The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อุบายฝึกจิตทางลัด หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-05 14:39:04

อุบายฝึกจิตทางลัด หลวงตามหาบัว

อุบายฝึกจิตทางลัด หลวงตามหาบัว

Keywords: หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน,อุบายฝึกจิตทางลัด

๑๕๕

เทศนโปรดคุณเพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๔ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙

อบุ ายฝก จติ ทางลดั

มผี ถู ามปญ หาพอระลกึ ไดบ า งกป็ ญ หา “ปากคอก” นแ่ี หละ มอี ยกู บั ทกุ คน วา
“โลกหนา มไี หม? โลกหนา กบั ผไู ปโลกหนา โลกหลงั อะไรเหลา น้ี มันก็ไมใชเรื่องของใคร
แตเ ปน เร่อื งของเราทุกคนที่กําลงั แบกภาระอยนู ้ี มผี ถู ามอยา งนน้ั เราก็ถามเขาวา “เม่อื
วานนม้ี ไี หม แลวเมื่อเชานี้มีไหม? ปจ จบุ นั ณ บดั น้ีมีไหม?” เขากย็ อมรับวา มี “แลว วนั
พรุงนี้จะมีไหม วนั มะรนื เดอื นนเ้ี ดอื นหนา ปน ป้ี ห นา ปตอๆ ไปจะมีไหม?

สง่ิ ทม่ี มี าแลว พอจาํ ไดก พ็ อเดาไปได ถึงเรื่องยังไมมาถึงก็ตาม ก็เอาสิ่งที่จําไดซึ่ง

ผา นมาแลว มาเทยี บเคยี งกบั สง่ิ ทเ่ี คยมเี คยเปน มาแลว ขางหนาจะตองเปนไปตามที่เคย

เปนมานี้ เชน เมอ่ื วานนม้ี มี าแลว วนั นก้ี ม็ ี มนั เคยผา นมาอยา งนเ้ี ปน ลาํ ดบั เรารแู ละจาํ

ไดไมลืม แลว ตอนบา ย ตอนคาํ่ ตอนกลางคนื จนถงึ วันพรุงนีเ้ ชา เราก็เคยรูเคยเห็นมา

แลว เรื่องมันเปนมาผานมาอยางนั้นซึ่งไมมีอะไรผิดกัน และยอมรบั วา มดี ว ยกนั

ความสงสยั โลกนโ้ี ลกหนา หรอื เกย่ี วขอ งกบั ตวั ก็คอื ความหลงเรอ่ื งของตวั นน่ั
แหละ มันจึงกลายเปนเรื่องใหญโ ต และกวนใจใหย งุ อยไู มห ยดุ ทว่ั โลกสงสาร วา “โลก
หนา มไี หม? คนตายแลว ไปเกดิ อกี ไหม?” นน่ั มนั คกู นั กท็ ี่เกิดท่ตี ายน้คี ือใครละ ? กค็ อื

เรานน่ั เองทเ่ี กดิ ทต่ี ายอยตู ลอดมา มาโลกนไ้ี ปโลกหนา กค็ อื เราจะเปน ใคร ถา ไมใ ช
“สตั วโ ลก” ผูเปนนักทองเที่ยวนี้ ไมม ใี ครเปนผแู บกหามปญหาและภาระเหลาน!ี้

นี่โทษแหง ความหลง ความจําไมได มนั มาแสดงอยกู ับตวั เรา แตเ ราจบั สาเหตุ

ของมนั ไมไ ดว า เปน มาเพราะเหตใุ ด สิ่งที่เปนมาที่ผานมาแลวมันก็จําไมได เรอ่ื งของ

ตวั เลยหมนุ ตวั เอง พันตัวเอง ไมทราบจะไปทางไหน ความหลงตัวเองจึงเปนเรื่องยุง

ยากอยไู มห ยดุ หลงสง่ิ อน่ื กย็ งั คอ ยยงั ชว่ั หลงตวั เองนี้มนั ปด ตันหาทางออกไมได ผลก็

สะทอ นกลบั มาหาตวั เราเองไมไ ปทอ่ี น่ื คอื นาํ ความทกุ ขม าสตู วั เรานน่ั แล เพราะความ

สงสยั เชน นเ้ี ปน ปญ หาผกู มดั ตวั เอง มิใชปญหาเพื่อแกตัวเองใหหลุดไปไดเพราะความ

สงสยั นน้ั ถาไมพิสูจนดวยธรรมทางจิตตภาวนาไมม หี วงั เขาใจได

พระพุทธเจาจึงทรงสอนใหคลี่คลายดูเรื่องของตัว แตการจะคลี่คลายเรื่อง

ของตวั นน้ั สาํ คญั มาก จะทาํ แบบดน เดาเอาดว ยวธิ คี าดคดิ หรอื ดว ยวธิ อี น่ื ใดไมส าํ เรจ็
ได! นอกจากจะทาํ คุณงามความดีขน้ึ มาโดยลาํ ดบั เปน เครื่องสนบั สนุน และยนเขา มาสู

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๕๕

๑๕๖

“จิตตภาวนา” เพื่อคลี่คลายดูเรื่องของตัว อนั รวมอยใู นวงของจติ ตภาวนา ซึ่งจะพาใหรู
แจงแทงความสงสัยนั้นใหทะลุไปได พรอมทั้งผลอันเปนที่พึงใจ หายสงสยั ทง้ั การตาย
เกิดตายสูญ

เรอ่ื งของตวั คอื อะไร? ก็คือเรื่องของใจ ใจเปน ผแู สดง เปนผูกอ เหตุกอ ผลใสตวั
อยตู ลอดเวลา ทงั้ ความสุขความทกุ ข ความยงุ เหยงิ วนุ วายตา งๆ สว นมากมกั แสดง
ความผกู มดั ตวั เองมากกวา การบาํ รงุ สง เสรมิ ถา ไมใ ชค วามบงั คบั บญั ชาในทางทด่ี ี ใจ
จึงมีแตความรุมรอนเปนผล คอื ความทกุ ขท เ่ี กดิ ขน้ึ จากความฟงุ ซา นวนุ วาย ใจคดิ สา ย
แสไปในแงตางๆโดยหาเหตุหาสาระไมได แตผลที่จะพึงไดรับนั้น มนั เปน สง่ิ สาํ คญั อนั
หนึ่งที่จะทําใหเราเกิดความทุกขความกระทบกระเทือนได จึงเปนเรื่องยากเรื่องหนัก
สาํ หรบั บรรดาผยู งั หลงโลกหลงตวั เอง และตน่ื โลกตน่ื ตวั เองอยู โดยไมสนใจพสิ ูจนตัว
เองดวยหลักธรรมอันเปนหลักรับรองความจริงทั้งหลาย เชน ตายแลว ตอ งเกดิ อกี
เปนตน เมอ่ื ยงั มเี ชอ้ื ใหง อกทพ่ี าใหเ กดิ อยภู ายในใจ ตอ งเกดิ อีกอยูราํ่ ไปไมเปนอยางอ่นื
เชน ตายแลว สญู เปนตน

