The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กฏแห่งกรรม ธรรมปฎิบัติ เล่ม ๓ หลวงพ่อจรัญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-17 20:50:02

กฏแห่งกรรม ธรรมปฎิบัติ เล่ม ๓ หลวงพ่อจรัญ

กฏแห่งกรรม ธรรมปฎิบัติ เล่ม ๓ หลวงพ่อจรัญ

Keywords: กฏแห่งกรรม ธรรมปฎิบัติ เล่ม ๓,หลวงพ่อจรัญ

สร้างความดีให้กับตนเอง หรือมไิ ด้ทําความดีให้กับสังคมเลย นับว่าน่าเสียดายชีวิต ถ้าคิดให้ละเอียดยิงนขึ
การทีเราได้เกดิ มาเป็ นคนหรือเป็นมนษุ ย์นั นวิเศษทีสุดแล้ว สามารถบําเพ็ญบารมี สร้างกุศลได้เตม็ ที เต็ม
กําลังความสามารถ ผู้ปฏิบัติธรรมทีได้พบสัจธรรม จะรู้คุณค่าของชีวิตได้ดี ถ้าปลอ่ ยให้ชีวติ ล่วงเลยไปเยสี
เปล่า ๆ มไิ ด้สร้างความดีให้กับตนเองแล้ว นับว่าเราไม่รู้คณุ ค่า เราไม่รู้ความสาํ คัญของชีวิตทีเราได้เกดิ มา
บางคนมีความมอื เข้ามาครอบงํา ทําให้เห็นสิ งทนี ่ากลัว น่าหวาดเสียว น่าขยะแขยง น่าละอาย เป็นของดีเป็น
ของชอบใจ และมคี วามสุขในสิงนั น ๆ ด้วย

เพือนของข้าพเจ้าเขาทําการค้าอยู่ทีตลาดบ้านแป้ ง อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรีจกกิ ารค้าขาย
ของเขาเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าไปเป็นลําดับ เขาซือสินค้าขึ นล่อง โดยเรือเมล์ระหว่างกรุงเท-พสิงห์บรุ ี ต้องใช้
เรือเมล์บรรทกุ สินค้าไปตามลําแมน่ ํ าเจ้าพระยา และเรืองทีจะเล่าให้ฟังตอ่ ไปนีผู้เขียนขอให้ชือว“่าสญั ญาณ
มรณะ” เขาผู้นั นคอื คุณกรู่ ทรพั ย์ทอง เมือวันที๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ คณุ กรู่ ทรัพย์ทอง ได้เล่าเรืองความ
ฝันของเขาให้ฟังว่า เมือคืนนีฝันไปว่าทตี ับของเขาดําไปหมด แล้วตับนั นก็เน่า แล้วเขากต็ ายไปเมอื เขา
รู้สึกตัวตืนขึ น มคี วามเสียใจมาก และได้นกึ ย้อนหลังไปถึงเหตุการณเ์ มือ๒๔ ปีมาแล้ว

วันหนงึ เรือสินค้าทีเขาโดยสารใชบ้ รรทุกสินค้าขึ นล่องอยู่เป็นประจําได้ล่มลงในเวลากลางคืน เขา
กําลังนอนหลับ เมือรู้สึกตัวว่าเรือลม่ ได้พยายามช่วยเหลือตัวเอง และได้ตะเกียกตะกายอยู่ในเรือ เพือหทาาง
ออก ในขณะนันเขาตังใจว่า ถ้าเขารอดชีวิตแล้วจะบวชให๓้ เดอื น ทันใดนนั เขาก็โผล่หน้าออกมาข้างเรือแล
เห็นด้วยจันทร์แล้วได้พยายามตะเกียกตะกายว่ายนํ าเข้าฝังด้วยความอ่อนเพลเงยี ินทองข้าวของเสียหายไป
หมด เหลือแต่เสือผ้าชุดทีอยู่กับตัวเทา่ นั น เขานกึ ว่าเหมือนตายแล้วเกดิ ใหม่

หลังจากนั นเขากป็ ระกอบอาชีพค้าขาย ขึ นลอ่ งกรุงเทพฯ อยเปู่ ็นประจํา การค้าขายของเขา
เจริญรุ่งเรืองมาด้วยดีเป็นเวลาถึง ๒๔ ปี เขาจงึ ได้เกิดความฝันขึ น เมอื ฟั นขึ นเขาก็นึกถึงอดตี กาลขึ นมาทันที
นึกถงึ ภาพทีเรือล่ม นึกถึงภาพทีติดอยู่ในเรือ นึกถึงทีได้กระเสือกกระสนออกมาจากเรือ นกึ ถึงจติ ทีเขาตังไว้
ว่า “รอดชีวิตแล้วจะบวช” และนึกถึงอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายจนสบั สนไปหมด มคี วามไม่สบายใจและ
เจ็บทีตับ เขาเอามือลูบ ๆ คลํา ๆ ตรงทีเจ็บนั น แล้วพดู ว่า เมือวันก่อนไมร่ ู้สึกเจ็บแต่อย่างใด พอฝกัน็เจ็บตรง
นี จริง ๆ เขาเอายาทาแก้เจ็บแก้ปวดทาไปตรงนั น ลักษณะท่าทางและกิริยาของเขาตอนนดีผปิ กติไปมาก ตาม
ธรรมดาคุณกรู่ ทรัพย์ทอง เป็นคนพดู สนุกสนาน มีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา จะพูดจะคุยกับผู้ใด มักได้รับ
การสรวลเสเฮฮาเสมอ เขาเป็นคนแปลกทมี ีเรืองขําขันให้คู่สนทนาหรือกลุ่มทีสนทนาฟังอยา่ งสนุกสนาน
จริง ๆ แต่การสนทนาคราวนี ไม่เหมอื นทุกครั งทีเตาได้สนทนากัน ความร่าเริงความสนุกสนานหายไปหมด
สงั เกตเขาเหงาไปมาก หนา้ ตาหมองคลํ าไมส่ ดชืน เขาได้เล่าความฝันให้ฟังแล้วเขาก็พูดต่อไปว่า ขณะนีอายุ
๔๘ ปีแล้ว เหตกุ ารณ์ครั งสาํ คัญของชีวิติผ่านมาถงึ ๒๔ ปี ข้าพเจ้าจึงพดู ขึนว่า“เจ้ากรรมนายเวรเขามาเตือน
กระมงั ถ้าให้ดีควรบวชตามทีได้ตังใจไว”้ คุณกรู่ ทรัพย์ทอง ก็พดู ว่าจะบวชได้อย่างไร แม่ก็แกแ่ ล้ว ลูก ๆ ก็
กําลังเรียนอยหู่ ลายคน รถยนต์ก็อยู่ตั ง๒ คัน เมือบวชแล้ว ทางบ้านก็ลําบางมาก ไมม่ ใี ครดูแลช่วยเหลอื
ยิงกว่านั นในเดอื น๙ หมายถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ลูกสาวจะแตง่ งาน ไม่มีใครช่วยเหลือต้นรับแขก
ข้าพเจ้าพูดว่างานทุกอยา่ งเมอื ลงมือทําแล้วก็สาํ เร็จจนได้ เมือบวชแล้วจะได้ชยันโตให้ลูกสาวอีกด้วย คกุณรู่

๕๑

ทรัพย์ทอง พูดต่อไปว่า ถ้าบวชจริง ๆ รถมอี ยู่๒ คัน ต้องขายเสียคันหนึง การอปุ สมบทแบบง่าย ๆ เพยี งมี
ไตร เครืองอัฐบริขาร เครืองไทยทานเพยี งเล็กน้อยก็อุปสมบทได้ แต่ชีวิตจริงของผู้ครองเรือน ไม่ง่ายเหมอื น
อยา่ งทีคิดหรืออย่างทีพูด กับการรบั ผิดชอบของเขา เราได้พูดคุยกันหลายอย่างเพือช่วยเหลือเขา แล้วเขากล็า
จากไป ขณะทีเขาเลา่ ให้ฟังนี มีผู้ร่วมฟังอยู่ด้วยอีก๒ คน

วันรุ่งขึ นเป็นวันท๑ี ๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. เขาไปทีบ้านข้าพเจ้า แล้วเลา่
ให้ฟังอีกว่า“เมือคืนนีนอนไมห่ ลับเลย” ทําให้คิดต่าง ๆ นานา โดยไม่ยอมบอกความกลุ้มใจให้แมแ่ ละ
ภรรยาฟัง เมือนอนไมห่ ลับก็หยบิ บุหรีขึ นมาสูบเป็นเพือน สูบไปคิดไปคดิ ไปนึกถงึ ตนเอง ว่าถ้าเป็นจริง
เช่นนนั แม่ ภรรยา และบุตร คงลําบากกันมาก ยิงกว่านั นยังสังกําชับข้าพเจ้าและผู้ทีนั งฟังไมใ่ ห้นําเรีือไปงน
เล่าใหแ้ ม่และภรรยาทราบอกี ด้วย สังเกตดูเขามคี วามเศร้าและเหงาไปถนัด แล้วใช้ยาทาตรงทตี ับอยู่เรือย ๆ
เมือเหน็ คุณกรู่ ทรพั ย์ทอง มีความทกุ ข์ร้อน ไม่รู้จะหาทางแก้ไขและช่วยเหลือๆได้อย่างใด ข้าพเจ้าจึงเกิด
ความคิดขึนมาแล้วพดู ว่า ควรไปหาทา่ นพระครูภาวนาวิสุทธิ ดีกว่าเพือใหท้ ่านช่วยเหลือแนะนําแนวทาง เมือ
ข้าพเจ้าพูดขึ น คณุ กรู่ ทรัพย์ทอง ก็พลอยเหน็ ดีด้วย

คณุ กรู่ ทรัพย์ทอง เมือครงั ทีเขายังมีชีวิตอยู่ ได้เคยขบัรถยนต์ประจําให้ ทา่ นพระภาวนาวิสุทธิคุณ
(พระครูภาวนาวิสุทธิ) ไปในศาสนกิจบอ่ ยครั ง และคุณกรู่ ทรัพย์ทอง เป็นกําลังสาํ คัญในการช่วยเหลือ
กิจการงานว ั ดอ ั มพว ั นมาด้วยดี

พอเวลา ๑๙.๐๐ น. ข้าพเจ้ากับคณุ กรู่ ทรัพย์ทอง ได้เตรียมตัวไปวัดอัมพวัน โดยคณุ กรู่ ทรพั ย์ทอง
เป็นคนขับรถเอง เมอื ถึงวัดอัมพวัน ข้าพเจ้าท๒ั ง เปรียบเหมือนลกู ศิษย์ของวัด เมือนมัสการแล้วได้พดู คุยกัน
เล็ก ๆ น้อย คุณกรู่ ทรพั ย์ทองไม่ยอมพดู เรืองของตนเลย ข้าพเจ้าเหน็ เป็นการเสียเวลาจึงเล่าเรืองความฝันของ
คุณกรู่ ทรัพย์ทอง ให้ท่านพระภาวนาวิสุทธิคณุ ฟังตั งแต่ต้นจนจบ โดยคุณกรู่ ทรัพย์ทอง ไม่ยองพดู เรืองราว
ของตนเองเลย อาจจะเป็ นเพราะไมม่ ันใจตนเองหรือหวาดหวั นในเหตุการณอ์ ยู่กไ็ ด้ เขาได้แต่นังร้องไห้อยู่
ตลอดเวลา แล้วนํายาลมทีติดตัวไป ผสมกับนํ าชาทีวัดอัมพวัน ดืมหลายครั ง เขาได้แต่นั งร้องไห้ตลอดเวลา
เหน็ แล้วสลดใจ ข้าพเจ้าเล่าเรืองแทนเพราะรูเ้ รืองดอี ยู่แล้ว พระภาวนาวิสุทธิคณุ ฟังเรืองโดยตลอดแล้ว ทา่ น
นับสงบนิงอยู่นาน แล้วกพ็ ูดขึ นว่า“กรู่ ควรจะบวช” คุณกรู่ก็พูดว่า “ผมจะบวนอยา่ งไร ลูกกจ็ ะแต่งงาน
เดอื น ๙ นี และภาระทางบ้านมีมากมาย” พระภาวนาวิสุทธิคณุ ยังพดู ตอ่ ไปว่า“ถงึ บวชแล้วกม็ คี นช่วยจน
สาํ เร็จ กรู่เป็นคนมีพวกมาก มีงานเพอื นฝูงช่วยกันจนได้ บวชเพยี ง๓ เดือน ไมม่ ากมายอะไร” แล้วท่านพระ
ภาวนาวิสุทธิคุณจะช่วยไตร ๑ไตร เราสนทนากนั อยู่นาน ตา่ งฝ่ ายต่างออกความเหน็ กันไปต่าง ๆ กัน เพือให้
คณุ กรู่ ทรัพย์ทอง สบายใจ ตอ่ มาคุณกรู่ ทรัพย์ทอง ตกลงใจบวชเดือน๑๐ หลังจากทีบุตรสาวได้แตง่ งาน
แล้ว สนทนากันอย่จู นถงึ เวลา ๒๓.๐๐ น. เราทั งสองจึงกราบลาท่านพระภาวนาวิสุทธิคุณ วัดอัมพวัน อําเภอ
พรหมบุรี จงหวัดสิงห์บุรี

เมือถึงวันที๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นวันประกอบพิธีมงคลสามรถบตุ รสาวของคณุ กรู่ ทรัพย์
ทอง งานดําเนินไปด้วยความเรียบรอ้ ย หลังจากทบี ตุ รสาวได้ประกอบพิธีมงคลสมรสแล้วคุณกรู่ ทรัพย์
ทอง กไ็ ม่ได้อุปสมบทแต่อย่างใด เพราะเรืองทั งหลายเป็นอนิจจํ เป็นของไมเ่ ทียงแท้แน่นอน จึงให้กาลเวลา

๕๒

เป็นเครืองพิสูจน์ หลังจากนั นเป็นเวลาผ่านไปถงึ ๑ ปี เตม็ ๆ ทกุ คนลืมเรืองทีคุณกรู่ ทรัพย์ทอง ได้เล่าถึง
ความฝันและสัญญาทไี ด้ให้ไว้อย่างสนิท ในวันท๙ี สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘ เขาขับรถยนต์ไปพลิกควํา เขาถูก
รถยนต์ทับถึงแก่ความตาย ทีอาํ เภอมโนรมย์ จังหวังชยั นาท ทําให้คิดถึงเหตุการณใ์ นอดีต และการทีเขาต้อง
มาถึงแกก่ รรมในครั งนี มีสาเหตุมาจากการทีเขาไม่ได้อุปสมบทใช่หรือไม่ หรือว่าเขาผิดสญั ญาทีให้ไว้ หรือ
วา่ เจ้ากรรมนายเวรมาเตือนสัญญาจงึ ทําใหฝ้ ันถึงเหตกุ ารณ์เช่นนั น เขาเลา่ ความฝันของเขาให้ฟังวันท๙ี
เมษายน พ.ศ.๒๕๑๗

งานมงคลสมรสลกู สาวเริมวันท๙ี สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๗ และเขาขับรถไปถึงแก่กรรมก็วันท๙ี
สิงหาคม ๒๕๑๘ เมือคราวเรือล่มอายุเขาได้ ๒๔ ปี เขามีอายุต่อมาอีก๒๔ ปี รวมอายุได้ ๔๘ ปี

เมอื คณุ กรู่ ทรพั ย์ทอง ได้ถึงแกก่ รรมไปแล้ว จึงได้พดู ถึงความฝันของเขาให้แมแ่ ละภรรยาฟัง บาง
คนพอรู้เรืองก็พูดกันไปตา่ ง ๆ นานา ว่าถ้าเป็นเชน่ นั นควรบวชเสียจะได้ไม่ตาย ฝ่ ายทางแม่และภรรยาก็พดู
วา่ “ถ้ารู้เรืองเสียแต่ต้น ก็ใชบ้ วชเสียแล้ว” ขอให้ผู้อ่านทุกท่านไดโปรดพิจารณาว่า“ความจริงคืออะไร”

ลายเซ็นคณุ หนุน ทํานอง
(หนุน ทํานอง)

อดีต ครูใหญ่ ร.ร.วัดกลางธนรินทร์
ต.บ้านแป้ ง อ.พรหมบรุ ี
จ.สิงห์บรุ ี

๕๓

พระญวนแก้กรรม
พระภาวนาวิสุทธิคุณ

วิปัสสนากัมมัฏฐานแก้กรรมได้อย่างไร กรรมเก่าต้องใช้หนีทังนัน แต่เรืองใหม่นีเราคงไม่ได้ทาํ กัน
อกี คนทีสร้างกรรมไว้แล้ว เมือสํานึกได้รับผิดได้ก็ต้องยอมรบั ใช้กรรม ไม่มีอะไรทีจะแก้ได้ ต้องใช้ทังนัน
ต้องใช้กรรม ไม่ใช่บุญบาปล้างกันได้นะ เราทาํ บุญไปแล้วล้างบาปทที าํ ไว้คงไม่ได้ เป็ นกฎตายตัวเลย บุญไป
ตามบุญ บาปไปตามบาป นํากับนํามันเข้ากนั ไม่ได้ ต้องแก้อย่างไร วันนีอาตมาจะเล่าให้โยมฟังสักเรืองหนงึ
เรืองของพระญวน พระญวนมาแก้กรรมทีนี โดยทไี ม่รู้จักอาตมาเลยนะเขาคงมีบุพเพกตปุญญตา เมือชาติ
ก่อน คงจะมาแก้กรรมกันทนี ี เพราะวัดนีเก่าแก่จริง ๆ นะ

เมอื ประมาณ ๑๐ กว่าปี มาแล้ว ยุวพทุ ธิกสมาคมฯ จัดการฝึกอบรมพัฒนาจติ โดยให้ชวนเชิญ
นักศกึ ษามาเข้าคา่ ยกันทีวัดอัมพวัน คุณสมพรเทพสิทธา เป็นประธาน อาจารย์วิศาล อดีตผู้อํานวยการ
วิทยาลัยครูมหาสารคาม ปลดเกษยี ณแล้วก็มาช่วยยวุ พุทธ จัดงานอบรมพัฒนาจิต

ทวี ัดอัมพวันนี ตอนนั นยังไม่มหี อประชุมเลยก็ใช้ผ้าใบขึงเอา ศาลาก็ยังไม่เรียบรอ้ ย ห้องนํ าห้อง
ส้วมก็ยังมีน้อยไม่เหมือนปัจจุบันนี ให้นักศึกษาอยกู่ ลด ยุวพุทธซือให้คนละอัน เดียวนฝียาังกไว้ทนี ี

นายบัวเฮียว เป็ นชาวญวน เดมิ ทาํ งานรับจ้างฆ่าวัวฆ่าหมู อยู่ทางสกลนครอะไรนีแหละจําไม่ค่อยได้
ก็รับจ้างฆา่ วัว ฆ่าควายก่อน เงินเดือนกไ็ ม่พอ เงินทีจะเลียยงังชีพไม่พอ ก็ไปอยกู่ ับเถ้าแกค่ นจนี รับจ้างฆา่ หมู
ตอ่ ไป ฆา่ วันละ๔ ตัว๕ ตัว บอกว่าทางภาคอสี าน ถ้ามีงานก็ต้องฆ่าวัวก่อน เขาเล่าให้อาตมาฟัง

เริมหมดกรรม
วันหนึงเขาจะถึงบุญกุศล จะหมดเวรหมดกรรมของเขา เขาก็เดินกลับไปทีพัก ก็ไปเจอพระธุดงค์

องค์หนึงปักกลดอยู่ เขาไม่เคยมศี รัทธากับพระแต่ประการใด วันนั นเห็นพระธุดงค์ก็นึกเลอื มใสอยากจะไป
ไหว้ เมอื ไปถงึ แล้วกไ็ ปไหว้กราบพระธุดงค์ ตักนํ าถวายท่าน พระธุดงค์องคน์ ั นก็ถามวา่ คุณชืออะไร มี
อาชีพการงานอะไร บัวเฮียวเลา่ ถวายทุกประการ พระทา่ นคงสงสารว่ามีอาชีพฆา่ วัวฆ่าควายฆ่าหมทู ่านก็
แสดงธรรมให้ฟัง ชีให้เห็นข้อผิดข้อถูก ชีบุญบาป บัวเฮียวก็ซึงในธรรมะ พระท่านก็แนะนําบอกว่าไปหา
อาชีพอย่างอืนเถิด เป็ นบาปเป็ นกรรมเหลือเกินนะ ถ้าเชือก็ควรปฏิบัติตาม บัวเฮียวเลา่ ว่านึกเลอื มใสกบั พระ
ธุดงค์องค์นีมาก ไมเ่ คยไหว้พระ ไม่เคยเลือมใสในพระพุทธศาสนามาตั งแตเ่ ดมิ ที อาตมาก็ไมไ่ ด้ถามว่า ทา่ น
นับถอื ศาสนาอะไรมาแตเ่ ดิมที กก็ ลับไปบ้านนอนไม่หลับ คืนนั นฆ่าหมูไม่ลง ต้องแข็งใจฆ่าไปสักคนื หนึง
รุ่งเช้าขอลาออกจากเถ้าแก่ไปบวชเป็ นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา

บวชแล้ว ก็ไปศึกษาเรืองวิปัสสนา เดินธุดงค์ไปตามสภาพ๑๐ กว่าปี แล้วเจริญอานาปาณสติ
พุทหายใจเข้า โธหายใจออก ทํามาโดยมีสมาธิคร่าว ๆ ดิงเข้าไปโดยอเ กัคตารมณ์ เวลานังแล้วจะเห็นหมูเห็น
แต่ววั แต่ควายทีเคยฆ่า มันทําให้สํานึกสมัญญาในจติ ใจเศร้าหมองตลอดเวลา ไม่สามารถจะแก้ได้เลย แล้ว

๕๔

ท่านก็เดินธุดงค์ไปเรือย ภาคอีสานไปกระทั งเชยี งใหม่ ถํเาชียงดาวท่านกไ็ ป ก็ไปเจออาจารย์องค์โน้น องค์นี
ร้อยแปดพันประการ

นิมิตเกิด
ในทีสุดมาปักกลดอยภู่ าคอสี าน จะเป็นสกลนครหรือหนองคายหรือจังหวัดใดก็ไม่ทราบ ก็เดนิ

ธุดงค์มาเรือย ๆ วันหนึงท่านเกิดนั งสมาธิเกิดนิมติ ขึ นมา จิตสบายก็เกิดนิมติ ว่า“นีคุณจะแก้กรรมเอาไหม ที
คุณทาํ บาปทาํ กรรมเอาไว้นีคุณยังแก้กรรมไม่ได้เลย” “ทําไมจะแก้กรรมได้” ถามตามนิมิต ๆ ก็เปิ ดฉาก
ขึนมาว่า“วันที ๑๖ เขาจะเปิ ดอบรมนักศึกษากันทีวดั อมั พวนั อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุร”ี

แล้วฉากที ๒ กเ็ ปิ ดออกมา “รูปร่างวัดเป็ นอย่างนี ให้เดินทางมาโดยด่วน แล้วพระคุณเจ้าจะแก้
กรรมได้” จากการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานดังทีกล่าวแลว้ แล้วรูปร่างสมภารเป็ นอย่างนี ๆๆ ว่าอย่างนี มันก็
เป็นเรืองอัศจรรย์ดลบันดาลอีกประการหนึง เลยทา่ นก็มาหวนระลกึ นึกถึง เอ! วัดอัมพวันอยทู่ ไี หน สิงห์บรุ ี
ไม่เคยผ่าน ก็เดนิ ธุดงค์ไม่เคยเดินผ่านทางภาคกลางนีเลย ไปแต่ภาคอีสานภาคใต้และภาคเหนอื และส่วน
ใหญ่นี เรากค็ ํานวณได้ว่า พระกมั มัฏฐานทีเชียวชาญจริง ๆ มี ๒ ภาค ภาคเหนือและภาคอสี าน ภาคกลางนี
ภาคหัวหมอ พระหัวหมอไม่ใช่พระวิปัสสนานี อาตมานกึ เอาเอง

รุ่งเช้าทา่ นก็ไปบิณฑบาต ฉันเสร็จแล้วก็มุง่ ตรงมาวัดอัมพวัน ถามเขาเรือยมา จากนครราชสีมมาา
สระบุรี เดินเรือยมาไมข่ ึ นรถ มืดทไี หนก็ปักกลดนอนทีนัน เช้าต่อมาเรือย ๆ กน็ ับได๓้ วันมาถงึ ทวี ัดอัมพ
วันนี มาถึงกม็ านมัสการอาตมา เลา่ เหตกุ ารณ์ให้ฟังยังไม่ได้เล่าละเอยี ด บอกเพยี งผมมนี ิมติ มาถึงวัดนาี จวะ่ มี
การอบรมนักศกึ ษาจริงหรือไม่ บอกว่าจริง นีเตรียมแล้วปักกรดแล้ว รอนักศึกษามาวันมะรืนนี พระบัวเฮียว
มาถึงนกี ่อนกําหนดทีนักศึกษาจะเข้าวัดน๓ี วัน ท่านปักกลดตรงทมี ีศาลพระภูมิ เดิมทตี รงนีเป็นต้น
สตั บรรณสูง ๒๐ วา อีกต้นเป็นต้นพิกุล ทีเทวดาเคยมาสอนแม่ชีสวดมนต์ ต้นเล็กนีอายุตั งร่วมพันปี หลวง
สมานวนกิจ อดตี อธิบดีกรมป่ าไม้ท่านบอก มีตน้ สัตบรรณต้นสูงมาก แล้วมีมะม่วงอยู่๔ แถว

ในพิธีเปิ ดการอบรมนักศึกษาได้นิมนต์พระเถรานุเถระผู้ใหญม่ า มีอธิบดีสมพร เทพสิทธา แล้วยัง
มนี ายอภัย จันทวมิ ล สมัยก่อนเป็นอะไรไม่ทราบ ก็เชิญมาในพธิ ีนีเหมอื นกัน

พระบวั เฮียวมาถึงกเ็ ล่าให้อาตมาฟังว่า ท่านนิมิตว่าจะมาแก้กรรมทนี ี แต่ยังไมเ่ ล่ารายละเอียดว่าท่าน
เคยทําบาปอะไรนะ เพียงแต่ว่าจะมาแก้กรรม จะแก้อย่างไรกไ็ ม่ทราบท่านก็ขอรับกัมมัฏฐาน อาตมาก็ให้
แนวสตปิ ัฏฐาน ๔ บอกว่า พุทโธกด็ ี แต่ใช้สติแทรกเขา้ ไป บอกให้ท่านตังสติปัฏฐาน๔ ท่านก็เข้าใจ ก็เริม
ปฏบิ ัติเลยทีกุฏิหลังเล็ก แล้วให้ท่านอยู่บนกุฏิ

กรรมแสดง
พอนั งปฏิบัตไิ ด้คืนนั นผ่าน คืนท๒ี มาแล้วเริ มแสดงอภินิหาร สติดีเข้า แล้วกําหนดเวทนาเข้า ตอน

ทีทา่ นเดนิ ธุดงค์นั น ท่านเล่าให้อาตมาฟังไม่เคยกําหนดเวทนา ปวดเมือยกท็ นเอาเฉย ๆ พุทหายใจเข้า โธ

๕๕

หายใจออก ท่านว่าอย่างนีแล้วกด็ ิงไป แต่ไม่มีสติท่านว่า สตไิ มม่ ี ใช้สติปัฏฐาน๔ ขันธ์๕ รูปนามเป็น
อารมณเ์ พิมขึ น แต่ก็นั งตรงกลดเดินจงกรมขวายา่ งหนอ ซ้ายย่างหนอ ทา่ นก็ใช้สติกําหนด

คนื ที ๒ แสดงอภินิหารแล้ว คือร้องเป็ นหมู เป็ นววั เป็ นควายหมดเลย ร้องมาชนเสากุฏิแล้วชนเสา
ต้นสัตบรรณหัวร้างข้างแตกเลือดไหลออกมา ไหลใหญ่เลย แล้วทีนีก็มัดเป็ นหมู นอนงอเป็ นหมู แล้วร้อง
อีด ๆ ร้องอย่างหมูเลย แล้วเลือดไหล เห็นกันหลายองค์ พอดนี ักศกึ ษาเข้ามา แล้วกม็ ายืนดเู ป็นกลมุ่ เป็นก้อน
หมด พวกอาจารย์สมเดชด้วย ตอนนั นยังเป็นนักศึกษา .ปกศ. อยทู่ ียืนดูก็ท้อใจบอกโอพระปฏบิ ัติเป็ นอย่าง
นีละกไ็ ม่เอาแล้ว เราเสียภาพพจน์เสียแล้ว อาตมากย็ ังไมท่ ันรู้ เขาก็เลยตามหมอมาตรวจหมอบอกว่าหัวใจก็ดี
ความดันก็ปกตไิ ม่มโี รค หมอบอกว่าไม่เป็ นอะไร

นักศึกษาก็ตกลงกันว่า นั งวิปัสสนาเป็ นอย่างนี น่ากลัวบอกไมเ่ อาแล้วจะกลกับัน พอดีอาจารย์วิศาล
กม็ าห้ามไว้ว่า ยังกลับไม่ได้ก็ต้องประชุมชีแจงให้เข้าใจ นีเป็นการเสียภาพพจน์ไปเหมอื นกัน

กําหนดสติแก้
คืนต่อมานักศึกษามาเข้าประชุมแล้วรับกัมมัฏฐานก็ไปนังปฏิบัตพิ ระองค์นีมาแสดงอีก วิงมาตรงนี

อกี ละทตี ้นสัตบรรณวิงชนเลย เอาศีรษะชนเป้ ง ๆ ๆ ถอยหลงั ไปถอยหลังมา จวี รสบงขาดหมด แล้วก็ร้องเป็ น
วัวเป็ นควายเลือดไหลเป็ นกอง ๆ เลย เลือดไหลออกมาเป็ นกระโถนเลย คอเป็ นแผล เลือดก็ออกมาทางตาบ้าง
ทางหูบ้าง เลือดออกทางปากบ้าง อาเจียนออกมาบ้าง แล้วถ่ายอุจจาระเป็ นเลือด ตลอด ๓ คืน ๓ วนั ไม่ได้
นอน อาตมาไปก็ไปดูท่านแล้วก็บอกว่า บัวเฮียวตังสตกิ ําหนดเวทนา ปวดหนอ ๆ กาํ หนดไป กําหนดใหญ่เลย
พอได้สติ กาํ หนดไป ๆ วันที ๓ ที ๔ ก็ลุกนังได้แล้ว ลุกนังได้ก็เจริญสมาธิ
สติปัฏฐาน ๔ เข้าพลสมาบัตไิ ด้ทนั ที

พอเข้าพลสมาบัติ ออกมาแล้วก็เลา่ ถวายอาตมาถึง๓ ชัวโมง บอกพระเดชพระคุณหลวงพอ่ ครับ ผม
จะเล่าเหตุการณ์ของผมถวาย ผมเป็นญวนครับ ไม่ใช่เป็นคนไทย ก็เล่าเหตุการณ์ตั งแต่ต้นจนอวสาน ตามที
อาตมาได้เลา่ ผ่านไปแล้ว เลา่ ว่าได้ไปฆ่าวัวฆ่าควาย นีเป็ นกรรมต้องใช้ พอได้สติขึนมานะ กําหนดเวทนา
เพราะฉะนั น โยมอย่าได้ทิงเวทนานะ บางคนไปฆา่ ผักฆา่ ปลามา ปวดแข้งปวดขา

