The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-20 16:48:58

ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง

ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง

Keywords: ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง

ปฐมบท

ณ พื้นท่ีซึ่งอยู่เหนือระดับน้�ำทะเลขึ้นไปหลายร้อยเมตร มี
ภเู ขาเขยี วครมึ้ ตงั้ ตระหงา่ นเปน็ ปราการธรรมชาตทิ แี่ สนยง่ิ ใหญ่
ภูเขาลูกดังกล่าวได้ยื่นปลายทั้งสองประดุจวงปีกกาโอบล้อม
อารามแห่งหนึ่งเอาไว้ เป็นเหตุให้อารามดังกล่าวไม่ต่างจาก
ดวงดาวท่อี ยู่กลางวงพระจันทร์เส้ยี ว

ด้วยเหตุท่ีวัดแห่งน้ีต้ังอยู่ห่างไกลความเจริญทางวัตถุ
จากโลกภายนอก จึงสงบสงัดเสียจนผู้ไม่มีธุระทางศาสนกิจ
ใดๆ ไม่อยากย่างกรายเข้ามา ทงั้ ยงั มีคำ� เล่าลอื เก่ียวกบั ความ
ลี้ลับชวนพิศวงต่างๆ นานาในวัดแห่งน้ี โดยเฉพาะต่อองค์
หลวงพ่อด�ำ พระประธานในอุโบสถหลังเก่าที่สร้างมาต้ังแต่
ยคุ สมยั ใดกไ็ มม่ ใี ครบอกได้ เพราะก่อนจะมวี ดั ปรากฏให้เหน็
เป็นรูปเป็นร่าง หลวงพ่อดำ� ก็มีอยู่ก่อนแล้ว

10 ë ŒÕ‡ ทอ่ งนรกสวรรคก์ บั สามเณรพาหงุ
หลวงพ่อด�ำแกะสลักจากหินด�ำทั้งองค์ ศิลปะสกุลช่างพ้ืนบ้าน

วงพกั ตรด์ ดุ นั นา่ กลวั ถงึ ขนาดคนขวญั ออ่ นไมก่ ลา้ มองตรงๆ เดก็ คนไหน
ร้องไห้โยเย พอผู้เป็นพ่อแม่ขู่ว่า “ถ้าขืนยงั ไม่หยุดร้องจะพาไปให้หลวง
พ่อด�ำ” เท่าน้ันแหละ เด็กคนน้ันจะเงียบกริบ ไม่กล้าสะอ้ืนออกมาให้
ได้ยินอีก

พระประธานที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อด�ำนี้เป็นพระพุทธรูป
ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้างกว่าค่อนวาของชายฉกรรจ์ ฐานพระ
เป็นแบบแท่นธรรมดา ไม่มลี วดลายตกแต่งอันใด แกะสลกั ด้วยหินดำ�
เช่นเดียวกับองค์พระ แถมยังแยกไม่ออกอกี ว่าระหว่างองค์พระกบั ฐาน
นัน้ สร้างติดกนั หรอื ไม่

คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ลูกหลานฟังต่อๆ กันมาจากรุ่นป่รู ุ่นย่าอีกที
ว่า สมัยก่อนที่แถบน้ีเคยมีสงครามแย่งดินแดน มีการท�ำพิธีปลุกเสก
เครอ่ื งรางของขลงั กนั ในอโุ บสถหลงั นเี้ พอื่ แจกจา่ ยใหท้ หาร รวมทง้ั ชาวบา้ น
ทรี่ ่วมออกรบต่อสู้ศตั รู

ยังมเี ร่ืองเล่ากนั อีกว่า ในอดตี พระประธานองค์นเ้ี คยจบั สามเณร
ทุศีลไปกินจนโอษฐ์แดงฉานเปรอะด้วยคราบเลือด อีกทั้งยังเคยทำ� ให้
พวกโจรใจบาปท่ีหมายมุ่งเข้ามาลักขโมยสิ่งของมีค่า รวมถึงตัดเศียร
พระประธานถงึ กบั กลายเปน็ คนสตวิ ปิ ลาส พากนั เดนิ หลงวนเวยี นอยใู่ น
อุโบสถจนรุ่งเช้า ปากก็พร่�ำเพ้อไม่เป็นภาษามนุษย์ จนชาวบ้านผ่านมา
เห็นจึงช่วยกนั จบั ตวั ส่งเจ้าหน้าท่ี เหตนุ เ้ี องจงึ เป็นการเพม่ิ พลานภุ าพให้
ชาวบ้านในละแวกใกล้เคยี งเกิดความหวาดกลวั เป็นอย่างมาก

แตถ่ งึ จะมคี ำ� เลา่ ลอื ปากตอ่ ปากกนั อยา่ งไร วดั แหง่ นก้ี อ็ ยผู่ า่ นรอ้ น
ผา่ วหนาว ผา่ นภาวะเหตกุ ารณว์ กิ ฤตติ า่ งๆ มาไดม้ ากมาย ทงั้ ภยั ธรรมชาติ
และภัยอนั เกดิ จากตวั มนุษย์เอง จนเวลาล่วงถึงยคุ ปัจจุบนั มีเพียงภกิ ษุ
จ�ำพรรษาอยู่สองรูปเท่านั้น

ธาร ธรรมโฆษณ์ 11

ท้องฟ้าสีอ�ำพันระเรื่อ จิตรกรธรรมชาติป้ายวาดสีเมฆให้ดู
ละลานตา เปี่ยมจนิ ตนาการ ดวงอาทิตย์กำ� ลงั จะลบั ค้วิ โค้งภูเขา เหล่า
ปักษาต่างกลับคืนรงั หลับนอนอีกวาระหน่งึ ตามวิถชี วี ติ ธรรมชาติ

เสียงจักจ่ันเรไรร้องระงมก้องกังวานประหน่ึงบทเพลงประโคม
สั่งลาให้แก่ทิวาท่เี ปิดทางให้รตั ติกาลทำ� หน้าทีแ่ ทนอกี ครงั้

บดั นภี้ ายในอโุ บสถหลงั เกา่ ครำ�่ ครา่ ทส่ี รา้ งแบบมหาอดุ มแี ตป่ ระตู
ทางเข้าด้านหน้า ไม่มปี ระตอู อก มีองค์หลวงพ่อดำ� พระประธานประทับ
เด่นติดผนัง หันพระพักตร์ออกไปทางประตโู บสถ์

เบอ้ื งหนา้ หลวงพอ่ ดำ� สาวกของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ สองรปู กำ� ลงั
ท�ำหน้าที่ของผู้มุ่งปฏิบัติตนตามแนวทางศากยบุตรอย่างครำ่� เคร่ง รูป
หนึ่งเป็นพระภิกษุวัยชรา อกี รปู ยังอยู่ในวัยเยาว์

ภาพของผู้ทรงศีลทั้งสองในขณะน้ีจึงเหมือนปู่กับหลานสองคน
กำ� ลังน่ังรับฟังโอวาทจากองค์พระประธานอยู่กม็ ปิ าน

ท่ามกลางความสงบวังเวงของเวลาพลบค่�ำ แสงสว่างจากปลาย
เทยี นหนา้ โตะ๊ หมบู่ ชู าสอ่ งใหเ้ หน็ วงพกั ตรข์ ององคห์ ลวงพอ่ ดำ� ขรมึ ขลงั ขนึ้
ทบทวเี ป็นระยะๆ ทีส่ ามเณรน้อยผู้น่งั ประนมมือสวดมนต์อยู่เบอื้ งหน้า
แหงนขึน้ มองพระพักตร์ แต่แทนทีจ่ ะแสดงอาการหวาดกลวั เหมือนเด็ก
คนอน่ื ๆ กลบั มแี ววตาทอประกายแปลกประหลาด คล้ายว่ากำ� ลังรอท่า
ความสุขอะไรบางอย่างด้วยใจจดจ่อ

สามเณรน้อยรปู นชี้ ื่อว่า พาหุง เป็นเดก็ วดั อาศัยอยู่กับภิกษุชรา
ซง่ึ รบั ภาระเปน็ เจ้าอาวาสมาตง้ั แตย่ งั นอนแบเบาะ โดยภกิ ษชุ ราท�ำหน้าที่
เป็นทงั้ พ่อและแม่ในคนคนเดยี วกัน ท่านเล่าความเป็นมาของชีวิตให้ฟัง
คร่าวๆ ว่า

“วนั หนง่ึ ขณะเข้าไปไหว้พระสวดมนต์ตามปกติ ตนเหน็ ทารกถกู
วางทิง้ ไว้หน้าองค์หลวงพ่อดำ� สอบถามชาวบ้านถงึ พ่อแม่เดก็ ก็ไม่มใี คร

12 ë ŒÕ‡ ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหงุ
รู้เห็น จึงคิดว่าน่าจะมีคนเอามาทิ้ง เนื่องจากเหตุจำ� เป็นอะไรบางอย่าง
เลยตัดสินใจอุปการะไว้” ท้ังยังเล่าเสริมอีกว่า ตอนยังเป็นทารกน้อย
พาหงุ เป็นเดก็ ที่เลีย้ งง่ายอย่างเหลอื เช่ือ หากร้องไห้งอแง เพยี งท่องบท
สวดมนต์กล่อมสกั บท ครู่เดยี วกจ็ ะร่าเรงิ และพริ้มหลบั ตาปุ๋ยไปอย่างมี
ความสขุ

ดังน้ันทุกวันเวลาลงท�ำวัตรสวดมนต์เช้าเย็น ท่านจึงอุ้มพาหุง
เข้าไปด้วย โดยวางทารกน้อยไว้ใกล้ๆ ฐานพระประธานหลวงพ่อดำ� ทุก
คร้งั พาหุงจะพริ้มตานอนฟังเสียงสวดมนต์อย่างสงบ ไม่เคยร้องไห้หรือ
ส่งเสยี งอะไรรบกวนเลยตลอดการท�ำวตั ร

โตขน้ึ พาหงุ เป็นเด็กที่เฉลยี วฉลาดในเรอื่ งการศกึ ษาเล่าเรียนเป็น
อยา่ งมาก เจา้ อาวาสสง่ ใหเ้ รยี นชน้ั ประถมในโรงเรยี นวดั ใกลๆ้ ผลปรากฏ
ว่าสอบได้ท่หี นึ่งทกุ ปี และพอจบช้นั ประถมศึกษา หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็
ให้บวชเป็นสามเณรเพอ่ื เรียนทางธรรม

เพียงไม่ถงึ เดือน สามเณรน้อยกส็ ามารถท่องจำ� บทสวดมนต์เจด็
ต�ำนานได้หมดท้ังเล่ม ไม่ว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสสอนอะไรในหลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา สามเณรน้อยจะจดจ�ำได้แม่นย�ำอย่างน่าอัศจรรย์

แมก้ ระทง่ั เรอื่ งบางเรอื่ งทผ่ี หู้ ลกั ผใู้ หญไ่ มฝ่ กั ใฝข่ วนขวายคดิ จะท�ำ
สามเณรพาหุงจะมุ่งม่ันท�ำอย่างน่าชมเชย เช่น การขะมักเขม้นศึกษา
พระไตรปิฎกในตู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังชมชอบการนั่งฝึกจิต ท�ำสมาธิ
วปิ สั สนา ปฏบิ ตั ติ นตามแนวทางทพ่ี ระพทุ ธองคท์ รงแสดงไวอ้ ยา่ งมงุ่ มน่ั

ภายหลังจากบรรพชาและคร่�ำเคร่งร�่ำเรียนท่องบทสวดมนต์ใน
ระยะแรกไดอ้ ยา่ งเปน็ ทป่ี ระจกั ษว์ า่ มคี วามจำ� ดเี ลศิ สามเณรนอ้ ยทอ่ งบท
สวดมนต์ทุกบทได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ‘บทสวดพาหุง’ ท่ีใช้เวลา
ท่องจ�ำได้เพียงไม่ก่ีนาที กิตตศิ พั ท์อนั ลือเลอื่ งนีน้ เี่ อง ท�ำให้ชาวบ้านต่าง
พากนั เรียกขานว่า ‘สามเณรพาหงุ ’

ธาร ธรรมโฆษณ์ 13

หลงั จากท�ำวตั รสวดมนต์เย็นเสร็จ หลวงพ่อกน็ �ำสามเณรพาหงุ
น่ังสมาธิฝึกจิตภาวนาตามท่ีเคยทำ� มาทุกวัน ช่วงน้ีน่ีเองท่ีสามเณรน้อย
มกั เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

เร่ิมต้นจากก�ำหนดลมหายใจเข้าออกจนจิตนิ่งดุจเปลวเทียนใน
หลอดแก้ว ไม่วอกแวกสับสนด้วยอำ� นาจลมคือกิเลสพัดต้อง พักหน่ึง
เมอื่ จติ หยง่ั ลงสคู่ วามนง่ิ ถงึ ทสี่ ดุ นนั้ สามเณรพาหงุ กไ็ ดพ้ บกบั ‘ทา่ น’ อกี ครงั้

กายละเอยี ดของทา่ นเปลง่ ประกายเปน็ ฉพั พรรณรงั สอี ยเู่ บอื้ งหนา้
คอ่ ยๆ เคลอ่ื นกายออกจากพระอรุ ะขององคห์ ลวงพอ่ ดำ� กอ่ นจะเอย่ ดว้ ย
น้ำ� เสียงกงั วาน

“วนั น้ีมาเร็วเลยนะเณร”
สามเณรพาหุงรีบยกมือขึ้นนมัสการ ก่อนจะบอกความต้องการ
ในใจตนเองออกไปซือ่ ๆ
“วนั กอ่ นทา่ นไดเ้ มตตาพากระผมไปเทย่ี วแดนสวรรคท์ งั้ หกชนั้ ได้
เห็นสมบัติอันเป็นทิพย์ของเหล่าเทพเทวดามาบ้างแล้ว ท่านสัญญากับ
กระผมว่าคร้ังต่อไปจะพาลงไปเที่ยวเมืองนรก กระผมอยากเห็นเหลือ
เกิน อยากรู้ว่านรกจะน่ากลวั สมดังท่เี ขียนไว้ในตำ� ราหรือเปล่า”
ท่านส่งเสียงหัวเราะทุ้มกังวานเม่ือเห็นแววตาของสามเณรน้อย
ทอประกายความอยากรู้อยากเห็นอย่างไร้เดียงสา
“ความอยากรู้อยากเห็น อย่างที่เณรก�ำลังเป็นอยู่นี้ถือว่าเข้าข่าย
ตณั หาหรือเปล่า เณรลองตอบเราดูก่อน”
สามเณรพาหุงหยุดคิดนิดหน่ึงก่อนตอบค�ำถามตามความเข้าใจ
โดยอาศยั จากท่เี คยอ่านและเคยฟังจากหลวงพ่อเจ้าอาวาส
“กระผมว่าน่าจะไม่ใช่ตัณหาในความหมายของความอยากได้
อยากมีจนเกิดทุกข์ขอรับ แต่น่าจะเป็นความฝักใฝ่ขวนขวายในธรรม
ต้องการใคร่รู้เพอื่ ก่อให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนมากกว่า”

14 ë ŒÕ‡ ทอ่ งนรกสวรรคก์ บั สามเณรพาหงุ
“ลองยกตัวอย่างความฝักใฝ่ในธรรมอย่างที่เณรว่าให้ฟังสัก

ตวั อย่างซิ”
ท่านเอ่ยด้วยน�ำ้ เสียงเตม็ เปี่ยมไปด้วยเมตตาอกี ครัง้ ยงั ใจของผู้

ฟังให้รู้สึกเป็นสุขย่ิงนัก สามเณรน้อยเอ่ยชี้แจงตามความเข้าใจตัวเอง
ต่อไปทันที

“เหมอื นเดก็ ทต่ี อ้ งการประสบความสำ� เรจ็ ในชวี ติ จงึ ตงั้ ใจเลา่ เรยี น
คร่�ำเคร่งทุ่มเทอ่านหนังสือจนสอบได้คะแนนดีมาตลอด ในท่ีสุด ด้วย
ความตง้ั อกตงั้ ใจอย่างแน่วแน่ เดก็ คนนน้ั เมอื่ โตขนึ้ กส็ ามารถประสบกบั
ความส�ำเร็จในชีวิต ดังนั้นการฝักใฝ่ขวนขวายในธรรม จึงน่าจะไม่ใช่
ความหมายเดียวกันกับ ‘ตัณหา’ ท่ีหมายถึงความอยากในทางอกุศล
ขอรับ”