พระพุทธเจาทานทรงสอนใหดูตัวเรื่อง คอื ดใู จตวั เองผพู าใหเ กดิ ตาย ถายังไม
เขา ใจกต็ อ งบอกวธิ กี ารในแงต า งๆ จนเปน ทเ่ี ขา ใจและปฏบิ ตั ไิ ดถ กู ตอ ง เฉพาะอยา ง
ยิ่งการสอนใหภ าวนา โดยนําธรรมบทใดก็ตามมาบริกรรมภาวนา เพื่อใหจิตดวงที่หา
หลักยึดยังไมได กาํ ลังวุนวายหาท่พี ึ่งยงั ไมเ จอ จนกลายเปนความหลงใหลใฝฝนไมมี
ประมาณ ไดยึดเปนหลักพอตั้งตัวได และมคี วามสงบเยน็ ใจไมว อกแวกคลอนแคลน
อนั เปน การทาํ ลายความสงบสขุ ทางใจทเ่ี ราตอ งการ เชน ทานสอนใหภาวนา “พุทโธ ธมั
โม สังโฆ” หรือ “อฏั ฐิ เกสา โลมา” บทใดบทหนง่ึ ตามแตจ รติ ชอบ โดยความมสี ตคิ วบ
คมุ ในคาํ บรกิ รรมภาวนาของตน อยา ใหเ ผลอสง ใจไปทอ่ี น่ื จากคาํ บรกิ รรมภาวนา เพื่อ
ใหจ ติ ที่เคยสงไปในที่ตางๆ นน้ั ไดเ กาะหรอื อาศยั อยกู บั อารมณแ หง ธรรม คือคํา
บรกิ รรมภาวนานน้ั ๆ ความรทู ี่เคยฟุงซานไปในอารมณตางๆ กจ็ ะรวมตวั เขา มาอยใู น
จุดนั้น คือจิตซึ่งเปนที่รวมแหงความรู กระแสแหงความรูทั้งหมดจะรวมตัวเขามาสู
อารมณแหงธรรม ทบ่ี รกิ รรมหรอื ภาวนาอยดู ว ยความสนใจ ก็เพราะบทธรรมบรกิ รรม
อันเปน เครอ่ื งเกาะของจิต เปน เครือ่ งยึดของจิต ใหต ง้ั หลกั ขน้ึ มา เปน ความรอู ยา ง
เดน ชดั เปน ลาํ ดบั นน้ั แล ฉะนน้ั ขน้ั เรม่ิ แรกของการภาวนา คาํ บรกิ รรมจงึ สาํ คญั มาก

เมอ่ื ไดเ หน็ คณุ คา สารธรรม ทป่ี รากฏขน้ึ เปน ความสงบสขุ เชน นแ้ี ลว ในขณะ
เดียวกันกเ็ หน็ โทษแหง ความฟงุ ซา นวนุ วายของจติ ทห่ี าหลกั ยดึ ไมไ ด และกอ ความ
เดอื ดรอ นใหแ กต วั อยา งประจกั ษใ จในขณะนน้ั โดยไมตองไปถามใคร คณุ และโทษของ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๕๖

๑๕๗

จติ ทสี่ งบและฟุงซาน เราทราบภายในจติ ของเราเองดว ยการปฏิบัตจิ ิตตภาวนา นี่
เปน ขน้ั หนง่ึ อนั เปน ขน้ั เรม่ิ แรกทท่ี า นสอนใหร เู รอ่ื งของจติ

แลว พยายามทาํ จติ ใหม คี วามสงบแนว แนล งไปเปน ลาํ ดบั ดว ยการภาวนากบั บท
ธรรมดังที่กลาวมานี้ เจรญิ แลว เจรญิ เลา จนมคี วามชาํ นชิ าํ นาญ กระทั่งจิตสงบไดตาม
ความตอ งการ ความสุขเกิดขึ้นเพราะใจสงบก็ยิ่งเดนชัดขึ้นทุกวันเวลา พอจิตสงบตัวขึ้น
มาปรากฏเปน ความรเู ดน ชดั แลว ในขณะเดยี วกนั กเ็ ปน การรวมกเิ ลสเขา มาสจู ดุ
เดยี วกนั เพอ่ื เหน็ ไดช ดั และสังเกตความเคลื่อนไหวของมันไดงายขึ้น และสะดวกแก
การแกก ารถอดถอนดว ยปญ ญา ตามขน้ั ของปญญาทีค่ วรแกก เิ ลสประเภทหยาบ กลาง
ละเอยี ด ตามลาํ ดบั ไป

คาํ วา “กเิ ลส” ซึ่งเปนเครื่องบังคับจิตใจใหฟุงซานไปในแงตางๆ จนคาํ นงึ
คํานวณไมไดนั้น เราไมส ามารถทจ่ี ะจบั ตวั ของมนั ไดว า อะไรเปน กเิ ลส อะไรเปน จติ
เปน ธรรม ตอ งอาศยั ความสงบของใจเปน พน้ื ฐานกอ น เมื่อจติ สงบตัวเขามา กเิ ลสก็
สงบตัวเขา มาดว ย เมอ่ื จติ หดตวั เขา มาเปน ตวั ของตวั หรอื เปน จดุ หมายพอเขา ใจได
เรอ่ื งของกเิ ลสกร็ วมตวั เขา สวู งแคบในจดุ เดยี วกนั คือรวมตัวเขามาที่จิต ไมค อ ยออก
เพน พา นกอ กวนจิตใจเหมอื นแตก อ นทจ่ี ติ ยงั ไมส งบ พอจิตสงบเย็นพอตง้ั ตวั ไดบ า ง
แลว หรือตั้งตัวไดแลว จากนน้ั ทา นสอนใหพ จิ ารณาคลค่ี ลายดอู าการตางๆ ของรา ง
กายอนั เปน ทซ่ี มุ ซอ นของกเิ ลสทางดา นปญ ญาวา “จิตไปสนใจกับอะไร? ในขณะที่ไม
สงบใจไปยงุ กบั เรอ่ื งอะไรบา ง?” แตใ นขณะทใ่ี จสงบเปน อยา งน้ี ไมก อ กวนตวั เอง

