อทิ ธฤิ ทธิ์ที่น ่าปรารถนา
พิมพแ์ จกเป็นธรรมบรรณาการด้วยศรทั ธาของญาติโยม
หากท่านไมไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากหนงั สอื นี้แล้ว
โปรดมอบใหก้ บั ผูอ้ นื่ ทีจ่ ะไดใ้ ช้ จะเป็นบุญเป็นกศุ ลอยา่ งยงิ่
อ ิทธิฤทธทิ์ ีน่ ่าปรารถนา และ หัดยม้ิ ในใจ
พ ระอาจารยญ์ าณธ มฺโม
พ ิมพแ์ จกเป็นธ รรมทาน
ส งวนล ขิ สทิ ธ์ิ ห้ามค ดั ลอกต ัดตอนหรือน ำไปพ มิ พจ์ ำหน่าย
ห ากท ่านใ ดประสงคจ์ ะพมิ พ์แจกเปน็ ธ รรมทานโปรดตดิ ตอ่
โรงเรยี นทอส ี เพ่อื กองทุนส่อื ธรรมะ
๑๐๒๓/๔ ๖ซอยป รีดีพนมยงค์ ๔๑
ส ุขมุ วทิ ๗๑เขตวัฒนากทม.๑๐๑๑๐
โทร.๐ -๒ ๗๑๓-๓ ๖๗๔
www.thawsischool.com
พ ิมพค์ ร้ังท่ี ๑ : สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๑
จำนวน๑๐,๐๐๐เล่ม
ผ ้ถู อดเทปธ รรมเทศนา: คุณสุภาวดี จันทรทัต ณ อยุธยา
ภ าพปก : วาดจากภาพถ่ายในหนงั สอื BUDDHIST HIMALAYAS
(by Matthieu Ricard, Olivier and Danielle Fo..llmi)
โดย พรี พฒั น์ตติยบ ุญสูง(ครูย้ง)
ร ูปเลม่ : เพื่อนธรรมเพ่อื นทำ
จ ดั ทำโดย : โรงเรยี นทอส ี
ดำเนินก ารพิมพ์โดยบ ริษทั คิวพริน้ ท์ แมเนจเม้นท์จ ำกัด
โทร.๐-๒ ๘๐๐-๒ ๒๙๒,๐๘-๔๙๑๓-๘ ๖๐๐โทรสาร.๐ -๒ ๘๐๐-๓๖๔๙
คำนำ
พระอาจารย์ญาณธมฺโม เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์
รัตนวัน ตำบลห้วยปลากั้ง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัด
นครราชสีมา เมตตารับนิมนต์มาเย่ียมคณะผู้บริหาร
คณะครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนโรงเรียนทอสีและ
ได้แสดงธรรมในหัวข้อเรื่อง “อิทธิฤทธิ์ที่น่าปรารถนา”
และ “หดั ยมิ้ ในใจ” ระหวา่ งวนั ที่ ๑๗-๑๘ มกราคม ๒๕๕๑
หลังจากท่ีได้จัดเตรียมร่างต้นฉบับเสร็จ ได้กราบขอ
อนุญาตพระอาจารย์เพ่ือจัดพิมพ์เผยแผ่เป็นธรรมทาน
ซ่ึงพระอาจารย์เมตตาอนุญาต และได้ตรวจแก้ต้นฉบับ
ใหเ้ ป็นที่เรียบร้อย
เน่ืองในมงคลวารแห่งวันคล้ายวันเกิดครบ ๕๓ ปี
ของพระอาจารย์ญาณธมโฺ ม ในวนั ที่ ๒๗ กนั ยายน ๒๕๕๑
คณะลกู ศษิ ยจ์ งึ เหน็ เปน็ โอกาสอนั ดที จี่ ะไดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื
เลม่ นแี้ จกเปน็ ธรรมทาน เพอื่ บชู าพระคณุ ของพระอาจารย์
ทเ่ี มตตาอบรมสงั่ สอนบรรดาลกู ศษิ ยต์ ลอดมา ขออาราธนา
คณุ พระศรรี ตั นตรยั อภบิ าลอวยชยั ใหพ้ ระอาจารยม์ สี ขุ ภาพ
พลานามยั แขง็ แรงสมบรู ณ์ เปยี่ มดว้ ยพลงั และใหล้ กู ศษิ ย์
มีโอกาสได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านเพื่อให้เจริญ
ในธรรม มีความเกษมศานต์ยืนนานสืบไป
คณะศิษยานศุ ษิ ย์
สิงหาคม ๒๕๕๑
อทิ ธิฤทธิ์ท่ีน ่าป รารถนา :
อิทธิฤทธิ์ที่น่าปรารถนา
วันนี้เป็นโอกาสดีสำหรับอาตมาท่ีได้มาเยี่ยม
โรงเรียนทอสีอีกครั้งหน่ึง อาตมาภาพตั้งใจพาน้องสาว
มาเย่ียมด้วย เพราะน้องสาวเป็นครูใหญ่อยู่ที่ประเทศ
ออสเตรเลีย เป็นชาวพุทธ มีความสนใจเร่ืองการศึกษา
ระบบพ ุทธ อาตมาได้เลา่ เรื่องโรงเรยี นท อส ใี หฟ้ งั ดังน ั้น
ในช่วงท่ีเขาได้พักร้อน จึงมาเย่ยี มเมอื งไทยเมอื่ เขารวู้ า่
มีโรงเรยี นท ่ีใชร้ ะบบพทุ ธใ นก รุงเทพฯก็เกดิ มคี วามสนใจ
มีค วามตัง้ ใจท ่ีจะม าด ูงานมาศ ึกษาจ ากค ณะครู
น้องสาวมีเจตนาที่จะทำโรงเรียนระบบพุทธที่
ประเทศออสเตรเลีย แต่ในช่วงน้ีสิ่งแวดล้อมยังไม่พร้อม
ประการหนึ่ง ครูที่เป็นชาวพุทธยังมีไม่เพียงพอ และยัง
ไมม่ ตี วั อยา่ งย งั ไมม่ รี ะบบเมอ่ื ม าถ งึ เมอื งไทยก เ็ หน็ ว า่ เรา
มโี รงเรยี นท เ่ี ปน็ ต วั อยา่ ง ม กี ารพ ฒั นาร ะบบก ารศ กึ ษาท ใ่ี ช้
๖ : พระอาจารย์ญาณธมฺโม
หลกั พ ทุ ธท ไี่ ดใ้ ชง้ านม าแ ลว้ ถ งึ ๙ ป ี ยง่ิ ท ำใหเ้ ขาส นใจท จ่ี ะ
มาดูมากขึ้นอาตมาเองก็ส นใจท ี่จ ะก ลับม าเยี่ยมในวนั น ้ี
ก็มีธรรมะบางอย่างบางข้อที่จะมอบให้คณะครูและผู้
ปกครอง
ก่อนที่อาตมาเดินขึ้นมาถึงตึกหลังน้ีได้เปิดหนังสือ
เลม่ ห นง่ึ เปน็ เรอ่ื งศ าสนาพ ทุ ธในแ ถบภ เู ขาห มิ า ลยั ป ระเทศ
ทิเบตภูฏานเนปาลและร ฐั ลาด ัก (Ladakh)ของประเทศ
อินเดีย หนังสือมีรูปภาพสวยงามมากมีภาพๆหนึ่งท่ี
ติดตาตดิ ใจอ าตมาที่รู้สกึ ว า่ เป็นสัญลกั ษณข์ องโรงเรยี น
ทอสีได้ค อื เป็นภ าพข ององค์ทะไลลามะผู้นำพ ทุ ธศาสนา
ทเิ บตใ นภ าพน น้ั ม เี ดก็ ผ ชู้ ายค นห นง่ึ อ ายปุ ระมาณ๕ ข วบ
เขาอธิบายว่าเด็กคนน้ีระลึกชาติได้ ในอดีตชาติ เป็นครู
เปน็ อ าจารยข์ องอ งคท์ ะไลล ามะแ ละไดม้ รณภาพไปแ ลว้
๕ป ีและก ลบั ม าเกิดใหม่
เมื่อองค์ทะไล ลามะได้พบเด็กคนน้ี ด้วยความรู้
ของทา่ น ท ่านรู้ว่าเด็กคนน้ีเป็นอาจารยเ์ ก่าของทา่ นเปน็
อาจารย์ที่สอนท้ังภาษา ทั้งศาสนา แต่อาจารย์ท่านยัง