“ฮะฮ่า เข้าใจตอบเลย่ี งนะเณร ไม่มคี ำ� ว่า ‘น่าจะ’ มีแต่เป็นหรอื ไม่
เป็นเท่านั้น แต่เอาเถอะ ไว้เณรศึกษาพระธรรมนานเข้าจนถึงขั้นรู้แจ้ง
แทงทะลุ บางทีถึงตอนน้นั คำ� ตอบอาจไม่สำ� คัญเสยี แล้วก็ได้ เร่ืองกเิ ลส
เป็นเรอื่ งธรรมดาที่ทุกคนนน้ั มี เมื่อสามารถดำ� รงกายใจอยู่เหนือมนั จะ
มหี รอื ไม่มกี ไ็ ม่เป็นปัญหาอกี ต่อไป”

“ขอรับ กระผมจะจดจ�ำเอาไว้”
ยามได้คุยกับท่าน สามเณรพาหุงสัมผัสได้ถึงรัศมีเมตตาที่แผ่
พุ่งออกมา รู้สึกเย็นสงบอย่างประหลาด กายละเอยี ดของท่านที่ปรากฏ
เฉพาะหน้า แม้จะบ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่สามเณรน้อยรู้สกึ ได้ด้วย
จติ สมั ผัสว่า ท่านคอื ผู้ด�ำรงอยู่ในสมณเพศทคี่ วรแก่การสักการบูชาเป็น
อยา่ งยงิ่ โดยเฉพาะวงหนา้ ทมี่ ปี ระกายสรี งุ้ แมไ้ มส่ ามารถบง่ บอกลกั ษณะ
ได้เหมือนบุคคลท่ัวไป แต่รับรู้ได้ด้วยจิตถึงความเอิบอิ่มเปี่ยมเมตตา
ย่งิ นกั

ธาร ธรรมโฆษณ์ 15

สามเณรน้อยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอยู่ในทีว่าเคยเห็นลักษณะ
เค้าโครงหน้าท่านจากท่ีไหนมาก่อน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังนึกไม่ออก
เพียงรู้สึกว่าวงหน้าของท่านน่าชมย่ิงนัก น่าหลงใหลราวพระจันทร์วัน
เพ็ญยามค่�ำคนื ทฟี่ ้าใส และไม่รู้สึกอม่ิ รู้สึกพอต่อการจดจ้องมองจันทร์
อย่างไรอย่างน้นั

ครง้ั แรกทสี่ ามเณรพาหงุ ไดพ้ บทา่ นกถ็ งึ กบั ตะลงึ พรงึ เพรดิ จนแทบ
จะถอนจิตออกจากสมาธิในทันใด แต่ด้วยอำ� นาจเมตตาบารมีของท่าน
ทำ� ใหส้ ามเณรนอ้ ยไดพ้ บมติ มิ หศั จรรยใ์ นกาลตอ่ มา ไดส้ นทนาธรรมกบั
ท่าน ได้เหน็ ได้รู้ในสง่ิ ทม่ี นุษย์ธรรมดาสามญั ไม่มโี อกาสได้รู้ ได้ไปเที่ยว
ชมเมืองสวรรค์ ชมสมบตั อิ ันเป็นทพิ ย์ของเหล่าเทพเทวดาทง้ั หลาย

“ตกลง ถ้าอย่างนนั้ วันนี้เราไปเทยี่ วชมนรกกัน”

ภาคที่ ๑
ทอ่ งนรก

ขมุ ที่ ๑ :

สัญชีวมหานรก

ทันทีทีท่ ่านย่ืนมือมาจบั แขนสามเณรพาหงุ กายละเอยี ดของ
ทา่ นกพ็ วยพงุ่ พรบิ ตาเปน็ สรี งุ้ เจดิ จรสั เคลอ่ื นนำ� หนา้ เรอื นกาย
สีเงนิ บรสิ ทุ ธิข์ องสามเณรพาหุงไป ชวั่ ระยะเวลาช้างกระดิกหูงู
แลบล้ิน ท้ังสองก็มาหยุดอยู่หน้าประตูทองแดงก�ำแพงเหล็ก
สงู จนแหงนดปู ลายสดุ ไมเ่ หน็ อกี ทงั้ ผนงั กำ� แพงยงั แดงกำ่� รอ้ น
ระอุเพราะถูกเปลวไฟจากข้างในแผดเผามาช่วั กปั ชัว่ กัลป์ คน
ธรรมดาหากเผลอจ้องมองเพียงวูบเดียวคงจะต้องสูญเสีย
นยั น์ตาเป็นแน่แท้

“เณรรู้ไหม สถานท่ีตรงนี้อยู่ใต้ธรณีท่ีมนุษย์อาศัย
เท่าไหร่”

“ไม่ทราบขอครบั แต่คงจะลกึ เอามากๆ”
ท่านส่งเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มอย่างท่ีสามเณรพาหุงเคย



ธาร ธรรมโฆษณ์ 19 ทอ่ งนรก

ได้ยิน ก่อนเอ่ยด้วยน้�ำเสียงกังวานเสนาะโสตว่า
“สถานที่น้ีคือปากประตูมหานรกขุมที่ ๑ อยู่ลึกจากพื้นธรณีท่ี

มนษุ ย์อาศัยประมาณ ๑๕,๐๐๐ โยชน์ ชอ่ื ว่า สัญชวี มหานรก หมายถงึ
มหานรกที่เหล่าสัตว์ไม่มีวันตาย”

“ไม่มีวันตายเลยหรอื ขอรับ”
สามเณรพาหุงถามด้วยน้�ำเสียงต่ืนเต้น ไม่คิดว่าจะได้ยินค�ำว่า
‘ไมม่ วี นั ตาย’ เพราะเคยรแู้ ตว่ า่ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งเกดิ มาจะเปน็ รปู ธรรมหรอื
นามธรรม สดุ ท้ายย่อมเข้าสู่ภาวะการแตกดับทั้งสนิ้ ดังคำ� พระทวี่ ่า
‘สัพเพ สงั ขารา อนิจจา สัพเพ ธัมมา อนัตตา - สงั ขารทั้งหลาย
ท้ังปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทัง้ ปวงเป็นอนัตตา’
ท่านเหมอื นหยงั่ รู้ข้อกงั ขาของสามเณรน้อย จงึ รบี ท�ำลายเขม่าใน
ปัญญาพาหงุ เสยี โดยทนั ใด
“ที่ชอื่ ว่า มหานรกท่เี หล่าสตั ว์ไม่มีวันตาย กเ็ พ่อื ให้รู้ว่าสตั ว์ใดตก
อยู่ในนรกขุมน้ี จักต้องทนรับทุกข์ทรมานเป็นเวลานานจนเหมือนไม่มี
วันตาย เณรอยากรู้หรือเปล่าว่าอายุของมหานรกขุมนี้เทียบกับบนโลก
มนุษย์ต่างกนั เท่าไหร่”
“อยากรู้ขอรบั ”
สามเณรพาหงุ รบี กระวกี ระวาดตอบความตอ้ งการของตนออกไป
ทันที ท่านมองหน้าสามเณรน้อยพร้อมแย้มนิดๆ ก่อนเอ่ย
“อายุเฉลยี่ ของสตั ว์นรกในมหานรกขุมนม้ี ีประมาณ ๕oo ปีนรก
โดยระยะเวลาเพียง ๑ วนั ท่กี ารท�ำทัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถ
นบั ระยะเวลาในเมอื งมนษุ ยไ์ ดถ้ งึ ๙ ลา้ นปมี นษุ ย์ เหลา่ สตั วผ์ มู้ าเกดิ ทนี่ ่ี
ถึงแม้จะได้รบั ทุกข์โทษอย่างแสนสาหสั จนขาดใจตาย แต่ก็คล้ายกบั ว่า
จะมีตัวตนเป็นอมตะฟื้นคืนมารับทุกข์โทษต่อไปอย่างไม่จบส้ิน สาเหตุ
นี้นี่เอง มหานรกขมุ นจี้ งึ ได้ชือ่ ว่าไม่มวี ันตาย”

ภาค ่ีท ๑ 20 ë Õ‡Œ ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง
สามเณรพาหงุ อุทานเบาๆ ออกมาค�ำหน่ึง แต่ก่อนท่ีจะเอ่ยอะไร

ออกไป พลนั ประตทู องแดงบานมหมึ ากค็ ่อยๆ แง้มออกทลี ะนิด ก่อให้
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวประหนึ่งธรณีตรงน้ันจะถึงการถล่มทลายเสีย
ให้ได้

ประตทู องแดงค่อยๆ เปิดออกจนสามารถมองเหน็ ด้านใน ท่าน
พยักหน้าส่งสัญญาณให้สามเณรน้อยเดินตามเข้าไป ภาพที่ปรากฏใน
คลองจกั ษขุ องพาหงุ เมอื่ เดนิ ผา่ นธรณปี ระตคู อื พนื้ ทอี่ นั กวา้ งใหญไ่ พศาล
สดุ ลกู หลู กู ตา ลกั ษณะเปน็ หลมุ พนื้ เหลก็ หนา ถกู ไฟเผาจนแดงโชน ขอบ
ด้านข้าง ๔ ขอบก็เช่นกนั มองออกไปไม่เห็นขอบกำ� แพง มอี าณาเขต
กวา้ งใหญ่เหลอื ประมาณ แต่จะหาทว่ี ่างเว้นจากไฟเผาร้อนระอไุ มไ่ ด้เลย

ระหว่างไฟจะมศี าสตราวธุ ต่างๆ เช่น หอก ดาบ มดี หลาว ฯลฯ
สารพัดจะมี ซึ่งถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด สัตว์นรกท่ีอยู่ในน้ัน
จำ� นวนมหาศาลพากนั วงิ่ พลา่ น ไมม่ ตี รงไหนทไี่ ดห้ ยดุ นงิ่ เพราะเทา้ เหยยี บ
ไฟ ร่างกายกจ็ ะถกู ไฟเผาไหม้ตลอดเวลา เวลาวง่ิ กจ็ ะไปกระทบกับหอก
ดาบ ค้อน หรือสรรพาวธุ ต่างๆ มาฟัน แทง สบั จนต้องร้องครวญคราง
และด้นิ เร่าๆ อย่างเจบ็ ปวดสาหสั แต่พอร่างกายขาดแล้ว กจ็ ะต่อตดิ กัน
ใหม่โดยทันที เพ่อื คนื ชีพมาทรมานต่อไปอย่างไม่มีที่ส้ินสดุ

ตลอดเวลาทเ่ี ดนิ ตามหลงั ทา่ น และดทู กุ ขเวทนาของสตั วน์ รกขมุ นี้
ซง่ึ ไมว่ ่าจะผา่ นไปทางไหน พวกสตั ว์นรก รวมถงึ นายนริ ยบาลต่างพากนั
ยกมือขึ้นไหว้ท�ำความเคารพท่าน สัตว์นรกตนหน่ึงยกมือไหว้ท้ังท่ีปาก
ยงั ครำ�่ ครวญเพราะได้รบั ความเจบ็ ปวดอย่างถงึ ทสี่ ดุ

‘ช่างน่าเวทนาสัตว์นรกพวกนจ้ี ริงหนอ’
สามเณรพาหุงรำ� พงึ ในใจ เนอื่ งจากเกดิ ความรู้สึกสงสารขนึ้ อย่าง
จบั จติ ท่านหยง่ั รู้เมตตาจิตของสามเณรน้อย เพ่อื ต้องการแสดงให้เห็น
ถงึ กฎแห่งกรรมจึงกล่าวขึน้ ว่า

ธาร ธรรมโฆษณ์ 21 ทอ่ งนรก

“สตั วน์ รกเหลา่ นต้ี อนเปน็ มนษุ ยม์ ชี วี ติ อยดู่ ว้ ยความประมาท หลง
ในอ�ำนาจบาตรใหญ่ เป็นมหาโจร ชอบรงั แกคนท่ีต�่ำต้อยกว่า พอตายก็
มารับกรรมท่ีนี่ ถ้าเณรอยากรู้เร่ืองราวบุพกรรมของสัตว์นรกเหล่านี้
อย่างลกึ ซึ้งกล็ องถามดูสิ”

ท่านช้ีมือไปยังสัตว์นรกตนหนึ่งซ่ึงก�ำลังถูกคมหอกทิ่มแทงตรง
กลางอกอยตู่ ลอดเวลา ปลายหอกฝงั ลกึ ลงไปจนทะลอุ อกดา้ นหลงั แลว้
ถอนออกมาจว้ งแทงซำ้� ไปอกี พอถงึ ครงั้ ทสี่ ามทสี่ ี่ สตั วน์ รกตนนนั้ กพ็ ลนั
แน่น่ิงขาดใจตาย ก่อนจะฟื้นข้ึนโดยอัตโนมัติเพื่อรับการท่ิมแทงต่อไป
อย่างไม่จบส้นิ

สามเณรพาหุงรีบท�ำตามท่ีท่านบอกด้วยการส่งกระแสจิตเปี่ยม
เมตตาไปยังสตั ว์นรกตนนั้น

“กราบนมสั การพระคุณเจ้าด้วยความเคารพยิง่ ”
ยังไม่ทันท่ีสามเณรพาหุงจะได้กล่าวอะไร สัตว์นรกตนนั้นก็ได้
แสดงความปลื้มอกปลมื้ ใจ รีบก้มลงกราบแทบเท้า บัดนนั้ เองสามเณร
น้อยได้สังเกตเหน็ ว่าหอกทีอ่ กของสตั ว์นรกตนนัน้ ได้หายไปแล้ว
“เจริญพร”
“เพอื่ บชู าคณุ ของพระคณุ เจา้ ทแี่ ผเ่ มตตาตอ่ เกลา้ กระผม ทำ� ใหไ้ ด้
รับการว่างเว้นจากทุกขเวทนาช่ัวขณะหนึง่ เกล้ากระผมขอเล่าบุพกรรม
ของตนทที่ ำ� ตอนเปน็ มนษุ ยอ์ ยบู่ นโลก เพอ่ื พระคณุ เจา้ จะไดเ้ อาไปเทศนา
สง่ั สอนเป็นอทุ าหรณ์แก่มนุษย์ท่ียงั ประมาทมวั เมาอยู่”
สามเณรพาหุงรู้สึกอัศจรรย์ใจย่ิงนักท่ีสัตว์นรกตนนั้นเหมือนรู้
ความประสงคท์ กุ อยา่ ง จงึ สง่ กระแสจติ มองเขา้ ไปในแววตาของสตั วน์ รก
ตนนั้นอีกครั้ง พลันนั้นเอง สามเณรน้อยก็ได้เห็นภาพฉายชัดผุดขึ้น
เบ้ืองหน้า เหมือนว่าตนเองกำ� ลงั ยนื ดภู าพยนตร์

ภาค ่ีท ๑ 22 ë ÕŒ‡ ทอ่ งนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหุง
ชายคนหน่งึ แต่งกายภูมิฐาน ใส่สทู ผกู ไทตามสากลนิยม ก�ำลงั

นงั่ อยหู่ นา้ โตะ๊ ท�ำงานในหอ้ งใหญโ่ ตรโหฐาน เฟอรน์ เิ จอรต์ กแตง่ ลว้ นแลว้
แต่ใช้ของดีมีรสนิยม อีกท้ังตามมุมห้องยังประดับด้วยวัตถุโบราณอัน
ประเมินค่ามิได้ ไม่ว่าจะเป็นเทวรูป พระพุทธรูปหลากหลายปางลีลา
รวมไปถงึ เครอื่ งปั้นดินเผารูปทรงต่างๆ