มนี กั ศึกษาเคยมาทีนี เวลาปฏิบัตบิ อกปวดจะตายแล้วเจ้าข้า บ้านอยู่รู้สึกจะเป็นอุดรธานี เขามาเรียน
วิทยาลัยครูทีอยุธยา เดยี วนี สําเร็จไปแล้ว เลยบอกให้กําหนดเวทนา กําหนดหนักเข้า ๆ เคยไปหักขาเขยี ดขา
กบตอนเป็น ๆ เอามาทําอย่างนั น ๆ เขาเล่าละเอยี ด พอรู้เรืองว่าตัวทํากรรมาแล้วกําหนดและแผ่เมตตาแล้ว
หายทันที ๆ และจะไม่ปวดแข้งปวดขาอีก

แล้วก็ย้อนมาเล่าถึงพระบัวเฮยี ว พอทา่ นได้สติดีบอกว่าผมเองนีปฏิบัติมา๑๐ ปี แกก้ รรมมิได้เลย ก็
นังนิงไปเฉย ๆ และไมร่ ู้เวทนาในเวทนา ท่านก็บอกว่าผมทราบแล้วครับว่าเวทนาในเวทนา เราไปฆา่ สัตว์ตัด
ชีวติ เราจะต้องทรมานอย่างนี แหละหนอพอได้สมาธิพลสมาบัติแผลไม่มีทคี อนี แล้วเลอื ดหายไป และศีรษะ
ทเี ป็ นแผลก็หายไปทันที มนั เป็ นเรืองแปลกอยู่เหมือนกันเลยในทสี ุดกเ็ ข้าพลสมาบัติได้

๕๖

วันสุดท้ายพวกนักศึกษาเห็นว่าอ้อแก้กรรมได้ เลยท่านสามารถจะบรรยายได้อย่างสวยงามงตแั ตต่ ้น
อวสาน ทําใหน้ ักศึกษาต้องตืนเต้นในเรืองการปฏิบัติธรรมนีอยา่ งพระบัวเฮียวกม็ าทําเป็นตัวอย่างให้
นักศึกษาได้ทราบว่า วิปัสสนาแก้กรรมไดโ้ ดยวิธีรับใช้กรรม โดยทีเอาหัวไปชนโน้นชนนี

อันนี ขอเจริญพรว่าเวทนาสําคัญมากนะ จับใหไ้ ด้กําหนดให้ได้ บางครั งมันเป็กนรรมวิธีในตัวเองที
เราไปทําเขาไว้ กําหนดไว้ให้หายโดสยติสัมปชัญญะ โดย สติปฏั ฐาน ๔ และการกําหนดอย่างนี พระบัวเฮียว
เวลากลับไปถงึ บ้านรือที ชวนญาติโยมไปสร้างวัด ญาตโิ ยมนุ่งขาวปฏิบัติวิปัสสนา เจริญสตปิ ัฏฐาน๔ ท่าน
ก็เลยเลกิ ใช้พุทโธ ใช้เวทนากําหนดเป็นการใหญ่ เป็นการแกก้ รรมของเวทนาทกุ ขเวทนาทเี ราทําไว้ทที รมาน
เหลอื เกินคือเวทนา จงึ จะรู้กฎแห่งกรรม จากคําว่าเวทนา ตัวนี ถ้าคนไหนไม่ทนต่อเวทนากําหนดไม่ได้ จะมี
กฎแห่งกรรมทเี ราทาํ เขาไว้ อย่าไปหนีเวทนา หนีไม่ได้

ในเมือเป็นเชน่ นีแล้ว พระบัวเฮียวก็พาญาตโิ ยมมา ๒-๓ คันรถบัส อาตมากร็ ับเลียงพักทวี ัดน๑ี คืน
ก็พาโยมมาดูว่าแก้กรรมได้ทไี หน ก็มาทตี ้นสัตบรรณให้ญาตโิ ยมดู มาชี ทีพระบัวเฮียวมาปักกลดตรงนั น
แล้วก็กลับไปหายเงยี บไปอยู่สัก๑ ปี ญาติโยมชุดนั นมาทีนี บอกอยากจะกราบเรียนถามหลวงพอ่ ว่าพระบัว
เฮียวของฉันนั น ท่านสร้างวัดเสร็แจล้ว สอนเรียบร้อยดีมีตัวแทนแล้ว ทา่ นหายไปเลย โดยธุดงคไ์ ปก็ไม่
ทราบจนบัดนี อาตมากพ็ ยายามสืบทราบหาไป ก็รู้ว่าท่านอยู่ทีไหน ก็อยู่จําวัดแล้ว พระบัวเฮียวทีเป็นญวน
เดียวนี ไปอยภู่ าคเหนือ อาตมาก็ยังไมไ่ ด้ไปพบท่าน แต่รู้ในญาณว่าท่านไปอยู่ภาคเหนือ แต่ไปเปลียนชอื ไม่
ชือบัวเฮียว แตช่ อื จริงของพระญวนนั นชือบัวเฮียวชัด

อย่าลมื อย่าทิงเวทนา โยมต้องสู้ ถึงจะรู้กนั อย่างทหารมาอบรมทีนี ไว้หนวดหน่อยเป็ นสิบเอก นงั
ไปนังมาบอกกําหนดเวทนา จะลกุ ไปลุกมาทําไม พอบังคับเข้า นั งเวทนาได้ก็กําหนดได้ แสดงออกแล้ว พรํ า
ๆๆ เดินรอบวัดเลย เสียอกเสียใจ อาตมากําลังบรรยายไปเรียก หลวงพอ่ อธิบายที ๆ จับได้เลยไปฆ่าเขาหลาย
ศพ มนั มาปรากฏในเวทนาทันที เวทนานีตัวสาํ คัญนะ จะบอกวิธีปฏิบัตใิ ห้แล้วหนักเข้านกึ ได้ วเม่าาเข้าไป
พ่อก็มาห้าม ทะเลาะกับเมีย เตะตกท่อลงใต้ถุนไปเลา่ ให้อาตมาฟัง อาตมาบอกไม่ว่างเดียว ๆ ไปนอนก่อน รู้
จากเวทนา ตัวกรรมทีรู้จากเวทนาคือตัวทุกข์ถึงรู้ว่าตัวเองทําอะไรไว้ บอกเคยรู้ไหมเคยจําได้ไหม เคยนึกได้
ไหมไปฆ่าเขานี ตอนหนุ่ม ๆ น่ะ รุ่นเป็นจ่าน่ะ ตอนนีอายุมากแล้ว บอกผมลืมไปแล้วหลวงพอ่ แล้วตกท่อตก
ใต้ถุนไป นีก็ลืมไปแล้วนะ ผมเมาผมไม่รู้ จําไม่ได้ แต่มาได้เวทนาทีนกี าํ หนดเวทนาได้ปบั ก็ยังนึกเหตุการณ์
ได้ขึนโดยอตั โนมัติของตนเองว่าเคยไปฆ่าเขามา อย่างนีอาตมาติดต่อตามไปว่าเรียบร้อยแล้ว เดียวนีดปี กติ
ไม่เป็ นไรเลยนะ

อีกคนหนึงผ่าไปอยู่ในกอไผ่ เห็นไหมพอรู้ตัวทกุ ข์ขึ นมา เหน็ กรรมของตัวทีทมําาดันออกเดินไปเลย
เดินไปอยู่ในกอไผน่ ่ะ อนุศาสนาจารย์ก็กลุ้มอกกลุ้มใจหลวงพ่อเขาไม่ตกนําตายไปแล้วหรือนี คนนีน่ะ
อาตมาบอกว่า เฉย ๆ กินข้าวซะก่อน เดยี วไปตาม จะเจออยู่ในกอไผ่ ต้องผ่าจากกอไผอ่ อกมา เห็นไหม ผ่าไป
อยู่ในกอไผ่ทีอยู่เหนือสุดเขตบ้านทีพระไปบิณฑบาตเดินไปกลางคืนนะ เวลาเข้าไม่รู้เข้าไปอย่างไรออก
ลําบาก ผา่ เข้าไปในกอไผ่ นีเวรกรรมต้องไปใช้นะ เคยเอาเขาเข้าไปในกอไผ่ มันก็ต้องไปเข้าซี

๕๗

นีคนลมื นึกกฎแห่งกรรมไม่ได้ เข้าไปประสบทุกข์มีเวทนาวิปัสสนาสตปิ ัฏฐาน รู้กรรมตอนเวทนา
นั งสบายไม่รู้หรอกว่าทํากรรมอะไรไว้ ขอฝากเทคนิควิธีปฏิบัติไว้ด้วย ถ้าทนตอ่ เวทนาไม่ได้เลย เลิก ๆ โยม
จะรู้กรรมแล้วใช้กรรมไมไ่ ด้ ต้องตอบปฏเิ สธกันเรือยไป นายจ่าคนนีบอกหลวงพอ่ ผมรู้แลว้ ผมเสียใจมาก
แล้วก็เอาหัวไปชนกับลูกกรงนีบ้าง เสียใจมาก ต๔ี พังประตูไปเลย คอกกมั มัฏฐานพังเลย นีเป็นภาพกฎแห่ง
กรรมต้องระวัง เพราะฉะนั นการปฏิบัตินี บางอย่างมันท้อมันถอย อยา่ ม้วนเสือหนี

เพราะฉะนั น พวกญาติโยมในระดับวิทยากรทจี ะไปสอนเขา ต้องควบคุมดูแลไว้ก่อนนะ ถ้าคนไหน
มกี รรมมากต้องควบคมุ ให้มาก เดียวมันแสดงฤทธิ อย่างนี ถ้าคนไม่เคยสร้างกรรมมาไมเ่ ป็นไร ๆ เลยนะ ถ้า
คนไหนสร้างกรรมไว้ในอดีตชาติหรือในปัจจบุ ันนี ต้องควบคุมให้ดี หนีได้ง่าย ฟุ ้ งซ่านได้งา่ ย บ้าบอคอแตก
ไปก่อน บ้างก็ไปชนโน่นชนนี โดดโน่นโดดนี อะไรไปอย่างนี นะ นกี รรมชัดต้องใชเ้ ขาก่อน เพราะฉะนั น
ญาตโิ ยมก็ดใี นฐานะเป็นวิทยากร ต้องควบคุมไว้เลยนะถ้าเหน็ ว่าคนนีมกี รรมอะไรมา ควบคมุ ดูแลไว้ก่อน
นะ นมี ีวิธีแก้หลายอย่าง

๕๘

กรรมยงั ไม่สิน

เมือวันที๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๑ ชาววัดคู อ.พรหมบุรี ต้องโศกเศร้าและตระหนกตกใจ ใน
การตายของยายจาํ รัส สุภานิน คนบ้านใกล้เรือนเคยี ง แกเป็นอบุ าสิกาของวัดคูทําบญุ ร่วมกศุล และถือศลี
ทกุ วันพระเป็นประจํา(ประมาณ ๑ ปี) เป็นทรี ู้จักรักใคร่ของคนทั วไป อยู่มาวันหนึง ขณะทียายจํารัสกําลัง
สาละวนยืนหยิบขนมป้ อนหลานอยู่บนชานบ้านพัก ปรากฏว่ายายจํารัสต้องล้มลงทันใดพลางเอามือลบู คลํา
ตรงบริเวณทีปวดแถบชายโครง เมือเหลยี วดูปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ญาติพีน้องรีบนําตัวส่ง
โรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่แกทนพิษบาดแผลไมไ่ หว จึงสิ นใจเสียก่อน แพทย์ได้ชันสูตรพลกิ ศพ ปรากฏว่าถกู
กระสุนปืนขนาด ๑๑ มม. จากการสอบสวนของเจ้าหน้าทฝี ่ ายบ้านเมอื ง ตลอดจนพยานรู้เหน็ ไมส่ ามารถจะ
จับตัวมอื ปื นได้ ไมม่ ใี ครยงิ ปื นในบริเวณนนั มีบางคนบอกว่า ขณะทีเขากําลังอาบนํ าทีแม่นํ าเจ้าพระยาหนา้
บ้านของเขา ได้ยินเสียงคล้ายเสียงปื นดังปังทางฝังตรงข้ามแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก พออาบนํ าเสร็จแล้ว
กลับขึนมาจึงรู้ข่าวยายจํารัสถกู ยิงตาย เมอื เจ้าหน้าทตี ํารวจพิจารณาสถานทีเกิดเหตุ โดยเฉพาะภายในบเวริณ
บ้านตําบลบ้านแป้ ง หมทู่ ี๑ ก่อนเกิดเหตุ บริเวณชานเรือนมีไม่ระแนงตีกั นเป็ นช่องโดยรอบ หากยิงปื นจาก
ฝังตรงข้ามแมน่ ํ าเจ้าพระยา ข้ามมายังบ้านผู้ตายแล้วความเร็วแรงของกระสุนวิถีจะอ่อนลงตามลําดับ เพราะ
ความกว้างของแม่นํ าตอนเกิดเหตุมีระยะทางหลายร้อยเมตร ยิงเป็นลูกนปืขนาด ๑๑ มม. ด้วยแล้วก็คงเป็น
ปืนพกเท่านัน ระยะยงิ ไกลก็เพยี ง๕๐ หลา ระยะแมน่ ยําหวังผลก็เพียง๒๕ หลาเท่านั น หากกระสุนวิถีข้าม
ผ่านมาได้จริง เหตุใดเล่าจึงไม่กระทบไม้ระแนงซึงตีกั นไว้อย่างถียิบ ทําไมจึงลอดชอ่ องยา่ งจําเพาะเจาะจงมา
ถูกยายจํารัสถึงแก่ความตายได้ เมอื การสอบสวนไมเ่ ป็นผล ทางญาติพีน้องได้จัดการฌาปนกิจศพยายจํารสั
ตามประเพณี อย่มู าไม่นานนักวิญญาณของยายจํารัสได้ล่องลอยวนเวียนอยู่ระหว่างวัดคูกบั วัดอัมพวนั และ
ทีใกล้เคียง ยงั มีความห่วงหิวโดยรอความช่วยเหลือจากญาติพีน้อง เพือนฝูงและต้องการปฏบิ ัติกมั มัฏฐาน
ดงั จะเหน็ ได้ในปรากฏการณ์บางอย่างทีแสดงออกในลําดับต่อไป

วันหนึงเป็นวันธรรมสวนะ อุบาสกอบุ าสิกาชาววัดคู คงจําศอีลยูท่ ีศาลาตามทีเคยปฏิบัติมา เมือ
ตะวันคล้อยลอยตําใกล้สนธยา อุบาสกอุบาสิกาต่างก็ลงบันไดเดนิ กลับข้านของตน ในทันใดนั นเองสายตา
ทุกคนก็มองเห็นหญงิ คนหนงึ เดนิ ออกหน้า เมือพิจารณารูปร่างลักษณะโดยถอ่ งแท้แน่ใจแล้วก็แน่ใจว่า“...
เอ นั นมันเป็นจํารสั นนี ”า ก็เผาผีมันไปแล้ว ทําไมยังมาเดนิ ลอยนวลอยไู่ ด้อีกเล!่า”

จึงเป็นทเี ลอื งลอื กันมาไม่จบสิ น เพราะพวกอุบาสกอุบาสิกาไม่เคยเชือว่าวิญญาณมจี ริงมานานแล้ว
เมอื ประสบเข้าเช่นนี จึงเชือแน่วา่ วิญญาณต้องมีแน่ ๆ อย่าสงสัย

กาลเวลาผ่านไปไมน่ านนักวิญญาณนางจํารัส สุภานนิ ได้เข้าสิงสู่อยูก่ ันบางบุญชูศรี พวงวงษ์ ตั ง
บ้านเรือนอย่หู ลังวัดอัมพวันและทํางานอยโู่ รงเรียนวัดอัมพวันมาเป็นเวลาหลายนปาี ยสงวน ได้เล่า
เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ใหฟ้ ังอย่างน่าอัศจรรย์และได้บันทกึ เรืองราวด้วยตนเองและยินดีให้ลงเรืองต่าง ๆ ทีเกิดกับ
ภรรยาของตนตั งแต่ต้นจนจบ เพือเป็นวิทยาทานต่อสาธุชนได้พจิ ารณาค้นหาสาเหตุแห่งความจริงในเรือง
วิญญาณนั นมีจริงหรือไม?่

๕๙

นายสงวนได้เล่าว่า เมือเดือน๙ ข้างขึ นในปี นั น นาชงูฯ ได้ป่ วยเกียวกับโรคประจําตัว ปวดข้อมือ
และข้อเท้า มีอาการกระตกุ อยู่เสมอ วันนั นปวดทุรนทุรายจนญาติพีน้องช่วยกันบบี นวดและขึ นทับทั งตัว
อาการของคนไข้รู้สึกทุเลาลงเมือเวลาประมาณบา่ ย ๔ โมง อยู่ต่อมาชั วระยะหนึงประมาณ๑ ทุ่งเศษ อาการ
ของนางชูฯ ก็กําเริบขึ นอกี ญาติพนี ้องก็ช่วยกันบบี นวดกันจนอยู่ถึงเทียงคืน อาการก็ทุเลาลงและหลับไป
จนถงึ รุ่งเช้าของวันใหม่ ญาติพนี ้องจงึ ลากลับบ้านของตน ส่วนนายสงวนกอ็ อกไปทํางานทโี รงเรียน คง
ปล่อยให้ภรรยาอยู่บ้านตามลําพัง เมือนายสงวน ทํางานเสร็จ ได้เหน็ ภรรยานั งพิงโอ่งนํ าอยู่ข้างโเรีงยนและ
หันหลังให้ นายสงวน จึงรอ้ งถามว่า“แกมาทําไมทนี ”ี นางชูฯ ตอบว่า “มาช่วยแกถโู รงเรียนนะซี” นาย
สงวนจึงบอกไปว่า“ข้าทําเสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว” ทันใดนั นเองนางชูฯ ก็เกินกลับไปบ้านแต่ไม่ยอมขึ นบ้าน
คงเดินเลยเข้าไปในวัดไปขอข้าวแม่ชีกนิ แม่ชีได้ถามว่า“แกมายังไงกัน” แม่ชูฯ ตอบว่า“พ่ออ้ายยทุ ธเขา
ไมใ่ ห้กินข้าว” แม่ชีจงึ หาอาหารมาให้กิน แต่อาการนางชูฯ เป็นทีผิดสงั เกตนัยนต์ าขวางไม่ยอมมองหนา้ คน
เมอื กินข้าวอิมแล้ว กเ็ ดนิ ไปหยบิ กระเทียมของแม่ชีจะเอาไปบ้านตน นวยสงวน จึงไดท้ ัดทานไว้โดยพูดว่า
“แกจะเอาของเขาไปไหน” นางชูฯ ได้ตอบว่า“ก็เป็นของ ๆ เราเอาไปบ้าน” นายสงวนจงึ ได้ยือแยง่ เอา
กระเทยี มของแมช่ ีเก็บไว้ และจึงรีบพาตัวภรรยากลับบ้านของตน และนายสงวนได้รีบหุงข้าว จัดอาหารให้
ภรรยากิน นางชูฯ ก็เข้าไปกินอยา่ งผิดวิสยั คนธรรมดาเสียแล้วโดยเอานํ าปลาราดลงไปในข้าว แล้วกินได้กิน
ดี เวลาประมาณ ๓ โมงเช้า พวกญาติพนี ้องได้มาเยยี มอีกตามเคย แตค่ รั งนี นางชูฯ ไม่ยอมมองหน้าคนได้แต่
พูดพรํารําพันไมเ่ ป็นเรืองเป็นราว มองดูบ้านของตัวกบ็ อกว่าอ้ายนั นก็สวยอ้ายนกี ส็ วยไปทั งนั น

ป้ าจ๊ะได้เอ่ยปากพูดกับนายสงวนว่า“อ้าทดิ ผดิ ทา่ เสียแล้ว เอ็งรีบไปตามหมอมาด่วน” นางชูฯ ได้
ยินจึงสวนคําขึ นว่า“หาหมออะไรกันไม่ได้ไมด่ ีก็หาว่าผ”ี และนางชูฯ ก็พูดไปตา่ ง ๆ นานา และขอหมาก
กนิ ตดิ ๆ กัน ๓ คํา จึงเป็นทีผิดสงั เกตของพีน้อง ทจี ้องดูอาการอยู่ด้วยความเป็นห่วงป้ าจ๊ะ จงึ พูดด้วยเสียงดัง
ขึนว่า“อีนีผีกนิ เสียแล้ว” นางชูฯ ได้ยินจึงพดู ขึ นว่า“อะไรก็ผอี ะไรก็ผีกิน ขอหมากให้กูกินอีกหนึงคํา”
ขณะนั นเองนางชูฯ ก็ทําท่าทางตา่ ง ๆ นานา เอามอื ข้างหนลึงูบคลําบริเวณสีข้างนาน ๆ กล็ ูบคลําอกี ป้ าจ๊ะจึง
ถามว่า “มงึ คลําทําไม” นางชูฯ ตอบว่า “มันเจ็บ” นายสงวนถามวา่ “ทําไม่ถึงเจ็บอยู่ดี ๆ เจ็บอย่างไร
กนั ” นางชูฯ ตอบด้วยความโมโหว่า“แหม! อ้ายหงวน มงึ ไม่รู้จกั กูหรือ กูมาเยยี มอีชูฯ มันเป็ นน้องสาว
ก”ู ป้ าจ๊ะจงึ ถามว่า “มาอย่างไรกัน” นางชูฯตอบว่า “มากับพวกทไี ปเรียนนักธรรม เลยแวะมาเยยี มอีชูมัน
เพือขอหมากมันกิน” ป้ าจ๊ะถามว่า“ทาํ ไมเขาทาํ ไปให้ไม่ได้กินหรือ” นางชูฯ ตอบว่า “มากับพระขอทดิ
มงคล อีขวัญ เขาก็ไม่ใหข้ อพสี ีเขาก็ไม่ให้กิน เลยแวะมาเยียมอีชูฯมัน” ป้ าจ๊ะได้พูดว่า“ได้กินแล้วก็ไปเสีย
ซิ” นางชูฯ ตอบว่า “กูไม่ไปจะอยู่กับอีชูมัน จะเข้าไปอยู่กบั หลวงพอ่ เคยมาปฏิบัติกัมมัฏฐานอยู่กับท่าน
เจ้าของวัดเขาก็ไม่ให้เข้า” ป้ าจ๊ะถามว่า“ใครยิงมงึ ๆ รู้ไหม” นางชูฯ ตอบว่า“กูรู้แต่ไม่บอก เราเคยทํามา
อยา่ งไรก็ใช้กรรมไป” นายสงวนเห็นทา่ ไม่ได้การแล้ว จึงรีบไปตามนายบ่าย ซึงเป็นพ่อมาจัดการไล่ผียาย
จํารัส ใหไ้ ปจากร่างนางชูฯ เสีย เมือนายบ่าย มาถึงก็ถามนางชูฯ ว่า “แกตายไปแล้วก็ขอให้ไปอยู่ทีอืน จะมา

๖๐

อยู่กับนางชูฯ ไม่ได”้ นางชูฯ ตอบว่า “กูยังอยู่ทไี หนไม่ได้ จะเข้าไปอยู่วัดกบั หลวงพ่อก็ไม่ได้ เจ้าของวัดเขา
ไม่ให้เข้า” นายบ่ายถามว่า “เดียวนีเอ็งอยูท่ ีไหน” นางชูฯ ตอบว่า “กูอยู่ตน้ มะพลับหลงั วดั ” เมือการเจรจา
ขอร้องให้ไปเสียโดยดีไม่เป็ นผล นายบ่าย จงึ เอามือจับศีรษะนางชูฯ แล้วเป่ าลง ๓ หน นางชดู ินอยา่ งปลาถูก
ทบุ และได้ร้องขึ นสุดเสียง เงียบไปประมาณ๑๐ นาที นางชูฯ ก็รู้สึกตัว ลมื ตาขึ นมาเห็นทุกคนเตม็ บ้าน จึง
ถามว่า“มาอย่างไรกัน” พนี ้องพวกนั นก็พูดว่า“ผยี ายจํารัสมาเข้ามึง” นางชูฯ พูดว่ามาเข้าเมือไรไมร่ ู้สึกตัว
เลย ต่อจากนันนางชูฯ ก็หายเป็นปกติอยู่มาจนกระทังเดียวนี

จากเหตกุ ารณ์ปรากฏดังกล่าวข้างต้นเป็นหลักฐานยืนยันว่า วิญญาณนั นมีจริง ได้เรียนถามทา่ นพระ
ครูภาวนาวิสุทธิ ในเรืองนี ทา่นอธิบายชี แจงว่าวิญญาณจะมาทาบกบั จติ ของคนไข้ชัวขณะหนึง จะทําให้
คนไข้นันไม่ได้สติ จะพูดจะโต้ตอบตามผู้ซักถาม แสดงอาการเหมือนกบั บุคคลผู้นัน เมือเขายงั มีชีวิตอยู่
กรณีวิญญาณยายจาํ รัสนี แสดงว่ากรรมยังไม่สิน ยงั มีความหิวโหยรอการช่วยเหลอื และมคี วามปรารถนาใคร่
ธรรม แต่ก็มีวิญญาณเจ้าของทีคอยกดี กัน มิให้เข้าร่วมอุโบสถจงึ ให้ชือเรืองว่า “กรรมยงั ไม่สิน” จะถูกผดิ
อย่างไร ขอให้ผู้รู้ช่วยเสนอแนะ ยนิ ดีรับฟังและจะได้แก้ไขตามความเหมาะสมต่อไป

จากหนังสือประวัตแิ ละผลงานของพระครูภาวนาวิสุทธิ พ.ศ. ๒๕๓๐

๖๑

ความฝันลุงยุ้ย
ท. เลียงพิบูลย์

โลกมนุษย์ทีเราอยู่ทุกวันนี ย่อมมีเรืองแปลกประหลาดเกิดขึ นได้เสมอ หากเรามีความสนใจ
ได้พยายามติดตามค้นคว้า ก็จะเหน็ ได้ว่า เรืองมหัศจรรย์ย่อมจะมีจริง แม้จะหาเหตุผลและหลักฐานทจี ะ
พิสูจน์ไม่ได้กด็ ี แต่กม็ ผี ู้รู้เหน็ ทจี ะพสิ ูจนไ์ ม่ได้กด็ ี แตก่ ม็ ีผู้รู้เหน็ ทจี ะเชือได้ว่า เหตุการณ์นั นได้เกิดขึ นจริง
มไิ ด้เดาหรือสร้างมโนภาพขึนเอง เรืองทจี ะเขยี นนี ผู้ส่งเรืองให้ข้าพเจ้าเขียนนั นเป็นนายทหารชั น้ใหผญู ่ เมือ
ได้พจิ ารณาแล้วกเ็ ห็นว่า เป็นเรืองทีมีสาระเรืองหนึง ควรจะผเ ยแพร่ให้ผู้สนใจในเรือง“กฎแห่งกรรม” ได้รู้
เรืองแปลก ๆ ทีเกิดขึนในชีวิตทั วไปภายใต้ดวงอาทติ ย์ ข้าพเจ้าจึงอยากสนับสนุนให้มผี ู้รู้ผู้สนมใาจกขึ นก็จะ
เป็นกุศลของทา่ นเจ้าของเรืองผู้ล่วงลับไปแล้ว ยังช่วยให้เรามโี อกาสทีจะศึกษาหาความรู้ ใช้ความคดิ และ
พยายามหาเหตุผล การเขียนขึ นนี ก็เพือจะใหอ้ นชุ นรุ่นหลังค้นคว้าหาความจริงตอ่ ไป คดิ ว่าคงจะได้รบั
ประโยชนบ์ ้างไมม่ ากก็น้อย ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเชืออะไรอย่างงมงายและอยากให้ท่านเชือตามไปด้วย หากท่าน
ผู้ใดอ่านแล้วไม่เชือเพราะไม่มีเหตุผล ข้าพเจ้าก็พอใจ และยินดที ที ่านเป็นคนมีเหตุผล โชคดีทขี ้าพเจ้าได้มี
ชีวิตอยู่ใต้ร่มเงาของพระพทุ ธศาสนา ซึงเป็นศาสนาให้สิทธิเสรีเป็นประชาธิปไตย มิได้บีบบังคับให้เชอื ถอื
อย่างงมงาย แตพ่ ระธรรมคําสอนในทางพระพุทธศาสนากลับสนับสนุนไม่ให้เชอื อย่างหลงใหล ให้ใช้
สติปัญญาพิจารณาหาเหตุผลให้แน่ใจเสียก่อน จงึ คอ่ ยเชือเหตุนี เพราะพุทธศาสนาได้สอนตามหลักธรรมชาติ
เป็ นสัจธรรม ทุกข้อทุกตอนทีสามารถจะพิสูจน์ได้ด้วยใช้สติปญั ญา เพราะมีเหตุผลจะนําผู้ทีปฏิบตั ิเกิดผล
ตามคําสอนของสมเด็จองค์พระศาสดาสัมมสัมพุทธเจ้า ถ้าผู้มปี ัญญาได้ใช้เหตุผลพจิ ารณาถึงแก่นแท้ของ
หลักธรรมดูแล้วจะเห็นได้ว่าไม่มีข้อสงสัยใด ๆ แฝงอยู่ จะมองเห็นทะลปุ รุโปร่งใสสะอาด เหลือแตเ่ พียง
มนษุ ย์ปุถุชนจะมคี วามอดทนศรัทธาพอทีจะปฏิบัติได้หรือไม่เทา่ นั นถ้าปฏิบัตไิ ด้เมือใดจะเหน็ ผลเกิด
ความสุขขึนเมือนัน ศาสนาพทุ ธเป็นลักษณะสายกลางในชีวิตประจําวันของมนุษย์ตามธรรมชาขตอิ งสังคม
ในโลกทัวไป พระพุทธศาสนามีกรรมเป็ นหลัก ทุกอย่างหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ใครทําดที ําชัว ก็ได้แก่ตัวผู้
นั น ศาสนาพทุ ธเป็นศาสนาทตี ้องปฏิบัติ ถ้าใช้เพียงอ้อนวอนอย่างเดียวขอให้บันดาลสิงนันสิงนี โดยไอมงต่ ้
ปฏบิ ัติ แต่ขอให้สมดังใจปรารถนาเช่นนี ไม่มีในพระพทุ ธศาสนา เพราะไม่หนักไปในทางพิธีกรรมหรือ
บวงสรวงอ้อนวอนพระพุทธศาสนามจี ุดใหญ่ มุ่งหมายจะสอนให้มนุษย์เราปฏิบัติตนให้หลุดพ้นจากความ
ทุกข์ ไม่มีความมุ่งหมายจะให้มนุษย์หลงงมงายฉะนั นพระพุทธศาสนา จงึ มผี ู้เชอื ถอื อย๓ู่ แบบ

คอื ผู้ เชืออย่างฝังชีวิตจิตใจไม่เปลียนแปลง กค็ ือผู้ทไี ม่ยอมเชอื อะไรง่าย แตเ่ ชือด้วยใช้สติปัญญา ได้
พิจารณาพสิ ูจน์เห็นความจริงแจ้งชัดเจนอย่างขาวสะอาดไม่มขี ้อสงสัยเหลืออยู่เลย แล้วจึงเชือภายหลัง เช่น
ชาวต่างชาตทิ ีเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาในประเทศไทย เป็นต้น เพราะท่านเหล่านีล้วนแต่ชั นปัญญาชน มี
ความรู้และมีการศึกษาสูง ชอบค้นคว้าหาความจริง

