สัมมาสมาธิ การตง้ั จิตไวช อบ ใหเ ขาใจกนั
ถา ยงั ไปหว่นั ไหวความสุข หรือความทกุ ขทเี่ กดิ ข้ึนใน ระหวา งภาวนาเพง พนิ จิ อยนู ัน้ เชน น้ี
แลว ไมม ีทางจติ มันจะรวมลงได มแี ตมันจะกระเด็นออกไปขา งนอกโนน ไหลไปตามอารมณต า งๆ ใน
อดีตทลี่ วงแลว มาบา ง อนาคตบา ง ไปเรือ่ ยเปอ ยไปแลว เปน อยา งนั้น เพราะฉะนนั้ ผภู าวนาใหพ ึงเขาใจ
ไมใชวา นง่ั ภาวนา ลงไปแลว อยา งน้ี มนั จะสบายไปเลยไมต อ งออกแรงอะไร จงึ จะ ชื่อวาตนภาวนาเปน
อยาไปเขา ใจอยางนัน้ กเ็ พราะวามันมีกเิ ลสเปน มารอยใู นหัวใจนแ่ี หละ พระพุทธเจาจงึ สอนใหภาวนา
เมือ่ มนั มีกเิ ลส เปนตัวมารอยูในใจแลว อยา งน้ี เวลาเราภาวนากําหนดใจจะละมัน อยา งนี้ มนั ก็ตอ งเลน
งานเราแนน อนละ มันไมอ ยากหนีจากเรา เปนอยา งนั้น เราก็ตองรไู ว เม่อื เรารอู ยา งน้ีแลว เหน็ วา กิเลส
มนั แสดงปาฏิหาริยอ ะไรออกมา มันก็ไมหว่ันไหว เราพยายามตั้งสติ ประคองจติ ใหแนว แนอ ยู ไมต อง
เสยี ใจดใี จกับอารมณต างๆ เหลาน้นั มแี ตโนมเขา สูความสงบอยา งเดยี ว มแี ตน อมจิตลงใหเปนกลางลง
ไป มุงตอความเปนกลางนัน้ เปน ท่ตี ั้งเลยทีเดยี ว สขุ ก็ไมยดึ ถอื เอา ทกุ ขไมยึดถือเอา เพราะวาสุขทกุ ขม ัน
เปน สังขาร มันมีเกิด มันมีดับ อยูน้ัน ไมแ นนอนเลย ลองสังเกตดู ความสุขเมื่อมันเกิดข้ึนไปๆ มันกด็ ับลง
ได เดย๋ี วก็ทกุ ขเกดิ ข้ึนมาแทน แลว ทกุ ขเกดิ ขน้ึ มา ก็ไมใ ช วา มันจะตง้ั ย่งั ยนื อยูตลอดไป ประเด๋ียวประ
ดาวมนั ก็ดับไป แลวก็ สขุ เกดิ ขนึ้ มาแทน สลับกันไปอยอู ยางนี้แหละ
เมื่อผมู ปี ญ ญามาเจริญวปิ สสนา มาเหน็ แจงวา อารมณ แหง ความสุขความทุกขน ี่ เปน ของไม
เทย่ี งไมยั่งยืนอะไรเลย เกิด แลวดบั ไปอยูอยา งนนั้ เม่อื เห็นแจงอยา งนแี้ ลว กไ็ มยนิ ดียนิ ราย ไปกับสุขกบั
ทกุ ข ดังกลา วมาแลว นัน้ แหละ เราฝก จติ สอนจติ น้ใี หเปน ใหรูเทาสขุ รูเ ทา ทุกขอยอู ยา งน้แี หละ การ
ภาวนาอยาไปเขาใจไป อยา งอน่ื เมอ่ื จิตใจมันรเู ทาอารมณต างๆ ดังกลา วมานีไ้ ดแ ลว มนั รวมเปนหนึ่ง
ลงไปไดแลว นั้นแหละมันถงึ จะพบกบั ความสขุ ทแ่ี ทจริง ถา หากวายังปลอยวางอารมณต างๆ เหลา นนั้ ยัง
ไมได มนั กย็ ังไมได พบความสขุ อนั แนนอน ขอใหเ ขาใจอยางนัน้
เราอยา ไปมุง อยา ไปมุง อยากใหมคี วามสขุ อยา งโนน อยา งนี้ การภาวนาอยาไปมุงอยางนัน้
ใหม งุ แตวาเราจะกาํ หนดปลอยกาํ หนด วางขันธหาน้ลี งไป จะไมใ หจติ นีส้ าํ คญั วา ขันธหา นี้เปน ตวั เปนตัน
เปนเรา เปน เขาอะไร นี่ใชปญญาสอนจติ เขา ไป ถาเมอื่ จิตตงั้ ม่นั ลงไปไดแลว สดุ แลว แตเราจะมอี ุบาย
อยา งไรมาสอนจิตน้ีใหม ันปลงมันวางขนั ธห า เราก็หาอุบายตางๆ มาสอนจติ น้ีเขา ไปเรื่อยๆ เปน อยา งนัน้
ใครคนอ่นื น้นั จะสอนเราใหเ ราละกิเลสตณั หาไปไดโดยเราท่ไี มต อ งทําความเพียร เพงพินจิ อะไรเลยอยาง
น้ี เปน ไปไมได ถึงพระพุทธเจา พระองคก็ ไมสามารถท่ีจะไปสงั่ สอนคนใหห ลุดพนจากกิเลสโดยลําพงั
อานภุ าพ แหงคําสอนเทา น้ัน ถา ผนู นั้ ไมมีอุบายแยบคายในใจแลว กไ็ มมีทางท่ีมนั จะหลุดพน ไปได กใ็ ห
เขาใจกันอยางน้ี
เพราะฉะนั้นในขณะทฟ่ี ง ธรรมอยู เราก็มอี บุ ายแยบคาย อยใู นใจสอนใจของตนไปในตัว ให
ปลงใหว าง น่ีมันตองชวยตัวเอง เขาไปไมใ ชว าจะไปฟงแตเสยี งท่ีทานพูดไปเทา นน้ั แลว ไมก ระทําอบุ าย
http://www.geocities.com/worralapo ๑๒
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
แยบคายในใจอยา งนี้ มนั กไ็ มบ รรลุผลตามเปา หมาย มันสงบอยูได แตเวลาท่ที านอธบิ ายธรรมะใหฟ ง เทา
นนั้ พอหยดุ แสดงธรรมแลว มนั ก็ พุง ไปเหมอื นเดิมอยางนแ้ี หละ ตนผูที่ไมม อี บุ ายแยบคายในใจ ไมฉลาด
สาํ รวมจติ ไมฉลาดประคับประคองจติ ของตนใหเปน ปกตอิ ยู มนั จะ ตั้งมั่นเสมอไปไมไดเลย ดงั นั้นแหละ
ใหพ ากันเขาใจ เราตอ งมีอบุ าย แยบคายในใจ สอนใจของตนน้ใี หม ันได ผูอนื่ สอนนนั้ ถา ตนไมส มคั รใจ จะ
ละจะถอนแลว มนั ก็ถอนไมไดห รอก ถาหากวาตนเองสอนตนเอง เขา ไปแลว อยางน้ี มนั มีทางท่จี ะละจะ
ถอนได เปน อยางนน้ั
เพราะฉะนน้ั จงึ วาทุกคนขอใหมอี บุ ายสอนจิตใจของตนใหไ ด ถา ใจของตนมันมากไปดว ย
กิเลสชนดิ ไหน ก็พยายามสอนใจใหมนั เห็นโทษของกเิ ลสชนิดน้นั ใหม ากๆ จนมนั เกดิ นพิ พทิ าความเบ่ือ
หนา ย ขึน้ มา เชนอยางผมู ากไปดวยความรักอยางนี้ ก็ตอ งสอนใจของตน ใหเ หน็ โทษแหงความรกั วา มัน
เปน บอเกิดแหงทุกข อยางนั้น อยางนนั้ อยางนน้ั เราก็ตอ งใชป ญญาสอนจิตใหม ันรฤู ทธเ์ิ ดชแหง ความรกั
วา มันเปนทุกขแกบ คุ คลผูตกเปนทาสแหง ความรักไดอยางไรบาง นี่ถาเรา เพงพิจารณาไป กจ็ ะรูจ ะเหน็
ไดแ นน อนเลย อยา งเชนท่ีพระศาสดา ทรงแสดงไวในธมั มจกั รกปั ปวัตนสูตร บคุ คลผมู ัวเมาอยใู นกามสุข
สมบัติเหลานน้ั นั้น มันเปนไปเพือ่ ใหไดส รา งบา นสรา งเรือน ใหได ขวนขวาย ในการงานตางๆ หลาย
อยา งหลายประการ เพราะการ สรา งบา นสรางเรือนมนั เปนกงั วล มันไมม โี อกาสทจี่ ะไดหาทางพน จาก
ทุกขได มีแตม วั เมาอยูในกามคุณ อันเปนของไมเ ที่ยงแทแนนอนน้นั เสยี เปนสวนมาก
พระศาสดากท็ รงชแี้ จงแนะนาํ สั่งสอนใหผฟู ง ท้งั หลายน้นั ไดคดิ ไดพิจารณาอยางน้ีแหละ แต
ถา ผใู ดฟง แลวไมเอาไปคดิ ไป พิจารณา ผูนน้ั กจ็ ะไมเหน็ โทษแหงกามคณุ ตามทพ่ี ระศาสดาทรง แสดงไว
แมบ ุคคลผทู ่ีมากไปดวยความโกรธก็เหมือนกันแหละ ถา หากวา ตนของตนเองไมพ ิจารณาใหเ ห็นโทษ
แหง ความโกรธนัน้ มนั กล็ ะความโกรธไมไ ด แมวา ทา นจะแนะนําสงั่ สอนช้โี ทษแหง ความโกรธใหฟ งสกั
เทา ใด เทา ใดกต็ าม แตถ าตนเองไมน อ มเขา ไปคิด ไปตรองพจิ ารณาดูวา ความโกรธมนั ใหโทษอยางที่
ทานแสดงมานั้น หรอื ไม ถา ตนไมน อมเขา ไปคดิ ไปตรองอีกทหี นึ่งน้นั มนั ก็จะไม เหน็ โทษแหง ความโกรธ
น้นั แหละ มนั จะยดึ จะถืออยอู ยางน้ัน อนั ตน ตอแหง ความโกรธทแี่ ทจรงิ ก็อยา งท่วี ามาแลว นัน่ แหละ คือ
มันสําคญั วา ขันธหา เปนตวั เปน ตนเปน เราเปน เขานี่ มนั เลยเกดิ หย่ิงข้ึนมาเลยวา ไอเรามันกค็ นหน่งึ
แหละ ใครจะมาดูถูกดูหมิน่ ไมไ ดเลย นม่ี นั เกดิ หย่งิ ข้นึ มาอยางนี้ในใจนะ มันยึดเอาอารมณ อยา งนไ้ี วใน
ใจ พอวามใี ครมาดูถูกดูหม่ินดา วาติเตยี นขนึ้ มาอยา งใด อยางหนง่ึ นี่ แนนอนละมนั ก็ลุกเปนไฟข้ึนเลย
ความโกรธน้ันมันก็ ลกุ ขนึ้ อยา งแรง เปน อยา งนัน้
ดงั นั้น ถา ใครมาภาวนาพจิ ารณาใหเหน็ ขันธหา น่ี วา ไมใ ช ตวั ตนเราเขาตามทพ่ี ระพุทธเจา
ทรงสงั่ สอนน้ัน มันตองบรรเทา ความโกรธไดแนนอนทเี ดยี ว กเ็ พราะวา เมอ่ื เรามองเหน็ วา รูปกาย อนั นี้
ไมใชข องเราแลว อยา งน้ี จะไปหวงมนั ไวท ําไม หวงไวม ันก็ เปน ทกุ ขเ ปลา ๆ นี่ หวงไวแ ลว มนั ก็ไมย ง่ั ยืน
ตลอดไปน่ี แมนามธรรม ความรูสึกนกึ คิดทางจิตใจ สัญญาอารมณค วามจําความหมาย เร่ืองดีเรอ่ื งชว่ั
ตา งๆ หมนู นี้ ะ สังขารความคิดความปรงุ แตง ในใจ หมนู ี้ ลองเพงดซู ิวามันเปน ของเที่ยงไหม มันมีตวั มตี น
ไหม อันเรื่อง หมูน ีน้ ะ เมื่อเพง ดดู วยปญญาแลว ตองเหน็ แจม แจง ในใจวา มนั ไมม ตี ัวตนจริงจังอะไรเลย
มันเกดิ ข้ึนแลว มันก็ดบั ไปเทา น้ันเอง นามธรรมกด็ ี ถา หากวา ผูภ าวนาทง้ั หลายมาเจรญิ ปญญาวปิ สสนา
เสมอๆ ไป บาํ รุงความคดิ ความเห็นใหม ันแจมแจง ในเรอื่ งขันธห า ตามเปนจรงิ อยางวานีแ้ ลว แนน อนละ
http://www.geocities.com/worralapo ๑๓
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรียญ วรลาโภ)
ตอ งบรรเทาความโกรธลง ไดเ ลย แลว มานะทิฏฐิความถือตนตา งๆ กเ็ บาลงไปตามกนั มานะ นีแ่ หละมัน
เปน กิเลสท่สี งเสริมใหความโลภ ความโกรธมนั เกิดขนึ้ ถา กาํ หนดละมานะความเหน็ วามีตัวมตี นลงไดเ สีย
ไอกเิ ลสเหลา น้นั มนั ก็เบาบางไปตามกนั เปนอยา งน้ันใหเ ขา ใจ
เพราะฉะนน้ั ส่งิ ตา งๆ ดงั กลา วมาน้นี ะ มนั เปนสงิ่ ไมเ หลือ วิสัยเลย ซึ่งทุกคนถาหากวา เพยี ร
พยายามเพง พินิจเขามาภายใน จิตใจ ทาํ ใจใหส งบลงไปไดแลว เพง พจิ ารณาดูแลว ยอ มเหน็ ได แนนอน
เลยทเี ดียว เห็นรปู เห็นนามนี่เองแหละ ไมใ ชเ หน็ อยา งอน่ื กเิ ลสทัง้ หลายมันก็เกดิ ขน้ึ จากจิตใจทม่ี าหลง
รูปหลงนามดังกลาวมา น้นั เอง
เม่อื กลาวโดยสรปุ แลว ถาผใู ดมารแู จงในนามในรปู น้ีแลว ปลอยวางไวต ามสภาพอยา งนีแ้ ลว
กิเลสเหลา นน้ั มนั จะไมงอกงาม เจรญิ ขึ้นในจติ ใจไดเ ลย อยางเชนความรักอยา งนี้ ไมทราบวา จะรกั ไป
ทําไม รปู นมี้ ันก็ไมเทยี่ ง ทั้งไมสะอาดดวยอยางนี้ ทงั้ เปนทุกข แปรปรวนไปอยูอ ยางน้นั ทัง้ รูปน้ีและรปู
อ่ืน ไมทราบวา จะรกั มนั ไปทาํ ไม เมื่อมันเหน็ ชดั ลงไปอยา งน้ีแลว มนั กบ็ รรเทาความรักลงได แมความ
โลภก็เหมือนกันแหละ ไมท ราบวาจะไปแยงชิงเอาสมบัตผิ อู ่ืน มาเปน ของตนทาํ ไมละ ในเม่อื รา งกายอันนี้
นามรูปนี้มนั ไมใ ชต ัวตน แลวมนั ไมย ั่งยืนอะไรแลว จะไปแยงชงิ เอามาทาํ ไม ใหเ ปน กรรม เปน เวรเปน
บาปเปลาๆ มนั รูมันเห็นข้นึ มาอยางนแี้ ลว ความโลภมันก็ เบาบางลงไป ความโกรธกเ็ หมอื นกัน ขอใหพา
กันพจิ ารณาดูใหด ี ความหลงก็เหมือนกนั ความหลงกห็ มายถงึ ความไมรูแ จง ในความดี ความชวั่ น้ันเอง
แหละ เห็นดีเปน ชวั่ ไป เห็นชวั่ เปน ดไี ป เหน็ สขุ กลายเปน ทุกขไป เห็นทุกขกลายเปนสุขไปอยา งนน้ี ะ นี่
แหละเรยี กวา หลง ไมร ูจ รงิ ตามเปน จรงิ เหน็ ของไมเ ท่ยี งวา เปน ของเทีย่ งไป
อยา งนี้ ถาหากวา เจริญปญญาวิปส สนาใหเ กดิ ข้ึนแลว อยา งนี้ มันจะเหน็ แจงตามเปน จรงิ
เลย ส่ิงใดไมเที่ยง มนั ก็เหน็ วา ไมเทยี่ งตามเปน จริง ไมไดเหน็ วา มนั เท่ยี งเลย สงิ่ ใดมนั เปน ทุกข มันทนได
ยากลําบาก มันก็เหน็ วา เปน ทกุ ขท นไดย ากลาํ บากตาม สภาพความเปนจริง สิง่ ใดมนั เปนอนัตตาไมใชต ัว
ตนบงั คับไมไ ด ไมเ ปนไปตามใจหวงั มันกเ็ ห็นชัดตามเปนจริงอยา งนนั้ เห็นชดั วา ทกุ สิ่งทกุ อยางท่ีมี
ความเกดิ ขน้ึ เปน ธรรมดา สิง่ เหลา นนั้ ยอมไมอยู ในอํานาจบังคบั บัญชาของผูใด มันยอมแปรปรวนไดต าม
กาลเวลา ของมนั ถึงเวลามันแตกมันดับมันกแ็ ตกดบั ไป ใครจะมีอาํ นาจ บาตรใหญสักเทา ใดมาตา นทาน
ไมใหม นั แตกมนั ดบั ไมไ ดเ ลย นีเ่ รียกวา กฎอนัตตา มนั มปี ระจาํ อยกู ับโลกสนั นวิ าสอนั นแี้ ตไหนแตไ รมา
แตบ ุคคลผหู ลงผเู มาแลว มันหากไมรูแจง อยา งวา น้ี มันจงึ ได สําคัญวาเปน ตวั เปน ตนเปน เราเปน เขาไป
จึงไดสรางกิเลสพนั หา ตัณหารอยแปด ใหบ งั เกิดขึ้นในจติ ใจ จึงไดประสบกบั ความทุกข เปน ผล วนเวยี น
ไปในวฏั ฏสงสารนี้ไมม ที ีส่ ้นิ สดุ
เพราะฉะนัน้ ทกุ คนเมอ่ื ทราบอยา งน้แี ลว กข็ อใหพากนั ตั้งสตสิ ัมปชัญญะควบคุมจติ ของตน
ไวใหไ ด เพียรเพงเขามา ภายในน่ี อยา สงใจออกไปขางนอก แม ยืน เดิน นงั่ นอน กนิ ดื่ม พูดจาทาํ การ
งานอะไรกต็ าม เราตอ งพยายามนอมสตเิ ขาเพง จิต ประคองจติ ใหมนั ตงั้ อยูภายใน อยา ใหม ันดิน้ ไปตาม
อารมณภายนอก ใครพดู เรื่องอะไรดชี ั่วอยางไรๆ ก็ตาม อยา ใหใจมันฟุงไปตาม คําพดู หรืออารมณทเ่ี ขา
แสดงออกมานั้น ใหจ ิตของตนมนั ตง้ั เปน ปกติ มองเหน็ อารมณตางๆ เหลาน้ัน เสียงตา งๆ เหลา น้นั เกิด
ขึ้น แลวดับไปเทานน้ั แหละ ไมม ดี มี ีชั่วอะไร ดีชัว่ เปนแตเ พียงแคสมมุติ บดั น้ีเรายกจิตใหเลยสมมุติไป ให
มนั เปน ปรมัตถธรรม ปรมัตถธรรมน่ี ไมมอี ะไรเปนแกนเปนสาร เกดิ ขึ้นแลวแปรปรวน แตกดับไป วา ง
http://www.geocities.com/worralapo ๑๔
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
จากสตั วจ ากบคุ คล นี่ ปรมตั ถธรรม ธรรมอนั ยิง่ เรายกจติ ขึ้นสูป รมตั ถธรรมอยา งนี้เร่ือยไป อยาไปตดิ อยู
เพยี งแค สมมตุ ิเทา นัน้
คนสว นมากนัน้ ไปติดอยแู คสมมุตเิ ทา น้ันแหละ มันเลย สมมตุ ิไมได ท่เี ปน ทั้งนก้ี เ็ พราะอะไร
เลา ก็เพราะขาดความเพียร ความพยายามทําสมาธิภาวนา ทํากท็ ําพอแตเพียงขอไปทีเทา นัน้ ไมเอาจรงิ
เอาจงั ธรรมดาผทู ีเ่ อาจริงเอาจังน่ี เม่ือน่ังภาวนา ลงไปอยางน้ี จิตมนั ทาํ ทาวาจะไมสงบอยางน้ี อธษิ ฐาน
ใจลงไปเลย เอา ถา หากวา ทําจติ นี้ใหส งบลงไมได เราจะไมล ุกจากที่น่ังนีเ่ ลย ตายกบั นีแ่ หละอยางน้ี
อธษิ ฐานใจมัน่ ลงไปอยา งน้นั แลว ก็ทํา ความเพยี รเพง พินิจลงไปเลย เอามนั จะไมสงบก็ลองดูซิ เราจกั ไม
ลกุ จากทีน่ ง่ั นีเ้ ลย มันจะเจ็บจะปวดมนั จะเปนอยา งไร ก็ให มนั เปนไป ถามันยงั ไมเบื่อไมหนายตอความ
เทยี่ งแทแ นน อนของ สงั ขารรางกายนแ้ี ลว กใ็ หม ัน ลองดซู ิ นี่คนสว นมากใจไมถงึ กลัวตาย ถา อดกลั้นทน
ทานอยางวา นกี่ ลัวมนั จะตาย น่นั แหละ กลวั แตต ายอยู มนั กเ็ ลยไม จิตไมมีอํานาจเหนือกิเลสไดเ ลย การ
ทีจ่ ิตจะมอี าํ นาจเหนือกิเลสไดนะ มนั ตอ งไมกลวั ตาย ตอ ง เอาตายไวเบือ้ งหลังเลย แตค วามจริงมนั ไม
ตายหรอก แตต นเอง ไปกลัวลวงหนา ไวเ ฉยๆ นี่ มันทกุ ขเวทนาเขา ไปจริงๆ มันกลวั ตาย แลว มนั ก็จติ
รวมลงเทา นน้ั เองแหละ จติ มนั กร็ วมลง เราถือ ความสัตยมน่ั ไวใ นใจเลยอยางนี้ เมอื่ มนั เหน็ วา ถา ขนื ไม
รวมลงน่ี มันจะตายจริงๆ อยา งนี้ มันกร็ วมลงซิ น่นั แหละ เราตอ งเอาลง ไปมันถงึ ขัน้ นั้น
การนง่ั สมาธิภาวนานน่ั นะ ดฟู ง จากประวตั ิของ พระพุทธเจาเปนไงเลา พระองคก ท็ รงตง้ั พระ
หฤทัยอธิษฐาน มหาปธานความเพยี ร 4 อยา งน่นั ถาหากวาไมบรรลุ สมั มาสมั โพธญิ าณนต้ี ราบใดแลว
เราจะไมลกุ จากท่นี ั่งนเี้ ลย ตอจากน้นั กจ็ ึงไดท ําความเพยี รเพง พินจิ ลงไป ในทีส่ ดุ พระองคก็ ตรสั รใู นญาณ
ที่ 1 ญาณที่ 2 ญาณท่ี 3 เปนญาณสดุ ทา ย เรียกวา อาสวกั ขยญาณ ปรีชาหยง่ั รูว า อาสวะกิเลสนอ ยใหญ
ท้งั หลาย หมดส้นิ ไปแลว เมื่อนัน้ แหละพระองคจ ึงไดคลายออกจากสมาธิ แตพวกเราเหลา พทุ ธบริษทั ก็ไม
ถึงกับที่วา เราจะตอ งอธิษฐานใจ ถา หากวา ละอาสวะกเิ ลสไมห มดสิน้ จะไมล ุกจากทน่ี ่งั นเ้ี ลย กไ็ มถงึ ขนาด
นน้ั หรอก ความจรงิ นะ เราเอาเพยี งแควา ใหใ จมันรวมลง เปน หนง่ึ เทาน้นั แหละ ใหมนั ละนวิ รณ 5 ลงไป
ใหไ ด น่ีกย็ ังนับวาดี อยแู ลว
นแ่ี หละทเ่ี รียกวา อบุ ายทีแ่ นะนําพรํา่ สอนนีน่ ะ ถา หากวาใครเบอื่ ทกุ ขในวัฏฏสงสารจรงิ จงั
แลว กเ็ อา ตั้งอกตงั้ ใจลง ทาํ ความเพยี รลงไปอยาไปกลวั ตาย ไมตายหรอก มีแตม ันจะจติ ใจ หนักแนน สงบ
เยือกเย็นตอ ไป ใจตง้ั มนั่ หนักแนนแลว มันกไ็ มหวน่ั ไหว ตอ อํานาจของความชั่วรา ยตา งๆ ทมี่ ันกระทบ
กระทง่ั มา จิตใจกจ็ ะ มิไดหวั่นไหว ปญญากจ็ ะเกิดขึ้นรเู ทาทนั รูเทา ทนั สังขารทง้ั ภายนอก ทงั้ ภายในทง้ั
หยาบทงั้ ละเอยี ดตามความเปนจรงิ เมอ่ื รูเทาแลวก็ ปลอ ยวางเทานั้นเองแหละ ไมใ ชอยา งอื่น ท่ีวาไมรู
เทานัน้ มนั ไมย อม ปลอ ยวาง เปน อยา งนั้น ถา รเู ทาแลวก็ตองปลอยวาง ถา ปลอ ยวาง ไดจ รงิ จิตมันก็รวม
ลง
ก็ใหสังเกตเอาตรงน้แี หละการภาวนานะ ถามันจิตรวมลง ไมไ ดเ ลยอยา งนี้แสดงวา มันปลอ ย
วางไมได เรากต็ อ งเพียรพยายาม เพงพนิ ิจไปจนใหเ ต็มความสามารถของตนของตน ดงั แสดงมา สมควร
แกเวลาขอยุติลงเพียงเทา นี้
คุณ ปราโมทย สันตยากร และคุณอรนุช สันตยากร ผพู มิ พ
จากเวป บันทกึ ลับภิกษุนริ นาม
http://www.geocities.com/worralapo ๑๕
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรียญ วรลาโภ)
ชีวิตจะพนภัย อาศัยธรรมของหลวงปู
โดย หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ
วดั อรญั บรรพต อ.ศรเี ชยี งใหม จ.หนองคาย
ก็พงึ่ พากนั ตง้ั ใจเกิดมาในโลกนีม้ ันหาความสะดวกสบายไดยากเต็มที ถา จะพจิ ารณาใหเกิด
นิพพิทา ความเบื่อหนาย อยา ไปเห็นแกอามสิ สขุ เล็ก ๆ นอ ย ๆ เหลา นนั้ มาเปนเครอื่ งติเคร่ืองผูกพันอยู
ในโลกอันนี้ พระพุทธเจา ทรงสส่ั อนพทุ ธบรษิ ัททัง้ หลายกเ็ พอ่ื ทจ่ี ะใหพทุ ธบรษิ ัททง้ั หลายตืน่ ตวั เหน็ วา ภยั
มันมีอยรู อบดาน เชน อทุ กภัย ภยั คือนา้ํ ทว มก็ปรากฏอยแู ลว มันก็นําความเสยี หายมาใหแ กประชาชน
เอา ! ทาํ นาไวนาไวน ํา้ ทวมขาวกต็ าย เลี้ยงปลาไวใ นบอ นํ้าทวมนานาํ้ ทว มมาปลาก็หนี ปลูกพชื ตา งไวท่ี
ลมุ นาํ้ ทว มก็ตาย ในบา นเรอื นท่ีปลูกอยูในทตี่ ่าํ นาํ้ ทวมกอ็ ยไู มไ ด เดือดรอนกนั ตองอพยพหนนี าํ้ น่ีเรียก
วา "อุทกภยั " บางรายกป็ ลูกบา นอยูริมแมน ้ํา นํา้ ลนฝง มาอยางรนุ แรง พดั เอาบา นที่ไมแข็งแรงใหพ งั ไป
เลย ขา วของมวลใดก็ไมมเี หลอื ..หมูนี้นะ..ควรเอามาเปนอารมณพิจารณาใหเห็นวา ภัยดงั กลา วมาน้ี มัน
มีประจําโลก พระพุทธเจาจงึ ไดทรงยกเอามาเปรยี บเทียบทางธรรมวา คนเรานหี่ ลับใหลไมร ตู น่ื ไมตืน่
กลัวตอภยั ทง้ั หลาย เหมือนคนนอนหลบั นอนใหลกลางคนื แลว นํ้าหลากมาพดั พาเอาบานเอาชองเสีย
หายไป ตวั เองกจ็ มนาํ้ ตาย อนั น้ีฉันใดก็อยา งนัน้ แหละ.. ผใู ดปลอ ยใหความโลภ โกรธ หลง กิเลสตา ง ๆ
ทวมทน จติ ใจแลว ใจกม็ ืดมนอนธการ ทําคณุ งามความดอี ะไรก็ไมไ ด กิเลสมันบงั คบั ไมใ หท ําความดี ไมให
ฝก ตน กเิ ลสมนั บงั คบั จติ ใหย ดึ ใหค ลอ งอยูในขนั ธทงั้ ๕ อันนี้ หรอื อยูในโลกสงสารอนั น้ี กเ็ ปนไปตาม
อาํ นาจของกเิ ลสน้นั เชนนี้ ผกู ไ็ มพ น จากทุกขไ ดเลย ตายแลวจิตวญิ ญาณกเ็ รรอนอยูในโลกอันน้ี ไมไดทาํ
บุญกุศลกไ็ มม ีสิ่งอาํ นวยความสุขความสบาย ใหล ะโลกนไี้ ปแลวกต็ กทกุ ขไดย ากลาํ บาก จะไปเกดิ กบั คน
ก็ไปเกดิ ไมไดเ พราะบญุ นอ ย
ดงั นั้นพระบรมศาสดาจงึ ไดท รงตกั เตอื นใหพทุ ธบริษทั มสี ตสัมปชชัญญะต่นื ตัววา ภยั ท้ัง
หลายมันมอี ยทู ั้งภายนอกภายในนอกจากอทุ กภัยแลว กอ็ คั คีภยั เด๋ยี วไป ๆ มาหนอ ยไดขา ววา ไฟไหม. .