แตปกตินิสัยของคนเรา พอมคี วามสงบสบายบา งมกั ขเ้ี กยี จ คอยแตล ม ลง
หมอน ไมอ ยากคลค่ี ลายรา งกายธาตขุ นั ธด ว ยสตปิ ญ ญาเพอ่ื รคู วามจรงิ และถอดถอน
กิเลสตางๆ ออกจากใจ โดยไมคํานึงวาการละการตัดกิเลสประเภทตางๆ ที่แทรกสิงอยู
ในกายในขนั ธน น้ั ทา นละทา นถอนดว ยสตปิ ญ ญา สว นความสงบของจติ หรอื “สมาธ”ิ
นน้ั เปน เพยี งการรวมตวั ของกเิ ลสเขา มาสวู งแคบเทา นน้ั มใิ ชเ ปน การละการถอน
กเิ ลส จงึ กรณุ าทราบไวอ ยา งถงึ ใจ

ใจขณะที่ยังไมสงบ มกั ไมย งุ กบั รปู เสยี ง กลน่ิ รส เครื่องสัมผัส แลว นํามาเปน
อารมณก วนใจ บรรดารปู เสยี ง ฯลฯ นั้น จิตไปหนักในอารมณอะไร ซึ่งพอทราบได
ดวยสติปญญา ขณะพจิ ารณาจิตแสดงออกไปเก่ยี วของกบั อารมณอันใด กพ็ อทราบกนั
ไดโดยทางสติปญญา เร่อื งราวของจิตกพ็ อมองเห็นได เพราะจติ เคยสงบ พอเริ่มออกไป
สูอารมณตางๆ กท็ ราบ ทา นจงึ สอนใหพ จิ ารณาคลค่ี ลายดว ยปญ ญาเพอ่ื ใหท ราบวา สง่ิ
ทจ่ี ติ ไปเกย่ี วขอ งนน้ั คอื อะไรบา ง พยายามดูใหรูใหเห็นอยางชัดเจนดวยสติปญญาขณะ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๕๗

๑๕๘

ออกพจิ ารณา เวนแตข ณะทาํ ใจใหส งบโดยทางสมาธกิ ไ็ มพ จิ ารณา เพราะ “สมาธ”ิ
กบั “ปญ ญา” นน้ั ผลดั เปลย่ี นทาํ งานคนละวาระ ดงั ทไ่ี ดเ คยอธบิ ายแลว

ขณะที่พิจารณา “รูป” คอื รปู อะไรทใ่ี จไปเกย่ี วขอ งมากกวา เพอ่ื น เพราะเหตุใด?
ดรู ูปขยายรูป แยกสว นแบง สว นรปู นน้ั ใหเห็นชัดเจนตามความจริงของมัน เม่ือแยก
แยะสว นรปู จะเปนรูปอะไรก็ตาม ใหเห็นตามเปนจริงของมันดวยปญญา ในขณะเดียว
กนั กจ็ ะไดเ หน็ ความเหลวไหลหลอกลวงของจติ ทไ่ี ปยดึ มน่ั ถอื มน่ั สาํ คญั ผดิ ตา งๆ โดย
หาสาเหตุอะไรไมได หามูลความจริงไมได เพราะเมอ่ื พจิ ารณาละเอยี ดแลว ไมม อี ะไร
เปน สาระตามทใ่ี จไปสาํ คญั มน่ั หมาย มแี ตค วามสําคญั ของจิตไปลมุ หลงเขาเทา น้นั
เมอ่ื พจิ ารณาแยกแยะสว นตา งๆ ของรางกาย “เขา” หรอื รา งกาย “เรา” ออกดโู ดย
ละเอยี ดถถ่ี ว นแลว ไมเ หน็ สาระอะไร ใจกเ็ หน็ โทษของความสาํ คญั มน่ั หมาย ความยดึ
มน่ั ถอื มน่ั ของใจไปเอง เมื่อพิจารณาหลายครั้งหลายหนเทาไรก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งรูป
และเสยี ง กลน่ิ รส เครื่องสัมผัสตางๆ ทง้ั อาการของจติ ทไ่ี ปเกย่ี วขอ งกบั อาการนน้ั ๆ
จนรูแจงเห็นชัดดวยปญญา เพราะคลค่ี ลายอยอู ยา งสมาํ่ เสมอทง้ั ภายนอกและภายใน รู
แจงเห็นชัดอาการของจิตทางภายในที่ไปเกี่ยวของวา เปนเพราะเหตุนั้นๆ อันเปนเร่อื ง
เหลวไหลทั้งเพ

แตก อนไมทราบวามันเก่ียวของกนั เพราะเหตุไร ตอ มากท็ ราบชดั วา มนั ไปเกย่ี ว
ของเพราะเหตุนั้นๆ คือเพราะความหลงความสําคัญผิด เมื่อพิจารณาตามความจริง
เหน็ ความจรงิ ในสง่ิ ภายนอกแลว กท็ ราบชดั ทางภายในวา “จิต ไปสาํ คญั วา สภาวธรรม
ตางๆ เปน อยา งนน้ั ๆ จงึ เกดิ อปุ าทานความยดึ มน่ั ถอื มน่ั หรอื เกดิ ความรกั ความชงั ขน้ึ
มา เปนกิเลสเพิ่มพูนไปเรื่อยๆ ใจก็ทราบถึงความเหลวไหลของตน

จิตเมอ่ื ทราบวาตวั เปน ผูลมุ หลงเหลวไหลแลวกถ็ อนตัวเขามา เพราะแมจะฝน
คิดไปยึดมั่นถือมั่น สง่ิ เหลานั้นก็ถูกปญญาแทงทะลไุ ปหมดแลว ไปยดึ มน่ั ถอื มน่ั หา
อะไร! การพจิ ารณาทราบชดั แลว วา สง่ิ นน้ั เปน นน้ั สง่ิ นเ้ี ปน น้ี ตามความจริงของแตละสิ่ง
ละอยา ง นีแ่ หละคือวิธีคลี่คลาย “กองปญ หาใหญ” ทร่ี วมแลว เปน ผลคอื กองทกุ ขภ าย
ในใจ ทา นสอนใหค ลค่ี ลายอยา งน้ี