อีกแบบหนึงเชือครึงไม่เชือครึง และกไ็ ม่ได้ใช้สติปัญญาพิจารณาพิสูจน์ติดตามให้สินสุดถงึ แก่น
ปล่อยความรูไ้ ว้ครึ ง ๆ กลาง ๆ อยู่ตลอดไป ไม่มอี ะไรจะดขี ึ น อาศัยแต่ชือว่าเป็นผู้มศี าสนาเท่านั น คาลย้จะ

๖๒

เห็นว่าศาสนาไมเ่ ป็นเรืองสาํ คัญ แบบนี ทําผดิ ง่าย ทําบาปง่าย เพราะไมม่ ีหลักธรรมแน่นอนจะปฏบิ ัติ ใจ
รวนเรและสามารถจะเปลียนศาสนาได้ง่ายเพือเงิน เพือรัก หรือเพอื พอใจ เป็นแบบทีเหน็ แก่ตัว ไม่กลัวกรรม
แต่บางท่านเกิดประสบการณ์ในชีวิต ทําให้มองเห็นกรรมจึงนึกถงึ บุญบาปชัวดี หรอื มีผู้ชักนําไปในทางถูก ก็
สามารถปฏิบัตเิ ข้าถงึ หลักธรรมชั นสูงได้ก็มไี มน่ ้อย

อกี แบบหนึงก็คอื เชืออย่างงมงายไม่พสิ ูจน์ ไมส่ นใจในเหตุผล แบบนีออกจะมีมากไม่ว่าชาตใิ ด
ภาษาใด ศาสนาใด มักจะนิยมชมชืนหลงใหลในเรืองการบวงสรวงบูชาอ้อนวอน และชอบปาฏิหารยิ ์จิตใจ
ไมห่ นกั แน่น มีเรืองอะไรก็ไม่ค่อยเชอื ตัวเอง ตัดสินใจไมถ่ กู มักชอบไปพึงพวกหมอดู เชือในเรืองโชคชะตา
ขาดความเข้มแข็งทีจะเป็นผู้นําในครอบครวั แบบนีมักจะมปี ริมาณมากมาย กไ็ ม่เกิดประโยชน์กลับถ่วง
ความเจริญ เพราะจติ ใจผู้งมงายนั นย่อมไม่ทําให้สงั คมดีขึ น กลับทรุดลองบรมสังสอนลูกกไ็ ม่คอ่ ยจะได้ผล
เพราะความอ่อนแอไม่เข้มแข็ง หากมีพระอาจารย์ทมี ีความรู้คุณธรรมสูงชักนําไปสู่ทางถกู กส็ ามารถหลุด
พ้นจากทางผิดงมงายสู่ทางถูกเข้าถึงหลักธรรมชั นสูงได้ก็มีมาก สาํ หรับพุทธศาสนามหี ลักปฏิบัติเพือให้อยู่
ในขอบเขตของศีลธรรม ยกระดับจิตใจของมนษุ ย์ให้สูงขึนเจริญทางจติ ใจ ไมเ่ บยี ดเบยี นผู้อนื อยู่ในศีลธรรม
แผ่เมตตา ทสี ุดก็ปฏิบัตเิ พือการหลุดพ้น

เรืองชวี ิตมนุษย์ทกุ ยุคทกุ สมัย ย่อมมีเหตกุ ารณ์แปลก ๆ เกิดขึ นตามกรรมทไี ด้สร้างไว้เป็นสมบัติ
ก่อนจะดับจากโลกนี มีตัวอยา่ งมากมายทจี ะนํามาศึกษาหาความจริงในเหตุการณ์ทีเกิดขึ นแล้ว ดังเรืองจะเลา่
ต่อไปนี

ลุงยุ้ยเป็นคนมีอายุ เป็นทีรู้จักของชาวบ้าน และชาววัดใหญใ่ นหมู่บ้านอําเภอพรหมบุรี จังหวัด
สิงหบ์ ุรี ธรรมดาชาวบ้านในชนบท ตามตําบล เมือเอ่ยชอื แล้วย่อมจะรู้จักคุ้นเคยกันเป็ นส่วนมาก เพราะ
ขอบเขตไมก่ ว้างใหญไ่ พศาลเหมือนในเมอื งหลวง ฉะนั นมีเรืองอะไรก็เป็นทีรู้ทั วกันทั งตําบล วัดเป็นที
ประชุมทีดีของชาวบ้าน เป็นทพี บปะสังสรรค์กันในวันโกน วันพระ เมือมีอายุแล้ว ต่างก็หาโอกาสเข้าวัด
รักษาศลี ถืออุโบสถ เพือเป็นบุญกศุ ลบารมใี นชาติหน้าต่อไป ในหมู่บ้านทลี งุ ยุ้ยแกอยใู่กล้วัดอัมพวัน
ตามปกติลุงยุ้ยแกใกล้ชิดกับทา่ นพระครูปลัดจรญั ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน

ลุงยุ้ยชอบพอกันกับทา่ นพระครูมานาน กอ่ นเมือครั งทา่ นจําพรรษาอยทู่ ีวัดพรหมบรุ ี ภายหลังต่อมา
ท่านจงึ ได้จําพรรษาอยู่วัดอัมพวัน

เหตกุ ารณ์แปลกประหลาดเกิดขึ นเมือต้น พ.ศ.๒๕๑๐ คืนหนึงลุงยุ้ยนอนหลับแล้วฝันว่า ได้ไปที
ศาลาวัดอัมพวัน ได้เห็นชาย ๔ คน สองคนเดินหน้า อีกสองคนเดินตามหลังห่าง ๆ ต่างมรี ูปร่างลาํ สันใหญ่โต
ผิวเนือดาํ แดง ตาโต หน้าตาน่ากลวั ไม่ใส่เสือ โพกหัวด้วยผ้าแดง นุ่งแดง เดนิ ขึนบนศาลาเข้ามาทางลุงยุ้ย ฉุด
กระชากคุมตัวไว้ ลงุ ยุ้ยตกใจเพราะไม่รู้เรืองอะไร จึงถามขึนปากคอสันยกมือไหว้ทกุ คนด้วยความกลัวว่า
“นีมันเรืองอะไร จะเอาผมไปไหนกัน ผมมีความผิดอะไรจึงต้องมาคุมตัวกันอย่างน”ี พวกคุมตัวพดู วา่ “ถงึ
เวลาแล้ว นายเขาได้สังให้มาเอาตัวไปเดยี วนี เพราะหมดเวลาทจี ะอย่ใู นเมืองมนยุษ์ต่อไป อย่าให้ใช้กําลังไป
เสียดี ๆ” ลงุ ยุ้ยตกใจมากนึกรู้ตัวจะต้องตายเพราะหมดอายุลงแนแ่ ล้ว แตด่ ้วยความรกั ความเป็นห่วงลูกเมียที
จะต้องจากไป ก็เสียใจเกือบจะหมดสติ ได้พยายามพูดจาอ้อนวอนผู้คุมหรือยมทูตอย่างน่าสงสาร ขอให้

๖๓

ยมทตู ประวิงเวลาไว้ก่อน จะได้ไปสังลกู สังมเยี แต่ชายผู้เป็นยมทตู ไม่ยอมฟังเสียงคําอ้อนวอน คําโอดครวญ
อันน่าสงสารของลุงยุ้ย จึงได้คมุ ตัวไปโดยมยี มทตู เดินหน้าสองและเดินหลังสอง ลงุ ยุ้ยก็จําต้องไปด้วยความ
ทกุ ข์ระทมและเสียใจจนสุดขีด เมอื ไปถึงสถานทแี ห่งหนึง ก็นําตัวเข้าไปหาผู้มีตําแหน่งสูงในทีนั น พรม้อกับ
รายงานว่าได้นําวิญญาณของลุงยุ้ยมาแล้ว ลุงยุ้ยได้พยายามพดู จาอ้อนวอนอย่างน่าสงสารกับหัวหน้ายมทตู ผู้
นั นว่า“ขอความกรุณาใหผ้ มได้มีโอกาสกลับไปพบกับลูกเมยี เพราะเขาไม่รู้เรืองประเดียวเขาจะเป็นห่วง”
หัวหน้าได้ฟังแล้วก็สังให้ตรวจบัญชดี ูว่า ลุงยุ้ยเคยได้ทําความดีอไะรไว้บ้าง ยมทูตผู้เปิ ดบัญชีดูแล้วก็รายงาน
วา่ ลุงยุ้ยผู้นี ยังมีจิตใจเป็นกศุ ล เข้าวัดอยู่ใกล้ชิดพระ ได้ทําบุญบริจาคทาน มีกรรมดีอยู่บห้างัวหน้าได้
พจิ ารณาแล้วบอกวา่ เพือเหน็ แก่กรรมดี จึงได้อนุญาตให้ยดื เวลามชี ีวิตออกไปอีก๓ เดือน เวลาของโลก
มนุษย์ ลุงยุ้ยค่อยมคี วามสบายใจขึ น คิดว่ายังมีโอกาสกลับไปหาลูกหาเมยี ทันใดนั นก็ได้ยินยมทตู รายงานให้
หัวหน้าฟังต่อไปว่า

ต่อไปนีอีก ๔๐ วัน ถึงกําหนดของนายชัน บา้ นอยูต่ ําบลหวั ป่ า หมู่ที ๒ อําเภอพรหมบุรี
จังหวัดสิงห์บุรี จะหมดอายุ ถดั จากนันต่อไปอีก ๓๐ วัน กําหนดหมดอายุของนายปลัง บ้านอยู่บางขาม
อําเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี

เมือลงุ ยุ้ยได้ฟังก็ได้จดจําไว้แม่นยํา ยมทูตยังเห็นลุงยุ้ยยืนฟังอยู่ก็บอกว่า เมือได้ต่ออายุเพิมอ๓กี
เดอื นแล้ว ทําไมยังไม่กลับบ้าน จะอยูท่ ําไมอีก ลงุ ยุ้ยได้ยินเช่นนั นก็ตกใจความรู้สึกหมดไป จึงไม่ได้ทบรวา่า
ใครคนไหนชืออะไรจะเป็นเหยือของยมทูตต่อไป เมือรู้สึกตัวได้กลับมาถึงบ้านด้วยการตนื จากหลับ แล้ว
รู้สึกตกใจกลัวจนเหงือกาฬแตก รีบปลุกภรรยาเสียงเอะอะกลางดึกของลุงยุ้ย ทําให้บุตรสาวและภรรยาตกใจ
ตืนขึ น ต่างกถ็ ามถึงเรืองราว ลุงยุ้ยก็เลา่ ความฝันทีได้พบเห็นในยมโลกให้ทราบอยา่ งละเอียดลออ แต่พอ
ภรรยาได้ฟังกลับหัวเราะแล้วพูดว่า“นีปลุกฉันขึนกลางดึกให้มาฟังเรืองเหลวไหลอย่างนี หรือ อยา่ ไปถือเอา
เรืองเหลวไหลมาคิดเป็นเรืองจริงจังอะไรเลย เมืองผีเมืองสางหรือวิญญาณไมม่ ีจริงหรอกน่า อย่าไปคดิ ให้
เป็นบ้าไปเลย ท้องไม่ดกี ห็ ายาธาตุกินแล้วนอนหลับเสียเถิด” ลงุ ยุ้ยได้ยินภรรยาพูดเช่นนั นกน็ กึ ในใจว่าถ้า
เราจะไปเล่าให้คนอืนเขาฟัง ใครเขาจะไปเชือเรา แม้แต่ลูกเมยี ผู้อยู่ใกล้ชิดสนทิ สนมก็ยังไม่เชือแล้วยัง
หัวเราะเยาะเสียด้วย จะให้คนอืนเขาเชือได้อย่างไร และทําให้ลุงยุ้ยไมก่ ล้าไปเล่าให้ใครฟังเอมมื าถกู ลกู เมยี
หาวา่ เป็นคนงมงาย เหมือนคนบ้าเพ้อเจ้อ เอาเรืองฝันเหลวไหลมาเป็นเรืองจริงจัง กลับทําให้ตัวเองชักจะ
สงสัยไม่แน่ใจว่าเรืองทีฝันนีจะเป็นความจริง ซํ านึกตําหนติ ัวเองทีกลัวไมเ่ ข้าเรือง

เมืออยู่ต่อมากไ็ ด้สืบรู้ว่า นายชัน บ้านอยู่ทหี ัวป่ า หมู่ท๒ี อําเภอพรหมบุรี มีตวั จริงและได้ตายลง
อย่างทรี ู้มาตามกาํ หนดเวลาในความฝันแล้วก็ทําให้ลุงยุ้ยสะดุ้งตกใจกลัวเกดิ ไม่สบายใจตลอดเวลา คิดว่า
เรืองนี ไม่ใชเ่ รืองเหลวไหลเสียแล้ว ตอ่ มาก็สืบทราบวา่ ทีบ้านบางขาม อาํ เภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี มีคนชอื
ปลังเป็ นความจริง แต่แล้วลุงยุ้ยก็ต้องตกใจแทบหมดสติประสาทหวั นไหวเพราะความกลัว เพราะได้ทราบ
วา่ คนชือปลงั ได้ตายลงตามกําหนดเวลา ลุงยุ้ยมีแต่ความหวาดกลัว นึกแน่ใจว่าคราวนีกถ็ ึงตัวเอง กค็ งจะสิน
อายุแน่หนีไม่พ้น เพราะวันคืนกําลังผ่านไปจะถงึ กําหนดถึงเวลาทีได้รับอนุญาตให้มาอยู่ใเนมืองมนษุ ย์จวน

๖๔

จะครบสามเดือน เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนและสตั ว์โลกทั งหลายย่อมกลัวตาย ลงุ ยกุ้ย็เป็ นมนุษยป์ ุถุชน
ธรรมดา ย่อมหนีไม่พน้ ความกลัวระยะหลังนี ลุงยุย้ รู้ตัวว่าความตายใกล้เขา้ มามากแลว้ จึงทําบุญสวด
มนตภ์ าวนาตลอดมา ยังไม่อยากตาย กลัวการจากของรัก กลัวความดับ ฉะนั นพอรู้ตัวว่าความฝันนั นเป็น
ความจริงขึ นมาแล้วความหวาดกลัวทําให้กําลังใจหมดลง กําลังทีเข้มแข็งก็อ่อนเปียกลง การป่ วยเจ็บก็เข้ามา
แทน ลุงยุ้ยป่ วยลงไม่นานก็มีอาการทรุดหนักทั งบตุ รสาวและภรรยาก็ต้องวิงเต้นหาหมอมารักษาพยาบาล แต่
อาการก็ไม่ดีขึน ข้าวปลาอาหารเบอื กนิ ไม่ลง เมือป่วยหนักแต่ยังได้สติดีเป็นพัก ๆ จงึ สังให้ภรรยาไปนิมนต์
ท่านพระครูปลัดจรัญ ทีวัดอัมพวัน ผู้ทีลุงยุ้ยเคารพนับถือมาก่อน เพราะคิดว่าไหน ๆ ก็จะจากโลกนี ไปแล้ว
เมอื กอ่ นจะจากกจ็ ะขอได้ฟังรสพระธรรมเป็นทพี ึงอันสุดท้าย เพือทําจิตให้สงบ เพอื กจําัดความหวาดกลัว
ก่อนตายจะได้มีสติ เมือภรรยากลับมาบอกว่าท่านพระครูปลัดไม่อยู่มีคนเขานิมนตไ์ ปและยังไม่มีเวลา
เพราะท่านติดงานมาก ลุงยุ้ยก็เศร้ามีความกระวนกระวายใจ เวลาจะจากโลกนี ไปก็ใกล้เข้ามา ต่อมา
ทา่ นพระครูปลัดจรัญ ฐิตธมฺโม ก็มาเยียม ท่านพระครูเห็นลุงยยุ้ ป่ วยอาการมากก็ถามว่า

“โยมป่ วยเป็นอะไร อาตมาได้ทราบว่าให้โยมผู้หญงิ ไปนิมนตอ์ าตมา บังเอิญ๒-๓ วันนี อาตมามี
งานยุ่งมาก รับนิมนต์กห็ ลายแหง่ เพิงจะได้มีเวลาปลกี ตัวมาเยียมโยมวันนีแหล”ะ ลงุ ยุ้ยนอนป่ วยอยู่ เมือ
เหน็ ท่านพระครูมาเยียมทักทายปราศรัย ก็เกดิ อาการแช่มชนื ขึ น ยกมือขึ นนมัสการท่านพระครูแล้วพดู ว่า

“ผมป่วยไม่กีวันอาการทรุดลง หมอก็รักษาไมท่ ุเลาขึน มอี าการหนักลงทุกวัน ผมรู้ตัวว่าในไม่ช้าผม
ก็ต้องจากโลกนีไปแล้ว เมือได้พบทา่ นพระครู ผมรู้สึกเกิดกําลังใจขึ นม”า

ท่านพระครูใหส้ ตวิ ่า โยมจงทําใจให้สงบ ทุกอย่างทีเกิดขึ นมาในโลกนี ไม่มีอะไรแนน่ อน ไมม่ ีใคร
หนีความตายพ้นได้ เกิดแล้วก็อยู่ได้ตามกําหนดอันสมควรตามกรรมทสี ร้างไว้ ไม่ว่ากรรมดหี รือกรรมชัว เรา
กต็ ้องรับไว้เป็นมรดกแล้วก็ดับไป เกิด ๆ ดับ ๆ เช่นนี ไม่สิ นสุด ความตายนั นแน่ แต่เวลาตายนั นไมแ่ นน่ อ
ว่าเมือใด ทีไหน อายุเทา่ ใด แล้วแต่กรรมจะลิขิต คนดมี ีศีลธรรมย่อมตายตามอายขุ ัย บุญกุศลสนองสามารถ
จะต่ออายุให้ยืนยาวไปได้ คนใจชั วสร้างกรรมทําบาป ย่อมจะตายก่อนกําหนดอายุขัย เพราะความชัวทอน
ชีวิตของตนเองให้สั นลง ฉะนั นเมือเรายังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะสร้างความดไี ว้เพือนเปบ็ ารมีในภพหน้าต่อไป ถ้า
ถงึ เวลาเจ็บป่ วยรู้ตัวว่าจะต้องดับจากโลกนี ไป ก็ขอให้พจิ ารณาถงึ สังขารด้วยสตปิ ัญญา เกิด แก่ เจ็บ ตายปเ็น
ธรรมดา ทุกคนก็ต้องพบเหมือนกันหมด จะเสียใจเสียดายชีวิตก็ไมเ่ กิดประโยชน์อะไร ถ้าใช้ปัญญากจ็ ะเห็น
ได้ว่าทุกอยา่ งเกดิ ขึนจากใจของเราเอง ถ้าเรามอี ํานาจใจสูงก็สามารถทําลายกิเลส โลภ รัก โกรธ หลง ได้ เรา
กห็ มดทกุ ขจ์ ะเป็ นบารมีติดตามเราไปในโลกหนา้ โยมกส็ ร้างบุญกศุ ลประกอบแต่กรรมดี ขอให้ตั งสติแผ่
กุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เพอื ขออโหสิกรรม ตรวจนํ าไปให้ กรรมเก่าเราไมร่ ู้ว่าเราเคยสร้างอะไรไว้บ้าง
ผลบุญทีเราสร้างไว้ในชาตินีคงจะสนอง ขอให้โยมทําใจให้ให้สงบนิงตัดความรูส้ ึกให้หมดสิ นไมว่ ่าบญุ หรือ
บาป ชั วหรือดีไมต่ ้องคิด หากเรามีบุญบารมีพอ จิตใจเราก็จะสดใสสะอาดบริสุทธิ เมือหมดความรู้สึกใด ๆ
จิตกว็ ่างเปล่า เมือดับจากโลกนี ไป อยา่ งนอ้ ยกห็ ลุดพ้นจากอบายภูมมิ ีนรก อสุรกาย ดิรจั ฉาน เป็นต้น

ลงุ ยุ้ยเมือได้ฟังท่านพระครูให้สติ ก็เกิดความปี ติ เกิดกําลังใจ มีความเข้มแขง็ ขึนมา พยุงกายลุกขึ น
ได้ แล้วมานั งกราบทา่ นพระครูแล้วพดู ว่า“ผมคอยท่านมานานแล้วหลายเวลา เมือได้พบท่านวันนี ผมมี

๖๕

ความสบายใจขึ นทางความรู้สึก ผมรู้แล้วคนเรากําลังอยู่ทีใจ มที ุกข์หรือมีสุข จะกล้าหรือจะกลัวก็อยู่ทีใจ
ฉะนั นผมจะทําใจให้เข้มแข็ง ไมย่ ่อท้อไม่กลัวตาย ผมจะปฏิบัติตามคําของทา่ นพระครู เมือถึงเวลากพ็ ร้อมที
จะตาย ขอเวลาให้ผมได้กินข้าวกินปลาเสียก่อนให้มีกําลังเพิมขึ น เพราะกินไม่ลงมาหลายวันแล”้ว

ทา่ นพระครูเห็นหน้าตาของลุงยุ้ยผ่องใสขึ นกด็ ใี จ พูดขึ นว่า“ตามสบายเถิดโยม อาตมาคอยได”้ ลุง
ยุ้ยสังลูกและภรรยาหาข้าวมา แล้วก็ลงมือกินอย่างอร่อย คล้ายคนจะหายป่ วยหายไข้แล้ว ลกู เมียก็พากันดีใจ
คดิ ว่าคราวนี ลุงยุ้ยหายป่วยแน่ เมือกินอาหารเสร็จแล้วกพ็ ูดกับท่านพระครูเหมือนคนปกตวิ ่า

“กอ่ นทีผมจะจากโลกนี ไป ผมมีเรืองจะฝากท่านพระครูไว้เรืองหนึง จะฝากคนอืนหรือลูกเมยี ก็ไม่
ได้ผล เห็นแตท่ ่านพระครูองค์เดียวทีผมนับถือ พอทจี ะเป็นทพี ึง จะฝากเรืองนี ได้ เพือจะเกิดประโยชนเป์ ็น
กุศลแก่ผู้อนื ต่อไป ฉะนั นผมจึงคอยท่านพระครูอยดู่ ้วยใจกังวล วันนี ผมได้พบท่านพระครูแล้ว ผมดีใจมาก
เพราะผมจะได้หมดภาระ หมดห่วงตามทไี ด้ตังใจไว”้

ท่านพระครูยิมให้กําลังใจและสงสารกล่าวว่า“อาตมายินดี ถ้าอาตมาช่วยได้แล้วไมข่ ัดข้อง โปรด
เล่าไปเถดิ โยม อาตมาคอยฟังและจะจดจําบันทกึ ไว”้

จากนั นลุงยุ้ยก็เล่าเรืองทีเกิดจากความฝัน ใหฟ้ ังเช่นเดียวกับเล่าให้ภรรยาและบุตรสาวฟังมาแล้ว
และต่อท้ายว่าผมได้เฝ้ าสืบสวนนายชั นกับนายปลั งดูกท็ ราบว่ามีตัวจริง และได้ตายไปตามกําหนดเวลาใน
บัญชขี องพวกยมทตู แล้วผมก็ไม่มีข้อสงสัยอะไรอีกทีเวลานันจะไมม่ าถึงผมเช่นเดยี วกัน ถผ้ามจากโลกนี ไป
แล้ว ขอให้ท่านพระครูจงนําเรืองของผมเลา่ ให้ประชาชนฟังด้วย เพือจะเกิดประโยชนส์ ่วนรวมต่อไป

ท่านพระครูปลัดจรัญได้นิงฟังด้วยความสนใจและสงสารลุงยุ้ย เมือลุงยุ้ยเล่าจบแล้ว ท่านพระครูจึง
พูดอยา่ งไตร่ตรองข้อความทีลงุ ยุ้ยเล่าให้ฟัง แล้วก็พดู ขึ นช้าๆ และหนักแนน่ ว่า

“อาตมาขอขอบใจทโี ยมได้เลา่ เรืองมหัศจรรย์ให้อาตมาฟัง และเจาะจงคอยจะเล่าเรืองนี ให้อาตมา
ทราบ โดยเผยแพร่บอกให้ผู้อืนทยี ังไม่รู้ให้รู้เรืองนีต่อ ๆ กันไป อาตมาเชือแน่ว่า เรืองทีโยมเลมา่ านีเป็น
ความจริง ดใี จทีโยมกลับมีจติ ใจเข้มแขง็ เกิดปัญญาพจิ ารณาตามหลักธรรม อาตมาขอรับรองกับโยมว่าจะนํา
เรืองนี บอกต่อ ๆ กันไปเป็ นธรรมทาน เพือโยมจะเกิดเป็นกุศลเกิดบารมี เพอื ช่วยโยมให้เกิดความสุขทีได้นํา
เรืองนี มาเลา่ ถวายให้อาตมาฟัง อาตมาก็คิดว่าเรืองนีคงจะเกิดประโยชน์แก่ญาตโิ ยมทั งหลายในเรืองกรร”ม

ต่อจากนั น ทา่ นพระครูกใ็ ห้ลงุ ยุ้ยรับศีล๕ และแสดงธรรมให้ฟังพอสมควรแล้วท่านจึงได้ลากลับวัด

หลังจากท่านพระครูออกจากบ้าน อาการป่ วยของลุงยุ้ยก็กลับหนักลงนอนหมดสตทิ ันที
แต่แล้วในตอนเชา้ วันรุ่งขึน ขา่ วสลดใจทีท่านพระครูได้ทราบก็คือ ลุงยุ้ยได้สินลมจากโลนกี ไปด้วย
ความสงบ เมือตอนดึกในคืนวันนั นเอง เพราะวันนั นเป็นวันครบกําหนดพอดีสามเดือน นับจากคืนทลี ุงยุ้ยได้
ฝนั ทา่ นพระครูจึงได้นําเรืองนี มาเผยแพร่เพือให้ตรงตามความประสงค์ของลุงยุ้ย ผู้ได้จากโลกนีไปแล้วตงร
กับความฝันประหลาด
ข้าพเจ้าผู้เรียบเรียงเรืองนีจากหนังสือบันทกึ ของ พันเอกวสนั ต์ พานชิ เมือเขียนเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็
ทําจิตใจให้สงบแล้วแผ่ส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของลงุ ยุ้ย หากทา่ นผู้ใดอา่ นแล้วทําจิตใจให้สงบ แล้ว

๖๖

ช่วยกันระลึกถงึ บญุ กศุ ลทเี ราได้สร้างไว้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติ หรือในปัจจุบันนีก็ดี แล้วช่วยนกแั ผ่กุศลและ
เมตตาธรรมให้แก่ดวงวิญญาณของลุงยุ้ย คดิ ว่าคงจะเป็นกุศลอันยิงใหญท่ ีสามารถให้วิญญาณของลุงยุ้ยเข้าสู่
สุคติได้ และเรากค็ งจะประสบความดแี ละฝันดีเป็นสิริมงคลแก่ตัวเราเองตลอดไป เพราะจะพ้นจากฝันร้าย
หากท่านจะมีปัญหาเช่นเรืองนีเมอื รู้ตัวว่าจะมีอายุอยใู่นโลกมนุษย์ต่อไปไม่นาน ท่านจะทําอย่างไร หากเรือง
นี ยังไมส่ ามารถจะแกป้ ัญหาทางใจได้ ก็ขอให้ท่านกับไปอ่านเรือง อํานาจจิต เรืองท๔ี ๔ ในชุด “กฎแห่ง
กรรม” หรือใครจะอยู่คํ าฟ้ า ในเรืองท๕ี ๔ บางทีอาจเกิดประโยชน์บ้าง

ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการขอบพระคุณทีทา่ นพระครภู าวนาวิสุทธิ (พระครูปลัดจรัญ) ได้กรุณา
อนุญาตใหใ้ ช้นามจริงได้ ขอขอบพระคุณครอบครวั ของลุงยุ้ย และขอขอบคุณพันเอกวสันต์ พานิช ผู้บันทึก
และได้กรุณาตดิ ต่อในเรืองนี จนเกิดประโยชนต์ อ่ ไป

จากหนังสือประวัตแิ ละผลงานของพระครูภาวนาวิสุทธิ พ.ศ. ๒๕๓๐

๖๗

อานิสงส์ของการมีสัจจะ
พระภาวนาวสิ ุทธิคุณ

ถ้ามีใครมสี ัจจะจริงนะ เดินจงกรมวัวควายยังไม่หายเลย
มีสองตายายเขาพากันเดนิ จงกรมบนนอกชานเรือนตอนเดือนหงาย ไอ้ขโมยมาลักควาย นเี รืองตก
๓๐ ปี แล้ว สองคนตายายเดินจงกรมทีนอกชานเดือนหงาย ถ้าไมไ่ ด้ชั วโมงไม่เลิก ต้องได้ชั วโมง กข็วาย่าง
หนอ ซ้ายย่างหนอ ช้า ๆ ใครจะไปเหนือมาใต้ข้าไม่สนใจ ใครจะเรียกขา้ กไ็ มร่ ับปาก แหมเดินดี เดนิ จงกรม
มีสัจจะว่าเดินหนึงชั วโมง ควายอยใู่ ต้ถุน ขโมยมา๔ คนก็มาลักควาย คนหนึงก็เฝ้ าเจ้าของไว้ คนหนึงก็ไป
เฝ้ าทางปากตรอกไว้ คนหนึงตัดคอกใต้ถุนแล้วเอาควายออก มีควาย ๓ ตัว ควายอ้วน ๆ เอาควายไปแล้วเปิ ด
เลย คนทมี ันเฝ้ าเจ้าของมันยังอยู่ สุนัขหลับหมด ไมร่ ู้มันใช้สะกดหรืออย่างไรเราก็ไมท่ ราบ หรือดาวหมามัน
ขึนเราไม่รู้ เรียนหรือเปล่าดาวหมาขึนลักขโมยตอนนั น ถ้าไม่เรียนจะบอกให้เอาไหม ดาวหมาขึนหบลหั มด
เลย ลักของได้ตอนนั นนะ
อานิสงส์การเดินจงกรม ควายออกนอกบ้านไปแล้ว คนทมี ันเฝ้ าอยู่ใต้ถุนบ้านเจ้าของดูว่าเจ้าของจะ
ตืนหรือเปล่า เดือนมันหงายนีมันกอ็ ะไรไม่รขู้ วาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เอ๊ะ ผีสิงหรือยังไง ก็เดินดูจนควาย
ออกไปตั งเยอะแล้ว ออกปากตรอกไปแล้ว อเ อะไรกัน นีขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ขโมยทเี ฝ้ าคอกมันก็
ถอยหลังเรือย มันอยากดู ถอยหลังมาเรือย ๆ ถอยหลังออกมาจากใต้ถนุ เรือย ๆ ก็ดู อะไรกัน นึกว่าผีเรือน
หรือยังไง เพราะไปลักควายมาหลายเจ้าไม่เคยมีผอี ยา่ งนี ขโมยไม่ได้เรียนเดนิ จงกรม ถ้าขโมยมาเรียนซะแล้ว
กไ็ ม่เป็นอะไรนะ จะได้รู้ว่าเขาเดนิ จงกรม มันไมร่ ู้นี ถอย ๆ มาเหยียบเอาหมาเข้า หมาตนื หมดบ้าน หมามีอยู่
๑๐ ตัวเห่ากันใหญ่ เลยควายทีเอาไปแตกกันหมด ควายไม่หาย นีอานสิ งส์เดนิ จงกรมนะ มขี ้าวของอะไรไม่
ต้องไปจ้างใครเขาเฝ้ า สองคนตายายก็เดินจงกรมไปซี ถ้าไม่เดนิ ก็หลับลเย อันนีเรืองจริงทีผา่ นมา๓๐ ปีแล้ว
มเี รืองแปลกอีกเรืองหนึง เรืองคล้ายกัน บ้านตาแป๊ ะแก่คนหนึง อยู่กันสองคนกบั ยายซิม เขานัด
หมายกันนังชัวโมงหรือสองชัวโมงจําไม่ได้ เวลานังแล้ว ใครจะเรียกมาหาใครจะมาลักขโมยไมส่ นใจไม่ต้อง
ฟังเสียง ถ้านาฬิกาไมก่ ริ งไม่เลิก ตั งสจั จะและพระทีคล้องคอก็ไม่มี เมยี นังโน้นผัวนั งนี บ้านนั นมเี ครืองลาย
ครามเยอะแยะหมด แล้วก็มีลูกสาวคนหนึงผอม สะโพก๒ ศอกได้มั ง ขณะนีลูกสาวน่ะ สามีเป็นนายพันเอก
อย่าไปออกชอื เขาเลย เป็นลกู อาจารย์กองทัพอากาศ เดียวนี ยังอยู่แตป่ ลดเกษียณแล้ว
ก็ได้ความว่าลูกสาวมาเยยี มเตยี กับแม่ แล้วทนี ีเตียกับแม่กน็ ั งบริกรรมพองหนอยุบหนอ ถ้าไม่ได้
กําหนดไมอ่ อก ถือสัจจะ พอดีรถปิ คอัพเข้ามา ขโมยปล้นมีเอ็ม๑๖ มาก็ยิง ยิงเลย ยิงไมอ่ อก ยิงโดง่ ออก แล้ว
โจรก็มาคลําดูทีคอ สองคนกภ็ าวนาพองหนอยุบหนอตลอด ลูกสาวกําลังรบั ประทานอาหารอยู่ กําลังจิมไก่
ย่างใส่ปาก เคี ยวไปยังไมท่ ันกลืนนะ พอเสียงปืนโป้ งปั งทําไง ก็รีบเข้าไปใต้เตียง ไชมิง้ชันสูงคบื เดยี วนะ เข้า
ไปได้สะโพกเบ้อเร่อเข้าได้สบายมาก แล้วก็ไก่ยา่ งยังอยใู่ นปาก
มันเป็นเรืองอัศจรรย์อันหนึง ยงิ กไ็ ม่ออก มันจะมาฆ่าตาแป๊ ะคนนีเคมรี ืองลายครามขนใส่รถหมด
ข้าวของเงนิ ทองขนใส่รถ ยายซิ มพองหนอยบุ หนอ คิดหนอ ๆ กพ็ องหนอยุบหนอตอ่ ไป แหมเขาแน่จริง ๆ