มันไมใช ไหมกระตอ บกระแตบ ธรรมดานะไหมต ึกไหมลามสิบชนั้ ยส่ี บิ ชั้นโนน พังพินาศลงมาอยา งนี.้ .คน
กท็ าํ งานอยูก ต็ าย ตกึ มันพังลงทับเอา โจรภยั เอา..วนั ดีคนื ดโี จรไดจ อ งมองเหน็ บา นไหนพอไดปลนมันก็
ปลน เอาขดั ขนื กฆ็ า เจาของซะ ตายแลว คน เอาทรพั ยสมบตั ขิ องผูน้นั ไป สงครามภัย เอา ..วนั ดคี ืนดกี ็นอน
ก็เกดิ สงครามขึน้ มารบราฆาฟนกัน ผูทไ่ี มม สี ว นเกย่ี วของดวยก็พลอยมาตาย ตายดวยลูกระเบิดบา ง ตาย
ดว ยการอพยพหนลี ูกกระสุน ตายนอนกลางดินกนิ กลางหญา โรคภัยเบยี ดเบยี นเอา ตายอยูกลางดนิ
กลางหญา ..หมูน น้ี ะ ..นแี่ หละเรยี กวา โจรภัย สงครามภัย มันมแี ตภ ยั โลกสนั นวิ าทอนั นี้ มนั มภี ยั ภายในได
แก ความแก ความเจ็บ ความตาย อนั นก้ี เ็ ปนภัยประจําอยกู บั ชีวติ หลีกเลยี่ งไมพน จริง ๆ แตภยั ภายนอก
นน้ั บางคนอาจจะไมไดพ บตลอดชวี ติ กไ็ ด ไดพ บก็ไมไ ดพ บมากก็มี สว นภัยภายในน่ี ไมม ีใครพนไดสัก
คนเดียวเลย จะเปน คนช้ันสงู ชนั้ กลาง ชั้นตา่ํ อะไรก็เวนไมไดเลย จาํ เปน อยูนานปน านเดอื นไป รายกาย
http://www.geocities.com/worralapo ๑๖
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
นม้ี นั ก็ทรุดโทรมลงเรอ่ื ย ๆ ไป เมือ่ รา งกายทรดุ โทรมลง หมายความวา ธาตุท้งั ๔ มนั ออ นกาํ ลงั ลง แลว
มันกเ็ ปนบอ เกิดแหงโรคภัยไขเ จบ็ นีแ้ หละ เชน เมอื่ ความชราครอบงําเขา มาแลว รบั ประทานอาหารเขา
ไปไฟธาตกุ ย็ อยไมค อ ยดีเทาไหรน ัก มันไฟธาตมุ ันออ นกเ็ กดิ ทองอืดทองเฟอ ขึ้นบา ง บางคนก็ทอ งผกู ไม
ขบั ถายสะดวก บดั นีก้ ็ปลอยใหมนั ทองผกู อยูนน้ั อาหารเกากท็ ําพษิ ใหเกดิ โรคภยั ไขเจบ็ ตา ง ๆ ข้ึนมา..
หมนู ี้นะ..กล็ องพจิ ารณาดวู า ความชราภาพนนี่ ะ มนั เปน อยางนน้ั แหละ..เวลายังหนุม ยังแนนนะ มันกแ็ ข็ง
แรงดี เพราะธาตุนาํ้ ธาตุไฟ ธาตลุ มอะไรมันก็สมบรู ณอยเู ต็มท่ี เนอ่ื งจากบญุ กศุ ลทีท่ าํ มาแตกอนน้นั มัน
ยงั ไมห มด มันยงั อุปถมั ภบํารงุ ธาตุท้ัง ๔ อนั นีใ้ หม ีกําลังเรยี วแรงดอี ยู คร้ันพอบญุ เกา น้นั มนั หรอย หรอลง
ไป ธาตทุ ้ัง ๔ ก็ออนแอลงเหมือนกันแหละ อะไรก็ออนแอลงหมด แตถ า ผูใ ดรูจ ักบํารงุ ธาตอุ นั น้ไี วก ็ยังชว่ั
หนอ ย พอไดอยยู ืดไปไดส กั หนอ ยเทานน้ั แหละ แตถ งึ จะบํารงุ ใหด ีอยางไรมนั กไ็ มฟงหรอก แตว ามันให
โอกาสไดบ าํ เพญ็ กศุ ลคุณงามความดไี ปไดอ ยูนานพอสมควร ผูใ ดรจู กั รักษารางกายสงั ขารอนั นี้ไหเ ปน
ปกตอิ ยูได ดงั นั้นแหละทกุ คนอยา ไปทอ งผกู ตองพยายามหายาระบายมาไวรับประทาน ตอนรับประทาน
ยาระบายนต้ี องรับประทานหัวรุงต้งั แตต ี ๔ ไป ไฟธาตมุ นั ยอยอาหารหมดไปแลว ยานมี้ ันเพยี งแตไปขับ
อาหารเกาออกไปเทา นั้นเอง เมือ่ ลาํ ไสกระเพาะมนั สะอาดแลว มันกไ็ มเปนทเี่ กิดแหง เช่อื โรคตา ง ๆ อยา ง
นี้นะ..โรคภยั ทัง้ หลาย สังเกตดแู ลว มันเกดิ กับอาหารนี่แหละเปนสว นมากเลย บางคนก็ดื่มเหลา มาก ๆ
เขา ไป หรอื วาสูบบุหร่ีมาก ๆ เขา หรอื สบู กญั ชา ยาฝน เฮโรอนี อะไรหมูนี.้ .มนั ลว นแตเ ปน บอ เกิดแหง
โรคภัยทั้งนั้นเลย ไมใ ชเ ปน ของดี
ดังน้นั เมอ่ื ผใู ดรวู ารา งกายอันนี้มีคุณคามหาศาลตอตัวเองมากมาย เพราะการไดเกดิ มาเปน
มนุษยแตละชาตนิ ยี้ ากนกั ยากหนา หรอื เกดิ มาแลวจะมอี วัยวะรา งกายสมบรู ณอยา งนี้มนั ก็หายากเหมือน
กัน เมอ่ื ผใู ดไดร างกายนี้สมบรู ณอยางวาน้ีละก็ กอ็ ยาไปทําใหร างกายอนั นว้ี บิ ตั ิลงดว ยการบรโิ ภคส่งิ ท่กี อ
ใหเกดิ โรคภัยอนั รา ยแรงตาง ๆ ดงั กลา วมานัน้ ในอาหารบางอยา งกเ็ หมือนกนั นะตอ งเลอื ก อาหารอะไร
มนั แสลงกบั โรคในกายตวั เองนะก็อยาไปรับประทาน แมจะอยากอยา งไรกไ็ มเอา เพราะมันใหแตโทษไม
ไดใ หคุณตอ รา งกาย เชน น้ี ผใู ดตืน่ ตวั ไดอ ยา งน้ี ปฏิบตั ิรางกายใหถูกตองตามสขุ อนามัยอยา งวาน้แี ลวก็
จะมอี ายุยืนไปพอสมควร ถา ผใู ดประมาทอยางวา นนั้ แหละ บริโภคอาหารก็ไมร ะมัดระวงั และกห็ าของ
เสพยต ิดชอบบริโภคของเสพยต ดิ ดังกลา วมานัน้ จนตดิ งอมแงมแลวก็ชวี ติ ของผูน้ันไมมีความหมายอะไร
เลย แมจะหาเงินหาทองสรางเน้ือสรางตัวอะไรกไ็ มไ ดเลย เพราะวา คนเสพของเสพยติดดังกลาวมานนั้
แลว มนั กําลงั กายก็ลดนอยถอยลง กําลงั ใจก็ไมเข็มแข็ง เพราะวา รางกายมนั ชํารุดลงไป นี่แหละจติ ใจก็
ชาํ รดุ ลงไปดวยกนั ธรรมดาปุถุชนมันเปนอยางนั้น กข็ องเสพยตดิ เหลา นนั้ พระพุทธเจา ตรัสวา มนั เปน
โทษในทางจิตใจ ใจขนุ มัว ใจเศราหมอง เปน อยา งนน้ี ะ พระองคเ จา รแู จง แทงตลอดแลวจึงไดท รงบัญญตั ิ
หา มไว เราผูเ ปนบรษิ ทั ของพระองคน ะ ก็ควรทีจ่ ะทําตามนะ ควรถา มีใจเด็ดเดี่ยวไมร ูอํานาจแกต ณั หา ดงั
กลา วมานั้น แลวก็จะพน ทุกขตามพระศาสดาไปได ในที่สุดกจ็ ะเปนการปฏบิ ตั ใิ กลตอพระนิพพาน ผใู ด
เวนจากความชั่วตา ง ๆ ดงั วานั้น เวนจากโทษอ่นื ๆ มาแลว ก็มาเวนจากของเสพยติดใหโ ทษ ดังกลาว
มาน้ี ชวี ติ ก็บริสุทธิ์สดใส รางกายกป็ ราศจากโรคภยั อนั รา ยแรง ก็มีกาํ ลงั วงั ชาไดป ระกอบความเพยี ร
สาํ หรับผทู ี่ทาํ ความเพยี รทางจิตใจ ก็สามารถทาํ ความเพียรได น่ังภาวนาไดน าน ทําการงานการกุศล
อะไรก็ทาํ ไดแ ข็งแรง เชนอยางวา ผูท ี่ทําหนาท่เี ปน แมครัวทํางานอยูใ นวดั วาอารามอยางนนี้ ะ ถา รา งกาย
http://www.geocities.com/worralapo ๑๗
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรยี ญ วรลาโภ)
แข็งแรงดมี ันกม็ ีกําลงั ทาํ ได มนั ก็เปนบุญกศุ ลอนั มากมาย ถาผูใ ดไมร จู กั รักษาสุขภาพอนามยั ของตวั เอง
แลว แมอ ายุยงั อยใู นวยั หนมุ วยั กลางคน เชน น้ีกอ็ อนแอทอแท ไมสามารถจะทําการทํางานอันเปนบุญ
เปน กศุ ลไดกม็ ี อันหมูน้ีแหละ..มันตองใหเ ขาใจ ใหฉ ลาด พระพุทธเจาสอนใหมีความฉลาด อยา งวานี้
แหละ ฉลาดรจู ักรกั ษากาย รักษาวาจา รักษาจิตใจ ใหบรสิ ทุ ธจิ์ ากบาปจากโทษตา ง ๆ แลวกใ็ หมีสุขภาพ
อนามัยดี เวนเสยี แตกรรมเวรหนหลงั มี มันตามสนองเอา อันน้ันแทม นั แกไ มตก กต็ ามเรอื่ งมัน ถาผูใดมี
กรรมมีเวรมาแตกอ น รตู ัวแลว ก็อดกท็ นเอา อธิษฐานใจละเวน ไมทําชั่ว ๕ อยา งนน้ั ตอไปอกี แลวชาตติ อ
ไปก็จะเปน ผูมีสขุ ภาพรา งกายสมบรู ณด ี ผใู ดไมม บี าปติดตวั นะ..นั้นแหละ แตส ําหรับชาตินี้แลวบาปกรรม
ตามสนองเอาแลวไป ไมต อ งเศรา โศกเสียใจ ฝกใจของตนใหต ั้งม่นั อยูใ นบุญในคุณใหไ ด พจิ ารณาใหเหน็
วา ภยั ทั้งหลายมนั เกดิ จากมนั มเี หตุมปี จจัยมา ไมใชไ มมเี หตไุ มมีปจจยั เออ..อคั คภี ยั อทุ กภัย โจรภัย
ตาง ๆหมนู ้ีนะ..ถาบคุ คลใดมกี รรมมีเวรมาแตช าตกิ อนแลว มันก็ประสบภยั เหลานี้ไมอ ยางใดกอ็ ยางหนง่ึ
หรอื หลายอยาง ผูใ ดไมม เี วรไมม ีมาแตก อ น บางทีกพ็ นจากภัยตาง ๆ เหลานัน้ ไปได มนั ตอ งเรยี นรไู ป
หมดเลยเปนอยา งนัน้ ภัยภายนอกนน้ั แหละกไ็ มม ีปจ จยั กรรมมีเวร กรรมชว่ั เวรชวั่ แตชาติกอ นท่ตี นได
ทาํ มาบา ง และบางทกี อ็ าจจะเกดิ จากเหตปุ จจุบันนก้ี ็ได ไมต องอาศยั กรรมเวรแตหนหลงั อนั ภยั ธรรมชาติ
น้มี นั ไมวา หละ คนมีกรรมมีเวรหรอื ไมม ีกรรมไมมเี วรมนั อาจไดประสบเหมือนกนั หมดเลย แตวา ภัยมัน
เกิดจากกรรมเวรจรงิ ๆ กค็ อื ทําใหรา งกายชาํ รดุ ทรดุ โทรมโรคภยั อันรา ยแรงเบียดเบยี นรักษาอยา งไรก็ไม
หาย อนั นี้แทม ันเวนไมไดแ นน อนเลย ดังนน้ั พระศาสดาจงึ ไดทรงสอนใหเวนจากกรรมเวร ดงั กลา วมา
แลว น้นั มันถงึ จะมีความสขุ ความเจรญิ ยง่ิ ๆ ขึ้นไป ถา หากวา ไดท อ งเทีย่ วไปในสงสาร ก็ไปดี เกิดดี ตาย
ดี เกิดมาแลวกไ็ ดทําบุญกุศลไดท าํ ความดตี าง ๆ บญุ กุศลมันพาไปสสู ถานที่พาไปเกิดในสถานท่มี โี อกาส
จะไดท าํ บญุ กศุ ลตาง ๆ ขึ้นชอ่ื วาบญุ แลว นะ..เปน อยางนีแ้ หละ..มันยอ มอํานวยความสะดวกสบายใหแกผ ู
สั่งสมบญุ กศุ ลนน้ั ๆ ไมใ ชวาจะไปหาเกิดเอาไดต ามประสงคเ มอื่ ไรคนเรานะ..เมื่อเราทําบุญกศุ ลความดี
ชาํ ระกาย วาจา ใจ ใหส ะอาดในชวี ติ น้ี ในโลกนีแ้ ลว กไ็ มตองปรารถนาใหไปเกิดทด่ี ีถงึ สขุ อะไรตอ อะไร
หรอก เม่ือจติ ใจมันสะอาดปราศจากบาปอกศุ ลแลว เมือ่ ตายลงไปจติ ออกจากรา งนไี้ ปแลวบุญกศุ ลมันก็
นําไปเองแหละ นําไปบังเกดิ ทม่ี คี วามสขุ ความสบายตามกําลังของบุญทีต่ นกระทําแตใ นโลกน้ี.. มันเปน
อยางนัน้ ..เร่ืองมนั นะ..