“ไอ้ปื๊ด ไอ้ปื๊ดโว้ย อยู่ข้างนอกรเึ ปล่าวะ เข้ามาหาอว๊ั หน่อย”
สิ้นเสียงชายผู้น้ัน หนุ่มร่างทะมัดทะแมงคนหนึ่งก็รีบกุลีกุจอวิ่ง
ห่อไหล่เข้ามาหา
“ไปเตรยี มรถ วนั นอี้ วั๊ จะไปธรุ ะข้างนอกสกั หน่อย”
ส้ินเสยี งอันแฝงด้วยอำ� นาจนัน้ ชายหนุ่มคนดังกล่าวก็รีบวิ่งออก
ไปยังท่ีจอดรถ ก่อนจะท�ำหน้าที่นายสารถีขับรถยุโรปราคาหลายล้าน
มารอรับผู้เป็นนายที่หน้าคฤหาสน์
“จะไปไหนหรือขอรับนายท่าน”
“พาอ๊วั ไปดสู ถานที่สร้างโครงการใหม่หน่อย”
สถานท่ีดังกล่าวคือย่านชุมชนแออัดอันเลื่องช่ือ ซ่ึงก�ำลังจะถูก
เปลี่ยนเป็นห้างสรรพสนิ ค้ายักษ์ใหญ่ในอกี ไม่กีเ่ ดอื นข้างหน้า ติดตรงที่
ผู้คนในชมุ ชนไม่ยอมรือ้ ถอนที่อยู่อาศัยตัวเองออกไปง่ายๆ เป็นเหตใุ ห้
ผู้เป็นเจ้าของอยากจะมาดูด้วยสายตาตัวเอง เพื่อจะหาทางขับไล่ผู้คน
เหล่าน้นั ออกไปโดยไม่ต้องเสยี ค่าใช้จ่ายและค่าทดแทนใดๆ
รถยุโรปคนั งามแล่นไปบนถนนเลียบชมุ ชนแออดั อย่างช้าๆ ภาพ
ท่ีอยู่อาศยั ผุพังระเกะระกะซึง่ ถูกปลูกสร้างแบบง่ายๆ ฝาทำ� ด้วยสงั กะสี
เก่า มสี ภาพไม่ต่างจากกองขยะ ขัดแย้งกันอย่างสิน้ เชิงกับรถคันหรู ท่ี
มองแลว้ ประหนง่ึ วา่ รถคนั ดงั กลา่ วเปน็ สง่ิ แปลกปลอมหลดุ มาจากอกี ภพ
โลก
“อวั๊ คิดวิธีขบั ไล่ไอ้พวกเศษสวะคนจนเหล่านไ้ี ด้แล้วว่ะไอ้ปื๊ด”

ธาร ธรรมโฆษณ์ 23 ทอ่ งนรก

“ท�ำอย่างไรครบั ท่าน”
“เผา!”
ค�ำตอบห้วนๆ แต่แฝงพลังเยือกเย็นอ�ำมหิต ท�ำให้ใบหน้าของ
ผู้เป็นนายดูน่ากลัวจนชวนพร่ันพรึง คนขับรถหนุ่มเหลยี วดทู างกระจก
หลงั แวบหนึง่ ก่อนทำ� หน้าที่ของตนต่อไปไม่ต่างจากหุ่นยนต์
คนื นนั้ นนั่ เองความโกลาหลอลหมา่ นไดเ้ กดิ ขน้ึ ทช่ี มุ ชนดงั กลา่ ว
เม่ือจู่ๆ เปลวเพลิงปริศนาก็ลุกโชนขึ้นจากเพิงเก่าๆ มุมหน่ึง ก่อนจะ
ลกุ ลามไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นอัคคีภยั ก่อความวินาศสันตะโรให้
ทีอ่ ยู่อาศยั ในชมุ ชนวอดวายไปหมดสนิ้ ภายในเวลาไม่นาน ชาวบ้านต่าง
หอบลูกจูงหลานหนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต คนเฒ่าคนแก่รวมไปถึง
ผทู้ พุ พลภาพทไ่ี มส่ ามารถชว่ ยตวั เองไดต้ อ้ งสงั เวยชวี ติ ในกองเพลงิ อยา่ ง
น่าอนาถใจ
เสียงแม่เรียกลูก ผัวเรียกเมีย คนเฒ่าคนแก่เรียกหลาน เสียง
เด็กๆ ร้องไห้จ้าเคล้าระงมเสยี งร�่ำไห้ครำ่� ครวญของคนรกั และญาติมติ ร
ที่เป็นผู้สูญเสียดังเซ็งแซ่ไปหมด สภาพพื้นท่ีจากเคยรกรุมสุมด้วย
สงิ่ ปลกู สรา้ งเพอ่ื ทำ� เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั บดั นแี้ ลดเู ตยี นโลง่ จนราบเปน็ หนา้ กลอง
เปลวควันสเี ทาลอยอ้อยองิ่ อยู่ทัว่ บริเวณ
ในคฤหาสนห์ รู ชายผเู้ ปน็ เจา้ ของโครงการกำ� ลงั คลงึ แกว้ ไวนอ์ งนุ่
ชน้ั ดีอย่างย่ามใจ ก่อนจะกระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ภาพไฟลกุ โหม
ชมุ ชนแออดั ทปี่ รากฏในขา่ วโทรทศั นส์ ร้างความสขุ ให้แก่ชายผ้นู น้ั ยงิ่ นกั
เสยี งรำ่� ไหค้ รำ่� ครวญของคนจนในภาพไมต่ า่ งจากเสยี งดนตรปี ระโคมจติ
เขารู้สกึ สาแก่ใจจนต้องเดนิ ไปหยิบขวดไวน์มาเติมอีกแก้ว ก่อนจะดวด
ทีเดยี วหมดเกล้ยี งอีกคร้ัง

ภาค ่ีท ๑ 24 ë Õ‡Œ ทอ่ งนรกสวรรคก์ บั สามเณรพาหุง
พลนั นน้ั เองภาพปจั จบุ นั กป็ รากฏแกส่ ามเณรพาหงุ สตั วน์ รกตน

น้ันหยุดนิ่งช่ัวครู่คล้ายกำ� ลังทบทวน ไม่ก็สำ� นึกอะไรบางอย่างก่อนเอ่ย
ด้วยน�ำ้ เสียงแหบแห้ง

“กระผมตอนมีชีวิตอยู่ ได้ท�ำการเบียดเบียนข่มเหงผู้อ่ืน ถือว่า
ตวั เองมอี ำ� นาจวาสนา มเี งินทองล้นฟ้า ไม่เคยสนใจไยดคี วามทกุ ข์ร้อน
ของใคร ดำ� เนนิ ธรุ กจิ บนหยาดเหงอื่ แรงงานของเพอ่ื นมนษุ ยด์ ว้ ยกนั และ
ไม่เคยคิดจะสร้างบุญสร้างกุศลเลยสักคร้ัง บ้ันปลายชีวิตได้ป่วยด้วย
โรคร้าย เงินทองมากมายท่ีมีช่วยได้เพียงค่ารักษาพยาบาลและได้นอน
โรงพยาบาลดๆี แพงๆ เท่านน้ั แต่ไม่อาจซอ้ื ชีวิตตวั เองเอาไว้ได้

สุดท้ายต้องทิ้งทรัพย์สินทุกอย่าง ตายแล้วก็ยังต้องมารับกรรม
ยังสถานท่ีแห่งน้ี ทุกวันกระผมเฝ้ารอส่วนบุญส่วนกุศลจากลูกหลาน
ญาตมิ ติ ร แตพ่ วกเขาเองกล็ ว้ นมคี วามประมาทในทรพั ยส์ นิ มรดกไมต่ า่ ง
จากกระผม ไมเ่ คยคดิ ทำ� บญุ ทำ� กศุ ลเพอ่ื ตวั เองหรอื อทุ ศิ ใหญ้ าตทิ ล่ี ว่ งลบั
เลยแม้แต่น้อย”

สามเณรพาหุงเกดิ ธรรมสังเวชอย่างเหลือประมาณ คดิ ไพล่ไปถึง
ผู้คนบนโลกมนุษย์หลายคนที่ก�ำลังเล่นอยู่กับไฟ หลงมัวเมาในอ�ำนาจ
วาสนาอยา่ งไมล่ มื หลู มื ตา ท�ำทกุ วถิ ที างเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง
กดข่ีข่มเหงคนด้อยโอกาสกว่าทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยไม่สนใจไยดี
ตอ่ คำ� สงั่ สอนของพระสงฆอ์ งคเจา้ แมแ้ ตน่ อ้ ย นพิ พานไมห่ วงั นรกไมก่ ลวั
หาได้เฉลียวใจสักนิดเลยว่า บาปกรรมที่ท�ำอยู่จะส่งผลให้ตัวเองหมก
ไหม้ รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสหลังจบส้ินชวี ติ มนุษย์ไปแล้ว

“ระหว่างชายผู้หลงในอำ� นาจวาสนาซึ่งรังแกผู้อ่อนแอกว่า ที่เห็น
เมอ่ื ครู่ กับสัตว์นรกตนน้ี ซง่ึ ก็คือคนเดียวกันกบั ชายทว่ี ่า เณรคดิ ว่าใคร
น่าสงสารกว่ากัน”

ทา่ นเอย่ ถามสามเณรนอ้ ยเพอื่ ทดสอบสตปิ ญั ญา รวมไปถงึ ระดบั

ธาร ธรรมโฆษณ์ 25

ธรรมในจติ ใจ หลงั เดินจากสัตว์นรกตนนนั้ มาแล้ว
“กระผมคดิ วา่ ชายผหู้ ลงอยใู่ นอำ� นาจวาสนาทเี่ หน็ ในภาพบพุ กรรม

น่าสงสารกว่าขอรบั ”
“ท�ำไมล่ะ ลองให้เหตผุ ลดซู ิ”
“ขอรับ เพราะว่าสัตว์นรกตนน้ี ถึงแม้จะได้รับทุกขเวทนาอย่าง

แสนสาหสั แตเ่ ขากส็ ำ� นกึ ในผลกรรมของตวั เองทเี่ คยกระทำ� ซงึ่ เปน็ เรอื่ ง
ธรรมดาท่ีผู้ส�ำนึกจะพบกับหนทางสว่างในท่ีสุด แต่ชายท่ีหลงอยู่ใน
อ�ำนาจวาสนา แม้จะเป็นผู้เดียวกันกับสัตว์นรกตนน้ี สภาวะจิตใจของ
เขาตอนนัน้ ไม่มีทที ่าจะสำ� นกึ อะไรเลย จึงเป็นเหตุให้น่าสงสารทส่ี ดุ น่ัน
เพราะเขามโี อกาสท�ำตวั เองไม่ใหต้ อ้ งตกนรกหมกไหมไ้ ด้ แต่กไ็ ม่ได้คว้า
โอกาสนั้นเอาไว้”

ท่านหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจในค�ำตอบซึ่งเปี่ยมไปด้วยเหตผุ ล
สอดรับกัน อดนึกชมเชยความคิดอันบ่งถึงระดับธรรมในจิตใจของ
สามเณรน้อยไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นเราไปดูที่อนื่ กันต่อเถอะ”

ทอ่ งนรก



ขุมที่ ๒ :

กาฬสุตตมหานรก

กายละเอียดของทั้งสองพวยพุ่งมาหยุดตรงหน้าประตูเหล็ก
บานมหมึ าอกี ครงั้ และประตเู หลก็ ทเ่ี หน็ แมแ้ หงนมองคอตงั้ บา่
กไ็ มอ่ าจพบขอบประตไู ด้ เบอ้ื งบนแดงฉานไปดว้ ยแสงไฟจาก
ขมุ นรกดา้ นในทสี่ ะทอ้ นฉายขนึ้ รศั มคี วามรอ้ นรนุ แรงจนแนว
กำ� แพงเหล็กเห็นเป็นเปลวพยับฉายออกมาไม่ขาดสาย ใกล้ๆ
กันน้ันมีเสาเหล็กต้นมหึมาสองต้นปักโยงขึ้นในลักษณะราว
ตากผา้ ตวั เชอื กกะดว้ ยตาประมาณเทา่ ลำ� ตาล มกี องผา้ บางอยา่ ง
พาดซ้อนทับกนั มากมายมหาศาล

สามเณรพาหุงมองดูแล้วเกิดความสงสัยใคร่รู้เหลือ
ประมาณ แตไ่ มท่ นั จะเอย่ ปากพดู อะไร หกู ไ็ ดย้ นิ เสยี งครำ่� ครวญ
ร�่ำร้องของสตั ว์นรกดว้ ยอ�ำนาจทุกขเวทนาอย่างสาหสั สากรรจ์
ท�ำให้เลกิ สนใจราวผ้าน้นั ไปทันที

ภาค ่ีท ๑ 28 ë ‡ÕŒ ทอ่ งนรกสวรรค์กับสามเณรพาหงุ
“ขมุ นี้มชี ื่อว่า กาฬสุตตมหานรก”
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมชวนหดหู่ ท้ังสรรพเสียงร้องท่ีแสน

ยงั จติ ใหร้ นั ทดเหลอื ประมาณ เสยี งของทา่ นเหมอื นทพิ ยดนตรจี ากสรวง-
สวรรค์ดังข้ึน ยังใจของสามเณรน้อยให้หายจากความหดหู่สังเวช
ในบัดดล

“มหานรกขมุ นอ้ี ยหู่ า่ งไกลจากขมุ แรกทเ่ี ราไดเ้ หน็ มาแลว้ ลกึ ลงไป
ประมาณ ๑๕,๐๐๐ โยชน์ สัตว์นรกขุมนเี้ สวยทกุ ขเวทนาอยู่ถึง ๑,๐๐๐
ปนี รก และ ๓๖ ลา้ นปมี นษุ ยน์ น้ั เปน็ หนงึ่ วนั ของนรกขมุ นี้ จงึ นบั วา่ กาฬ-
สุตตมหานรกนี้มกี รรมหนักกว่าและมอี ายุมากกว่าสัญชวี นรกมากนัก”

“เกณฑอ์ ายเุ ฉลยี่ ของสตั วน์ รกในมหานรกขมุ นม้ี ปี ระมาณ ๑,๐๐๐
ปอี ายกุ ปั โดยระยะเวลาเพยี งหนงึ่ วนั ทก่ี ารทำ� ทณั ฑท์ รมานไดผ้ า่ นพน้ ไป
กจ็ ะนบั ระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๓๖ ล้านปี หากนับแบบโบราณ
จะนับได้ ๓ โกฏิกบั อีก ๖ ล้านปีมนุษย์ และหากนบั ระยะเวลาทง้ั หมด
ในมหานรกขุมน้ี จงึ เท่ากบั เป็น ๑๒,๙๖๐,๐๐๐ ล้านปีมนุษย์

“ขมุ นรกนี้มกี �ำแพงทง้ั สี่ด้านเป็นเหล็ก พน้ื กเ็ ป็นเหลก็ ถกู เผาไฟ
จนแดงโชน นายนริ ยบาลจะจบั เอาสตั วน์ รกนอนลงไปแลว้ น�ำเสน้ บรรทดั
มาตีท่ีตัว จากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง ไม้บรรทัดน้ันท�ำจาก
แผน่ เหลก็ ทเี่ ผาไฟจนแดงโชน เมอื่ ตเี สน้ เปน็ แนวแลว้ กจ็ ะนำ� เลอ่ื ย ขวาน
มีดอโี ต้ หรอื อาวธุ ทีค่ มกล้ามาสับลงตามรอยท่ตี ีไว้ ด้วยเหตนุ ีจ้ งึ ได้ช่ือ
ว่า กาฬสุตตมหานรก หมายถึง นรกขุมใหญ่ท่ีมีการลงโทษตามเส้น
บรรทัดด�ำ”

