The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตามรอย ๙ สถานที่สำคัญในประวัติ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-05-27 23:20:50

ตามรอย ๙ สถานที่สำคัญในประวัติ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

ตามรอย ๙ สถานที่สำคัญในประวัติ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

Keywords: ตามรอย ๙ สถานที่สำคัญในประวัติ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

คำนำ

สวัสดคี ่ะ การจัดทา Ebook ในครัง้ นี้เกดิ จากการ ท่ี
ผเู ้ ขยี นไดม้ โี อกาสดวู ดี โี อ การเดนิ ทางตามรอย 9 สถานท่ี
สาคัญในประวัตขิ องหลวงป่ ูทวดเหยยี บน้าทะเลจดื ของ
คณุ แกว้ เสยี งธรรม ทไี่ ดจ้ ัดทาขนึ้ เพอื่ เป็ นธรรมทาน ใหค้ น
รุ่นหลังและผูท้ ตี่ อ้ งการศกึ ษา หรอื อยากเห็นสถานทจ่ี รงิ
ในประวัตหิ ลวงป่ ทู วด แต่ยังไม่มโี อกาสไดไ้ ป ผูเ้ ขยี นจงึ
ไดข้ ออนุญาต คุณแกว้ เสยี งธรรมนามาจัดทาเป็ น Ebook
เพอ่ื เผยแพร่เป็ นธรรมทาน ใหแ้ ก่ผูท้ ศ่ี รัทธา นับถอื และ
ตอ้ งการศกึ ษาประวตั ขิ องหลวงป่ ทู วดคะ่

อานสิ งสข์ องการจัดทา Ebook ในครงั้ นี้ ขออทุ ศิ ใหแ้ ก่
เทวดาทป่ี กปักรักษาตวั เจา้ กรรมนายเวร ผมู ้ พี ระคณุ บดิ า
มารดา ครูบาอาจารย์ ครอบครัวและกัลยาณมติ รทุกท่าน
จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง
ปราศจากโรคภัยไขเ้ จ็บ สมปรารถนา ในสงิ่ ท่ีหวังทุก
ประการคะ่

แกว้ เสยี งธรรม
ชชั นันท์ สองิ้ ทอง

ตำมรอย 9 สถำนทส่ี ำคญั ในประวตั ิ
หลวงป่ ทู วดเหยยี บนำ้ ทะเลจดื

คำถำบชู ำหลวงป่ ทู วด
นะโมโพธสิ ตั โต อำคนั ตมิ ำยะ อติ ภิ ะคะวำ

สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (สมเด็จเจา้
พะโคะ,หลวงป่ ทู วดเหยยี บนำ้ ทะเลจดื ,หลวงป่ ทู วดวดั
ชำ้ งให,้ ท่านองคด์ า,ท่านลังกา) เป็ นพระมหาเถระผูท้ รง
อ ภิญ ญ า ที่รู จ้ ั ก กั น ดีใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ท่ า น เ ป็ น พ ร ะ
เกจอิ าจารยร์ ูปสาคัญในสมัยกรุงศรอี ยุธยา ผูท้ ศี่ รัทธาใน
หลวงป่ ูทวดเช่ือกันว่า ผูม้ ีพระเครื่องหลวงป่ ูทวดใน
ครอบครองจะมอี านุภาพสงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธคิ์ มุ ้ ครอง

การเดนิ ทางตามรอย 9 สถานที่สาคัญ ในประวัตขิ อง
หลวงป่ ูทวดเหยียบน้ าทะเลจืดน้ี มีสถานที่สาคัญ ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกับท่านอยู่ 5 จังหวัดค่ะ ซง่ึ การเดนิ ทางจะเรมิ่
ตัง้ แตส่ ถานทแ่ี รกเกดิ ท่ี จ.สงขลา จนถงึ สถานทสี่ ดุ ทา้ ย
คอื สถานทเี่ ก็บพระอฐั ขิ องทา่ น ท่ี จ.ปัตตานี ถา้ พรอ้ มแลว้
ออกเดนิ ทางกนั ไดเ้ ลยคะ่

9 สถำนทส่ี ำคญั ในประวตั หิ ลวงป่ ทู วด
เหยยี บนำ้ ทะเลจดื

1. สานักสงฆต์ น้ เลยี บ จ.สงขลา - สถานทฝ่ี ังรก
2. สานักสงฆน์ าเปล จ.สงขลา - สถานทง่ี ูจงอางคาย

ลกู แกว้ วเิ ศษ
3. วัดดหี ลวง อ.สทงิ พระ จ.สงขลา - สถานทบี่ รรพชา

เป็ นสามเณร
4. วดั เสมาเมอื ง จ.นครศรธี รรมราช - สถานทเ่ี รยี นพระ

ธรรมบาลี
5. วดั ทา่ แพ จ.นครศรธี รรมราช - สถานทอี่ ปุ สมบท

เป็ นพระภกิ ษุสงฆ์
6. ปากน้าชมุ พร จ.ชมุ พร - บรเิ วณทเี่ กดิ เหตกุ ารณ์

เหยยี บน้าทะเลจดื
7. วดั แค จ.อยธุ ยา - สถานทพ่ี กั จาพรรษา
8. วดั พะโคะ ต.ชมุ พล อ.สทงิ พระ จ.สงขลา - สถานที่