ดังนั้นทกุ คนควรพากันตื่นตวั เม่อื บคุ คลต่นื ตวั ไดล ะช่วั ออกไปจาก กาย วาจา ใจ ใหหมดทํา
คุณงามความดีเขา ไปแลว ทนี เี้ มอ่ื หมดอายุสังขารลงไปแลว ก็บุญใหมทท่ี ํานี่มนั ก็นาํ ไปเกิดทม่ี คี วามสขุ
ยิ่งกวานี้ ที่ไมมโี จรภัย อคั คีภยั อุทกภยั สงครามภัย อะไรนะมนั ไมมี อยา งเชน สวรรค อยางน้ีไมมีนะ ไม
มีภัยเหลานเ้ี ลย..นนั้ แหละ มีแตมรณะภยั เม่อื บญุ กศุ ลหมดลงหรือวาอายุในสวรรคชั้นน้นั หมดลง ดังนน้ั
มันกต็ อ งไดเคลอ่ื นไปจากท่นี ัน่ ดงั นนั้ มนั หลกี ไมพนอีกเหมอื นกัน แตวา ก็ยงั ดกี วาผมู กี รรมมีเวรอยใู นโลก
อันน้ี เสวยแหง กรรมเวรท่ีตนทํามานมี้ ันแสนทุกขแ สนยากลาํ บากจริง ๆ นะ ควรพากันตืน่ ตัว มนั กไ็ มใช
อ่ืนไกลแหละโทษ ๕ ประการนะ อยา งใดอยางหนงึ่ หรอื หลายอยา งนัน้ แหละทบ่ี ุคคลลว งเกินมาแตช าติ
กอนโนน เชน ฆา สัตว ทรมานสตั วใ หเ จบ็ ใหปวด ใหอ ดนา้ํ อดอาหารอะไรตอ อะไร ทุบตีแขง หัก ขาหัก
เสยี องคอะไรหมนู ้.ี .กรรมที่ทรมานสตั วนัน่ แหละ เทาที่พระพุทธเจาทรงนาํ แสดงมานะนํามาใหต กแตงให
คนเราเกดิ มาในโลกอนั นมี้ ีอวยั วะรางกายไมสมบรูณอ ยางนี้ เอา..กรรมที่ไปลักไปลอชอ โกงเอาสมบัติของ
http://www.geocities.com/worralapo ๑๘
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรียญ วรลาโภ)
ผอู น่ื มาเปนของตน มนั ก็ดลบนั ดาลใหเ ปนคนมที รัพยสมบตั ิมาแลว กถ็ ูกโจรเขามาจี้มาปลนเอา หรือไม
เชนน้ันกถ็ ูกนักเลงดีมาหลอกลวงใหห ลงกลเขา เสยี เงนิ เสยี ทองเปน ลาน ๆ หมนู .้ี . มีผวั มเี มียมาอยา งน้ี
ถา ไปแตช าติกอ นไดไปทําชจู ากผวั จากเมียแลว ก็ น่ันแหละกรรมนัน่ แหละตามมา สนองเอา บางทีกเ็ มียก็
วิ่งไปตามชายชู บางทีผวั ก็ไปติดหญิงอ่นื ท้งิ ใหเมยี กบั ลกู นอ ยอยูบานโดยลาํ พัง อยูดวยความอดอยาก
ทุกขย าก นแ่ี หละโทษแหง กาเมสุมิจฉาจาร อนั นม้ี นั ก็แนนอนแลว บางคนเกดิ มามลี ิ้นไกส ัน้ พดู รัว ๆ พดู
ไมรเู รื่อง อนั น้ีกเ็ พราโทษมุสาวาท บคุ คลบางคนชอบพูดเท็จ คอื พูดไมจริงนนั้ แหละเพื่อท่ีจะใหค นผูฟง
น้นั เขา ใจผดิ จากความเปนจริงไป บางทกี่ ็พูดหลอกลวงเอาเงินเอาทองเขาอะไรหมูนี้แหละ.. หรือวา ตนได
ทําอยา งน้ันอยา งน้ีแลว ตนไดท ําผิดทําไมดีอยา งนั้นอยางน้ี เวลาเขาจับได มาถามปฏิเสธไมไดเอา ไมไ ด
ลัก หรอื เจา ของบา นตามทนั ก็ปฏิเสธวาไมไ ดเอา แลวกโ็ กหกเอาดอ้ื ๆ ไปอยา งน้ัน บางคนกไ็ ปเลนชูจาก
ผัว เมื่อผวั จับได ผัวไตถามก็ปฏเิ สธวาไมไ ดเลน สาบถสาบานใหผัววา อยางโนนอยา งน.้ี .หมนู ี้ กรรมหมูน้ี
แหละมันตามคนเรานะอยางวา บางคนก็ด่ืมเหลา เมาสรุ า กญั ชา ยาฝน เฮโรอีน เขา ไปแลว อันกรรมเวร
ดังกลาวมานต้ี องไปตกนรกกอ นนะ เมอื่ พน จากนรกแลวบาปกรรมยังไมห มดมนั กต็ ามสนองเอาอีกอยาง
นี้นะ ไมใชว า ทาํ บาปกรรมในชาตนิ ี้ตายไปแลวมาเกดิ เปนคนอกี มาเสวยบาปกรรมอันเปนคนนี้ทีเดยี วเลย
ไมใ ชน ะ เออ ตองไปนรกกอ น พนจากนรกมาแลว กจ็ งึ มาเกดิ เปน คนบาป กรรมไมหมดมนั กม็ าติดตาม
มาใหผ ลตอ อยางนีน้ ะ จนไดรบั ทุกขทรมาน แตต อนไปตกนรกน่ันเมือ่ มาเกิดเปน คนแลวระลกึ ชาตหิ น
หลังไมไ ดเ หมอื นกบั วาตนไมไ ดไ ปสูนรกเลย เหตุนน้ั คนเราจงึ ไมเข็ดไมห ลาบนน้ั เองแหละ เรื่องมนั นะ ถา
ผใู ดระลึกชาตหิ นหลังไดก็คงจะเข็ดหลาบไป มนั รเู ร่อื ของตนวา ไปทนทุกขทรมานอยใู นนรกอยใู นเปรต
อะไรหมนู นี้ ะ.. นานแสนนานอะไรหมูนก้ี เ็ บ่อื หนา ย มนั อาจจะเวน ความช่วั เหลา น้ีได แตคนสวนมากมนั
ระลึกชาตหิ นหลงั ไมได เหตดุ ังนัน้ มนั จึงไมเบอ่ื หนาย หากบางคนกก็ รรมเวรมันหมดแลวแตชาติกอน ๆ
โนน บญุ นํามาตกแตง ใหเ กดิ เปน คน มามอี วยั วะรางกายสมบรู ณดี ก็เลยนึกวาตนนั้นไมม ีบาปมีกรรม
อะไร นกึ วา ตนน้ันมีความสขุ มาก โรคภัยไขเจบ็ กไ็ มเ บียดเบียน เงนิ ทองขาวของอะไรก็มมี าก เกยี รติยศ
ชอื่ เสียงก็โดง ดงั มคี นนับหนาถอื ตาไดเปน ใหญใ นเศรษฐกจิ บาง ไดเปน ใหญใ นการเมอื งบา ง อะไรตาง ๆ
หมนู ้ี ก็ลืมตวั เลยนึกวา ตนไมไดไ ปตกนรกมาแตกอ นระลึกไมได มันจงึ ไมเบ่อื หนา ยตอ ความช่วั บางคนมี
เงนิ มีทองเทา ไหร แทนทจ่ี ะรกั ษาศีลใหบ รสิ ุทธ์ิ ไมเ ลย..ไมร ูนีม่ ันเมา เมาในลาภในยศนะ มีเงินมที อง
เอา..ซ้ือน้าํ ด่ืมอันชัน้ เยี่ยมมาดม่ื กันเชน เบยี ร เนาะ..อะไรตอ อะไร เหลาราคาแพง ๆ เอามาดื่มกันสนกุ
สนาน นี่แหละความไมเชื่อในพระปญญาตรสั รขู องพระพทุ ธเจา ความหลง ความเมา ความไมไดนึกถงึ คํา
สอนของพระพทุ ธศาสนา แลว มนั กเ็ ปนไปตามอาํ นาจของกิเลส เลยไมก ลัวบาปกลัวกรรมอะไรเลย นเี่ ปน
อยา งนน้ั แหละ คนเรานะ ผใู ดต่ืนตัวไดร ูส ึกตวั ไดเชื่อพระปญญาตรสั รขู องพระพุทธเจาวา เมื่อทาํ ความชว่ั
ดังกลา วมาน้นั แลว หากไมล ะไมว างทําเร่ือยไปจนตลอดชีวติ ลงไปแลวอยา งนี้ ก็มีหวังไดไปตกนรกแน
นอนเลย แตถ า ผูใ ดทํามาครง่ึ ๆ กลาง ๆ แลว รูสึกตวั ไดไมไดทาํ ไปตลอดชีวติ ไป อยางนี้แลวอธิษฐานใจ
ละเวนเสยี แลวทาํ ความดใี หย ิ่ง ๆ ขนึ้ ไปอยางนเ้ี มื่อทําบญุ กศุ ลอบรมจติ ใหสูงขึน้ ไป
เปนอยางวา น้พี ระศาสดากไ็ มท รงสอนใหล ะบาปเลย พระองคพ ิจารณาเหน็ แลว บาปทเี่ ปน ลหุ
กรรมเปนกรรมเบา บุคคลสามารถละได เหตุนนั้ พระองคไ ดจ งึ สอนใหละ คําวาสอนใหล ะ หมายความวา
มนั ไดทํามาแลว ไดท าํ บาปมาแลว แตกอ นไมตื่นตวั ไมร ตู วั เมอื่ ไดฟงคําสอนของพระพทุ ธเจา แลวตนื่ ตัว
http://www.geocities.com/worralapo ๑๙
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรียญ วรลาโภ)
ไดก ลวั บาป บัดน้ีแลว ก็เพยี รพยายามละไดอยู พระองคก็ไดต รัสไว เวน เสียแตอ นนั ตริยกรรม กรรม ๕
อยางน้ัน เชน ฆาพอ ฆาแม ฆาพระอรหันต ทํารายพระพทุ ธเจาจนถงึ ยงั โปโลหิตใหหอขนึ้ ไป ทาํ สงฆให
แตกจากกนั เชนน้นี ะ กรรม ๕ อยางนหี้ ลกี ไมพ น เลยผนู ้ัน รูต วั แลว ทาํ ความดีอยา งไรในชาตนิ เ้ี ทาใดกพ็ น
ไมไดเลย ตายแลว กไ็ ปสอู เวจีมหานรก เม่ือพนจากอเวจีมหานรกมาโนนแหละ ถึงจะมาเสวยผลบุญทต่ี น
ทํา ใหเ ขา ใจมันเปน อยา งน้ี ดังนัน้ นะทกุ คนกใ็ หพ จิ ารณาดูใหมนั เห็น เม่อื ผูใ ดไดพ ิจารณาถึง พระพทุ ธเจา
ถึงพระคณุ ของพระองคค วามดขี องพระองคท ่กี ระทาํ มา พระองคจ ะไดเ ปน ผวู ิเศษไดอ ยา งนน้ั เพราะพระ
องคละบาปไมทาํ บาป ๕ ประการนี้ แลวแถมกย็ ังรักษาอโุ บสถศีลตอนเปน พระโพธสิ ตั ว พระองคก็รักษา
ศีลอุโบสถ แมแ ตเ ปน สัตวเดรัจฉานพระองคก็รักษาศลี อโุ บสถ กม็ ีบางชาตนิ ะเชนชาติทเี่ ปนพญานาคชอื่
วา ภรู ทิ ัตตะ ชาติน้นั กไ็ ดเ สดจ็ จากเมืองนาคขน้ึ มาไดร กั ษาศีล ๘ อยูพน้ื ชมพูทวีปทีเ่ ปนทอ่ี ยูข องมนษุ ยน ี้
แหละเปนอยางน้ัน เพราะฉะน้ันบญุ บารมขี องพระองคจึงไดแกกลา มาโดยลําดบั ในที่สุดก็เตม็ ได ถาหาก
วา พระองคไดทาํ แตบ าป ๕ อยางนี้ อยา งใดอยา งหนงึ่ หรือหลายอยางมาในทุกชาตทิ กุ ภพมาอยา งน้ีไม
ไหว กไ็ มไดเ ปน พระพทุ ธเจา หรอก มแี ตจ ะไปเสวยวิบากกรรมอยูในนรกอบายภมู อิ ยางวานัน้ แหละ จะ
เอาโอกาสทไ่ี หนมาสรา งบารมี เหตุที่นี้ก็เพราะพระองคพ ระองคล ะกรรมช่วั ๕ ประการนนั้ เสียแลว ดบั
ขนั ธบรรลัยไปกต็ อ งไปเกิดบนสวรรค บางชาติกไ็ ปเกิดนรกไปเกิดพรหมโลกชาติใดทีอ่ อกบวชเปนฤาษี
บาํ เพ็ญกสณิ ฌานอยใู นปา ไดบรรลุกสณิ ฌานหมดอายสุ งั ขารกไ็ ปเกดิ พรหมโลก แตดูเหมอื นจะมีนอ ย
หรอกที่ไปเกดิ พรหมโลกเพราะวาพระโพธิสัตวทัง้ หลายนั้น ถา ไปเกดิ ในพรหมโลกแลวอายุยนื ยาวนาน
ไมไดส รางบารมี จึงใหไ ปเกิดสวรรคเปนสว นมากเลย ฉะนน้ั หมดอายบุ นสวรรคแลวก็ลงมาเกดิ ในโลกนี้ ก็
มาสรางบุญบารมีเพ่มิ เติมลงไปเรอื่ ย ๆ มันเปน อยา งนนั้ แหละ และตอ งนกึ ถงึ พระพุทธเจาบอย ๆ ผใู ดมัน
ไมนึกถงึ ประวตั คิ วามเปนมาของพระพทุ ธเจา แลว นแี่ หละเปนเหตุทไ่ี มใหเชอ่ื คาํ สอนของพระองค แม
ปฏิญาณตนเปน ชาวพุทธนบั ถือพระพทุ ธศาสนามาแตอ อ นแตออกโนนกต็ ามนะ อันนับถอื ศาสนากอ็ ีก
เรอ่ื งหนึง่ อันปฏบิ ัติตามคําสอนก็อีกเรื่องหนึง่ นบั ถือเฉย ๆ เพยี งแคก ราบไหวเ ทานี้ อนั นก้ี ไ็ ดชอ่ื วา นับ
ถอื พระพทุ ธศาสนาเหมอื นกัน แตวาปอ งกนั บาปกรรมไมไ ดน ับถือแคน้ันนะ ตอ เมอื่ ไดลงมือประพฤติ
ปฏบิ ตั ติ ามเชอื่ คาํ สอนของพระพุทธเจา วาพระองคต รัสวา สิ่งนี้เปนบาป เราตองเชื่อวาเปน บาปจริง ๆ
เลย แลวก็พิจารณาใหเ หน็ ดว ยปญ ญาของตวั เองดว ย ไมใชเ พยี งแตเชอ่ื ตามที่พระองคเจา ไดแสดงตามท่ี
บัญญตั ิไวเ ทา นนั้ พิจารณาเหน็ ดวยปญญาของตนแลวก็ ออ..ยกตวั อยา งเชน วา ทรงบญั ญตั ิหามฆา สตั ว
ตัดชีวิตอยางนี้นะ เมื่อพิจารณาโดยเหตุผลแลวก็วาสตั วท ั้งหลายเกิดมากย็ อมรักชีวิตของตนไมอยากให
ใครมาเบยี ดเบยี นทําลายใหมันตายไปเองหมด หมดอายุก็ตายไปเอง ก็เปนอยา งน้หี มดทุกประเภทเลย
สตั วท เี่ กดิ มาในโลกน้ี ทัง้ มนษุ ยก็ดี ทัง้ สตั วเ ดรัจฉานกด็ ี เปนอยางนี้ รักชวี ิตของตวั เองหมดเลย เมอื่ เปน
เชน นแ้ี ลว หากวา มนษุ ยผใู ดผูหนง่ึ ไปจับสัตวม าจะฆา มนั มันก็กลวั ตาย แตม นั พูดไมได สัตวท ้ังหลายนะ
มแี ตมันดน้ิ การท่มี นั ดิ้นนน่ั แหละเรยี กวา มนั กลัวตายนะ มนั ไมอยากตาย แตมนษุ ยมนั ไมมคี วามเมตตา
กรุณาเลย นึกอยากจะกนิ เนื้อของมันเทา นั้นเอง..เชน น้แี หละ แลว บัดน้เี มอ่ื เวลาหากวา คนอ่นื จะมาทบุ
มาตตี นละ ตนกย็ งั กลวั ตายเหมอื นกันน้ี ตนกย็ งั ปอ งกันตนเต็มท่ีเลย ถา หลกี หนีไมพ น แลว แลว จงึ ยอม
ตาย ถา หากวาบุคคลน้นั มานกึ ถงึ สตั วอ ืน่ แลว กม็ าเทยี บกับตวั เองไดอยา งนแี้ ลว เปนอนั ไมฆา สตั วแน
นอนเลย มนั เปนอยางน้นั โดยเหตผุ ลแลว เปนอยา งนแ้ี หละ แตคนเรามนั ไมไดพจิ ารณาเทียบเขากับเรา
http://www.geocities.com/worralapo ๒๐
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
ใสก ัน มแี ตอ าศัยแตค วามอยาก อาศยั แตอ วชิ ชา ความไมร เู หตุรูผลในพุทธบัญญตั ิตา ง ๆ เหลา น้ัน ไมได
สนใจเลย เหตดุ งั นั้นมนั จงึ ลวงศีลนั้นไปได เมอ่ื ลว งศีลไปไดแ ลว บาปกรรมที่ทาํ นั้นไมใ ชม ันใหผ ลปุบ ปป
ทนั ทเี ลย มนั ไมใ หผ ลมากอน มันใหส บายสบายไปอยางนนั้ แหละ เพราะวา บญุ เกาทที่ าํ มาแตก อนนั้นยัง
ใหผ ลอยู บาปกรรมทีท่ ํามันจงึ ใหผ ลไมได แตเ ม่อื เวลาบุญเกาท่ีทํามาแตก อนนัน้ มนั หมดลงเม่ือใดแลว ก็
บาปทท่ี าํ นีม้ นั กไ็ ดโ อกาสแลว พระพทุ ธเจา จงึ ตรัสวาบาปกรรมอนั นนี้ ะมันจะไปใหผ ลเวลาจวนจะตาย
เม่ือบญุ เกา มันหมดลงไป บาปกรรมอนั นมี้ ันก็ฉดุ ฆา ดวงจติ น้ไี ปเกิดเปนสตั วน รกบาง เปนเปรตบาง เปน
อสรุ กายบาง เปน สตั วเดรจั ฉานบาง ตามบาปตามทีท่ าํ น้นั มากหรอื นอย หนกั หรอื เบา กเ็ ปน อยา งน้ีแหละ
ทพี่ ระพทุ ธเจาตรัสรูแ จงแทงตลอดมา
ดังน้ัน เราผเู ปน ชาวพุทธนี่ ควรทีจ่ ะเช่อื พระปญญาตรัสรูของพระพุทธเจาแท ๆ ไมค วรจะไป
เชือ่ ตัณหาความอยากอนั มีอวิชชาเปน เพอ่ื น ชกั จูงใหไ ปทําบาปทาํ กรรมทาํ เวรใสตัวเอง แลว ตายแลวไป
ไดรับทุกขท นทรมานอยูในโลกหนา ตอไป ไออยางนี้น่ีมันกไ็ ดช ่ือวา เปนผทู าํ รายตัวเอง ไมปรารถนาดีตอ
ตัวเอง ไมร ักตวั เอง ไมต องการอยากจะยกยอตวั เองใหพนจากทกุ ขต าง ๆ เหลาน้ี นาเสียดายจรงิ ๆ นะ
การเกดิ มาเปน มนษุ ยแ ลว นะ ควรพากันพจิ ารณาตรติ รองใหด ี มนั บญุ กุศลมมี ันจงึ ไดเ กิดมาเปน มนุษย
ขอใหค ดิ อยา งนี้ เม่อื บญุ มาตกแตงรา งกายนใี้ หแลวเราตองใชกายวาจาอนั น้ี บาํ เพญ็ บุญกุศลคณุ งาม
ความดีใหเ ปน ประโยชนต นและประโยชนผ อู ื่น เชน นี้มันจงึ คอ ยเรียกวาถูกตอ ง จึงคอ ยเหมาะสมความเกดิ
มาเปน มนุษยส มกับวา ผูมีบญุ ถา เราอาศยั บุญเกาแลว สรางบุญใหมเ พ่ิมเตมิ เขา อยา งนน้ี ะ เหมอื นอยาง
บคุ คลผูม ีทนุ มรี อนกอนหน่ึงแลว นก้ี ็ลงทุนคา ทาํ การคา ขายนาํ กําไรมาเพ่ิมของเกาใหม ากข้ึนโดยลาํ ดบั ผู
มีปญญาทําการคา ไป ไปแลว กไ็ ดก าํ ไรเพ่ิมเตมิ มาเร่ือย ๆ ในที่สดุ ก็ไดเ ปนเศรษฐไี ด อนั นี้ฉันใดก็อยางนัน้
แหละ ผูมีบญุ มีกศุ ลเปนทนุ รอนมาแตชาตกิ อ นแลว มาตกแตงอัตภาพรา งกายนใ้ี หแ ลว หากรจู ักใชกาย
วาจาทํากุศลคณุ งามความดี รูจักละเวนจากกรรมอันชวั่ ดังกลา วมานัน้ ได ชีวิตของผนู ั้นก็ไดชื่อวา ไมเ ปน
หมัน เกิดมาแตล ะชาตกิ ็ไดโ อกาสสง่ั สมบญุ บารมใี หเต็มความสามารถเลยทีเดียวนะ เพราะมนั ไมม บี าป
มาสกดั กั้นทางเดนิ แหงชวี ิต ผนู ัน้ ก็ดําเนนิ ไปตามทางท่ไี มเ ปน บาปเปน โทษ เดินตามทางแหง ความสุข
ความเจรญิ อาศัยบุญเกาน้นั นะ หนนุ สงขอใหเขาใจ อันบญุ นจ้ี งึ ชื่อวาเปน มติ รเปน สหายอันสนทิ สนมใกล
ชิดจรงิ ๆ เลย ใกลชดิ กวา มติ ร กวาญาติ กวาสหายภายนอกเปนไหน ๆ เพราะวามติ รสหายภายนอกนั้น
นะ ไมใชวาจะไดค บกันอยูต ลอดเวลา นาน ๆ จงึ ไดพบกนั ครง้ั หน่งึ นาน ๆ จึงไดช ว ยเหลอื กนั คร้งั หน่งึ
บญุ กุศลท่ีบคุ คลกระทาํ ใหเ กดิ ใหม ใี นจิตใจของตัวเองชาตกิ อ นแลว พอเกดิ มาชาตนิ ี้ บุญกศุ ลนน้ั ก็มา
เตือนจิตใหถ ึงนกึ ตวั เองได เชนวาแตช าตกิ อ นบุคคลไดย ินไดฟงคาํ สอนของพระพทุ ธเจาวา คนเราเกิดมา
แลวก็ตองแก ตอ งเจ็บ ตองตาย ตองพลดั พรากจากของรักของชอบใจ ผใู ดทาํ กรรมอนั ใดก็ยอ มไดร ับผล
แหง กรรมอันนน้ั จาํ แลวเอาไปคดิ ไปกรองจนละความช่ัวไดทาํ ความดีใหเกดิ มีในตน เมือ่ ตายจากชาตินั้น
แลวหากวา ไดโ อกาสมาเปน คนอีก น้แี หละบุญกุศลอนั นั้นนะเปน อปุ นิสัยปจจัยตดิ ตามมาตักเตอื นจิตใจให
ระลกึ ถึงความแก ความเจ็บ ความตายได ระลกึ ถึงความพลัดพรากจากกันได ระลกึ ถึงบญุ และบาป ผใู ด
ทาํ บุญยอ มอํานวยผลใหเ ปนสขุ จริง ผใู ดทําบาปยอมอาํ นวยผลใหเ ปนทุกขจ ริง บญุ เกา นน้ั มาเตอื นใจให
เกดิ ความเช่ืออยางน้ี เรอ่ื งมันนะ
http://www.geocities.com/worralapo ๒๑
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
บุคคลทไี่ มไ ดส ดบั ตรบั ฟงคาํ สอนของพระพทุ ธเจามาแตก อ น ไมสนใจในบาปบุญคณุ โทษ