สิ้นเสียงอธบิ ายของท่าน พลนั นนั้ เองประตเู หล็กกค็ ่อยๆ อ้าออก
เผยให้เห็นสภาพด้านในที่ไม่ต่างจากเตาหลอมขนาดมหึมา มองไปทาง
ไหนเห็นแต่เปลวไฟพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกถูกนายนิรยบาล
ร่างกายใหญ่โตจับให้นอนราบลงบนพ้ืนนรกซึ่งเป็นเหล็กร้อนเร่า ก่อน

ธาร ธรรมโฆษณ์ 29 ทอ่ งนรก

เอาไมบ้ รรทดั ใหญท่ ถี่ กู ไฟนรกเผาจนแดงฉานประดจุ ลน้ิ อสรุ กายทาบลง
บนร่าง เสียงเนื้อสัตว์นรกถูกความร้อนจากเหล็กไม้บรรทัดทาบดังฉ่า
คล้ายใครโยนไขมันสัตว์ลงในกองไฟลุกโชน เท่าน้ันยังไม่พอ ทันทีท่ี
ไมบ้ รรทดั เหลก็ ถกู ยกขนึ้ กจ็ ะเกดิ รอยดำ� เปน็ เสน้ ทรี่ า่ งสตั วน์ รกนนั้ นาย
นิรยบาลสองนายก็จะช่วยกันถือเลื่อยเหล็ก ที่ใบเลื่อยคมกริบจากการ
ถูกแผดเผาวางทาบลงตรงรอยไหม้ด�ำนั้นซ�้ำ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อยตัด
อวัยวะออกช้าๆ

ยามท่ีคมบาดเล่ือนลงถึงเนื้อก็จะเกิดเสียงชวนสยดสยองย่ิงนัก
ภาพกองเลือด ตบั ไตไส้พุงท่พี ุ่งทะลักออกมา เป็นภาพทนี่ ่าเวทนาชวน
สะอดิ สะเอียนสดุ ประมาณ

ขณะทยี่ นื มองทกุ ขเวทนาของสตั วน์ รกผนู้ า่ สงั เวชอยนู่ น้ั สามเณร
พาหุงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเหลียวเห็นสัตว์นรกผู้หนึ่งซึ่งหัว
โล้น รูปลักษณ์ไม่ต่างจากพระภิกษุ วูบแรกทีเ่ ห็นสามเณรน้อยยงั นึกว่า
เป็นพระภกิ ษเุ สยี ด้วยซำ�้ เพียงแต่ไม่เห็นสวมจวี รเท่าน้นั

“ถูกต้องแล้ว สัตว์นรกผู้นี้ตอนมีชีวิตอยู่คือภิกษุที่ประพฤติผิด
ธรรมวินัย เป็นอลัชชี ไม่ละอายใจต่อบาป เอาศาสนาบังหน้าเพื่อหา
ประโยชนใ์ สต่ วั กนิ ลาภสกั การะทช่ี าวบา้ นมอบใหด้ ว้ ยความศรทั ธา หลงั
จากส้ินชีวิตแล้วจึงต้องมาหมกไหม้อยู่ในมหานรกขมุ น้ี”

ท่านหย่ังรู้ความสงสัยของสามเณรพาหุง และเพื่ออธิบายขยาย
ความกงั ขาต่างๆ จงึ ได้ชีแ้ จงต่อไปด้วยเมตตา

“พวกทต่ี ้องมาชดใช้กรรมในนรกขุมนีค้ อื พวกเพชฌฆาต พวกท่ี
ฆ่านักบวช รวมไปถงึ พวกภกิ ษุสามเณรท่ีประพฤตทิ ุศลี เป็นอลชั ชี”

สามเณรพาหุงรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างย่ิงเม่ือรู้ว่าสัตว์นรกหัวโล้น
เบอื้ งหน้าของตน ทแี่ ท้คอื อดีตภกิ ษุผู้ทุศลี

“เณรเหน็ เสาขงึ ราวเหลก็ ขนาดใหญท่ ป่ี ากประตนู รกขมุ นห้ี รอื เปลา่

ภาค ่ีท ๑ 30 ë Œ‡Õ ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหงุ
ก่อนเข้ามา”

“เห็นขอรบั ”
“นั่นแหละคือราวท่ีไว้ส�ำหรับปลดเปล้ืองผ้าสบงจีวรของพวก
นักบวชทุศีลก่อนเข้ามารับโทษในนรกขุมนี้ ทุกๆ ชั่วโมงของเวลานรก
จะมีนายนิรยบาลพวกหน่ึงช่วยกันน�ำเอาผ้าสบงจีวรเหล่านั้นไปมอบให้
นางเทพธดิ าบนสวรรคเ์ พอื่ น�ำไปซกั ทำ� ความสะอาด แลว้ เอาไปรวมไว้ใน
หอผ้าไตรสวรรค์ เพื่อว่าเมื่อกุลบุตรผู้มีบุญญาธิการได้มาขอบวชแล้ว
ไม่มผี ้าไตรจีวร เทวดาจะได้น�ำผ้าไตรจวี รจากหอนีไ้ ปมอบให้”
เมื่อทราบที่มาท่ีไปของกองผ้าจีวรขนาดมหึมาบนราวเหล็กก่อน
จะเข้ามายังนรกขุมน้ี ว่าท่ีแท้คือผ้าสบงจีวรของนักบวชทุศีล สามเณร
พาหุงยิ่งรู้สึกสลดใจเหลือประมาณ ขนาดครองตนอยู่ในเพศบรรพชิต
ยงั ไม่พ้นไฟนรก หากจิตใจยงั ข้องติดอยู่กบั กิเลส
สามเณรพาหุงเพ่งมองนัยน์ตาของสัตว์นรกหัวโล้นตรงหน้าแล้ว
ส่งกระแสจิตบริสุทธ์ิแผ่เมตตาให้ และแล้วภาพฉายบุพกรรมของสัตว์
นรกตนน้ันก็ได้ปรากฏขน้ึ
กลางหอ้ งใหญต่ ดิ เครอ่ื งปรบั อากาศเยน็ ฉำ่� ภกิ ษรุ า่ งอว้ นกำ� ลงั นอน
คุยโทรศัพท์มือถือย่ีห้อดังอยู่บนโซฟาหนังแท้อย่างดี ท่ามกลางสภาพ
สงิ่ ของตกแตง่ หอ้ งซงึ่ มองแลว้ ฝนื และขดั แยง้ กนั อยใู่ นที ไมว่ า่ จะเปน็ ตไู้ ม้
โบราณทภี่ ายในบรรจุผ้าไตรจีวร เครื่องอัฐบรขิ าร กับเคร่อื งซกั ผ้าระบบ
สมั ผสั วางอยใู่ กลๆ้ มมุ ขา้ งฝาทต่ี ดิ กบั หอ้ งนำ้� หรอื กระทง่ั ระหวา่ งโตะ๊ ชดุ
หมใู่ หญฝ่ งั มกุ อนั มพี ระพทุ ธรปู ศลิ ปะสมยั สโุ ขทยั วางอยตู่ รงกลาง มพี าน
ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ เทยี นไฟฟา้ ตง้ั ประดบั ไวอ้ ยา่ งสวยงาม พรอ้ มกบั เครอื่ ง
ออกก�ำลังกายไฟฟ้าวางอยู่อีกฟาก หรือกระท่ังระหว่างฉากรูปวิจิตร
งดงามของภาพพระพุทธรูปและภาพสังเวชนียสถานต่างๆ รวมไปถึง

ธาร ธรรมโฆษณ์ 31 ทอ่ งนรก

ภาพพระเกจชิ ือ่ ดังร่วมสมัยกับตู้เย็นขนาดใหญ่
เสียงโทรศัพท์พูดคุยน�้ำเสียงจ๊ะจ๋าผ่านมือถือรุ่นที่กำ� ลังนิยมกัน

ในหมู่ดารานักแสดงตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับตัวผู้พูด เพราะผู้พูดคือภาพ
ลกั ษณ์ของสมณะผู้สมถะ ที่ต้องละเลิก ไม่ข้องเกี่ยวด้วยโลก

“จะ้ ๆ คณุ โยม เดยี๋ วอาตมาจะจดั ให้ คณุ โยมไมต่ อ้ งเปน็ หว่ ง คณุ
โยมใจเยน็ อกี นดี้ นึง อาตมากำ� ลังกดดนั ให้กลุ่มแผงย่อยออกไปให้หมด
ทนี คี้ ุณโยมกจ็ ะเป็นเจ้าเดยี วที่เปิดขาย คณุ โยมกร็ ู้แล้วน่ีจ๊ะ หลวงพ่อไม่
อยากหกั หาญนำ้� ใจชาวบา้ นทเี่ ปดิ แผงพระอย่กู ่อน จะท�ำอะไรบมุ่ บา่ มไป
ก็ไม่ได้ เดีย๋ วพวกมันยกโขยงมาฟ้องหลวงพ่อเอาเปล่าๆ ทีนี้เราทำ� อะไร
ก็จะยง่ิ ลำ� บาก

ว่าแต่ว่า เรือ่ งทค่ี ณุ โยมรับปากอย่าลมื นา กเ็ ร่อื งนั้นไง หน็อย น่า
ตีจริงๆ ดู๊ดูมาแกล้งทำ� เป็นอัลไซเมอร์ซะนี่ อยู่ใกล้ๆ นี่จะหยิกให้เนื้อ
เขียวเชียว ทำ� ไมจะหยกิ ไม่ได้ พระหยิกสีกานสิ ยั ไม่ดี ชอบทำ� เป็นขีล้ ืม
หลอกพระให้หลง ไม่เป็นอาบัตหิ รอกจ้ะ ยิง่ สกี าหน้าตาน่ารกั ด้วยแล้ว
หยกิ เท่าไหร่ก็ไม่ผดิ ”

หลงั จากเลกิ สนทนา ภกิ ษรุ ปู นน้ั กเ็ ดนิ ไปเปิดตเู้ ยน็ หยบิ กลอ่ งนำ�้
ผลไม้อย่างดีมาเปิดรนิ ใส่แก้ว แล้วยืนดม่ื ด้วยใจเอิบอิ่มเป็นที่สุด ก่อน
จะกลบั ไปนงั่ บนโซฟาอกี ครง้ั แลว้ หยบิ รโี มตกดเปดิ เพลงจากเครอื่ งเสยี ง
โฮมเทยี เตอร์รุ่นใหม่

เสยี งดนตรคี ลาสสกิ นมุ่ ทมุ้ ดงั แวว่ ออกมา ทำ� ใหบ้ รรยากาศเปลย่ี น
ไปทันที หากเอาโต๊ะหมู่บูชา ตู้ใส่ผ้าไตรจีวร รวมไปถงึ ฉากพระพุทธรูป
อันเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาออก ห้องนี้คงไม่ต่างจากห้องสวีทภายใน
โรงแรมหรรู ะดับห้าดาวอย่างไรอย่างน้ัน

เสรจ็ จากปลอ่ ยอารมณต์ ามเสยี งดนตรจี นเคลบิ เคลม้ิ เตม็ ที่ สกั พกั
หน่งึ ภกิ ษุรูปน้ันกก็ ดโทรศพั ท์มอื ถอื เครื่องเดมิ อีกครง้ั

ภาค ่ีท ๑ 32 ë Œ‡Õ ทอ่ งนรกสวรรคก์ บั สามเณรพาหุง
“ไออ้ อ๊ ดเตรยี มตวั เอารถออก เดยี๋ ววนั นหี้ ลวงพจ่ี ะไปชอปปงิ ทห่ี า้ ง

เดิมสกั หน่อย”
พดู จบกล็ กุ ขน้ึ ไปหยบิ ยา่ มลว้ งเอากระเปา๋ สตางคข์ นึ้ มาแบะดู พอ

เหน็ วา่ บตั รเครดติ อยคู่ รบกห็ ยบิ จวี รผนื ใหม่ทล่ี กู ศษิ ย์ซกั ด้วยนำ้� ยาปรบั
ผ้านุ่มจนหอมฟุ้งจรุงใจข้ึนมาห่ม ก่อนจะเดินออกจากห้อง ล็อกประตู
มุ่งไปยงั โรงรถหลังกฏุ ิ

รถยโุ รปคนั หรสู ตาร์ตเครอื่ งรออย่กู อ่ นแล้ว พอเปิดประตเู ขา้ ไป
นัง่ เบาะหลงั คนขับก็เอ่ยกบั ภกิ ษุรูปน้นั เหมือนเป็นการชวนคยุ กลายๆ

“วนั นห้ี ลวงพดี่ หู นา้ ตาสดใสเปน็ พเิ ศษ ไมท่ ราบวา่ ไดร้ บั ขา่ วดอี ะไร
มาหรือครับ”

“ไอ้อ๊อด มงึ ไม่ต้องยุ่ง”
น้�ำเสยี งทีเล่นทีจริงทีต่ ะคอกออกมา เหมอื นย่งิ ท�ำให้ผู้ถามได้ใจ
พลอยผสมโรงหวั เราะสอพลอลกู พผี่ อู้ ยใู่ นสมณเพศอยา่ งประจบ เพราะ
รู้ดวี ่าบรรยากาศอย่างน้ี มีหวังได้ทิปหนกั มือเป็นแน่
และเป็นจริงดังคาด หลังจากทำ� หน้าที่เป็นสารถีขับพาหนะยี่ห้อ
ดาวสามแฉกราคาหลายลา้ นพาลกู พใ่ี นคราบผทู้ รงศลี เดนิ ซอื้ ของในหา้ ง
สรรพสินค้าหรจู นจุใจ กลับถึงวดั นำ� ของไปส่งให้ถึงกุฏเิ สร็จ พระลกู พีก่ ็
ยื่นแบงก์สีเทาให้หนึ่งใบ ท�ำเอาผู้เป็นสารถีรีบย่ืนมือไปรับแทบไม่ทัน
พร้อมทำ� ความเคารพอยา่ งนอบนอ้ มทส่ี ดุ เท่าทจี่ ะเสแสร้งป้ันแตง่ ได้ นน่ั
เพราะจ�ำนวนเงินที่ได้คงท�ำให้วงเงินเดิมพันโต๊ะสนุกเกอร์ค�่ำนี้ออกรส
ยิ่งข้ึนเป็นแน่
ถดั จากกฏุ หิ ลงั หรนู น้ั ออกไป บรรดาแมค่ า้ พอ่ คา้ แผงพระเครอ่ื ง
กำ� ลังนงั่ จบั กลุ่มคุยกนั อย่างครำ�่ เคร่ง

ธาร ธรรมโฆษณ์ 33 ทอ่ งนรก

“คราวน้ีพวกเราคงจะหมดทางท�ำมาหาแ-กกนั แน่”
หน่ึงในนั้นพูดด้วยประโยคเจือคำ� ผรุสวาทออกมาอย่างเหลืออด
ท�ำให้หลายๆ คนถงึ กับฉายแววเคียดแค้นออกมาทางแววตา
“ถือว่าตัวเองเป็นพระเลขาฯ เจ้าอาวาส ท�ำตัวเป็นมาเฟียคุมวัด
กดดันให้พวกเราย้ายออกไป คงได้เงินฟาดหัวโล้นๆ จากอีเจ๊เข้าให้แล้ว
สทิ ่า มันน่านัก”
อีกคนเคยี ดแค้นถึงกับหมายมนั่ ปั้นมอื คิดท�ำร้ายให้เลอื ดตกยาง
ออก ราวกบั ว่าผู้ที่พวกตนกำ� ลังพดู ถึงมิได้อยู่ในฐานะผู้ทรงศลี
“ทนี พี้ วกเราจะเอาไงดี ยอมยา้ ยออกตามทมี่ นั ประกาศยนื่ ค�ำขาด
ไว้รึเปล่า หรือจะไปพูดกับตัวเจ้าอาวาสให้รู้ด�ำรู้แดงเสียเลย ขืนเป็น
อย่างนไ้ี ม่ดีแน่ ลูกข้าสามคนต้องกินต้องเรยี นหนงั สอื นะโว้ย”
“แตก่ วู า่ พวกเราไปพดู กบั เจา้ อาวาสกไ็ มม่ ปี ระโยชนอ์ ะไร ทา่ นแก่
แล้ว แถมยังเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแผงพระในวัด ยกหน้าที่ท้ังหมดให้
พระเลขาฯ ยงั ไงเสยี พวกเรากต็ อ้ งโดนบบี ใหย้ ้ายออกอยดู่ .ี ..มวี ธิ เี ดยี วที่
จะหยุดได้”
“วิธไี หน!”
ทกุ คนในท่นี นั้ พร้อมใจกันร้องถาม เนอื่ งจากทง้ั หมดไม่ต่างจาก
ก�ำลงั ถกู ลอยคออยู่ในท้องทะเลแห่งชะตากรรม รำ่� ๆ จะหมดลมหายใจ
อยู่รอนๆ พอมที ่อนไม้แห่งความหวังปรากฏขึน้ จงึ ต่างรบี ไขว่คว้าทนั ที
“มกี ็แล้วกนั ”
คนพูดแววตาทอประกายวูบหนึ่ง ก่อนใบหน้าเห้ียมเกรียมด้วย
ผา่ นการกรำ� งานกลางแจง้ มาโชกโชนจะผดุ รอยยม้ิ เยอื กเยน็ จนทกุ คนที่
น่งั อยู่รู้สึกใจคอไม่ดขี นึ้ มา