เม่อื ปญญาคล่ีคลายอยูโดยสม่าํ เสมอไมล ดละ จนเขาใจแจมแจงชัดเจนแลว ไม
ตอ งบอกใหป ลอ ย จิตรแู ลว ปลอ ยเอง ยอ มปลอ ยเอง จิตที่ยึดคือจิตที่ยังไมรูไมเขาใจ
ดวยปญญา เมื่อรูอยางเต็มใจแลวก็ตองปลอยเต็มที่ ไมม อี าลยั เสยี ดาย ความกงั วลทง้ั
หลายทจ่ี ติ เคยกงั วลเสยี ดายนน้ั กห็ ายไปเอง เพราะปญญาสอดสองมองทะลุเห็นแจง

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๕๘

๑๕๙

เห็นชัดไปหมดแลวจะไปงมอะไรอีก ปญหาของใจทีเ่ คยกวา งขวางก็แคบเขามา เกย่ี วกบั
เรื่องตางๆ ภายนอกกห็ มดไป ๆ เขาทํานองที่เคยเทศนนั้นเอง

จากนน้ั กม็ าคลค่ี ลายดจู ติ อนั เปน ทร่ี วมของกเิ ลสสว นละเอยี ดวา แยบ็ ออกไป
หาเรอ่ื งอะไรบา ง?” และ “แยบ็ ออกไปจากทไ่ี หน? มอี ะไรเปน เครอ่ื งผลกั ดนั ใหจ ติ
คิดปรุงเรอื่ งตา งๆข้นึ มา?” พอสตปิ ญ ญาทนั ความคดิ ปรงุ ทแ่ี ยบ็ ออกในขณะนน้ั มนั ก็
ดบั ในขณะนน้ั ไมถ งึ กบั เปน เรอ่ื งเปน ราวอะไรขน้ึ มาใหย งุ ยากเหมอื นแตก อ น เพราะ

สตทิ นั ปญ ญาทนั คอยตีตอนปราบปรามกนั อยูเสมอ เพราะขยบั ตามรอ งรอยแหง ตน
เหตเุ ขา ไปเรอ่ื ยๆ จนถึง “ตน ตอกเิ ลส” วา มอี ยู ณ ทใ่ี ดกนั แน ลกู เตา หลานเหลน
กเิ ลสมนั ออกมาจากไหน สัตวตางๆ ยังมีพอแม พอ แมข องกเิ ลสเหลา นค้ี อื อะไร? และ
อยทู ไ่ี หน? ทําไมจึงปรุงแลวปรุงเลา คิดแลวคิดเลา ทาํ ใหเ กดิ ความสาํ คญั มน่ั หมาย
ขยายทุกขอยูไมหยดุ ไมถอย?

ความจริงการคิดปรุงก็คิดปรุงขึ้นที่จิต ไมไ ดค ดิ ปรงุ จากที่อนื่ จงพิจารณาตาม
เขา ไปโดยลาํ ดบั ๆ ไมล ดละรอ งรอยอันจะเขาหาความจรงิ จนถงึ ตวั นคี่ อื การคิดคนดู

เรอ่ื งของกเิ ลสทง้ั มวลดว ยกาํ ลงั ของสตปิ ญ ญาอยางแทจริง จนทราบวา จิตนีไ้ ดขาด

จากสง่ิ ใดแลว สง่ิ ใดทย่ี งั มคี วามสมั ผสั สมั พนั ธ และสนใจอยากรอู ยากเหน็ กนั อยเู วลาน้ี

จงึ ตามสอ่ื ตามเชอ้ื นเ้ี ขา ไป กเิ ลสกน็ บั วนั เวลาแคบเขา มา ๆ เพราะถกู ตดั สะพานท่ี

สบื ตอ กบั รูป เสียง กลน่ิ รส เครอ่ื งสมั ผสั สมั พนั ธ และสิ่งตางๆ ทั่วโลกดินแดน ออก
จากใจดวยสติปญญาไปเรื่อยๆ จนหายสงสัย เหมอื นโลกภายนอกไมม ี เหลือแต
อารมณท ี่ปรงุ ยบิ แยบ็ ๆ ไปภายในจติ เทา นน้ั ซึ่ง “กษตั รยิ ใ หญต วั คะนอง” กอ็ ยทู น่ี ้ี ตัว
ปรุงแตง ตวั ดน้ิ รนกระวนกระวายนอ ยใหญ จึงอยูที่นี่

แตก อ นใจดนิ้ ไปไหนบางก็ไมทราบ ทราบแตผลท่ปี รากฏขึน้ มาเทาน้ัน ซึ่งไม
เปนที่พึงใจเลยทุกระยะไป คือมีแตความทกุ ขซึ่งโลกไมต อ งการกนั ใจเราเองก็แบกแต
กองทกุ ขจ นหาทางออกไมไ ด เพราะไมทราบเงื่อนแกเ งื่อนไขกัน ทนี พ้ี อทราบแลว เรื่อง
เหลา นี้คอยหมดไปส้นิ ไป ก็ยิ่งรูชัดเห็นชัดที่จิต ซึ่ง”อวชิ ชา” มาแสดงเปนตัวละคร เปน
ตวั เรอ่ื งราวอยภู ายในตวั เอง หาทีย่ ดึ ที่เกาะอะไรกบั ภายนอกไมไ ด เปน แตแ สดงอยภู าย
ในตัว เพราะเหตุใดจึงไมยึดไมเกาะ ก็เพราะสติปญญาเขาใจและหวานลอมไวแลว จะ
ไปยึดไปเกาะอะไรไดอีก เรื่องมันก็มีแต “ยบิ แยบ็ ๆๆ” อยเู ฉพาะภายในจติ ยงิ่ เหน็ ได
ชดั กาํ หนดเขาไปพิจารณาเขาไป คยุ เขย่ี ขดุ คน ดว ยสตปิ ญ ญาเขาไปจนรอบตัว ทุก

ขณะทอ่ี าการของจติ เคลอ่ื นไหวไมม กี ารพลง้ั เผลอ ดังสติปญญาขั้นเริ่มแรกที่ลมลุก
คลกุ คลาน