ตามคาํ สอนของพระพุทธเจานี้ แมไ ดส นใจทาํ บุญทาํ ทานมาตามประเพณีเทา นั้นเองนะ ท่ีจะนอ มเขา คํา
สอนพระองคพ จิ ารณาใหเ ห็นบาปเหน็ บญุ จรงิ ๆ ไมมอี ยา งนน้ี ะ ผเู ชนนน้ั เกดิ มาในชาตนิ ้มี ันก็ไมสนใจใน
เรื่องบาปบุญคุณโทษอะไร ไมส นใจท่ีจะฟงธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจา อนั สมกบั ท่ีวา ผูใดทาํ กรรมอนั
ใดก็ยอมไดรบั ผลแหง กรรมอันนัน้ นะ มันเปน ความจริงแท ๆ แลว ผไู ดสนใจในศีลธรรมมาแตชาติกอน
มันเปนอุปนิสัยปจจัยตดิ ตามมา พอมาชาตินี้เม่อื ไดมาเกดิ เปนมนษุ ยไดพบพระพทุ ธศาสนา ไดฟ ง คํา
สอนของพระพุทธเจาก็ตืน่ ตวั ไดบญุ เกามาสมทบดวย ท้ังบญุ ใหมทท่ี าํ ในปจจบุ ันมาสมทบเขาไปอกี ก็ทาํ
ใหม ศี รทั ธาแรงกลาข้นึ ในอันท่จี ะปฏิบตั ิตามคําสอนของพระพทุ ธเจา ใหยิ่ง ๆ ขนึ้ ไป นมี้ นั มเี หตุปจจัย
อยางน้ี..คนเรานะ ..ฉะนัน้ ทกุ คนอยาไปลมื บุญเกาของตวั เอง อยา งผูทีไ่ ดบ วชในพทุ ธศาสนาอยางนก้ี ็
เหมือนกนั นะ แตช าตกิ อนตนเองคงไดยนิ ดีในการบวช ถา ไมไ ดบ วชกด็ ี ก็ไดเปน เจาภาพบวชลูก บวช
หลาน บวชญาติมติ รผูมีศรทั ธาทง้ั หลาย นัน่ ความยนิ ดใี นการบวชอยางนีม้ นั ก็เปน นิสัยปจจยั ติดตามมา
เมื่อมาพบพระพทุ ธศาสนาในชาติน้กี ย็ ินดใี นการบวช ผูไมไดยินดใี นการบวชเรยี นในพระพุทธศาสนามา
แตก อน ไมไ ดเ ปนเจา ภาพในการบวชนาค บวชอะไรเลยอยา งน้ี ตัวเองก็ไมไดบ วช เพียงแตยินดใี นการ
ทาํ บญุ ทาํ ทานไปกับเพ่ือนธรรมดาเฉย ๆ พดู เชนนนั้ แลวถงึ เกิดมาในชาติน้ีก็ไมมจี ติ ยินดีจะบวชเรียนน้ี
เลย ไมม คี วามสามารถแลว เปนอยางนแี้ หละ เหตุปจ จยั ของชวี ติ พิจารณาใหเ ขาใจ เมอื่ ผูใ ดไดพจิ ารณา
ใหเ ขาใจอยา งนีแ้ ลว มนั ก็สามารถละบาปบําเพญ็ บญุ ไดด ังกลา วมานนั้ แหละ ชาํ ระกายวาจาใจของตนให
สะอาดปราศจากบาปอกุศลตางๆ เมอ่ื กายวาจาใจปราศจากบาปอกุศลตา ง ๆ แลว บญุ กุศลอนั นยี้ ง่ิ ดล
บันดาลใหชอบบุญชอบกุศลยิ่ง ๆ ขน้ึ ไป ไมม ถี อยหลงั บญุ กศุ ลอนั น้ีมนั กด็ ลบันดาลใหเบ่อื หนา ยในความ
เกดิ ความแก ความเจบ็ ความตายอันน้ี ใหเ บือ่ หนายในบาปกรรมความชวั่ ทั้งหลาย เหน็ เขาทาํ ความชวั่
ทง้ั หลายก็ไมพ อใจ ไมชอบเลย นบ่ี ุญกศุ ลมนั ดลบันดาลมนั เปน อยา งนนั้ เห็นเขาทาํ กุศลคณุ งามความดี
ชอบใจปรารถนาทจ่ี ะทําบัดน้ี นนั่ แหละ พระพทุ ธเจา จึงตรสั วา บคุ คลคบคนเชนใดก็เปนเชน คนนั้น ตง้ั แต
กอ นเคยคบนกั ปราชญบ ัณฑติ มา เคยไดท าํ บุญกุศลคุณงามความดีกบั นักปราชญ นักปราชญท า นก็ชกั จูง
แนะนําอยางน้ี มนั ก็เปนอุปนสิ ัยปจ จยั ตดิ มา บญุ กุศลกส็ งใหม าเกิดเปนมนุษย เกิดมาแลว กใ็ หไปบนั ดาล
ใหไปพบนักปราชญบณั ฑติ ใหย ินดเี หล่ือมใสในนกั ปราชญบ ัณฑิตนน้ั เบื่อหนายตอ คนพาล บัดน้ี นแ่ี หละ
อนุภาพของบญุ กศุ ลขอใหเขาใจกนั ไมใ ชว า ไมมีเหตุผลนะการทําบุญทํากศุ ลมีเหตผุ ลดงั กลาวมานี้ ถาจะ
พรรณนาไปมันก็มากมายคุณคาแหงบญุ แหง กศุ ลความดีนแ้ี หละ
ดังน้นั ก็ขอใหพาเขา ใจไวว า บคุ คลจะพนั ทุกขไปไดในขัน้ ใด ๆ ก็อาศัยบญุ กุศลนี้ทงั้ นน้ั เลย
จะถงึ ปรินิพานก็เพราะทาํ บุญกุศลใหเ ต็มบริบูรณ เมื่อส่งั สมบุญกุศลใหเ ตม็ บรบิ ูรณแ ลว สวนมากก็บุญ
กุศลดลบันดาลใหออกบวชในตาํ ราทานกลาวไว ดงั พระสาวกของพระพทุ ธเจา ในครัง้ พทุ ธกาลทานผูมี
บารมอี นั แกก ลาเตม็ มาแลว พอไดฟง ธรรมคาํ สอนของพระพุทธองคจบลงเทา นน้ั แหละ บางทานก็สําเร็จ
อรหนั ตเ ลยแตย ังไมไดบวช แตบางทา นบางเหลากย็ ังไมสําเร็จแตม ศี รัทธาบวชอยางแรงกลา อยา งน้ีแหละ
ก็ขอบวชกบั พระศาสดาเลย เหมอื นอยา งพระรัฐบาล ช่อื รฐั บาลนะ เปน ลกู เศรษฐีพอไดฟ ง คาํ สอนของพระ
พุทธเจาแลว พระองคก ็ตรัสวา การท่ีบคุ คลจะพนทกุ ขไปไดนั้นก็ตอ งอาศัยการบวชจะพนทกุ ขไปโดยจริง
จงั แลว อยางนี้ ผูครองเรือนนีย้ อมมจี ติ หว งใยอาลัย กิจการงานตาง ๆ ไมม โี อกาสท่จี ะชําระจติ ใจให
http://www.geocities.com/worralapo ๒๒
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
บริสทุ ธจิ์ ากกิเลสได ทานไดฟ งอยางน้แี ลว ทา นก็ โอ. . เปน ความจรงิ เลยมีทรพั ยสมบตั มิ ากเทาไดกย็ ิง่ เปน
ทกุ ขหลายเทานน้ั ตายแลวก็เอาตดิ ตวั ไปไมไดเลย อยา งนี้ เอา..อยาเลยเราจะขอบวชกบั พระศาสดาซะ
เลย ขอบวชกับพระองค พระองคก ็รับสัง่ ใหไ ปลาบิดามารดาซะกอน ทา นก็ไปลาบิดามารดา บดิ ามารดา
ไมอนุญาตทีแรก เม่ือไมอ นุญาตทา นกอ็ ดขา วไมย อมทานขา วเลย ถาไมอ นญุ าตกใ็ หตายไปเลย โนน เลย
ทานผูมบี ุญบารมีแกก ลา กใ็ จเดด็ ใจเดย่ี ว พอ แมก ลัวลูกจะตายก็เลยตองอนญุ าตใหไ ปบวชได ทานก็รบั
ประทานอาหารมีกาํ ลงั ดีแลว กห็ าเครอื่ งบริขาร เสรจ็ แลวก็ไปบวชกบั พระศาสดา พระองคกบ็ วชให บวช
ใหแ ลว ทานก็บําเพ็ญเพียรไปไมนานกไ็ ดสําเรจ็ อรหันต และกไ็ ดส าํ เรจ็ อรหนั ตก ็ไดม าโปรดมารดาบิดา
ใหมีศรทั ธาเลอ่ื มใสในพุทธศาสนาทัง้ อดตี ภรรยาดว ยหมูน้ี อันน้ีประวตั ิของพระรฐั บาลก็พอเอาเปนตัว
อยา งไดสาํ หรับคนมั่งมีศรสี ุขมเี งินมที องมากๆ ผมู บี ญุ บารมแี กกลา มนั ก็สมควรจะพจิ ารณาใหร ูใหเ ห็น
ตามความเปนจริงอยา งทีว่ านแี้ หละ แลว ก็ควรจะถอนตัวออกไปแสวงหา นริ ามติ รสขุ สขุ ท่ไี มตอ งอิง
อาศัยอามสิ คอื ส่ิงของ อนั นเ้ี ปน สุขอนั บริสุทธ์ิสดใสจรงิ ๆ ไมอิงไมอาศัยรูป เสียง กลน่ิ รส เครือ่ งสมั ผสั
ตา ง ๆ และอาศัยความบริสุทธเิ์ ทา น้นั เอง การชาํ ระอาสวะกเิ ลสใหหมดส้ินไปจากจิตดวงนี้ จติ ดวงน้กี ็พงึ
ตนเองได หมายความวาอยา งนนั้ ไมไปพงึ รูป รา งกายที่เคยเกิด เคยแกเ จ็บตายมาแตก อ นไมเอาแลว มนั
ไมเท่ยี งไมยง่ั ยืนอะไรเลยรปู กายธาตุ ๔ ดนิ นํ้า ลม ไฟ เงนิ ทองขา วของอะไรตอ อะไร ลว นแตเ ปนของให
มีความสขุ ชัว่ คราวเทา นั้น ไมไ ดอ าํ นวยความสุขใหย ั่งยืนอะไรเลย ใหพจิ ารณาเหน็ อนั นี้คนมีบญุ มากแลว
ตอ งการความสขุ อันเปนแกน สาร เหจนุ ้ันจึงไดลามารดาบดิ าออกบวช พวกเราไดช ่อื วามีบญุ ทีไ่ ดม าบวช
ในพทุ ธศาสนาน้ี ดังน้ัน บญุ อนั น้มี นั กย็ ังเปนโลกียอยู หากวาเราไมพ ยายามสั่งสมบุญน้นั ใหม ากขึ้นไป
กวานม้ี นั จะสูอ ํานาจกิเลสไมไ ด ผบู วชเขามาแลว สึกออกไปกเ็ พราะมันสูอํานาจกิเลสไมไ ดน ้ันเอง เรือ่ งมัน
นะ
ดังนั้นควรพากนั บาํ เพ็ญสมาธิปญญาใหเ จริญแกก ลา ข้ึน สาํ รวมในศีลใหบริสุทธ์เิ ขา ไป ไมท อ
ไมถ อยแลว บญุ กุศลมากขนึ้ โดยลาํ ดบั เม่ือบญุ กุศลมากขึ้นแลวมนั ก็สูอ ํานาจกเิ ลสไดบ ัดนี้ กิเลสกค็ รอบงํา
จติ ไมไ ดมันเปน อยางนน้ั ถา เปนคฤหสั ถ บําเพญ็ บญุ กุศลมาก ๆ เขาไปแลว มนั กเ็ ปน เหตใุ หเ บ่ือหนา ยใน
บาปในโทษไมทาํ บาปแลว ไมทําบาปเพราะปากเพราะทองไมทาํ บาปเพราะลาภยศสรรเสรญิ เยินยอตา ง
ๆ ไมเอา จะพยายามชําระตนใหบ รสิ ุทธ์ิจากบาปจากโทษใหได แลวตนจะไดป ระสบความสขุ อันเปนแกน
สารทที่ านเรียกวานริ ามิตรสขุ คือสุขปราศจากเหยอ่ื ลอ ใหติดอยใู นทุกขดงั แสดงมา
ถอดเทปโดย
คณะนักเรียนโรงเรยี นทาบอ อ.ทา บอ จ.หนองคาย
สนับสนุนโดย
พระวีรชาติ ธมมฺ รตโน
เรยี บเรยี งโดย
คณุ พงศพิพฒั น ดาํ รงวัฒนกลุ
http://www.geocities.com/worralapo ๒๓
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
จติ เปนแกนของชีวติ
โดย หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ
วัดอรัญบรรพต อ.ศรเี ชยี งใหม จ.หนองคาย
สุดทายก็มาอยูท่ภี าวนา เพราะการภาวนานม้ี ันเปนการฝกจิต จิตท่กี วดั แกวงเลอ่ื นลอย ทาํ ให
สงบลงตัง้ มัน่ ลงไป จติ ดวงเดียวเทา น้ีแหละเปน แกนของชวี ติ เมือ่ เราฝก ตนเองใหตั้งมัน่ อยใู นกศุ ลธรรม
ได ก็ยอ มเอาชนะความชว่ั ท้ังหลายได ความชว่ั กิเลสทัง้ หลายก็ไมมาครอบงําจติ ใจ ตัง้ แตเ ราเทยี วเกดิ
เทยี วตายมาในสงสาร นสี่ วนมากกไ็ มไดฝก ฝนอบรมตน เกดิ มาชาตใิ ดกอ็ ยูไปตามยถากรรม หากินไป
อยูไ ปหมดบญุ หมดกรรมและกอ็ ายหุ มดลงแลวกต็ ายไป ตายไปแลว กไ็ ปหาทเ่ี กิดใหม เปนอยอู ยางนี้
แหละ พระพุทธเจายงั ตรสั วา วัฏฏะโตโลโก โลกมนั หมนุ โลกคือหมูมนษุ ย ยอ มหมนุ ไปตามกรรม สุด
แลวแตทาํ กรรมอนั ใดไว กรรมอันนั้นมันก็พาหมนุ ไป เกิด แก เจ็บ ตาย ถา ทาํ กรรมดี กรรมดกี พ็ าหมนุ ไป
ทางดี ทํากรรมชว่ั กรรมช่ัวมนั ก็หมุนไปพาไปทางชัว่ ชวี ติ ของมนุษยแ ละสัตวท ้งั หลายนี่ มนั ยอ มหมุน
เปน วงกลมอยอู ยางน้ี หาทางออกจากทกุ ขไมได เพราะเมือ่ ยงั ไมไดฟงคาํ สอนของพระพุทธเจาตราบใด
แลว ไมร จู ากทางออกจากทุกขเ ลย สตั วทง้ั หลายจงึ งว นอยูแตในโลกอันน้ี ก็ถงึ มศี าสนามพี ระพุทธเจามา
บังเกดิ ปานน้ี ทรงแสดงธรรมไว แตคนก็ยังไมสนใจ คลา ย ๆ ก็วา เห็นเปนของไมสําคญั ไมดอี ะไร เงนิ
โนนดกี วา ด้นิ หาแสวงหาแตเงนิ ทองขา วของกนั กส็ ําคัญวาเมอ่ื มีเงนิ แลวกม็ คี วามสุข มนุษยสว นมากมัน
ด้ินแสวงหาแตความสุขในปจ จุบนั น้เี ทาน้ันเอง ไมค ดิ ถงึ อนาคตเบื้องหนา ที่ตนจะพึ่งเล่อื นลอยไปหาที่
เกดิ อยูร่ําไป ไมคํานึงถงึ ทางทีไ่ ปสอู นาคตเบอื้ งหนา ยังไกลแสนไกล แตส ว นทีล่ ว งมาแลว มันก็หมดมาแลว
ไมคิดที่จะสรางยานพาหนะนําตนใหไปทส่ี ขุ สบาย ก็แตต นไดมคี วามสขุ อยใู นปจจุบันน้กี ็พอใจแลว
ดังนั้นคนเรามันจึงยากจนขน แคนเกดิ มา คนจนหลาย ๆ ในโลกเหลา นี้ เน่ืองจากมันเกียจ
ครานทําความดี ในการฝก กาย วาจา จติ ใหตรงตามคําสอนของพระพุทธเจา เมอื่ ไปสั่งสมกรรมชว่ั คอื สง่ั
สมกิเลสตาง ๆ แลว กเิ ลสเหลานั้นมันก็พาจติ นี้ไป เล่ือนลอยไป หาท่เี กิดแตท่ีอยากลาํ บาก ถาบาปไม
มาก ก็พาเกิดเปนสตั วส่ิงเดรัจฉาน ไดร บั ทุกขท นทรมานเปน สัตวเดรจั ฉาน มนุษยก จ็ ะเบียดเบียนไปฆา
ชาํ แหละ เอาเน้อื มาขายเลี้ยงชีวติ นแ่ี หละชวี ิตของสตั วโลก ผทู ่ไี มร ูหนทางออกจากทุกข มันกว็ นมาหา
ทุกขอยรู า่ํ ไป เปน อยางนั้น ทางออกจากทกุ ขทพี่ ระพทุ ธเจา แนะนาํ ส่ังสอนไว การใหท านก็เปน การออก
จากความโลภความตระหน่ีหวงแหน เพราะความโลภความตระหนีเ่ ปน เหตใุ หทาํ บาปแลว มันจะไปสทู ุกข
ถาผูใดใหท านอยู ไอความโลภอยากไดสมบตั ขิ องคนอน่ื มาเปน ของตนมนั ก็ไมมี ตนหาไดเ ทา ไรก็บริโภค
ใชสอยเทา นน้ั เชนน้ีก็ไมไดทําบาป นีแ่ หละทานจงึ วา การทําบุญใหทานเปนทางออกจากทุกขส ายหนึง่
การรกั ษาศีลใหบรสิ ทุ ธิ์ อันน้ีกย็ ่ิงเปนหนทางออกจากทกุ ขส งู ขนึ้ ไปกวา ทานน้นั อกี เพราะวาศีลนปี้ อ งกัน
บาป ปองกันไมใหค นทําบาปดว ยกาย วาจา ใจ เมื่อผใู ดม่ันในศีล เช่ือมั่นในศีลวา จะพาตนใหพ น ทุกข พน
จากนรกอบายภมู ิ อยา งน้ีแลวกค็ นผูน ้ันกไ็ มไ ดทําบาป เมอ่ื ไมท ําบาปแลว บาปกไ็ มน ําไปสูทกุ ข เม่อื ละ
http://www.geocities.com/worralapo ๒๔
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
โลกนไ้ี ป กไ็ ปบันเทิงในสวรรคเ ทานน้ั แหละก็พดู กันมาบอ ย ๆ เรื่องหมนู ้แี หละ และตายจากมนุษยนีไ่ ป
เกดิ สวรรค มันกพ็ น ทกุ ขไปข้ันหนึง่ ทกุ ขข องมนุษยน ก้ี ไ็ มใชยอ ย ทกุ ขเ พราะเสวยวบิ ากกรรมทต่ี นทํามา
แตกอ นก็พอแรง ทุกขเพราะความแก ความเจ็บ ความปวยไข ความแสวงหาทรัพยส นิ เงนิ ทองขาวของ
มาเล้ียงอัตภาพอนั น้ี ก็เปน ทุกขไ มใชน อย
เม่ือบคุ คลมีศลี แลว ไมทําบาปแลว หาเล้ียงชีพแตโ ดยทางท่ีสจุ รติ เชนนั้นแลว ตายแลวมันก็ไป
สวรรคเ ทา นน้ั ละมันไมม บี าป ไมมบี าปนาํ ไปสูท ุกขแ ลว แตก ารรักษาศีลการไมเ บียดเบยี นบคุ คลอนื่ สตั ว
อ่ืนเปนบุญกุศล แตค นไมร จู ักบุญนะ นกึ วา รกั ษาเฉย ๆ รักษาศีล นึกวา ไมเ ปนบุญกศุ ล ก็เมือ่ ละบาปไป
แลว บญุ มนั ก็ยอ มเกิดขนึ้ เปน ธรรมดาเปนอยางง้ัน ผใู ดไหวพระภาวนาไมท อ ไมถ อยฝกฝนจติ ของตนให
สงบบรรเทาเสียซ่งึ ความโลภ โกรธ หลง เสยี ได รสู กึ ตวั ไดว า ดวงจติ นม้ี าอาศยั อยูใ นรา งกายอนั นเ้ี ปนของ
ไมเท่ียงมันจึงไดร ับทุกข จงึ ไดเ สวยทกุ ขท รมานอยอู ยา งนแ้ี หละ หนอยหน่งึ กเ็ จ็บโนน ปวดนส่ี ารพัด แต
คนเราเกดิ มาแลวมีโรคภัยเบียดเบียน อยากไปเห็นคนเจ็บคนปว ยตองไปท่โี รงพยาบาล สารพดั จะคน
ปวย ไปแสดงบตั รนต้ี องเขาควิ กนั ยาวเหยยี ดเลยโรงพยาบาลใหญ ๆ บางคนไปคอยอยูต ั้งครึ่งวันจงึ ได
ตรวจตราก็มี ครึ่งวนั จงึ ไดตรวจโรค เพราะคนปวยมีมาก แตม นษุ ยนะ หากไมเบอื่ ไมห นา ยความเจบ็ ปว ย
ไขตาง ๆ หมูน้ี เจบ็ ก็เจบ็ อยูรองครวญคราง กร็ อ งอยูอยา งนั้นละ แตไ มม ีอบุ ายความคดิ นึกในใจวาทํา
อยางไรหนอเราจึงจะพน จากทุกขเหลานีไ้ ป ไมคดิ เลย เพราะฉะนั้นมันจึงออกจากทุกขไ มไ ดน ั่นแหละ ถา
ผใู ดเจ็บปวดไมส บายอยา งไงแลว มากาํ หนดพิจารณา เออ..ก็เพราะเหตวุ า จติ น่มี าถือม่นั ในขันธ ๕ อนั นี้
วา เปนตวั เปนตน เปน เรา เปน เขา ไมแ ตว าชาติน้ี ชาตหิ ลงั ๆ ลวงมาแลวนับชาติไมถว น มันกม็ าถอื เอา
ขันธ ๕ เปน ท่ีพงึ่ ทอี่ าศัย สาํ คัญวา เปนของตวั ของตน บัดนีข้ นั ธ ๕ ไมเที่ยงกว็ ิบัติแปรปรวนไป จติ ท่ี
อาศัยอยใู นขันธ ๕ น้กี เ็ ปน ทุกขทนทรมาน แตม ันกไ็ มใชวา เปนทกุ ขอ ยตู ลอดเวลา นแี่ หละทีค่ นจะหลงตดิ
อยใู นโลกอันน้ีแหละ เม่ือโรคภัยหายไปแลวรา งกายก็สมบูรณดขี ึ้นมากน็ กึ วา ตนสบายแลว ก็ยิ่งเพรดิ
เพลินย่ิงมัวเมาน่ี แตมันก็หาไดห ายไปเดด็ ขาดแลว ๆ ไปเลยไมตกไป หายไปชว่ั คราวชวั่ ระยะหนึ่ง ไป ๆ
เดย๋ี วมันก็เกดิ ขน้ึ มาอีก ก็ไดร ับทกุ ขเวทนาอยอู ยา งน้นั แหละ คนเราถาไมเ จ็บไมปวยมันก็ไมต าย กอนจะ
ตายมันตอ งเจ็บปวยซะกอน รา งกายมนั จะทรดุ โทรมลงไปเยียวยารักษาอยางไรกไ็ มห าย เมือ่ เวลาจวนจะ
ตายแลวมานกึ ถึงพุทโธแลว มานึกไมไ ด เพราะทกุ ขเวทนามนั ครอบงาํ จิตใจพอแรง นึกไมออกซ้ําเปน ไร
เวน เสยี ผทู ่ีไดภ าวนาอยแู ตยังมชี ีวติ ดีอยู ภาวนาพทุ โธจนตดิ นิสัย จนใจเขม แขง็ ต้งั มั่นอยูดวยดี ถา ทําได
อยา งน้ีเวลามีชีวติ อยดู ี ๆ เม่ือเวลาโรคภัยไขเ จบ็ เบยี ดเบียนเจ็บปว ยลงจะตาย มันกร็ ะลึกได เพราะใจที่
ฝก แตย ังดี ๆ อยอู ยางน้มี ันเขม แข็ง มนั ตง้ั มน่ั ทั้งพิจารณาเหน็ วา ธาตุ ๔ ขันธ ๕ นี้มนั ไมพ นจาก ความ