๖๘

ขโมยก็ขึ นรถไปออกไปถึงตรอกนั น ร้อนถึง จักรินเทวราช สังมาตลุ เี ทพบุตรบอกให้สารวัตรใหญ่เข้าไปใน
ตรอกนี ให้ได้ เกิดสงั หรณ์ในใจ ตํารวจสารวัตรใหญเ่ ปน็ พันตํารวจโทกส็ ังลูกน้องเข้าในตรอกนี ซิ มันสงสยั
กส็ วนกันรถขโมยพอดีเลย พอสวนรถขโมย มันเปิดไฟเหน็ ตํารวจมันก็โดด ตํารวจโดดตาม พอตํารวจโดด
ตามจับได้หมด

เลยผลสุดท้ายก็ถามว่า เอามาจากบ้านใคร โจรก็บอกกับตํารวจว่าเอามาจากบ้านตาแป๊ ะนี เลยถอย
หลังกลับไป พอรถขโมยไปจอดรถ รถสารวัตรใหญ่ไปจอด สองคนนังพองหนอยุบหนอ ยังไมอ่ อกจาก
กัมมัฏฐานเลย เลยตํารวจกป็ ลกุ ตาแป๊ ะ ไม่ลกุ สักประเดียวนาฬกิ ากริง ตาแป๊ ะก็ออกพอดีเจอตํารวจบอกว่า
เอ...ไอ้ผู้ร้ายบอกว่าเอาปื นยิงไม่ออก เลยคลําทีคอบอกว่าไม่มพี ระ ไม่มพี ระเครืองรางของขลังแต่ยิงไมอ่ อก
บอกนีโดนปล้นรู้ไหม ตาแป๊ ะบอกรู้ แต่กําหนดได้ว่าอยา่ งนี นะ รู้นะไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เข้าพลสมาบัติ รู้เลย
อยากได้เอาไป รู้หนอ ๆ พองหนอ ยบุ หนอต่อไป อยากได้เอาไป ๆ ถ้าเป็นของลือ ๆ เอาไป ถ้าเป็นของอัวอยู่
พองหนอ ยบุ หนอ ๆ อยากได้เอาไป ๆ

พอพดู กันสักพัก ก็มีเสียงเรยี กให้ช่วย ตํารวจก็มองหา เอ...อยูท่ ีไหนแปลก อยใู่ ต้เตยี งเวลาเข้าได้
ออกไมไ่ ด้ สะโพกตั งศอก เลยเข้าไปยกเตียงไมช้ ิงชันออกมา ไก่ยังอย่ใู นปาก จะกลืนก็ไม่กลืน ไม่มพี อง
หนอ ยบุ หนอ เตยี กับแม่ทํา ลูกสาวไม่ได้ทํา ในทีสุดก็ได้ของคืนหมด แต่เตียกับแม่ในทีสุดก็บอกตํารวจาว่
ไมเ่ อาเรืองเอาความ ไมต่ ิดตามฝากหลวงไป แล้วแต่เถอะว่าเสียสละแล้ว บอกว่าจะติดคุกติดตะราง
อโหสิกรรม แล้วพวกขโมยก็มากราบตาแป๊ ะกราบยายซิ ม แล้วตํารวจกถ็ ามว่า เป็นยังไงถึงยิงไม่ออก มพี ระ
อะไร ตาแป๊ ะบอกมพี ระพองหนอยบุ หนอ ลือเอาไปใช้เถอะยิงไม่ออกแน่ พระพองหนอ พระยบุ หนอ

ในทีสุด ตํารวจมาทีวัดนี เดียวนี เป็ นนายพันเอก เป็นนายพลตรีไปแล้ว ตํารวจบอกเอาพระตา
แป๊ ะพองหนอยุบหนอขลังจริง ๆ ปื นยังยิงไม่ออก เพราะว่าคุณนายชือว่าสะโพกศอกกว่า ๆ นี นะเข้าไปได้
บอกว่าคณุ นายเข้าไปได้ยังไง บอกว่าฉันก็ไม่รู้ ตกอกตกใจพรวดเข้าไปใต้เตงยี เตียงไม้ชิงชัน เวลาออกออก
ไม่ได้ สะโพกติดกต็ ้องไปช่วยกันยกเตยี งไม้ชิงชันออกมาเห็นไหม มันก็เป็นได้อย่างนี

ปื นยงิ ไม่ออกก็คือสัจจะ ความจริง และกว็ ่าคล้องพระไปเป็นกิโลนะ โป้ งตายไปหลายราย เพราะไม่
นกึ ถึงคุณพระอยู่ในใจเลย ไม่มีสัจจะ เสียสัจจะ เอาพระไปคล้องเสยี เวลาเปล่า ๆ พระพุทธเจ้าไมช่ ่วยแน่
อาตมาขอยืนยัน

อาตมาไปชายแดน ถามหัวหน้าหน่วยเป็นพันตรี บอกมีไหมปื นยิงไม่ออกยิงไม่เข้า มีคนเดียว
นอกนันตายเรียบ โดนปื นตายทังนัน แต่คนนีไม่ตาย โดนเอ็ม๑๖ หล่นจากเขาค้อเป็ นเวลานานแล้ว ตอนนั น
เป็นสิบโท เดียวนีเป็นรอ้ ยเอกแล้ว อาตมาบอกขอมาสัมภาษณซ์ ิ แต่นายพันตรีกไ็ ม่รู้หรอกว่ามันอยู่ด้วยอะไร

อาตมาก็มากลา่ วอีกถึงอิสลาม เป็นชาวอิสลาม พ่อเขาเป็นแขกแม่เป็นชาวพุทธ ก็เอาตะกรุดมาให้
อาจารย์ดู ถักเสียสวยเลยคล้องคอไว้ นายพันตรีก็ไม่รู้วา่ มีอะไรดีเป็นอิสลาม ทําไมมันเหนยี ว ทําไมทหาร
ไทยตายซะเรียบ ในเขาค้อนเี องเลยเพชรบรู ณ์ไปนี ติดต่อกับพิษณุโลก อาตมาไปมา ทไี ปนกี ็เอาของไปแจก
ไมใ่ ช่เอาเหรียญไปแจกนะ เอาขนมเอากระยาสารท ขนมเปียะ เอาพวกนํ าปลาไปแจกทหารชายแดน๒๔ ลัง

๖๙

เรียบไม่พอแจก ทหารชอบไม่ใช่ไล่แจก อาตมาถามบอกขอดูซิ อสิ ลามบอกหลวงพ่ออย่าจับเอาไม่จับได้ไง
คนละศาสนาถือหรือ ไม่ใช่หรอกครับ เดยี วผมจะเล่าถวาย

พอผมจะมาสนามรบนีผมก็ไปลาลุง ๆ ผมเป็นทายกพระ แต่ทนี ีแม่ผมได้กับป๋ าทีมาจากเมืองนอก ก็
ต้องตามป๋ าไปอิสลาม แล้วก็บอกมาขอของดีลงุ จะให้อะไร ลงุ บอกเอาผ้านุง่ แม่เจ้ามา แล้วลงุ จะทําให้ เอา
ผ้านุ่งมาตัด ๆ เข้าแล้วก็เอาเชอื กถักเสียสวยเลย แล้วก็ให้คล้องคอ แล้วบอกให้หลานตั งนะโมเอาแบบพุทธ
ทอ่ ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ๓ หน แล้วนึกถงึ พระเจ้าของเจ้าก็ตามใจ บิดา
มารดาปกปักรกั ษา คณุ ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคณุ ทังหลายแค่นีแหละแล้วเจ้าอิสลาม ๑. เหล้าหยดเดียวไม่กิน
๒. การพนันไม่เล่น ๓. ผู้หญงิ ไม่เทียวสามอย่างเทา่ นั นหล่นจากภูเขาก็ไม่เป็ นไร เขาเลิกเสือให้ดู บอก
บอบชํ าไปเลย แตท่ นี ี เพือนทหารของผมก็กินเหล้าเข้าไปในหมู่บ้าน กลับไปก็ไปเหยียบกับระเบิดตาย

นีแค่ผ้านุ่งแม่ ปื นยังยิงไม่เข้า เขาไปทาํ เป็ นตะกรุดคล้องคอ อาตมาจับเขาถึงไม่ให้จับ บอกว่านเี ป็น
ผ้านุ่งแม่ผม เลยให้นายพันตรี บอกอยู่ด้วยกันมานาน ไม่รู้ไม่เหน็ เล่าให้ฟัง กลัวทหารจะล้อว่าเอาผ้านุ่งาม
คล้องคอ ว่าอย่างนี เดยี วทหารบางคนก็ว่าไมใ่ ช่ผ้านุ่งแม่ เอาผ้านุ่งเมยี มาคล้องคอ นีบางทีแม่มาหากห็าว่าเมีย
มาหา ทหารทีนั นเป็นอย่างนีเขาเลา่ ให้อาตมาฟัง นีก็เรืองจากชวี ิตปฏิบัติธรรม ถึงจะเป็นอิสลามหรือไมก่ต็ าม
เขามีสจั จะของเขา เหล้าไม่กนิ เลยแม้แต่หยดเดียว พระเจ้าก็ช่วยได้ นผี ้านุ่งแม่ก็ช่วยได้ เดียวนีไม่เอาแล้ว
ผ้านุ่งแม่กซ็ ักให้ไม่ได้ ทผี ้านุ่งมเ ยี ซักได้นะ เหน็ บางคนเขาพดู กัน ข้อเท็จจริงอยา่ งไรไมร่ ู้ เห็นบางคนเขาพูด
กัน บางคนถูกผ้าผู้หญิงไม่ได้เพราะกลัวเสือม อาตมาว่าไมจ่ ริง อยู่ทีใจ เสือมไมสเ่ ือมอยู่ทีใจ ไมอ่ ยู่ทผี ้านุ่ง
ผู้หญงิ หรอก

๗๐

อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ
พระภาวนาวสิ ุทธิคุณ

พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดู เคราะหร์ ้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ อาตมาก็
มาดูเหตุการณ์ โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดูอาตมาก็ตังตาํ ราขึนมาด้วยสติบอกว่าโยมไปสวด
พุทธคุณเทา่ อายุให้เกินกว่า๑ ให้ได้ เพือให้สติดี แล้วสวดพาหุงมหากาหายเลย สติกด็ ขี ึ น เทา่ ทใี ชไ้ ด้ผลสวด
ตังแต่ นะโม พทุ ธัง ธมั มัง สังฆงั พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา จบแล้วย้อนกลบั มาข้างต้น เอา
พุทธคุณห้องเดียว ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ อายุ ๓๕ สวด ๓๖ ก็ได้ผล

พุทธคุณกับชาวคริสต์
มชี าวคริสต์คนหนึง มีลกู ชายคนเดียว อยู่ทีลาดพร้าว เป็นเศรษฐีทีดิน อายุ ๕๑ ปี มีลูกชายคนเดยี ว

สามตี าย ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็ไปส่งเรียนปริญญาทีอเมริกา เป็นเศรษฐีที กทม. ราชาทดี นิ ทดี ินข้าง
คลองแสนแสบของเขาทั งนั น ไปจรดลาดพร้าวหลายร้อยไร่ เมือสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน เป็นมผีเู้งิน
ก็ส่งลกู ไปเรียนเมืองนอก ลูกไม่เอาไหน ไปกไ็ ปซือรถเก๋ง พาจิกโก๋ไปหาจิกก๓ี ปีมาแล้ว แล้วกม็ หี นังสือมา
หลอกแม่เรือย เรียนจวนใกล้สาํ เร็จ ขอเงินอกี ๑ แสน ขอเงินอีก ๕ แสน

แล้วในทีสุดเขาก็ไม่รู้จะไปหาทพี ึงทีไหน ก็ไปหาหมอดู หมอดูก็เอาเงินสะเดาะเคราะห์ ลูกถึงจะ
เรียนได้ แล้วกไ็ ด้เงินสะเดาะเคราะห์ ไปหาหมอทําก็ไม่สามารถจะสําเร็จได้ แตพ่ อดีก็มีคนสิงห์บุรีไปเป็ น
ลกู จ้างบ้านนั น เขาเป็นนายทนุ ให้กพ็ ากันไปนครสวรรคก์ ลับมาเขาก็เลยอยากจะให้อาตมาช่วยเขา ก็พามา
แวะ เขาบอกอย่าแวะ กเ็ ลยแกล้งเพทบุ ายว่าปวดท้อง แวะเข้ามาวัดนี หน่อย จะหาห้องนํ าแวะเข้ามาแล้ว
นายทุนคนนี กเ็ ข้าห้องนํ าด้วย คนนั นกม็ าบอกกับอาตมาว่าหลวงพ่อช่วยทเี ถอะ แตอ่ าตมาก็ยังไม่รู้ว่าเขานเป็
คริสต์ บอกช่วยหน่อยเถอะเขามีลกู ชายคนเดียว ผมก็ขอยมื เงนิ เขาใช้เรือย เราก็นึกในใจว่า ขอดูหน้าก่อน
แล้วเขาก็พามาแล้ว ก็บอกให้ฟังว่า ลูกชายไปเรียนทีอเมริกา ไม่เอาไหนเลย พอรู้เข้าว่าเรียนไมส่ ําเร็จ ไป
เทียว พานักศกึ ษาไทยไปเสียหายกัน ฉนั กจ็ ะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม ดูหน้าแล้วกร็ ู้ว่า
ลกู ชายต้องสาํ เร็จปริญญาโท และจะสาํ เร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทําไมเรียนไม่สําเร็จ เดียวมวี ิธีทางแก้ เพราะ
ลักษณะบอกให้รู้ถงึ ลูก ด้วยว่าลูกชายต้องเรียนสาํ เร็จ แต่ทําไม่ถึงเรียนไม่สําเร็จ

มวี ธิ ีแก้ อาตมาก็บอกว่า โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ เพราะตอนนีอายุ ๕๑ เขาบอกว่า
“ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็ นคริสต์” “พระบิดา พระบุตร พระจติ สวดได้ไหม?” “ฉันก็เป็ นคริสต์แบบชาว
พุทธทสี วดมนต์ไม่เป็ น ไปวดั เข้าโบสถ์ก็เข้าไปอยา่ งนันเอง” วันนั นก็เจ๊ากันไป ไม่ยอมรับ กอ็ ยไู่ ด้อีก๔-๕
เดอื น อาตมาจําหน้าได้ ทีนไี ม่มคี นพามาละ เขามากันเอง๓ คน บอกว่า“ฉันยอมจาํ นน” บอก “เอาอย่างนี
โยม ไปซือหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึง” “ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มใี นบ้านฉัน ท่านช่วยเขยี นให้
หน่อย” อาตมากต็ ้องเขยี น พอตอนหลังขีเกียจเขยี นต้องพิมพ์เป็นใบ นีพทุ ธคุณ ธรรมคุณ สังฆคณุ พาหุงม
หากา “ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ” “ทนี อนนนั แหละสวดไปก่อน” อาตมาหาอุบาย เลยก็สวด

๗๑

พาหุงมหากา “ฉันท่องไม่ได้ อ่านตามตัวแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุ๕๑ สวด ๕๒” “ใช้ก้านไม่ขีด ทิงเข้า
ซิ ทําไปก่อน” เขาเลยมั นใจว่าคิดว่าจะทําได้ บอกว่า“โยมสวดมนต์เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้ลูก อย่าด่าลูกนะ
อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข และให้ลูกมีความตังใจเรียนหนังสือให้สําเร็จ”

พอไปสวดได้ ๓ เดอื น ท่องได้หมดเลย หนักเข้าก็ไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีดแล้วจึงเกิดอานิสงส๒์
ประการ

หนึง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชืนอกชืนใจ นอนหลับก็ใจดเี ริมแผ่ส่วนกุศลให้ถงึ ลูกแล้ว
บุญกุศลของแม่จะถงึ ลูกถึงตอนไหน รู้กันตอนนี เพราะลูกนีเฟ้ อในการเงิน ขอเงินแม่เรอื ยเลย ไมร่ ู้บุญกุศล
ของแม่แต่ประการใด วันนั นบญุ กุศลของแม่ถงึ ประมาณ๖ เดอื นหลังจากสวดมนต์ อาตมาจดไว้ วันนั นพอดี
ลูกชายพาพวกนักศึกษาไทยทีส่งด้วยทนุ ของตัวเอง ไปเทยี ว ขับรถไปชนเสาไฟฟ้ า เพือนอยู่ข้างหลังกระเด็น
ออกจากรถหมด ไม่ตายไม่เป็นอะไรเลย แต่เจ้านีต้องไปอัดก๊อปปี กับเสาไฟฟ้ า เสาล้ม ต้องเสียเงินหลายแสน
พวงมาลัยอัดหน้าอกไปโคมา่ อยู่โรงพยาบาล ไม่รู้สึกตัว แล้วพอดีมีลกู พอี ยู่คนหนึง เป็นแพทย์อย่ทู ีอเมกราิ
เป็นลูกพีลูกน้องกัน ก็ไปเยียม ถ้าจะไม่รอดแน่ กใ็ ห้อ๊อกซิเจน นายแพทย์อเมริกาบอกว่าไม่รอดแน่

วันนั นผา่นไป รุ่งขึนลืมตา พอรอดมาแล้วปวดเมือยจะตาย นํ าตาร่วงคดิ ถึงแมน่ ีคนเราจะมีทกุ ข์คง
จะคิดถึงแม่

มันเฟ้ อไปในสังคม มันจะไมค่ ิดถึงแม่ บางคนอาย๘ุ ๐ แก่จะตาย เวลาใกล้ตายหลงคดิ ถึงแม่จ๋า
กระทั งแม่ตายไปตั งนานแล้วอย่างนี แน่นอน มันทกุ ข์หนัก บอกปวดเมือยทั วสรรงพคา์กาย คุณแม่จ๋ารําพัน
คดิ ถึงแม่

ข้อสอง ลูกคดิ ถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่เรียนหนังสือแล้ว แม่จะเสียใจแคไ่ หน ทราบเข้าก็ดีอกดีใจ
มาวัดเลย เลียงเพลพระ สวดธรรมจักรให๑้ จบ

ในทีสุด พอลูกกลับจากอเมริกาพาลูกมาเลย อาตมาให้พระบชู าไป๑ องค์ แมก่ ็เล่าให้ฟังเพราะเหตุ
อย่างนี ลูกเลยสวดมนต์ภาวนาแล้วไปเข้าวัดไทย ไปนั งวิปัสสนาทเี มืองนอก เจ้าคุณเทพโสภณรู้จัก แต่ไม่รู้
เรืองวัดอัมพวัน รู้ว่าเจ้านีมันักกัมมัฏฐานปริญญาเอก เดียวนี ไม่ยอมกลับบ้าน แม่บอกหลวงพอ่ ให้ฉันสวด
มนตอ์ ะไรให้ลูกกลับประเทศไทย ไม่มีกลับเรารู้แล้วไม่กลัแบน่

อันนี ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่าเด็กหรือใครก็ตาม ก็ต้องประสบทุกข์จะคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทกุ ข์
ให้เงินไปเฟ้ อ ไม่คดิ ถงึ แน่ ต้องประสบทุกข์จึงจะเหน็ ตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว เขามาเลา่ ให้อาตมา
ฟัง บอกหลวงพอ่ ครับ ผมไม่คิดถงึ แม่เลย๓-๔ ปี ทอี เมริกา แต่ก็คิดถงึ แม่ ว่าอยู่กับแม่ป้ อนข้าวให้ พัดวใี ห้ได้
คิดอยา่ งนี เลยจึงกลับ แมก่ ็เลยเล่าให้ฟังว่าหลวงพอ่ นีช่วยเอาไว้ เขาเลือมใสอาตมาบอกว่า ถ้าเชือนะ ไป
เดียวนี ตัดผม เพราะผมเขายาวประบ่า เลยตัดผมทีนสี ิงหบ์ ุรีเห็นได้ชัดมาก เจ้าคนนี บอกแหมหลวงพ่อว่ามผ
นผี ลาญเงินแม่ไปหลายล้านบาท ดังทกี ลา่ วแล้ว อาตมากต็ ังตํารา ถ้าคนไหนเคราะห์ร้ายสวดพุทธคุณ

จ่าสอบเป็ นนายร้อย

๗๒

จ่าทีศนู ย์ปื นใหญ่นีบอกว่า หลวงพ่ออกี ๒-๓ ปี อายุผมเกินแล้ว สอบนายทหารไม่ได้เสียไป๒ หมืน
กไ็ ม่ได้ “อย่าไปพูดเรืองเสียเงินเสียยีห้อทหาร สองคนผัวเมียสวดมนตไ์ ด้มยั ต้องได้แน่ สวดสองคนเลย”
พวกทหารศูนย์ปืนใหญ่ เขาบอกสงสัยบ้านจ่านีทา่ จะบ้าแลว้ พอผัวจะไปทํางาน“นีแม่อีหนูมาสวดมนต์
แทน ฉันจะไปทํางาน” เมียก็สวดใหญ่ เพือน ๆ มาเยียม ไปเถอะขาขาดไปเคยไปเลน่ ไพ่ด้วยกัน เลิกเล่นมา
นั งสวดมนต์

ในทสี ุดสอบได้สอบนายทหารได้เดียวนีเป็ นพันตรีไปแล้ว แล้วรํารวยมเี งินให้นายทหารกู้ จ่าคนนี
พอสวดมนต์ มีเงนิ และมไี ร่ทีอําเภอพัฒนานิคม มสี วนมะพร้าว มะพร้าวเยอะแยะมันเป็นความจริงขึ นมา
ไม่ใช่ขลงั ด้วยคาถา แต่ขลงั ด้วยสติ สวดมนต์แล้วก็มีสติขึนมา ปัญญากเ็ กิด สอบเขียนก็ได้เลย ตอนเสียเงนิ
๒ หมืนไม่ได้ เขาบอกข้อสอบให้ยังไม่ได้ บอกสวดพุทธคุณเข้า ได้ทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษามานี
ตดิ ตามโดยต่อเนอื ง ไม่ใช่ไปบอกขอกฐนิ ผ้าป่ า ต้องการประเมินผลขอใหเ้ ธอทําตาม บางคนบอกวา่ ฉัน
เรียนสําเร็จวิชาครูมาทําอะไรไม่ได้ บอกหนูไม่จําเป็ นต้องเป็นครู มานังกมัมัฏฐานสวดมนตเ์ ขา้ ไม่
จําเป็นต้องวิชาทเี รียนตรงเลย มันจะเกิดมีคนอุปถัมภ์ ช่วยเหลอื ผลักดันไปจนได้โดยวิธีนี

๗๓

อานิสงส์ของการแผ่เมตตา
พระภาวนาวสิ ุทธิคุณ

อาตมาเมือหลายปีผ่านมานี ๕-๖ ปีแล้ว มีลูกประคําอยสู่ ายหนึง เคยสวดมนต์รัตนมาลาเมือสมัยเดิน
ธุดงค์ ลูกประคําสายนีรักมาก อาตมาก็มหี มอนมีอะไรทกี ฏุ ิอาตมานะ หนูนีไปกัดหมอนกัดอะไรเกลือน
กลาดหมดเลยนะ กัดเตม็ ไปหมดทีบนกุฏิอาตมานนี ่ะ อาตมากพ็ ดู เล่น ๆ แตจ่ ิตใจก็เคืองเหมือนกันนะ“ไอ้
หนูไม่มีดีฆ่ามันเลย ให้เด็กไปซือกรงมาดกั เลย หนูไม่ดี เดียวคนื นีจะฆ่ามันให้หมด” พูด ๆ ลอย ๆ ออกมา
อยา่ งนีแหละ แตจ่ ติ ใจเราอาจไมถ่ งึ ขนาดนั น กพ็ ูดด้วยความโมโห ต้องเอามันเลย หนูมันไม่ดีกัดหมอนกัด
พรมหมดไมม่ ีเหลือ แล้วลูกประคําอาตมาวางไว้ข้างทีอาตมาจําวัด คนื นั นแหละกัดลูกประคําแหลกเลย หนู
กัดแล้วเอาไปลงร่องไปเลย๘-๙ เมด็ หายไปแล้ว มานบั ดูไมพ่ อร้อยแปด ขาดไป ๘-๙ เม็ดแล้วยังไง ให้พระ
มาช่วยหา หาไมเ่ จอ บอกหลวงพ่ออยู่ใต้เพดานใต้ฝ้ า เอาไม่ได้ ล้วงไม่ไดถ้ ้าจะเอาได้ต้องงัดพืนออกเอาไง
เอ...งัดก็เสียหมดนะซี เขาตอกตะปูไวน้ ีมันเป็นกุฏิเก่า ตอกตะปไู ว้แน่นนจี ะงัดอย่างไร มีร่องนิดเดียว พอ
เม็ดลกู ประคําลงได้เห็นแต่ล้วงกไ็ ม่ได้ ลูกประคําอยู่ข้างล่าง ตดิ ฝ้ าทํายังไงดี

คืนนั นถ้าใครเห็นเขาก็คงว่าอาตมาท่าจะยังไงเสียแล้ว าอตมาก็จุดธูปจุดเทยี น เดินจงกรม นังสมาธิ
ๆ เสร็จเรียบร้อยดแี ล้ว ก็พูดว่า“พ่อหนูเอ๋ย พ่อหนู เมือคืนวานนีทีเราพูดกับเจ้าว่าหนูไม่มดี จี ะฆา่ ให้หมดเลย
นัน ขอโทษด้วยเหอะ จงอโหสิกรรมให้เราหน่อยนะ เราขอแผ่เมตตาให้เจ้า เดียวพรุ่งนีจะเอากล้วยให้กิน อย่า
มากัดหมอนกัดเสือกัดพรมเป็ นของสงฆ์เป็ นบาปเป็ นกรรมนะพ่อหนนู ะ ขอแผ่เมตตาเจ้า จงอโหสิกรรม
ให้แก่เราเถิด ทีเราพูดพลงั เผลอสตไิ ป”

เช้าขึ นมาเป็นยังไงโยม ลูกประคําได้คืนหมด หนูคาบมาให้ทนี อนเลย เลยอาตมาก็มามีหมอตํารวจ
คนหนึงทสี ิงหบ์ ุรีนีน่ะ มาอยู่กับอาตมาเป็นแรมปี แกก็มานั งนอนอยู่ข้างล่าง รับใช้ในวัดนี แกรอู้เรงื นี ดี
เพราะเคยหาลูกประคําด้วยกัน เอาไฟส่องไปตามรู ว่ามันไปอยู่ข้างล่าง พอเชา้ อาตมายังไมด่ไ้โยกย้าย
ลูกประคําวางหนูกัดบินไป๔-๕ ลูก บินไป มันไปขบ มันมีรูยังพอจะใช้ได้ กไ็ ปเรียกพระปลัดประสิทธิ มา
เรียกลูกศิษย์มา แล้วก็เรียกหมอเยือน ชโลปถมั ภ์ ทีเป็นสมาชิกสมาคมสิงห์บุรี เดียวนี แก่มากแล้ว เป็นหมอ
ตํารวจ ให้แกมาดู แกก็บอกว่า“แน้ มาได้ไง” ก็เอาไฟส่องดู กข็ ึ นมาหมดแล้วหนูเอามาคืน ด้วยการแผ่
เมตตาน่ะ โยมจําไว้ หนูเอามาคืน

ผลสุดท้ายอาตมากไ็ ปซือสายซอทอมารอ้ ยเรียบร้อย หมอเยือนอยู่กับอาตมาอีก๒-๓ เดอื น บอก
หลวงพ่อไมใ่ ห้อะไรผมไมว่ ่าอะไร ผมขอลูกประคําได้ไหม แล้วอธิบดสี มพรกอ็ ยากได้ คนโน้นก็อยากได้
คนนีก็อยากได้ จะให้ใครดี ก็พิจารณาคนใกล้ตัวกอ่ น ก็หมอเยือนมารบั ใชเ้ ราเป็นปี ๆ ก็ให้หมอเยือนไป นี
ลกู ประคําลูกนีนะ หมอเยือนยังไปรักษาอยู่จนบัดนี นอี ํานาจเมตตาลองดนู ะ ตั งแต่นั นมาหนูไม่เคยมากัด
หมอนมุ้งเลยจดบัดนี นีหนูก็เยอะ อาตมาก็ต้องให้กล้วยกนิ แผ่เมตตากับมัน เอ้าลองดูนะ แล้วจะไมม่ ากัด
ของเราเลย

๗๔

ยายผิงกบั แมว
มี ยายผงิ อยู่คนหนึง อยู่ทีกฏุ ิอาตมา เดียวนี ตายไปแล้ว อาตมาก็มีแมวมหี มาอย่างนีแหละ ตอนทีแก