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๕๙

๑๖๐

ความเพยี รขณะนไ้ี มว า ทกุ อริ ยิ าบถเสยี แลว แตก ลายเปน ทุกขณะทจี่ ิตกระเพอื่ ม
ตวั ออกมา สตปิ ญ ญาตอ งรทู ง้ั ขณะทก่ี ระเพอ่ื มออก รูทั้งขณะที่ดับไป เรื่องราวที่จะเกิด
ขึ้นขณะที่จิตปรุงแตงและสําคัญมั่นหมายจึงไมมี เพราะสติปญญาประเภทจรวดดาว
เทียมตามทันกัน พอกระเพื่อมก็รู รูแลวก็ดับ เรื่องราวไมเกิดไมตอ เกิดขึ้นมาขณะใดก็
ดับไปพรอมขณะนั้น ไมแ ตกกง่ิ แตกกา นออกไปไหนได เพราะถกู ตดั สะพานออกแลว
จากเรื่องภายนอกดวยปญญา

เมอ่ื สตปิ ญ ญาคน ควา อยอู ยา งไมล ดละไมท อ ถอย ดว ยความสนใจอยากรอู ยาก
เหน็ และอยากทาํ ลายสง่ิ ที่เปนภัย ทใ่ี หก อ กาํ เนดิ เกดิ เปน สตั วเ ปน บคุ คล พาทอง
เทย่ี วในวฏั สงสาร คอื อะไรกนั ? อะไรเปน เหตเุ ปน ปจ จยั ใหส บื ตอ และมอี ยทู ไ่ี หน
เวลาน้?ี นี่เรียกวา “คยุ เขย่ี ขดุ คน ” จิตอวชิ ชาดวยสตปิ ญญา กไ็ มพ น ทจ่ี ะรจู ะเหน็ และ
ตดั ขาดตวั เหตปุ จ จยั อนั สาํ คญั ทก่ี อ ทกุ ขใ หแ กส ตั วโ ลก คอื กเิ ลสอวชิ ชา ที่แทรกอยู
ในจติ อยา งลกึ ลบั นี้ไปได นน่ั ! เหน็ ไหม อาํ นาจของสตปิ ญ ญา ศรัทธา ความเพียรขั้นนี้
ทีผ่ ูปฏิบัตทิ งั้ หลายไมเ คยคาดคดิ มากอ น วาจะเปนไปไดถงึ ขนาดนี้

ทีนี้กิเลสเริ่มเปดเผยตัวขึ้นมาแลว เพราะไมมีที่หลบซอน รูป เสยี ง กลน่ิ รส
เครื่องสัมผัส ซ่ึงเปน ท่เี คยหลบซอ นแตกอนไมมแี ลว เพราะไดตัดสะพานออกหมดแลว
กม็ ที ห่ี ลบซอ นอยเู ฉพาะจิตแหง เดยี วเทา นน้ั คอื จติ เปน ทห่ี ลบซอ นของ “อวชิ ชา” เมื่อ
คนควาลงไปที่จิตจนแหลกแตกกระจายไปหมดไมมีอะไรเหลือ เหมอื นกบั พจิ ารณา
สภาวธรรมทว่ั ๆ ไปที่เคยดําเนินมาโดยทางปญญา “จติ อวชิ ชา” นก่ี ถ็ กู พจิ ารณาแบบ
นน้ั สุดทายกเิ ลสช้นั ยอดคืออวชิ ชา จอมกษตั รยิ ข องวฏั จกั ร กแ็ ตกกระจายออกจากใจ
หมด! ทนี เ้ี ราจะไมท ราบยงั ไงวา ตวั ไหนเปน ตวั กอ เหตใุ หเ กดิ ภพนน้ั ภพน้ี สว นจะ
เกิดที่ไหนไมเกิดที่ไหนนั้นไมสําคัญ สาํ คญั ทต่ี วั นเ้ี ปน ตวั เหตใุ หเ กดิ ตายอยางประจกั ษ
ใจ

นแ้ี ลการพสิ จู นก ารตายแลว เกดิ อกี หรอื ตายแลว สญู ตองพิสูจนตัวจิตดวย
การปฏบิ ตั ติ ามหลกั จติ ตภาวนา ดังพระพุทธเจาและสาวกทรงปฏิบัติและทรงรูเห็น
ประจักษพระทัยมาแลว อยา งอน่ื ๆ ไมม ที างรไู ด อยา พากนั ลบู คลาํ ดน เดาเกาหมดั จะ
กลายเปนขี้เรื้อนเปอนไปทั้งตัว โดยไมเกิดผลใดๆ เลย

เมอ่ื ถงึ ขน้ั น้ี เรยี กวา ไดท าํ ลายความเกดิ ซง่ึ เปน เชอ้ื สาํ คญั อยภู ายใน ออกโดยสน้ิ
เชิงแลว ตั้งแตบัดนี้เปนตนไปไมมีสิ่งใดจะสืบตอกอแขนงไปอีกแลว สติปญญาขั้น
“ธรรมภิสมัย” ทราบไดอยา งสมบรู ณ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๖๐

๑๖๑

นแ่ี หละทว่ี า “โลกหนา มไี หม?” คอื ตวั นแ้ี ลเปน ผไู ปจบั จองโลกหนา ตวั นแ้ี ลเปน

ผเู คยจองโลกทผ่ี า นมาแลว ตวั นแ้ี ลเปน ตวั ทเ่ี คยเกดิ เคยตายซาํ้ ๆ ซากๆ ไมห ยดุ ไมถ อย

จนไมส ามารถจดจาํ เรอ่ื งความเกดิ ความตาย ความสขุ ความทุกข ความลาํ บากมากนอ ย
ในภพกาํ เนดิ นน้ั ๆ ของตนได คือตัวนี้แล!

กรณุ าจาํ หนา ตาของมนั ไวใ หถ งึ ใจ และขดุ คน ฟน ลงไปอยา งสะบน้ั หน่ั แหลกอยา

ออมแรง จะเปนการทําอาหารไปเลี้ยงมันใหอิ่มหมีพีมัน แลว กลบั มาทาํ ลายเราอกี

เมื่อประมวลกิเลสทั้งหลายก็มาอยูที่จิตดวงเดียว รวมกันที่นี่ ทาํ ลายกนั ทน่ี ่ี พอ

ทาํ ลายมนั เสรจ็ สน้ิ ลงไปโดยไมมีอะไรเหลือแลว ปญ หาเรอ่ื งความเกดิ ความตาย

ความทกุ ขค วามลาํ บาก อนั เปน ผลมาจากความเกดิ ความตายน้ีกไ็ มม ี รูไดอยางชัดๆ
โดย “สนทฺ ฏิ ฐ โิ ก” อยางเต็มภูมิ

เรอ่ื งโลกหนา มีไหม? กห็ มดปญ หา โลกทเ่ี คยผา นมาแลว กล็ ะมาแลว โลกหนา ก็

ตดั สะพานขาดกระเด็นออกไปหมดแลว ปจจุบันก็รูเทา ไมม อี นั ใดเหลอื อยใู นจติ นน้ั เลย
ขน้ึ ชอ่ื วา “สมมุติ” แลวแมละเอียดเพียงไร! นแี่ ลคอื จิตที่หมดปญหาแท! การแกป ญ หา
ใหจิตก็แกที่ตรงนี้ เมื่อแกตรงนี้หมดแลวจะไมมีปญหาอะไรอีก!