ไม่ได้นิพพาน ส่วนเด็กเองก็ระลึกชาติได้ด้วยว่าเคย
เป็นอาจารย์ขององค์ทะไล ลามะในอดีตชาติ ในภาพ
น้ันเป็นภาพที่ทะไล ลามะกำลังจะจับศีรษะของเด็ก
อทิ ธฤิ ทธิ์ท่ีน ่าปรารถนา : ๗
๕ ขวบ ด้วยเมตตาและความเคารพ เพราะว่าเด็กคนนี้
เป็นเด็กเล็กๆ ก็ยังมีอุปนิสัยของเด็ก แต่ดวงจิตของเด็ก
ก เ็ ปน็ ค รู เปน็ อ าจารยเ์ กา่ ข องท า่ นภ าพน น้ั ม นั จ บั ใจอ าตมา
ในสองประเดน็
ประเดน็ ห นง่ึ คอื ท า่ น ทะไลล ามะเหน็ ว า่ เปน็ เดก็ เลก็
แต่ทา่ นก ม็ ีความเคารพเพราะเคยเปน็ ครูเป็นอ าจารย์เก่า
แต่ย ังเป็นเดก็ อ ยู่ในช าตินี้ ท่ีมคี วามร ู้สกึ แ บบเดก็ ทา่ นมี
ความร สู้ กึ เมตตา เอน็ ดเู ดก็ ค นน นั้ ไมใ่ หเ้ ดก็ กลวั ท า่ นเพราะ
ท่านเป็นผู้ใหญ่ แต่ขณะเดียวกันท่านมีความเคารพต่อ
เด็กคนนั้นเพราะแมร้ า่ งกายเปน็ เด็ก แต่จ ิตใจเป็นด วงจ ิต
ท่ีเวยี นว ่ายต ายเกิดใ นว ัฏจักรว ฏั สงสารและม คี ุณธ รรม
ท่ีเคยเป็นครูเป็นอาจารย์ของท่าน ท่านก็เลยจับที่ใบหน้า
และศ รี ษะข องเดก็
ประเพณขี องช าวท เิ บตเวลาพ ระเจอก นั แ ลว้ เคารพ
กนั ถ อื วา่ ม สี ตปิ ญั ญาท น่ี า่ น บั ถอื แ ทนทจี่ ะย กมอื ไหวอ้ ยา่ ง
เดยี ว เขาจ ะม ปี ระเพณเี อาศ รี ษะม าคอ่ ยๆ ช นก นั ค อื จ ะเอา
ศีรษะส่วนข้างบน มาสัมผัสกับครูอาจารย์หรือลูกศิษย์
ถ้าเห็นว่าครูอาจารย์นั้นเป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้มีความ
เฉลยี วฉ ลาดมเี มตตาม คี ุณธ รรม เมอื่ เราเอาศ รี ษะมาช น
กนั เราจะชนอย่างออ่ นโยน
๘ : พระอาจารยญ์ าณธมฺโม
ถ้าถือว่าคนน้ีเป็นอาจารย์ของเรา เราจะชนศีรษะ
แรงไมไ่ด้ ต อ้ งชนพ อดีต ้องมสี ติในก ารชนศรี ษะต ้องมี
ความเคารพ ต้องมีความอ่อนน้อม แต่ละองค์ต้องตั้งใจ
ชนศีรษะแบบพอดี เม่ือเราชนศีรษะแล้ว เขาจะถือว่าน่ี
เป็นการเคารพสตปิ ัญญาข องแต่ละองค์ทมี่ คี วามร ู้ เม่ือ
ลกู ศ ิษยช์ นศ ีรษะของอาจารย์ และอาจารย์ชนศ ีรษะของ
ลูกศิษย์ เขาถือว่าเป็นสัญลักษณ์การมอบหมายความรู้
ก ารม อบค วามร จู้ ากอ าจารยถ์ งึ ล กู ศ ษิ ย์ ล กู ศ ษิ ยก์ เ็ อาศ รี ษะ
มาช นของอาจารย์เป็นการร บั ส ติปัญญาของอาจารย์ท่จี ะ
เอาไปใ ช้ในชวี ติ น ี้แ ละชีวติ ตอ่ ๆ ไป
รูปภาพในหนังสือเล่มน้ัน ก็จับใจอาตมา เพราะ
รู้สึกว่าพวกครูในโรงเรียนทอสีกำลังเอาศีรษะมาชน
กับลูกศิษย์ เราจะชนศีรษะแบบไหน เรากำลังจะเอา
ความรู้ของตนมามอบให้กับเด็กที่อยู่ในการดูแลของ
เราเม่ือเราเอาความรู้ให้เด็กท่ีเข้ามาในโรงเรียนน้ี เราก็
ต้องมีความเห็นว่าเด๋ียวนี้แม้ว่าเขาเป็นเด็กอยู่ เป็นเด็ก
ดว้ ยกายแ ต่ในอดีตช าติน้นั อาจจะเปน็ ครู เป็นอ าจารย์
ของเราก็ได้ และเรากไ็ ด้รบั ความรู้จากท่านและเดย๋ี วน้ี
ในช าตนิ เี้ ราม หี นา้ ท ม่ี อบห มายความร นู้ นั้ ต อ่ ไปโดยค วาม
เคารพค วามรทู้ เ่ีราได้รับจากผ รู้ มู้ ากอ่ นเช่นพระพุทธเจา้
อิทธิฤทธ์ทิ น่ี ่าป รารถนา : ๙
เปน็ ศาสดาของเรา เราก ไ็ ดร้ บั ความรอู้ นั ประเสรฐิ จ ากท ่าน
เราก็จะมอบความรู้นี้ให้เด็ก เพื่อให้เขามีพื้นฐานและเส้น
ทางในชีวติ ท ดี่ ีงามท่ีสมบรู ณแ์ บบเพอื่ จะใ ช้แก้ป ญั หา
ในชวี ติ ได้และเป็นกระแสธรรมท ี่เรามอบหมายกันเพือ่ จะ
ให้เขามีทางท ่ีจ ะพ ้นจากทุกขไ์ ดด้ ว้ ย
อนั น เ้ี ปน็ ส ง่ิ ท เ่ี ราใ นฐ านะท เี่ ปน็ ค รไู ดม้ อบใ หล้ กู ศ ษิ ย์
ที่อยใู่ นการด ูแลของเราล ูกศษิ ยน์ ัน้ ม ฐี านะในปัจจุบันเป็น
เด็กอยู่ แต่ดวงจิตเป็นผู้ใหญ่ ดวงจิตก็เวียนว่ายอยู่ใน
วัฏจักร วัฏสงสารนานแสนนาน พวกเราเคยเกี่ยวข้อง
กันมานานแสนนาน ปัจจุบันเรากำลังทำหน้าท่ีเป็นครู
ให้แก่ลูกหลานและเด็กท่ีเข้ามาในโรงเรียนของเรา ใน
อนาคตเราไม่รู้ เราอาจจะเป็นเด็กท่ีรับความรู้จากผู้ใหญ่
ทเ่ี คยเป็นล ูกศ ษิ ยข์ องเราก็ได้
รูปภาพขององค์ทะไล ลามะมีความหมายถึงการ
มอบส ตปิ ญั ญาม อบค วามร ซู้ ง่ึ กนั และก นั เราค วรจะต งั้ ใจ
ท่ีจะศ ึกษาลกู ศ ษิ ยห์ รือเดก็ ๆ ท อ่ี ยู่ในการ ดแู ลของเรา วา่
เขาม อี ปุ นสิ ยั แ บบไหนเพราะห นา้ ทข่ี องค รปู ระการห นง่ึ
คือศึกษาเร่ืองนักเรียน ไม่ใช่ศึกษาเร่ืองวิชาความรู้
ของเราอ ยา่ งเดยี วเราม วี ชิ าข องเราอ าจจ ะเปน็ ค รทู ส่ี อน
วิทยาศาสตร์ หรอื วชิ าอ่ืนๆอนั น้ันก ็เป็นความรขู้ องเรา
๑๐ : พระอาจารยญ์ าณธมโฺ ม
แต่ความรู้อีกอย่างหน่ึงท่ีเราจะต้องศึกษาคือเรื่อง
ของเด็กแ ต่ละคนทอ่ี ยู่ในห ้องเรียนของเราเดก็ แต่ละค นมี
อปุ นสิ ัย มจี ริตแบบไหนม สี ตปิ ญั ญาร ะดบั ไหน ม ีความ
ชอบแ ละค วามไมช่ อบล กั ษณะอ ยา่ งไรเพราะว า่ เปา้ ห มาย
ของค รคู อื ใหเ้ ดก็ เพม่ิ ข ยายค วามร ขู้ องต นก อ่ นจ ะร บั ความรู้
ใดก็ต้องมีความไว้วางใจครูเสียก่อน เมื่อเด็กมีความไว้