เก็บลกู แกว้ วเิ ศษและไมเ้ ทา้
9. วัดชา้ งไห ้ จ.ปัตตานี – สถานทเ่ี กบ็ พระอฐั ิ

เรม่ิ ตน้ เดนิ ทางไปสถานทแ่ี หง่ แรกกนั เลยคะ่

1.สำนกั สงฆต์ น้ เลยี บ จ.สงขลำ สถำนทฝี่ งั รก

ตน้ ไมท้ เี่ ห็นนเ้ี รยี กวา่ ตน้ เลยี บ บรเิ วณฐานของตน้ เลยี บจะ
มสี ถปู สเี งนิ เขยี นวา่ ทฝ่ี ังรกของหลวงป่ ทู วดเหยยี บน้า
ทะเลจดื เป็ นสถปู ทส่ี รา้ งขน้ึ ใหมค่ รอบทบั สถปู เดมิ ทเ่ี คยมี
มากอ่ น

ประวตั ขิ องหลวงป่ ูทวด ท่านเกดิ ในรัชสมัยของ
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระบิดาของ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศ
รถ กษั ตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ท่านเป็ นบุตรของ
นายหูและนางจันทร์ ซง่ึ เป็ นทาสในเรือนเบี้ยของ
เศรษฐปี าน

หลวงป่ ูทวดท่านเกิดเม่ือวันท่ี 3 มีนาคม พ.ศ.
2125 ณ บา้ นสวนจันทร์ ในปั จจุบันเรียกว่า บา้ น
เลยี บ อยทู่ ่ี อ.สทงิ พระ หรอื อ.จะทงิ้ พระ จ.สงขลา
เมอื่ แรกเกดิ หลวงป่ ูทวดท่านมชี อ่ื เรียกว่า ปู หรอื
เด็กชายปู เนอื่ งจากตอนเด็กๆทา่ นคลานเร็วเหมอื น
ปู และขณะทเ่ี กดิ ก็มเี หตอุ ัศจรรยข์ น้ึ คอื เกดิ ฟ้ารอ้ ง
ฟ้ าผ่าแผ่นดนิ สะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนว่าจะมีผูม้ ี
บญุ ญาธกิ ารมาเกดิ

เม่ือตัดรกจากสายสะดอื แลว้ ในนายหู ผูเ้ ป็ นบดิ า
ของท่านก็นารถของท่านไปฝั งไวท้ ี่โคนตน้ เลียบ
ซง่ึ ปัจจบุ นั เป็ นทต่ี งั้ ของสานักสงฆต์ น้ เลยี บ

บรเิ วณดา้ นหลังทต่ี ัง้ ของตน้ เลยี บจะเป็ นทต่ี ัง้ ของ
ศาลนายหูและนางจันทร์จะมปี ้ ายเขยี นไวว้ ่าเป็ น
บดิ ามารดาของหลวงป่ ทู วด

2. สำนกั สงฆน์ ำเปล ต.ชุมพล จ.สงขลำ
สถำนทงี่ จู งอำงคำยลกู แกว้ วเิ ศษ

สานักสงฆน์ าเปล เป็ นบรเิ วณสถานท่ี ทม่ี งี ูจงอาง
เล้อื ยมาพันรอบเปลของหลวงป่ ูทวดอันเป็ นที่มา
ของลูกแกว้ ศักดสิ์ ทิ ธ์ิ มพี พิ ธิ ภัณฑบ์ อกเล่าประวัติ
เกยี่ วกับองค์หลวงป่ ูทวด หุ่นปั้นโยมพ่อโยมแม่
เป็ นการจาลองเหตุการณ์จริง มีเร่ืองเล่าว่าใน
ขณะทโ่ี ยมพอ่ โยมแมข่ องทา่ นกาลังเกย่ี วขา้ วกลาง
ทุ่งนาของเศรษฐปี าน บดิ ามารดาของท่านผูกเปล
ไวก้ ับตน้ มะเม่า 2 ตน้ และก็ไดเ้ กย่ี วขา้ วอยู่ไม่ไกล
จากบรเิ วณนั้น พอไดเ้ วลาท่นี างจันทร์ตอ้ งใหน้ ม
ลกู จงึ เดนิ มาทเี่ ปลของลกู นอ้ ยกเ็ ห็นงจู งอาง

ตัวใหญ่หรอื งบู องหลาทช่ี าวภาคใตเ้ รยี กกันพันอยู่
รอบเปล จงึ เรยี กนายหูผเู ้ ป็ นสามมี าไลง่ ูจงอาง แต่
งูจงอางก็ไม่ไปไหน 2 สามีภรรยาจึงตั้งสัตยา
อธษิ ฐานว่าขออย่าใหง้ ูนั้นทารา้ ยลูกนอ้ ยเลย ไม่
นานนักงจู งอางก็คายวงออกแลว้ เลอ้ื ยหายไปในป่ า
นายหูและนางจันทร์จงึ เขา้ ไปดูลูกนอ้ ยเห็นว่ายัง
หลับอยู่และไม่เป็ นอันตรายใดๆ แต่ปรากฏว่ามี
เมอื กแกว้ ขนาดใหญท่ ง่ี จู งอางคายไวอ้ ยบู่ นอก เห
มือ ก แ ก ว้ นั้น มีแ ส ง แ ว ว ว า ว ต่ อ ม า ไ ด แ้ ข็ ง ตั ว
ก ล า ย เ ป็ น ลู ก แ ก ว้ ใ น ท่ี สุ ด ปั จ จุ บั น ลู ก แ ก ว้
ประดษิ ฐานอยทู่ วี่ ดั พะโคะ จ.สงขลา