อยู่เอาตาลปัตรตแี มว ยายคนนี น่ะก็ลูกเขาไม่เลียง อาตมาส่งลูกเรียนเป็นใหญ่เป็นโตแล้วนะ แล้วก็มลี ูกสะภใ้
ไล่แม่ออกมา เรากต็ ้องเลี ยงแม่เขาด้วยซี ลกู ไม่เอาไหน พอได้เมยี กล็ ืมแม่เลย แม่เลยต้องมาอยกู่ ับอาตมาอเา
เขม็ ขัดทองมาฝาก เอาสร้อยมาฝากอาตมาไว้ กม็ ารับใช้ทวี ัด พอแมวเข้ามาตีเลย ทั งตีทั งเตะ แล้วแมวกย็ ี ิงข
ใหญ่ เห็นไหม แมวนีแปลก ถ้าดา่ มันยิงขี มันขีเรปอะเลอะพรมหมด อาตมาวันนั นเห็นลงมาจากข้างบน ก็ลง
มานัง ๆ อยขู่ ้างล่าง แล้วแมวทําอยา่ งไร มันเกลียดยายผงิ ทีด่ามัน มันไปชวนเพอื นมาช่วยขี ให้ยายผิง็ดเชเหน็
ไหมแมวทีบ้านใครไม่รู้ มันชวนเป็ นแถวหมดแล้วมาถึงขีเอา ๆ แล้ววิงเลย อาตมาเหน็ กบั ตาแล้ว โอย เห็น
ไหมมันขีทีเดียวไมพ่ อนะ มันไปชวนเพือนชวนสมัครพรรคพวก มันมาช่วยขีทีกุฏิอาตมาแล้วให้ยายผิงเชด็
ยายผงิ ก็ดา่ ไปเชด็ ไป ด่าไป อะไรอย่างนีนะ เดียวอีกวันไปชวนเพอื นมาอีก ชวนเพือนยังไม่พอ ชวนหมามาขี
แหม แมวนีสําคัญ เอายังไงนเี รืองจริงทนี ีนะ ถามคนทีนีดู

อาตมากเ็ ปลียนใหมพ่ อไม่มีแขก เรียกยายผิงมานี ยายผิงแกแกแ่ ล้วบอกอาตมาขอบิณฑบาต “นีโยม
ไปด่าแมว มนั ยงิ ขเี ห็นไหม นีเห็นไหม แล้วก็พาเพือนมาขเี ห็นไหม นีเห็นไหม” “เห็นเจ้าค่ะ” “และฉัน
จะทาํ ยังไงเจ้าคะ ก็แผ่เมตตาไม่ออก อยากจะกระทบื เสียเลย อยากจะกระทืบแมว” “แหมหลวงพ่อ เอาอย่าง
งีเหอะ หาตะคอกให้ฉันสักลูกเถอะ จะจบั ไปปล่อยแถวพรหมบุรี” บอก “อย่า บ้านแตกสาแหรกขาดอย่าไป
ปล่อย วิธีของเราอย่างนี โยมนังกรรมฐานเสียซี” บางทีมาอยู่กับอาตมาเป็นปี ๆ ไม่เคยนั งกรรมฐานเลย ใกล้
เกลือกินดา่ ง ทวี ่าไวส้ ัปเหร่ออยู่ใกล้ผชี ีอยู่ใกล้พระไม่ต้องไหว้ ไม่ต้องเชือฟัง อันนีเรืองจริงนะสัปเหร่ออยู่
ใกล้ผี ชีอยู่ใกล้พระใช่ไหมล่ะลองไปพิจารณากันเอง

ยายผิงไม่เคยนังกรรมฐาน มีใครมา เอ้าโยม คุณน้าคณุ ลุงคุณป้ านั งกรรมฐาน หลวงพ่อคนเขาถามว่า
แกเอาบ้างหรือเปล่า ข้าเปล่าเลย นกึ ดซู ิ ไม่เอาไหนเลย ในทสี ุดอาตมากบ็ อกให้โยมทําอยา่ งนี ได้ไหม บอกว่า
แม่แมวเอ๋ย อย่าขีเลยนะ เรากวาดลําบากไปขีทอี นื เถิด ต่อไปนีฉันจะไม่ด่าแก ฉันจะไม่ตีแก ให้สัญญากับแก
ไปขที ีอนื นะ พดู ให้เพราะ ๆ ยายผงิ พูดกับแมวจ๊ะจ๋าหน่อยซี แมวมันก็มชี ีวิตชีวา แมวตามบ้านทีมาปล่อยวัด
เพราะอะไร ขีรดหัวเตา ก็เจ้าของบ้านไม่มรี าศี ไม่มสี กุลรุนชาติ แมวจึงขีรดหัวเตา เอ้าลองดูซิ พอขี รดหัวเตา
แล้วทําไง เอามาปล่อยวัดแล้วทีหมามันไมข่ ี ตามถนนหนทางนีน่ะเพราะมันมรี ะเบียบมันชวนกันขีทที ่า
โน้น ไม่เหมอื นวัดสุทัศน์ นกกระจาบขีตามถนนเตม็ ไปหมด นีมีขีตามถนไหม ไม่มีหรอก มันขีทีท่า ถาม
มันดูซิ ลองไปตไี ปเตะ ไม่ชา้ ก็ขีตามถนนหรอก ทีขีตามนีไม่ใช่หมาทวี ัด มคี นมาปล่อยไ๒ว้ วันนี ยังไม่ได้
หัดมัน

ในทสี ุดยายผงิ กพ็ ดู เพราะ ๆ แม่แมวต้องพูดอย่างนี อย่าไปตีมัน เตะมัน เสียสกุลรุนชาติ เอาตีนเตะ
แมวเตะหมานีนะ แมวหมาเสียแมวเสียหมากลับมาขีรดเป็นกาลกิณีประจําบ้าน บางบ้านมันออกลูกกรอกให้
เลย แมแ่ มวจ๋ามาทานเสียตรงนี แมวบางตัวมันขีในส้วม อาตมาเห็นบางตัวมันเข้าไปในส้วมเลย เอ๊ะ แมวมัน
เข้าไปทําไมหว่า อ้อ ไปถ่ายลงบ่อนะพอดีเลย ลงโถพอดีเลย บางคนเห็นแมวไปตไี ปเตะ เสียสกุลรุนชาติ

๗๕

ไมใ่ ช่เสียแมว เสียทีคน คนไม่มีสกุลรุนชาติ แมวกข็ ี ใหเ้ ช็ดเสียดนู ะ อันนีเรืองจริงนะ เลยพูดกับมันๆดี แมว
ก็ไปบอกกับเพือนมัน นีต่อนี ไปยายผิงเขาดนี ะ ไม่ต้องมาขีทนี ี เอ๊ะ มันมีบอกกันได้ใช่ไหม แล้วตั ง่นแตั นมา
แมวไม่เคยมาขีทกี ฏุ ิอาตมาเลย ยายผงิ บอกโอยหลวงพ่อ ตังแต่นันมาไม่ต้องเช็ดขีแมวเลย แหมมตี ัวเดียว
อุตส่าห์ทาํ เรา ไปบอกเพือนมาขีได้ เห็นไหม ลองดซู ี ตอนอาตมาเป็นเด็กเคยไปเทยี วตามบ้าน บ้านโยมเขามี
ลกู สาวสวย อยากจะไปชอบลูกสาวเขา อาตมาก็ไป ไปเห็นหมาเยอะ เออ หมาบ้านพ่อตานีเยอะจัง ขว้างมัน
เลย วันหลังเราไปเห่าเราคนเดยี ว มันจําแม่น สิบปีมันยังจําได้ จะบอกเทคนิคโยมทีจะไปบ้านลูกสาวใคร
สมมติว่า ตดิ พันลูกสาวบ้านใครเอาลกู ชินไป ห่อไปให้ได้ หมามันชอบลูกชิน โอยมันจําหน้าไว้เลย วันหลัง
ไปมันเชิญ ๆ เอาลูกชินมาหรือเปล่า เลียแข้งเลียขาลกู ชินมาหรือเปล่า อั นแน่ ลูกนชไิ มไ่ ด้เอามา วันหน้ามา
ต้องกัด เอ้าลองดูซี ถ้าไมเ่ ชือตามใจนะ ถ้าไปขว้างหมา ไม่ต้องคนหรอก แค่หมามันกเ็ กลียด หมากเ็ กลียด เรา
ไปขว้างมัน ไปไล่มัน ไปด่ามัน พูดวาจาสามหาว ไมม่ ีสจั จะวาจา พูดจาไมด่ ี แมวก็เกลียดหมากเ็ กลียด ยัง
อตุ ส่าหม์ าช่วยขีนะ ว่าจะเย็บหมอนไปถวายวัดโน้นวัดนี แกกเ็ ย็บ ปากก็รับแขก แกก็หน้าสาํ คัญเหมือนกัน
แกดหู น้าคนแต่งตัวสวย ๆ ยายผิงชงกาแฟทําอะไรให้กิน แต่งตัวปอน ๆ มายายผิงหันก้นให้ทําไมร่ ู้ไมช่ ี นีซี
แมวถงึ ขีรด รับแขก ยังเอาสวย ๆ นะ คนไม่สวยไม่รบั นะ นีเรืองจริงทวี ัดนีเอง เดียวนี แกตายไปแล้ลว่าเได้
เตม็ ที แกอยู่เลา่ ไม่ได้เดยี วแกไม่ต้มนํ าร้อน เอ้าเรืองจริงนะลองเอาไปใช้ดูได้

สรุปแล้ว ไม่มีอะไรดีเท่าแผ่เมตตา ได้จากการเจริญวิปัสสนากัมมฏั ฐานเท่านัน ถึงจะตัดใจได้ และ
เสียสละได้ด้วยเมตตาของตน แก่บุคคลอนื ได้ โดยเฉพาะแก่สัตวเ์ ดรัจฉาน เราจะเห็นพระธุดงค์ไปปักกลดไก่
ป่ามันเชือง เขาเรียกว่า สมเด็จพระสงั ฆราชไก่เชือง ไงล่ะ ก็เพราะเมตตาไมใ่ ช่หรือ ไม่ได้ไปฆา่ มัน นีแมวน่ะ
เราไปเตะมันเข้าไม่มีสกุลรุนชาติ มันเป็นกาลกิณีของเจ้าของทีมจี ิตใจเลวร้าย ไม่มมี ารยาทเลย ก็ทําให้แมว
ไม่มีมารยาทไปด้วย แมวทขี ีรดบ้านเลอะเทอะเปรอะเปื อนนั น เจ้าของไม่ดีนะ ถ้าเจ้าของมีราศี มันก็จะออก
ลกู กรอกให้ อย่างทีจังหวัดสิงหบ์ ุรี นเี ขารํ าลือกันว่าแมวทวี ัดนีออกลูกกรอกมตี าเพชร เพชรตาแมวกข็ ปอไ
เลียงอยา่ งดีเลย แล้วออกลกู กรอกให้บ้านอนื เลย บ้านนี ไม่ออกให้ บ้านนี ไม่มีราศี เลยหนักเข้าขเจอ้ งเคือง
เรืองนีเลยใส่ชะลอมลูกทั งคอก แล้วกห็ ่อซะดี ฝากเรือเมล์มาขึ นหน้าวัด แล้วเรือมาตอนบ่า๒ย โมงนี ก็จะ
ฝากผักหญ้าปลามันมาให้พระสงฆ์องค์เจ้าในวัด ก็ต้องไปรบั ก็ไปเอาชะลอมนั นมา ก็นึกว่าคงจะเป็นผัก พอ
มาก็ดูเป็นแมวตั ง๑๔ ตัว บ้านทเี อาแมวเราไป แล้ววนั หลังกจ็ ดหมายมาว่า หลวงพ่ออย่าโกรธเคืองเลย ก็ฉัน
เอาไปกลับออกลูกกรอกให้บ้านอืนเขารํ ารวยกัน ฉนั เลยกต็ ้องรวบรวมมาคนื ก็ราศีตัวไม่ดี แล้วดา่ แมวทุกวัน
มันก็ออกลูกกรอกให้นะ มันท้องจริง แตม่ ันออกให้ร้านโน้นรํ ารวยจนบัดนี ดูซี เลียงไว้แท้ ๆ มันไปใหค้ น
อืนรวย ก็บา้ นนี รวยได้อย่างไร ไมม่ ีกุศลเลย ไมม่ ีเมตตาเลย มันก็ไปให้บ้านอนื เขา จะเอาอย่างไรกันแน่ บ้าน
อืนเขาจะรวยกันแล้วบ้านนี ไมม่ ีสิริขวัญมงคลอยู่ในบ้านของตนเลย วาจากไ็ มด่ ี พูดจาพาทีกแ็ ยม่ าก ไม่มี
ธรรมะเลยแม้แต่น้อย ตี๔ ลุกขึนมาสวดมนต์แล้วทบี ้านนี นะ ต๔ี ลุกขนึ มาสวดมนต์เลยด่าลูกด่าหลานทีตี
๔ ไม่ใช่โยโสภควานะ อาห่ามาอาเหียมา เอ๊ะ ตั งแตต่ ๔ี เลย แล้วแมวมันจะออกลกู กรอกได้ไง ก็ออกให้ร้าน
โน้นเลย ร้านโน้นกส็ วดมนต์ทุกวันไม่ต้องเลียงแมวก็ยังได้บุญ เห็นไหมแล้วบ้านนั นมีรถตั งหลายคัน ร้านก็
เลยรุ่งเรืองขึ นมา อุตส่าหไ์ ปเอามาจากวัดดันไปออกลูกให้บ้านอืนเขา กระทั งแมวกไ็ มอ่ ยากมาหาหมากไ็ มม่ า

๗๖

สู่จนสะบัด ยังไงลองไปคิดดเู อาเองคนไหนมีเมตตา นกก็มา หมากม็ า แมวก็มา คนก็มาดูซี อย่างนี มีเหตุผล
ทีน่าฟัง

๗๗

สติปัฏฐาน ๔ ปิ ดอบายภูมิได้
พระภาวนาวสิ ุทธิคุณ

ญาตโิ ยมเอ๋ย โปรดได้ทราบไว้เถอะ บุญกรรมมีจริง บาปกรรมมี ยมบาลจดไม่มี จิตนีเป็นผู้จด จดทกุ
วันคือ อารมณ์ เรืองจริงแน่ จดทกุ กระเบียดนิว บาปบญุ คุณโทษบันทึกเข้าไว้ พอวิญญาณออกจากร่างไป มัน
กข็ ยายออกมาใช้กรรมไป ถ้าเราทําดีกไ็ ปบังเกิดในสวรรค์ ทําชั วก็ลงนรไกปแบบนี

อาตมามาคิดดูนะว่าสวรรค์อยบู่ นฟ้ า นรกอยู่ใต้ดินก็คงไมใ่ ช่ ดูตัวอย่างทีเคยเล่าให้ญาติโยมฟัง
ตาเล่งฮ่วย ผูกคอตาย วิญญาณไปเข้ายายเภา ยายเภาเป็นคนไทยแท้ ๆ เกิดพดู ภาษาจีนได้ ตอนนั น
อาตมาอยวู่ ัดพรหมบรุ ี
อาตมาเป็นหมอไล่ผีแตไ่ มม่ ีคาถา ถ้าเป็นหมอผไี ม่ต้องใช้คาถา ทําปากขมุบขมบิ เทนํ ามนต์ราด
ส่งไป ผีจริงก็ร้อง ผีปลอมก็ร้อง พวกนี โดนนํ าไม่ได้ร้องหมด อาตมาจับผีได้หมดแล้ว จริงปลอมรู้หมด
คนทเี ป็นลมเพลมพัดไม่ต้องเสกคาถาหรอก เอานํ าพ่นไปยังร้องเลย ร้องหวีดหวาด ๆ คนสติไม่ดี
ไมใ่ ช่อะไรหรอก คนไม่มีสติเขาสวดภาณยักษ์กัน คนไม่มีสติดินกันจะตาย คนมีสติเขาเฉย นีจําไว้ มสี ตินีมี
ประโยชน์ คนไมม่ ีสติผีเข้าเจ้าสิง
มคี นมาตามอาตมาไป พอไปถงึ ยายเภาพูดภาษาจนี เลยต้องให้เรือไปตาม ตาแป๊ ะเลียงเกียก ไว้
ผมเปีย เป็ นลุงเขยอาตมาให้มาเป็นลา่ ม
เขาบอกไมต่ ้องไล่เขา เขาอยู่กับฮ่วยเซียเถ้า อยู่ตรงใกล้วัดพรหมบรุ ีนีเอง
อาตมาถามว่า “ฮ่วยเซียเถ้า” คอื ใคร ทําไมถึงไปอยู่กับฮ่วยเซียเถ้า เขาบอกว่า
“ชอื หลวงตามด เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางพรหมนคร อยู่เหนือตลาดปากบางนีเอง อย่ดู ้วยกัน๒
คน ขุดดนิ ถมถนนทกุ วัน ถ้าไม่ขดุ ดินเขาเฆียนตี และฮว่ ยซเ ียเถ้ากข็ ุดดนิ ด้วย”
อาตมาได้ถามคนเฒ่าคนแก่ชือ บัวเฮง อยู่ตลาดปากบางบอกวา่ ฮ่วยเซียเถ้ามีจริง ชือ สมภารมด อยู่
วัดกลาง เป็นสมภารวัด จะสร้างถาวรวัตถุของวัด แต่เงนิ ทองถูกมัคทายกโกงไปหมด ไม่รู้จะทําอย่างไร
เสียใจเลยผูกคอตาย
นีเห็นไหมสมภารผูกคอตาย ไม่ไดเ้ คยเจริญกรรมฐานเลย ตายมาตั งห้าหกสิบปีแล้ว เดียวนี ยังอยู่
ตาเล่งฮ่วยเล่าว่า อยู่กับฮ่วยเซียเถ้า ชอื มด กต็ รงกัน อาตมาถามว่า“อยตู่ รงไหนล่ะ ทานข้าวทีไหน
ลือมาทําไมละ่ ”
“อั วมาบอกให้ลือไปบอกหลานสาวอั วนะ ทําบุญไปให้อั วไม่ได้นะ อย่าทําเ”ลย
“แล้วกินทไี หนละ่ ”
“อั วกับฮ่วยเซียเถ้าไปกินตามกองขยะ ทีเขาเอาเศษอาหารมาทิงกินกับหนอน”
“เอ้า! ทีดี ๆ ทําไมไมก่ ินละ่ ”
“ไม่มใี ครให้กิน มอี กี พวกหนึงขุดถนนเหมอื นกัน แต่เขามีข้าวกิน พวกอั วไม่มขี ้าวกิน ต้องไปกินที
มันเหลือ ๆ จึงจะกินได้ ไปบอกหลานสาวอั วชือเจีย นะ บอกว่าไม่ต้องทําบุญไป อั วไม่ได“้ ถ้าลืออยาก
ทําบุญให้อัวนะ ฮ่วยเซียเถ้ามดบอกกับอัว บอกให้ลูกหลานเจริญวิปัสสนานะ และอัวจะได”้

๗๘

อาตมาก็มาบอกเจ๊เจียว่า ตาเล่งฮ่วยบอกให้เจริญกรรมฐาน แตก่ ลับถูกว่า บ้าบอคอแตกเสียอีก
ตาเล่งฮ่วยบอกว่า ทีอั วผกู คอตายนไี มใ่ ช่อะไร อาเจยี ไมใ่ ห้เงินอั วกินยาฝิ น อั วกินวันละ๕ บาท ตัก
นํ าให้ทําขนมขาย ไมต่ ักให้ก็ไมใ่ ห้อั วกินยาฝิ น อั วกเ็ สียใจผกู คอตาย ตายไปแล้วกไ็ ม่มีใครให้กิน ฮ่วย
เซียเถ้าบอกให้ลกู หลานเจริญวิปัสสนาจงึ จะได้
อาตมาถามว่า “ฮ่วยเซียเถา้ บวชเป็ นสมภารเจ้าวัด ทําไมไม่เจริญกรรมฐาน มาผูกคอตาย”
เขาบอกว่า “ไม่ได้ทํา ๆ” อาตมาจดและจดจําไว้จนบัดนี
อาตมาถามว่า “ลืออยู่วัดไหนล่ะ”
“อัวอยู่ตรงนีเอง อัวเห็นลือทุกวัน ลือเดนิ ไปอัวกท็ กั ลือว่า อีไปไหนนะ แต่ลือไม่พูดกับอัว”
อาตมาถามว่า “ขุดถนนทีไหน” กช็ ี ไปตรงนั น แต่ไม่เห็นมีถนน ก็ได้ความว่าเราเดนิ ไปตลาดบ้าน
เหนือบ้านใต้ เขาเห็นเราหมดเขาทัก แต่เราไม่รู้เรือง อาตมาถามต่อไปว่า
“ลือมคี วามเป็นอยู่อยา่ งไร” เขาบอกว่า
“ถ้าถึงวันโกนวันพระเขาให้หยดุ งาน ทมี านีเป็นวันโกน หยุดงานแล้ว เดยี วอั วต้องรีบกลับ เดขยี วาเ
จับได้ เขาตีอั ว หนีมาบอกหน่อยเท่านั นเอ”ง
และยายเภานั น พอถึงวันโกนสารทก็พายเรือมาจอดทีตลาดปากบาง มีนํ าไหลเข้าทุ่ง ตอนนั น
ชลประทานไมม่ ี ไปจอดเรือตรงทีเขาผูกคอตาย มาซือของจะไปกวนกระยาสารท ตาเล่งฮ่วยบอกเขาให้หยดุ
งาน อัวเลยกระโดดขึ นเรือมาเลยมาเข้ายายเภา ซึงนุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสือเตียว
พอผีออกแล้ว อาตมาบอก “ยายเภาโอ๊ย เจียะปึ ง ฮ้อนะ” ยายเภายังไมร่ ู้เจียะปึ งเลย พูดจีนไมไ่ ด้ อยู่
บางสําโรง เขตสวี อําเภอทา่ กุ้ง จังหวัดลพบุรี
อาตมาอยากรู้ว่า ผีมจี ริงไหม ก็เป็นหมอผเี สียเอง นีเล่าให้ญาติโยมฟัง
สรุปได้ความว่า การทฆี ่าตวั ตาย ผูกคอตาย ญาติพนี ้องทําบุญให้ไม่ได้ผลแน่ ต้องเจริญวิปัสสนา
กรรมฐานแผ่ส่วนกุศลจงึ จะได้รับผล เพราะผีมาบอกอย่างนี โยมจะเชือหรือไมเ่ ชือไมเ่ ป็ นไรนะ ก็นึกว่าโยม
ทําวิปัสสนากรรมฐานไปก็จะได้รับผลว่าบุญบาปมีจริง นรกสวรรคม์ ีจริง หรือไม่ประการใด
เหมือนคนเรือนจําในวันนี ไปกระตุกสายสร้อยเขาและเอาเท้าถีบ เพราะสร้อยเส้นใหญ่ เขาลมื ไป
แล้ว พอนังวิปัสสนาเข้าก็ปวดคอ คอเขียว ปวดขา กําหนด“ปวดหนอ ๆ” กน็ ึกถึงกรรมทีตนทําไว้ ทีได้ไป
กระตุกสร้อยเขา พอนกึ ได้ปั บ ขออโหสิกรรมทันที ต่อไปนี ขา้ พเจ้าจะไมท่ ําอีกแล้ว ปรากฏว่าหายปวดทันที
นีแสดงว่าเห็นกฎแห่งกรรมด้วยเวทนา
ขอฝากญาติโยมไว้ด้วย มีพยานหลักฐาน เดียวนีออกจากเรือนจําไปแล้ว เป็นไทแล้ว ทําตามตัวอย่าง
ทีอาตมาพูดตรงกับใจเขา บอกว่า
“หลวงพ่อ ทพี ดู นีมันซึ งใจผมคิดไว้แล้ว ออกไปนี ต้องเอาธูปเทียนแพไปอโหกสริ รมทีได้ไปทําเขา
ไว้ แล้วจะไปบชู าพ่อแม่ หาลูกหาภรรยาดําเนินงานกันต่อไป”

๗๙

วันนี อาตมากข็ ออนุโมทนาสาธุการส่วนกุศล ท่านทั งหลายมาบําเพ็ญกุศล เจริญวิปัสสนากรรมฐาน
ให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิงด้วยการเจริญสติปัฏฐานสี เจริญกาย เวทนา จิต ธรรม ตั งพิจารณาโดยปัญญา
ตลอดกระทั ง ยืน เดิน นั ง นอน จะคู้เหยียด ๆ ขาทุกประการ ก็มีสติครบ

รับรองได้เลยว่า ถ้าโยมทาํ ถึงขนั ปิ ดประตูอบายได้เลย นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรจั ฉาน โยมจะไม่
ไปภูมินั นอย่างแน่ นอน

เพราะเหตุใด เพราะอํานาจกเิ ลสทังหลาย โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึน โยมกก็ ําหนดได้ไม่มีโลภะ
ขณะมโี ลภะ กก็ ําหนด โลภะหายไป

จิตวิญญาณตายขณะมีโลภะตายไปเป็ นเปรต กําลังมีโทสะตายไปขณะนันลงนรก มีโมหะรวบรวม
อยู่ในจิตใจไว้มากต้องไปเกิดเป็ นสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน

ถ้ามีสติปัฏฐานสี มีสติสัมปชัญญะดี อบายภูมกิ ็ไม่ต้องไป ปิ ด นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
ทางอายตนะธาตุ อินทรีย์ ดังทีกล่าวมาแล้วนีทุกประการ

ขอกุศลทีญาติโยมได้บําเพ็ญไปแล้ว๒-๓ วาระทีผา่ นมา จงเป็ นพลวปัจจัย ดลบันดาลย้อนกลับเป็ น
บญุ กุศลใหแ้ ก่ญาตโิ ยมทั งหลาย ประสบความสุขสนั ต์นิรันดรทุกท่าน และจงพยายามก้าวหนา้ ผ่านเกาะแก่ง
ทรุ กันดาร ผา่ นอุปสรรคถึงฝั งฟากคือ พระนิพพาน โดยทั วหน้ากัน ณ โอกาสบัดนีเทญอ.

๘๐

ภาคธรรมปฏิบัติ

๘๑

สติปัฏฐาน - ภาคปฏบิ ัติ
พระภาวนาวิสุทธิคุณ ๔ พ.ค. ๓๒

การบําเพญ็ จิตภาวนาตามแนวทางสติปัฏฐานสี ของพระพุทธเจ้าของเรานี วิธีปฏิบัตบิเ ืองต้นต้องยึด
แนวหล ั กสติเป็ นตัวสําคัญ

สติปัฏฐานสี มีอยู่ ๔ ข้อ สาํ หรับผู้ปฏิบัตธิ รรมใหม่ จงทอ่ งความหมายนี ไว้ก่อน
ข้อที๑ กายานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน แปลตามศัพท์ว่าพิจารณากายในกาย นีสักแต่ว่ากาย ไม่มีตัวตน
บคุ คลเราเขา แต่โดยวิธีปฏิบัติแล้ว ให้เอาสติ เอาจิตเพ่งดกู าย ยืน เดิน นั ง นอน เหลียวซ้าย แลขวา จะคู้แขน
เหยียดขาต้องตดิ ตามดู คือใช้สตนิ เี อง ดูร่างกายสงั ขารของเรา อันนี เรารู้ไว้เป็นเบืองต้นก่อนสาํ หรับอขห้ นึง
ข้อที๒ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนาเป็นสภาพทที นอยู่ไมไ่ ด้ บัญชาการไม่ได้ ต้องเป็นตาม
สภาพนี และเป็นไปตามธรรมชาติเหล่านี เวทนามอี ยู่ ๓ ประการด้วยกัน ได้แกส่ ุขเวทนา ทุกขเวทนา และ
อุเบกขาเวทนา
ทั งสามประการนี จุดมงุ่ หมายกต็ ้องการจะใหส้ติไปพิจารณาเวทนานัน ๆเช่น ฝ่ ายสุขก็มีทั งสุขกาย
สุขใจ อันนี เรียกว่า สุขเวทนา แล้วก็ทุกข์กายทุกข์ใจ หรือจะวา่ ทกุข์ทางด้านกายและใจก็ได้ เรียกว่า
ทุกขเวทนา อเุ บกขาเวทนา กค็ ือไม่สุขไม่ทุกข์ จติ ใจมักจะเลือนลอยหาทีเกาะไมไ่ ด้ เรียกว่า อุเบกขาเวทนา
วิธีปฏบิ ัติต้องใช้สติกําหนด คือตั งสติระลกึ ไว้ ดใี จก็ให้กําหนด กําหนดอย่างไรหรือ กําหนดทีลินปี
หายใจยาว ๆ จากจมูกถึงสะดือให้ได้ หายใจขึ นลงยาว ๆ กําหนดว่า ดใี จหนอ ดีใจหนอ
ทําไมต้องปฏิบัติ เช่นนีเลา่ เพราะความดใี จและสุขกายสุขใจนั น เดียวกท็ ุกข์อีก สุขเจือปนด้วยความ
ทกุ ข์อยา่ งนีเพือความไม่ประมาทในชีวิตของเรา จะต้องรู้ล่วงหนา้ รู้ปัจจบุ ันด้วยการกําหนด จึงต้องกําหดนที
ลินปี
บางคนบอก กําหนดทหี ัวใจ ถูกทีไหน หัวใจอยทู่ ีไหนประการใด อันนีผู้ปฏิบัติยังไม่ต้องรับรู้
วิชาการ ทิงให้หมด ปฏิบัตติ รงนี ให้ได้
ลินปี เป็ นขัวแบตเตอรีชาร์ทไฟฟ้ าเข้าหม้อทุกคนไปแปรธาตกุ ารปฏิบัตินี ไมใ่ ชก่ ารวิจัย ไมใ่ ช่
ประเมินผล แต่เป็ นการให้ผุดขึ นมาเองโดยปกติธรรมดานแี หละ ให้มันใสสะอาด รู้จริงรู้จัง รู้ปัจจัตตัง
เวทิตัพโพ วิญ หู ิให้รู้ขึนมาเอง
คําว่ารู้เองนี ทํายาก รู้วิชาการทําง่าย อ่านหนังสือท่องได้ก็ได้ แต่รู้เองให้ใสสะอาดขึนมารู้ยาก ทมําไ
จะรู้ได้ง่ายต้องปฏิบัตขิ ึนมา ดีใจ เสียใจ มคี วามสุขกายสุขใจ อย่าประมาทเลนิ เล่อนักเราต้องตังสตทิ ุก
อริ ิยาบถตามกาํ หนด
การกําหนดจิตนี หมายความว่า ให้ตั งสติ เป็นวิธีปฏิบัติ สมั ปชัญญะมีความรู้ตัวอยู่ตลอดปัจจุบัน
อย่างนีเป็นต้น อดีตไม่เอา อนาคตไม่เอา ให้เอาปัจจุบันทีมันเกิดขึ น ให้ปฏบิ ัตอิ ยา่ งนี โดยข้อปฏิบง่าัตยิ ๆ
ถ้าเสียใจ มีความทุกข์ใจ มันอยใู่ นข้อนี จึงต้องกําหนดทีลินปี เสียใจหนอ ๆ หายใจลึก ๆ ยาว ๆ
เสียใจเรืองอะไร เป็นการป้ อนข้อมลู ไว้ให้ถูกต้อง