โลกจะกวา งแสนกวา งหรอื มกี จ่ี กั รวาลนน้ั เปน เรอ่ื งหนง่ึ ตา งหากของ “สมมุติ”

ซึ่งหาประมาณไมได ใจทร่ี รู อบตวั แลว ไมย งุ เกย่ี วดว ย

เร่อื งสาํ คญั ที่ทําความกระทบกระเทอื นแกต นอยูเสมอมาไมล ดละกระทั่งปจจบุ ัน

และจะเปนไปขางหนาก็คือเรื่องของจิต ตวั มภี ยั ฝง จมอยภู ายในตวั นเ้ี ทา นน้ั เมอ่ื แกภ ยั

นอ้ี อกหมดแลว ก็ไมมีอะไรจะเปนพิษเปนภัยตอไปอีก เรอ่ื งโลกหนา โลกหลงั จะมหี รอื

ไมมนี ั้นหมดความสนใจท่ีจะคดิ เพราะทราบอยางถึงใจแลววาตัวนี้หมดปญหาที่จะไป

สบื ตอ ในโลกไหนๆ อกี แลว นแ่ี หละการเรยี นแกป ญ หาตนเอง จงแกลงที่ตรงนี้จะมี

ทางสิ้นสุดลงได ทง้ั ไมเ ปน โทษภยั แกต วั และผอู น่ื แตอ ยา งใด

พระพุทธเจาก็ทรงแกที่ตรงนี้ สาวกอรหตั อรหนั ตท า นกแ็ กท ต่ี รงน้ี รูกันที่ตรงนี้
ตัดไดขาดโดยสิ้นเชิงที่ตรงนี้ การประกาศองคศ าสดาขน้ึ มาวา “เปน ผสู น้ิ แลว จากทกุ ข
เปน ศาสดาเอกของโลก” กป็ ระกาศขน้ึ มาจากความรแู ละความหมดเรอ่ื งอนั นเ้ี อง การ
เรยี น”โลก” จบก็จบลงที่จิตอันนี้เอง! การเรียนธรรมจบก็จบโดยสมบูรณที่ตรงนี้

“โลก” คอื หมสู ตั ว สตั วแ ปลวา “ผูของ” ของอยูที่จิต ตัดขาดกันตรงนี้ เรียนรูกัน
ทน่ี ่ี สาวกอรหตั อรหนั ตก เ็ รยี นรกู นั ทน่ี อ่ี ยา งเตม็ ใจ หมดปญ หา! ทา นเหลา นเ้ี ปน ผแู ก

ปญ หาตก ไมมีสิ่งใดเหลือหลอเลย

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๖๑

๑๖๒

พวกเราเปน ผูรับเหมากองทุกขท ้ังมวล เปน ผรู บั เหมาปญ หาทง้ั มวล แตไ มย อม

แกป ญ หา มแี ตจ ะกวาดตอ นเขา มาแบกหามอยตู ลอดเวลา กองทุกขจึงเต็มที่หัวใจอะไร

ก็ไมเทา เพราะไมหนกั เทาหวั ใจท่แี บกกองทุกข การแบกกองทกุ ขแ ละปญ หาทง้ั หลาย
มนั หนกั ทห่ี วั ใจ เพราะเรียนไมจบ แบกแตก องทกุ ขเ พราะความลมุ หลง!

เรื่อง “วชิ ชา” คือ ความรจู รงิ ไดป รากฏขน้ึ แลว และทาํ ลายสง่ิ ทเ่ี ปน ภยั ทง้ั
หมดออกจากใจแลว ชื่อวา ‘เปนผูเรียนจบ” โดยหลักธรรมชาติ ไมมีการเสกสรรปนยอ
ทั้งที่หลอกตัวเองใหลุมหลงเพิ่มเขาไปอีก แตการเรียน “ธรรมในดวงใจ” จบ เปน การ

ลบลา งความลมุ หลงออกไดโ ดยสน้ิ เชงิ ไมม ซี ากเหลอื อยเู ลย
คาํ วา ‘ไตรภพ” กามภพ รูปภพ อรปู ภพ กห็ มดปญ หาลงในขณะนน้ั เพราะมนั

อยทู ใ่ี จ “กามภพ” กค็ อื จติ ใจทก่ี อ ตวั ดว ยสง่ิ นน้ั (กาม) “รูปภพ อรูปภพ” กค็ อื สมมุติสิ่ง

นน้ั ๆ ในสามภพนฝ้ี ง อยทู ใ่ี จ เมอ่ื ใจไดถ อดถอนสง่ิ เหลา นอ้ี อกไปแลว กเ็ ปน อนั หมด

ปญ หา นแ่ี กป ญ หาแกท ต่ี รงน้ี โลกนโ้ี ลกหนา อยทู น่ี ่ี เพราะการกาวไปในโลกไหนๆ กอ็ ยู

ทน่ี ่ี จะกา วไปรบั ทกุ ขม ากนอ ย ก็ตัวจิตนี้แล กงจกั รเครอ่ื งพดั ผนั มอี ยภู ายในใจน้ีไม

มใี นทอ่ี น่ื

พระพุทธเจาจึงทรงสอนลงที่จุดอันถูกตองเหมาะสมที่สุด คอื ใจ อนั เปน ตวั การ

สาํ คญั สง่ิ ทก่ี ลา วมาเหลา นม้ี อี ยกู บั ใคร ถา ไมม อี ยกู บั เราทกุ ๆ คน การแกถ า ไมแ กท ต่ี รง
นจ้ี ะไปแกท ไ่ี หนกนั ?