เม่ือเศรษฐีปานทราบเร่ืองก็บีบบังคับขอลูกแกว้
จากนายหแู ละนางจันทร์ ทงั้ สองจงึ จายอมตอ้ งยก
ลกู แกว้ ใหแ้ กเ่ ศรษฐปี านซงึ่ เป็ นนายเงนิ ของตน แต่
ลกู แกว้ นัน้ เป็ นของศักดสิ์ ทิ ธป์ิ ระจาตัวของเด็กชาย
ปู เมื่อเศรษฐีปานเอาลูกแกว้ ไปก็เกดิ เภทภัยใน
ครอบครัว เชน่ เกดิ การเจ็บป่ วยกนั บอ่ ยขนึ้ เกดิ เหตุ
ไฟไหม ้ ทะเลาะวิวาทและมีฐานะยากจนลง
เศรษฐีปานจึงไดน้ าลูกแกว้ มาคืนและขอขมา
เด็กชายปูพรอ้ มยกหน้ีสินใหแ้ ก่นายหูและนาง
จันทร์ ทัง้ สองจงึ พน้ จากการเป็ นทาสและมฐี านะดี
ขนึ้ เรอ่ื ยๆสว่ นเศรษฐปี านกม็ ฐี านะดดี งั เดมิ

3. วดั ดหี ลวง อ.สทงิ พระ จ.สงขลำ สถำนท่ี
บรรพชำเป็ นสำมเณร

เม่ือเด็กชายปูมีอายุประมาณ 7 ขวบบดิ ามารดา
ของทา่ นจงึ นาไปฝากเป็ นศษิ ยว์ ดั เลา่ เรยี นหนังสอื
กับสมภารจวง ซงึ่ มศี ักดเิ์ ป็ นลุงแทๆ้ ของท่านและ
เป็ นเจา้ อาวาส ทว่ี ดั กฎุ หี ลวงหรอื วา่ ปัจจบุ ันเรยี กวา่
วดั ดหี ลวง เด็กชายปเู ป็ นเด็กหัวดเี รยี นเกง่ สามารถ
เล่าเรยี นภาษาขอมและภาษาไทยไดอ้ ย่างรวดเร็ว
สมภารจวงจงึ บวชใหท้ า่ นเป็ นเณรเมอื่ มอี ายไุ ด ้ 15
ปี ตอนทท่ี ่านบวชเป็ นสามเณรน่ีเองบดิ าของท่าน
จึงถวายลูกแกว้ คืนใหแ้ ก่ท่าน เพ่ือเป็ นลูกแกว้
ประจาตัวของทา่ น

และดว้ ยความท่ีสามเณรปูเป็ นผูใ้ ฝ่ เรียนใฝ่ รูอ้ ยู่
ตลอดเวลา สมภารจวงจงึ ไดน้ าท่านไปฝากใหเ้ ล่า
เรยี นหนังสอื ทส่ี งู ขน้ึ ในสมัยนัน้ เรยี กวา่ ธรรมบททศ
ชาตกิ ับสมเด็จพระชนิ เสนซง่ึ เป็ นพระเถระชัน้ สูง
ทม่ี าจากกรุงศรีอยุธยา ณ วัดศรกี ยู ัง ในปัจจุบัน
เรียกว่า วัดสหี ยัง เมื่อเรียนจบแลว้ สามเณรปูจงึ
เดนิ ทางไปศกึ ษาต่อทเ่ี มอื งนครศรธี รรมราช เพ่อื
เรยี นหนังสอื ใหส้ งู ขน้ึ

4. วดั เสมำเมอื ง จ.นครศรธี รรมรำช สถำนที่
เรยี นพระธรรมบำลี

วดั เสมาเมอื ง จ.นครศรธี รรมราช เป็ นสถานทศ่ี กึ ษา
ของสามเณรปูก่อนท่ีจะอุปสมบทเป็ นพระสงฆ์
เมอ่ื หลวงป่ ูทวดจบการศกึ ษาทวี่ ัดศรกี ยู ัง ก็ขอพระ
อาจารย์ไปศึกษาต่อกับพระครูกาเดิมท่ีวัดเสมา
เมืองกระท่ังอายุ 21 ปี พระขุนลกหรือตาขุนลก
คหบดชี าวจนี แหง่ เมอื งนครศรธี รรมราชในขณะนัน้
รับเป็ นเจา้ ภาพอปุ ถัมภก์ ารอปุ สมบทของสามเณรปู
และนาท่านไปสู่สานักของพระมหาเถระปิ ยทัสสี
เพื่ออุปสมบทท่ีคลองหนา้ ท่าเรือวัดท่าแพใน
ปัจจบุ ันคะ่