๘๒

สตินีระลึกได้ หมายถึงตัวแจงงาน หาเหตุทมี าของทุกข์ ตัวสมั ปชัญญะเป็นตัวบอกใหร้ ู้ ให้มคี วาม
เข้าใจเรียกว่า ปัญญารู้เท่าทันเหตุการณ์ทีเกิดขึ นปัจจุบันนั นเอง คนเรานีจึงต้องกําหนดทีเวทนานี

ปวดเมือยเป็ นเวทนาทางกาย แต่จิตไปเกาะ อุปาทานยึดมัน ก็ปวดใจไปด้วยเชน่ เราเสียใจ ร่างกาย
ไม่ดี สุขภาพไม่ดี เป็นโรคภัยไข้เจ็บ จิตมันก็เกาะทีเจ็บนั น จึงต้องให้กําหนดด้วยความไมร่ปะมาท เป็นวิธีฝึก
ปฏิบัติกก็ ําหนดเวทนานั น

ปวดหัวเข่าทีไหนกต็ ามต้องตามกําหนด กําหนดเป็นตัวปฏบิ ัตเิ ป็นตัวระลึก เอาจิตไปสู่จุดนั น เป็น
อปุ าทานยึดมันกอ่ น เพราะเราจะก้าวขึ นบันไดก็ต้องเกาะยึด เราจะก้าวตอ่ ไปก็ต้องปลอ่ ย นอี ุปาทาน ถ้าใหม่
ๆ นีเรียกว่า สมถะ สมถะยึดก่อนแล้วปล่อยไปกเ็ ป็นวิปัสสนา เป็นต้น เราจะทราบความจริงถึงจะเป็น
วิปัสสนาขึ นมาต่อภายหลัง

เพราะฉะนั น ผู้ปฏิบัติต้องเข้าใจอยา่ งนี ต้องกําหนด ส่วนใหญ่ไมก่ ําหนดกัน จงึ ไม่รู้เรืองรู้ราวอย่างี น
เป็นต้น มีความสุขทางไหนก็ตาม เดียวจะทกุ ข์อีก นีมันแก้ไมไ่ ดพ้เ ราะอย่างนี

เกิดทีไหนต้องแก้ทีนัน ไม่ใช่ไปแก้กันทีอืน หาเหตุทมี าของมัน คือ สติสติเป็นตัวกําหนด เป็นตัวหา
เหตุ เป็ นตัวแจงเบีย บอกให้รู้ถึงเหตุผล ตัวสมั ปชัญญะรู้ทัวรู้นอก รู้ใน นันแหละคอื ตัวปหัญา ความรู้มัน
เกิดขึ น

ตวั สมาธิ หมายความว่า จับจุดนนั ให้ได้ เชน่ เวทนา ปวดเมือย เป็นอุปสรรคตอ่ การปฏิบัติมาก จึง
ต้องใหก้ ําหนดไม่ใช่ว่ากําหนดแล้วมันจะหายปวดก็หามิได้ ต้องการจะใช้สติไปควบคุมดูจติ ทมี นั ปวด

เพราะปวดนเี ราคอยยึดมัน จิตกไ็ ปปวดด้วย เลยก็กลับกลายให้เกิดทุกขใ์ จขึ นมา เพราะอุปาทานไป
ยึดขึนมาอยา่ งนเีป็นต้นจุดมุ่งหมายกต็ ้องการให้เอาสติไปดู ไปควบคุมจิตว่ามันปวดมากแค่ไหนประการใด

อุเบกขาเวทนา ไม่สุขไม่ทุกข์ ใจกล็ อยหาทีเกาะไม่ได้ ใจลอยเหม่อมองไปแล้ว เหน็ คนเป็นสองคน
ไป จึงต้องกําหนดอุเบกขาเวทนา กําหนดทีไหน กําหนดทีลิ นปี หายใจยาว ๆ ลึก ๆ สบาย ๆ แล้วก็
ตงั สติระลึกก่อน กําหนดรู้หนอ ๆๆๆ

ถ้าเราสร้างคอมพวิ เตอร์ขึ นมาได้ครบ ป้ อนข้อมูลเข้าไป รู้หนอ ๆ เดียวสติรวมยดึ มันในจิต จติ ก็
แจ่มใส ความทกุ ข์นั นก็จะหายไป

อุเบกขาเวทนา ไม่สุขไม่ทุกข์ ส่วนใหญ่จะประมาทพลาดพลังจึงต้องกําหนดทกุ อริ ิยาบถดังทีกล่าว
นี

ข้อที๓ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ต้องทอ่ งให้ได้ ทําไมเรียก จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ฐานของจติ
ต้องยึดในฐานทัพนี จิตเป็นธรรมชาตทิ ีคดิ อา่ นอารมณ์ รบั รู้อารมณ์ไว้ได้เหมือนเทปบันทึกเสียง จิตเกดิ ที
ไหน ผู้พัฒนาจิตต้องรู้ทีเกิดของจิตอกี ด้วย

จติ เกิดทางอายตนะ ธาตุอินทรีย์นเี อง จะพดู เป็นภาษาไทยใหช้ ัด ตาเห็นรูปเกิดจติ ทตี า หูได้ยินเสียง
เกิดจิตทีหู จมูกได้กลินเกิดจติ ทีจมูก ลินรับรสเกิดจติ ทีลิน กายสัมผัสร้อนหรือหนาว ออ่ นหรือแข็งทนีั งลง
ไป เกิดจติ ทางกาย เรียกว่า จติ ตานปุ ัสสนาสตปิ ัฏฐาน

๘๓

วิธีปฏิบัตทิ ําอย่างไร ให้ทําอย่านงี ทีมาของจิตรู้แล้วเกิดทางตา ตาเห็น เหน็ อะไรก็ตั งสตไิ ว้ จับจุดไว้
ทีหน้าผาก อุณาโลมา..... กดปุ ่ มให้ถูก เหมือนเรากดเครืองคิดเลข บวกลบคูณหารมีครบ กดปุ ่ มให้ถกู แล้ว
ผลลัพธ์จะตีออกมาอย่างนี

เหน็ หนอ ๆ เห็นอะไร เหน็ รูป รูปอย่ทู ไี หน สภาวะรูปนั นเป็นอย่างไรสภาพผันแปรกลับกลอก
หลอกลวงได้ เยืองย้ายได้ทุกประการ เรียกว่า รูป เป็นเรืองสมมติ และเป็นเรืองทําลายได้ เกิดขึ น ตั งอยู่
แปรปรวนดับไป คือรูป ต้องกําหนดนักปฏิบัตอิ ยา่ ทิงข้อนี ไม่ได้

ในจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นธรรมชาติของจติ เกิดทีตา เกิดแล้วกําหนด ไม่ใช่ว่าเราแส่ไปหา
กําหนดข้างนอก ตาเห็นอะไรก็กําหนดว่า เห็นหนอ ทําไมต้องกําหนดด้วย เพราะจิตมันเกิด ตาสมั ผัสกับรูป
เกิดจติ ในเมือเกิดขึ นแล้ว เหน็ ของเหล่านั น เรายังไม่มีปัญญา

เราชอบไหม ชอบเป็นโลภะ ไม่ชอบเป็นโทสะ เราไมใ่ ช้สติเลยกลายเป็นคนโมหะ รู้ไมจ่ ริงรู้แคต่ า
เนือ ไมร่ ู้ตาใน ดูด้วยปัญญาไมไ่ ด้ เลยดูด้วยโมหะ คนเราจงึ ได้เลอะเทอะเปรอะเปื อนไปดังทีกล่าวแล้ว ต้อง
ใช้สติ

นีข้อจติ ตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นธรรมชาตขิ องจิตต้องพัฒนาตรงนี ต้องกําหนดทุกอาการ ทกุ
อิริยาบถ หูได้ยินเสียง หูกับเสียงอย่างไร ไกลแคไ่ หนอย่างไร ไมต่ อ้ งไปประเมินผล ไมต่ ้องวิจัย ห้าม! ห้าม
เพราะเหตใุ ด

เพราะมันเป็นวิปัสสนึกไป นึกขึ นมาก็วิจัยตามวิชาการ มันจะไมไ่ ด้ผล เรากต็ ั งสติไว้ทีหู ฟังเสียง
หนอ เราฟังเฉย ๆ ไม่ได้หรือ ทําไมต้องกําหนดด้วย?

ถ้าเราไมก่ ําหนด เราจะขาดสติ ถ้ากําหนดก็เป็นตัวฝึกสติ ให้มีสติอยู่หทูี จะได้รู้ว่าเสียงอะไร เสียง
หนอ ๆ กําหนดเสียงเฉย ๆ ได้ไหม ได!้ แต่ไม่ดี เพราะเหตุใด

หนอ ตัวนีเป็นการรั งจิตให้มสี ติดี มคี วามหมายอย่างนั น คําว่าหนอนี เป็นภาษาไทย หนอดมี าก เรา
จะบอกว่าเสียงหนอ มันรั งจิตได้ดีมาก มีสติดีในการฟัง ระลึกหนอว่าเสียงเขาด่าสเียงเขาว่า หรือเสียงเขา
สรรเสริญเยนิ ยอ ประการใด

สัมปชัญญะ ตัวรู้ว่าเสียงนี ของนาย ก. เสียงนี ของ นาง ข. มาพูดเรืองอะไร ตัวสติจะแจงเบียหาเหตุ
ทพี ดู ทําไมเขาจึงพดู เช่นนั น ตัวสัมปชัญญะก็บอกกับเราว่า อ๋อเขาพดู นี เพราะอิจฉาเรา เขาดา่ เรา มาว่าเรา
สติบอก สัมปชัญญะเป็นตัวคดิ ปัญญาก็แสดงออก คอมพิวเตอร์ตีออกมาว่า เสียงนีไร้ประโยชน์ เกิดขึ นตั งอยู่
ก็วูบดับไปทันทที หี ู เลยก็ไมต่ อ่ เนืองเข้ามาภายในจติ เราก็ไม่มกี ารเศร้าหมองใจ เพราะข้อคิดนี

เพราะฉะนั นนักปฏิบัติ ต้องกําหนดตรงนี ไมใ่ ช่เดนิ จงกรมนั งปฏิบัติ พองหนยอุบหนอให้ได้ ไม่ใช่
ตรงนั น ตรงนั นเป็นตัวสร้างเครืองคอมพวิ เตอร์ให้มีพลังจิต ในข้อคิดของวิปัสสนาญาณอีกประการหนึง
ต่างหาก

๘๔

ผู้ปฏิบัตติ ้องเริ มต้นด้วยการพจิ ารณาดูจติ จิตเกิดทางหู ถ้าเราสร้างเครืองได้ดีแล้ว ป้ อนข้อมูลถกู
สร้างระบบถกู ข้อมลู ในจิต คือ อารมณ์ทเีราเก็บเอาไว้นานนักหนาแล้ว คลีคลายไมอ่ อกแฝงไว้ในอารมณ์คือ
โลภะ โทสะ โมหะ ทําให้จติ เศร้าหมองมาช้านาน ไม่ผ่องใสจงึ ต้องกําหนดอยา่ งนี

เสียงหนอ ๆ ไม่ใช่เท่านีเลยนะ เสียงเขาด่า ใชแ่ ล้วถ้าเรามีสมาธิดี สะสมหน่วยกิตสติปัฏฐานสูตรไว้
ชัดเจน เสียงหนอกร็ ู้แล้ว อ๋อเขาดา่ เรา ดา่ เราตรงไหน มีตัวตนตรงไหนบ้าง ทเี ราจะถูกด่า แล้วเจ็บชํ านํ าใจ
เช่นนี เราก็ใช้ปัญญานีเอง

ฟัง อ๋อเขาดา่ ดา่ มาโดยสมมตวิ ่าด่าเรา คดิ ว่าอย่างนั น แต่เราอยู่ตรงไหน ก็หาตัวเราไมไ่ ดต้ ัวเราไม่มี
อยา่ งนีคือปัญญาไม่มตี วั ตน ไม่มีบุคคล แต่เป็นโดยสมมติขนึ มาทีเขาด่าเท่านั นแล้วก็แปรปรวน
เปลียนแปลงสภาพของมนั แล้วก็หลุดไป ดับวูบไปทีหู อันนันก็หมดสินไป นีเรียกว่า ตัวปัญญา

นักปฏิบตั ิต้องกาํ หนดทุกอริ ิยาบถในการฝึ ก เป็นการดัดนิสัยให้เข้าสู่จดุ มุ่งหมายของผู้มีปัญญา เป็น
ความเคยชินจากการปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่พดู อย่างนีใครก็ทําได้ ใครก็รู้แตป่ ฏิบัติจริง ๆ ไม่ได้ เพราะไมเ่ คย
กําหนดเลย ปลอ่ ยเลยไปหมด เข้ามาถงึ จติ ใจภายใจจิต คือ ประตูทั ง๖ ชอ่ ง เข้ามาถึงห้องใน ทนี อนของเรา
แล้ว จนแต้มจนด้วยเกล้า จนด้วยปัญญา แกไ้ ขปัญญาไม่ได้เลย เพราะมันอย่ใู นจดุ นีเป็นจุดสําคัญ

แตผ่ ู้ปฏบิ ัติธรรมเอาไปทิงหมด ไม่เคยปฏิบัตจิ ดุ นีเลย มแี ต่ จจะ้องเดินจรงกรม จอ้ งท้องพองหนอ
ยุบหนออย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ ไม่ครบสติปัฏฐานสี ปฏิบัติในข้อจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานสูตร ข้อนีเป็น
ข้ออนิ ทรีย์หน้าทกี ารงานทีจะต้องรับผิดชอบตัวเอง ต้องกําหนดเสียงหนอ ๆถ้ากําหนดไม่ทนั มันเลยเป็ น
อดีตไปแล้ว เกิดเข้ามาในจติ ใจเกดิ โทสะ เกดิ โกรธขึ นมาทันทีทําอย่างไร ไปเสียงหนออีกไมไ่ ดต้ ้องกาํ หนด
ตัวสัมปชัญญะ กําหนดทีไหน กําหนดทีลินปี

บางทไี ปสอนไม่เหมอื นกันเสียแล้ว หลับหูหลับตาว่าส่งเดชไป จะถกู จุดได้อย่างไร กดเครือง
คอมพวิ เตอร์ไมถ่ ูก กดไมถ่ ูกจุด แล้วมันจะออกมาอยา่ งทเี ราต้องการไม่ได้ นี สาํ คัญ

ผู้ปฏิบัติเน้นในข้อนี ให้มากต้องกดทีลินปี แต่อรรถาธิบายอย่างไรนั น จะไม่อธิบายในทีนี ขอให้ท่าน
โง่ไว้ก่อน อย่าไปฉลาดตอนปฏิบัติเดยี วจะคิดเอาเอง เกิดขึนมาเดียวท่านจะได้ของปลอมไปนะ จะได้ขอไงม่
จริงไปอยา่ งนี

กําหนดทเี ลยเป็นอดีตแล้ว ต้องกําหนดอยู่อย่างเดียวคือ รู้หนอ ไว้ก่อน รู้ว่าเรืองอะไรก็ยังบอกไม่ได้
ทําไมจะรู้จริง ทกุ สิงต้องกําหนดทั งนั น ทีลินปี หายใจยาว ๆ หายใจอยา่ งไร

ต้องตั งสตไิ ว้ทีลินปี สูดลมหายใจจากจมกู ถึงสะดือ แล้วก็ตั งสทตีลิ ินปี หายใจยาว ๆ รู้หนอ ๆ เพราะ
มันเลยไปแล้วเป็นอดีต กําหนดปัจจุบันไม่ได้ ต้องกําหนดตัวรู้ อย่างนีเป็นต้น รับรองได้ผลแน่

ข้อที๔ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ธรรมในธรรม หมายความว่า เรามีสติปัญญาจะรู้แยกจิตของเรา
ว่า คดิ เป็ นกุศลหรืออกุศล ถูกต้องหรือไม่ถูกตอ้ ง จะตัดสินอยทู่ ีธรรมานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน ในข้อท๔ี นี

ข้าพเจ้าทํางานนี ไปเป็นกุศลหรืออกศุ ล เดียวจะรู้ตัวตนขึ นมาทันทที มี ีปัญญา เรียกว่า ธรรมา
นุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน อาตมาหมายความถึงปฏบิ ัติการ ไม่ใช่วิชาการ วิชาการจะไม่อธิบายอย่างนี

๘๕

เป็นการปฏิบัติการในธรรมานปุ ัสสนาสติปัฏฐาน ธรรมในธรรม ทํานอกทําใน ธรรมกับทํามัน
ต่างกัน ทําไปแล้วเป็ นกุศลหรืออกศุ ล ทั งทางโลกทางธรรม มันอยรู่ ่วมกันนี ธรรมานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน

เรียกว่าทํานอก ทําใน ทําจติ ทําใจ ทําอารมณ์ แสดงออกเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ส่วนใหญ่เราจะ
เข้าข้างตัวเอง เลยคดิ ว่าตวัเองนะ่ คดิ ถูก ทําถูกแล้ว

ถ้าเรามานังเจริญกรรมฐานแก้ไขปัญหา กําหนดรู้หนอ ๆ คือ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพราะเรา
ยังไม่รู้จริง รู้หนอ หายใจยาว ๆ รู้หนอ ๆๆ เดียวรู้เลย ว่าทีเราทําพลาดผิดเป็นอกุศล ไม่ใชก่ ุศลมวลเปน็
อกศุ ลกรรมจากการกระทําทางกาย วาจา ใจ กถ็ ้าแสดงออกเป็นอกศุ ล นีธรรมานุปัสสนาเชิงปฏิบัติการ ไม่ใช่
วิชาการนะ

บางคนบอกหลวงพอ่ วัดอัมพวันอธิบายผิดแล้ว ใช่ มันผิดหลักวิชาการ แตม่ ันถูกปฏิบัติการ มันจะ
รู้ตัวเลยวา่ เราทําไปนันเป็นกศุ ล ผลงานส่งผลคือเป็นบุญ เป็นความสุข

สิงนี ทีข้าพเจ้าทําเป็นอกศุ ลกรรม ทําแล้วกเิดความทกุ ข์ นีงา่ ย ๆ ทางเชิงปฏิบัติการ วิชาการ เขา
อธิบายละเอียดกว่านี ถ้ามีกิจกรรมทําได้ไมย่ ากเลย อยู่ตรงนี เอง

รู้หนอ! อ๋อ รู้แล้วไปโกรธมันทําไม ไปโกรธรูปนาม หรือไปโกรธใคร ตัวโกรธอยู่ทคี นโน้นทําให้
เราโกรธหรือ ตัวโกรธไมใ่ ช่อยู่ทคี นโน้น อยู่ทเี รา อยู่ทไี หน อยู่ทีใจ อยู่ทีจิตเก็บความโกรธเข้าไว้

ท่านจะมีแต่ความเป็นโทษ มีแต่ความเศร้าหมองใจตลอดเวลา ทา่ นจะไมเ่ ป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้
แกป้ ัญหาไมไ่ ด้เลย ก็สร้างปัญหาด้วยโทสะ สร้างปัญหาด้วยผูกเวร สร้างปัญหาด้วยผูกพยาบาท น้อยไป! ดู
ถกู เรา นีท่านจะต้องสร้างปัญหาแน่อยา่ งนีเป็นต้น

การปฏบิ ัติเป็นการแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหาเหมือนอย่างทีท่านเข้าใจ และมีปัญญาเหน็ อารมณเ์ รา
ดอู ารมณ์จิตของเรา ดูจติ ใจของเราตา่ งหาก อย่างนี เป็นต้นสาํ คัญมาก

บางคนไปสอนกันไม่ถกู โกรธหนอ ๆๆ เอาจิตตั งตรงไหน เอาสติไว้ตรงไหน ไปกดไม่ถูก กดเคอรืง
คอมพวิ เตอร์ผิด มันก็เลยออกมาแบบอยา่ งนั นเอง จะวางจิตไว้ตรงไหน ก็ไม่รู้นีสาํ คัญนะ

เห็นหนอ อย่าลืมนะ ส่งกระแสจิตไว้ทีหน้าผาก ไม่ใช่หลับตาว่ากันส่ง ถ้าท่านทําดังทีอาตมาแนะ
แนว รับรองได้ผลทกุ คน

เหน็ หนอ ก็ต้องส่งกระแสจิตจากหน้าผากออกไป เพราะว่าเราจะสงั เกตตัวเองได้ทกุ คน ความรู้สึก
จะมารวมทหี น้าผากหมด ภาษาจนี เรียกว่า โหงวเฮ้ง มันจะมีแสงทหี น้าผากนะ ตอนนี ไม่อรรถาธิบาย จติ ท่าน
สูงท่านจะเห็นเองว่าดหู น้าคนดตู รงไหนโหงวเฮ้งอยู่ตรงไหนอย่าลมื

ทีอาตมาพูดหลายครั ง ยังไม่มีใครตีปัญหาได้เลยอุณาโลมา....มันเป็นการส่งกระแสจิตได้ดมี ากใน
จุดศนู ย์สมาธิ นีหละจะเกดิ ปัญญาได้ สาํ หรับตัวตนบุคคลปฏิบัติ ไม่ใช่มานังเห็นนิมิต

ถามกันไม่พักเลยหลวงพ่อคะ ฉันมนี มิ ิตอย่างนี ฝันว่าอย่างนีจะได้แก่อะไร ไม่ต้องมาถามแล้ว ฝัน
ปลอมก็มจี ิตอปุ าทานยึดมั นก็ฝันไดถ้ ้าจิตท่านโกรธ ผูกพยาบาทเกง่ จะฝันร้าย จะฝันหนีโจร เป็ นนิมิตที
เลวร้าย เพราะจิตมันไม่ดี

๘๖

ถ้าสติดี มปี ัญญาดี จะฝันเรืองจริงได้ ฝันแล้วเป็นเรืองจริง ถ้าจิตเก๊ ก็ฝันเก๊ ๆ จติ ปลอมก็ฝันปลอม
ออกมา

อาจารย์สอบอารมณ์บางคนชอบถามว่า“เห็นอะไรหรือยงั เหน็ โน่นเห็นนีไหม” ไมต่ ้องไปถามเขา
อยา่ งนั นนะ ถามว่า กําหนดหรือเปล่า เวทนาเกิดขึนกําหนดอย่างไร ต้องถามอย่างนี จะถูกต้องมากกว่า ไม่
ต้องถามเห็นอะไรไปแนะแนวเขาทําไมอย่างนั น มีความหมายในการปฏิบัตมิ าก

เพราะฉะนั นปักจุดให้ถูก กดปุ่มให้ถูก เหมือนท่านทั งหลายคดิ เลข ลองกดปุ ่ มผิด ๆ ซิ มันจะออกมา
ผดิ ถ้ากดปุ่มถูก แต่ไฟฟ้ าท่านหมด หมายความว่าสมาธิไม่มี กดอย่างไรก็ไม่ออกมาตามรูปแบบนั น ต้องมี
สมาธิ

สมาธิ คือ จับจุดงานของเราไม่วางธุระ การกาํ หนดจิตให้อย่ใู นจุดเดียวกัน อยา่ งนี คือกระแสไฟ ถ้า
กระแสไฟมันพร่องไป ไฟไม่ได้กําหนด กดมาผิดทั งนั น จะไปโทษเครืองเขาไมไ่ดมี ไ่ ด้ เครืองเขาดเี ราบอก
ว่าไฟไม่มี คือไม่มีสมาธิอยู่นั นเอง มีความหมายอยา่ งนั น ต้องจับจุดให้ถูกอย่างนี

ถ้าหากว่าไม่รู้จะกําหนดอยา่ งไร กเ็ อาความรู้มากําหนดทลี ินปี คิดไม่ออกเลย ทําอยา่ งไรก็ทํา
แบบเดิม มันเป็นอดตี ไปแล้วคิดไม่ออกไม่รู้จะบอกได้อย่างไรกท็ บทวน

การทบทวน ดูหนังสือก็ต้องไปดซู ํ า เรียกว่าทบทวนหนังสือ ถ้าทบทวนอารมณ์ก็ต้องไปกําหนด
อย่างนี = หายใจยาว ๆ นั งทา่ สบาย อยู่ตรงไหนก็ตาม อยู่บนรถก็ได้ ทบทวนชีวิต ทบทวนอารมณ์ ว่า
อารมณล์ ืมอะไรไปบ้าง เก็บของไว้ทีไหนมันลืม เลยกห็ ายใจยาว ๆ มีประโยชน์มาก ตังสติไวท้ ลี ินปี ดวงหทัย
เรียกวา่ เจตสิก อาศัยหทยั วตั ถุอยู่ทีลินปี วิธีปฏิบัตอิ ยู่ตรงนนี ะ

หายใจยาว ๆ คิดหนอ คิดหนอ หายใจลึก ๆ ยาว ๆ เข้าไว้ เพราะทางปัญญาอยู่ตรงจมูกของเรา ถึง
สะดือของเรานะ สันยาวไม่เท่ากันอย่างนี

อีกสักครู่หนึง ถ้ามกี ระแสไฟฟ้ าครบ คือสมาธิดี คอมพิวเตอร์จะตีออกมาทันที คิดออกแล้วคิดที
แกป้ ัญหาไม่ได้ ไมร่ ู้จะเอาวิชาข้อไหนมาแก้ ปัญญาจะออกมาบอกเราเป็นเครืองคอมพิวเตอร์ตีออกมา แสดง
อยา่ งนีและเอาไปใช้เถอะ ได้ประโยชน์มากคิดออกแน่ ของใครของมัน ต้องทําขึ นมา คอื ปัญญา ต้องทําให้
ถกู จุดนี

ยนื หนอ ๕ ครังขอให้คณะอาจารย์แนะแนวให้ถูกต้อง ยืนหนอ๕ ครั งนีทกุ คนไม่เข้าใจตะ
จะปัญจะกะกรรมฐาน ฐานเดมิ ตั งแตม่ นุษย์ ทเี กิดมาจากคัพภาของมารดาแล้ว มีมาครบเกศา โลมา นา ทัน
ตา ตโจ ตโจ ทนั ตา นขา โบมา เกศา มคี รบ

วิธีกาํ หนดทาํ อย่างไร ก็ให้ผู้ปฏิบัติยนื ตรงแล้วไม่ต้องชดิ เท้า เดียวจะล้มไป ยืนธรรมดา เอามือไพล่
หลังก็ได้ ตัวตรง ๆ วาดมโนภาพ ว่าเรายืนรูปร่างอย่างนีเป็นมโนภาพ ผ่าศนู ย์กลางลงไปถึงปลายเท้า เริ มต้น
ว่า

๘๗

ยืน... จากศีรษะหยุดทีสะดือ ยืน...ถึงสะดือแล้ว สติตามทันไหม นีขั นต้น อ!๋อสติตามไมท่ ัน ยืน...
สติตามจติ ไปถึงสะดือไหม ถึงแล้ว! ว่า หนอ... จากสะดือไปถงึ ปลายเท้า นีวิธีจังหวะทีแน่นอน สติก็ตามจิต
ลงไปถึงปลายเท้า ได้จังหวะทีแนน่ อน สติก็ตามจิตลงไปถึงเรืองเลยผ่าศูนย์กลาง ๙๐ องศา นะ

นีก็คอื เบืองตาํ ตังแต่ปลายผมลงไป เบืองบนตังแต่ปลายขึนมาอย่างนี แต่วิธีปฏิบตั ทิ ําอย่างไร สอน
กันไม่ถูกจดุ นีเลย ยืนมโนภาพ จิตกผ็ า่ นจากกระหม่อมลงไป สติตาม สติควบคุมจติ ยืน... ถึงสะดือแล้วสติ
ตามกัน วรรคสอง หนอ... ลงปลายเท้าได้จังหวะพอดเี ลย

ลองดนู ะ แล้วสํารวมปลายเท้าขึ นมาบนศีรษะครั งทีสอง ยืนดเู ท้าทั งสองข้าทงางด้านกายานุปสั สนา
ยนื ... ถงึ สะดือ จุดศูนย์กลาง สติตามทันไหม พ้นหนอ... จากสะดือถึงกระหม่อมพอดี นีได้จังหวะ ถ้าทํา
อะไรผิดจังหวะใช้ไม่ได้

บางคนก็หลับตมยืนหนอ ๆ ๆ อะไรยืน ปากพูด ปากกําหนดจติ ไม่รู้ สติไม่มี อยา่ งนี ใช้ไม่ได้ ไม่
ได้ผลเลย ขอเจริญพรอย่างนั น

วรรคสองยืนถึงสะดือแลว้ สตติ ามไมท่ ันเสียแล้ว จิตมันไวมาก เอาใหม่ กําหนดใหมซ่ ี ได้ไหม ได้
เปลียนแปลงได้ ไม่เป็นไร สํารวมใหม่

จากปลายเท้าหลับตาขึ นมามโนภาพ จากปลายเท้าถึงสะดอื ยนื ... ขึ นมา เอาจติ ขึนมาทบทวนเรียกว่า
ปฏโิ ลมอนุโลม เป็นต้น สาํ รวมจงึ สะดอื แล้ว ผา่ ศูนย์กลางขึ นมาเลยผ่านลินปีขึ นมายนื หนอ...