สตั วโ ลกจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งไปตามโลกนน้ั ๆ ดว ยอาํ นาจแหง กรรมด-ี ชว่ั ทม่ี อี ยู

กบั ใจ ผทู จ่ี ะไปสโู ลกสกู องฟน กองไฟคอื ใจน้ี ถา ไมแ กต รงนแ้ี ลว กไ็ มพ น จะไปโดนกอง

ไฟคือความทุกขรอ น ถา แกต รงนไ้ี ดแ ลว กไ็ มม ปี ญ หาวา ไฟอยทู ไ่ี หน เพราะรกั ษาตวั ได
แลว มันก็มีเทานั้น! เหลา นเ้ี ปน โลกหนกั มากสาํ หรบั มวลสตั ว ปญหาอะไรเกดิ ขึ้นมันก็
เกิดขึ้นที่ตรงนี้ วา “ตายแลว เกดิ หรอื ตายแลว สญู ” “โลกหนา มไี หม?” นรกมไี หม?
สวรรคมีไหม? “บาป บญุ มีไหม?”

ไปทไ่ี หนมแี ตค าํ ถามวา “นรก สวรรค มีไหม?” เราขี้เกียจจะตอบ ไมทราบจะ

ตอบไปทาํ ไมกนั กผ็ แู บกนรก สวรรค กค็ อื หวั ใจซง่ึ มอี ยกู บั ทกุ คนอยแู ลว จะตอบไป
ใหเ สยี เวลาํ่ เวลาทาํ ไมกนั เพราะเราไมไดเปน “สมุหบัญชนี รก สวรรค น”่ี

แกตัวเหตุที่จะไปนรกสวรรคนี่ซ!ิ แกเ หตชุ ว่ั และบาํ รงุ เหตดุ ี คําวา “ทุกข” มนั ก็
ไมม ี ถา แกถ กู จดุ แลว มนั จะผดิ ไปไหน! เพราะ “สวากขาตธรรม” สอนใหแ กถ กู จดุ ไม
ผิดจุด! คาํ วา “นยิ ยานกิ ธรรม” กเ็ ปน เครอ่ื งนาํ ผทู ต่ี ดิ อยใู นความทกุ ขร อ นดว ยอาํ นาจ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๖๒

๑๖๓

แหง ความลมุ หลงออกไป ดวย “สวากขตธรรม” อยแู ลว จะแกท ไ่ี หนถา ไมแ กท จ่ี ติ
ปญ หาอนั ใหญโ ตกม็ อี ยทู จ่ี ติ นเ่ี ทา นน้ั ความรอู นั นแ้ี หละ หยาบกอ็ ยกู บั ความรนู ้ี
ละเอยี ดกอ็ ยกู บั ความรนู ้ี ทาํ ใหค นหยาบทาํ ใหค นละเอยี ดกค็ อื ความรนู ้ี เพราะกเิ ลส

เปน ผหู นนุ หลงั ทําใหค นละเอยี ดใจละเอียด ก็เพราะความดีเปนเครื่องหนุน ละเอยี ด

จนกระทง่ั สดุ ความละเอยี ดแลว กส็ ดุ สมมตุ ิ ยตุ ดิ ว ยความพน ทกุ ข ไมม เี ชอ้ื สบื ตอ อกี

ตอไป
มปี ญ หาทม่ี คี นมกั ถามอยเู สมอวา การแกค วามขเ้ี กยี จจะแกว ธิ ไี หน? ถา จะเอา

ความขี้เกียจไปแกความขี้เกียจ มนั กเ็ ทา กบั สอนคนนน้ั ใหเ ปน ขา ศกึ กบั ทน่ี อนหมอนมงุ
ดว ยการนอนจนไมร จู กั ตน่ื และเหมอื นคนนน้ั ตายแลว นน่ั เอง เพราะความขี้เกียจมันทํา
ใหอ อ นเปย กไปหมดเหมอื นคนจะตายอยแู ลว จะเอาความขเ้ี กยี จไปแกค วามขเ้ี กยี จ
อยา งไรกนั เมอ่ื ไดทีน่ อนดๆี กเ็ ปน เครอ่ื งกลอ มใหค นนอนจมแบบตายแลว นน่ั เอง ตาย
อยบู นหมอน นะ ! จะวายังไง! ตน่ื แลว กย็ งั ไมย อมลกุ กค็ วามขเ้ี กยี จมนั เหยยี บยาํ่ ทาํ ลาย
และบงั คบั ไมใ หล กุ น่ี การเอาความขเ้ี กยี จไปแกค วามขเ้ี กยี จมนั กเ็ ปน อยา งนน้ั แหละ

ถาเอาความขยันหม่ันเพียรเขาไปแก กล็ กุ ปบุ ปบ ขน้ึ มาสกู นั ถา มกี ารตอ สมู นั กม็ ี
หวงั ชนะจนได ถา ยอมหมอบราบไปเลยมนั กม็ แี ตแ พท า เดยี ว แตจะเรียกวา “แพ” หรือ
เรียกอะไรก็เรียกไมถูก เพราะไมม กี ารตอ สจู ะวาแพอยางไรได ถา มกี ารตอ สู สูเขาไมได
เชน คนนี้แพ คนนน้ั ชนะ แตน หี่ าทางตอ สูไมม เี ลย ยอมราบไปโดยถา ยเดยี ว จะไมวา
“บอ ยกลางเรือนของกเิ ลส” จะวาอะไร? มัน กบ็ อ ยกลางเรอื นของมนั นน่ั แหละ จะเอา
ความขเ้ี กยี จจนเปน บอ ยมนั ไปแกก เิ ลส กย็ ง่ิ กลบั เสรมิ กเิ ลสใหม ากมนู ยง่ิ ขน้ึ จะวา ยงั ไง!
โดยปกตมิ นั กเ็ ตม็ หวั ใจอยแู ลว จะสงเสริมใหม ากมายอะไรอีก จะเอาไปไวที่ตรงไหน?
ใจก็มีดวงเดียว นอกจากจะแกม นั ออกพอใหห ายใจไดบ า ง ไมย อมใหม นั นง่ั ทบั นอนทบั
จมูกจนหายใจไมไดตลอดไป

จงปลดเปลื้องมันออกพอใหม องดูตวั เองไดบ างวา ‘โอโห! นบั แตเ รม่ิ ภาวนามา
วนั นเ้ี หน็ เหลนของกเิ ลส คอื ตวั ขเ้ี กยี จ หลดุ ลอยจากตวั ไปหนง่ึ สะเกด็ เทา กนั กบั สะเกด็
ไมห ลดุ ออกจากตน ของมนั วนั นพ้ี อดตู วั เองไดบ า ง ไมมีแตกิเลสเอาปากเอาจมูกไปใช
เสียหมด นาโมโห!”