ในวหิ ารแหง่ นจี้ ะมรี ปู หลอ่ หลวงป่ ทู วดนั่งอยบู่ นเรอื
ประวัตเิ กย่ี วกบั สถานทอี่ ปุ สมบทในตาราบางแห่งก็
บอกว่าหลวงป่ ูทวดอุปสมบททว่ี ัดเสมาเมอื ง บาง
ตาราก็บอกว่าอุปสมบทที่วัดท่าแพ แต่ว่าความรู ้
ทมี่ าเลา่ ใหเ้ พอื่ นฟังครัง้ นน้ี ะคะตน้ ฉบับมาจากวัดดี
หลวงค่ะ ซึ่งเป็ นวัดบา้ นเกิดของหลวงป่ ูทวดท่ี
กล่าวถึงสถานท่ีอุปสมบทอา้ งอิงตาม ลักษณะ
ภมู ศิ าสตรส์ ถานทจี่ งึ อยทู่ ว่ี ดั ทา่ แพคะ่

5.วดั ทำ่ แพ จ.นครศรธี รรมรำช สถำนท่ี
อปุ สมบทเป็ นพระภกิ ษุสงฆ์

วั ด ท่ า แ พ ไ ม่ มีพ ร ะ อุ โ บ ส ถ ท่ีจ ะ ป ร ะ ก อ บ พิธี
อปุ สมบท พระขนุ ลกจงึ นาเรอื มาดตะเคยี น เรอื มาด
พะยอม เรือมาดยาง มาผูกขนานกันทที่ ่าเรือเพื่อ
ใชป้ ระกอบพธิ ีสงฆเ์ รียกว่า อุททกสมี า หรือ การ
อุปสมบทกลางน้า การบวชครัง้ นัน้ มพี ระมหาเถระ
ปิยทัสสี เป็ นพระอปุ ัชฌาย์ พระมหาเถระพทุ ธสาคร
เป็ นพระกรรมวาจาอาจารย์ พระมหาเถระศรีรัตน์
เป็ นอนุคู่สวด พระภกิ ษุปูไดร้ ับฉายาว่า ราโมธัมมิ
โก หรอื สามรี ามภกิ ขุ แตช่ าวบา้ นท่ัวไปมักจะเรยี ก

ท่านว่า เจา้ สามรี าม จบหลักสตู รแลว้ หลวงป่ ูทวด
หรอื พระภกิ ษุปูตัง้ ใจศกึ ษาธรรมชนั้ สูงขน้ึ พระครู
กาเดมิ แหง่ วัดเสมาเมอื ง จงึ ฝากฝังใหท้ า่ นโดยสาร
เรอื ไปกับนายสาเภาอนิ ชาวเมอื งสทงิ พระเพอ่ื เดนิ
ทางเขา้ สกู่ รุงศรอี ยธุ ยา อันเป็ นทมี่ าของเหตุการณ์
เหยยี บน้าทะเลจดื บรเิ วณปากน้าชมุ พรในกาลเวลา
ตอ่ มาคะ่

6.ปำกนำ้ ชุมพร จ.ชมุ พร บรเิ วณทเ่ี กดิ
เหตกุ ำรณ์เหยยี บนำ้ ทะเลจดื

เมือ่ หลวงป่ ูทวดท่านเดนิ ทางเขา้ สู่กรุงศรีอยุธยา
วันหนึ่งขณะเรือแล่นอยู่กลางทะเล ใกลบ้ ริเวณ
ปากน้าชุมพรไดเ้ กดิ พายุหนักฝนตกมืดฟ้ ามัวดนิ
เรอื ไมส่ ามารถแล่นตอ่ ไปไดต้ อ้ งจอดทอดสมออยู่
นานถงึ 7 วนั 7 คนื อาหารและน้าใหเ้ รอื ขาดแคลน
อีกทัง้ คนบนเรือก็ไม่มีน้าดื่ม นายสาเภาอนิ และ
ลกู เรอื ตา่ งสงสัยในอาเพทครัง้ นีว้ ่า อาจเป็ นเพราะ
มพี ระภกิ ษุอาศัยมาจงึ ทาใหเ้ กดิ เหตรุ า้ ยซงึ่ พวกตน
ไมเ่ คยประสบเหตกุ ารณ์เชน่ นมี้ ากอ่ น จงึ นาทา่ นลง

เรือเล็กหมายปล่อยใหท้ ่านไปตามยถาก ร รม
ขณะท่ีอยู่ในเรือลาเล็ก ท่านเห็นความเดือดรอ้ น
ของชาวเรอื ก็เกดิ ความเมตตาสงสารท่านจงึ ไดย้ น่ื
เทา้ ลงเหยยี บน้าทะเลแลว้ ตัง้ จติ อธษิ ฐานแน่วแน่
ทันใดนั้นก็เกดิ เหตุอัศจรรย์น้าบรเิ วณนัน้ เกดิ เป็ น
ประกายแวววาวกลายเป็ นวงน้าจดื ขนาดย่อมๆเท่า
ลอ้ เกวียน ท่านจึงบอกใหล้ ูกเรือตักน้าขนึ้ มาด่ืม
ปรากฎวา่ น้าทะเลทเี่ ค็มจัดบรเิ วณนัน้ กลายเป็ นน้า
จดื ลกู เรอื จงึ บอกใหก้ ับเพอื่ นๆทราบ และชว่ ยกัน
ตกั น้าทะเลขนึ้ มาดมื่ เพอื่ แกก้ ระหาย