ภาค ่ีท ๑ 34 ë Õ‡Œ ทอ่ งนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหุง
ภาพความโกลาหลเกิดขน้ึ ในเช้าวนั ต่อมา เม่ือเจ้าหน้าท่ีตำ� รวจ

ได้รบั แจ้งว่ามีการฆาตกรรมเกดิ ข้นึ ภายในวัด พอมาถงึ สถานท่ีเกดิ เหตุ
พบร่างพระภิกษุผู้ท�ำหน้าท่ีเป็นพระเลขาฯ ส่วนเจ้าอาวาสถูกคนร้ายไม่
ทราบจ�ำนวนบุกเข้าท�ำร้ายทุบศีรษะด้วยของแข็งจนกะโหลกยุบ นอน
มรณภาพอยู่ในกุฏิ คนร้ายได้ร้อื ค้นส่งิ ของมคี ่าติดตัวไปด้วย ตำ� รวจจงึ
สนั นษิ ฐานวา่ มลู เหตนุ า่ จะมาจากการฆา่ ชงิ ทรพั ย์ เพราะภกิ ษผุ มู้ รณภาพ
มีทรพั ย์สินในกุฏิเป็นจ�ำนวนมาก

จากการสอบถามพอ่ คา้ แมค่ า้ แผงพระเครอ่ื งภายในวดั ปรากฏวา่
ทุกคนไม่รู้ไม่เห็นอะไรผิดปกติท้ังส้ิน และต่างให้การทางเดียวกันว่าน่า
จะเป็นฝีมือของคนต่างด้าวทีเ่ คยเข้ามาทำ� งานในวดั

แมค้ วามอวบอม่ิ ทางกายจะกลายมาเปน็ เหยี่ วแหง้ ซดี เซยี ว หมอง
คลำ�้ ขะมกุ ขะมอม รวมไปถงึ ปรากฏแผลเหวอะหวะนา่ เวทนา แตแ่ ววตา
ของสัตว์นรกตรงหน้ายังพอจะบ่งให้รู้ว่าเป็นบคุ คลเดยี วกับพระภิกษุรูป
ทป่ี รากฏกายเม่ือครู่

สามเณรพาหุงมองดูรอบๆ ก็พบว่ามีกลุ่มคนผู้ซ่ึงเป็นผู้ไป
ฆาตกรรมอดีตภิกษุรูปนี้รวมอยู่ด้วย ทุกคนล้วนได้รับวิบากกรรมในที่
เดียวกัน และพอชดใช้บาปกรรมขุมนี้เสร็จก็จะต้องแยกย้ายไปรับใช้
กรรมที่นรกขุมอ่ืนๆ ต่อ ตามแต่ใครท�ำกรรมหนักใดไว้ ช่างน่าเวทนา
ยงิ่ นกั

“พระศาสนาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีคนไม่ดีเข้ามาปลอมปนเพ่ือ
หวงั ประโยชน์อย่างไม่เกรงกลวั ยงิ่ ยคุ ปัจจบุ นั มนุษย์มจี ติ ใจเสอื่ มโทรม
ใช้พระศาสนาเป็นแหล่งฟักตัวจนอ่ิมหมีพีมัน และมีมากยิ่งกว่าทุกยุค
ทกุ สมยั ทผี่ า่ นมา ทำ� ใหพ้ ระภกิ ษสุ งฆผ์ ปู้ ฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบตอ้ งตดิ รา่ งแห
รบั กรรมไปด้วย ถือเป็นเรือ่ งน่าสลดหดหู่ยงิ่ นัก

ธาร ธรรมโฆษณ์ 35 ทอ่ งนรก

เณรลองดบู ุพกรรมของสัตว์นรกหัวโล้นอกี ตนหนึง่ สิ...จะเหน็ ข้อ
เปรียบเทียบอย่างชัดเจนระหว่างสงฆ์สุปฏิปันโนกับคนชั่วในคราบ
พระสงฆ์”

หลังจากเอ่ยเสร็จท่านก็ชี้ให้สามเณรพาหุงมองไปที่สัตว์นรกตน
หน่ึงที่มีศีรษะโล้นเช่นกัน ซ่ึงก�ำลังถูกนายนิรยบาลเลื่อยด้วยเล่ือยนรก
คมกรบิ และส่งเสยี งร้องครำ่� ครวญอย่างน่าเวทนา

สามเณรพาหุงส่งกระแสจิตไปยังสัตว์นรกตนนั้น ทันทีที่รับรู้
กระแสจติ เปย่ี มดว้ ยเมตตาจากสามเณรนอ้ ย สตั วน์ รกตนนน้ั กห็ ลดุ จาก
การทรมานไปในบัดดล

นายนริ ยบาลคกุ เขา่ ลงกบั พน้ื นรก ทำ� ความเคารพผทู้ รงศลี ทง้ั สอง
และเปดิ ทางใหส้ ตั วน์ รกตนนนั้ เขา้ มาหาเพอ่ื บอกบพุ กรรมของตนเองโดย
ละเอยี ด ตามความต้องการของสามเณรพาหุง

และเมื่อสัตว์นรกหัวโล้นดังกล่าวเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้า ด้วย
อำ� นาจบญุ ญาบารมขี องผทู้ รงศลี ทง้ั สอง สตั วน์ รกตนนน้ั จงึ ไดค้ นื รา่ งเดมิ
เมื่อสมัยคร้ังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ ท�ำให้สามเณรพาหุงรู้ว่า แท้แล้ว
สัตว์นรกตนนีก้ ็คืออดีตพระภกิ ษุ ขาดแต่ว่าไม่ได้นุ่งผ้าสบงจีวรเท่านนั้

เพื่อต้องการทราบบุพกรรมอย่างละเอียด สามเณรพาหุงจึงเพ่ง
กระแสจติ มองเขา้ ไปในแววตาของสตั วน์ รกตนนน้ั อกี ครง้ั ทนั ใดนนั้ ภาพ
ฉายเรอ่ื งราวชวั่ ชา้ ของผทู้ แ่ี อบอา้ งตนเปน็ สาวกของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้
พร้อมกบั สงฆ์ผู้ปฏิบตั ิดปี ฏบิ ัติชอบอีกรูปก็พลนั ปรากฏขน้ึ

แม้จะล่วงเลยเทย่ี งคืนไปแล้ว แต่เขียน สามเณรนักเรียนบาลี
จากต่างจังหวัด ยังคงคร่�ำเคร่งต่อการอ่านหนังสือต�ำราอย่างมุ่งมั่น
เนื่องจากกว่าจะหาวัดท่ีอยู่ในเมืองหลวงได้ พระอาจารย์ต้องบากหน้า
ตะลอนเข้าวัดโน้นออกวัดนี้เพื่อฝากลูกศิษย์ให้มีท่ีพำ� นักเรียน เม่ือมีที่

ภาค ่ีท ๑ 36 ë Œ‡Õ ท่องนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหุง
อยแู่ ลว้ กต็ อ้ งทมุ่ เทใหก้ ารศกึ ษาอยา่ งถงึ ทสี่ ดุ เพอ่ื ตอบแทนคณุ พระอาจารย์
ชรา ผ้ซู ง่ึ ไมม่ สี มณศกั ดแิ์ ละต�ำแหน่งการปกครองคณะสงฆใ์ ดๆ และยงั
จ�ำวัดอยู่ทีว่ ัดบ้านนอกห่างไกลความเจรญิ

อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะมีการสอบบาลีสนามหลวงข้ึน นั่น
หมายถงึ สามเณรเขยี นจะตอ้ งทมุ่ เทหนกั กวา่ เดมิ ขนึ้ เปน็ เทา่ ทวี เนอ่ื งจาก
การเรยี นบาลไี มม่ คี ะแนนเกบ็ คะแนนจติ พสิ ยั หรอื เวลาเรยี นอะไรทง้ั สนิ้
เรียนปีหน่ึงเต็มๆ สอบวัดผลสองวัน ไม่ผ่านก็ต้องเรียนใหม่สอบใหม่
ปหี นา้ ปไี หนกรรมการซง่ึ โดยมากอยใู่ นสว่ นกลางกรงุ เทพฯ ออกขอ้ สอบ
แล้วนักเรยี นสอบได้มาก ปีนัน้ แสดงว่ากรรมการไม่มีคุณภาพ ต้องออก
ข้อสอบแล้วนักเรยี นสอบได้น้อยจงึ จะเป็นทพี่ อใจ

“น่ีคุณ! นอนสกั ทเี ถอะ ผมนอนไม่หลับ แสงไฟมันแยงตา”
เขียนสะดุ้งเม่ือได้ยินเสียงสามเณรผู้มาอยู่ก่อนในห้องนี้ตะโกน
ขนึ้ ด้วยน้�ำเสยี งไมพ่ อใจ แต่เพ่อื ไมใ่ ห้เกดิ ความบาดหมางขน้ึ ระหว่างกนั
สามเณรเขยี นจงึ เปน็ ฝา่ ยยอมดว้ ยการลกุ ขน้ึ เดนิ ไปปดิ โคมไฟตรงหวั โตะ๊
ลง ก่อนจะหอบหนงั สอื ไปน่ังอ่านข้างนอก อาศยั แสงสว่างจากเสาไฟฟ้า
ทเ่ี ปิดท้งิ ไว้นอกระเบียงตลอดคืนเพ่ือดูตำ� รา ทนยุงกดั ดีกว่าท�ำให้เพอ่ื น
ร่วมห้องต้องหงดุ หงดิ ร�ำคาญ
อรณุ คอื สามเณรผมู้ าอยกู่ อ่ น หรอื เรยี กไดว้ า่ เปน็ เจา้ ถน่ิ เนอ่ื งจาก
เป็นคนท้องท่ี และมีครอบครวั อยู่ใกล้ๆ วัด ตอนพระอาจารย์นำ� เขยี น
มาฝากกับเจ้าอาวาสวัดน้ี แรกทเี ดียวท่านเจ้าอาวาสบอกปฏเิ สธไม่รบั ไว้
ให้เหตผุ ลว่ากุฏิเต็ม แต่เมอื่ พูดคุยสอบถามจนรู้ว่าอาจารย์และลกู ศษิ ย์
ทงั้ สองไดเ้ ทย่ี วตะลอนหาวดั สำ� หรบั เปน็ ทพ่ี ำ� นกั มาแลว้ เกอื บทวั่ เมอื งหลวง
ก็ยังหาไม่ได้ และก�ำลังจะตัดสินใจกลับวัดบ้านนอกหากยังหาไม่ได้อีก
ในวนั น้ี จงึ เมตตารบั ไว้ โดยให้พักร่วมกุฏกิ บั เพือ่ นสามเณรรุ่นราวคราว
เดยี วกนั ซึ่งกค็ ือสามเณรอรุณ

ธาร ธรรมโฆษณ์ 37 ทอ่ งนรก

การทต่ี ้องเสยี ความเป็นส่วนตวั ไป ทำ� ให้เจ้าของห้องเดิมไม่ค่อย
พอใจสามเณรเขยี นนัก แต่ก็ไม่กล้าคดั ค้านอะไร จงึ พยายามบีบเพ่อื น
ร่วมห้องคนใหม่ทกุ วถิ ที างเพ่อื ให้หอบข้าวของย้ายออกไปเอง

ด้วยความท่ีสามเณรเขียนรักและมุ่งม่ันในการศึกษา กอปรกับ
ยึดค�ำสอนของพระอาจารย์ที่ให้ไว้ในวันสุดท้ายก่อนกลับ ท่ีสอนว่าให้
ขยนั อดทน ด�ำรงตนอยู่ในกรอบศลี วนิ ยั และเน้นย้�ำว่าประพฤติให้ได้
ทง้ั สามข้อน้ี แล้วจะประสบความส�ำเรจ็ จงึ พยายามอดทนในทุกๆ เรอ่ื ง

ดว้ ยความเปน็ เดก็ ชนบท ผา่ นชวี ติ ลำ� บากมาตงั้ แตเ่ ดก็ ถกู ทอ้ งนา
ทอ้ งไรเ่ คย่ี วกรำ� รา่ งกายและหวั ใจใหแ้ ขง็ แกรง่ ไมย่ อ่ ทอ้ อะไรงา่ ยๆ ดงั นนั้
ไม่ว่าจะโดนกดดันกล่นั แกล้งอย่างไรจึงไม่เคยปรปิ าก

ถงึ แมส้ ามเณรอรณุ กบั สามเณรเขยี นจะเลา่ เรยี นในชน้ั เดยี วกนั คอื
ประโยค ๑-๒ หลักสูตรไวยากรณ์และแปลต�ำราธรรมบทคาถา แต่
ดเู หมอื นวา่ สามเณรอรณุ จะไมค่ อ่ ยครำ่� เครง่ กบั การเรยี นเทา่ ใดนกั จนถงึ
ช่วงสอบน่ันแหละสามเณรเขียนจึงได้รู้สาเหตุ ว่าสามเณรอรุณนั้นมี
หลวงอาเป็นถึงกรรมการคุมสอบแบบผูกขาด นั่นคือนักเรียนบาลีชั้น
ประโยค ๑-๒ ตลอดจนถึงประโยค ๕ จะมาสอบกันท่สี นามสอบวัดนี้

การทุจริตเพื่อให้หลานตัวเองสอบผ่านจึงเกิดขึ้นอย่างน่ารังเกียจ
โดยเฉพาะคร้ังสดุ ท้ายสอบประโยค ป.ธ. ๕ สามเณรอรุณน้นั ขาดสอบ
ไปหนง่ึ วนั เพอ่ื ไปเทย่ี วกบั คณะทวั รท์ ปี่ ระเทศอนิ เดยี -เนปาล โดยเจา้ ของ
คณะทัวร์ถวายตั๋วเดินทางฟรีแก่พระภิกษุสามเณรท่ีเดินทางไปด้วย
เนื่องจากศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา และอยากให้ภิกษุสงฆ์องค์
สามเณรไดม้ โี อกาสไปนมสั การสงั เวชนยี สถาน โดยหารเู้ รอ่ื งเกยี่ วกบั การ
สอบบาลไี ม่ เพราะถา้ รคู้ งไมย่ นิ ดใี หส้ ามเณรอรณุ ทงิ้ การสอบเปน็ แน่ แต่
เม่อื ผลประกาศสอบออกมา ปรากฏว่าสามเณรอรุณมชี ือ่ สอบผ่าน

พฤติกรรมของสามเณรอรุณ นอกจากเร่ืองทุจริตการสอบบาลี

ภาค ่ีท ๑ 38 ë Õ‡Œ ท่องนรกสวรรคก์ ับสามเณรพาหุง
แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายท่ีสามเณรเขียนพยายามเอาหูไปนาเอาตา
ไปไร่ ไม่ใส่ใจนำ� พา เพราะคิดว่าใครท�ำกรรมอะไรไว้ กรรมนั้นย่อมตาม
สนองเองภายหลัง ใครท�ำดี...ดี ใครท�ำช่ัว...ช่ัว อยู่ในตัวของตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับลูกสาวโยมอุปัฏฐากที่มาหาถึงกุฏิ
ยามเย็นไม่ขาด