ถ้าท่านมีสมาธิดี สติดีนะมนั จะซ่านไปทังตวั จะมสี ติครบทางกายต้องรู้จุดมุ่งหมายของมันด้วย เอา
ไปสอนกันให้ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าต่างคนตา่ งสอน ต้องมีหลักสูตร วิธีปฏิบัตใิ ห้ถูกต้อง คืออย่างนี

สาํ รวมทปี ลายเท้ายนื ... ถึงสะดือแล้ว หนอ...สติตามเลยว่าสะดืออย่ทู ีไหน ลินปี อยทู่ ไี หน แล้ว
สติปัญญาดี ปัญญาเกิดจะรู้จักคําว่า กายานุปัสสนาเป็นอย่างไรมันจะแจ้ง สติมีครบในด้านภายในกายนี

กายภายในกค็ ือ อารมณ์ กายภายนอกคือ สภาวะอนั เป็ นรูป สภาวะอันเป็นนามธรรมกอ็ ยใู่ นตัว
ภายในคือ ตัวกําหนด มันจะซ่านออกมามสี มาธิภาวนา เห็นชัดในรูปแบบออกมา ในรูปร่างของมัน คือ
รูปแบบนามธรรมชัดอย่างนี

ครั งทีห้า สํารวมทกี ระหม่อม มโนภาพ สติ แจ๋วแล้ว๕ ครั ง สติกต็ าม จิตอาศยั กันได้โดยเจตสิกทีลิน
ปี

ตัวอยากเป็นตัวเจตสิก จิตเป็ นตัวทีดาํ เนนิ งานคดิ อ่านอารมณ์ต่าง ๆ ได◌้ อยู่ทีจติ มันก็ลงไปอีก
หนอ... ถึงปลายเท้า ลืมตาได้ดูปลายเท้าต่อไป

สํารวมทปี ลายเท้าแล้วกําหนดขวาย่างหนอ เป็นต้น ขวาคอื อะไร คือสติระลึกก่อนทีขวา ซ้ายย่างเป็น
ตัวสัมปชัญญะรู้ว่าย่างยาวสั นเท่าไร หน.อ.. ลงพืนพอดี นีเห็นชัดไหม ทําไมได้จังหวะ ถา้ ๆไม่ได้จังหวะ
เหมือนเราขึ นบันได ผดิ จังหวะ ตกบันไดนะ ไมไ่ ด้ผล ดังทกี ล่าวนี สําคัญมาก

ขณะทีเดนิ จงกรม มเี สียงอะไรมา กําหนดเสียงหนอ ถ้าขณะเดินจงกรม มเี วทนา ปวดเมือย ต้นคอ
หยดุ เดนิ ยนื เฉย ๆ กําหนดเวทนาไป เอาสภาพความเป็นจริงมาแสดงออกว่า มันปวดมากน้อยเพียงใด

๘๘

ต้องการอยา่ งนั นไม่ใช่กําหนดแล้วหายปวด กาํ หนดต้องการจะให้รู้ว่ามันปวดขนาดได้เวทนาทําให้รู้กฎแห่ง
กรรมได้ เราจะรู้กฎแห่งกรรมว่าได้ทาํ อะไร ระลกึ ชาติได้อยูท่ ีตัวเวทนานะบางคนไม่รู้หรอก อันนีจะไม่
อรรถาบาย เดียวจะเสียอารมณ์ เดยี วจะนึกเอาเอง

นกึ เอาเองนีไม่ได้ต้องให้มันผุดเอง ให้มันเกิดเองอยู่ในจิตใจของตน อย่างนีเป็นต้น นีวิธีทํา
และซ้ายยา่ งหนอ ผู้ปฏิบัติต้องเพ่งลงไปทีปลายเท้า ไมใ่ ช่หลบี ตาเดนิ นะ ไม่ใช่แหงนดฟู ้ าและ
หลบั ตาดูไม่รู้เรือง ต้องเพ่งดูความเคลอื นไหวของรูปนาม ว่ารูปนามมันเคลือนไหวอย่างไร จนชํานาญการ
แล้ว ไม่ต้องไปกําหนดอยา่ งนั นก็ได้ มันจะเดินไปถูกจังหวะของมันเอง สติมันจะบอกทุกระยะอย่างนี เป็ น
แบบฝึกหดั เบืองต้น
ขณะทีเดินจิตออก จติ คิดหยดุ อยา่ เดนิ เอาทีละอย่าง กําหนดทลี ินปีอีก แล้วหายใจยาว ๆ กําลังเดนิ
จงกรม คดิ หนอ ๆ มันไปคิด เอาเหตุผลมาตั งบวกลบคูณหารไปตามลําดับ
คิดหนอ ๆ ฟุ ้ งซ่านทีไปคิดนั นเดยี วคอมพิวเตอร์จะตีออกมาถกู ต้อง อ๋อไปคิดเรืองเหลวไหล รู้แล้ว
เข้าใจแล้ว ถกู ต้องแล้ว เดนิ จงกรมตอ่ ไป
ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เดินให้ช้าทีสุด เพราะจิตมนั เร็วมาก จติ มันไวเหลือเกิน ทําให้เชืองลงทํา
ให้คุ้นเคยช้าเพอื ไวนะเสียเพอื ได้ ต้องจําข้อนี ไว้สั น ๆ เทา่ นั นเอง
นีเวทนาเกิดขึ นก็กําหนด คิดออกก็กําหนดฟุ ้ งซ่านออกก็กําหนด กําหนดทลี ะอย่าง อย่าเอาหลาย
อย่างมาปนกนั ใช้ไมไ่ ด้ ต้องรู้จริง รู้แจ้ง เห็นจริง เห็นแจ้ง เห็นใจใน เห็นอารมณ์เราอย่างนี จะถูกต้อมงาก
ทวี ่า ยนื หนอ... อยา่ ลมื นะต้องกําหนดใหไ้ ด้ เดินจงกรมเสร็จนั งภาวนา ทวี ่าพองหนอยุบหนอ เป็น
การสร้างเครืองคอมพิวเตอร์ สร้างสมาธิ แล้วสิงแวดล้อมจากจติ ตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นสิงทมี าของ
ขันธ์๕ รูปนามเป็นอารมณ์ ต้องรู้อย่างนีเป็นทีละอย่างไป ไม่ใช่กําหนดกันใหญเ่ ลยนะ
กําหนดอยาก... กําหนดโน่น กําหนดนี มันจะมากไป เอาแตน่ ้อยก่อน เพราะเดียวจะกําหนดไมไ่ ด้
เอาทลี ะอย่างไปเดยี วก็ได้ดเี อง แล้วค่อยกําหนดต้นจิตทีหลัง
ต้นจิต คือ ตัวอยาก อยากหยิบหนอ ๆ นีต้นจิตเป็นเจตสิกเอาไว้ทีหลัง คอ่ ยเป็นค่อยไปกอ่ น ค่อย ๆ
ทําฝึกให้มันได้ขั นตอน ให้มันได้จังหวะก่อน แล้กวฝลึ ะเอียดทหี ลัง ถ้าเรากําหนดละเอียดเลยขั นตอนไมไ่ ด้
กเ็ ป็นวิปัสสนึกไปเลยพองยุบกไ็ ม่ได้
เดินจงกรมเสร็จแล้วควรนังสมาธิ ท่านอย่าไปทํางานอนื ๆทําให้ติดตอ่ กันเหมอื นเส้นด้ายออกจาก
ลกู ล้ออย่าให้ขาด ทําให้ติดต่อไป นั งสมาธิ จะขัดสมาธิสองชั นกไ็ ด้ ชั นเดียวก็ได้ อหขรืัดสมาธิเพ็ชรก็ได้
แล้วแต่ถนัด ไมไ่ ด้บังคับแต่ประการใด มือขวาทับมือซา้ ย หายใจเข้ายาว ๆ
ก่อนกําหนดพองยบุ หายใจเข้ายาว ๆ หายใจออกยาว ๆ แล้วสังเกตท้อง หายใจเข้าท้องจะพองไหม
หายใจออกท้องจะยุบไหม ไม่เหน็ เอามือจับดู เอามือวางทีสะดือแล้วหายในยาว ๆ ท้องพองเรากบ็อกว่าพอง
หนอ ยบุ หนอให้ได้จังหวะ
ใหม่ ๆ อึดอัดมาก เพราะเราไม่เคย ต้องทําให้ได้ไมใ่ ช่พองหนอยบุ หนอเอาแต่ปากนะ จติ ใจทําไม่ได้
มันอยู่ทีจุดนี ต้องทําให้ได้

๘๙

บางคนมีนิมติ อย่างโน้น นิมิตอย่างนี มันมากไปมากเรือง เอาอย่างนี ก่อนนะ เราหายใจเข้ายาว ๆ ที
ท้องพองกําหนดพองไมท่ ันหนอ ยุบแล้ว ไมท่ ันหนอ พอขึ นไปอีกแล้ว

วิธีปฏิบัตทิ ําอย่างไร วิธีแก้พองคนละครึ งซิ พองแล้วหนอเสียครึ งหนึง ลองดสู ําหรับเราทกุ คน ถ้า
พอครึ งไม่ได้ หนอครึงไม่ได้ เอาใหม่ เปลียนใหมไ่ ด้ เปลียนอย่าง ไร พองหนอไปเลย ยบุ แล้วลงหนอให้ยาว
ไปเลย เดยี วท่านจะทําได้ ไม่ขัดข้อง ไม่อดึ อัดแนใ่ หม่ ๆ นีย่อมเป็นธรรมดา

ถ้านั งไม่เห็น มือคลําไมไ่ ด้ นอนลงไปเลย นอนเหยียดยาว นอนหงายไปเลย เอามือประสานท้อง
หายใจยาว ๆ แล้วว่าตามมอื นีไป พองหนอ ยุบหนอ ให้คล่อง พอคล่องแล้วไปเดนิ จงกรม มานังใหม่ เดียว
ทา่ นจะชันเจน นีวิธแี ก้ไข วิธีปฏิบัติใหไ้ ด้จังหวะ อย่างนี เป็นต้น มคี วามหมายเหลือเกนิ

ถ้าทา่ นโกรธกําหนดเลยนะ ถ้าท่านรู้สึกอยากได้กําหนดเลย รู้สึกเกลียดใครกก็ ําหนดเลย เป็ นวิธีแก้
ปัจจุบัน วิธีการแก้ปัญหาทโี กรธ

ผูกพยาบาทใครก็ต้องกําหนดเดยี วนี อย่าปลอ่ ยให้ค้างคืน ปล่อยให้เลยไปถึงจิตใจ เหมือนโจรเข้าไป
ในห้องในฉะนั น มันก็จีเราได้ เราก็ยอมจํานนมัน โดยวิธีนี

โกรธหรือ ต้องแก้ปัญหากาํ หนดเดยี วนี อย่าไปผลัดไว้แก้พรุ่งนี ผกู ความโกรธเข้าไว้ทําให้ใจเศร้า
หมอง ตลอดคืนยังรุ่ง กินไม่ได้นอนไมห่ ลับ เสียเวลามาก จึงต้องแก้เดียวนี

โกรธหนอ โกรธหนอ ปักจิตไว้ทีลินปี สตริ วมไว้ แล้วเครืองคอมพิวเตอร์จะออกมา อ๋อไปโกรธเขา
ทําไม่เล่า มันจะออกมาอยา่ งนี ใครบอก อารมณเ์ ราบอก จิตบอก สติบอก ปัญญาบอก สรุปเหลอื ปัญญาบอก
เราจะรู้แจ้งเหน็ จริงเลย เพราะปญั ญาบอกเราเอง

เหมือนอย่างตัวเราบอกเองดีกว่าคนอนื มาบอกรเ า เราสอนตัวเองดีกว่าคนอืนมาสอนเรา เราจะเห็น
แจ้งชัดเจนดมี ากในโอกาสนีนีกําหนดอยา่ งนี

กาํ หนดเวทนา ถ้าหากว่าพองหนอ ยุบหนอแล้วเกดิ เวทนาต้องหยุด พองยุบไม่เอาเอาจิตปักไว้ตรงที
เกิดเวทนา เอาสติตามไปดูซิว่ามนั ปวดแค่ไหน มันจะมากน้อยเพยี งใด ไม่ใช่ปวดหนอแล้วหายลเ ย ไมห่ าย
มันยังไม่หาย มันยังไม่เป็นวิปัสสนา ยังเป็ นสมถะ มันยังเป็นอุปาทาน ยึดเวทนาอยู่

เหมือนทา่ นทั งหลายเป็นไข้เอาจิตไปแตะทไี ข้ จติ ท่านกเ็ ป็ นไข้ไปด้วย อย่างนีแหละ ท่านทังหลาย
โปรดทราบ ยังแยกรูปแยกนามยังไมอ่ อก แยกเวทนาไม่ออกกต็ ้องยึดอยา่ งนีก่อน

พอยดึ ปวดหนอ โอ้โฮยิงปวดหนัก ตายให้ตาย ปวดหนกั ทนไม่ไหวแล้ว จะแตกแล้ว ก้นนีจะร้อน
เป็ นไฟแล้ว ทนไม่ไหวแล้วตายให้ตาย กําหนดไป กําหนดไป สมาธิดี สตดิ ี เวทนาเกิดขึนดับไปซ่า! หายวับ
ไปกับตา นแี ยกเวทนาได้ แยกรูปแยกนามได้ ใช้ได้ใหม่ ๆ ยังแยกไม่ออก ยงั กอดกนั อยู่ มนั ยังปวด ไม่รู้จักหาย

ขอให้ท่านอดทนฝึกฝนในอารมณ์นี ให้ไดเ้ วลาเจ็บ ท่านจะไดเ้ อาจติ แยกออกเสียจากป่ วยจติ ไม่ป่ วย
ไม่เป็ นไรนะ สําคัญจิตไปป่ วยเสียด้วย เลยก็หมดทั งกายทั งใจ หมดอาลัยตายอยากอยู่ในจดุ นี อันนีเรืองสําคัญ
มาก ต้องกําหนดอย่างนี

๙๐

ถ้าทา่ นง่วงเหลือเกินกําหนดงว่ งหนอ ๆ แตป่ าก หายง่วงไมไ่ ด้ ทําอย่างไรล่ะ จะกําหนดได้ กําหนด
อยา่ งไรจะไม่ง่วง เอาจิตกําหนดทอี ุณาโลมง่วงหนอ ๆ ๆ ๆ สํารวมจิตไว้ทีโหงวเฮ้ง รับรองหายง่วงทันที นีวาง
จุดให้มนั ถูกเรืองกันซิ ไม่ใช่กําหนดแต่ปาก แก้ไขปัญหาไม่ได้

ถ้าหากว่าเรานอนไม่หลับ ถ้าสมาธิดี ด้วยเหตอุ ันใดไมท่ ราบมันนอนไม่หลับ หายใจยาว ๆ นอนลง
ไปหมายถงึ ว่า หน่วยกิตดีแล้วสะสมไว้ได้มากแล้ว หลับทันทีนะ วางจติ ไว้ทีไหน กดปุ่มไหตน้องเอาจิตไว้ที
ลูกกระเดอื ก เอาสติไว้ทีลูกกระเดือก หายใจยาว ๆ เอาจติ ไว้ทลี กู กระเดือกทีกลืนนําลายตังสติไว้เดียวท่านจะ
หลับผล็อยไปเลย หลับโดยมีสติด้วย พลิกตัวกีครั งรู้หมดเลยนะ อยา่ งนีเป็นต้น

ผู้ปฏิบัตยิ ืนก็ทําได้ เดินก็ทําได้ นังก็ทําได้ นอนก็ทําได้ นอนทําอย่างไร ถ้านังไม่ทนกน็ อนลงไป
สําคัญอย่านอนหลับ นอนกําหนดพองหนอยบุ หนอ ถ้าทา่ นมีสติดี สมาธิดี ปัญญาเกิด ทา่ นจะหลับวูบลงไป
ตอนพองหรือตอนยุบจับให้ได้ ถ้าจับหลับได้ทา่ นจะพลิกตัวกีครั ง ตืนเวลาไหนได้ตามความเหมาะสม

จะตืนตีสี พอถึงตีสีมันจะสะดุ้งขึ นมา ตืนทันที ปัญหามีอยู่ว่า ตืนแล้วจะลุกหรือเปลา่ ถ้าจะนอนต่อ็ ก
มีปัญหาเหมือนกัน สาํ คัญเคยชนิ อยา่ งนี

ขอเรียนพระอาจารย์ และเรียนคณะอาจารย์หญงิ ชายด้วย สอนให้ถูกจุดนี ให้เหมอื นกัน นีวางปุ ่ มนี
รับรองได้ เห็นหนอ ๆ ถ้าเรายืนหนอได้ รู้จักคําว่าอารมณ์ของเรา จากปลายผมลงไป จากปลายเท้าขึ นม๕า
ครัง มนั กเ็ ห็นจากปลายผมลงไปปลายเท้า จากปลายเท้าขึนไปปลายผม ทีเหน็ คนอืน กไ็ ม่เห็นตัวเรา

เราจะรู้ว่าคนนีนิสัยเป็นอย่างไรทันที ขอให้ส่งกระแสจิตออกทีโหงวเฮ้ง ส่งกระแสจิตทีระหว่างคิว
ทงั สองข้าง ส่งออกไปเห็นหนอเหน็ อย่างไร เห็นด้วยปัญญา เราเกิดสมั ผัสกับคนนี ขึ นมา คือ เห็นหนอ เห็น
รูป เห็นนาม คนนีเดินเข้ามาแล้ว คอมพิวเตอร์จะตีออกมาเลยว่าคนนีคบไม่ไดน้ ิสัยไมด่ ี สมั ผัสแล้วเกิด
สติปัญญาทันที คนนเีดินเข้ามาทําไม อ๋อ ทราบแล้วสติจะแจงบอกให้เราเข้าใจ สัมปชญั ญะรู้ตัว คือตัวปัญญา
ตัวเดียว

คนนี เข้ามาจะขอยืมเงิน รู้แล้ว ปัญญาตัวรู้จะผลักดันให้คอมพิวเตอร์ตีออกมา อย่าใ!ห้ยิมเข้ามาแล้ว
ตั งแตห่ น้าประตูบ้าน เป็นมติ รตอนกู้เป็นศัตรูตอนทวงอยา่ ใหโ้ กรธกันในวันนี วันเดียวเท่านั น นีมปี ระโยชน์
ไหมนี

มผี ู้ปฏิบัตอิ อกนอกลู่นอกทางเสียเยอะแยะเลยรู้ไม่จริงอย่างนี นะ บางคนนังผงกแล้วโงกไปโงกมา
สมาธิดี ขาดสติ อะไรอย่างนีใช้ไม่ได้ นีแหละสมาธิดี แตส่ ตใิ ช้ไมไ่ ด้ ไมม่ ีสติเลยนะนั งโงกไปโงกมา ก็
กําหนดรู้หนอ ๆ ๆ โอ๊ยรู้แล้วไม่โงกเลย

โยมทั งหลายจะเหน็ คนในรถยนต์ นังโงกไปโงกมา ถ้านังมีสติสัมปชัญญะดีจะไม่โงก จะหลับอยา่ ง
สบาย จะไม่ไหวติงในประการทั งปวง นีเห็นชัดขาดสติมาก

ทําอย่างไรจะหายโงก ก็กําหนดเสีย โงกหนอหรือรู้หนอก็ได้ ถ้ามันไม่หาย กดจติ ไว้ทใี ต้สะดือ๒
นิว นีวิธีแล้ว กดลงไปลึก ๆ กําหนดรู้หนอ เดียวหายโงกทันที โงกงึมนีหายเลย จับจดุ ได้ตรงนี

อาตมากําลังเขียนตําราคู่มือบางคนจะได้มวี ิชาการสอบอารมณ์ วิธีปฏิบัตสิ อบอารมณ์ด้วย อยา่ ไป
สอนเขาส่งเดช แล้วปฏิบัตไิ ม่ถกู จุด มันก็ไม่ได้ผล

๙๑

เพราะการเจริญวิปัสสนา การเดินจงกรม การนั งภาวนานี เป็นการสร้างข้อมูลใส่ในเครือง
คอมพิวเตอร์ทั งหมด คือ ทบทวนอารมณ์จิต ให้เข้าข้อคิดผู้มปี ัญญาแล้วอยู่ในเครืองคอมพวิ เตอร์ของเราครบ
ถงึ เวลาคอมพิวเตอร์จะตีออกมา แกป้ ัญหาให้เราเอง ของใครของมัน เครืองใครเครืองมันนะ มันจะ
เหมือนกันอยา่ งไรเลา่

การเดินจงกรมเป็นการสร้างข้อมลู ไว้ในเครืองคอมพิวเตอร์เป็นการสร้างสิงทีเร้นลับ ทีกระจัด
กระจายตใี ห้แตก ให้แยกกันได้แล้วข้อมูลจะเก็บไว้

การเดินจงกรม การนั งภาวนา เราก็ไม่ทราบว่าปัญญามีได้หรือไม่ เป็นการเก็บข้อมลู สร้างเครอื ง
คอมพวิ เตอร์ สร้างข้อมลู ไว้ในเครือง ถงึ เวลาแล้วมีข้อมูลครบ เราจะกดปุ ่ มไหนมันจะออกมาแก้ ปุ่มนี เป็น
ปุ่มทีจะแกป้ ัญหา

ถึงมที ุกข์มียากมลี ําบากขึ นมา คอมพวิ เตอร์จะตีไปตามขั นตอนโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกําหนดกไ็ ด้
เพราะเราถึงขั นแล้ว ทําความดีถึงขั นแล้ว มันจะบกอเลยว่าเราเดินทางไปไหน จะมีความสุขสบายประการใด

คอมพิวเตอร์จะตีออกมาว่าเดินทางให้ระมัดระวังจะต้องมีปัญหาระหว่างทาง เราก็เริ มสร้างความไม่
ประมาทระหว่างทาง ถึงจะมเี รืองเกิดขึ นมามันก็น้อยลงไป เพราะเราคอยระมัดระวังไว้ นีคอื ประโยชนจ์ าก
การเจริญวิปัสสนา

บางคนไม่เอา สอนผิดจุดกันหมด ขอให้ผู้ปฏิบัติธรรมทําจุดนีทา่ นทังหลายจะดไู ดอุ้ณาโลมา
หน้าผากนีดูคน เห็นหนอ ไม่ต้องไปสร้างภาพ โดยทวี ่าเห็นคนโน้นอย่างไร คนนีอย่างไหน ไปสร้างอย่าง
นั นให้ไมไ่ ด้ ต้องประสบการณ์เหน็ อยา่ งไร ต้องว่าอย่างนันมันเกิดจําเป็นจะต้องเหร็นากเ็กําหนดทันที

ไมใ่ ช่ไปเห็นเขากก็ ําหนดสวย กําหนดรวยไม่ใช่นะ ต้องประสบการณ์เฉพาะปัจจุบันธรรมเทา่ นั น
อดีตไม่เอาอนาคตไมเ่ อาทั งนั น ปัจจุบันเป็นการสร้างเสริมข้อมูลไว้ในเครืองคอมพวิ เตอร์ และกดปุ่มไหน
ปุ่มนั นจะออกมาตามข้อมูลนั น ๆ ข้อมลู ทีป้ อนก็คอื สติสมั ปญชญั ะครบ

ถ้าสติสมั ปชัญญะครบแล้ว ป้ อนข้อมลู เข้าไปก็แสดงออก ตอี อกมาโดยถูกต้อง ถ้าข้อมูลไมด่ ีป้ อนไม่
ถกู อารมณ์เราไมด่ ี ป้ อนผิดหมด ออกมาผิ ด อย่าไปโทษเครืองคอมพิวเตอร์

เครืองคอมพิวเตอร์เขาเป็นธรรมชาตแิ ต่เราป้ อนข้อมูลผิดเอง อารมณเ์ ราไมด่ ีอย่างนีเป็นต้น เลย
ออกมาเสียหายมากมาย ดังทกี ล่าวแล้ว

ขอเจริญพรญาตพิ นี ้องทีเข้าใหม่ ปฏิบัติโดยเคร่งครัดขออย่างเดยี วอย่าคุยกัน อย่าเอาหนังสือไปดู
เอาให้มันรู้ ให้แจ้งชัด ปจั จัตตัง ด้วยตนเอง ให้มันเกดิ เอง ของเกดิ เองโดยธรรมชาติ ให้มันผุดขึนมาเรียกว่า
ภาวนา เกิดเองนีเป็ นของทีจะต้องแจ้งถึงใจเราเอง

และจิตใจเราก็ละพยศได้ ละทิฏฐิมานะได้ เพราะเราเหน็ ด้วยใจ อย่างนี เป็นต้น เรียกว่าปัญญาแหลม
ลกึ ปักลงไปทีภาวนาของเรา ทําเป็นคนโง่ อย่าทําเป็ นคนฉลาด

ขณะปฏิบัตอิ ย่าประเมินผลอย่าวิจัยว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าวิชาการมากนัก ท่านปฏิบัตไิ ม่ไสดม้
ปรารถนาอย่างแน่นอน โง่ไว้ก่อน เกบ็ ตําราใส่ตู้ไว้ก่อน ใช้ตําราทีอยู่ในจิต ทีมันขาดการดูแลมานาน ขาด
การควบคมุ มานาน

๙๒

การดูแลนีจะยากอยู่ เพราะปลอ่ ยจิตไปตามยถากรรม จะใช้สตปิ ัญญาแม้กว่า๕ นาทกี ็ยาก ขาดสติ
นั นเอง ปัญญากไ็ มเ่ กิดขึ นโดยวิธีนี

ขอเจริญพรญาตพิ ีน้องผู้ใคร่ธรรม สัมมาปฏิบัติในหน้าทดี ังกล่าวนี รบั รองท่านจะมีปัญญาคนมี
ปัญญาขยนั ไม่พัก คนทขี าดปัญญาจะไม่ขยนั จะไม่ทํางาน ทายอะไรก็ผิดพลาด

เพราะการนีเป็นการกําหนดเป็นการปฏิบัติ เป็นการคาดคะเนได้ถูกต้อง เพราะอารมณ์ของเราเคย
สัมผัสวสีเข้าออกให้ถกู ต้อง เกดิ ไปสัมผัสกับคนนีเป็นอยา่ งนี ไปสมั ผัสกับคนอืน อารมณ์อย่างนี ต้องเป็น
อย่างนีอีกอ่านตัวออกบอกตัวได้ ใช้ตวั เป็ น เห็นตัวตาย คลายทฏิ ฐิ ดําริชอบ ประกอบกุศล ได้ผลอนันต์ เป็น
หลักฐานสําคัญแน่ นีมันอยูท่ ีตัวปฏิบัติ ไม่ได้ดูทีไปอ่านหนังสือได้นั นเป็นวิชาการแต่กเร็ตา้องเรียน
เหมือนกัน ต้องรู้ไว้

การปฏิบัติทบทวนและมาดูวิชาการ ท่านจะแนบสนิทติดหัวใจ ท่านจะสามารถขยายความจาก
วิชาการได้ดีมาก เสริมวิชาการให้สูงขึ น ดังทกี ล่าวนี

เทา่ ทอี าตมาชี แจงเบืองต้นมาขอให้นกั ปฏบิ ัตธิ รรม กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทาํ ความเพยี รให้
มาก ท่านจะได้ของจริงตดิ ตัวไป

อย่าทําของปลอม เพราะปลอมชอบสบาย ของจริงคนไม่อยากได้เพราะทํายาก ของจริงต้องได้มา
ด้วยความลําบาก ต้องอดทนต้องฝึกฝน มาใช้ของจริงในห้องกรรมฐาน เพราะใช้ชีวิตจริงตั งแตบ่ ัดนี

ทีเราอยบู่ ้านสบายมามากนั นแหละของปลอมเป็นของทียั วยุเป็นของทีให้สบาย ความสบายนีเป็น
ของปลอม ความทุกข์ความยากเป็นของจริงได้ทุกสิง

สุขได้มาจากทุกข์ ขยันได้มาจากขีเกียจ รํ ารวย สวยดี มังมี ศรีสุขได้มาจากความจนทไี มม่ ีอะไรเลย
เรามาสร้างมาทําขึ น มันกร็ วย มันก็สวย มันกด็ ี มันก็มีปัญญา

นีแหละทา่ นทั งหลายเอ๋ยธรรมะแปลว่าทุกข์ไม่ใช่ความสุข ความสุขทีแน่นอนมีทไี หนเล่า
นอกเหนือจากบรมสุข คือพระนิพพานเท่านันความสุขในโลกมนุษย์มีแตเ่ จือปนหมด ไม่มีของจริงเลย มีแต่
ของปลอดยั วยุ มีแต่ของทีเป็นของเก๊

ทีเรามานั งในห้องกรรมฐานมาใช้ของจริงกัน แสดงออกของจริงทั งนั น แตา่เรจะทนรู้ของจริง
หรือไมป่ ระการใด เป็นเรืองของท่านทั งหลาย แต่ละรายไป

ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ผู้ปฏิบัติธรรมขอให้ทุกท่านรีบเดินทาง ข้ามเกาะแก่งทุรกันดาร อุปสรรค
ทังหลาย ถึงฝังฟาก ความสําเร็จ คือพระนิพพาน โดยทัวหน้ากันณ โอกาสบัดนี เทอญ

๙๓

กรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร
พระภาวนาวสิ ุทธิคุณ ๑๓ พ.ค. ๓๒

ขอเจริญพร บรรดาญาตพิ นี ้องและคณะอาจารย์วิทยาลัยครูธนบรุ ีและผู้ปฏิบัตธิ รรมทุกท่าน
ขอเจริญสุขนักศึกษาทมี าปฏิบัติธรรมทกุ คน
วันนี จะแสดงธรรมะในเรืองกฎแห่งกรรมและกรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร ขอให้ทา่ นทั งหลายได้
ตงั ใจฟังธรรมสืบไป
คําว่า กฎแห่งกรรม แปลว่าอะไร กฎ แปลว่า ดัน และผลัก กรรม แปลว่า การกระทํา แตล่ ะราย แต่
ละรูปไม่เหมือนกัน ทําดกี ็ดันไปทางดี ทําชั วกด็ ันไปทางชั ว
กฎ ตัวนี คือ กฎแห่งธรรมชาติ กฎ แปลว่า กดลงไปและดันขึ นมา ถ้าหากเรามีคุณธรรมได้อบรมมาดี
แล้ว มันจะดันและผลักไปในทางดใี ห้มีปัญญา
ถ้าการกระทําของเราไม่สมส่วนควรกันไม่สมเนือสมนํ า เพราะจิตใจทีอบรมมาไม่ดี มันจะดันไป
ในทางทีไมด่ ีและกดให้จมลง ให้ตําลงไปโผลไ่ มข่ ึ น
อาตมาประสบมามากหลาย บางคนไม่สนใจในเรืองกรรมดี กรรมชัว ต้องการอายุมั นขวัญยืน
ต้องการให้มคี วามสวยงาม ผิวพรรณผอ่ งใส ต้องการให้สุขภาพอนามัยดี และต้องการให้กิจการสําเร็จตาม
เป้ าหมาย แต่เขาไม่ได้สร้างเหตผุ ลทจี ะส่งผลให้อายุยืน กลับไปทําให้อายุสั น ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบยี ดียเบน
ชีวิตเขา อาฆาต เคียดแค้นผูกพยาบาท ริษยา รบั รองผู้นั นจะอายุสั น พลันตายตแั ตง่อายุยังน้อย
พระท่านสอนไว้ว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ” การเกิดเป็นมนุษยแ์ สนจะยาก ลําบากเหลือเกิน
ทีจะเกิดมาโสภาภาคย์ มนี ้าตาดยี ิงหายากทีสุด ท่านต้องมญี าณมา มีปัญญามา มีวิชามา มีความรู้ของมนษุ ย์
คือมีคุณสมบัติมนษุ ย์ครบ คอื คุณธรรม มีศีล๕ ครบ จึงจะมาเกิดเป็นมนุษย์ทีโสภาได้
บางคนมศี ีลมาไม่ครบ มคี ุณสมบัติไม่ครบ เกิดมาขี ริ วขีเหร่ บางคนเกดิ มาง่อยเปลียเสียขา บางคนตา
บอดหูหนวก บางคนแถมยังปัญญาอ่อนอีก บางคนเฒ่าแก่ชราเป็นอัมพาต
บางคนมีทานดมี าแต่ชาติก่อน ก็เกิดมาเป็นลูกมหาเศรษฐีมั งมีศรีสุข แตเ่ มือชาตกิ ่อนเขาได้ทําการ
เบียดเบยี นสัตว์มา ชาตินีจงึ สามวันดีสีวันไข้ เข้าโรงพยาบาลไม่พัก มีเงินกช็ ่วยไมไ่ ด้ บางคนไม่ได้สงรเ้าหตุ
แห่งปัญญามา ถงึ เกิดเป็นลูกเศรษฐี เงินก็ชือวิชาไม่ได้ เงินก็ช่วยลกู เรียนเป็นดอ๊ กเตอร์ไม่ได้ เพราะเหตใุ ด
เพราะทําบญุ มาไม่ครบ
บางคนบ้านใหญ่โตราวกับวัง แตก่ ินข้าวกับนํ าตาไม่เว้นแตล่ ะวัน
ทา่ นทั งหลายโปรดทราบ เรืองสงั ขท์ องเป็นปริศนาธรรม หกเขยคือหน้าโง่ โง่ทางอายตนะ ตาโง่ ไม่
มกี ําหนดเห็นหนอ เห็นด้วยโง่ ๆ ไมเ่ ห็นลึกซึ ง ไมเ่ ห็นนิสัยใจคอคน ดูคนไม่เป็น
ดคู นให้ดูหนา้ ดผู ้าให้ดูเนือ
ดูเสือให้ดลู าย ดูชายให้ดูพ่อ
จะได้ไม่ยอ่ ท้อใจ!