ความทราบถงึ นายสาเภาอนิ นายสาเภาอนิ และ
ลกู เรอื รสู ้ กึ วติ กหวาดกลัวภยั พบิ ัตทิ ตี่ นไดก้ ระทาลง
ไป จงึ ไดน้ มิ นตพ์ ระภกิ ษุปูใหท้ ่านขน้ึ บนเรือใหญ่
แลว้ กราบไหวข้ อขมาโทษ และแล่นเรือต่อไป
จนถงึ กรุงศรีอยุธยาตัง้ แต่นั้นมาท่านจงึ ไดร้ ับการ

ขนานนามวา่ หลวงป่ ทู วดเหยยี บนำ้ ทะเลจดื

7. วดั แค จ.อยธุ ยำ สถำนทพี่ กั จำพรรษำ

เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยา นาย สาเภาอินไดน้ ิมนต์
พระภกิ ษุปูใหพ้ ักอยู่ทว่ี ัดแคปัจจุบันมชี อ่ื อย่างเป็ น
ทางการวา่ วดั ราชานุวาส และไดท้ าหนา้ ทเ่ี ป็ นโยม
อปุ ัฎฐาก
มเี หตกุ ารณ์สาคัญขณะทที่ ่านจาพรรษาอยทู่ ว่ี ัดแค
คือมีเหตุการณ์ท่ีเกิดจากการเมืองโดยมิไดท้ า
สงครามกับอรริ าชศัตรูแมแ้ ต่นอ้ ย นั่นก็คอื การทา
สงครามธรรมยตุ ประมาณปี พุทธศักราช 2149 ใน
รัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ สมัยนัน้ พระเจา้

วัฏฏคามุณีกษั ตริย์แห่งกรุงลังกาตอ้ งการขยาย

อานาจไปยังอาณาจักรบรเิ วณใกลเ้ คยี ง และอยาก
ไดก้ รงุ ศรอี ยธุ ยามาเป็ นประเทศราช แตพ่ ระองคไ์ ม่
ปรารถนาใหเ้ กดิ ศกึ สงครามแก่ประชาชนทัง้ สอง
ฝ่ าย จงึ ไดว้ างแผนการเมอื งดว้ ยสันตวิ ธิ ี คดิ หาทาง
เอากรุงศรอี ยุธยาเป็ นเมืองขนึ้ ดว้ ยสตปิ ัญญาเป็ น
สาคัญสาคัญ กษั ตรยิ ์แห่งกรุงลังกาจงึ มีพระบรม
ราชโองการใหพ้ นักงานทอ้ งพระคลังเบิกจ่าย
ทองคาบริสุทธิ์แลว้ หล่อทองคาเหล่านั้นใหเ้ ป็ น
ตั ว อั ก ษ ร บ า ลีข น า ด เ ล็ ก เ ท่ า ใ บ ม ะ ข า ม ต า ม พ ร ะ

อภธิ รรม 7 คัมภรี ์จานวน 84,000 ตัว จากนัน้ ทรง
รับส่ังใหพ้ ราหมณ์ทัง้ 7 คน คุมเรือสาเภา 7 ลา
บรรทุกแพรพรรณและของมคี ่าออกเดนิ ทางมายัง
กรุงศรีอยุธยาพรอ้ มกับปรศิ นาธรรมของพระองค์
ห า ก ผู ใ้ ด แ ก ป้ ริศ น า ธ ร ร ม ไ ด ก้ ็ จ ะ ม อ บ เ ค ร่ื อ ง
บรรณาการทัง้ หมดให ้ แต่หากแปลไม่ไดก้ ็จะยดึ
กรงุ ศรอี ยธุ ยาเป็ นเมอื งขนึ้

เมอ่ื มาถงึ ก็เขา้ เฝ้ าถวายพระราชสาสน์ ของกษัตรยิ ์
ตนแก่สมเด็จพระเอกาทศรถมใี จความในพระราช
สาส์นว่าพระเจา้ แห่งกรุงลังกาขอทา้ ใหพ้ ระเจา้

แผน่ ดนิ แหง่ กรุงศรอี ยุธยาแปลและเรยี บเรยี งเมล็ด
ทองคาตามลาดับใหเ้ สร็จภายใน 7 วนั นับแต่วันท่ี
ไดร้ ับพระราชสาสน์ น้ีเป็ นตน้ ไป ถา้ ทรงกระทาไม่
สาเร็จตามสญั ญาก็จะยดึ กรงุ ศรอี ยธุ ยาใหอ้ ยใู่ ตพ้ ระ
บรมเดชานุภาพของพระองค์ และทาง กรุงศรี
อยุธยาจะตอ้ งส่งดอกไมเ้ งนิ ดอกไมท้ องรวมทัง้
เ ค รื่อ ง บ ร ร ณ า ก า ร ต่ า ง ๆ แ ก่ ก รุ ง ลั ง ก า ต ล อ ด ทุ ก ปี