โดยโยมผู้อุปัฏฐากหารู้ไม่ว่า บัดนี้สามเณรหนึ่งรูปในสองรูปซ่ึง
ตนเองถวายตวั เปน็ เจา้ ภาพเรอ่ื งการศกึ ษาดว้ ยความศรทั ธา จะคดิ ในทาง
ชว่ั รา้ ยตำ่� ชา้ เชน่ น้ี ไมค่ วรคา่ แกก่ ารกราบไหว้ สามเณรเขยี นรสู้ กึ เจบ็ ปวด
ทกุ ครงั้ ทไ่ี ดร้ เู้ หน็ เหตกุ ารณย์ ่�ำยเี กยี รตยิ ศผา้ กาสาวพสั ตรแ์ ลว้ ตอ้ งท�ำเปน็
ไม่รู้ไม่เหน็ เช่นนี้

หลังจากสอบเปรียญธรรม ๕ ประโยคจบ และผลออกมาท้ัง
สามเณรเขียนและสามเณรอรณุ ล้วนสอบผ่าน ทำ� ให้เจ้าอาวาสยินดีเป็น
อย่างมาก ถงึ กบั จัดงานฉลองให้สามเณรเปรียญทง้ั สองเป็นการพิเศษ

หลังจากงานฉลองเสร็จแค่วันเดียว สามเณรเขียนก็กราบลา
เจา้ อาวาสกลบั วดั บา้ นนอก ทง้ิ การเรยี นบาลเี อาไวเ้ พยี งเทา่ นน้ั แมเ้ จา้ อาวาส
จะทดั ทานอยา่ งไรกไ็ มส่ ามารถเปลยี่ นความคดิ อนั เดด็ เดยี่ วของสามเณร
เขียนได้

‘ท�ำไมไม่เรยี นต่อให้จบประโยค ๙ ล่ะเณร เหลืออกี ไม่กี่ปี การ
เรยี นของเณรก็อยู่ในเกณฑ์ดี สอบไม่เคยตก ทิง้ ไปอย่างน้เี สยี ดายแย่’

สามเณรเขยี นไมต่ อบเจา้ อาวาส ตง้ั ใจวา่ ไวค้ อ่ ยตอบกบั พระอาจารย์
ที่วัดบ้านนอกถึงสาเหตุการเลิกเรียนกลางคัน แต่แล้วพอกลับไปถึง
พระอาจารย์กเ็ พยี งถามว่า ‘กลับมาแล้วหรอื ’ จากนัน้ ท่านกไ็ ม่ได้พดู ถงึ
การเรยี นบาลีอกี เลย ตราบจนวันมรณภาพ

ธาร ธรรมโฆษณ์ 39 ทอ่ งนรก

หลายสบิ ปีต่อมา ข่าวการฉลองสมณศักด์ิควบคู่ไปกับการฉลอง
ตำ� แหนง่ เจา้ คณะภาคของเจา้ คณุ อรณุ ถกู ลกู ศษิ ยน์ ำ� ไปจา้ งใหส้ อ่ื มวลชน
ทงั้ แขนงหนงั สอื พมิ พ์ โทรทศั น์ จากส่วนกลางและทอ้ งถนิ่ ให้ช่วยลงขา่ ว
ให้อย่างครึกโครม อีกท้ังมีการตดิ ป้ายองิ ค์เจทขนาดใหญ่ตามสามแยก
ส่ีแยกของถนนเส้นส�ำคัญแทบทุกท่ี ในป้ายแจงรายละเอียดงานอย่าง
ถ่ีถ้วน มีมหรสพตลอดงาน มีดนตรี โคโยตีโชว์ มพี ระระดบั ราชาคณะ
จากสว่ นกลางมาเจรญิ พระพทุ ธมนต์ ซง่ึ ต�ำแหนง่ การปกครองคณะสงฆ์
ระดับภาคน้ันมีอ�ำนาจการปกครองครอบคลุมจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาค
นน้ั ๆ และเพอ่ื ประกาศบารมดี ้านการปกครอง บรรดาลกู ศษิ ย์ลกู หาของ
เจ้าคุณอรุณจึงออกฎีกานิมนต์พระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสทุกวัดใน
พนื้ ทกี่ ารปกครองมารว่ มงาน ในรายนามวดั ตา่ งๆ ทนี่ มิ นต์นนั้ ได้รวมไป
ถงึ วดั ของพระมหาเขยี นด้วย

ดว้ ยเหตผุ ลน้ี ทำ� ใหห้ ลงั จากทำ� วตั รเยน็ เสรจ็ มหาเขยี น พระภกิ ษุ
บ้านนอกซึ่งเคยใช้ชีวิตในเมืองหลวงเพื่อการศึกษาสมัยเม่ือครั้งเป็น
สามเณรนอ้ ย นง่ั นกึ ทบทวนพฤตกิ รรมตา่ งๆ ในอดตี ของเพอ่ื นรว่ มเรยี น
ว่า ควรแล้วหรือทจี่ ะปล่อยให้ทำ� หน้าทป่ี กครองคณะสงฆ์ ควรแล้วหรือ
ท่ีจะปล่อยให้คนทศุ ีลคดโกงได้เป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์

พระมหาเขยี นนง่ั นกึ ถงึ พระพทุ ธพจนบ์ ทวา่ ‘นคิ คฺ ณเฺ ห นคิ คฺ หารหํ
ปคคฺ ณเฺ ห ปคฺคหารหํ - พงึ ยกย่องคนทีค่ วรยกย่อง พงึ ข่มคนทคี่ วรข่ม’
ซ่ึงสะท้อนก้องกลับไปกลับมาในสมอง ในใจอยากจะวางเฉยให้สมกับ
ผทู้ ไ่ี ดช้ อื่ วา่ บรรพชติ ซง่ึ สมควรจะปลอ่ ยวางละเลกิ ตอ่ รปู ธรรมนามธรรม
สงิ่ ขอ้ งแวะตา่ งๆ แตถ่ า้ ไมข่ อ้ ง ไมเ่ ขา้ ไปจดั การ ปลอ่ ยใหค้ นไมด่ มี บี ทบาท
เปน็ ผนู้ ำ� ทง้ั ๆ ทร่ี อู้ ยแู่ ละสามารถเขา้ ไประงบั ได้ กค็ งไมต่ า่ งอะไรจากเปน็
ผู้สมรู้ร่วมคดิ ในการปล่อยให้คนชัว่ ลอยนวล

พระมหาเขียนพยายามนึกไตร่ตรองอย่างรอบคอบที่สุด นึกไป

ภาค ่ีท ๑ 40 ë ‡ÕŒ ทอ่ งนรกสวรรคก์ ับสามเณรพาหุง
ต้นเหตแุ ห่งบทบญั ญตั ศิ ลี ทงั้ ๒๒๗ ข้อ ที่เหล่าพระภกิ ษุสมัยพทุ ธกาล
น�ำเอาพฤติกรรมของสงฆ์ด้วยกันขึ้นมากล่าวโทษในที่ประชุมโดยไม่ทำ�
ตนวางเฉย ปลอ่ ยวางตอ่ พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมของภกิ ษบุ างรปู ทก่ี อ่ ขนึ้
เปน็ เหตใุ หพ้ ระพทุ ธองคท์ รงเรยี กประชมุ สงฆแ์ ลว้ อาศยั หลกั ธรรมาธปิ ไตย
ตัดสนิ นำ� ไปสู่การวางบทบัญญัติข้อธรรมวินยั ต่างๆ ส่งผลให้มีการจาร
บนั ทึกไว้ในพระธรรมวนิ ัยปิฎกตราบเท่าทุกวันนี้

ฟ้าคล้อยต�่ำลง ไก่แจ้วัดเริ่มทยอยกันบินขึ้นไปนอนบนต้นไม้
ส่งเสียงหยอกล้อจิกตีกันให้ได้ยินตลอดเวลา จักจั่นเรไรระงมร้องโหม
เปน็ ระลอกประชนั กนั ระหวา่ งพวกทเ่ี กาะอยทู่ ต่ี น้ หกู วางใหญก่ บั ตน้ พกิ ลุ
ข้างศาลาการเปรียญดังกังวานไปท่ัว

อาณาบรเิ วณซึง่ ร่มครม้ึ ไปด้วยแมกไม้นานาชนิด มีพระอยู่จำ� วดั
รปู เดยี วคอื มหาเขยี น สรรพสตั วต์ า่ งๆ พากนั มาอาศยั อยเู่ ปน็ จ�ำนวนมาก
ตกค่�ำบรรดาสัตว์เหล่าน้ันต่างพากันลาแสงตะวันเสียงดังเซ็งแซ่ไปทุก
สมุ ทมุ พุ่มไม้

พระมหาเขียนนงั่ ฟังเสยี งธรรมชาตเิ หล่าน้ีไป พร้อมกับพยายาม
นึกหาวิธีท่ีดีท่ีสุดส�ำหรับจัดการต่อเร่ืองท่ีเกิดขึ้น เพราะตัดสินใจอย่าง
แน่วแน่แล้วว่าจะเข้าไปช�ำระเรื่องน้ีให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย น่ัน
เพราะคดิ วา่ ตนเองอตุ สา่ หร์ ำ่� เรยี นมาจนถงึ เปน็ มหาเปรยี ญ จดจำ� คำ� สอน
รวมไปถงึ บทบญั ญัตติ ่างๆ ไว้มากมาย หากนิง่ เฉย ไม่กระทำ� การใดๆ
พระศาสนาก็จะถูกคนไม่ดียำ�่ ยีดหู มิ่นอย่างย่ามใจ

คิดได้ดังน้ันแล้วภิกษุบ้านนอกก็เริ่มจัดเตรียมการต่างๆ ตาม
ล�ำดบั แรกสดุ ต้องเดินทางไปพบฆราวาสสองคนเสยี ก่อน

ธาร ธรรมโฆษณ์ 41 ทอ่ งนรก

“โยมจ�ำอาตมาได้ไหม”
หญงิ วยั กลางคนพยายามเพง่ ดใู บหนา้ ภกิ ษทุ เ่ี ดนิ ทางมาพรอ้ มกบั
ชายชราคนหนึ่ง โดยบอกความประสงค์ว่ามีเร่ืองเก่ียวกับพระศาสนา
อยากให้ช่วยเหลือ
“ขอโทษจรงิ ๆ เจ้าค่ะ ดฉิ ันจ�ำไม่ได้”
“อาตมาคอื สามเณรเขยี น ทีเ่ คยอาศยั อยู่ห้องเดียวกันกับเจ้าคุณ
อรณุ สมัยยงั เป็นเณร โยมพอจะจ�ำได้หรอื ยัง”
พอนางได้ยินค�ำว่า ‘เจ้าคุณอรุณ’ สีหน้าก็ตกวูบอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะค่อยๆ ผงกหัวช้าๆ แล้วพูดขน้ึ ว่า
“อ๋อค่ะ ดิฉันพอจะจำ� ได้แล้ว ท่านดูเปล่ียนไปมาก พอบอกช่ือ
ดฉิ นั จึงจะจำ� ได้ เป็นไงบ้างคะ หายเงียบไปเลย พอคณุ แม่ทราบว่าท่าน
กลับบ้านนอกครั้งนั้นก็เสียใจมากท่ีไม่ได้เดินทางไปส่ง คุณแม่ยังฝาก
บอกดิฉันเลยนะคะว่าถ้าเจอท่านในวันข้างหน้า ขอให้นิมนต์ไปสวด
บงั สกุ ุลโกฏบิ รรจุกระดูกให้ด้วย”
“โยมแม่เสยี นานหรือยัง”
พระมหาเขียนรู้สึกใจหายท่ีอดีตโยมอุปัฏฐากซึ่งเคยเอ้ือเฟื้อ
ปจั จยั ๔ ให้ตนได้ลาจากโลกไปโดยทตี่ นเองไม่ได้เดนิ ทางมารว่ มพธิ ศี พ
ด้วย
“กเ็ กอื บสบิ ปแี ลว้ เจา้ คะ่ วา่ แตท่ า่ นมเี รอื่ งอะไรใหด้ ฉิ นั ชว่ ยหรอื คะ”
มหาเขียนมองหน้าชายชราที่มาด้วยกันหน่อยหน่ึง ก่อนจะบอก
ความประสงค์ออกไป ซงึ่ ตลอดเวลาหญงิ วยั กลางคนผ้เู ป็นบตุ รสาวของ
อดีตโยมอุปัฏฐากนงั่ ฟังไปด้วยแววตาเศร้าหมอง
“อาตมาไม่ได้บงั คับให้โยมร่วมด้วย เพราะรู้ดวี ่าเรอื่ งนกี้ ระทบถึง
เกียรติยศและศักด์ิศรีของโยม เพียงแต่อยากให้โยมรับรู้ เน่ืองจาก
พระศาสนาของเรานับวันจะถูกคนไม่ดี โดยเฉพาะชาวพุทธด้วยกันเอง

ภาค ่ีท ๑ 42 ë ‡ŒÕ ท่องนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหุง
บ่อนท�ำลายอย่างแสนสาหัส น่ันเพราะพวกเรา บรรดาพุทธบริษัทต่าง
พากันเพกิ เฉย ไม่ใส่ใจดแู ล เรามแี ม่แบบ มรี ะบอบท่พี ระศาสดาของเรา
วางไว้อย่างดที ่ีสดุ แต่เราไม่ได้สนใจเอามาใช้อย่างจริงจงั คนไม่ดีจงึ ได้
ช่องและสามารถอาศัยพระศาสนาของเราประกอบอกุศลกรรมได้ตราบ
เท่าปัจจุบนั ”

“ก่อนท่ีอาตมาจะตัดสินใจเข้ามาช�ำระเร่ืองนี้ ก็ได้คิดแล้วคิดอีก
ถงึ ผลดผี ลเสียทจ่ี ะเกิดข้นึ และเมอ่ื หักล้างกนั ระหว่างผลเสีย ซึง่ อาจจะ
ถกู มองวา่ สาวไสใ้ หก้ ากนิ ขดุ คยุ้ เรอื่ งเสอื่ มเสยี ใหแ้ ดงขน้ึ แสห่ าเรอื่ ง กบั
ผลดีคือสามารถขจัดคนไม่ดีให้ออกไปจากพระพุทธศาสนา อาตมาคิด
ว่าสามารถหักล้างกันได้ และชอบด้วยเหตุผลประการทั้งปวงทีจ่ ะทำ� ”

“เวลานี้ข่าวเส่ือมเสียของพระสงฆ์ มีปรากฏให้เห็นตามหน้า
หนงั สอื พิมพ์อยู่บ่อยๆ อาตมาคิดว่านกั ข่าว สื่อมวลชนทงั้ หนังสือพิมพ์
และทีวีนี่แหละ คือตัวแทนของพระเจ้าอโศกมหาราชท่ีจะมาช่วยกัน
สังคายนาช�ำระ รวมไปถึงก�ำจัดพวกอลัชชีนอกรีตให้หมดไปจากพระ
ศาสนา เพราะถ้าไม่มีองค์กรเหล่าน้ี ป่านนี้พวกทุศีลทั้งหลายคงจะมี
มหาศาลจนน่ากลวั ”

ทกุ ถอ้ ยคำ� ทห่ี ลดุ ออกจากปากพระมหาเขยี น ลว้ นออกจากใจทร่ี กั
ศรทั ธาในบวรพระพทุ ธศาสนา อนั เกดิ จากกศุ ลจติ ภายในใจ หาไดม้ งุ่ รา้ ย
แก่ใครท้ังสิ้น จึงเปี่ยมไปด้วยพลังบริสุทธ์ิมหาศาล ถึงกับทำ� ให้หัวใจ
อุบาสิกาซึ่งเคยกระท�ำผิดพลาดมาในอดีตเน่ืองจากยังเยาว์เขลาต่อโลก
เป็นยงิ่ นกั ได้สะท้อนส�ำนกึ จนหมดส้นิ