๙๔

ท่านทั งหลาย เพิงเริ มเขา้ มาปฏิบัติไม่กีชัวโมง จึงอาจจะไม่ลึกซึ งถึงนขทั ีดูหนา้ ดูตาก็จะรู้ได้ ดู
คนให้ดูหนา้ ดูโหงวเฮ้ง

การแนะแนวไม่ใช่มาถึงวัดสอนบญุ บาป ทําบุญไปสวรรค์ ทําบาปไปนรกเทา่ นั น ต้องสอนแนะ
แนวถึงกรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร ใครเอาไปใช้ปฏิบัติเป็นประจํา จะแก้กรรมได้จริง ๆ ถ้าใช้ไม่จริงก็
เหมือนถ้วยชา เขาให้มาแล้วเอาไปใส่ตู้ไว้ ไม่คอ่ ยใช้ให้เป็นประโยชนเ์ ลย

ตัวเรานี มปี ระโยชนม์ าก แตใ่ ช้ตัวไม่เป็ น ไปใช้ในเรืองไรส้ าระเสียมาก ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อ
ตัวเอง เกิดมาเสียชาตเิ กดิ ไม่ประเสริฐลํ าเลิศ ไหน ๆ จะตายจากโลกไปกจ็ ะต้องมีความดีติดตัวไปด้วย และ
ทิงความดไี ว้ในโลกมนุษย์ คอื ความดีเป็นตรา ถ้าใครทํากรรมฐานได้ลกึ ซึ ง จะรู้เหตุผลของชีวิตได้อย่างดี
ทสี ุด เป็ นประโยชน์แก่ชีวิตประจําวัน แกไ้ ขปัญหาเกิดขึ นเฉพาะหนา้ ด้วยกรรมฐาน

บางคนชอบไปหาหมอดู หมอดูบอกว่าต้องสอบได้ทีหนึง แตป่ รากฏว่า สอบตก หมอดวู า่ สอบตก
กลับสอบได้เพราะเราขยันเราต้องสร้างความดีให้กับดวง หาใช่ดวงทําให้เราดีไม่ ต้องสร้าง อยู่เฉย ๆ ดีได้
อยา่ งไร มันต้องเกิดจากการกระทํา คอื กฎแห่งกรรมนันเอง

การสร้างความดีให้กับดวง กค็ ือสร้าง ศีล สมาธิ ปัญญา ใหเ้ กดิ ขึ นแก่ตัวเรา แล้วเราจะอบอวล ทวน
ลม ผู้ทีมีสมาธิจะเป็นคนขยันหมันเพียร และเป็นผู้มีปัญญา คนทมี ปี ัญญาแหลมลึก แหลมหลักต้องมสี ามคม

คมกริบ ไว้ภายในจิต ไม่บอกใคร แสดงออกในเมือมีความจําเป็นจะต้องใช้
คมคาย มันยังเป็นหลุม ปเ ็นบ่อ ไมเ่ สมอ กเ็ อาบุ้งมาแทง อย่างนี เป็นต้น
คมสัน มันต้องใช้ขวานตอกยํ าลงไป จึงจะเข้าเรียบร้อยดี นีมันมีในลักษณะศีล สมาธิ ปัญญา ครบ
ศีล คือ สถาปนิก ออกรูปแบบพืนฐานให้คนชอบ
สมาธิ คือ วิศวกร รู้วาระจิต รู้จักนํ าหนัก รู้จักชั งตวงวัด รู้จักวาระจิตขคอนงในฐานะเช่นไร ควรทํา
กับเขาอย่างไร รู้จักกาลเทศะ รู้จักบาป รู้จักบญุ รู้จักคุณ รู้จักโทษ รู้จักสิงทีเป็นประโยชน์และไปม็น่เ
ประโยชน์ทวี ิศวกร
ปัญญา คือ นายช่าง ลงมือทําทันที มิได้รอรีแต่ประการใด
ถ้าใครเป็ นทั งสถาปนิก วิศวกรและนายช่างแล้ว รับรองคนนั นเอาวตรั อดปลอดภัยในอนาคต
บางคนเกดิ มาแต่ชาติก่อน นิสัยดีมีปัญญาในโลกมนุษย์นี เขาจะมีแตค่ วามเจริญรุ่งเรือง ถึงจะเกิดใน
บ้านยากจนก็สามารถเป็นรฐั มนตรี หรือเป็ นใหญ่เป็นโตได้ เพราะสติปัญญาทีสร้างมาแต่ชาตกิ ่อน
คนเราก็มีทั งถูกและแพง มีทั งเกแ๊ ละดี มีทองคํากม็ทีองชุบ มหี ลวงพ่อทวดก็มหี ลวงพ่อเทยี บ คนดี
หายากคนเก๊เยอะ
มีน้อยเหลือเกินทีจะดีเด่นเห็นชัดและเห็นไกล อย่างนี หายาก ต้องอดทน ต้องฝึกฝน
ทา่ นทั งหลายเอ๋ย จติ นีฝึกได้ขยันก็ได้ฝึ กให้ทํางานก็ได้ ฝึกให้ขีเกียจกไ็ ด้
การเจริญวิปัสสนากรรมฐานจะรําลึกชาติได้ รกู้ ฎแห่งกรรมทผี ่านมา จะแก้ปัญหากรรมทีเกิดขึ น
เฉพาะหน้าในกิจประจําวันของเราได้

๙๕

ถ้าใครเจริญวปิ ัสสนากรรมฐานโดยต่อเนือง สร้างความดีให้ติดต่อกัน สร้างความดี ถูกตัวบุคคล ถูก
สถานที ถูกเวลา ต่อเนอื งกันเสมอต้นเสมอปลายแล้ว คนนันจะได้รับผลดี๑๐๐% และจะเอาดใี นชาตินีได้
แน่นอน ไม่ต้องรอดีถงึ ชาติหน้า

สําคัญทีทาํ ความดผี ิดสถานทผี ดิ ตัวบุคคล และผิดกาลเวลาด้วย ไม่ใช่กาลเวลาทีจะต้องทาํ ไปแล้วไป
ทาํ ไม่ใช่กาลเวลาทจี ะพูดแล้วไม่พูด มนั ก็เสียหาย

ถ้าเรานังสมาธิอยู่หายใจยาว ๆ มกี รรมฐานเป็นการพักผ่อนในร่างกายในตัว เช่น๑ นาทีหายใจ ๑๘
ครั ง กําลังนอนหลับเหลือ๑๕ ครั ง ถ้าเราทําสมาธิปกติเหลอื ๑๕ ครั ง ก็เหมือนได้หลับไปแล้ว มันไม่
ออ่ นเพลียละเหียใจแต่ประการใด มันจะเข้าภาวะปกตอิ ยา่ งดียิง จะมีพลังจิตสูง ตอ่ สู้กับเหตุการณ์และปัญหา
ได้ ด้วยการฝึกฝนกรรมฐานนีแหละ

เพราะฉะนั นกรรมฐาน แปลว่า การกระทําให้ฐานกายนีเป็นทตี ั งของสติ พอท่านทั งหลายทําจนได้
ดวงตาเหน็ ธรรมวิเศษบางประการ ได้ศีล สมาธิ ลึกซึ งในจิตใจ ท่านจะเหน็ ความดีในจิต

รําลึกถึงบุพการีได้ สามารถรําลึกชาติได้ จะไม่ลืมพ่อ ลมื แม่ ปู ่ ยา่ ตายาย ครูบาอาจารย์ จะสนิทสนม
กลมกลืนกันกับครบู าอาจารย์ผู้มีพระคุณทั งหลาย

นักปราชญ์ท่านสอนไว้ว่า ถ้าเราให้อะไรใครจะไม่นับไม่จํา แตใ่ ครให้อะไรเรา แม้นํ าถ้วยเดยี ว เราก็
กําหนดจดจําไว้ได้ เราจะไม่ลืมบญุ คุณของเขา อยา่ งนีจะเกิดขึ นกับนักกรรมฐานทีซึ งใจ

เพราะเหตทุ ีเราไม่หวังผลตอบแทน แล้วบญุ กุศลจะสนองแกเร่ าเอง เงินไหลนอง ทองไหลมา จะคิด
อ่านทําอะไรกไ็ ด้ผลสาํ เร็จตามเป้ าหมายทุกประการ มแี ต่ความเจริญ จะได้อยู่ในแวดวงสิ งแวดล้อมทีชืนใจ
ไม่มกี ารทะเลาะวิวาทกัน จะมีแต่สิ งทีเป็นมงคลในบ้านนี

อันนี บางคนทําได้ยาก เพราะสันดานทําไม่ได้ นิสยั ไม่ให้ รูปร่างก็ดี ๆ นะ แนติส่ ัยไมใ่ ห้
บางคนเข้าใจว่าคนอืนคงเหมือนเรา และเราเหมือนคนอืนเขา เหมือนไม่ได!้ เพราะแตกตา่ งด้วยกฎ
แห่งกรรม เหมอื นกันไมไ่ ด!้
การแต่งกายก็ไมเ่ หมือนกัน บางคนชอบทรงนั นทรงนี ถ้าเคยชอบอย่างไร ไปใช้อย่างอืนมันกไ็ ม่
พอใจ ไม่สบายใจเป็ นทีการฝึก เราเคยทําอย่างนี แล้วไปทําอย่างนั นมันก็ทําไม่ได้ ก็ธรรมดา เพราะกฎ
แห่งกรรมนี มันแยกประเภทของสรรพสตั ว์เหมือนกันไม่ได้
กฎแห่งกรรมสั น ๆ มาจากไหน อาตมาทบทวนได้แล้วขอฝากท่านทั งหลายไว้ด้วย เราจะดูได้จาก
“เหน็ หนอ! รู้หนอ คิดหนอ เข้าใจหนอ” และกาํ หนดกิเลสได้ในตวั เรา ธาตุ อายตนะจะโง่หรือฉลาดอยทู่ ี
อายตนะ ๖ อยทู่ .ี ...อินทรีย์ หน้าทีนีเอง ตา หู จมูก ลิน กาย จติ จะโง่หรือไมโ่ ง่ อยู่ทีตรงนี
จะฉลาดหรือมีปัญญาอยู่ทีตา หู..ทําได้จริงหรือเปลา่ กําหนดต่อเนืองหรือเปล่า เปล่าเลย มันก็ไม่ได้
ก็ได้แค่นั น ทีกําหนดก็ไม่รู้ด้วย และไรู้ม่จริง
ทีท่านทั งหลายทํานีกต็ ้องการเอาเป็นนิสยั ปัจจัย เพอื ทําต่อเนอื งต่อไปในอนาคต เพือแก้ปัญหา
ปัจจุบัน จากการกําหนดตา หู จมูก ลิน กาย ใจนีเอง นีมันอยู่ตรงนี มันโงห่ รือฉลาดมันอยูต่ รงนีเองนขธั์ ๕
รูปนามก็อยูต่ รงนี เอง

๙๖

เพราะฉะนั นการกระทําของแต่ละท่านนี เราดูได้จากตัวเรา สังเกตได้จากตัวเรา เจริญกศุ ลภาวนามี
หน่วยกิตครบ เราจะรูไ้ ด้เองว่าตัวเรามีปาณาตบิ าตติดตัวมา๖๐ เปอร์เซ็นต์ เราจะต้องรับใช้หนี ในชาตนิ ีแน่

รับใช้หนีอะไร ก็หมายความว่าเราจะต้องโดนรถชน เราจะต้องโดนฆา่ ตาย เราจะต้องโดนใส่ร้าย
มันจะบอกเราเองกอ่ นทีจะไปบอกคนอืนเขา อันนี อาตมาก็ได้ประสบมาเป็นต้น เช่นมปี าณาตบิ าตฆา่ สัตว์
ตดิ ตัวมา๖๐ เปอร์เซ็นต์ เรารู้แจ้งแก่ใจ รู้วันตายว่าจะต้องตายอยา่ งไร รถชนตาย โดนยิงตาย โดนอบุ ัติเหตุ
ตาย เป็นต้น

จะโดนง่อยเปลียเสียขา โดนทรมาน โดนหนอนกินจนชีวิตหาไม่ มนั จะบอกเหตุการณช์ ัดในตัวเรา
ก่อน

ในเมือบอกตัวเราได้ ดูคนอืนมันก็บอกได้ เราอ่านภาษาอังกฤษทนี ีจบ ไปอ่าน เอ บี ซี ทีไหน มันก็
ต้องผสมสระ ผสมอักษรเข้าแล้วก็แปลความหมายของศัพท์ได้ นันแหละเชน่ เดียวกัน

เราจะรู้ได้ว่าเห็นหนอ คนนี มีปาณาติบาตติดมากจ็ ะรู้ได้เลยว่า กฎแห่งกรรมคนนี จะต้องเป็นอัมพาต
คนนี ต้องไปอบุ ัติเหตุ คนนี ไปโดนรถชนตาย มันบอกชัดนะ

มปี ระโยชน์มากสําหรับผู้ทําได้ มันมีประโยชนอ์ ย่างนี
ถ้าเราเจริญกรรมฐาน เราจะรู้กฎแห่งกรรมได้ตอนมีเวทนา คนไหนอดทนต่อเวทนาได้ กําหนดผ่าน
เวทนาได้ เราจะรู้ได้ว่าทุกข์ทรมานทีผ่านนั นไปทํากรรมอะไรไว้ มันจะมกี รรมอะไรมาแทรกซ้อน มันจะ
บอกเราเอง อันนีมีตัวอย่างทีอาตมาประสบการณ์มามากมาย เช่น อทนิ นาทาน
เบียดเบียนทรัพย์เขามานะ แล้วก็ไปเบียดเบียนสัตว์ด้วย ทกุ อย่างเอาหมดมักได้มักง่าย รุกหัวนคไั ร่
คันนา ลักเงินลักทอง โจรกรรมเลก็ ๆ นอ้ย สะสมหน่วยกิตนิสัยไม่ดี นสิ ัยเคยชินในการลักขโมย ไป
เบียดเบยี นทรัพย์
เหมือนเศรษฐมี ีเงินแล้วไปบ้านเหนือบ้านใต้ ก็ต้องหยิบมีดเขามา หยิบโน่นใส่พกใส่ห่อมา จนได้คอื
นิสัยสันดาน มีเงินแล้วยังต้องไปลักของเขาอีก ไปเบียดเบยี นเขาอีก เบียดเบียนคนจนอกี ทํานองนีเป็นนต้
กฎแห่งกรรมจะบ่งบอกออกมาเป็ นดุจเครืองคอมพิวเตอร์วา่ คนนีได้เงินได้ทองมาแล้วต้องถูก
โจรกรรม ต้องถูกคนลกั ตีชิงวงิ ราว มฉิ ะนันไฟจะไหม้บ้านไมเ่ คยผิดแม้แต่รายเดียว อาตมาเคยทายไว้ คน
นี ระวังนะโยมเคยถูกโจรกรรมไหมโยม? ไม่ถูกเลยค่ะ ระวังอันเดียวคือไฟไหม้บน้าหมดเนือประดาตัว แล้ว
ก็จริงด้วย อันนีเห็นได้ชัด
นีแหละทา่ นทั งหลายทําให้มันจริง จะเห็นจริง ทําไม่จริง จะเห็นจริงได้อย่างไร ต้องเห็นจากตัวเรา
ออกมาข้างนอก เรารู้ตวั ว่าเรามีเวรมีกรรมประการใด กใ็ ช้หนีโดยไม่ปฏเิ สธทุกข้อหา จติ อโหสิกรรมได้ ยินดี
รับเวรรับกรรมได้ โดยไม่มปี ัญหาใด ๆ
กาเมสุมจิ ฉาจาร ถ้าเรารู้ตวั เอง นังเจริญกุศลภาวนา มนั จะบอกว่าอดีตชาติ ไปปู ้ ยีปู ้ ยําเขามา ชู้สาว
นานาประการ ผัวเขา เมียเขา นานาชนิด มีข้อคิดหลายอย่าง
มาในชาตินี เราก็มาลาํ บากลําบนในครอบครัวหาความสุขไม่ได้เลย มีสามีก็เป็นของเขาหมด มี
ภรรยากม็ ีชู้หมด และครอบครวั ต้องหายนะ ทะเลาะวิวาทกัน ไม่ใช่คสู่ ร้างคู่สม กลายเป็นค่วู ิวาทกัน และ

๙๗

จะต้องแตกแยกหยา่ ร้างกันไป ถงึ จะมลี ูกด้วยกันแล้ว มีทั งเขยสะใภ้แล้วกต็ าม จะต้องแยกกันไปตาม
กาลเวลา จากการกระทําของเราแน่นอนทีสุด

บางทา่ นเป็นผู้ชายแท้ ๆ ปู ้ ยีปู ผ้ ยู้หําญงิ ทาํ ให้เขาชําอกชําใจหลายชาตทิ ผี ่านมา เกดิ มาในชาตินีต้อง
เกิดมาเป็ นผู้หญิงโสเภณี ก่อนจะตายต้องให้หนอนกินเสียก่อน มีจริงทีจดไว้หลายราย ถ้าท่านไม่เชือลอง
ไปทําดนู ะ มีความหมายอย่างนี

นอกเหนือจากนั นหลอกลวงโลกหวงั เอาลาภเขา หลอกลวงเขาตลอดรายการ พูดเทจ็ พูดส่อเสียด
พูดคําหยาบ เพ้อเจ้อ เลียวลดคดเคียวตดิ วญิ ญาณมาในชาตินี รับรองอย่าปฏิเสธ ไม่ช้าเราต้องโดนหลอกเอา
เงินไป โดนหลอกเอาโน่นไป โดนหลอกเอานีไปอย่างแนน่ อน ใครเป็นผู้หลอก ผู้ใกล้ชิด ญาติมิตรหรือ
เพือนฝูง เขามาเกิด จะต้องสนองงานในกฎแห่งกรรม ก็มาหลอกเอาของเราไป และเราไม่ต้องตดิ ตามของนั น
แน่นอนทสี ุด เพราะเราไปหลอกเขามาก่อนอย่างนีเป็นต้น

สุราเมรัย เครืองดองของเมานานาชนิดทุกประการ ถ้าเรานงั ภาวนาเราจะรู้ตวั เองว่า อดตี ชาติเราเสพ
ยานี มาไหม ถ้าติดมา๖๐ เปอร์เซ็นต์ รับรองว่า เรานี จะไม่ต้องเรียนอะไรเลย เรยี นไมไ่ หวแล้ว และเป็ นโรค
ปัญญาอ่อน ไปเรียนอะไรก็ไม่จบหลักสูตรมัธยมศึกษา แน่นอนและเป็นความจริงด้วย

เราต้องแก้กรรมของเราเสียอ๋อ! ปาณาตบิ าตเมอื ชาติก่อนติดมา เรายังไม่ง่อยเปลียเสียขาในขณะนี
เราจะต้องรับสนองผลงานในโอกาสหน้า เราก็รีบบําเพญ็ กุศล ด้วยการแก้กรรมด้วยการปฏิบัติกรรมฐาน

เรากม็ าบําเพ็ญทานศีลและภาวนา สวดมนต์เป็ นนิจ อธิษฐานจิตเป็ นประจาํ อโหสิกรรมเสียก่อน
และเราก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทังหลายทีเราไปสร้างกรรมมาครั งอดีต รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง รู้เท่าทันหรือไม่เทา่
ทันก็ตาม ถ้ารูเ้ ทา่ ไม่ถงึ การณ์เช่นนีแล้วขอสรรพสัตว์ทังหลายจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า มันก็จะน้อยลง
ไป ยกตัวอย่างอาตมาเป็นต้น

อาตมารู้ตัว ๖ เดือน ก็ขออโหสิกรรมทุกวนั ว่าเราก็ไปหักคอนกมามากหลาย เราก็บอกว่า พ่อนกเอ๊ย
ตอนทีข้าพเจ้าเป็ นเดก็ รู้เท่าไม่ถงึ การณ์ อย่าเอาโทษเราเลย ขอให้โทษเราลดลงไป ให้อภัยโทษเถิด เหมอื นให้
การกับศาลรับสภาพฉะนัน

ศาลจะเมตตาเราทใี ห้ความสะดวกในการพิจารณาของศาล จึงลดโทษลงไปอกี ๖๐ เปอร์เซ็นต์ เรา
อาจจะรอดจากความตายได้ เลยก็เตรียมให้รถชนคอหักหมุนได้ แล้วก็กลับมาใช้เวรกรรมให้สินสุดในชาตินี
ชาตเิ ดียวเท่านั น ผ่านจากหนักเป็นเบาได้ คอืมิได้ปฏิเสธทุกข้อหาด้วยกรรมฐาน แก้กรรมได้อย่างนี โดยรู้ตัว
ของเราเอง

ญาตโิ ยมผู้ปฏิบัติธรรมทกุ ท่านถ้ามีเวทนาต้องสู้ กําหนดให้ได้ ปวดท้อง ปวดขา หรอื ปวดตรงไหน
ปวดหนอ ตายให้ตาย เดียวท่านจะเห็นกรรม เมืออดีตชาติท่านทําอะไรไว้ท่านจะโล่งใจนะ ท่านจะดใี จเดียว
ท่านจะได้แก้กรรมด้วยการแผ่เมตตา อโหสิกรรม ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธกรรมทุกข้อหา นีกรรมฐานแก้กรรม
อย่างนี

๙๘

บางทเี รามีเวทนาหน่อยเลิกเลย ไม่รู้จะแกอ้ ย่างไร ครูอาจารย์เขาบอกกําหนด ปวดหนอ ๆ นักศึกษา
วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยามานั งปฏิบัติ เดียวนี จบปริญญาโทเป็นอาจารทย์ขี อนแก่นไปแล้ว ปวดหนอ ๆ
ปวดหนักเขา้ มาบอกแม่ยพุ ิน บอกหนูไม่หาย แม่ยพุ ินให้กําหนดต่อไป พอวันท๓ี นกึ ขึ นได้ เมืออยู่ชั น
ประถมสอง ประถมสาม หกั ขาเขยี ด หกั ทังเป็ น ใส่เกลือทังเป็ นกําหนดหนักเข้าให้อโหสิกรรม แผเ่ มตตาให้
สตั ว์เสีย นแี หละกรรมฐานแกก้ รรม ก็เลยเบาลงไปและหายวับไปกับตา ไมป่ วดขาอกี ต่อไป

เขาบอกว่าไปหักขาขวาเขยี ดและปวดขาขวามาตลอด พออโหสิกรรมว่าไมป่ ฏิเสธ เราไปหักขาเขา
มาจริง เราปวดอย่างนี เขาก็ต้องปวดอย่างนั นแหละ เรากต็ ้องใชห้ นี ด้วยการปวดไป ทรมานพอสมควรแก่
เวลา และเรากําหนดจิตแผ่เมตตาต่อเมือออกจากกรรมฐาน อโหสิกรรมเสีย นีเรียกว่า กรรมฐานแก้กรรม
อย่างนี สามารถจะไมป่ วดอีกต่อไปแล้ว

บางคนปวดตา บอกว่า “ไม้แทงตา ไม้แหลมมาแทงตาปวดเหลือเกิน” กําหนดเข้าโยม ไมม่ ใี ครไป
แทง กําหนดเสีย นึกถงึ คณุ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นคนข้างวัดนีเอง แตไ่ ม่เคยทํากรรมฐาน ยเดวี
ภาพนิมิตออกมาทันที

โยมคนนีอายุ๗๐ กว่าแล้วภาพนิมติ ออกมาว่า เมือยงั แขง็ แรงอยู่ มาลักหน่อไม้วดั นี หน่อไหนทีเอา
ไม่ได้ เอาไม้แหลมแทงให้มันเสีย แทงหน่อไม้วัดเลย ตัวเองกต็ ้องปวดตาอย่างนี พอรู้ชัดเข้ากข็ ออโหสิกรรม
พระสงฆ์อนุโมทนาและกห็ ายปวดตาจนชีวิตหาไม่ นีกรรมฐานแกก้ รรมอยา่ งนั น

บางคนไมร่ ู้พอปวดก็เลิกไปเลย ไม่เอาแล้ว ชอบสบาย รบั รองท่านจะไมร่ ู้กฎแห่งกรรม เดียวจะว่า
อาตมาหลอกไม่ได้นะ อาตมาผา่ นมาแล้วนะ ขอฝากผู้ปฏิบัตธิ รรมไว้ด้วย

เป็นคนจริงหรือเปล่า ถ้าจริงต้องได้ผลแน่ อย่างหนูทีวิทยาลัยครูพระนครศรีอธยุยา เจริญวัยชันษา
พอดี

ผู้ทีไม่ได้รับราชการครู แต่เรียนวิชาครูไม่จําเป็ นต้องเข้าครูเสมอไป เพราะวิชาครูเป็นหลักสาํ คัญ
มาก เป็นศูนย์กลางอันสําคัญ ทีเรียนเข้าไว้ สามารถจะเลือนยศตําแหน่งได้

มจี ่าทหารคนหนึง มฝี ึกกรรมฐานทีนี สอบวิชาครูได้ปริญญาตรี บัดนลีเือนเป็นนายร้อยโทแล้ว
อาตมาช่วยบอกเจ้ากรม กรมยทุ ธศึกษาทหารบก เดียวนีเป็นร้อยเอกไปอีกคนหนึง

อย่างท่านทั งหลายเป็นทหาร เป็นฝ่ ายอะไรก็ตามมปี ระโยชน์นะ แต่ท่านไม่นั งกรรมฐานจริง กไ็ ม่
ทราบประโยชน์ตัวเอง อันนีช่วยไมไ่ ด้ นเี ห็นว่าคนเข้างานได้หมดแล้ว บรรจดุไ้หมด เจริญกรรมฐาน เป็ น
ผลงานกฎแห่งกรรม แก้กรรมได้

คนทเี ป็นหนี เขา ยังใช้หนีไมห่ มด สร้างความดีไมข่ ึ นหากินไมข่ ึ น บางคนหาเงินโดยค้าขายรํ ารวย
จริง แต่เก็บไม่อยู่ ทําอยา่ งไรก็ไม่อยู่ ไม่รู้ไหลออกไปทางไหนหมด

อาตมาก็ดูให้ บอกให้มานั งกรรมฐานเสีย แก้กรรมนกี ็ได้ความว่าสร้างเวรสร้างกรรมมามากยังใช้ไม่
หมด พอใช้เวรใช้กรรมหมด อโหสิกรรมแผ่เมตตา บําเพ็ญกุศลเสร็จเรียบร้อย ทีนี เงินเก็บอยลู่ ะ เป็นเศรษฐี
ได้ นีกลายเป็นคนมีเงนิ มีทองไปแล้ว นีแหละใช้หนี ใครไม่หมดไม่เจริญหรอก ทําไมข่ ึ น ขอฝากไว้สั น ๆ นะ

บางคนมาถามว่า “ฉนั มีเวรมีกรรมอะไร”

๙๙

“มานังกรรมฐานซิโยม จะได้ร”ู้
“โอ๊ย ฉันไมม่ ีเวลา ไม่ว่าง”
แต่เวลาไปคุยบ้านเหนือบ้านใต้ว่างดีนัก คยุ นินทากันนั นแหละว่าง ไปสร้างความชัวว่าง แต่สร้าง
ความดีไม่มใี ครว่าง ถูกต้องแล้วน่าเห็นใจ เพราะคนเราจะดีเหมือนกันทุกคนไมไ่ ด้ แล้วแตาว่ สนาบารมี คนที
ไม่มีบุญวาสนา มันทํายาก อาตมาก็เห็นใจด้วย
คนเราทจี ะดึงมาสร้างความดีดึงยาก เพราะดเู หตุการณ์แล้วคนนันไม่มีบุญ ไม่มีวาสนา เขาจึงทาํ
ยาก อย่าไปวา่ เขาเลย เพราะไมม่ ีวาสนา ทําอย่างไรก็ทําไมข่ ึน และทําไม่ได้ด้วย
ขอเจริญพรให้ญาตพิ นี ้องได้ทราบว่ากรรมฐานแก้กรรมได้ มีนายทหารคนหนึง ยศร้อยโท อยู่ศูนย์
การทหารปื นใหญม่ าบวชทีนี พ.ศ. \๒๕๐๐ มลี ูกผู้หญงิ ๒ คนแล้ว ปู ้ ยีปู ้ ยํากับผู้หญงิ จริง ๆ ไม่เชือบุญเชือ
กุศล ไม่เชอื เวรเชือกรรมด้วย
อาตมาบอก “ผู้บังคับหมวด อาตมาขอบิณฑบาต สึกหาลาเพศแล้ว อย่าไปยุ่งกับผหู้ ญิงเขานะ”
“โอ๊ยหลวงพอ่ ผมไม่เชือ ไมม่ ีทางหรอก สนุกสนานไปชั วคราวเทา่ นั น ตอนตายแล้วมันก็สูญ จะ
ไปเกดิ ทไี หนอีก ทีผมมาบวชทนี ีไม่ใช่เพราะศรทั ธานะ แม่ให้มาบวช แม่บอกว่าสาํ เร็จนักเรียนนายร้อยแล้ว
บวชให้แมห่ น่อย เลยผมก็ไปมีครอบครัวเสียก่อน”
“เอาละผู้หมวด ไม่เชอื อาตมาไม่เป็นไรนะ จดไว้นะไมม่ ีลูกผู้หญิงบ้างก็แล้วไปนะ”
“โอ๊ย ผมมี ๒ คนแล้ว”
“จดไว้เผือจะมีลูกผู้หญิงอีก”
ในทีสุดกส็ ึกหาลาเพศไป จากไปเป็นเวลานานหลายสิบปี ยศสุดท้ายก่อนทจี ะมาพบกัน เป็นนายพัน
เอกพิเศษ มีลูกสาว๓ คน ลกู ชาย ๒ คน ภรรยาเป็นอาจารย์ทีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอฝากข้อคิดทา่ น
ทั งหลายไว้
หนักเข้าลูกสาวสามคนเป็นอยา่ งไร ลูกสาวจบ ม.๖ ทุกคน จบแล้วออกเลเพลาดพาด ไปด้วยกฎแห่ง
กรรม จากทพี ่อทําให้กับลูก มาหาพ่อพ่อก็เตะทั งรองเท้า มาหาแมแ่ ม่ก็บน่ จู้จี สอนลกู ด้วยด่าลกู ด้วย
ลูกก็เลยออกจากบ้านไป ไปร้องเพลงอยู่ตามโฮเต็ล ตามโรงแรม ทําเสียหายน่าบัดสีในวงศต์ ระกูล
เหลอื เกิน ลูกชายสองคนดีหมด นแี หละกฎแห่งกรรม
หนักเข้าสามีภรรยาก็ร้องไห้มาหา เพราะว่าบันทึกหลักฐาน จําได้ว่าบวชทวี ัดนี เมือ.ศพ.๒๕๐๐
บันทึกไว้ว่า ไม่เชือตามใจ ลูกจะต้องเสียหาย
มากราบนมสั การอาตมา อาตมาบอก ทา่ นจะแก้ไหมล่ะ ถ้าจะแก้ลาพักร้อนมาด้วยกันทั งคู่ มานั ง
เจริญกรรมฐาน ๗ วัน แล้วก็แผเ่ มตตาให้ลูก อโหสิกรรมให้ลูกทุกวัน ๆ อย่าด่าลกู อีกต่อไป ตั งแต่นาทีนีเป็ น
ต้นไป
ลกู มาแล้วก็อย่าไปพูดเรืองเก่ามาเล่ากันใหม่โดยเด็ดขาด เอาเรืองใหมเ่ ลย ให้ลูกไปเรียนปริญญา
ตอ่ ไป

๑๐๐


Click to View FlipBook Version