เ ยี่ ย ง ป ร ะ เ ท ศ ร า ช
ทั้งหลาย สมเด็จพระ
เอากาทศรถ ทรงรับคา
ทา้ เพื่อไม่ใหเ้ ส่ือมเสีย
เกียรตขิ องประเทศ แต่
ป ร า ก ฏ ว่ า ไ ม่ มี ผู ้ใ ด
สามารถเรยี บเรยี งอักษร
ท อ ง ค า ไ ด้เ ล ย จ น
กาลเวลาผ่านไปได ้ 6 วัน ตกกลางคืนพระองค์
ทรงสุบินว่าไดม้ ีชา้ งเผือกเชอื กหน่ึง มีลักษณะ

บริบูรณ์เฉกเช่นพระยาคชสาร มาจากทางทิศ
ตะวันตกเขา้ มาในพระราชนิเวศน์ แลว้ กา้ วเขา้ ไป
ยนื บนแท่น สง่ เสยี งกกึ กอ้ งไปท่ัวทัง้ 4 ทศิ และก็
ท า ใ ห ้พ ร ะ อ ง ค์
สะ ดุง้ ตื่นขึ้น เ มื่อ
พ ร ะ อ ง ค์ เ ส ด็ จ
ออกวา่ ราชการได ้
ทรงรับสง่ั ถงึ นมิ ติ ร
ประหลาด โหร
หลวงจงึ ถวายกราบบังคมทลู วา่ เรอื่ งนหี้ มายถงึ ชยั
ชนะทย่ี งิ่ ใหญ่ของพระองคแ์ ละพระบรมเดชานุภาพ
จะแผไ่ พศาลไปท่ัวสารทศิ เป็ นทเี่ กรงขาม ครัง้ นจ้ี ะ
มพี ระภกิ ษุรูปหนงึ่ มาจากทางทศิ ตะวันตก มาชว่ ย
แปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคาปริศนาได ้
สาเร็จ พระเจา้ อยหู่ ัวจงึ มรี ับสั่งใหข้ า้ ราชบรพิ ารทัง้
มวลออกตามหาพระภกิ ษุรูปนัน้ สังฆการีหรือเจา้
พนักงานผูม้ หี นา้ ทเี่ กยี่ วขอ้ งแสวงหาจนไปพบกับ

พระภิกษุ ปูที่วัดแพหรือวัดราชานุวาส พระธรรม
วนิ ัยสังฆการจี งึ เล่าความเป็ นจรงิ ใหฟ้ ังว่าเห็นจะมี
ท่านองคเ์ ดยี วทตี่ รงกับพระสบุ นิ ของพระเจา้ อยู่หัว
จงึ ใคร่ขอนมิ นตไ์ ปชว่ ยแกไ้ ขเรอื่ งรา้ ยดังกล่าวให ้
กลายเป็ นดดี ว้ ยเถดิ พราหมณ์ทัง้ 7 คนไม่เชอ่ื ว่า
ทา่ นจะแกป้ รศิ นาธรรมได ้ ทา่ นจงึ ไดต้ ัง้ คาถามกับ
พราหมณ์ ซง่ึ พราหมณ์ไมส่ ามารถตอบได ้ จากนัน้
จงึ รบี นาบาตรทใ่ี สอ่ ักษรทองคาเขา้ ไปประเคนแก่
พระภกิ ษุปู เมอ่ื ทา่ นรับประเคนมาแลว้ ก็นั่งสงบจติ
อธษิ ฐานวา่ ขออานาจคณุ บดิ ามารดา ครบู าอาจารย์
อานาจผลบุญกุศลที่ไดส้ รา้ งมาแต่ปางก่อน และ
อานาจเทพยดาท่ีรักษาพระนคร ตลอดจนเทวา
อารักษ์ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิทั้งหลายช่วยกูบ้ า้ นกูเ้ มือง
ขอใหช้ ว่ ยดลบันดาลใจใหส้ วา่ งแจง้ ขจัดอปุ สรรคท่ี
จะมาขัดขวางขอใหแ้ ปลพระธรรมคาสอนของ
พระพทุ ธเจา้ สาเร็จสมปรารถนา จากนัน้ ทา่ นจงึ ควา่
บาตรอักษร แปลปรศิ นาธรรม ดว้ ยอานาจบุญญา

บารมขี องท่านทีไ่ ดจ้ ุตมิ าเป็ นพระโพธสิ ัตว์ โปรด
สัตวใ์ นพระพุทธศาสนาประกอบกับโชคชะตาของ
ประเทศชาตทิ จ่ี ะไมต่ อ้ งเสยี อธปิ ไตย เดชะบุญญา
บารมที ัง้ หลายจงึ ดลบันดาลใหท้ ่านเรยี บเรยี งและ
แปรอักษรจากเมล็ดทองคา 84,000 ตัวสาเร็จโดย
ไม่ติดขัดแต่ประการใด ขณะที่ท่านเรียบเรียง
ปรากฏวา่ ตัวอักษรหายไป 7 ตัว ท่านจงึ ทวงถาม
เอาจากพราหมณ์ทัง้ 7 คน พราหมณ์ทัง้ 7 จงึ ยอม
จานนนาเมล็ดทองคาทซ่ี ่อนไวใ้ นมวยผมของตน
ออกมามอบให ้ พระภกิ ษุปจู งึ แปลพระไตรปิฎกจาก
เมล็ดทองคาสาเร็จบรบิ รู ณ์เป็ นการชนะพระเจา้ แหง่
ลังกาในเวลาเย็นของวันที่ 7 สมเด็จพระเอกาทศ
รถทรงพระโสมมนัสยนิ ดเี ป็ นอย่างยงิ่ จงึ ทรงพระ
กรุณาโปรดเกลา้ พระราชทานสมณศักดิ์ใหเ้ ป็ น