วางใจใ นครแู ลว้ แ ละเรารู้อุปนิสัยของเขาเราส ามารถท่ี
จะทำใหเ้ขาเพิ่มสตปิ ัญญาเพ่มิ วิชาค วามรู้ ในสิ่งท ี่เขายงั
ไม่รู้ค ือขยายความรเู้ ขาใหม้ ากขึ้น
เปรียบเทียบทางพุทธศาสนากับคำว่าศรัทธา
ศรัทธาในภาษาบาลี แปลว่าความเชื่อที่มีลักษณะ
การให้จิตกระโดดไปข้างหน้า คือจิตใจกล้าทำ
กล้าก้าวกระโดดในส่ิงที่ควรทำ เช่น คนท่ีไม่เคย
ถือศีล เกิดศรัทธาเกิดความเช่ือม ีความมั่นใจว่าน่ีถูก
น่ีดี จึงกล้ารักษา กล้าละส่ิงท่ีไม่ควรทำท้ังทางกาย
และว าจาคนทไ่ี มเ่ คยนัง่ ส มาธิกเ็ กิดศ รัทธา คือจติ ใจกลา้
ทำในสงิ่ ท ีไ่ ม่เคยทำม าก่อนกล้าทำในส ิ่งท ่ที ำไดย้ ากกลา้
ลองท ำน่ีแหละค ือจติ ใจท ก่ี ลา้ ทำมคี วามกลา้ ท่ีจะท ำใน
ส่ิงทยี่ ังไม่เคยท ำม าก่อนเกิดจากศรทั ธา
ในก ารส อนเดก็ เราต อ้ งท ำใหเ้ ขาก ลา้ ท ำในส งิ่ ท ่ี
อิทธฤิ ทธท์ิ นี่ ่าป รารถนา : ๑๑
ควรท ำเพอ่ื จ ะไดข้ ยายค วามร ู้ เพราะส ว่ นม ากม นษุ ยท์ งั้
หลายก ช็ อบอ ยู่ในข อบเขตของค วามเคยชนิ เคยชินแ บบ
ไหนก็จะทำแบบน้ันเคยฝึกแ บบไหนก ท็ ำต ามนัน้ แ ต่เม่อื
เราเกิดศ รทั ธาเกิดความก ล้าทจ่ี ะทำใ นส่งิ ท เี่ป็นป ระโยชน์
เราก ต็ อ้ งท ำในส งิ่ ท ไี่ มเ่ คยชนิ ก ารก ลา้ ท จี่ ะท ำในส งิ่ ท ไ่ี มเ่ คย
ทำม าก ่อนไม่ช ินมาก ่อนก็ต ้องอาศัยความไว้ว างใจไว้
วางใจผ ู้อ่นื ผสู้ อนครูอาจารย์
ยกตัวอย่างเช่นเด็กที่ไม่เคยข่ีจักรยานตอนแรกก็
กลวั ไมก่ ลา้ ข นึ้ จ กั รยานเพราะก ลวั ล ม้ ตอ้ งอ าศยั ผ ปู้ กครอง
หรือผู้ใหญ่ช่วยประคองจับจักรยานไว้ และให้กำลังใจ
คอยสนับสนุนให้ข้ึนเพ่ือจะได้ข่ีจักรยานต่อไป และคอย
ระมดั ระวงั ประคองไมใ่ หเ้ ขาลม้ ถ า้ ล ม้ แ ลว้ ห มดก ำลงั ใ จได้
ตอ้ งสนบั สนนุ ใหข้ นึ้ ใหม่เพราะบ างค รง้ั ล ม้ ก เ็ จบ็ เจบ็ ก ท็ กุ ข์
ทุกขก์ ก็ ลัวไม่กล้าขนึ้ อ ีกไมก่ ล้าทำอกี ผปู้ กครองหรือครู
อาจารย์ จ งึ ต อ้ งเปน็ ผ ทู้ ใี่ หอ้ บุ ายใหค้ วามรใู้ นก ารข จี่ กั รยาน
และให้กำลังใจด้วย ให้การสนับสนุน ให้เขาพ้นจาก
ความเกรงก ลัวความไมเ่ คยชินจนถงึ ข ั้นท่ีเขาเกดิ ค วาม
เคยชนิ ข น้ึ ม าม คี วามส ามารถใ นก ารข จี่ กั รยานน น้ั ได้ ตอ้ ง
อาศัยก ารให้ศรัทธาใหก้ ำลงั ใจและการสนับสนุน
อนั น แ้ี หละเปน็ ว ชิ าอ นั สำคญั ข องค รู ก ารใ หก้ ำลงั ใ จ
๑๒ : พระอาจารย์ญาณธมโฺ ม
การให้ความเชอื่ ในค วามสามารถของตนกลา้ ท ำในส ิ่งท่ี
ควรทำเช่น ก ลา้ อ า่ นห นงั สอื กล้าเขียนตัวหนงั สอื กล้าพดู
ตอ่ ห นา้ ผ อู้ น่ื ส งิ่ เหลา่ น ล้ี ว้ นต อ้ งอ าศยั ค วามส นบั สนนุ ก าร
ชกั จงู เขาใหเ้ ขาก ลา้ ท ำ เชน่ อาจารยเ์ คยไปอ ยกู่ บั หลวงพ อ่ ช า
ท ่านเป็นผู้ที่จะให้พระเณรกล้าทำในส่ิงที่ไม่เคยทำมา
ก่อนบางคร้ังท่านจะสนับสนุน บางคร้ังท่านก็บังคับ ให้
ทำส่ิงท่ีไม่เคยทำมาก่อน เช่น พระใหม่ บางครั้งท่านจะ
บังคับให้ข้ึนธรรมาสน์เทศน์ เราไม่เคยเทศน์ ท่านก็จะ
สนบั สนนุ ใ หก้ ำลงั ใจใหพ้ ูด พูดเลก็ น อ้ ยพ ูดให้คนอ่ืนฟงั
ท่านจะใหเ้ ราท ำในส ่งิ ทไี่ ม่อยากทำท ำในสง่ิ ที่ก ลัว
กลวั จ ะพ ดู ผ ิดกลัวจ ะเทศน์ไมไ่ด้ก ลวั ก ารส อนคนอื่นยัง
รสู้ กึ ไมพ่ รอ้ มท า่ นจ ะส นบั สนนุ ใ หท้ ำใ หล้ องด ู แ ละเมอื่ เรา
ทำไปแ ลว้ ท่านจ ะใ ห้ก ำลงั ใจจ นก ระทัง่ เราเกดิ ความช นิ
เกดิ ค วามช ำนชิ ำนาญท ำใหเ้ กดิ เปน็ ค วามส ามารถเพราะ
เราได้เคยทำแล้ว ท่านจะไม่ตามใจลูกศิษย์ตลอดเวลา
บางครั้งตามใจ แต่บางคร้ังก็ทำให้ลูกศิษย์ต้องตามท่าน
น่ีเป็นความสามารถของท่านท่ีจะรู้จักกำลังใจและความ
สามารถของลูกศิษย์ พยายามให้ลูกศิษย์เจริญก้าวหน้า
ในส่ิงท่ียังไม่สามารถทำ พยายามให้มีความสามารถที่จะ
ทำได้อนั นก้ี เ็ ปน็ ลกั ษณะข องครทู ่ีมสี ติปญั ญา
อทิ ธิฤทธทิ์ ีน่ ่าป รารถนา : ๑๓
วันนี้อาตมาได้ถามน้องสาวว่าในฐานะท่ีเคยเป็น
อาจารย์ใหญ่ในโรงเรียน ควรจะสอนครูท้ังหลายอย่างไร
เขาตอบวา่ ค วรใหค้ รมู คี วามค ดิ เหน็ ว า่ ส งิ่ ท ไ่ี ดท้ ำด แี ลว้
ว่ามันดี เพราะส่วนมากครูท้ังหลายจะมีการวางแผน
สำหรบั ว นั ต อ่ ไปส ำหรบั อ นาคตข า้ งห นา้ เชน่ ว นั น เี้ ราส อน
เสร็จแล้ว นักศึกษาจะกลับบ้าน เราต้องวางแผนว่าพรุ่งน้ี
จะทำอะไร ม โีปรแกรมอ ะไรมีวชิ าอะไรท ่ีจะต ้องสอนเรา
จะพยายามคิดเรื่องอนาคตตลอด บางครั้งเราไม่คิดว่า
ความสำเร็จของเรามันถึงไหนแล้ว เราได้ทำอะไรให้
สมบูรณ์ถึงระดับไหนแล้ว เร่ืองการทบทวนก็สำคัญมาก
เพราะส่วนมากเราจะมองว่า ควรจะทำอะไรต่อ เราไม่ได้
มองว า่ ส งิ่ ท่ีเราท ำแลว้ ม ันสำเรจ็ ดีแล้ว
เช่น โรงเรียนทอสีเปิดสอนระบบพุทธ ๙ ปีแล้ว
เราต้องมองว่าส่ิงท่ีเราได้ทำอยู่มันก็ดีแล้ว ท่ีครูได้