แก ความเจบ็ ความตาย มนั มีอยูอยางนี้เปน ธรรมดา ภาวนาพุทโธแลว ก็พจิ ารณาถงึ ความจริงของราง
กายอันนี้ ทุกวันทุกคืนไป มันก็เหน็ แจงดว ยญาณอันเกดิ จากสมาธนิ ยั เห็นวา ธาตุ ๔ ขนั ธ ๕ อันน้ไี มม ี
สาระแกนสารอะไรเลย ไอที่ไดอ าศยั มันอยูน่ีมันยังไมแ ตกไมด ับ เพราะอาศัยบญุ กศุ ลท่ีทาํ มาแตชาติกอน
มาหลอ เล้ยี งไวส มประกอบกนั กบั อาหารในปจจุบนั หลอ เลี้ยงไวถา จะอาศัยแตอ าหารอยา งเดยี วไมไ ด
อาศัยบุญกศุ ลแตชาติกอ นนนั้ มันอยไู มไ ด ถามนั อยูไดมนั กไ็ มเจ็บ ไมไข ไมตาย คนเราอาหารมกี ินอยู
ตลอดไป นกึ ใหดีพจิ ารณาใหเ หน็ เหตุท่มี ันยงั อยูไ ดก เ็ พราะอาศัยบุญเกา มาหลอเล้ยี งไวกับอาหารการ
บรโิ ภคปจ จุบนั น้ี สมทบกนั เขา ไปอีก ถาบญุ เกาหมดลงแลวอาหารก็ดิบรบั ประทานไมไ ด แมแ ตน ํ้ายัง
http://www.geocities.com/worralapo ๒๕
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
กลืนไมล ง เอามาพอ ไดเ อาสําลีชุบน้ําหยอดใสปากให เพ่อื ใหน าํ้ มนั ไปทาํ ใหช บุ คอหายใจสะดวกสัก
หนอย มนั เปนอยางน้นั เวลาคนเราใกลจ ะตาย
ดังนั้นอยา พากันไปน่ิงนอนใจ แนน อนเราทกุ คน เรยี กวา ถูกคนดีๆ ยังไมต าย เอาสาํ ลจี มุ นา้ํ
แลว ก็หยอดใสป ากให แนน อนแหละถงึ วาระนนั้ มาแลว นอนทอดหายใจแขมวๆ อยู บางคนก็หายใจปลา
ปลาที่เอาขน้ึ มาบนบกหายใจงาบๆๆ มันไมไ ดม ีน้าํ แลวมันอยูไมไ ดปลา เม่ือหนึ่งกห็ มดลมหายใจเงียบไป
คนเรามนั กไ็ มผิดอะไรจากสตั วเทาไรนักเวลาจวนจะตาย ดงั นน้ั เราตองเตรียมตวั ไวภ าวนาไวเ สมอๆ ใช
ปญญาพิจารณาวา คําวา ตายๆ น้ี อะไรมันตาย เม่อื ใจตั้งม่นั แลว มนั กร็ ไู ด วา ไอธ าตทุ ง้ั ๔ มนั ไม
ปรองดองสามัคคีกัน บางทธี าตุไฟตองออนลง บางทธี าตลุ มก็ออนลง เม่ือธาตเุ หลานม้ี ันออ นแอลงไปแลว
มันก็ไมมกี ําลงั รบั ประทานอาหารอะไรไมไ ด ไอค นเราทจ่ี ะรบั ประทานอาหารอยนู ีไ่ ดเพราะธาตไุ ฟมันแรง
มนั ทาํ ใหอยากอาหาร ธาตุไฟนน้ี ะ ธาตุลมมันมีมนั ชว ยกลนื อาหารลงไปในทองในใสก ็เพราะธาตุลมน้ี
แหละคนเราเมื่อลมมันออ นลงไปแลว ก็เลยไมม ีกาํ ลงั แมแตก ลืนขาวนก้ี ไ็ มล ง กลนื นาํ้ ก็แทบไมลงเลย ให
พจิ ารณาใหถงึ ลักษณะแหง ความตาย มันมีอาการอยางไร เม่ือเราพิจารณาดไู ปบอยๆ กเ็ กิดญาณความรู
แจง ข้ึนมา โอ…ความตายมนั เปนอยางนีๆ้ หนอ ลงความแลว ไมใ ชเ ราตาย บดั นี้ เราไมไ ดอยูในขันธ ๕
นัน้ ขันธ ๕ ไมไ ดม อี ยใู นเรา หมายความวา จติ ไมใ ชขันธ ๕ ขันธ ๕ ไมใ ชจิต ขันธ ๕ น่เี ม่ือจิตถอดออกไป
แลว มันก็นอนทอดอยูบ นพืน้ เอาไฟเผากเ็ หลอื แตเถา กบั กระดูกเทานั้นเอง จิตน่กี ม็ บี ญุ และบาปนําไป อือ
…ไมใชอ ยูกบั กระดกู นน้ั หามิได แตความเหน็ ของแขกอินเดีย เขาเห็นวาคนตายลงไปแลว จติ วิญญาณ
มันผูกพนั อยูกบั รปู กับรา ง อนั นีไ้ มไ ปไหน เอาไปเผาไฟแลว เหลือแตก ระดูก เอากระดูกมาบดใสครกให
ละเอยี ดแลวเอาใสขันไปโปรยลงน้ําโนน ใหป ลากินใหมนั หายไปเลย จติ มนั จะไดไมมาหวงอยกู บั กระดกู น้ี
ไอค วามเห็นของแขกอินเดยี มันปราศจากเหตุผล น่ันแหละ มนั จงึ มีลัทธขิ ้นึ มา ๑๐๘
จิตนเี้ มอ่ื มนั ออกจากรา งนแ้ี ลวหากวาจิตผูใดเวลาจะตายมีความหว งใยอะไรอยกู บั ลกู กับรา ง
กบั บา นกบั ชอ งกับทรพั ยสมบตั ิ จริงอยอู ันนี้ เมอื่ จิตนอี้ อกจากรา งแลวไปไหนไมได กต็ องวนเวียนอยกู บั
สงิ่ ทีต่ นขอ งใจ อาลัย หวงแหนน่ันแหละ ไมใ ชไปอยูก บั กระดกู นั้นหรอก ไปอยูกบั ทีจ่ ติ ตรงมันหว งตรง
ไหนมนั ก็ไปขอ งอยตู รงน้นั อยางที่ในนทิ านทานกลา วไว คนโบราณเอาเงนิ ไปฝงไวในดิน ตายแลวก็เกิด
เปน งเู ฝาไหเงนิ อยูนน้ั เปนอยา งงี้แหละ เพราะดเู ฉย ๆ เอาเงินนน้ั ไปใชจายอะไรก็ไมไ ด เฝา อยเู พราะจิต
มนั หวงแหน นัน่ แหละคนทไี่ มไดภาวนา ไมไดม องเหน็ ความจริงของทรพั ยส มบัตกิ เ็ พราะวา ธาตุทัง้ หลาย
เปนอนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา เพราะไมเ คยคิด เคยพจิ ารณาสกั ทเี ลย เวลาใดกว็ า แตของกู ของเรา ของกูอยู
อยางนนั้ เม่อื ตายลงมนั จึงหนีจากสมบัติเหลานน้ั ไมไดเลยไดท นทุกขทรมาน กลวั คนจะมาพบมาเอาไป
อยูอยางนัน้ แหละ นแี้ หละการภาวนามนั มปี ระโยชน มีประโยชนจรงิ ๆ เม่อื ฝกจิตน้ีใหตง้ั ม่ันลงไปแลว ตัง้
มน่ั อยภู ายใจแลว มนั กผ็ อ งใส เมอ่ื นกึ ถงึ รา งกายสวนไหนมันก็เหน็ รา งกายสวนน้นั นกึ ถึงความไมเ ที่ยงมา
มนั ก็ปรากฏวารางกายนีแ้ ตกสลายลงไป แสดงภาพใหเห็นวา ไมเ ทีย่ งอยางนีแ้ หละ แตท จ่ี รงิ มันกไ็ มแตก
จริง ๆ หรอกเพยี งแตมันแสดงภาพใหร ูเทานั้นแหละ มันเปน สปั วธาตมุ ันก็แสดงธาตเุ มอื่ ตายแลว เอาไฟ
เผาแลว มันกล็ งเปนธาตุดิน กระดกู ก็ธาตดุ นิ นนั้ หละ เถาตาง ๆ มนั ก็ธาตดุ ิน มนั ก็เปน อยา งนั้นแหละ ใช
ปญ ญาญาณหย่งั รพู จิ ารณามนั ใหถ งึ ความจรงิ อยางวา นี้แหละมันกห็ ายหวงบดั นแ้ี หละ หายหว งคาํ วา
เปนตัวเปนตนนะไมห วงแลว ทําจิตใหเ ปน อเุ บกขาในปจ จบุ ันนี้ เมอื่ ยังไมตายก็ จิตก็ยงั เปน อเุ บกขาอยู
http://www.geocities.com/worralapo ๒๖
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรียญ วรลาโภ)
ไมไ ดย นิ ดียินรายกบั รางกายอนั น้ี เพราะเหน็ วาไมใ ชของเราจริงจัง ของมนั จะตอ งแตกตอ งดับอยู เวลา
มนั ยังไมแตกไมดบั น่ี ก็เพราะบุญกุศลที่ทาํ แตก อ นมารักษาบาํ รงุ ไว เพือ่ ใหจิตดวงน้ีไดสรา งบุญบารมีให
แกกลาเพอ่ื สง่ั สมบุญ ใหบ ญุ นจี้ ะไดนาํ ตนออกจากทุกขเ ทา นอ้ี ันน้แี หละ
ทางออกจากทุกขกค็ อื บญุ กุศล ดว ยสติปญ ญาอยางวา มาแลวน้ันแหละ ไมใ ชอยางอนื่ ใดไมใช
ทางเดนิ แบบทางเดนิ ดว ยเทาน้ี คอื ญาณความรูน้นั เองเปน ทาง เม่ือญาณความรเู กดิ ขึน้ แลว มันก็เหน็ วา
รางกายทกุ สว นไมว า สวนทเี่ ปนรูปท้ัวสว นท่เี ปนนามธรรมไมม รี ูปรา งเปน แตค วามรสู ึกเฉยๆ น่ีไมใ ชข อง
เราท้ังน้ันเลย จติ เมื่อมนั เกดิ ญาณความรูขนึ้ มนั กเ็ ห็นอยางนีแ้ หละ เห็นอยางน้เี รือ่ ยไปเลยทีเดยี ว เมอ่ื
รักษาความเหน็ ความรูอ ันน้ไี วไดต ลอดไป เมอ่ื เวลาความตายมาถงึ เขามันก็ไมห ว่นั ไหวอะไรแลว ญาณ
ความรูม นั เปน สักขพี ยานแลว วาไมใ ชเราตายไมใ ชเขาตาย เวลาน้ีธาตุ ๔ ขันธ ๕ มนั กาํ ลังจะแตกจะดบั
อยู มนั เหน็ เปน สภาวะธาตเุ ทา นน้ั นะบดั น้ีแหละ ไมไ ดเหน็ วา รางกายน้เี ปนตวั เปน ตนเลยเม่อื มนั เห็นอยู
อยางน้ีรูอ ยอู ยา งน้จี นหมดลมหายใจ จิตมันก็ไมไ ดของอยใู นโลกนี้แลว ถงึ แมว า ยงั ไมเ ขา สูนพิ พาน มันก็
จติ กห็ ลุดออกจากโลกอันนี้ ก็บังเกดิ สคุ ติโลกสวรรค หรอื ผูทไี่ ดฌ านโลกยี เ ขา ไปกไ็ ปเกดิ พรหมอยใู น
พรหมโลกโนน อนั มนั ก็เปนการพนั ทุกขไปขั้นหนึง่ ทกุ ขจ ากความเปนมนุษยน ี่ไปเปน เทวดา เมอื่ เปน
เทวดาแลวความทกุ ขเหมอื นอยา งอยูเ กิดเปนมนุษยอยนู ก่ี ด็ ับไปพอเปน เทวดาแลวมีรางกายอนั ละเอียด
ออ นบุญกศุ ลตบแตง ให อาหารกเ็ ปน อาหารทพิ ยไมห ยาบคายเหมอื นอาหารมนษุ ย จะไปไหนมาไหนก็
คลองแคลวดี โรคภัยไขเจ็บกไ็ มเบียดเบียน มคี วามสุขสนกุ สนาน พวกทีเ่ กิดเปน เทวบุตร เทวดา นีแ่ หละ
เรยี กวา พนจากทกุ ขอ นั เปน มนุษยน ี่กไ็ ปเสวยสุขจากการเปนเทวบุตรเทวดา แตค วามสขุ ของเทวบตุ ร
เทวดามนั กย็ งั ไมเทย่ี งอยเู หมือนกนั แตว ามนั สขุ ไปไดน าน นานกวา สขุ มนุษยน้ีหลายรอยหลายพันเทา
เพราะเทวบตุ รเทวดาน้ีอายยุ ืน ยืนอยูด ว ยความสขุ ถา คนเรามีทกุ ขม โี รคภัยเบยี ดเบียนแลว ไมย นื ละ อายุ
เหตุทบ่ี นสวรรคจะมีอายุยนื ก็เพราะเหตวุ าไมม ีโรคภัยเบยี ดเบียน คนผไู ปสูส วรรคแ ลว ไมมีบาปติดตามไป
มแี ตบุญติดตามไปหลอเล้ยี งรักษาเพราะเหตนุ ัน้ จงึ ไมเ ปนทกุ ขเ ดือดรอน แตถาเมื่อหมดบญุ นั้นแลว กอ็ ยู
ไมไ ด กเ็ คลื่อนจากที่นน้ั ไปหาที่เกดิ ใหมอีก พระพทุ ธเจา ทรงแสดงไววาถา จากจุติจากสวรรคกต็ อ งมาเกิด
ในโลกนี้ ถาคนมบี ญุ นะ มาเกิดก็มักจะมาเกิดในสมยั ที่มพี ระพุทธเจามาบงั เกดิ ในโลก และไดม าสรางบุญ
สรางบารมี เหมอื นอยา งบริษทั ของพระพทุ ธเจาท่ีตดิ ตามพระองคม าแตเปนพระโพธิสตั ว ยกตวั อยา งเชน
นางวิสาขา อนาถาบิณฑติ มหาเศรษฐี หรือคนอนื่ ๆ ซึ่งไมคอ ยจาํ ช่อื ได ทา นเหลา น้ันกม็ ีบุญไดสรา งบญุ
กศุ ลมามากแตก อน บุญนน้ั กน็ าํ มาเกดิ รวมกบั พระพุทธเจา กไ็ ดเ ปน พทุ ธอปุ ฐาก ไดอ ุปฐากพระพทุ ธเจา
และพระสงฆ เพราะวา คนเชนนั้นเปนมีบญุ เงนิ ทองก็เปน กา ยเปนกองไมอดไมอ ยาก ทําบญุ ทาํ ทานไปเทา
ไหรก ย็ ิง่ หล่งั ไหลมาเทมาอนั เงนิ ทองขา วของ เปนอยางนน้ั
เพราะฉะนัน้ ในพุทธศาสนาขององคส มเด็จสัมมาสัมพุทธเจา พระองคใดมาตรสั รูใ นโลกแลว
กพ็ ระองคมีบรษิ ทั บริวารตดิ ตามมาบังเกดิ อปุ ถัมภบ าํ รุงใหพระพทุ ธศาสนานีเ้ จรญิ รุง เรือง น่ีแหละพวกเรา
ก็นบั วามบี ุญอันหนง่ึ แตวา บญุ ไมแรงเหมอื นอยางคนครัง้ นนั้ เราก็ไดเ กิดมาพบพุทธศาสนาน้ี ไดฟงคํา
สอนของพระพุทธเจาแลวตื่นตวั กัน กเ็ ลยตัง้ อกตงั้ ใจฝก ฝนอบรมตน เพราะมองเหน็ วา กายกับจติ น่ี จิตน่ี
สําคญั จติ นี่แหละทองเท่ยี วไปเกิดทโ่ี นนเกดิ ทน่ี ่ี แตรางกายไมไปเกดิ ไหนแลว แตกดับลงไปไฟเผากเ็ หลอื
แตเถากับกระดูกก็คือธาตดุ นิ นั้นแหละ สวนดวงจติ น่ีมนั ไมห ยดุ บญุ กรรมบาปกรรมท่ีทาํ มันก็นําไปเกดิ อีก
http://www.geocities.com/worralapo ๒๗
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
ถาบุญนาํ ไป เกิดไปกไ็ ปสรางบารมแี หละ ถา ไปเกิดเปนเทวดาก็สรางบารมอี ยสู วรรค กม็ ีพญาอนิ ทรน ี้ก็
สรา งพระเกตแุ กวจลุ มณเี จดียไ วบ นหลงั เขาสุเมรรุ าชอนั เปนทต่ี ั้งเมอื งสวรรคชน้ั ดาวดึงส แลว บรรจุพระ
เกศาธาตกุ บั เครือ่ งทรงของพระองคตอนออกบวชทแ่ี รก แลว ก็พระเขย้ี วแกว ตอนเมอื่ พระองคปรินิพพาน
แลวนพี้ ญาอนิ ทรมาเอาจากโทณพราหมไปบรรจไุ วใ หพ วกเทวดาทัง้ หลาย ๖ ชัน้ ฟา ไดล งมากราบมาไหว
ในวัน ๘ ค่ํา ๑๕ ค่ํา น้ันเปน สถานทเ่ี ทวดาสรา งบารมี แลวกต็ อนทีพ่ ระองค พระพทุ ธเจา พระองคใ ดพระ
องคห นึ่งมาบงั เกิดในโลก แลว เสดจ็ ขึน้ ไปแสดงพระอธธิ รรมโปรดพทุ ธมารดา เทวดาเหลานน้ั ก็พลอยได
ฟง พระองคไปอยูจําพรรษา ๓ เดอื น ๓ เดือนในมนุษยก ็ทรงโปรดเทวดาไดบ รรลมุ รรคผลมากมายกา ย
กอง นีอ่ ยาไปเขา ใจวา สวรรคนะ จะไมม ีมรรคมผี ล มี แตเทวดาผูใดตง้ั แตเ ปน มนษุ ยน่ไี ดภ าวนา ไดเจริญ
ไตรลกั ษณญาณอยูเสมอ ๆ เห็นความไมเ ทย่ี งของขันธ ๕ อนั นเี้ ปน อารมณอ ยูอยา งน้ัน เกิดนิพทิ าขน้ึ
เปนครงั้ เปน คราว เบ่ือหนา ย อยากจะไปใหพ น จากขนั ธ ๕ นไี่ ปยนิ ดีตอพระนิพพาน ถา ผใู ดไดบ ําเพ็ญ
เพยี รภาวนาอยา งนีต้ ั้งแตเ ปน มนุษยแลวมศี ลี บริสทุ ธิ์แลว ตายแลวไปเกดิ สวรรคช ั้นฟา อยา งวานนั้ เมื่อ
พระพทุ ธเจา ข้ึนไปแสดงธรรม เทวดาเชนนี้แหละมาฟงเทศนมกั จะไดบรรลุมรรคผลเลย เทวดาจาํ พวกใด
ทีไ่ มภาวนามแี ตใ หท านรักษาศลี ธรรมดาตายแลวไปเกดิ เปนเทวดา ปญญาก็ทบึ ฟงพระอธธิ รรมอันเปน
ธรรมท่ีละเอียดก็เขา ใจไดเ ล็กนอย ไมมาก สว นทา นผูใ ดไดภ าวนาตงั้ แตท ่ีเปน มนุษยแลว ทรงแสดงพระ
อธิธรรมเทวดาเหลานน้ั ไดฟง และพจิ ารณารตู ามเหน็ ตามไปได กจ็ ึงสามารถบรรลมุ รรคผลได มนั เปน
อยา งนั้น เร่ืองมนั นะ ดงั น้นั ไมเ สียทีหรอกพวกเราฝก ฝนอบรมตนเนย่ี เอากันไปเถดิ เราจะไดพ บกบั
ความสขุ อันเปน แกน สารในอนาคต
ปจจบุ นั นี้เรากพ็ บอยแู ตพบไมมากขอใหท าํ ไปเรอ่ื ย ๆ บนกุศลอันนมี้ นั สง ทาํ ใหไปเกดิ บน
สวรรคแลวมีอายุยนื ยาวนาน แลวบัดนม้ี ีพระพุทธเจา พระองคใดพระองคห น่งึ มาตรสั ในโลกแลว เสดจ็ ขึน้
ไปแสดงพระอธธิ รรมอยา งท่ีวานั้น กไ็ ดฟ ง พระอธธิ รรมเทศนาของพระพุทธเจา น่ีกด็ วยอํานาจบญุ บารมี
น้ันแหละ ทาํ ใหเทวดาน้ันมีอายุม่ันอายยุ นื ยาวนาน อยางในภทั รกัปปต อไปน้นี ะ ถา ภัทรกปั ปน ีห้ มดลง
กปั ปใหมตัง้ ขนึ้ มาจะมีพระพุทธเจามาบงั เกิดตัง้ ๑๐ พระองคโ นน ถาหากผูที่ปฏิบัติธรรมอยใู นพทุ ธ
ศาสนาของพระพทุ ธเจาโคดมนแี้ ลว ตายแลว ไปเกดิ สวรรคอยางเชนวามาแลวน้ันอายุยนื ยาวนานไป จน
วา ถงึ พระศรีอรยิ เมตตรัยมาตรสั รใู นโลก พระองคท รงเสด็จไปแสดงพระอธธิ รรม พวกเทวดาเหลา น้ันอาจ
จะไดบ รรลมุ รรคผลดับขันธเ ขา สนู พิ พานไปกไ็ ด หรอื ไม ไมส ามารถบรรลมุ รรคผลในพระศรีอรยิ เมตตรยั
ก็จะมีอายยุ นื ตอไปถงึ กัปปต อไปนนั้ ซ่ึงมีพระพุทธเจา บงั เกิด ๑๐ พระองค พระพทุ ธเจาเสด็จไปทรง
แสดงพระอภิธรรม เทวดาเหลา นัน้ อาจไดฟ ง ธรรมและบรรลุมรรคผลเขา สูนพิ พานไปอาจจะมี น้นั แหละ
เพราะฉะนั้นเราไดเกิดเปน มนุษยอ ยา งน้ีแลวก็อยาพากนั ประมาท ใหทําความเพยี รไป แมว าจะไมบ รรลุ
นิพพานในปจ จุบันนบี้ ุญบารมียังไมเต็ม ก็เปนอุปนิสัยอนั สําคญั ทที่ าํ ใหเราบรรลุมรรคผลบนสวรรคช้ันฟา
กไ็ ด ดังน้ันเม่อื ไดยนิ ไดฟ ง แลวก็ขอใหพากันตั้งอกต้ังใจทาํ ความสงบตอไปจนกวาจะสมควรแกเวลา
ถอดเทปโดย คุณ พงศพ ิพฒั น ดํารงวฒั นกุล
http://www.geocities.com/worralapo ๒๘
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
กุศลธรรม อกุศลธรรม อพยากตธรรม
โดย หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ
ณ บา นลานทอง
๒๔ มถิ นุ ายน ๒๕๔๓
พระพุทธเจา ทรงแสดงธรรมทีล่ ะเอยี ดมาก ทรงไปแสดงไวในสวรรคช ัน้ ดาวดึงส เพราะเหตวุ า
เทวดามกี ายละเอียด จติ ใจผอ งใส เพราะบนสวรรคไมม กี ารทาํ บาป คนทไ่ี ปเกิดบนสวรรคนั้นตอนเปนคน
ก็เวน โทษ ๕ ประการตลอดชีวติ (คอื อยใู นศลี ๕ ไมล ะเมิดศีลหา)
กุศลาธรรมา คือ ธรรมอันเปน กศุ ล
อกศุ ลาธรรมา คือ ธรรมอันเปน อกุศล
อพยากตธรรมมา คอื ธรรมอันไมใชบญุ ไมใชบ าป เปนกลางๆ ไมดีไมช ัว่ ไมเ ปนกุศลไมเ ปน
อกุศล
พระพุทธเจาทรงตรัสวา ธรรม มีอยู ๓ ประการนี้ แตว า แตกกิง่ กา นสาขาไปไดม ากมาย แตก
รมเงาใหคน สตั ว ไดอ าศยั
กุศลธรรม
คอื ธรรมอนั ดี พระพุทธเจา ทรงสง เสริมใหบคุ คลทาํ ก็คอื ไมท ําบาป ๕ ประการ (หนง่ึ ) และ
ไมท ําบาปอื่นอกี (หนึง่ ) ก็ไดชอื่ วาเปนบญุ เปนกุศล ศลี หาทําใหค นฉลาด คนไมฉ ลาดรกั ษาศีลหาไมไ ด