นางถงึ กบั หลงั่ น�้ำตาอาบแก้ม เพราะทผ่ี า่ นมาตอ้ งทนทกุ ข์ทรมาน
กบั ภาพความทรงจ�ำทต่ี ราบาปในอดตี นั้นมาตลอด จึงต้งั ใจและรบั ปาก
อย่างแน่วแน่ว่าจะร่วมกระท�ำกรรมอันเป็นกุศลคร้งั นีจ้ นถงึ ที่สดุ

ธาร ธรรมโฆษณ์ 43 ทอ่ งนรก

ท่ามกลางศาลาการเปรียญหลังใหญ่รโหฐานของวดั ในเมืองกรุง
ระดับ ‘วรมหาวิหาร’ (พระอารามหลวงชนั้ เอกชนิดต่�ำสดุ ) พืน้ ปหู นิ อ่อน
เกรดดี เสาฝังมกุ ตระการตา พระปฏมิ าประธานองค์ใหญ่แกะสลักจาก
หยกเนื้อละเอียดงามอย่างไร้ที่ติ ญาติโยมผู้มีเกียรติระดับคุณหญิง
คณุ นายเทา่ นน้ั จงึ ไดอ้ ภสิ ทิ ธเิ์ ขา้ มารว่ มพธิ คี รงั้ นี้ ตา่ งนงั่ อยบู่ นเกา้ อไี้ มส้ กั
เรียงเป็นแถวหน้าอาสน์สงฆ์ โดยมีพระราชาคณะระดบั ช้นั เทพขึ้นไป ๙
รปู กำ� ลงั รอเจรญิ พระพทุ ธมนต์อยู่ องค์ซง่ึ นง่ั หวั แถวเปน็ พระราชาคณะ
ชนั้ ผใู้ หญท่ ปี่ ระชาชนทว่ั ประเทศเคารพยง่ิ นกั เนอื่ งจากทา่ นเปน็ พระภกิ ษุ
ผู้ปฏิบตั ดิ ี เคารพในพระธรรมวินยั และความถูกต้องเป็นทส่ี ุด

เยื้องๆ กับอาสน์สงฆ์ เจ้าภาพของงานคือเจ้าคุณอรุณ ผู้ครอง
จีวรผ้าแพรสะท้อนแสงแพรวพราวนั่งเด่นอยู่บนเก้าอ้ีแกะสลักไม้สักฝัง
มุก เพอื่ รอรับน้ำ� พระพุทธมนต์ในล�ำดับต่อไป

ทันใดน้ันเอง พระมหาเขียนซ่ึงถูกนิมนต์ให้มาร่วมงานในฐานะ
เจา้ อาวาสวดั ในเขตปกครอง แตก่ ลบั ถกู จดั ใหน้ ง่ั พกั รอฉนั ภตั ตาหารเพล
อยู่ในเต็นท์นอกศาลาก็ปรากฏกายขึ้น โดยมีชายชราและหญิงวัยกลาง
คนเดนิ ตามหลังเข้ามาด้วย

ทัง้ สามมุ่งไปยังอาสน์สงฆ์ ก่อนจะนง่ั คกุ เข่ากราบพระราชาคณะ
รปู อาวโุ สสุดซ่งึ นั่งอยู่หัวแถว

“กระผมมเี ร่ืองจะขอปรับอธกิ รณ์กับเจ้าคุณอรณุ ขอให้พระเดช-
พระคุณท่านช่วยวินจิ ฉยั และได้โปรดใช้สมั มขุ าวินัยระงบั อธิกรณ์ด้วย
ขอรับ”

เหมอื นฟา้ ผา่ ลงใจกลางศาลาการเปรยี ญ พระปฏมิ าหยกพระพกั ตร์
นิ่งสงบ ทว่าหัวอกของบรรดาญาตโิ ยม รวมท้ังเจ้าคณุ อรุณกลบั ตื่นเต้น
ระทกึ เพราะจู่ๆ กม็ เี ร่อื งเกิดขน้ึ อย่างไม่ทันต้ังตวั นำ้� เสยี งของพระมหา
เขียนในวันนนั้ เสยี งดงั กงั วานและได้ยนิ ก้องไปทั่วศาลา

ภาค ่ีท ๑ 44 ë ‡ÕŒ ทอ่ งนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง
ลกู ศษิ ยฆ์ ราวาสของเจา้ คณุ อรณุ ปรเ่ี ขา้ มาหาบคุ คลทง้ั สาม หมาย

จะกระท�ำการอันใดอันหนึ่ง แต่ได้ถูกน�้ำเสียงอันเฉียบขาดของประธาน
สงฆ์ห้ามไว้

ขณะนนั้ เมอ่ื เหตกุ ารณไ์ มค่ าดคดิ เกดิ ขนึ้ บนศาลา บรรดาพระภกิ ษุ
เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ที่ถูกจัดให้น่ังในเต็นท์ข้างนอก นักข่าวที่มาทำ� ข่าว
รวมไปถงึ ชาวบา้ นทมี่ ารว่ มงาน ตา่ งกแ็ หก่ นั ขน้ึ มาบนศาลา เพราะอยากรู้
อยากเหน็ เรือ่ งราวทเ่ี กดิ ข้ึน

เมอื่ เหตกุ ารณ์เป็นอย่างน้ีกส็ มดังคาดหมายของพระมหาเขยี น ท่ี
ต้องการให้อธิกรณ์นี้ถูกระงับในที่พร้อมหน้า บุคคล วัตถุ และธรรม
ตามแบบธรรมสำ� หรับระงับอธิกรณ์ทั้ง ๗ ข้อท่ี ๑ คอื สมั มุขาวนิ ัย

“ไหนเรอื่ งราวเป็นอย่างไร จงว่ามาให้ฉนั ฟังซิ”
หลังจากครุ่นคิดถึงถ้อยค�ำของพระมหาเขียนซึ่งส่อให้เห็นถึง
ภูมิธรรม ประธานสงฆ์ต้องการจะท�ำให้เรื่องนี้กระจ่างจึงได้กล่าวข้ึน
ท่ามกลางสงฆ์และประชาชนแห่งนัน้
หนังสอื พิมพ์ฉบับเช้าลงภาพข่าวการจับสึกเจ้าคุณอรณุ พร้อม
มีข้อความใต้ภาพบรรยายว่า
‘จบั สกึ พระระดบั เจา้ คณุ กลางงานฉลอง ฆราวาสสองพระหนง่ึ แฉ
พฤตกิ รรมฉาวโฉ่ต่อหน้าพระราชาคณะช้ันผู้ใหญ่’
พลนั ภาพกลบั มายงั ปจั จบุ นั สตั วน์ รกผอู้ ดตี เคยเปน็ พระเจา้ คณุ
อรณุ นง่ั กม้ หนา้ นง่ิ มองพนื้ นรกดว้ ยความส�ำนกึ สามเณรพาหงุ มองแลว้
รู้สึกสังเวชใจเป็นยิ่ง ท่ีเห็นผู้เคยด�ำรงตนอยู่ในสมณเพศแล้วพ่ายแพ้
กิเลสจนต้องปาราชกิ และมารบั วบิ ากกรรมอย่างแสนสาหสั ในมหานรก
พร้อมกันน้ันก็ได้นึกย้อนไปถึงตอนที่ไปเท่ียวชมสวรรค์กับท่าน

ธาร ธรรมโฆษณ์ 45

ครัง้ ก่อนๆ ได้พบกับเทพผู้มศี ักดิ์ใหญ่ตนหน่งึ ที่หลงั จากเสวยเทวสุขใน
ช้ันดุสติ หลงั จากสน้ิ อตั ภาพนนั้ แล้วจะลงมาบงั เกดิ เป็นจอมคนบนโลก
มนษุ ย์ต่อไป เทพตนนัน้ กค็ อื อดีตพระมหาเขียนน่ันเอง

ทอ่ งนรก



ขมุ ท่ี ๓ :

สังฆาฏมหานรก

หลงั จากไดด้ วู บิ ากกรรมของสตั วน์ รกขมุ กาฬสตุ ตะ ทา่ นกพ็ า
สามเณรพาหงุ ไปยงั ขมุ ตอ่ ไป กายละเอยี ดของผทู้ รงศลี ทงั้ สอง
พวยพงุ่ เปน็ สรี ้งุ งดงามพงุ่ นำ� สนี ำ้� เงนิ ฝา่ ไปในความมดื อนั เป็น
อนนั ตกาลของนรกภมู ิ

ช่ัวพริบตาเดียวก็มาหยุดอยู่หน้าบานประตูใหญ่มหึมา
แหง่ หนงึ่ ตวั บานทำ� ดว้ ยเหลก็ หนาถกู ไฟนรกเผาลนจนแดงเรา่
ตลอดเวลา กำ� แพงโดยรอบท�ำด้วยเหล็กร้อนแรงไม่แพ้กัน

มองไปในความมืดยังประตูและก�ำแพงนรก ภาพที่
ปรากฏแก่ผู้ทรงศีลท้ังสองไม่ต่างจากคนที่ยืนมองเตาหลอม
ขนาดยกั ษ์ พอประตบู านนนั้ เปดิ อา้ ทงั้ สองไดเ้ ขา้ ไปขา้ งในทนั ที

สามเณรพาหงุ สำ� รวจดสู ภาพด้านใน เห็นพนื้ เป็นเหล็ก
ถูกเผาไฟจนแดงโชน ไม่ต่างจากก�ำลังอยู่ในกล่องเหล็กที่ถูก

ภาค ่ีท ๑ 48 ë Œ‡Õ ท่องนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหุง
แผดเผาอยชู่ วั่ นาตาปี ตรงกลางมภี เู ขาเหลก็ ขนาดใหญม่ ากสองลกู ใหญ่
กวา่ ภเู ขาทกุ ลกู บนโลกมนษุ ย์ กลงิ้ ไปกลง้ิ มาคอยบดทบั ขยส้ี ตั วน์ รก ภเู ขา
เองกเ็ ป็นเหลก็ ทถี่ ูกเผาจนแดงโชนเช่นกัน

เมื่อสัตว์นรกถูกภูเขาเหล็กบดขย้ีจนกายแหลกละเอียดแล้วก็จะ
กลบั ฟื้นคืนร่างมาใหม่ พวกสตั ว์นรกท่ีพากนั วิ่งหนีภเู ขาเหลก็ บดทับจะ
ถูกนายนริ ยบาลแทงบ้าง ฟันบ้าง ด้วยศาสตราวธุ ชนิดต่างๆ ไม่อาจหนี
รอดพ้นได้เลยสักราย

“ขมุ นรกน้มี ีชอ่ื ว่า สงั ฆาฏมหานรก หมายถึง มหานรกภเู ขาเหลก็
บดขยี้สัตว์ อยู่ห่างไกลจากกาฬสุตตมหานรกลงไปภายใต้ ๑๕,๐๐๐
โยชน์ เกณฑอ์ ายเุ ฉลย่ี ของสตั วน์ รกในมหานรกขมุ นี้ มปี ระมาณ ๒,๐๐๐
ปอี ายกุ ปั โดยระยะเวลาเพยี งหนงึ่ วนั ทก่ี ารท�ำทณั ฑท์ รมานไดผ้ า่ นพน้ ไป
สามารถนบั ระยะเวลาในเมืองมนษุ ย์ได้ถึง ๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐ ปี หรอื หาก
นับแบบโบราณจะนับได้ ๑๔ โกฏิ กบั อกี ๔ ล้านปีมนษุ ย์ และหากนบั
ระยะเวลาท้ังหมดในมหานรกขุมน้ีจึงเท่ากับ ๑๐๓,๖๘๐,๐๐๐ ล้านปี
มนุษย์”

ท่านชี้แจงวันเวลาที่สัตว์นรกขุมนี้จะต้องรับกรรม เมื่อเทียบกับ
วนั เวลาบนโลกมนษุ ย์ สามเณรน้อยร้สู กึ พรนั่ พรงึ ตอ่ กาลเวลาในนรกยง่ิ
นกั เกดิ ความรสู้ กึ สงสารเหลา่ มนษุ ยบ์ นโลกทกี่ �ำลงั ประมาท ใชเ้ วลาโดย
เปล่าประโยชน์ไปวันๆ ไม่คิดทำ� บุญทำ� กุศล ซ่ึงเวลาทเี่ สยี ไปนน้ั นบั ว่ามี
ค่ามหาศาลทเี ดียวหากได้ใช้ไปในทางที่ถูกทค่ี วร

“นรกขุมนี้เป็นสถานท่ีลงโทษพวกคนใจบาป ชอบทรมาน
เบยี ดเบยี นสตั ว์ โดยเฉพาะสตั ว์ทม่ี บี ญุ คณุ ต่อมนษุ ย์ ชว่ ยมนษุ ยท์ �ำงาน
เช่น ช้าง ม้า ลา วัว ควาย เณรจะเห็นว่ามมี นษุ ย์บนโลกจ�ำนวนไม่น้อย
ทช่ี อบทรมานรงั แกสัตว์ ใช้งานสัตว์อย่างโหดร้าย ทารณุ กรรมสัตว์เพอ่ื
หาประโยชน์จากความเจบ็ ปวดของเพือ่ นร่วมเกดิ แก่ เจ็บ ตาย”

ธาร ธรรมโฆษณ์ 49 ทอ่ งนรก

ทา่ นอธบิ ายสาเหตขุ องการทส่ี ตั ว์นรกทง้ั หลายตอ้ งมาชดใชก้ รรม
ยังนรกขมุ สังฆาฏะนี้

พาหุงนึกย้อนตามค�ำพูดของท่านแล้วรู้สึกเห็นจริงดังว่า มนุษย์
บนโลกถอื ตนวา่ เปน็ สตั วป์ ระเสรฐิ มสี ตปิ ญั ญามากกวา่ สตั วอ์ น่ื แตก่ ลบั
ทรมานรงั แกสัตว์ด้วยวธิ ตี ่างๆ นานา เพื่อหวงั ประโยชน์ท้ังด้านเงินทอง
หรอื แม้กระท่งั เพอ่ื ความเพลดิ เพลินใจของตัวเอง

สัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ใหญ่ มีบุญคณุ ต่อชาตบิ ้านเมือง อย่างเช่น
ชา้ ง กย็ งั ถกู มนษุ ยใ์ จบาปบงั คบั ใหเ้ ทยี่ วเดนิ ขอทานตามแหลง่ ตา่ งๆ รวม
ไปถงึ ใช้วธิ ที รมานอย่างโหดร้ายทารุณเพือ่ ทำ� ให้ช้างกลวั แล้วยอมแสดง
ทา่ ทางตามทตี่ นตอ้ งการ ซง่ึ มใี หเ้ หน็ อยทู่ ว่ั ไปตามงานแสดงชา้ งและแทบ
จะทุกท่ี

‘ลงุ จง’
จู่ๆ สามเณรน้อยก็นึกถึงชายผู้หนึ่งในหมู่บ้านท่ีตนเองกับเจ้า
อาวาสได้เดนิ ไปบณิ ฑบาตทุกวัน ชายผู้น้ีชาวบ้านต่างขนานนามว่า ‘เฒ่า
พิฆาต’ เน่ืองจากงานไหนมีการล้มวัวล้มควาย เป็นต้องมาตามแกไป
ท�ำหน้าที่มือสังหารอย่างเฉพาะเจาะจง เพราะไม่มีใครกล้าท�ำ นั่นเป็น
เพราะการล้มวัวล้มควาย เป็นการฆ่าสัตว์ใหญ่ ต้องใช้วิธีการที่พิเศษ
รวมถงึ ต้องมีจิตใจเหยี้ มโหดกว่ามนุษย์คนอ่ืนๆ จึงจะทำ� ได้
ทกุ เชา้ พอ่ ทา่ นเจา้ อาวาสกบั สามเณรพาหงุ จะเดนิ ผา่ นหนา้ บา้ นของ
ลุงจง ทว่าไม่เคยมีเลยสกั ครงั้ ทเี่ จ้าของบ้านจะคิดอยากทำ� บุญตักบาตร
เวลาเดินผ่านบ้าน มองเข้าไปก็จะเห็นสัญลักษณ์ของการฆ่า
ปรากฏอยทู่ วั่ ไป คลา้ ยวา่ เจา้ ของบา้ นจงใจส�ำแดงความเปน็ เฒา่ พฆิ าตให้
คนผ่านไปผ่านมาได้รบั รู้ ท้งั หวั ววั หัวควาย หวั กวาง หัวกระทงิ รวมไป
ถึงหัวสัตว์มีเขาต่างๆ มากมายล้วนถูกแขวนประดับตกแต่งบ้าน มีแต่
คนจิตใจหยาบกระด้างเท่าน้ันท่ีมองแล้วรู้สึกช่ืนชมต่อรสนิยมเจ้าของ