สอนวันน้ีท่ีสมบูรณ์ที่บริบูรณ์ก็ดีอยู่แล้ว เราต้องพัก
อยู่กับปัจจุบัน ให้เกิดความพอใจในส่ิงท่ีได้ทำไปแล้ว
ถ้าหากว่าเราไม่เกิดความพอใจกับส่ิงที่ได้ทำไปแล้ว จิตก็
จะตง้ั อ ยู่ในอปุ าทานความหวงั ความอยากได้ในส ิ่งที่ยงั
ไม่เกดิ ข ้นึ แ ละไมต่ ั้งอยู่ในความพ อใจกบั ส่งิ ท ีเ่ กดิ ขน้ึ
ถา้ ห ากเราภ าวนาว า่ ด แี ลว้ พ อใจแ ลว้ ในส ง่ิ ท ไ่ี ด้
๑๔ : พระอาจารย์ญาณธมฺโม
ทำข น้ึ ม าในว นั น ้ี เราจ ะเกดิ ค วามเอบิ อ มิ่ ค วามส บายใจ
เช่นเม่ือคืนน้ีเราได้สวดมนต์ไหว้พระ บทสุดท้ายเราก็ได้
สวดอ ทุ ศิ บ ญุ ก ศุ ลเมอื่ เราอ ทุ ศิ บ ญุ ก ศุ ลเราต อ้ งม คี วามร สู้ กึ
วา่ เราม บี ญุ เราไดท้ ำความด ไี ว้ เราพ อใจใ นค วามด ที ไ่ี ดท้ ำ
ในวนั นี้โดยการม อบความร ู้ว ิชาของเราให้เด็ก แ ละเราก ็
ตอ้ งม คี วามร สู้ กึ ว า่ พ อใจใ นค วามด ี ใ นบ ญุ ก ศุ ลท ตี่ นเองได้
ทำแ ละพอใจในบ ุญกุศลท่คี รอู ื่นๆไดท้ ำร วมทง้ั เจ้าห น้าที่
ทช่ี ว่ ยง านโรงเรยี นข องเราแ ละเราพ อใจใ นค วามต ง้ั ใจข อง
ผู้ปกครอง พ่อแม่ของเด็กท่ีมีความต้ังใจดี หวังดีต่อลูก
ต อ่ หลานเรามคี วามพ อใจในบุญ
เมอ่ื เราม คี วามร สู้ กึ ว า่ พ อใจแ ลว้ จติ เปน็ บ ญุ จ ติ เปน็
กุศล เกิดปีติสุขขึ้นมา เอิบอิ่มด้วยความซาบซ้ึงปล้ืมใจ
ในความดีท่ีตนเองทำ และที่ผู้อ่ืนทำ เม่ือเราเกิด
ความเอิบอ่ิมภูมิใจในความดีที่ตนเองและผู้อื่นทำ
เราจะมีสมบัติท่ีจะมอบให้ผู้อ่ืนได้ เพราะเรามี
กุศลเจตนาท่ีจะแบ่งความดีที่ได้ทำ ความดีที่
เราพอใจเอบิ อิม่ สบายใจแลว้ ยกความดนี ัน้ ใ หแ้ บ่งส ่วน
บุญกุศลต อ่ ครตู อ่ อาจารย์ ญ าตสิ นิทมติ รสหายแ ล้วก ็มี
ความซาบซ้ึงในจิตใจ ว่าเรามีความดีท่ีจะแบ่งให้ผู้อื่นได้
ถ้าหากว่าเราไม่ระลึกถึงความสำเร็จของตนที่ได้
อิทธิฤ ทธทิ์ ่ีนา่ ป รารถนา : ๑๕
ทำใ นวนั น ้ี เหมอื นเราไมค่ ดิ ถึงสมบตั ทิ ี่เราจะแ บ่งใ ห้ผอู้ น่ื
เมอ่ื เราจ ะแ บง่ ส มบตั ขิ องเราใหผ้ อู้ น่ื แ ลว้ เราก จ็ ะต อ้ งส ำนกึ
และคิดว่า เรามีอะไรบ้างในมือของเราท่ีจะให้ผู้อ่ืน ที่จะ
เสียสละแก่ผู้อ่ืน ที่จะทำบุญทำทานให้ผู้อื่น เราจะต้อง
สำนึกก่อนว่าเรามีอะไรบ้าง ในวันน้ีเราควรจะสำนึกว่า
เราได้ทำความดีอะไรบ้าง และควรจะสำนึกทุกวันก่อน
เราแบ่งส่วนบุญกุศลว่า เราได้ทำอะไรบ้างในวันน้ี
ท่ีเป็นประโยชน์ในโรงเรียนของเรา ในสังคมของเรา
ในโลกข องเรา เราได้เสียส ละอ ะไรบ ้างทบทวนระลกึ ถ งึ
สิ่งเหล่าน้ัน และเกิดความซาบซ้ึงปลื้มใจในการกระทำที่
สำเร็จของตนมันส ำเรจ็ แ ลว้ เราได้ทำไปแลว้
จรงิ อ ยู่ เราท ำด กี วา่ น ไี้ ด้ เราพ ฒั นาต นเองใ หด้ กี วา่ น ้ี
ได้ แตว่ า่ ที่ทำไปแลว้ มนั ส ำเรจ็ แ ลว้ เปน็ ส มบัตทิ างจติ ใจ
ของเราเป็นบ ญุ เป็นกศุ ลทเ่ี ราม ีความพ อใจในก ารกระทำ
และได้อุทิศความดีน้ันเพื่อให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญ
ดว้ ยเราต อ้ งร ะลกึ ถ งึ ส งิ่ ท ดี่ งี ามท ไ่ี ดท้ ำไว้ เพอื่ จ ะไดใ้ ห้
กำลงั ใจต่อต นเองท่จี ะท ำความด ีต่อไปแ ละให้การ
สนับสนนุ ผ ู้อ นื่ ในก ารท ำความดขี องเขาดว้ ยนแ่ี หละ
เป็นห นา้ ทขี่ องเรา
ในวันนี้อาจารย์ก็ไม่มีอะไรมากที่จะมอบให้คณะ
๑๖ : พระอาจารยญ์ าณธมฺโม
ครูและผู้ปกครอง นอกจากการให้การสนับสนุนให้
กำลังใจ ให้เรารู้จักวิธีการเอาศีรษะของเราท่ีเต็มไป
ด้วยความรู้มาสัมผัสศีรษะของเด็กที่อยู่ในการดูแล
ของเรา โดยก ารม อบส ตปิ ญั ญาข องเรา ม อบค วามรู้
ความเมตตาค วามช ว่ ยเหลอื ค วามเอน็ ดตู อ่ เดก็ น น้ั ให้
เราคิดว่าเด็กคนน้ันอาจจะเคยเป็นครู เปน็ อาจารยข์ องเรา
เรากเ็ ลยมอบดว้ ยความเคารพในดวงจติ ดวงวิญญาณน้ัน
และเราก็รวู้ ่าเดย๋ี วน ้ีเราเป็นครูเขา ตอ่ ไปเขาอาจจะเปน็ ครู
ของเราเราไดเ้ อาความรทู้ ีอ่ ยู่ในโลกน ้ี มอบใ หแ้ ก่ก ัน เพอื่
เพิม่ ความร ู้ เพมิ่ พ ระธ รรมใ นโลกน้ี
เราจะมอบหลักธรรมให้นักศึกษาเพ่ือพ้นจากทุกข์
ได้ อันน้ีจะเป็นภาพที่ควรติดอยู่ในใจของเราในการทำ
หน้าท่ี ข อให้กำลังใจสนับสนุนการสร้างศรัทธาในการ
กระทำของเราว่า มันดีแล้ว มันถูกแล้ว ท่ีเราทำมัน
ก็สมบรู ณแ์ ล้วเพราะเราได้ทำใหส้ ำเรจ็ ถงึ จดุ นี้ ท ี่จะต้อง
ทำต่อไปเราก็เอาไว้สำหรับวันข้างหน้า ท ี่จะพัฒนาให้
เจริญที่ต้องแก้ไขเร่ืองนั้นเอาไว้วันข้างหน้า วันนี้เราได้
สอนเขาจนเหนื่อยแล้ว ต้องให้กำลังใจตนเองว่า ดีแล้วๆ
ถ้าเราได้ให้กำลังใจตัวเองเรื่องการสอนทุกวันว่า
ดีแล้วๆ เราก็จะได้กลับบ้านด้วยหน้าตาย้ิมแย้ม
อิทธฤิ ทธทิ์ น่ี า่ ป รารถนา : ๑๗
แจม่ ใส เบกิ บ านไมเ่ หน่อื ยเกนิ ไปมกี ำลังใจ เวลา
กลับบ้าน เจอพ ่อแม ่ เจอสามีภรรยาเจอล ูกข อง