ใครรักษาไดก เ็ ปน บุญกุศลของคนนัน้ ไดช่ือวา มบี ญุ กุศล ความดเี ปนทร่ี ั้งจิตใจ
ใหนกึ ดูวา พวกเรามีศีลหา บรสิ ทุ ธ์ไิ หม ถา มี ก็แสดงวาเรามกี ศุ ลธรรม (คอื ความฉลาด) อยูใ น
ใจ ใจมคี วามฉลาด หาทางเล่ียงจากโทษบาปทั้งหลายได ใครยังเลย่ี งไมไดก็เพราะขาดปญญา ขาดความ
ฉลาด เมื่อมปี ญญาแลว ปญ ญากม็ าสอนจติ มีปญญาเอาตวั รอดจากบาปผูมปี ญญาเอาตวั รอดจากบาปได
ถงึ จะไมเ จรญิ ดวยลาภ ยศ สรรเสรญิ ฯลฯ ก็ตาม ขอใหมีปญญาเชนนี้ ปราชญท้ังหลาย มีพระพทุ ธเจา
เปน ตน ยอ มสรรเสริญวา มปี ญ ญาเอาตัวรอดจากทกุ ขได
ถา เทศนเรอ่ื งอืน่ จะไมใ กลการพน ทุกข จึงนําเรอ่ื ง บุญ-บาป มาเทศนใ หฟ ง บุญ-บาป กอ็ ยทู ่ี
จิตใจเรานี้เอง รงั ของบุญ-บาป กอ็ ยูท่จี ิตเราเอง ใหภ าวนาดจู ติ ของเราเอง สังเกตดู จิตของเราเปน บุญ
หรอื กศุ ล หรือเปน กลางๆ ไมบ ญุ ไมบ าป หรือวาเปน บาปอยางเดียว หรอื วา จิตของเราเปน ท้งั บญุ และบาป
หรอื อยางใดอยา งหนึง่ หรอื สองอยางหรอื ทัง้ สามอยา ง ฯลฯ
จิตทีเ่ ปน อกุศล ใครมาวา ก็โกรธแลว ถามสี ตสิ มั ปชญั ญะกจ็ ะรตู ัววา จติ เปน อกุศลอยู ยังโกรธ
คนอยู กต็ อ งละความโกรธดวยการเจริญเมตตา ทาํ ความรูสกึ เอ็นดตู อเพื่อนรว มทุกข เกดิ แก เจ็บ ตาย
อารมณต างๆ นัน้ เม่อื ใจไมยึดถอื มนั กด็ บั ไป
http://www.geocities.com/worralapo ๒๙
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
ฟงธรรมมาเยอะแยะแลว ควรชาํ ระกายใจใหส ะอาด ไมใหค วามเศรา หมองเกดิ ขึ้นในจิตใจ ขอ
เตือนพุทธบรษิ ัททัง้ หลาย เพราะวาชวี ติ คอื จติ ดวงนี้ เมื่อไดเ สวยผลบญุ ทีท่ าํ ก็มีความสุข ไปเกิดท่ีใดก็มี
ความสุข เกิดภพใด ชาติใด จติ ใจก็มีความสุขอยใู นภพที่เกิดน้นั และจิตบาปอกุศล กจ็ ะหนว งเหนย่ี วใหไ ป
เกิดที่ต่ํา ไมม ีทางพาไปสทู ี่สูง ทดี่ ี หลวงปเู คยเทศนวา นรกอยใู ตดินน้เี อง ในตําราทา นวาไวแ ตไ มร ูอ ยูลกึ
แคไ หน มีสาํ นกั งานของยมพบาล มสี ํานักงานของนายนริ ยบาล ควบคมุ สัตวน รก สอบสวนสตั วน รก แลว
ก็บอกวา นี่เปนกรรมของเธอเอง เธอทาํ มาเอง ตอนนีก้ ็ตองเสวยผลของกรรมนนั้ ของเธอเอง (น่ีคือคําตัด
สนิ โทษ) วาแลว ก็จะโยนลงนรกไปนายนริ ยบาลเองกเ็ ปนทุกขเ พราะตองคอยควบคมุ สัตวนรกอยู สวน
ยมพบาลผเู ปนใหญนั้นไมค อ ยทุกขเ พราะมหี นาทีส่ อบสวนสตั วนรก การสอบสวน ก็คือ ถามวาเคยทํา
บาปอะไรบาง เคยฆาสตั วไ หม ตวั เลก็ หรือใหญแ คไ หน ฆา สัตวเลก็ ก็บาปเล็กหนอ ย ฆา สตั วใหญกบ็ าป
มาก บาปมากก็ตองตกนรกนาน
ดังน้ี พวกเราควรพากันสะดุงหวาดกลัว อยา เหน็ แกป ากทอง อยาเหน็ แกค วามสนุกสนานช่วั
คราว สขุ ในโลกน้ันสุขชั่วคราวเทา นั้น ไมย ง่ั ยืนอะไรเลย เปรยี บดังการรบั ประทานอาหาร พอกินอม่ิ ก็
สบาย แลวความอมิ่ กห็ ายไป ก็ทกุ ขอ กี เพราะหิวอกี
เปน นักปฏิบตั ิธรรม ตอ งพจิ ารณาใหเ หน็ ทุกอยางวาไมเทย่ี ง ไมยั่งยนื ควรรูเทาและอาศัยของ
ไมเ ทยี่ งนี้ (กายก็ไมเที่ยง จติ ก็อาศัยกายอยู อาหารทอี่ าศัยยงั กายก็ของไมเทย่ี ง) ของไมเ ทย่ี งกบั ของไม
เทีย่ งมาบาํ รุงกนั ถาเทยี่ งแลว กไ็ มตองบํารงุ กัน เปน อยูอ ยางไรกเ็ ปนอยางน้ัน แตในโลกนีไ้ มม ีอะไรเทย่ี ง
มแี ตพระนพิ พานที่เทย่ี ง ไมว ิบตั ิ ไมผ ันแปร เราก็ตอ งทําใจใหยินดีในพระนพิ พาน ดวยการไมยดึ ถือในตวั
ตนขันธ ๕ อนั ไมเ ที่ยง
ตัณหา เปน ปจจยั ใหเ กิด อุปาทาน เม่อื อยาก ก็ยึดไมไ ดค ราวน้ี ตอ ไปกจ็ ะตองเอาใหได ผู
ปฏิบัติธรรมทง้ั หลาย ขอใหเ ขาใจ อยาคิดวา เปนผูครองเรือนปฏบิ ัติธรรมอันลกึ ซึง้ ไมไ ด
พระโสดาบนั มีสาม-ี ภรรยา-ลูก ทําไรน า ทาํ งาน คาขาย ตามความสามารถอยู แตทานไมทํา
บาป ขอทานกเ็ ปน พระโสดาบันได (เคยมคี นโรคเรือ้ น ฟงเทศนจากพระพุทธเจา กบ็ รรลโุ สดาบนั แลว
กราบปฏิญาณตนถงึ พระพทุ ธ พระธรรมและพระสงฆ พระอนิ ทร ไดย ินขาวเรอ่ื งน้ีเขา กล็ งมาทดสอบ ให
ปฏิเสธคุณพระพทุ ธพระธรรม และพระสงฆแลว จะหายาแกโรคเรื้อนมาใหห ายจากโรค ชายโรคเรอื้ นนัน้ ก็
ตอบพระอินทรว า ทานเปนใคร จงึ มาแนะใหขาพเจาถอนตัวจากที่พ่งึ อันประเสริฐคอื พระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ ขา พเจาถอนไมไ ด หาไดห วั่นไหวกับโรคภยั ไขเ จบ็ เหลา นไี้ ม พระอนิ ทรฟ งดงั นี้ จงึ ไปกราบตอ
พระพุทธเจา วา ผนู ้ีบรรลุโสดาบันแลว จริงๆ ดว ย (ไดไ ปสมั ภาษณม าแลว )
ขอใหเ ขา ใจ มรรคผล ธรรมวิเศษ ไมไดอ ยทู ี่รา งกาย แตจติ เอารา งกายเปนอารมณ เห็นวา
กายนไ้ี มเท่ียงหนอ เมื่อโรคภัยมากระทบรา งกาย กม็ ากระทบจิต จิตก็เดอื ดรอ น
พระโสดาบนั อาจจนกาย แตทรพั ยภ ายในไมจ นเลย ความเหน็ ของพระโสดาบนั กค็ อื สงิ่ ใดมี
ความเกิดขนึ้ แลว ส่ิงทงั้ ปวงยอ มมคี วามดับไปเปน ธรรมดา ดวยอาํ นาจแหงปญญา ใครไดบรรลคุ วามเหน็
เชน นี้ ดว ยปญญาอันบรสิ ทุ ธ์ิ แลว ทานผูน ้นั กจ็ ะบรรลุพระโสดาบนั ความเหน็ อยา งน้ี ตองเกิดจาก ศลี
เมื่อศลี บริสุทธิ์ กน็ อ มเปน สมาธิ แลว ก็สงบขึน้ … (ขออภยั ทจ่ี ดุ ๓ จุดไวต รงนีค้ ือจดไมทัน จาํ ไมไ ดแลว
http://www.geocities.com/worralapo ๓๐
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรยี ญ วรลาโภ)
วา หลวงปกู ลาวตอ วา อยางไรคะ - deedi) เหน็ อนิจจงั ทกุ ขงั อนัตตา นี่เรียกวา พระโสดาบนั รุกขเทวดา
สองแมล กู ไดฟ ง ธรรมจากพระพุทธองคด ว ยใจสงบดว ยความเคารพ ฟง จบ กบ็ รรลุโสดาบันได
มรรคผล อยกู ับผมู ีบุญ ผมู บี ญุ แกกลา กจ็ ะบรรลุ เบ่อื หนายคลายความยดึ ถอื แลว กว็ าง จติ ใจ
ก็รวมเขาสมู รรค ถอนออกจากความสงบกร็ ูแจง วา "ธรรมท้งั หลายเกดิ ขน้ึ แลวก็ดับไป ทง้ั สงั ขารทม่ี ี
วญิ ญาณครองและสังขารทไี่ มมีวิญญาณครอง เปน ธรรมดา เห็นแลว มปี ญญาแลว กเ็ บอ่ื หนาย
ความเบ่อื หนาย มหี ลายขนั้ ตอน เมื่อเบอ่ื หนา ยแลว ก็ไมทาํ บาป เพราะทําบาปแลว ตองลง
นรก ถา หากไมทําบาปแลว ไมมีกนิ ก็ยอมตายไปซะดกี วาตกนรก ใจนนั้ ไมต าย มีแตก ายทตี่ าย เมื่อรเู ชนน้ี
ก็จะไมห วาดกลวั ตอ ความตาย
เมอ่ื จิตเห็นแจง ตามปญญา กจ็ ะไมเ ดือดรอ นแลว ใกลต ายลมหายใจก็จะส้ันเขา ๆ ลมหายใจ
หมดเสียงดงั 'พอ็ ก' แสดงวา จติ ออกจากกายแลว หมด นีส่ าํ หรับคนสามัญ แตพ ระอริยเจา ท้งั หลาย
นพิ พาน ไมมีเสยี งดังพอ็ ก มแี ตเ งียบไปเฉยๆ เพราะวาจติ ไมไ ดห วงกงั วลอะไรแลว วางทกุ อยา งเรยี บ
รอ ยหมดเลย
กศุ ลธรรม คอื ความฉลาด คอื อยูในศีลหา เปนผูมีปญญา มคี วามฉลาด
อกุศลธรรม คอื ความไมฉ ลาด คนไมฉลาดชอบทาํ แตบ าปแตก รรมใสตัวเอง
อพยากตธรรม คอื เวลาปกติ ใจกลางๆ ไมใชบญุ ไมใ ชบาป
คณุ deedi - - [email protected] ผูพ ิมพ
จากเวป e a s y d h a r m a
http://www.geocities.com/worralapo ๓๑
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
พระธรรมเทศนา
โดย หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ
ณ บา นนวธานี
๔ ตลุ าคม ๒๕๔๒
...
จติ ของคนมธี รรมอยู ๓ อยาง เปน ธรรมในใจของผเู วยี นวาย ตายเกิดท้ังหลาย นัน่ คือ ธรรมท่ี
เปนกศุ ล ธรรมท่เี ปนอกุศลและธรรมที่เปน อพั ยากตะ (หรอื อัพยากฤต- พจนานุกรมพทุ ธศาสนฉบบั
ประมวลศัพท)
เมอ่ื ใดจิตเปนกศุ ล เมอื่ นนั้ กเ็ กิดความสขุ อม่ิ เอม ถาอกุศลเกดิ ก็คิดไมด ี ทํารา ยกนั และเม่อื ไมมี
เหตุ (คอื เหตดุ หี รอื เหตุช่ัว) มากระทบ ใจก็วางเฉยอยู เวลาเชนนก้ี จ็ ะทาํ อะไรตอ อะไรไปโดยซ่ือๆ ไมมี
ระเบยี บอะไร
พระพทุ ธเจา น้นั มีจํานวนมากเทาเมล็ดทรายในมหาสมทุ ร แตล ะพระองค ตอ งสรางบารมยี าว
นานมาก นับเปน อสงไขยกัป แตธรรมะของพระพุทธเจา ทุกพระองคท ีม่ าตรัสรทู ี่ทรงสอนเหมอื นกนั ก็คือ
ใหละความชวั่ ใหทําความดแี ละใหท าํ จติ ใจใหผอ งใสบรสิ ทุ ธ์ิ
ดงั น้นั ขอใหคิดใหด ี การไดมาพบพระพทุ ธศาสนานน้ั เปน ลาภอันประเสริฐ บางศาสนาเปน
ศาสนาท่ีฆา สตั วต ัดชีวิตเพือ่ บวงสรวงเทพเจา แตพ ระพุทธองค ไดตรัสอธิบายการ "บูชายัญ" ในพระพทุ ธ
ศาสนาวา การบชู ายญั ใหไ ดผ ลดีนนั้ ตองเอาเกวยี นออกไปหาซอ้ื เส้ือผา เครอ่ื งนุงหมและอาหาร ใหเ ต็ม
แลว นาํ ไปแจกตามบา นนอยบา นใหญ ใหผ ูค นไดร างกายอบอนุ ไดอ ่ิม อาหาร เทาน้ีคือการบูชายัญที่ให
ผลดี
การบูชายญั ที่สงู ข้ึนไปอกี ก็คือ การไมท ําบาป ไมเ บียดเบียนกัน ไมผ ดิ ศลี สวนการบูชายัญท่ีสูง
ที่สดุ กค็ ือการเจริญภาวนา เจรญิ สมาธิ ใหไ ดถงึ ฌาน ๘ (ไมแนใจนะคะ จดมาตามนี-้ deedi) แลว ดําเนนิ
วิปสสนาตอ ใหเ หน็ อนิจจงั ทกุ ขัง อนัตตา นีเ่ ปนการบชู ายัญท่ีสงู ท่สี ุด
การละชั่ว ก็คือการรักษาศีล การทําความดี ก็คือการใหทาน การชําระจิตใจใหผองใส ก็คือทําใจ
ใหสะอาด อยาสะสมความชั่ว ไวในใจ ภาวนา พิจารณา ทําใจที่ฟุงเลื่อนลอยใหสงบแลวเจริญวิปสสนา
เพงพิจารณาธาตุ ๔ ขันธ ๕ วาเที่ยงหรือไมเที่ยง ทุกขหรือสุข เปนตัวตน หรือไม เมื่อพิจารณาแลวก็จะ
ละวาง บรรเทาทกุ ขในใจไปไดเปน สว นใหญ
สมัยพุทธกาล เมือ่ พระพุทธองคทรงแสดงธรรมเหลา น้ีใหแกพราหมณ พราหมณต างก็ไดบ รรลุ
โสดาปต ตผิ ลกนั มากมาย ถึงพระพทุ ธศาสนา เปน สรณะ กลบั ไปปลอยแพะแกะหมวู ัวควายทเ่ี ล้ียงไวฆา
บชู ายัญ ดดั แปลงโรงบชู ายัญเปนอยา งอื่นตอไป
พระพุทธศาสนานั้น ตง้ั ขนึ้ เพ่อื สงเคราะหแกผ ทู ี่มีวาสนาบารมีแกก ลา ใหไดพน ทุกข ผูท่ียัง
วาสนาบารมีไมแกก ลา บริบูรณก็ไดเ ปน พระโสดาบนั ไป และผทู ีบ่ ารมวี าสนายงั ออ นแตไ มหลงกจ็ ะมาถูก
http://www.geocities.com/worralapo ๓๒
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรียญ วรลาโภ)
ทาง โลกของเรามีของคู ดีชวั่ สุขทุกข เกดิ ตาย บาปบญุ สวรรคก ับพรหมคกู ัน แตพ ระนพิ พานมี ๑ ไมมี
๒
พระนิพพาน เปน ธรรมอยางยิง่ เปน ธรรมสูงสุด ทําใหรูจักทุกข ไมต องเกดิ แกเจ็บตายอกี ทําใหผู
ท่มี ีปญ ญาไดอ อกจากทุกข ไมตองเวียนวาย ตายเกดิ อีก นี่คือปณิธานของพระพทุ ธเจา ถา เปนผูท ีว่ าสนา
บารมยี ังออ นน้นั สวรรคน รกก็จะไมเช่อื สงสยั ในนรกสวรรค เพราะอวชิ ชาและตณั หายังครอบงาํ จิตอยู
(ถงึ ตอนนี้ หลวงปทู า นพดู ขนึ้ มาวา "อยากลัวหลวงปเู หน่อื ย หลวงปูไ มเหนือ่ ย แตวา คอแหบ เปน หวัดลง
คอ ไมต อ งกลัวหลวงปูเ หนื่อย")
ชวี ติ คนเราขนึ้ อยกู ับ ปจจยั ๔ ขาดปจ จัยสไี่ มไ ด แตเ ม่อื แสวงหา โดยสุจริตไมได ความไมร กู ็พา
ใหแ สวงหาในทางทจุ ริต ถา ผูรแู ลว ก็จะไมเ ปน เชนนนั้
ปจจัยส่ี เปน เครอ่ื งดํารงชวี ติ ในโลก แตผ มู ีปญญาจะหามาโดยชอบ โดย ไมต องหลอก ลวง คด
โกงหรือฆา ใคร แตหาดวยสตปิ ญ ญา การงานในโลก มอี ยู ๒ อยาง การงานใดเหน็ วาไมม ีโทษจึงจะเขา ไป
จับไปทํา (สมั มา อาชโี ว) ขอใหพ วกเราเลอื กการงานท่ไี มทําอะไรเบยี ดเบียนตนและผอู ื่น อะไรที่ไมเปน
ไปเพ่ือโทษแกคนอ่ืนและตัวเอง สวน มจิ ฉาอาชโี ว นนั้ ก็คอื เลีย้ งชพี ในทางทจุ รติ ขาดสติ ขาดปญญา
สัมมาทฏิ ฐิ เปน ทางดับทุกขในวฏั สงสาร
มจิ ฉาทิฏฐิ เปน ทางไปสูท กุ ข
ในกาลทไี่ มม พี ระศาสนา เช่อื กนั วาทาวมหาพรหมเปนใหญใ นมนษุ ยแ ละ เทวดาท้งั หลาย ทั้งน้ี
เพราะมีผทู ่เี พง กสิณ เพงอะไรตออะไร ไปเห็น พระพรหมเขา ฤาษีเหลานน้ั ก็มาสอนใหค นปฏบิ ตั ิตามท่ี
ตวั ไปเห็นมา คนในสญุ ญกปั ก็ตอ งเชอ่ื ฤาษี เชอื่ ผูออกบวช (เพราะถอื วาประเสริฐ สอนอยา งไรกต็ าม
หมด) สรางโรงบชู ายัญกนั ข้ึน
ขอใหพวกเราเขา ใจเอาไว ทกุ วนั นีม้ ีลทั ธติ างๆ มากมาย ใหคิดตามหลกั ทีพ่ ระพทุ ธองคทรงส่ัง
สอน ดีชัว่ สุขหรอื ทุกขเ กิดจากการกระทาํ ของเรา ทัง้ นั้น ไมใ ชจากปจ จัยภายนอกใดๆ ท้ังสนิ้ พระพุทธ
เจาทุกๆ พระองคท รงสอนเหมือนกนั ๓ อยางนี้ คอื ใหล ะช่ัว ทาํ ดแี ละทําจติ ใจใหผ อ งใส แมรายละเอยี ด
อน่ื ๆ ในคําสอนอาจแตกตา ง กนั บาง
ความช่วั มี ๕ ขอ (ฆาสัตวท าํ รา ยสตั ว ลักทรพั ย ประพฤตผิ ดิ ในการ ฯลฯ) การละบาปทง้ั ปวงกค็ อื
การละ ๕ ประการน้ี ใหเขา ใจโทษ ๕ ประการน้ี ใหด ี ถาไมส ํารวมระวงั ประพฤตลิ วง ตายไปกล็ งนรกลูก
เดียว แตถา สํารวม ระวงั ตายไปกไ็ ปสวรรคลกู เดียว (สีเลนะ สุคตงิ ยันติ) สวรรค เปน สถานที่มีสุข
เพราะไมมบี าปรบกวน นรก เปน สถานทบ่ี าป
ผูสรางบารมียังไมเต็ม ยงั ไมถึงพระนพิ พาน กไ็ ปพกั ผอนอยูบ นสวรรค สบาย ไมต อ งด้นิ รน แสวง
หา ซือ้ ขาย กนิ บุญท่ีทาํ มา (อานสิ งสของศีล) บญุ กศุ ล จะดลบันดาลวมิ าน อาหารการกนิ ผานงุ หมและ
อายุขยั (ต้งั แตห น่งึ พันปจ น หกพนั ป) แลวแตบุญกศุ ลท่สี รางไวต อนอยบู นโลก สวรรคจ งึ มี ๖ ชั้น บญุ
กุศลมากกข็ น้ึ ช้นั สงู ๆ ขนึ้ ไป ละเอยี ดประณีตยง่ิ ๆ ขน้ึ ไป
พระพุทธองคท รงแสดงธรรมดว ยปญ ญาวเิ ศษที่รูแจง โลกทัง้ ๓ คอื กามโลก รปู โลกและอรปู โลก
ในกามโลกมดี ีชัว่ สขุ ทุกขทกุ แบบ รูปโลกกค็ อื ผปู ฏบิ ัตฌิ าน ๔ เปน รปู พรหม
http://www.geocities.com/worralapo ๓๓
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
พระนิพพาน ไมใ ชด นิ นํา้ ลม อากาศ ไมใ ชรูป ไมใชนามธรรม พระพุทธองคทรงปฏเิ สธไวทั้ง
หมด แตพระนพิ พานเปน ดวงจิตที่ละ อาสวะกเิ ลสใหข าดจากกันโดยสนิ้ เชงิ (จดมาอยา งนี้ ถาจดผดิ พลาด
ตอง ขออภัยดวยนะคะ- deedi) พระนิพพานอยทู ี่จิตดวงเดียวนเี้ ทานนั้ ถาภาวนาและสาํ รวมจติ อยูท่ีเดียว
แลว ก็จะไมเ ปน ทุกข พอมองเห็นทางเขา พระนพิ พานไดรําไร เปนของรู เฉพาะตัว พระนิพพานคอื ละ
โลภะ โทสะ โมหะ หมดสน้ิ กเิ ลส
สัตวโลกทั้งหลาย ยอ มหมุนไปตามกระแสของโลก โลก (รูป เสยี ง กลน่ิ รส สัมผสั ) ท้ังหลายท้ัง
ส้ิน ไหลเขา สูธรรมอนั เดยี วคือ จิต ดงั นั้น ใครหามใจตวั ไมใ หไหลไปตามกระแสโลกได ผูนนั้ กจ็ ะมีความ
สุข รูดว ยตนเอง คนอื่นไมรู เม่อื วปิ สสนาญาณเกดิ ไตรลกั ษณก็มีอยพู รอ มแลว ทีจ่ ิต ถาปญญาแกก ลา ก็
จะรเู ร่อื ยๆ ไป ถา ปญญายังออ น กจ็ ะรูๆ หลงๆ ไปอยู
พระพุทธองคจงึ ทรงสอนใหม คี วามเพียร เพอ่ื จะไดไ มหลงและจะได รจู รงิ การทําจิตใหสงบเปน