สมเด็จพระรำชมนุ สี ำมรี ำมคณุ ูปมำจำรย์

จากนัน้ ทา่ นก็กลับไปพักจาพรรษาอยทู่ ่ี วดั แค หรอื
วัดราชานุวาสเพอื่ ศกึ ษาและปฏบิ ัตธิ รรมเป็ นเวลา
หลายปี เม่ือถึงเวลาอันสมควรท่านก็ไดล้ าพระ
เ จ า้ อ ยู่หั ว เ พ่ือ ก ลั บ บ า้ น เ กิด ท่ีเ มือ ง ส ทิง พ ร ะ

8.วดั พะโคะ ต.ชุมพล อ.สทงิ พระ จ.สงขลำ
สถำนทเี่ ก็บลูกแกว้ วเิ ศษและไมเ้ ทำ้

วัดพะโคะ (วัดพระราชประดิษฐาน) จ.สงขลา
ปัจจุบันวัดนี้เป็ นทปี่ ระดษิ ฐานลูกแกว้ วเิ ศษและไม ้
เทา้ ของหลวงป่ ูทวดค่ะ หลังจากท่ีช่วยเหลือ
บา้ นเมืองใหพ้ น้ ภัยในสงครามธรรมยุตที่กรุงศรี
อยุธยาแลว้ พระภกิ ษุปู หรอื สมเด็จพระราชมุนีสามี
รามคุณูปมาจารย์ ท่านก็พักจาพรรษาอยู่ทวี่ ัดแค
หรือวัดราชานุวาสเพื่อศกึ ษาและปฏบิ ัตธิ รรมอยู่
เป็ นเวลาหลายปี เมอ่ื ถงึ เวลาอันสมควร ทา่ นจงึ ได ้

ทูลลาสมเด็จพระเอกาทศรถกลับบา้ นเกดิ ท่ีเมอื ง
สทงิ พระ ทนี่ ที่ า่ นไดร้ ว่ มกบั สมภารจวง ผมู ้ ศี ักดเิ์ ป็ น
ลงุ แทๆ้ ปฏสิ ังขรณ์วัด ในบันทกึ กล่าววา่ สมภารจวง
เคยจาพรรษาทว่ี ัดน้คี ะ่ เมอ่ื ตกลงกันเรยี บรอ้ ยแลว้
ท่านจึงเดินทางไปถวายฎีกาขอความช่วยเหลือ
จากสมเด็จพระ
เ อ ก า ท ศ ร ถ ท่ี
ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า
ส ม เ ด็ จ พ ร ะ
เอกาทศรถ ได ้
พระราชทาน
ยอดพระมาลิก
เจดีย์พระ มหาธาตุหล่อดว้ ยเบญจโลหะ การ
ปฏิสังขรณ์วัดจึงเสร็จตามเป้ าหมาย พระภิกษุ ปู
ทา่ นจงึ ไดร้ ับตาแหน่งเจา้ อาวาสวดั พะโคะ ชาวบา้ น
ท่ัวไปเรยี กท่านว่าสมเด็จพระโคะตัง้ แต่นัน้ เป็ นตน้
มาคะ่

ปั จจุบันวัดพะโคะมี
ห ลั ก ฐ า น ที่ ส า คั ญ
เกย่ี วกับองค์หลวง
ป่ ู ท ว ด ห ล า ย
อย่างเชน่ รอยเทา้
ในมณฑป, บอ่ น้าท่ี
ซักจวี รของหลวงป่ ู
, ป ร ะ ดิ ษ ฐ า น
ลกู แกว้ วเิ ศษและไมเ้ ทา้ ของหลวงป่ ทู วด



9.วดั ชำ้ งให้ จ.ปตั ตำนี สถำนทเ่ี ก็บพระอฐั ิ

วดั ชำ้ งให้ เป็ นสถานทเี่ ก็บพระอัฐขิ องหลวงป่ ทู วด
คะ่ มบี ันทกึ ปาฏหิ ารยิ ใ์ นการสรา้ งวัดชา้ งใหจ้ ังหวัด
ปัตตานี ดังนค้ี ะ่
ในค่าคนื หนงึ่ ขณะทที่ ่านกาลังประชมุ เรอื่ งสรา้ งวัด
ใ ห ม่ ป ร า ก ฏ ว่า มีส า ม เ ณ ร รู ป ห น่ึง ถือ ด อ ก ม ณ ฑ า
สวรรค์เดินเขา้ มาในวัด หลวงป่ ูท่านรูว้ ่าเทวดา
แปลงมา สามเณรนอ้ ยบอกกับชาวบา้ นว่าตนเอง
ชอื่ บญุ ปลอดแลว้ บอกกับหลวงป่ ูทวดว่าจะมาชว่ ย
สรา้ งวัด หลังจากปรกึ ษากันอยู่หลายวัน หลวงป่ ู
ทวดกบั สามเณรนอ้ ยก็ไดแ้ สดงอภนิ หิ ารเหาะขนึ้ ไป