ตนเอง ให้มีความรู้สึกว่ามีกำลังใจจากการทำงานท่ี
เรียกว่าสัมมาชีโว การเล้ียงชีวิตที่ชอบที่ดีท่ีงามที่
สมบูรณ์
ในวันน ี้ได้ใ หข้ อ้ คดิ ธ รรมะเล็กๆน้อยๆเพื่อจะเปน็
คติ กำลงั ใ จในชวี ิตของเรา และใ นโรงเรยี นข องเราขอให้
ทุกคนมีความสุข ความเจริญ ความก้าวหน้าในคุณธรรม
ท้งั หลาย ตอนน้ีจ ะเปิดโอกาสถา้ มคี ำถามตอ่ ไป
๑๒ : พระอาจารย์ญาณธมโฺ ม
อิทธฤิ ทธ์ิท่นี ่าป รารถนา : ๑๙
ถาม : กราบนมสั การพ ระอ าจารย์ อยากจ ะทราบ
ว่าพระอาจารย์มีหลักในการเป็นครูอย่างไร สำหรับ
ตัวพระอาจารย์เอง เมือ่ สมยั ท พี่ ระอ าจารย์เป็นเจ้าอ าวาส
วัดป่าน านาชาติ หรอื ท ี่สำนกั สงฆร์ ัตนว นั
ตอบ : มีครั้งหน่ึงอาจารย์มาเทศน์ท่ีกรุงเทพฯ
ท่ีบริษัทประกันชีวิต มีการประชุมจากผู้ขายประกันชีวิต
จากทั่วโลกท้ังหมดสัก ๔๐๐ กว่าคน เมื่อเทศน์เสร็จแล้ว
มีชาวต่างชาติคนหน่ึงมาถามอาจารย์เหมือนกันว่า
เมื่ออาจารย์เป็นผู้สอน อาจารย์จะรู้ได้อย่างไรว่า
ท่านมีผลในการสอนคนอ่ืนมากน้อยแค่ไหน ท่าน
จะประเมินผลอย่างไร อาจารย์ได้ตอบไปว่าเรามีวิธีใน
การประเมินผลของตนเอง โดยพิจารณาว่าถ้าตอน
กลางคืนก่อนจะหลับ และได้กราบไหว้พระเสร็จแล้ว
อุทิศบุญกุศลแล้ว ก็สำนึกระลึกถึงการกระทำของตน
ในวันที่ผ่านไปว่า เราได้ทำให้ดีที่สุดไหม ลูกศิษย์ท่ีอยู่
ในวัดของเราได้มีความพยายามให้ดีที่สุดตามความ
สามารถของตนห รือย ัง
ถ้าเรามีความรู้สึกว่าทั้งตนเองและลูกศิษย์
ได้มีความพยายามในวันนี้อย่างดีท่ีสุดตามความสามารถ
ของตน เรามีความพอใจแล้วในการกระทำ จะให้มัน
๒๐ : พระอาจารย์ญาณธมโฺ ม
ดีกว่าน้ีไม่ได้ มันดีที่สุดที่ทำ ที่ต้ังใจทำ อันนี้แหละเป็น
วิธีการประเมินผลที่รู้สึกว่าน่าจะเอาเป็นหลักในชีวิต
ของตนว่า ในฐานะที่เป็นครู หรือฐานะท่ีเป็นมนุษย์ ใน
ฐานะท่ีเป็นชาวพุทธ เราได้ทำดีที่สุดแล้วหรือยัง ใน
วันนี้ตามความสามารถของตน แต่ไม่ใช่หมายถึงว่า
ดีท่ีสดุ คือไม่มีความผดิ พลาด บางคร้ังก็มคี วามผดิ พลาด
เหมอื นกนั แตเ่ ราได้พยายามใหด้ ที ่ีสุด
ถาม : อย่างกรณีที่ลูกศิษย์ท่ีมีความแตกต่าง
กันมาก อย่างกรณีท่ีวัดอาจจะแตกต่างกันด้วยเชื้อชาติ
แตกต่างกันด้วยอายุต่างๆ แตกต่างกันด้วยการศึกษา
ท่านมีแนวทางในการปฏิบัติต่อลูกศิษย์ท่ีแตกต่างกันหรือ
ไม่ อย่างไร
ตอบ : ที่วัดป่านานาชาติพระท่ีมาอยู่ที่นั่นหรือ
ญาติโยมที่มาร่วมกันปฏิบัติธรรมมาจากท่ัวโลก มี
ท้ังหมด ๒๐ กว่าชาติ วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน ภาษา
การศึกษา ความรู้ไม่เหมือนกัน แต่จะใกล้เคียงกันท่ีเป้า
หมายในชีวิต คืออยากจะศึกษาหลักพุทธศาสนา และ
มคี วามเช่อื ม่ัน ใ นพ ระพุทธ พระธรรม พ ระสงฆ์ และ
มีความเสยี ส ละ ตอ่ ธ รรมวนิ ยั อ นั เดยี วกนั เมอ่ื เรามหี ลัก
อย่างนี้เป็นหัวใจในการสอน การอบรมลูกศิษย์ที่มีอดีต
อิทธฤิ ทธท์ิ ่นี ่าปรารถนา : ๒๑
มภี มู หิ ลงั ทห่ี ลากหลายบางค นเรยี กว ดั น านาชาตวิ า่ เปน็ ว ดั
นานาจ ติ ต งั เพราะท กุ ค นกน็ านาจ ติ ต งั ม าจ ากห ลากห ลาย
ประสบการณไ์ มเ่ หมอื นก นั แ ตว่ า่ แ กน่ ส ารข องวดั แ กน่ ส าร
ของพระ อ ันเดียวกันท ่ีจะศกึ ษาธ รรมว ินยั ใ หเ้ ป็นจ ดุ ท่จี ะ
ทำใหบ้ รรลธุ รรมได้
เหมือนท่ีโรงเรียนของเรา เด็กๆ มาจากครอบครัว
ต่างกัน มีประสบการณ์หลากหลาย บ้านเด็กแต่ละคนก็
นานาจิตตังเหมือนกัน แต่ว่าแก่นสารของโรงเรียนท่ีจะ
ใช้หลักพุทธในการสอนให้เขามีความรู้ทางโลก เพื่อจะ
เล้ียงช วี ิตได้ให้เขาม คี วามรทู้ างธรรมท ีจ่ ะเกิดสตปิ ัญญา
ดับทุกข์ได้ ใ ห้เป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรม นี่เป็นหลักของ
โรงเรียนเราน ่แี หละถ ือว่าโชคด ี
นอ้ งส าวอ าตมาไดพ้ ดู เลน่ ว า่ เขาอ จิ ฉาครเู ราเขาเปน็
ครูใหญ่ในโรงเรียนท่ีออสเตรเลียก็ไม่มีเป้าหมายลักษณะ
อย่างน้ี ในโรงเรียนของรัฐ ครูก็มีหลายเป้าหมาย เด็กมี
ความรสู้ กึ ความน ึกคดิ ห ลายอ ย่างน านาจ ิตตังแ ตไ่ มม่ ี
เป้าหมายในการส อนเพราะไม่มีเปา้ ห มายใ นช ีวติ ส่วน
มากเป้าหมายในการสอนในโรงเรียนต่างประเทศ หรือ
โรงเรียนในประเทศไทยเรา เพื่อให้เด็กจบสอบได้ สอบ
ผ่านได้ ก็ถือว่าทำหน้าท่ีแล้ว เรียนเข้าประถม เข้าถึง
๒๒: พระอาจารยญ์ าณธมฺโม
มหาวทิ ยาลยั จบเป็นดอกเตอร์ เปน็ อนั วา่ จบการศกึ ษา
แต่ในโรงเรียนของเรา มันทวนกระแสของโลกอยู่
ในขอ้ ห นง่ึ ท วี่ า่ โรงเรยี นน มี้ เี ปา้ ห มายท ล่ี กึ ก วา่ โรงเรยี น
ทว่ั ไปมีเปา้ หมายทจี่ ะให้วิชาค วามร ู้เร่ืองชีวติ ท จี่ ะ
ทำให้ชีวิตมีความสุขที่ไม่มีโทษต่อเด็กท้ังหลาย มี
เป้าหมายท่จี ะใหว้ ิชาค วามรู้ทจ่ี ะเล้ียงช วี ิตได้และมี