การฝก จติ ใหสะอาดและมปี ญญา ถาไมสงบ ปญญาก็เกดิ ไมไ ด สมาธิมี ๓ ขนั้ ขณิกสมาธิ อปั ปนาสมาธิ
และอุปจารสมาธิ คนสวนมากจะได กันแคอ ปุ จารสมาธิ คือ สงบเฉยี ดฌาน
คนท่ีมาเกดิ ในยคุ ของพระพุทธองค (สมยั ทรงมพี ระชนมอย)ู น้ันลวนวาสนา บารมีแกก ลา จึง
บรรลุมรรคผลไดงา ยๆ พรอ มกับจตุสัมภิทาญาณ จึงถงึ พรอมทุกอยาง เมื่อทําสมถะจนจติ นง่ิ แลว ก็ให
นกึ ถงึ ขันธ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมอื่ จติ สงบตองคดิ ถาไมค ดิ ปญญากไ็ มเกดิ ตองนึก
จิตท่สี งบไปแลว คอื ความรอู นั เดียวเทา นั้นเอง พอจติ สงบ กเิ ลสก็ดับ (คือสงบ แตไมใ ชขาดตอน) นิวรณ
๕ ดับ จติ ก็ผอ งใสสะอาด พอนึกอยากรูอะไร ปญญาก็จะสวางออกมาใหรู เชน ขันธ ๕ เปน อยา งไรหนอ
ก็รขู น้ึ มา เห็นรูป แจกออกเปน กองๆ ผม ขน เล็บ ฟน หนัง ฯลฯ ไหนตวั ตนเราเขากนั เมอื่ ไมใ ชของเรา
แลว จะไปยดึ ไปถอื ไวทําไม เม่ือรู กค็ ลายความยึดถอื ไมร ัก ไมหลง ไมโ กรธ ไมห ลงใหลไปในลัทธติ า งๆ
เม่ือคลาย ปญ ญากเ็ หมอื นถนนหนทางท่ปี รับปรงุ ดแี ลว ก็เดนิ ทางไปได สบายๆ
*******************************
?-ถามหลวงปู
คนตายแลวกลบั มาใหเ หน็ ไดอ กี ไหม
- ไมแน เพราะไปหลายคติ แลว แตคน และนิมติ ตา งๆ ก็ไมแนนอน บางอยา ง ก็จรงิ บางอยางก็
ไมจริง
การไหวเ จาท่เี จาทาง บนบานศาลกลาว
- พทุ ธไมนยิ ม ไมเอา อยา ไปสนใจเรือ่ งพวกนี้ คนตายท่มี บี ุญมากไปสวรรค เคากไ็ มอ ยากมายงุ
กับเราแลว คนบุญนอ ยก็ไปเกิดเปน ผี ไมมีอํานาจอะไร
*******************************
คุณ deedi - - [email protected] ผพู ิมพ
จากเวป e a s y d h a r m a
http://www.geocities.com/worralapo ๓๔
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
อานภุ าพแหงบุญกุศล
โดย หลวงปูเหรียญ วรลาโภ
ณ ศาลากาญจนาภเิ ษก
๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๔๓
บุญกศุ ล ยอมอํานวยผลใหตราบเทาถงึ ชรา พระพทุ ธเจา ทรงตรัสไว คอื มศี รัทธา เชื่อบุญ-
บาป ตัง้ ใจบาํ เพ็ญบญุ กุศล กจ็ ะทําใหรางกายปกติ แข็งแรง จิตใจตั้งมั่นไมท กุ ขร อน คนมีบญุ ใจไมรอน
ใจไมท ุกข ลองสงั เกตตัวเองวาตง้ั แต ต้ังใจทําดี ความโกรธ ความใจรอน ความโมโหโทโสเบาลงหรือเปลา
อันน้ีตองพจิ ารณาเอง คนอ่ืนรใู หไ มไ ด ตวั รูข องตัว
บุญ บาป ทกุ ข มีใจเปน ใหญ สาํ เร็จแลว ดวยใจ ใหพากันรกั ษาจิตใจ ฝก สตริ ักษาใจ ใหม าก
กวาทรัพยภายนอก ไมเ ชนนัน้ กิเลสตัณหา กจ็ ะมาพาไป ดงึ ไปใหส ขุ อยกู ับความสุขในโลก อันไมย ่ังยืน
ตณั หา คอื เหตใุ หทกุ ขเ กดิ
สมทุ ัย คอื เหตใุ หทกุ ขเ กิด
นโิ รธ คอื ความดับทกุ ข (เม่อื ดับตณั หาได ทกุ ขในใจกห็ มดลง)
ศลี -สมาธ-ิ ปญญา คือ ทางปฏิบัติเพื่อความดับไปของทุกขท งั้ ปวง
การกนิ การนอน การราเรงิ มหรสพตางๆ เปนเพียงสุขชว่ั คราว ไมย งั่ ยืน ยอ มแตกดับไปเปน
ธรรมดา เพราะฉะนั้นทุกคนท่ีปฏบิ ัติธรรม อยา ไปหลงไหลในความสขุ ชว่ั คราวน้นั แตค วามสุขช่วั คราวนี้
ไมม ีก็ไมได เพยี งแตว าเมอ่ื มีมาแลว ก็ใหร เู ทา ถาไมร เู ทา กจ็ ะเปนทุกข พอมนั หายไปทุกขใ หญก จ็ ะเกดิ
ขึน้ สรางเนื้อสรางตวั ใหเ ปน ฝง ฝา อยเู ยน็ เปน สขุ และอาศัยความสขุ ชัว่ คราวนี้เอง ถายงั กนิ อาหารอรอย
อยู ยงั ไมเบอ่ื อาหาร ความสขุ ใน การนอนหลบั กส็ ขุ ชนิดหนึ่ง ยงั เปน เครอ่ื งบาํ รงุ รา งกายกําลังใหแ ข็งแรง
ใครนอนไมหลับ ๓ คืนกแ็ ยเ ลย โรยแรง ทาํ การงานกอ็ อ นแอ ไมเ ขมแขง็ ดงั นั้น จึงตองอาศัยความสุขชวั่
คราวเหลานี้ พยายามนอนใหหลบั ถา ยงั ไมห ลบั ก็ไปหาหมอใหตรวจเสีย เพื่อหมอจะไดแกไ ขใหน อน
หลับได
กายน้เี ปน อยูแสนยากลาํ บาก การมีชวี ิตอยจู นวนั นี้นบั เปน วาสนานาบุญทท่ี ํามาแตห นหลงั
ใหอยเู ย็นเปนสขุ ปราศจากโรคภยั ไมเ จบ็ รายแรง ผมู ีกุศลในใจ คือ มบี ุญในใจ หนักแนน ใครดาวา ติ
เตียน ก็ไมเสยี ใจ ไมโ กรธ ไมเ กลียด เพราะวาใจมบี ญุ เปนเครื่องอยู ตรงกนั ขา มกบั ใจท่มี ีกิเลสเปนเครอ่ื ง
อยู กเิ ลสอยูในใจใคร ก็มีแตป น จิตใจใหเดอื ดรอนวนุ วาย ควรกาํ หนดละกเิ ลสใหเ สมอ บรรเทาโกรธ
พยายามเจริญเมตตาใหม าก ใหสัตวท ั้งหลายมองเหน็ เราเปน เพื่อน สตั วทงั้ หลายเหน็ เรา เปนมติ รก็
เลื่อมใสยินดี อยากผกู มิตร (นี่เปน อานสิ งสแ หงการเจริญเมตตา) ยอมเปน ทร่ี ักของมนษุ ยแ ละเทวดาทั้ง
หลาย แมเ ทวดาแสนสงู ในชนั้ ฟา ก็จะมีจติ เมตตาตอ ผมู ีใจดมี คี ณุ ธรรม และใหการอารักขาไมใ หม ี
อนั ตรายใด เพราะวา เทวดาพรอมดว ยเมตตาธรรมและคณุ ธรรม จะเหน็ วา เทวดาไมมีการทะเลาะเบาะ
http://www.geocities.com/worralapo ๓๕
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรียญ วรลาโภ)
แวง ตา งคนตา งเสวยผลบญุ ของตน สวรรคไ มมกี ารคาขาย ไมสะสมเงินทองเพราะวา สวรรค เปนที่อยู
ของผมู บี ุญ
เพราะฉะน้นั ใหพ ากันอารกั ขาจิตใจทุกอริ ยิ าบถ ยนื เดินนง่ั นอน ใหใจต้ังมน่ั อยูในพทุ ธคณุ
กอ นนอนใหไหวพ ระกอน นงั่ สมาธิ เอาสตเิ ขา ไปตั้งอยูในใจ รวบรวมจิตใหต ัง้ ม่ันอยูในบุญ คุณ มี
สมั ปชัญญะ คอื รูตวั เสมอ วา ขณะน้เี รากําลังทําอะไรอยู ตองกาํ หนดดูรูตัวเสมอ เวลาเกิดอะไรกไ็ มต กใจ
ไมหวัน่ ไหว เพราะวามีสติสมั ปชัญญะตามรกั ษาจติ ใจอยู แตถา ปลอ ยกเิ ลส ตัณหา ครอบงาํ จติ ใจ เกิด
อะไรข้ึนกจ็ ะสะดุง กลัว สตั วด ุรา ยมพี ิษไมจาํ เปน ตอ งไปฆา แกงเคา ท่ีแทไ มคิดวา เราเองมพี ษิ ย่ิงกวาพิษงู
เชน โกรธใครก็ใชว าจาทม่ิ แทงเคา ใหเจบ็ อกเจ็บใจย่งิ กวา โดนพษิ งูกดั เพราะวา เจบ็ ที่ใจไมใช เจบ็ ท่ีกาย
โบราณจึงบอกวา "เจบ็ อน่ื หมื่นแสน… เจบ็ จนตายเพราะพูดเหน็บใหเจบ็ ใจ อันออ ยตาล
หวานล้ินแลวสิน้ ซาก แตล มปากหวานหไู มร หู าย … เจ็บจนตายเพราะพดู เหน็บใหเ จ็บใจ" (ท่ี จุด ๓ จดุ
คือ จดไมทันคะ - deedi)
เคยไหม วาใครใหเ จ็บใจ ผูปฏิบตั นิ ้นั ใครทาํ เราเราใหอภยั ไป ไมผกู เวรผูกกรรม ขอใหตางอยู
เย็นเปน สุข รกั ษาตนใหพนจาก ทกุ ขภัยทง้ั ปวงเถดิ ทาํ อยา งนี้ รกั ษาบุญไวในใจ บญุ กร็ ักษาใจเราใหไมด ุ
ราย จิตใจก็สมํา่ เสมอ เบิกบานดวยบุญกุศล ไมออนแอทอแท จากหนุมตราบเฒา ชรา
บุญ ยอ มรกั ษาผปู ระพฤติธรรม บุญ กุศล ตราบเฒาชรา
คุณ deedi - - [email protected] ผพู ิมพ
จากเวป e a s y d h a r m a
http://www.geocities.com/worralapo ๓๖
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
วธิ ีเจรญิ สมถะและวปิ สสนา
โดย หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ
วัดอรญั บรรพต อ.ศรีเชียงใหม จ.หนองคาย
น่งั ขัดสมาธิเอาขาขวาทับขาซาย ตง้ั กายใหต รง อยากม มาก อยา เงยมากใหพ อดี ตง้ั สติเฉพาะ
หนาทําความรูต ัวท่วั พรอม ตอ จากน้นั กต็ ง้ั จติ อธษิ ฐานถึงคณุ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ เอาเปน ท่ีพ่งึ
อันประเสริฐ โดยอธษิ ฐานวาดวยอาํ นาจแหงคณุ พระรตั นตรยั น้ี ขอใหจ ิตของขา พเจา สงบเปน หนง่ึ และ
ขอใหมปี ญ ญารูแจงเห็นจริงในธรรมของจริงที่พระพทุ ธเจาทรงแสดงไวดแี ลว น้นั ตอจากน้นั กน็ กึ พทุ โธ
ธัมโม สงั โฆ สามคร้ัง แลวก็ต้งั สตกิ ําหนดดูลมหายใจเขา หายใจออกเสมอไป พยายามควบคมุ จิตใหรอู ยู
แตล มหายใจเขาออกเทา น้ัน ไมคดิ ไปทางอ่ืน แตคดิ วา เมอ่ื หายใจเขาไปแลว ไมอ อกกต็ าย เม่อื หายใจ
ออกไปแลว ไมกลับเขากต็ าย ชีวิตนม้ี อี ยูแคล มหายใจเขา ออกเทาน้นั เมื่อลมหายใจหยดุ เวลาไหน กต็ อง
ตายเวลานั้น แตเ ราก็รไู มไ ดว าลมหายใจนจี้ ะหยุดลงเมือ่ ใดน้ัน จึงตองระวังจิตไมใ หคดิ ไปในทางบาป
อกศุ ล และไมใหจ ิตผกู พนั อยูกับสงิ่ ใดๆ ในโลก แมแ ตรา ยกายน้กี ็ไมใ ชของเรา ส่ิงอืน่ จะเปนของเรามาแต
ไหน กําหนดรูเ รือ่ งน้ีอยูในใจเสมอไป จนใจสงบลงเปนหนึ่ง
ลกั ษณะของใจท่สี งบ
ในขณะทีจ่ ิตรวมลงเปน หนึ่งนัน้ จะปรากฏคลา ยกบั เคลิม้ หลบั ไปหนอยหน่งึ แลวกร็ ูสกึ ตัววา
จติ ตงั้ มน่ั อยูใ นปจจบุ ัน พรอมดวยสตไิ มวิตกวิจารณอ ะไรตอไป มีสตปิ ระคองจิตที่สงบอยนู น้ั ใหสงบอยใู น
ปจ จุบันเรือ่ ยไป
ทําความรูเ ทานมิ ิตหากมนั เกดิ ข้ึน
ในขณะทีท่ าํ ความสงบอยูนั้น เม่ือเผลอสติจติ จะพลกิ ไป ในขณะนนั้ อาจจะเกดิ นิมิตอยา งใด
อยางหน่ึงขน้ึ กไ็ ด ตองระวังใหดี เม่อื นิมติ เกิดข้นึ จะเปน เร่อื งดหี รอื เรือ่ งไมดีกต็ าม ใหกาํ หนดรูเทา นมิ ิตน้นั
ตามเปน จรงิ วา นมิ ิตนก้ี ็เปน แตสัญญาอารมณเทานัน้ ครั้นเกิดขน้ึ แลว ก็ดับไปไมเ ที่ยงไมยั่งยนื ไมค วรยึด
ถอื วาเปน นน่ั เปนน่ี แลวกาํ หนดจติ ใหต ั้งอยใู นปจ จุบนั ไมใสใจกบั นิมติ น้นั ถึงเวลาแลว มนั ก็จะดับไปเอง
บางคนภาวนาไมเ กิดนิมิตอะไรก็มี ทง้ั น้เี พราะเปน ไปตามอุปนสิ ัยของแตละบคุ คล ขอ สาํ คัญอยทู ี่การทํา
ใจใหสงบนน้ั แหละ เปน หวั ใจของสมถะภาวนา
วปิ ส สนาภาวนา
การทาํ ใจใหสงบนบั วา เปนบทบาทอันสาํ คญั ทั้งน้ี เพราะวาใจที่ไมส งบยอ มไมมปี ญญารแู จง
ซ่ึงธรรมของจรงิ ได ดงั น้นั พระบรมศาสดาจงึ ทรงสอนใหเ จริญพระกมั มฏั ฐานบทใดบทหนง่ึ เปน อารมณ
http://www.geocities.com/worralapo ๓๗
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
จนใจสงบลงเปนหนง่ึ กอ นแลว จงึ เจรญิ วปิ ส สนาตอ เชน เจรญิ อานาปานสติดังกลา วมาแลวน้นั เมอื่ ทาํ ใจ
ใหส งบไดแลว กก็ าํ หนดพิจารณาขันธหา นีแ้ หละ ใหเหน็ เปนของไมเ ที่ยง เปน ทกุ ขทนไดย าก และเปน
อนตั ตา ไมใ ชตัวตนเราเขา คาํ วา ตวั ตนก็เปนแตส มมตุ ิขึ้นเพือ่ ตดิ ตอ สังคมกันเทาน้นั ถาไมส มมุติขึ้นกต็ ดิ
ตอ สังคมกันไมไ ด
ขนั ธหา นนั้ ยน ลงเปนสอง คือ รูป ๑ นาม ๑ ธาตสุ ี่ คอื ดนิ นํ้า ลม ไฟ ประชุมกันเปนกายนี้
เรียกวา รปู ความที่จติ เสวยอารมณทเ่ี กดิ ขึน้ ในระหวา งกายกบั จิตกระทบกัน เรียกวา เวทนา คือ เปนสขุ
บา ง เปน ทุกขบ าง เปนไมสุขไมท ุกขบาง ความจําไดห มายรู คือ จาํ รูป เสยี ง กล่ิน รส สมั ผัส เรยี กวา
สญั ญา เจตสกิ ธรรม คืออารมณท่เี กิดกบั ใจ เปน สว นดีเรยี กกุศล เปนสวนชัว่ เรยี กอกศุ ล เปนสว นกลางๆ
ไมดไี มช่ัวเรยี ก อพั ยากฤต เรยี กวา สังขาร ความรสู กึ อารมณใ นเวลาทีร่ ปู มากระทบตา เสียงกระทบหู
กลนิ่ กระทบจมูก รสกระทบล้ิน เย็นรอน ออ นแข็ง กระทบกาย อารมณท ั้งหา นั้นกระทบใจ เรยี กวา
วญิ ญาณ
ความกาํ หนดพิจารณารูปกบั นามนี้ กระจายออกไปใหเ ห็นตามความเปน จริง แลวปลอยวาง
ไมถ อื ม่นั วาเปนตัวเปนตน เปน เราเปน เขา นนั่ แหละเรยี กวา วปิ สสนา ใหพ งึ สนั นษิ ฐานดวู า รปู ไดแกส ่งิ
ท่ีมองเห็นดว ยตาทง้ั หมด ทั้งทม่ี ีใจครองกด็ ี และไมมีใจครองกด็ ี เรียกวา รปู ทงั้ น้ัน สวนนามธรรมน้นั
หมายเอาสิ่งทร่ี ูดว ยใจ นามธรรมไมมีรปู ราง ดงั น้นั จึงรูไดแตท างใจเทานน้ั เพราะวา ใจหรอื จิตก็ไมมีรปู
รา งเหมอื นกนั แตมนั ก็มีอิทธพิ ลสามารถทาํ กายน้ีใหเคลือ่ นไหวไปมาได และสามารถบังคบั กายวาจาให
ทําดหี รือทาํ ช่วั ได การท่จี ะรจู ักจิตน้ีไดโ ดยแจม แจง กเ็ พราะกาํ หนดละอารมณทเ่ี ปนอดีตอนาคตเสยี แลว
เพงอยูในปจจบุ ันนี้จนจิตรวมลงเปน หนง่ึ นน่ั แหละ จะรูวา จติ คืออะไร
การเจริญสมถะก็ดี และการเจริญวิปสสนาก็ดี ก็เพอ่ื มุง ชาํ ระจิตดวงน้ีใหบ ริสุทธ์ิหมดจดจาก
กเิ ลสเครื่องเศราหมองทง้ั หลาย
เพราะฉะนัน้ ผูปฏบิ ัติธรรมท้งั หลายจงึ สมควรเจรญิ ใหมาก กระทาํ ใหมาก จักเปน ไปเพือ่
ความรยู ิ่ง เพ่ือความเห็นจริงในธรรมทคี่ วรรูควรเห็นคือ อรยิ สจั ธรรมทัง้ ส่ี ไดแ ก ทกุ ข เหตใุ หท ุกขเ กดิ
ความดบั ทุกขแ ละขอ ปฏิบัติใหถ งึ ความดับทุกข อันทกุ ขน น้ั หมายเอาความ เกิด แก เจ็บ ตาย และความ
โศกเศรา เสยี ใจ พไิ รราํ พนั ตา งๆ ความคบั แคนใจ ความเหย่ี วแหงใจ ความพลดั พรากจากของรักของชอบ
ใจกด็ ี ความไดรวมกบั บุคคลซง่ึ ไมเ ปน ทรี่ ักทช่ี อบใจก็ดี และความปรารถนาสง่ิ ใดไมไดสมหวงั กด็ ี ทัง้ หมด
นล้ี วนแตเปน ทุกขทัง้ น้นั สวนความเกดิ แก เจ็บ ตายนน้ั ทรงสอนใหกําหนดรูเทา ตามเปน จรงิ แลวอด
กลั้นทนทานตอ ทุกขเวทนานัน้ ๆ เสมอไป สว นความโศกเศรา เปนตน นน้ั ทรงสอนใหก าํ หนดละ และ
บคุ คลสามารถละได ถา อบรมปญ ญาใหเ กิดขนึ้ และตณั หาคือความอยากนั้น ทรงสอนใหล ะ ในขั้นตนน้ี
ทรงสอนใหล ะตัณหาคอื ความอยากกระทําไปในทางบาปอกุศล เชน ฆาสัตว ลกั ทรัพย ประพฤตผิ ดิ ใน
กาม พูดเท็จ ด่ืมสุราเมรัย กญั ชายาฝน เฮโรอนี และอ่นื ๆ ซ่ึงเปนของเสพติดใหโ ทษ ตัณหาประเภทน้ี
ควรเพยี รพยายามละใหไ ด ถา ไมล ะแลว มันจะพาใหไ ดรบั ทุกข ทัง้ ในปจจุบัน และเบ้ืองหนาตอ ไปไมมสี น้ิ
สุด สวนความอยากประเภทอนื่ นนั้ คอยเอาไวละทีหลัง ถาละตัณหาตอนตนนั้นไมได ตัณหาประเภทอ่นื ๆ
ก็ละไมไ ดเชน เดียวกนั ดังนน้ั จึงสมควรพยายามละตัณหาประเภทตน น้ันใหได จงึ จะพน จากทุกขใ น
อบายภมู ิทั้งสีม่ นี รกเปน ตนได เราเกดิ มาในชาติน้ีเปนบุญลาภอนั ประเสรฐิ ท่ีไดม าพบพระพทุ ธศาสนา
http://www.geocities.com/worralapo ๓๘
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
ของพระสมั มาสมั พุทธเจา ผูป ระเสรฐิ ในโลก สมควรทจี่ ะลงมอื ปฏิบตั ติ ามคาํ สอนของพระองคโ ดยความไม
ประมาท กเิ ลสบาปธรรมจะไดนอยเบาบางจากดวงจิตของตน การที่คนเราจะพน ทกุ ขไปไมไ ด กเ็ พราะไม
ปฏบิ ัตติ ามคําสอนของพระพุทธเจานัน้ เอง
เพราะฉะนัน้ ทานผใู ดอยากพนจากทกุ ขภัยในวัฏสงสาร จงต้ังใจปฏิบัติตามคําสอนของพระ
พทุ ธเจา โดยความไมป ระมาทเถดิ
จากเวป http://www.nongkhaiweb.com
http://www.geocities.com/worralapo ๓๙
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
เคล็ดปฏิบตั ิสมาธิ
โดย หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ
วัดอรญั บรรพต อ.ศรีเชียงใหม จ.หนองคาย
นงั่ สมาธพิ งึ พากันต้งั สติใหแนวแนอยูภายใน พยายามควบคมุ จติ อยาใหม ันหลงคดิ นึกไปใน
อารมณทมี่ นั เคยคิด เคยนึก เคยเกาะ เคยของมาแตกอ นใหกาํ หนดลงเอาปจ จุบันนเ้ี ปนทต่ี ั้งเลยทีเดียว