ความขยนั หมน่ั เพยี ร ความอตุ สา หพ ยายาม โดยทางเหตุผลที่เกิดประโยชน
เปน ทางของปราชญท า นดาํ เนนิ กนั แมย ากลาํ บากเรากส็ ู เหมอื นถอนหวั หนามออกจาก
เทาของเรา เจ็บก็ตองทนเอา ถาจะยอมใหมนั ฝงจมอยอู ยางน้นั ฝาเทาก็จะเนาเฟะไปทั้ง
เทาแลวกาวไปไหนไมไดเลย และเสียกระทั่งเทาดวย เพราะฉะนน้ั เหตผุ ลมอี ยอู ยา ง

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๖๓

๑๖๔

เดียว คอื ตอ งถอนหนามออกใหไ ด! เจบ็ ขนาดไหนตอ งอดทน ถอนหนามออกใหไ ด
เหตุผลนี้ตองยอมรับ เมอ่ื ถอนออกหมดแลว มนั กห็ มดพษิ ใสยาลงไปเทาก็จะหายเจ็บ

ไมม กี ารกําเริบอกี ตอไปเหมือนท่หี นามยงั จมอยู

กเิ ลสกค็ อื หวั หนามเราดๆี นเ่ี อง เราจะยอมใหมันฝงจมอยูในหัวใจตลอดเวลา
มนั กฝ็ ง จมอยอู ยา งนน้ั ใจเนาเฟะอยูใน “วฏั สงสาร” เปนทน่ี าเบอื่ หนา ยรําคาญไมมีทส่ี น้ิ
สดุ เราตองการอยูหรือ? การเปน คนเนา เฟะนะ จงถามตัวเองอยาไปถามกิเลส จะเพิ่ม

โทษเขาอีก ถา ไมต อ งการตอ งตอ สมู นั เมื่อตอสูแลวตองมีทางชนะจนได หรอื จะแพก ่ี

ครั้งก็ตาม แตจะตองมีทางชนะมันครั้งหนึ่งจนได ลงชนะครั้งนี้ตอไปก็ชนะไปเรื่อยๆ
ชนะๆๆ เรื่อยไปเลย กระทั่งไมมีอะไรจะมาใหเราตอสู เพราะกเิ ลสหมดประตสู แู ลว !

คาํ วา “ชนะ” นน้ั ชนะอะไร! กช็ นะความขเ้ี กยี จดว ยความขยนั ชนะกเิ ลสดว ยวริ ยิ

ธรรมนะซี แลว กพ็ น จากทกุ ข นแ่ี หละการแกป ญ หาเรอ่ื งความเกดิ ตาย คอื แกท ด่ี วงใจ

มจี ดุ นเ้ี ทา นน้ั ทค่ี วรแกท ส่ี ดุ เปนจดุ ที่เหมาะสมอยางยิ่ง เปน จดุ ทถ่ี กู ตอ งในการแก แกท ่ี

ตรงนี้ แกที่อื่นไมมีทาง จะสําคัญมั่นหมายไปตงั้ กัปตงั้ กลั ป กแ็ บกปญ หาพาเกดิ พาตาย

พาทกุ ขพ าลาํ บากไปอยนู น่ั แหละ จึงไมค วรหาญคิดดน เดาเสียเวลาและตายเปลา เพราะ
เปน “อฐานะ” คือสิ่งเปนไปไมไดตามความคาดหมายดนเดา

วา “ทุกขไมมี บญุ บาปไมม ี หรือทุกขมี บญุ บาปม”ี เรากเ็ สวยกนั อยทู กุ คนไมม ี
การหลกี เวน ได คาํ วา ‘บาป” กค็ อื ความเศรา หมองความทกุ ข “คาํ วา บญุ ” กค็ อื ความสขุ
ความสบายใจนน่ั เอง กม็ อี ยใู นกายในใจของคนทกุ คนแลว จะปฏเิ สธอยา งไร? คาํ วา
“บญุ ” กช็ อ่ื ความสขุ นน้ั แลทา นใหช อ่ื วา ‘บญุ ” ความทกุ ขท า นใหช อ่ื วา “บาป” ทั้งบุญทั้ง
บาปเรากส็ มั ผสั อยทู กุ วนั เวลา จะอยโู ลกนห้ี รอื ไปโลกหนา กต็ อ งเจอ “บญุ บาป” อยโู ดย
ดี!

นรกหรอื ไมน รกกต็ ามเถอะ ถามีทุกขอยูเต็มกายเต็มใจแลว ใครอยากมาเกดิ มา
เจอละ? เรารอู ยดู ว ยกนั อยา งน้ี จะไปถามเร่อื งนรกนเรกทไี่ หนอกี เลา เพราะอยดู ว ยกนั

อยา งน้ี ทกุ ขม นั เผาอยทู ไ่ี หนกร็ อ นเชน เดยี วกบั ไฟจน้ี น่ั แล จี้เขาตรงไหนก็จี้เขาซิ มัน

ตอ งรอ นเหมอื นกนั หมด จะวา นรกหรอื ไมน รกกต็ ามใจ แตใ ครกไ็ มต องการ เพราะ
ความทกุ ขร อู ยกู บั ตวั จะหาสวรรคท ไ่ี หน? ใหย งุ ยากในหวั ใจละ

เจอความสุขซึ่งเกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรม เฉพาะอยา งยง่ิ คอื ความสขุ ทางใจ

นับตั้งแตความสงบเย็นใจขึ้นไปโดยลําดับ จนกระทั่งตั้งหลักตั้งฐานของจิตไดแนนหนา

มน่ั คงภายในใจ แนใ จในตวั เอง ยง่ิ กวา นน้ั เราไดห ลดุ พน ไป แลว จะไปถามหาทไ่ี หน

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๖๔

๑๖๕

สวรรค นพิ พานนะ ไมจําเปนตองถาม เรารอู ยกู ับใจของเรา เราเปนเจาของใจ ซึ่งเปน
ตวั เหตตุ วั การอยอู ยา งชดั ๆ และครองกนั อยเู วลาน้ี จะไปหากนั ทไ่ี หนอกี ชอ่ื นรกสวรรค
นะ งมหาอะไร!

เราไดต วั มนั แลว กอ็ ยกู บั ตวั นน่ั ซิ เรื่องก็มีเทานั้น ธรรมของพระพุทธเจาไมได
หลอกคนใหล บู นน้ั คลาํ น้ี เอาตัวจริงที่ตรงน!ี้

เอาละ การแสดงกเ็ หน็ วา สมควรฯ

ธรรมชุดเตรียมพรอม ๑๖๕


Click to View FlipBook Version