เปา้ ห มายอ นั ย ง่ิ ใหญท่ จ่ี ะใหเ้ ดก็ แ ตล่ ะค นพ ฒั นาค วาม
สามารถท จ่ี ะม คี วามส ขุ ในช วี ติ ท ไ่ี มม่ โี ทษส ามารถล ะ
ทกุ ข์ได้นั่นเปน็ เป้าห มายใ หญข่ องเราเราใ ชเ้ ป้าห มายน ั้น
เปน็ ว ธิ ที จี่ ะส อนแ ละเปน็ ส ง่ิ ท ที่ ำใหเ้ ราม กี ำลงั ใ จม พี ลงั ใ น
การสอนทำให้เราม จี ดุ มุง่ หมายป ลายทางเดียวกนั เราจ ึง
มกี ำลังเพ่อื ก ารเดินท างก ันได้
หลวงพ่อชาท่านเปรียบเทียบเหมือนตะขาบมีขา
หลายขา แต่เม่ือขามีความสามัคคี มันก็ไปได้ ถ้ามีขา
ข้างหน่ึงที่ไม่สามัคคี คงยุ่งเหมือนกัน แต่เมื่อมีความ
สามัคคี พ รอ้ มเพรียงกันต ะขาบมนั ไปได้ เพราะข ามัน
สามคั คีพร้อมก ันก เ็ หมือนเราเราม เี ปา้ ห มายเดยี วกันจงึ
เปน็ กำลงั เป็นค วามสามคั คที จี่ ะท ำใหเ้ ด็กม คี วามรู้ความ
สามารถท างโลกและท างธรรมด ว้ ยม ีวิชาท่จี ะแ กป้ ัญหา
ในชีวติ เขาได้
อทิ ธิฤทธท์ิ ่ีน่าป รารถนา :๒๓
ครง้ั หน่งึ มีค นม าถามห ลวงพ ่อชาวา่ อทิ ธฤิ ทธ ์ิ
ทั้งหลาย อันไหนดีท่ีสุด น่าปรารถนาท่ีสุด เพราะ
อิทธิฤทธมิ์ ันมีห ลายอ ย่างผ ู้ฝึกสมาธเิหาะได้ เดนิ บนน ำ้
ได้ท ะลุกำแพงได้ร ้วู าระจติ ของผ ู้อนื่ ได้พ วกค รอู ยากจะ
รู้วาระจติ ข องลกู ศิษย์ไหมสมองแตกแ น่ข นาดเราได้ยิน
เสียงเขาพดู เหน็ ก ารก ระทำก ็เหนื่อยมากพ อแลว้ ถ้าร ู้
ความคดิ ข องเขาอ ีกยง่ิ ไปกนั ใ หญ่ถ้าไม่เปน็ พ ระอ รห ันต์
หวั แ ตกแ น่ อทิ ธฤิ ทธมิ์ หี ลายอ ยา่ งแ ตม่ อี ทิ ธฤิ ทธป์ิ ระเภท
หนง่ึ ท ห่ี ลวงพ อ่ ช าท า่ นต อบว า่ นา่ ป รารถนาแ ละเปน็
ประโยชนม์ ากค อื ก ารร จู้ ติ และรอู้ ปุ นสิ ยั ของผ อู้ นื่ แ ละ
สามารถสอนธรรมะท่ีตรงอุปนิสัยของเขา นี่แหละ
เป็นอิทธิฤทธิ์อภินิหารท่ีทำให้ครูอาจารย์มีกำลังมาก
มีพ ลงั มากมีผ ลม ากในก ารสอน
สำหรบั พวกเราเราจ ะเจริญค วามสามารถประเภท
นี้ไดอ้ ย่างไรก ต็ อ้ งเรียนร ู้โดยม ีสติและสมาธิ ตง้ั ใจม ่นั ใน
การศึกษาเดก็ ๆท่ีเป็นล กู ศษิ ย์ว ่าเดก็ คนนมี้ ีจรติ นิสยั แ บบ
ไหนเขามคี วามช อบและไมช่ อบอะไรเมื่อเราม คี วามรู้ใน
ลกั ษณะน นั้ เราก ็เอามาใ ชใ้ นก ารม อบความร ู้ใหเ้ ขาอ ันน้ี
จะเรยี กวา่ อ ทิ ธฤิ ทธขิ์ องค รกู ไ็ ด้ เปน็ อ ภนิ หิ ารแ บบหนงึ่ ของ
ครูท่ที ำให้เดก็ เ กิดความอ ศั จรรยข์ ้นึ มาเกดิ ค วามสามารถ
๒๔ : พระอาจารยญ์ าณธมโฺ ม
ข้นึ ม าท ่ีเหนือความส ามารถป กตธิ รรมดาข องเขาค รูที่เกง่
จะมีความสามารถแบบนี้ เพราะเป็นผู้ศึกษาเด็ก เรียนรู้
เรอื่ งเดก็ เรียนร ู้เรอ่ื งจติ แ ละมจี ิตวิทยาท ี่จะทำให้เด็กทำ
สง่ิ ท ่ีครตู ้องการใ หส้ อนใหเ้ รียนใหเ้ กดิ ความเข้าใจ
อยากให้พวกครูและผู้ปกครองเจริญอิทธิฤทธิ์
อภินิหารความสามารถแบบน้ี ไม่ต้องเหาะออกจาก
หนา้ ตา่ งตกึ แ ตใ่ หม้ สี ตปิ ญั ญาในก ารศ กึ ษาล กู ศ ษิ ยข์ องเรา
ว่าเขาช อบและไมช่ อบอะไร เขาส นใจอ ะไร เราจะใ ห้เขา
เกดิ ค วามเขา้ ใจในว ชิ าข องเราท อี่ ยากจ ะม อบใ หเ้ ขาด ว้ ยว ธิ ี
ไหนอภินิหารน เ้ี ป็นอ ภินิหารท ม่ี ผี ลม ากม ีอานสิ งส์มาก
ครูและอาจารย์ท้ังหลายท่ีมีอภินิหารน้ีสามารถท่ีจะสอน
ลูกศิษย์ได้มาก เป็นเหตุท่ีพระพุทธเจ้า เม่ือเวลาลูกศิษย์
มาหาท ่านท รงส อนไมก่ คี่ ำล กู ศษิ ย์บรรลุเป็นพ ระอรหนั ต์
เพราะพระองค์รู้อุปนิสัยของลูกศิษย์ เขาชอบแบบไหนมี
อคติ ความล ำเอยี งแ บบไหนมจี รติ ป ระเภทใดเปน็ แบบโทสะ
โมหะ หรือโลภะ ท่านจะสอนธรรมะอันไหนท่ีเหมาะสม
กับเขาท ่ีทำให้เขาสนใจและตรัสรธู้ รรมได้
เราอ ยโู่ รงเรยี นพ ทุ ธเราก ต็ อ้ งศ กึ ษาจ ากพ ระพทุ ธเจา้
ตอ้ งศ กึ ษาจ ดจอ้ งด วู า่ ล กู ศ ษิ ยค์ นน ม้ี จี รติ แ บบไหนอ าตมา
อยู่วัดป่านานาชาติ ก็ต้องศึกษาลูกศิษย์ว่า ถ้าเราสอน
อทิ ธิฤทธท์ิ ี่น่าป รารถนา : ๒๕
แบบน้ี ล กู ศ ษิ ย์ม ปี ฏิกิริยาอ ย่างไรเชน่ อาตมาจะส อนชาว
ต่างชาติเหมือนพระอีสานสอนพระอีสานก็ไม่ได้ เป็น
วิชาที่ตรงกันข้าม เช่น หลวงพ่อชาท่านเคยดุว่าลูกศิษย์
ตรงๆเวลาท า่ นส อนพระอสี านท ่านดุเพราะทา่ นก็สบายๆ
ย่ิงดุเขาย่ิงเคารพ แต่เวลาท่านสอนพระต่างชาติจะต่าง
กันมาก ท่านจะย้ิมแย้มแจ่มใสเบิกบาน ใจดี เพราะว่า
พระต่างชาติจะเครียด ถ้าเห็นรูปภาพหลวงพ่อชาเวลา
เขาถ่ายภาพท่ีอยู่ที่วัดหนองป่าพง ท ่านจะน่ังขรึมทำ
สมาธิหน้าข รึมเลย แ ตเ่ วลาเราเหน็ ภาพตอนท่านไปตา่ ง
ประเทศ หน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานคือท่านรู้ว่าเร่ือง
แบบน้เี ปน็ จ ติ วทิ ยาท่านฉ ลาดมาก
ตอนที่อาจารย์ปภากโรที่เป็นพระอุปัฏฐากของ
หลวงพ่อชา พาท่านไปประเทศสหรัฐอเมริกา เม่ือท่าน
ไปถึงสหรัฐฯแ ตก่ อ่ นห ลวงพ อ่ ชาไม่เคยด ูโทรทศั น์ พ อไป