บนอากาศลอ่ งลอยไปเหนอื ป่ าใหญ่ จนเจอสถานที่
แหง่ หนงึ่ จงึ เหาะลงมา

แต่ยังไม่ทันทจ่ี ะถงึ พน้ื ก็ไดม้ ชี า้ งเผอื กมารับทัง้ 2
องค์ และบุกเขา้ ป่ าต่อไปจนเจอสถานทแ่ี ห่งหนึ่ง
เห็นตรงกันว่าสถานที่ชา้ งพามานั้นเป็ นชัยภูมิท่ี
เหมาะสมอย่างยงิ่ ที่จะสรา้ งวัดจงึ ปักหลักลงและ
เอาจวี รเป็ นการจองเอาไว ้ สถานทด่ี งั กลา่ วก็คอื
วดั ชำ้ งให้ จังหวดั ปัตตานใี นปัจจบุ ันคะ่

ตานานในส่วนนี้บา้ งก็กล่าวว่าพระยาแกม้ ดาเจา้
เมืองไทรบุรีตอ้ งการหาสถานท่ีสรา้ งเมืองใหม่
ใหก้ ับนอ้ งสาวจงึ เสย่ี งอธษิ ฐาน ปลอ่ ยชา้ งใหอ้ อก
เดนิ ไปในป่ า ชา้ งไดห้ ยุดอยู่ ณ ทแ่ี ห่งหนงึ่ แลว้ ก็
รอ้ ง 3 ครัง้ พระยาแกม้ ดาเห็นเป็ นชัยภูมทิ ด่ี จี ะใช ้
บรเิ วณนัน้ สรา้ งเมอื งแตน่ อ้ งสาวไมช่ อบพระยาแกม้
ดาจงึ สรา้ งเป็ นวดั แลว้ ตัง้ ชอื่ วา่ วดั ชำ้ งให้

ห ล ว ง ป่ ู ท ว ด ท่ า น ว า ง ร า ก ฐ า น แ ล ะ เ ผ ย แ พ ร่
พระพุทธศาสนาจนหย่ังรากลกึ ที่ไทรบุรี จนท่าน
อายุได ้ 90 กว่าปี ก่อนทมี่ รณภาพไดเ้ พียง 3 วัน
หลวงป่ ทู วดหรอื ทชี่ าวบา้ นเรยี กวา่ ทา่ นลังกา ทา่ น
เรยี กประชมุ และปรารภวา่ บัดน้ีท่านก็อายุมากแลว้
จะตอ้ งจากกันในเร็ววันนี้ ภำยหนำ้ เมอ่ื ทำ่ นจำก
ไปก็อยำ่ ไดเ้ ศรำ้ โศกเสยี ใจเพรำะทุกคนตำ่ ง
เกดิ มำใชก้ รรมเมอ่ื ใชห้ มดแลว้ ก็ตอ้ งตำย เมอ่ื
มชี วี ติ อยู่ขอใหส้ รำ้ งคุณงำมควำมดี ละเวน้
กำรประพฤตชิ ว่ั อยำ่ เบยี ดเบยี นซง่ึ กนั และกนั
และเมอ่ื ทา่ นมรณภาพแลว้ ขอใหน้ าศพของทา่ นไป
ฌาปนกจิ ทวี่ ัดชา้ งใหจ้ ังหวัดปัตตานี เป็ นสถานท่ี
เดยี ว ทม่ี กี ารเก็บพระอฐั ขิ องหลวงป่ ทู วด

สถำนทเ่ี ก็บพระอฐั ขิ องหลวงป่ ทู วด วดั ชำ้ งให้

การตามรอยหลวงป่ ทู วด 9 สถานทส่ี าคัญในประวตั ิ
ของทา่ นครบแลว้ นะคะ 9 สถานท่ี 5 จังหวัด เรม่ิ ตัง้ แต่
สถานทที่ ี่ท่านเกดิ จนถงึ สถานทเี่ ก็บพระอัฐิ หวังว่าจะ
เป็ นประโยชนแ์ กท่ า่ นผอู ้ า่ นทกุ ทา่ นทเี่ คารพนับถอื บชู า
หลวงป่ ูทวดแต่ไม่มีโอกาสไดไ้ ปดูสถานที่จริง หาก
สนใจอยากดวู ดี โี อ ของคณุ แกว้ เสยี งธรรม สามารถหาดู
ไดจ้ าก Youtube นะคะ Key คาว่า แกว้ เสียงธรรม
หลวงป่ ทู วด คะ่

สุ ด ท ้ า ย น้ี
ข อ ข อ บ พ ร ะ คุ ณ คุ ณ แ ก ว้
เสยี งธรรมท่ใี หโ้ อกาสได ้
นาการตามรอย 9 สถานท่ี
สาคัญในประวัติหลวงป่ ู
ทวดมาจัดทา Ebook เพอื่
เผยแพรเ่ ป็ นธรรมทานคะ่


Click to View FlipBook Version