ชวี ิตนจี้ ะมีอยเู ฉพาะลมหายใจเขา หายใจออก อยูท่ปี จ จุบันๆนี้เทา น้ัน ใหก าํ หนดจาํ กัดลงเลย เพราะวา ท่ี
ลวงมาแลว มันกล็ ว งมาแลว นะชีวติ แลวอนาคตก็ยังไมไ ดไปถึง มันก็ยังไปไมถ ึง ไมต องไปคาํ นึงหามนั
การงานอะไรท่ที าํ ลว งมาแลวผิดหรือถกู มนั กไ็ ดลวงมาแลวไมตอ งไปคํานงึ หามนั
เวลาน้เี ปน เวลาพักผอ นของจิตใจ ขอใหเ ตือนตนอยางนี้ เวลาน้เี ปน เวลาพกั ผอนของจิตใจใน
ขณะน้ี เบื้องตน นี้ กอ็ ยากคิดอยากรูนน้ั รนู ี้ เหน็ น้นั เห็นนก้ี อ น คอื พยายามตง้ั สตกิ าํ หนดลมหายใจเขา
หายใจออก อธษิ ฐานจิตถงึ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ วา เปนทพ่ี งึ ทร่ี ะลึกของตนแลว ก็พยายาม
ประกอบจิตน้ี ใหห ยุดคดิ หยดุ นกึ ใหก ําหนดรูเฉพาะแตลมหายใจเขาหายใจออกเทานีก้ อ น เพราะเวลานี้
ใหเ ขา ใจวาเราพักผอนจติ ใจ คาํ วาพักผอ นคอื หยุดคดิ หยุดนึกในการงานตางๆเลย วางจิตลงใหส บาย
สบาย ไมตองกงั วลขางหนา ขางหลังอะไรเลย กําหนดรูอยูแตป จ จบุ ันเทานั้น เอาปจ จบุ นั น้เี ปนหลกั เลย
ชีวิตน้กี ใ็ หก ําหนดวามีอยแู คป จ จุบันๆนีเ้ ทา นั้นแหละ
ในเบือ้ งตน เรากร็ ูไมไ ดว า จะไปถงึ ไหน เบื้องหลงั มนั ก็ลวงมาแลว ดงั นั้นเราตอ งกําหนดรู
เฉพาะปจ จุบันเทา นนั้ เองคือการทาํ สมาธนิ ี่ สาํ คัญอยทู ่ีสตนิ ้ันแหละขอใหไดพ ากนั จําเอาไวใหดี สตแิ ปลวา
ความระลกึ ไดค อื ระลึกเขาไปในจติ เลยทีเดยี วระลึกใหหยั่งเขา ไปใหม ันถงึ จติ อยาใหมนั ระลกึ เฉไปทางอื่น
จติ นตี้ ง้ั มน่ั อยไู มไดกเ็ พราะมนั ขาดสติ สติไมไดเ ขา ไปควบคมุ อยูใกลช ิด สตนิ นั้ ระลึกออกไปจากจิต เม่ือ
จิตน้ี ปราศจากสตแิ ลว มนั กว็ าเหว เรร อ นหาอารมณอยางอ่ืนคดิ สายไปตามความชอบใจ มันก็เปนอยาง
นัน้ แตจ ติ นี้นะ ถา มสี ติเปนเคร่อื งสอนอยูแลว ไมไปไหนแลว ที่มันอยากคิดเพราะคิดอะไรมาแตก อ นนั้น
สตหิ า มไวแ ลวทนั กห็ ยดุ
ขอใหสตมิ ันเขม แข็งเสยี อยา งเดียวหายใจเขาก็กําหนดรู หายใจออกกก็ าํ หนดรูอ ยูในปจ จุบนั
นั้นเลย อยางน้ัน ไมไ ดรสู ง่ิ อ่นื ๆใดท้งั หมด ถา หากใครสามารถท่จี ะเพงเขาไปภายในใหเกิดแสงสวาง
เหมอื นอยางเราฉายไฟเขาไปในถ้าํ มดื ๆอยางน้ี แสงไฟฉายนนั้ มันจะเปน ลาํ สวา งเขา ไปภายในจะมอี ะไร
อยใู นน้นั กม องเห็นไดเ ลยอันนก้ี ็เหมอื นกันแหละ ถาเราสามารถทีจ่ ะกําหนดต้งั สติ แลว เพงตามลมหายใจ
เขา ออกเขาไปภายในใหม ันสวา งเขา ไปถึงจิตใจและกม็ องเหน็ อัตภาพรา งกาย อวัยวะนอยใหญภายในรา ง
กายไดย ่งิ ดเี ลยถาทาํ ไดอ ยางน้ี
ถาหากวา เราไมส ามารถจะทําไดอยางน้ี ก็ตั้งสติเพงเขาไปหาความรอู ยางเดยี วเทา นั้น รอู ยู
ตรงไหน สตกิ ใ็ หห ย่งั ไปถึงน่ัน ก็ใชไดเ หมือนกนั เม่ือจติ มันสงบ มันคลายจากอารมณตางๆออกไปแลว
http://www.geocities.com/worralapo ๔๐
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
มันปลอดโปรง ถงึ แมวา จะไมสวา งไสวเตม็ ที่ แตม นั กม็ ีเงาแหง ความสวา งปรากฏอยใู นจิตนน้ั เองแหละ
จิตไมเ ศรา หมองหมายความวาอยางนน้ั แหละเบิกบาน ถา หากมนั คลายอารมณต า งๆออกไปแลวนะ
ลักษณะของจิตน้จี ะเบกิ บานผอ งแผว ไมมกี งั วลใดๆ อิ่มอยูภ ายใน ไมปรารถนาอยากจะคิดไปไหนมา
ไหนแลว ทีน้ีถาจติ คลายอารมณเ กา ออกไปหมดแลวนะ แตก ารท่จี ติ จะคลายอารมณเกา ออกไปได กต็ อ ง
อาศัยสติน่ันแหละ เขาไปควบคมุ จติ ไมใ หคิดไปในอารมณตา งๆ
อันเมอื่ จติ นไ้ี มม โี อกาศที่จะคิดไปในอารมณต า งๆแลว มนั กค็ ลายทงิ้ ไปหมด อารมณท ่เี ราเก็บ
เอาไวเ ปน อยางนั้นเพราะวา มนั ไมม ีทต่ี อมันกค็ ลายออกไปเทานัน้ เอง ดัง้ นั้น อยา ไปเขาใจวิธีอน่ื เลยพระ
พุทธเจาทรงสอนใหกาํ หนดลมหายใจเขา ออกน่ี เพง กําหนดรูแ ตลมหายใจเขา ออกนี่แหละ ความคิดฟงุ
ซานตางๆจะคอยเบาไปๆหมดไปลําดบั เพราะวา จติ เราไมส งเสริมมนั แลวนี่ จิตเรามาจองอยเู ฉพาะแตลม
นี้ จิตน้ไี มสงเสริมความคิดเสียแลว ทนี จ้ี ะคดิ ดคี ดิ ชว่ั อยางไรไมเอา ในขณะนี้ปลอ ยทง้ิ ไมใ ชเ วลาคดิ เวลา
นี้เวลาสงบ เวลาเพง เวลากําหนดรู ไมใชเวลาคดิ ใหม ีสติเตอื นจิตอยา งน้ีเสมอไป จติ นเี้ มือ่ ถูกสตเิ ตือน
เขาบอยๆมนั ก็รูต วั รูตวั แลว มันกค็ ลาย มันกป็ ลอ ยวางอารมณไ มสง เสรมิ ไมคดิ ไมปรุงไปอกี มันสําคัญ
เรอื่ งสมาธนิ ส่ี ําคัญมากทเี ดียว เรอื่ งปญ ญาน้นั มกั เกิดจากสมาธิ ดังนน้ั เม่ือเราไมสามารถจะทาํ สมาธใิ ห
บงั เกดิ ข้ึนไดป ญ ญาน้นั ก็เกิดไมได ปญ ญาในท่นี ้เี กดิ จากสมาธิ ปญ ญาทีเ่ กิดจากจากสมาธนิ ีเ้ ปนปญ ญาท่ี
แจงในธาตุส่ี ขนั ธหา ในนามในรูปไมป รารถนารอู ยางอนื่
ในการปฏบิ ัติสมาธิแรกๆอยาไปสงสัยคลางแคลงใจวา เอะ ทาํ ไมเราจึงปฏบิ ตั ไิ มไ ด ทาํ ไมจึง
ไมสงบ? กาํ หนดลมหายใจก็กําหนดแลว มันกย็ ังไมส งบอยา งน้ี อยาไปสงสยั ใหนกึ วา เราทํายงั ไมพอก็
แลวกันแหละ เราทาํ ยงั ไมม ากพอ คอื วาเรายังกําหนดลมหายใจเขา หายใจออกน้ี ยังไมพอ เราจะตองทาํ
อีก
http://www.geocities.com/worralapo ๔๑
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ)
ธรรมะหลวงปู
จิตดวงน้เี มือ่ มันถูกอวิชชาครอบงํา ย่าํ ยเี อา มนั ก็หลงไป ทําดไี ปบา ง ทําชั่วไปบาง พูดดี
บา ง พดู ชว่ั บา ง เวลาใดมันรูตวั มันก็พดู ดี เวลาใดมนั ลืมตวั มันกพ็ ดู ชวั่ -ทาํ ชั่ว (โทษแหง ความ
รกั )
น่ีแหละเร่อื งวปิ สสนานะมนั ตอ งเหน็ แจง จริงๆ เหน็ แจง ในใจวาขันธหานไ้ี มควรยดึ ไม
ควรถือ เพราะวา มนั ไมเทยี่ ง ขืนยึดถือไวมนั ก็เปนทุกข เพราะมันแปรปรวนไปอยเู สมอ มันไมอยู
ในบงั คบั บญั ชาของผใู ด อันน้นี ะ ความรคู วามเห็นอยา งวานี้มันจะเปน ไปได มันก็ตองอาศยั
ปญญา อาศัยสมาธเิ ปนฐานที่ต้ังของปญญา
(ผลเปนสขุ จริงดว ยปญ ญา)
รางกายมันกไ็ มว ามันเปน ทุกข แตวามันหากมีลกั ษณะของทกุ ข ปรากฏใหจติ รูอยู คือ
ความไมเทยี่ งของรา งกายน้นั ไมมจี ติ นี้มาครองอาศัยอยแู ลว มันจะไมม ีใครรับรคู วามทกุ ขของ
รางกายอนั น้เี ลย ก็เพราะจติ น้มี าครองอยูน ี่ จิตจึงเปน ผูรบั รู ความทุกข ความเปลี่ยนแปลงของ
รา งกายน้ี
(ความไมเทีย่ งแท)
พระพุทธเจาไมไ ดสอนใหค นเราจาํ เอาคาํ สอนของพระองคไ วเฉยๆ เม่ือจาํ ไดแลว ใหลง
มอื ดัดแปลงกาย วาจา ใจ ของตนใหเ ปนไปตามคําส่ังสอนน้นั ถา ตนดดั แปลงกาย วาจา ใจ ให
ตรงไปตามคําสอนแลว กพ็ ยายามรักษาความรู ความเหน็ ทีเ่ ปน ศลี เปน ธรรมนัน้ ไว
(ความดับทกุ ข)
เกินพอดี
คูครองเรือนก็สรางสมความรักเอาจนเกนิ พอดี อนั เปน เหตุใหประพฤตินอกใจกันและกัน
ทางประเวณี พดู ตรงๆกว็ าไปเลนชูกบั ผัวเลน ชกู ับเมยี น่นั เอง น่ีเรียกวา ความรักมนั เกินพอดี ถา
เปนภิกษุสามเณรก็ความรักเกนิ ขอบเขต กเ็ ปน เหตใุ หลวงสกิ ขาบทวนิ ัยนอ ยใหญท้ังหลาย
พรหมจรรยก ็อับเฉาลง เหมือนพระจันทรใ นขางแรม เจริญไปไมได
http://www.geocities.com/worralapo ๔๒
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
หอบทกุ ข
การฝกจติ ใหเขา ถงึ ความสงบนี้ เปน สงิ่ จําเปนจรงิ ๆ ใหถือเปนเรื่องจาํ เปน ถาปลอยจิตให
เล่อื นลอยไปตามอาํ นาจของกิเลสก็มแี ตทกุ ข อยูในปจ จบุ นั นกี้ ็ทกุ ขใ จหนักใจมาก ละโลกนไ้ี ปสู
โลกหนา กท็ ุกข หอบเอากองทุกขเหลา นีไ้ ปดว ย มันเปนอยา งนั้น มันทกุ ขห ลาย บางคนก็ถงึ ฆา
ตวั ตาย ไมม ีทางออก ผไู มเชื่อคาํ สอนของพระพุทธเจา ผูไ มปฏบิ ตั ติ ามคาํ สอน ใหไหวพ ระ น่ัง
สมาธภิ าวนา ขค้ี รา นไมเ อา ไมน ง่ั แลวเพราะใจมันลอย ใจมันไปยึดถอื แตเ รอื่ งภายนอก แลว จะมี
แกใจมาไหวพระ นั่งภาวนาสํารวมใจใหส งบอยภู ายในจะไดอยางไร การท่ีภาวนาจติ ใจใหมนั สงบ
ลงไปได ก็เพราะมนั เตือนใจของตนใหละเร่ืองภายนอกอยเู สมอ ในเวลาทไ่ี มไ ดน ่ังสมาธภิ าวนา ก็
ตอ งเตอื นใจใหล ะอารมณท ม่ี ากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางล้ิน ทางกาย ทางใจ มนั กระทบ
มาเวลาใด เราก็พิจารณากําหนดละมันในเวลานน้ั ไปเรอ่ื ยๆ ใหจติ นีเ้ ปน ปกติอยเู สมอ ไมใหจิตน้ี
มนั เปลี่ยนแปลงหวน่ั ไหวไปตามอารมณท ่ีมากระทบ เชน "ตา" เปนตนน้ันก็ตองระมัดระวังอยู
อยา งนี้เสมอไป
พรหมของลกู
ไมล ําเอยี งเพราะความรัก กห็ มายความวา อยางวา มีลูกหลายคน รกั คนใดมากๆ กแ็ บง
สมบตั ใิ หลูกคนนนั้ มากกวาคนอื่นๆ นี่เรยี กวา ลอุ ํานาจแกค วามรกั ถาไมล าํ เอียงเพราะรกั แลว ก็
หมายความวา มีเมตตากรุณาเหมือนกันหมด ลูกทุกคนบางคนก็มนี สิ ัยไมด ๆี เราก็เมตตามัน
เพราะมันไดมาเกดิ กบั เราแลว อยางนี้แหละ ก็สงเคราะหไ ปตามกาํ ลงั ทีส่ งเคราะหไ ด ถาคนทเ่ี สยี
จริงๆ ทําดีไมไ ดจ ริงๆ มนั เหลอื วสิ ัย ก็วางอเุ บกขาลง ไมต อ งไปโกรธไปเกลียดอะไร ก็กรรมของ
เขาสรา งมาอยางนนั้ เราจะทาํ อยางไรได ฝก อยางไรจะใหมันดี มันกด็ ไี มไ ดอยา งน้ี ถาขืนโกรธไป
โมโหโทโสไป เสียใจกับลกู คนนั้นอยู ก็เปนทุกขเปลาๆ เสยี ใจอยา งไรลูกก็ทาํ ดีไมได เพราะวา
นสิ ัยไมดีแตก อ น แตชาติกอนโนน แหละ ถา หากวาผูเปน พอแมไ มรูจกั วางอุเบกขาลง ไมนึกถึง
กรรมของสัตวแ ลว มันก็เปนทกุ ข
http://www.geocities.com/worralapo ๔๓
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
เกดิ จากตม
สาเหตุที่จะมศี าสนาบังเกดิ ขนึ้ ในโลก มีผสู รางบารมปี รารถนาเปนพระพทุ ธเจาในโลก ก็
เน่อื งมาจากคนท้ังหลายไมร จู ักหนทางออกจากทุกข เมอ่ื ไดป ระสบกบั ความทกุ ขแ ลวก็รองไห
ราํ ไร ตีอกชกหวั ตางๆ นานาตายไปพรอ มดวยกบั ความทกุ ข หอบเอาความทกุ ขติดตัวไปดว ย
อยา งน้ีแหละ บุคคลยงั ไมร ูแจงในโลกนตี้ ามเปน จริงอยา งน้ัน บัดนัน้ ใหพากันเขาใจ เหตุจะมี
ศาสนาข้ึนมาน่กี ็เพราะมันมีทกุ ขน แี่ หละ
จรจัด
แตคนสว นมากแยจ รงิ ๆ ไมยอมที่จะขมจติ เพง จติ ใหเ ขาถงึ ความสงบ มีแตย อม ตกเปน
ทาสของตัณหา ปลอ ยจิตใหฟุงไปภายนอกอยอู ยา งน้ัน และจะไมใหม นั เกดิ อีกทําอยา งไร แลวผู
ที่ยดึ อารมณแ ตภ ายนอกจนตลอดถึงวนั ตายอยางนี้ ตายก็เอาไปไหนไมไ ด แลว จติ ก็วกเวยี นอยู
กับสง่ิ ที่ตนรกั ตนชอบใจ เมอื่ บุคคลไปมีจติ เลอ่ื นลอยฟุงซา นอยางน้นั ก็ไมไดทาํ บญุ เมือ่ ไมไดท าํ
บุญแลวจิตใจก็เรร อนพเนจรเหมอื นคนไมม หี ลักไมมแี หลง ไมม บี า นอยูเ ปน ของตวั เปนคนจรจัด
อาศัยบา นคนนัน้ อาศยั บา นคนน้ี อาศยั ศาลาวดั อาศยั สถานทสี่ าธารณะเปน ท่หี ลบั ท่นี อน ไปขอ
ทานเขากนิ อยอู ยางนนั้ จิตใจทไ่ี มไดฝก ฝนใหเ ขา ถงึ ความสงบ ไมท ําบุญกุศล ไมท าํ ความดใี ห
เปน ประโยชนต นและผูอน่ื หรอื ทํากน็ ดิ ๆหนอ ยๆ อยางนี้มนั ก็สอู ํานาจกเิ ลสไมได เมอื่ ตายลง
อยางน้ี กเิ ลสมนั ก็จงู ไปตามประสงคแลว ถา ทาํ บาปมาก มนั ก็ไมไดม าลอ งลอยอยูกับโลกมนษุ ย
นแ้ี ลว บาปกรรมฉุดคราไปสอู บายภมู ิ พิจารณาใหเ ห็นดวยตนเอง
สุขชั่วคราว
ชีวติ นอี้ ยาไปหลงความสุขช่วั คราว อยาไปติดอยกู บั ความสขุ ชว่ั คราวน้ี แลวจะไมไดพ บ
ความสุขอันไพบูลยเลย ผใู ดติดอยใู นความสขุ ชัว่ คราว ตดิ อยใู นการกิน ไมไดก ินอาหารอนั อรอ ย
ไมไดฆ า สัตวม าทําอาหารกินมันไมอรอย นนั่ เรยี กวา ตดิ ในการกนิ อันเปนเหตใุ หท าํ บาป ติดใน
การนอน ไดนอนมากก็ถือวาดี รา งกายจะไดสมบรู ณ ถานอนนอ ยกลวั รา งกายจะซบู ผอม ไมได
ตองนอนใหมากๆ เรียกวาติดในการนอน ไมแบงเวลาประกอบความเพยี รทางจติ เลย ก็เลยไมได
ผลในจิตใจ ไมไดช ําระกิเลสออกจากจิตใจน้ี ลองสงั เกตดู
http://www.geocities.com/worralapo ๔๔
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ)
คล่นื ซัด
บคุ คลผไู มมสี มาธิจิต ไมท าํ จิตใหสงบแลว อะไรกระทบกระท่งั มนั มันก็ไมร สู ึกตวั ทานวา
จิตมากระทบเขา มีแตว า เจ็บอยา งเดียวเทานั้น แทนทจี่ ะวนิ ิจวิฉัยวา มันเจ็บเพราะอะไรๆ มนั ถึง
เจ็บอยางนี้ มันคดิ ไมไ ดเ ลย เมอ่ื มันเจบ็ หนักๆเขา มีแตร องครวญครางไป ด้ินรนกระสับกระสา ย
ไปเนั้นเอง อันน้ที านจึงเรยี กวา คนเราอันดวงจติ นม้ี นั ตกไปตามกระแสของกเิ ลสตณั หา เหมือน
กับบุคคลทีเ่ ดินทางโดยเรือกระแสของกิเลสตัณหา เหมือนกบั บุคคลทเ่ี ดินทางโดยเรือเดิน
มหาสมุทรลงสทู ะเล คลนื่ ซดั ไปทองมหาสมทุ รทะเลนนั้ นะ สดุ แลว แตคลืน่ มันจะซัดไปไหนกต็ าม
มนั
http://www.geocities.com/worralapo ๔๕
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปเู หรียญ วรลาโภ)
อนุโมทนา
หนังสือฉบบั นไ้ี ดน าํ ประวตั ิ และ ธรรมะมาจากเวบไซตห ลวงปูเ หรยี ญ วรลาโภ
(http://worralapo.cjb.net) ซึง่ เชนเดยี วกนั ครับ ตอ งขออนโุ มทนากับทุกๆทานทพ่ี มิ พธรรมะดวยนะครบั
ไดแ ก
คุณ พงศพพิ ัฒน ดาํ รงวฒั นกุล
คณุ ไกรฤกษ ศิลาคม
คณุ ศิริพร เวชกระจาง
คณุ ไพรสน รจุ ิคุณ
คุณ พจวรรณ แยมพกิ ุลสกุล
คณุ deedi จากเวป easydharma (http://www.geocities.com/easydharma/)
ชมรมพุทธศาสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน และเจา ของเวบไซตตา งๆ ที่
ลงบทเทศนาธรรมของหลวงปูไว
หากมขี อผิดพลาดประการใดหรือมีขอสงสยั ตอ งการเสนอแนะ กรณุ าสง E-mail ถึงผมไดท่ี
[email protected] เพอื่ ใชใ นการปรบั ปรงุ และแกไ ขตอ ไป
ผมตองขอกราบขอบพระคุณหลวงปเู หรยี ญ วรลาโภ (พระสธุ รรมคณาจารย) และทานพระ
อาจารยส มชาย สุขุมาโล เปน อยางย่ิงทที่ า นไดเ มตตามอบธรรมะและหนงั สือในการจดั สรางเวบไซตครง้ั นี้
และทจ่ี ะลืมไมไดค ือผทู ่ีใหการสนบั สนุนในการสรา ง website หลวงปู ไดแกคุณพอ คุณแม และ
คณุ อา รวมถึงพ่เี ปก ซ่งึ เออื้ เฟอรปู ภาพในการจัดสรา ง และพีส่ ุมติ ร ผทู ี่ทาํ ใหผมไดร จู กั กับหลวงปู ผม
ตองขอกราบขอบพระคณุ และรว มอนโุ มทนากบั ทกุ ๆทา นมา ณ ทน่ี ดี้ วย
ผจู ัดทํา
http://www.geocities.com/worralapo ๔๖
ฉลอง ๙๑ ป พระสุธรรมคณาจารย (หลวงปูเ หรียญ วรลาโภ)
"อะไรท่เี ปนประโยชนกบั คนหมูมากกจ็ งทาํ เถดิ "
คาํ กลาวใหอ นุญาตจัดสรางเวบไซตธรรมะและประวัตหิ ลวงปู
คอื ปฐมบทแหง เวบไซต
หลวงปูเหรยี ญ วรลาโภ แหง นี้
http://www.geocities.com/worralapo ๔๗