ถึงสหรัฐฯ ท่านให้พระเปิดโทรทัศน์ ท่านน่ังดูหนังฝรั่งอยู่
พกั หนง่ึ บอกว า่ ย งั ไมอ่ ยากจ ะพ บญ าตโิ ยม ไมอ่ ยากไปไหน
ทา่ นน ง่ั ด หู นงั ฝ รงั่ ทา่ นฟ งั ไมร่ เู้ รอ่ื งไมเ่ ขา้ ใจแ ตท่ า่ นน งั่ จ อ้ ง
อยอู่ ยา่ งน น้ั พ ระล กู ศ ษิ ยก์ ง็ งเหมอื นก นั ว า่ เอ! ห ลวงพ อ่ ม า
เย่ียมต ่างป ระเทศม าเยยี่ มครูมาสอนชาวต่างชาติ หรือ
ทา่ นม าน งั่ ด หู นงั ฝ รง่ั ห รอื เปลา่ ห นอด ไู ปด มู ากป็ ดิ ไมด่ อู กี
๒๖ : พระอาจารย์ญาณธมฺโม
เอาละ่ ต อนนี้ไปเรียกญ าตโิ ยมเข้าม าพบไดแ้ ลว้
ท่านใช้เวลาศึกษาฝร่ังจากโทรทัศน์ หลังจากนั้น
ท่านใช้วิธีการสอน ท่านได้วิชาความรู้จากหนังท่ีท่านดู
สว่ นมากหนงั ต า่ งๆมนั จะเปน็ การแสดงอารมณ์ต่างๆคอื
เราดูหนงั ส่วนมากมันโอเวอร์ตลอดเวลาร้องไห้ก็ร้องไห้
โอเวอร์ เวลาโกรธก โ็ กรธโอเวอร์ ท ำอ ะไรโอเวอรเ์ กนิ ต ลอด
มนั จ งึ ท ำใหน้ า่ ส นใจ ท เ่ี ราไปต ดิ ห นงั เพราะม นั โอเวอรเ์ กนิ
มันรกั ๆ โอเวอรเ์ กนิ มนั เกล ียดๆโอเวอรเ์ กินมนั เกนิ ไป
หลวงพ่อชาท่านเอาความเกินไปของเขา เป็นการ
เรียนรู้อุปนิสัยของชาวต่างชาติ เม่ือท่านเรียนรู้จาก
การดูหนัง ท่านเอาไปสอนก็ได้ผลจริงๆ น่ีแหละเรียกว่า
ห ลวงพ่อไปเมอื งนอกทา่ นไม่ได้คิดวา่ ผ มรู้หมดแลว้ วา่
เขาเป็นอย่างไร แต่ท่านศึกษาดูเขาก่อน ว่าญาติโยมท่ีนี่
จะต อ้ งส อนแ บบไหนเรยี กว า่ ผ ใู้ ชส้ ตปิ ญั ญาเรยี นร ลู้ กู ศ ษิ ย์
ก่อน และระบบในการระงับความโอเวอร์ ความเกินเลย
ของชาวต่างชาติ น่ีแหละคือความชาญฉลาดของครูบา
อาจารย์ แสดงถึงความสามารถข องครู อ าจารย์สมชอื่ วา่
เปน็ อ าจารย์ ไมใ่ ชว่ า่ ท า่ นค ดิ ว า่ ร หู้ มดแ ลว้ ท า่ นศ กึ ษาก อ่ น
จงึ ม าส อนได้ พ วกเราก ต็ อ้ งศ กึ ษาล กู ศ ษิ ยข์ องเราเพอ่ื จ ะได้
มีอบุ ายใ นการส อนทไ่ีด้ผลตอ่ ไป
๒๑
::พพรระะออาาจจาารรยยญ์ ญ์ าาณณธธมมโฺ โฺมม
หัดยมิ้ ในใจ :
หดั ยม้ิ ในใจ
ตอ่ จ ากน ไ้ี ปใหเ้ ตรยี มต วั ฟ งั อ าจารย์ต อนเชา้ อ าจารย์
จะพ ดู ว า่ Goodm orning คำว า่ Goodm orningเปน็ ภ าษา
องั กฤษสวัสดตี อนเช้าท ุกคนA reyouh appy? เขา้ ใจ
ไหมม คี วามส ขุ ไหมA rey ouh appy? ว นั น ท้ี กุ ค นไดเ้ ขา้
มาในโรงเรยี นของเราเพ่อื พบกัลยาณมิตรก ลั ยาณมิตร
ค อื ใครค อื ค รู อ าจารย์ เปน็ ก ลั ยาณมติ รเพอ่ื นในห อ้ งเรยี น
เป็นกัลยาณมิตร กัลยาณมิตรหมายถึงว่าเป็นเพื่อนท่ีดี
เป็นผทู้ ่ใี ห้ความรู้ เป็นมติ รเปน็ ผมู้ เี มตตากรุณาต ่อเรา
ในวันน้ีอาจารย์ได้เอาธรรมะมาให้เรา เพ่ือจะได้
มีข้อคิดท่ีดีในวันน้ี เพื่อให้มีความสุข ความสบาย ให้
จิตใจของเรามีความยิ้มแย้มอยู่ภายในใจของเรา เคย
ยิ้มในใจไหม เวลาเราย้ิมข้างนอก ต้องย้ิมในจิตใจก่อน
ถ้าจิตใจเบิกบาน จิตใจสบาย จิตใจมีความสุข ทำให้
๓๐ : พระอาจารยญ์ าณธมโฺ ม
หน้าตาของเราย้ิมแย้มแจ่มใสเบิกบาน ถ้าจิตใจไม่สบาย
ไม่มคี วามส ุขหงุดหงิดทำใหห้ นา้ ตาเศร้าห มอง เราต้อง
ทำให้จิตใจเบิกบาน จิตใจสบาย จิตใจมีความสุขมากๆ
จะทำให้เรามีความส ขุ ความส บายภายนอกดว้ ย
เคยได้ยินไหมภาษิตที่ว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่
ในใจของเรา คือถ้าเราคิดอะไรไม่ดี ทำให้ทุกข์ ทำให้ไม่
สบาย ถ า้ เราค ดิ อ ะไรท ดี่ กี ท็ ำใหส้ บายเหมอื นเราขนึ้ ส วรรค์
พวกเราเคยเหน็ ก าร์ตนู ไหม เรื่องซ ามูไรรู้จกั ซามไู รไหม
ซามูไรคืออะไรซามูไรเป็นทหารญี่ปุ่นสมัยก่อน เคยเห็น
ไหมเดีย๋ วจ ะเลา่ นิทานเร่อื งซามูไรใ จโหดให้ฟ ัง
สมยั ก่อนม ซี ามูไรค นห น่งึ เปน็ ซามไู รร ะดบั พ ลเอก
ท่านเป็นหัวหน้าทหารคุมซามูไร ซามูไรเขาต้องมีอะไร
เขาต้องมีดาบยาวๆและต้องมีมีดด้วยมีดสั้น ซามูไร
ใจโหดค นน ้ี เคยเขา้ ไปใ นสนามรบเคยส ู้เคยฟ นั เคยแ ทง
กนั ต อนแ กต่ วั เรม่ิ ส งสยั ว า่ นรกม จี รงิ ส วรรคม์ จี รงิ ห รอื เปลา่
เพราะเรม่ิ ก ลวั ถ า้ ต ายแ ลว้ เราท ำบาปเยอะอ าจจ ะไปน รก
ถา้ เราท ำบญุ ม ากอาจจ ะม โี อกาสข นึ้ ส วรรค์ ซามไู รใ จโหด
เรม่ิ สงสัยน รกมจี ริงสวรรคม์ ีจริงห รอื ไม่ ต ดั สินใ จจ ะไป
หาหลวงพอ่ ท่วี ัดไปถามหลวงพอ่ วา่ นร กมจี รงิ ไหมสวรรค์
มจี ริงไหมวนั น ้ันซ ามูไรก ไ็ ปถึงวัด
หัดย ม้ิ ในใจ : ๓๑
เวลาคนเข้ามาในวัดเข้ามาในโบสถ์ต้องทำอะไร
ตอ้ งถ อดร องเทา้ ท กุ ค นถ อดร องเทา้ ถ อดห มวกแ ละต อ้ งเอา
อาวธุ ท่ีอยูใ่ นตัวอ อกม าเช่นเวลาคนเขา้ ไปใ นโบสถส์ มัยน้ี
ถ้าตำรวจทหารเข้าไปในโบสถ์ท่ีวัดของอาจารย์ เขาถอด
รองเท้าบทู๊ แล้วก ็ถอดหมวกและเอาอาวุธไวข้ า้ งน อก
ซามูไรใจโหดคนน้ีเข้าไปหาหลวงพ่อที่วัด แต่เวลา
เข้าในโบสถ์ไม่ได้ถอดรองเท้า ไม่ถอดหมวก และไม่ถอด
อาวุธดาบกับมีดไว้ เตรียมพร้อมตลอดเวลาท่ีจะเป็น