ภาค ่ีท ๑ 50 ë ‡ŒÕ ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหงุ
บ้าน แต่คนใจบญุ เปี่ยมเมตตาจะรู้สกึ หดหู่ต่อภาพท่เี หน็ เพราะแท้จริง
แล้ว สัญลักษณ์ของความตายไม่มีอะไรเลยที่ควรแก่การช่ืนชม นอก
เสยี จากเป็นอุบายเพือ่ ให้เกดิ ธรรมสงั เวช

สามเณรน้อยจ�ำได้ว่า ไม่นานมานี้ลุงจงได้เสียชีวิตลงด้วยโรค
ประหลาด คือจู่ๆ กเ็ กิดล้มป่วยลง จากนน้ั ก็ไม่มีทีท่าจะดขี ึ้นเลย แม้ลกู
หลานจะพาไปโรงพยาบาลทงั้ ของรฐั บาลและเอกชนเกอื บทกุ ทที่ วั่ ภมู ภิ าค
รวมไปถึงโรงพยาบาลในเมอื งหลวง ก็ไม่มวี ่แี ววว่าจะทุเลาลง ซำ�้ ร้ายยัง
สอ่ เคา้ หนกั ขน้ึ กวา่ เดมิ ในทสี่ ดุ จงึ นำ� ตวั มารกั ษาดว้ ยสมนุ ไพรพนื้ บา้ นไป
ตามยถากรรม

อาการปว่ ยของลงุ จง ใครมาเยย่ี มเยอี นตา่ งใหค้ วามเหน็ เปน็ เสยี ง
เดยี วกนั วา่ โรคกรรม นนั่ เพราะแกบน่ พร่�ำเพอ้ ไม่ได้สติ บางครง้ั กเ็ บกิ ตา
โพลงแสดงอาการกลัวสดุ ขีด ตะโกนอยู่แต่ว่า “อย่าทำ� กู อย่าฆ่าก”ู ล่นั
บ้าน บางทีกเ็ ทยี่ วคกุ เข่าคลานไปมาไม่ต่างจากววั ควาย แล้วไล่ขวิดคน
มาเยีย่ ม ขวดิ ถกู ขวิดผิด บางทหี วั แกเองกไ็ ปกระแทกเข้ากบั ของแขง็ จน
หัวแตกเลือดอาบใบหน้า สร้างความหดหู่สลดใจแก่ผู้มาพบเหน็ ยงิ่ นกั

ขณะนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ลุงจงจะเกร็งมือกดเล็บจิก
จนฝังเข้าไปในฝ่ามือ ลูกหลานต้องคอยมาง้างออก แต่ไม่นานก็จะท�ำ
เหมอื นเดมิ อกี จนมอื ทงั้ สองเปน็ แผลเนา่ สง่ กลนิ่ เหมน็ อบอวลชวนสงั เวช
ใจ

ก่อนลุงจงตายหน่ึงวัน พ่อท่านกับสามเณรพาหุงไปเย่ียมที่บ้าน
พอเหน็ พระมาอยใู่ กลๆ้ ลงุ จงถงึ กบั นำ้� ตาไหลพราก แตก่ ไ็ มพ่ ดู อะไรออก
มา พ่อท่านเทศนาส้นั ๆ ให้ระลึกถึงคณุ พระรตั นตรยั ให้ลงุ จงรบั ศลี ๕
แล้วให้แกสมาทานในใจ จากน้ันจึงน�ำสวดอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

รุ่งขึ้นลุงจงก็ส้ินลมอย่างสงบ ลูกหลานนำ� ศพของแกมาเผาท่ีวัด

ธาร ธรรมโฆษณ์ 51 ทอ่ งนรก

และตา่ งพรอ้ มใจกนั นำ� หวั สตั วต์ า่ งๆ ทแ่ี กแขวนไวป้ ระดบั บา้ นมาถวายวดั
พ่อท่านจงึ บอกให้นำ� ไปเผา

“เณรอยากเหน็ ลุงจงมั้ย”
จู่ๆ ท่านก็ถามจ้ีจุดถึงส่ิงท่ีสามเณรพาหุงก�ำลังคิดพอดี ท�ำให้
สามเณรน้อยรู้สึกว่าท่านเป็นผู้รอบรู้ทุกอย่าง รู้ถงึ ภาวะจิตที่เกิดขึ้น จงึ
เกดิ ความเลือ่ มใสท่านทวีคูณ
“ก่อนไปพบลงุ จง เณรสังเกตบ้างหรอื เปล่าว่านรกขุมนี้ นอกจาก
วธิ ลี งโทษแล้ว ยังมอี ะไรผดิ แปลกไปจากขมุ นรกสองขุมท่ีได้ผ่านมา”
สามเณรพาหงุ หยดุ ใครค่ รวญนดิ หนงึ่ กอ่ นตอบทา่ นไปตามความ
รู้สึก
“น่าจะแตกต่างกันท่ีสัตว์นรกขุมนี้มีศีรษะเป็นสัตว์เสียโดยมาก
ตัวเป็นคน แต่ศรี ษะเป็นวัวบ้างเป็นควายบ้าง จนแยกหน้าตาไม่ออกว่า
ใครเป็นใคร ไม่ทราบว่ากระผมตอบถกู ต้องหรอื เปล่าขอรบั ”
ทา่ นหวั เราะชอบใจเสยี งนมุ่ ทมุ้ ทำ� ใหเ้ หลา่ สตั วท์ ก่ี ำ� ลงั รบั กรรมอยู่
ในอาณาบริเวณนนั้ พลอยได้อานิสงส์ ระงบั ความเจ็บปวดไปได้ช่วั ขณะ
“ถูกต้องตามท่ีเณรได้สังเกตทุกอย่าง สัตว์นรกขุมนี้จะมีหัวเป็น
สตั วช์ นดิ เดยี วกบั ทตี่ นเองไดเ้ บยี ดเบยี นรงั แกใหไ้ ดร้ บั ความทรมาน รวม
ไปถงึ ไดเ้ คยฆา่ ดงั นน้ั เณรลองพจิ ารณาดเู ถดิ สตั วน์ รกในขมุ นม้ี มี ากมาย
มหาศาลย่งิ นัก เน่ืองจากมนษุ ย์บนโลกชอบรังแกทรมานสตั ว์ไม่เว้นวนั
บงั คบั ช้างลากซงุ ท่อนใหญ่ ช้างไม่มแี รงกก็ รอกยาบ้าให้กิน หรอื ไม่กใ็ ห้
ไปขอทานตามแหล่งชุมชนจนถกู รถชนพิกลพิการน่าเวทนา เอาวัวมาชน
มาพนนั กนั ตวั ไหนแพ้กล็ งโทษดว้ ยการฆา่ แลเ่ นอื้ เถอื หนงั เอามากนิ ไก่
อยู่ดีๆ ก็จบั มาตมี าชนกนั พนันเอาเงินทองจนหัวถลอกปอกเปิก บ้างก็
ตายคาสนาม อ้างว่าเป็นกีฬาหรือเป็นภูมิปัญญาบรรพบุรุษ เห็นได้ว่า
มนษุ ย์น้ันโหดร้ายทารณุ ต่อสัตว์สารพัด”

ภาค ่ีท ๑ 52 ë ÕŒ‡ ท่องนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหงุ
สามเณรพาหุงนิ่งฟังค�ำพูดของท่านแล้วรู้สึกเห็นจริงด้วย

ทุกประการ แม้ว่าสามเณรน้อยจะอยู่วดั ป่า แต่มโี อกาสเข้าไปในชมุ ชน
เปน็ ประจำ� ไดร้ ไู้ ดเ้ หน็ ผคู้ นรงั แกสตั วผ์ า่ นเกมกฬี าปา่ เถอื่ นประจ�ำถน่ิ ทง้ั
ชนววั ชนไก่ ปลากดั เอามากดั กนั สารพัดทจี่ ะทรมานสัตว์เพือ่ การพนัน
เหล่านี้มใี ห้เหน็ อยู่ท่ัว

“นน่ั ไง ลุงจงทีเ่ ณรอยากเจอ”
สามเณรน้อยมองไปตามทิศที่ท่านช้ีให้ดู เห็นสัตว์นรกตนหนึ่ง
ศีรษะเป็นวัวแต่ร่างกายเป็นมนุษย์ ก�ำลังวิ่งหนีภูเขาเหล็กแดงลูกใหญ่
ยักษ์ ท่ีกลง้ิ มาเพื่อบดขยร้ี ่างให้แหลกเป็นจณุ
สองเทา้ ของสตั วน์ รกตนนน้ั เกรยี มไหมเ้ พราะถกู พน้ื เหลก็ รอ้ นเผา
เนอ้ื หนังพุพองเพราะถูกของร้อนลวกลน ภาพท่ีเห็นเหมือนว่าสตั ว์นรก
ตนนนั้ กำ� ลงั จะหนพี ้นจากภูเขาไฟเหลก็ ไปได้ แต่แล้วจู่ๆ นายนิรยบาล
รา่ งกายสงู ใหญก่ ใ็ ชข้ วานขนาดมหมึ าเงอื้ ปดิ สกดั กน้ั การหนี ขวานเลม่ นนั้
ไมต่ า่ งจากขวานทนี่ กั ฆา่ ววั ใชส้ ำ� หรบั ทบุ ลงกลางหนา้ ผากววั เวลาฆา่ หรอื
ที่รู้จักกันในช่ือท้องถิ่นว่าขวานราหู ต่างตรงที่ว่าขวานของนายนิรยบาล
ใหญ่โตมโหฬาร อกี ทง้ั คมขวานนั้นถกู ไฟนรกเผาลนจนแดงเร่า จึงคม
จนสามารถตดั เหลก็ หรอื หนิ ใหข้ าดเปน็ สองทอ่ นดว้ ยการจามลงเพยี งครงั้
เดยี ว
ทันทีท่ีสามเณรพาหุงเพ่งกระแสจิตไปยังสัตว์นรกตนนั้น ภูเขา
เหลก็ กห็ ยดุ กลงิ้ อกี ทงั้ นายนริ ยบาลซงึ่ กำ� ลงั เงอ้ื ขวานอยกู่ พ็ ลนั ลดขวาน
ลง ก่อนจะนั่งคกุ เข่าท�ำความเคารพสามเณรน้อย
สตั วน์ รกตนนน้ั คอ่ ยๆ เดนิ มาหาดว้ ยความนอบนอ้ ม แลว้ มาหยดุ
อยู่ตรงหน้าท่านและสามเณรพาหุง
“ท่านคอื ลงุ จงใช่มั้ย”
พาหงุ รบี เอ่ยทักสตั ว์นรกผู้มายนื ตรงหน้าทนั ที ราวกบั กลวั ว่าถ้า

ธาร ธรรมโฆษณ์ 53 ทอ่ งนรก

ช้าไปกว่านัน้ ลุงจงในร่างสตั ว์นรกจะถูกภเู ขาเหล็กกลิ้งทับไปเสยี ก่อน
“ขอรับ กระผมคือลุงจง คนที่เณรกับพ่อท่านไปเยี่ยมก่อนตาย

นั่นแหละขอรับ”
ถ้าเป็นภาวะปกติอยู่บนโลกมนุษย์ สามเณรพาหุงคงจะถาม

ประโยคพน้ื ๆ ว่า สบายดไี หม กินข้าวหรอื ยงั แต่ ณ ที่นี้ สามเณรน้อย
นอกจากเกดิ ความรสู้ กึ ปลงสงั เวชแลว้ จงึ ไมร่ จู้ ะเอย่ อะไรดว้ ย ไดแ้ ตเ่ พง่
กระแสจิตแผ่เมตตาไปให้แทน

สัตว์นรกอดีตเฒ่าพฆิ าตวัวมอื ฉมงั ของหมู่บ้านรีบเอ่ยต่อทนั ที
“ถ้ากระผมรู้ล่วงหน้าสักนิดว่าการเบียดเบียนรังแกสัตว์ จะต้อง
ตกนรกรับใช้กรรมอย่างหนกั หนาสาหัสแบบน้ี กระผมจะไม่มวี นั ทำ� มัน
เดด็ ขาด ตอนมชี ีวติ อยู่กระผมคิดเพยี งว่ามันก็แค่สัตว์ จะฆ่าจะแกงคง
ไม่ผิดอะไรมาก เพราะถึงอย่างไรสัตว์ก็เกิดมาเพื่อรับใช้มนุษย์อยู่แล้ว
ไม่ใช่เพื่อกินก็เพื่อใช้แรงงาน อีกอย่างกระผมไม่คิดว่านรกสวรรค์จะมี
จริง ซ้�ำยังเคยหัวเราะเยาะคนเฒ่าคนแก่ท่ีชอบไปวัดฟังเทศน์ฟังธรรม
ดว้ ยซำ�้ กระผมรสู้ กึ เสยี ใจและเสยี ดายอยา่ งสดุ ซง้ึ ทตี่ อนมชี วี ติ อยไู่ มเ่ คย
คดิ ตกั บาตรทำ� บญุ เลย แมว้ า่ เณรกบั เจา้ อาวาสจะเดนิ ผา่ นหนา้ บา้ นทกุ วนั
แต่เหมือนมีกรรมดลใจให้ไม่คิดอยากใส่บาตร”
น�้ำเสียงท่ีลุงจงผู้บัดน้ีมีศีรษะเป็นวัวพูดออกมานั้น รู้สึกได้ถึง
ความส�ำนึกเสียใจ สามเณรพาหงุ ไม่รู้จะพดู อย่างไรดีจึงได้แต่แผ่เมตตา
และส่งกระแสจิตไปให้อกี ครงั้
“เป็นไงบ้างล่ะเณร ได้เจอคนรู้จัก”
ท่านพดู กลวั้ หัวเราะ ในขณะทีล่ งุ จงค่อยๆ คล้อยกายเคลอ่ื นห่าง
ออกไป ราวกบั วา่ มอี ะไรมาลาก และพอออกไปในกลมุ่ สตั วน์ รกทงั้ หลาย
เหตุการณ์ดังเดิมก็เกิดขึ้น ภูเขาเหล็กแดงกล้ิงลงมาไล่ทับ พอลุงจงว่ิง
หนีก็ไปเจอนายนิรยบาลยกขวานฟันลงไปกลางหน้าผาก ครั้งไหนถูกก็

ภาค ่ีท ๑ 54 ë ‡ÕŒ ท่องนรกสวรรค์กบั สามเณรพาหุง
จะล้มลงชักแน่น่ิงส้ินใจตาย ก่อนฟื้นลุกขึ้นใหม่ด้วยอ�ำนาจบาปกรรม
บนั ดาลใหเ้ ปน็ ไป ครง้ั ไหนนายนริ ยบาลฟนั ผดิ ลงุ จงกจ็ ะวง่ิ ยอ้ นกลบั ไป
ทางเกา่ เจอกบั ภเู ขาเหลก็ ทก่ี ลง้ิ มาอยา่ งเรว็ ทบั จนตาย ตายวนแลว้ วนไป
ตายอีก เจ็บปวดทรมานอยู่อย่างนน้ั จนกว่าจะชดใช้กรรมได้หมด

สามเณรนอ้ ยมองภาพวบิ ากกรรมตรงหนา้ แลว้ รสู้ กึ สงั เวชใจเหลอื
ประมาณ


Click to View FlipBook Version