นักต่อสู้ คนที่เข้าไปในวัด ปกติต้องกราบครูบาอาจารย์
เหมอื นเราท ไี่ ดก้ ราบอ าจารยเ์ มอ่ื ก นี้ ี้ แสดงค วามเคารพ แต่
ซามไู รใจโหดเหน็ ห ลวงพ อ่ แ ลว้ ไมย่ อมก ราบ ก ลบั พ ดู ข นึ้ ม า
ทันทีว่าห ลวงพ่อน รกม จี รงิ ไหมส วรรคม์ จี รงิ หรอื เปลา่
หลวงพ่อเป็นพระเซน ท่านเป็นผู้มีสติปัญญา
ท่านมองดูซามูไรใจโหดท่ียังถือดาบถือมีดอยู่ ท่านพูด
ว่าใครเป็นผู้ถามซามูไรบอกว่าฉันเอง ฉันเป็นซามูไร
เป็นทหารเอกของพระจักรพรรดิ หลวงพ่อจึงถามว่าเป็น
ทหารซ ามไู รไดย้ งั ไงห นา้ ตาข รี้ า้ ยอ ยา่ งน ี้ อ า้ วม าว า่ ซ ามไู ร
ซามูไรกเ็ ลยโกรธจับดาบไว้ หลวงพ่อบ อกวา่ ซามูไรจะ
ทำอะไร ดาบน้ันตัดอะไรไม่ได้ แม้แต่แตงโมก็ตัดไม่ได้
ซามไู รย่งิ โมโหดงึ ดาบอ อกจะต ัดห วั ห ลวงพอ่ ใจโหดจรงิ ๆ
๓๒ : พระอาจารย์ญาณธมฺโม
จะต ดั ห วั ห ลวงพ อ่ เลยเพราะโกรธท ห่ี ลวงพ อ่ ว า่ ด าบม นั ไม่
คมตัดแตงโมไมไ่ ด้ กเ็ ลยจะส บั หวั ห ลวงพ่อแ ทน
หลวงพ่อช้ีหน้าซามูไร บ อกว่าเด๋ียวน้ีซามูไร
อยู่ในนรกแล้ว ซามูไรก็เกิดความรู้สึก ใ ช่ เราอยู่บ่อ
นรกแล้วเพราะจิตใจกำลังร้อนเป็นไฟจิตใจโกรธ โมโห
ไมพ่ อใจห ลวงพ อ่ ความโกรธค วามโมโหทำใหใ้ จรอ้ นเปน็
ไฟกำลงั เป็นทุกข์ ก็เลยเอาดาบวางลงลงมือกราบเทา้
หลวงพ่อ หลวงพ่อจึงบอกซามูไรว่าเด๋ียวน้ีเข้าถึงประตู
สวรรคแ์ ลว้ เพราะม คี วามอ อ่ นนอ้ มม คี วามย นิ ดที จ่ี ะก ราบ
ไหว้บูชาผู้ที่ควรกราบไหว้บูชา ซามูไรเกิดความเข้าใจว่า
นรกค อื อ ะไรส วรรคค์ อื อ ะไรน รกอ ยทู่ ไี่ หนส วรรคอ์ ยทู่ ไี่ หน
พวกเราฟังแล้วเข้าใจไหม นรกอยู่ท่ีไหน อยู่ท่ีใจ
สวรรค์อยู่ท่ไี หนเวลาเราโกรธเวลาโมโหเวลาห งดุ หงิด
แสดงว า่ ต กน รกเวลาเราม คี วามอ อ่ นนอ้ มม กี ารก ราบไหว้
มีเมตตาใจเราข น้ึ ส วรรคแ์ ล้วเราต ้องจำไว้เวลาเราอ ยูท่ ี่
โรงเรียนม ีนรกไหมท โี่รงเรยี นท อสีม ีอ ยทู่ ่ีไหนอ ยู่ที่น ่ี
มีสวรรค์ไหมท ี่โรงเรียนท อส ี มี อยู่ทีไ่ หนอยู่ทน่ี ่ี อยูก่ ับ
เราต ลอดเวลาเวลาเราเหน็ ต นเองไมส่ บายใจไมย่ ม้ิ ใ นใ จ
ตอ้ งเตอื นด ว้ ยส ตวิ า่ ร ะวงั บ อ่ นร กเหมอื นซ ามไู รแ ละเวลา
เกดิ ค วามเมตตาค วามย มิ้ แ ยม้ แ จม่ ใสเบกิ บ านต อ้ งเตอื น
หัดย ม้ิ ในใจ : ๓๓
ตวั เองด ้วยสติว่าเราขนึ้ ส วรรคแ์ ลว้ ข ้ึนสวรรค์แลว้ ดแี ลว้
เหมือนซามูไร ต้ังใจว่าเราจะไม่เป็นซามูไรใจโหด เราจะ
เปน็ ซามูไรใ จดีซามูไรใ จพ ระใ ชไ่ หมซามไู รใจพระทำให้
ใจย ิ้มแยม้ แ จ่มใสเบิกบาน
วันนี้ อาจารย์เล่านิทานเรื่องซามูไรให้ฟัง ขอให้
เด็กๆจดจำไว้ นรกอยู่กับเรา สวรรค์อยู่กับเรา
ความดีอยู่กับเรา ความทุกข์อยู่กับเรา วันนี้เรา
ได้ทำบุญแล้ว ได้ไหว้พระสวดมนต์ ฟังเทศน์ ฟังธรรม
อันนี้แหละเรียกว่าขึ้นสวรรค์แล้ว ดีสำหรับทุกคน
อาจารย์จะจบการเทศน์โดยการให้พร ให้ทุกคนต้ังใจ
รับพร เพ่ือขึ้นสวรรค์ เป็นซามูไรตัวน้อยขึ้นสวรรค์
ตั้งใจต ่อไป
พระอ าจ ารย์ญาณธ มโฺ ม
ประวตั ิ ชอื่ เดมิ ฟ ลิ ล ปิ จ อหน์ โรเบริ ต์ เกดิ ท เ่ี มอื ง อเดเลด
ประเทศออสเตรเลยี เดมิ เป็นอ าจารย์สอนว ชิ า
ชวี วทิ ยาแ ตเ่ พราะค วามบ งั เอญิ ไดร้ จู้ กั พ ระพทุ ธ
ศาสนา แล้วเกิดความสนใจและเลื่อมใสใน
พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จึงได้ถวาย
ตัวเป็นผ้าขาวที่วัดป่าพุทธธรรม เมืองซิดนีย์
ประเทศออสเตรเลยี
พ.ศ.๒ ๕๒๑ เดนิ ท างเขา้ ม าในป ระเทศไทยเปน็ ค รง้ั แ รกโดยม ี
ความต ้ังใจมาบ วชใ นพระพทุ ธศ าสนาต ามคำ
แนะนำของพระอาจารย์ขันติพาโล เจ้าอาวาส
วัดป่าพุทธธรรมในขณะนั้น โดยได้บรรพชา
เป็นสามเณรกับสมเด็จพระญาณสังวร ที่วัด
บวรนเิ วศนว์ หิ ารจ ากน นั้ เดนิ ท างไปป ฏบิ ตั ธิ รรม
กับพระอาจารย์ฟัก สันติธัมโม ท่ีวัดเขาน้อย
(ส ามผาน)จงั หวัดจ ันทบุรี
พ .ศ .๒ ๕๒๓ อุปสมบทและจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง
จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระโพธิญาณเถร
(หลวงพ่อชา สุภัทโท) เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากนั้นได้ธุดงค์และจำพรรษาตามวัด
สาขาของวัดหนองป่าพงเป็นเวลา๕ปีและ
ธดุ งค์วิเวกไปทางภ าคเหนอื เป็นเวลาหลายปี
พ .ศ.๒๕๓๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ และเผยแผ่
พระพุทธศาสนาให้แก่ชาวต่างประเทศที่
สนใจ โดยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่
เป ็น ร อ ง เ จ ้า อ า ว า ส ท ่ีว ัด ป ่า โ พ ธ ิญ า ณ เมอื ง
เพิร์ธประเทศออสเตรเลียเป็นร ะยะเวลา๘ ปี
พ .ศ.๒๕๔๕ - เป็นเจ้าอ าวาสว ัดป า่ นานาชาติ จังหวดั อ บุ ล-
๒๕๕๐ ราชธานี
ปจั จบุ นั เปน็ เจา้ อาวาสสำนักสงฆ์รัตนวนั